ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

EMPLOYMENT CHANGE S.A.

Actual: -15.4KCons.: 5.0KPrevious:  48.2KRevised from 46.2K

 

The Employment Change released by the Australian Bureau of Statistics is a measure of the change in the number of employed people in Australia. Generally speaking, a rise in this indicator has positive implications for consumer spending which stimulates economic growth. Therefore, a high reading is seen as positive (or bullish) for the AUD, while a low reading is seen as negative (or bearish).

 

UNEMPLOYMENT RATE S.A.

Actual: 5.2%Cons.: 5.2%Previous:  5.1%

 

The Unemployment Rate release by the Australian Bureau of Statistics is the number of unemployed workers divided by the total civilian labor force. If the rate hikes, indicates a lack of expansion within the Australian labor market. As a result, a rise leads to weaken the Australian economy. A decrease of the figure is seen as positive (or bullish) for the AUD, while an increase is seen as negative (or bearish).

 

Australia: Unemployment rate up 5.2%; 15,400 fewer jobs

Thu, Mar 08 2012, 00:38 GMT | FXstreet.com

 

FXstreet.com (San Francisco) - As expected by surveyed economists, the Australian Unemployment Rate climbed to a seasonally adjusted 5.2% in February from 5.1% in the previous month, the Australian Bureau of Statistics (ABS) reported Thursday. ออกมาตามคาด อัตราคนว่างงานในออสเตรเลียปรับเพิ่มเป็น 5.2% ในเดือนกุมภาฯ จาก 5.1% ในเดือนมกราคม

 

From the ABS: “The unemployment rate increased 0.1 pts to 5.2%,” as “Employment decreased 15,400 (0.1%) to 11,444,000. Full-time employment was steady at 8,063,600 and part-time employment decreased 15,400 persons to 3,380,400.”

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำตลาดสหรัฐปิดตลาดทะยานขึ้น 11.80 ดอลลาร์หลังมีข่าวเฟดคิดซื้อพันธบัตรประเภทใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัว

 

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดทะยานขึ้นเมื่อวันพุธ (7 มี.ค.) หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังพิจารณาเรื่องโครงการซื้อพันธบัตรประเภทใหม่ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำที่ตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 11.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,683.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1685.8 - 1675.5 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันทื่ 8 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ เฮียนายห้างฯ คุณ เด็กขายของ คุณ nuchaba คุณ ปุยเมฆ คุณ NongRee คุณ GB2514 คุณ Raty คุณ Mr.Li คุณ Aiya คุณfoo คุณ พลอยสีสวย คุณ ต้องกล้า(เกี้ยมอี๋) คุณ พวงชมพู คุณ Racha คุณ arthas คุณ กระต่ายทอง คุณ ขาใหม่ คุณ Jumbo A คุณ nene81 คุณ modtanoiy คุณ kimenyi คุณ Kero. Kero คุณ noijaa คุณ kaykee คุณ ท่านตี๋ คุณ แมวหลวง คุณ Pasaya คุณ nufirst คุณ ดาวเหนือ คุณ noonoon_ja คุณ Madee คุณ khaiped คุณ forgame และทุกๆท่านครับ

 

วันนี้ไม่คิดอะไรมากครับ 169X ยืนอยู่ไปต่อที่ 1700 ครับ ยืนให้อยู่ก็พอ ขอแค่นี้ครับ ถ้าเกินกว่านั้น ถือว่าเป็นโบนัสจากพระเจ้า อิอิ เดาว่าน่าจะทำได้ตามนั้นนะครับ :047 แต่ถ้าหลุดลงไปต่ำกว่า 1675 อีกรอบ :21 หรือร้ายสุดหลุด 1670 ก็บอกลาชาว ดาวอังคาร ได้เลย กว่าจะไปถึงคงอีกนานครับ

 

เดาแบบเชียร์ว่า วันนี้น่าจะมีแรงยืน 1700 นะครับ(ขอเถอะนะ)

 

ปล. สำหรับท่านที่ติดดอยนานๆ มีคำกล่าวจากผุ้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่า ทีเอาเงินไปซื้อ พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง 4-5 ปีรอได้ ดอกก็ไม่มากพอสมควร อันนี้ยังไม่ถึงปี และอาจจะได้ดอกมากกว่า แกชิวๆ ครับ แต่บอกว่า ถ้ามาเร็วๆก็ดี มันหนาว :065

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี โดยเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศมากขึ้นผ่านเงินอุดหนุนโครงการด้านสังคมและกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เป็นการส่งสัญญาณว่าจีนต้องการการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุลและยั่งยืน

 

ในการแถลงเปิดประชุมสภาประจำปี 2555 นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่าจีนตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ไว้ที่ 7.5% หลังจากคงเป้าหมายอัตราการเติบโตไว้ที่ 8% มาเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้รัฐบาลเตรียมเพิ่มความช่วยเหลือและสิทธิประโยชน์ให้กับภาคส่วนต่างๆ อาทิ การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ให้เงินอุดหนุนจำนวนมากในด้านการศึกษาและเกษตรกรรม เพิ่มวงเงินกู้แก่ภาคธุรกิจเอกชน และเพิ่มความช่วยเหลือผู้ส่งออกที่ประสบปัญหา อีกทั้งขอให้มีการเพิ่มวันหยุดแก่พนักงานและขยายการให้สินเชื่อแก่ผู้บริโภค

 

นายเหวินกล่าวว่า เป้าหมายของมาตรการต่างๆ เหล่านี้ คือช่วยจีนให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนผ่านในช่วงที่ประเทศเปลี่ยนมาอาศัยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจจากภายในมากขึ้น ในยามที่ตลาดส่งออกหลักในยุโรปและสหรัฐอเมริกาประสบปัญหา "ในระดับโลก เส้นทางสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะยากลำบาก สำหรับภายในประเทศ มีความเร่งด่วนแต่ก็ยากขึ้นในการแก้ปัญหาโครงสร้างและบรรเทาปัญหาของการพัฒนาที่ไม่สมดุล ไม่ประสานความร่วมมือกัน และไม่ยั่งยืน" นายเหวินกล่าวต่อสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติ หรือเอ็นพีซี

 

นายเหวินเน้นย้ำด้วยว่ารัฐบาลจะคงดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างรอบคอบและใช้นโยบายการคลังเชิงรุก อีกทั้งจะเดินหน้าปรับปรุงกลไกในการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และรักษาอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและสมดุล

 

เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล วิเคราะห์ว่า การปรับเปลี่ยนเป้าหมายในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้นำจีนมีความพึงพอใจกับการเติบโตที่ช้าลง และไม่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนของรัฐเพิ่มเติมเหมือนที่เคยทำในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งมีความคิดที่จะเปลี่ยนทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจจากที่มีการส่งออกเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ซึ่งผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจีนรับมือกับช่วงการเปลี่ยนผ่านได้ดีแค่ไหน โดยคู่ค้าของจีนจะได้รับผลกระทบในรูปแบบต่างกันไป

 

การชะลอการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การผลิตพลังงาน และการส่งออกอาจจะหมายถึงการชะลอตัวลงของการนำเข้าเหล็ก คอนกรีต น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ด้วย ซึ่งมีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อบราซิล ประเทศผู้ค้าน้ำมันในตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และประเทศที่ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญอื่นๆ

 

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงจะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ทั้งในและต่างประเทศ โดยจีนที่เศรษฐกิจพึ่งพาการใช้จ่ายของผู้บริโภคมากขึ้นอาจจะก่อให้เกิดมลพิษน้อยลง ลดความกังวลของประชาคมโลกในเรื่องสิ่งแวดล้อม และสร้างงานได้มากขึ้น นอกจากนี้อาจจะเป็นการช่วยเพิ่มการนำเข้าซอฟต์แวร์ อุตสาหกรรมบันเทิง การท่องเที่ยว และสินค้าและบริการด้านเทคโนโลยีที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ยุโรป และประเทศร่ำรวยอื่นๆ

 

แม้ว่าจีนจะตั้งเป้าการเติบโตที่ 8% มาตั้งแต่ปี 2548 แต่ตัวเลขดังกล่าวมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์มากกว่า ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาการเติบโตที่แท้จริงของเศรษฐกิจจีนอยู่ในระดับเฉลี่ย 10.9% ต่อปี โดยในปี 2554 เศรษฐกิจจีนขยายตัว 9.2% กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะเติบโต 8.2% ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจจะเติบโตประมาณ 8-8.5%

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,720    8-10  มีนาคม  พ.ศ. 2555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประกาศครั้งที่ 1 09:30:00 ราคารับซื้อ 24400 ราคาขาย 24500 อ้างอิง Spot 1685.00 ค่าเงินบาท 30.68 ปรับลด -200 อ้างอิงตัวเลขจากวันอังคาร

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.66/68 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวันอังคารที่ระดับ 30.73/75 บาท/ดอลลาร์

 

"(เงินบาท)ปรับตัวแข็งค่า วันนี้น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ตลาดยังรอดูเรื่องท่าทีภาคเอกชนของกรีซเกี่ยวกับเงื่อนไขการประมูลพันธบัตรที่ยังไม่ยอมรับเงื่อนไขการตัดทิ้งหนี้เสียไปราว 50% แต่เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันนี้ ขณะที่สหรัฐมีข่าวเรื่องทางการจะออกมาซื้อพันธบัตร ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ QE3 ส่งผลให้เงินดอลลาร์ไม่ปรับตัวแข็งค่าเท่าที่ควร ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นเรื่องเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศที่สำคัญ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 81.21/24 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับ 80.89/93 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3135/3140 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับ 1.3172/3174 ดอลลาร์/ยูโร

 

นักบริหารเงิน ประเมินทิศทางค่าเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.60-30.75 บาท/ดอลลาร์

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 8 มีนาคม 2555)

 

 

ค่าเงินปัจจุบัน. 30.649

-0.082 (-0.27%)

 02:29 GMT - Real-time Data (Disclaimer)

 

การประกาศราคาวันนี้ ก็เป็นบทเรียนสอนใจอย่างหนึ่งว่า " ดูซิ วันนี้ ตั้งราคาแบบเป็นธรรมก็ได้ แต่ทำไมที่ผ่านมา ถึงไม่ทำ มีเหตุผลอะไร "

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นระหว่างการซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์วันนี้ ท่ามกลางความกังวลกรณีความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกกรณีโครงการนิวเคลียร์ โดยราคาน้ำมันดิบไลท์ สวีต นิวยอร์ค นัดส่งมอบเดือนเมษายน ขยับเพิ่มขึ้น 40 เซนต์ เคลื่อนไหวอยู่ที่บาร์เรลละ 105 ดอลลาร์ 10 เซนต์ ส่วนเบรนท์ ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน บวกขึ้น 50 เซนต์ ซื้อขายอยู่ที่บาร์เรลละ 122 ดอลลาร์ กับอีก 48 เซนต์ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ตลาดน้ำมัน มองว่าปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน จะยังคงเป็นปัจจัยหลักกดดันราคาน้ำมันโลกต่อไป แม้จะเริ่มมีสัญญาณว่าอิหร่านอาจยอมกลับสู่โต๊ะเจรจาร่วมกับชาติตะวันตก ก็ตาม

 

 

 

มีข่าวดีราคาน้ำมันขายปลีกอาจปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนเศษ หากราคาน้ำมันโลกยังดิ่งลงต่อเนื่อง ด้านกระทรวงพลังงานประชุมเข้มในวันนี้ก่อนประชุม กบง.วันพรุ่งนี้เพื่อเตรียมปรับขึ้นราคาก๊าซรถยนต์และน้ำมันกลุ่มเบนซินตามแผนเดิม

 

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากราคาน้ำมันสิงคโปร์ที่ไทยใช้อ้างอิงปรับลดลงตามน้ำมันสหรัฐที่ลดลงแรงกว่า 2 ดอลลาร์ ก็จะส่งผลให้ราคาขายปลีกของไทยปรับลดลงในช่วง 2-3 วันนี้ได้ จากที่ค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยขณะนี้อยู่ที่ 1.40 บาท/ลิตร  แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยในปีนี้ จะไม่ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นั่นหมายถึงราคายังคงสูง คนไทยคงต้องรับมือพลังงานแพงต่อเนื่องทั้งน้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้า โดยเฉพาะในส่วนของก๊าซหุงต้มราคาสูงกว่า 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งหากมีการขยับขึ้นราคาภาคครัวเรือนตามแผนของรัฐบาลก็เป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่คงต้องทยอยขึ้นเพื่อลดผลกระทบค่าครองชีพ

 

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ในวันนี้กระทรวงพลังงานได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมความเห็นก่อนที่จะประชุม คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานหรือ กบง.ในวันพรุ่งนี้ โดยที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า กบง.จะเห็นชอบให้มีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานรอบที่ 3 ตามมติ ครม.ส่งผลให้วันที่ 16 มีนาคมนี้ ราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์จะปรับขึ้นอีก 1.07  บาท/ลิตร ราคาเอ็นจีวีขึ้นอีก 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม และราคาแอลพีจีขึ้นอีก 41 สตางค์ต่อลิตร  อย่างไรก็ตามในส่วนของแก๊สโซฮอล์ อาจจะพิจารณาไม่ปรับขึ้นราคาเพื่อทำให้มีส่วนต่างกับเบนซินสูงขึ้นจูงใจให้คนใช้แก๊สโซฮอล์มากขึ้น  นอกจากนี้จะมีการขยายวงเงินกู้ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มจาก 1หมื่นล้านเป็นไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท หลังจากที่เงินกองทุนขาดทุนไปแล้ว 2 หมื่นล้านและมีการกู้ไปแล้ว 6 พันล้านบาท  โดยเงินกองทุนน้ำมันส่วนใหญ่เป็นการอุดหนุนราคาแอลพีจี

 

ในขณะเดียวกันวันพรุ่งนี้ทางกระทรวงพลังงานจะร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่นจะแถลงความพร้อมในกรณีหากอิหร่านมีการปิดช่องแคบฮอร์มุสจนกระทบต่อการขนส่งน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย (วันทื่ 7 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โฟกัสแนวโน้มศก.สหรัฐ-ยุโรป-เอเชีย (08/03/2555)

ภาคบริการสหรัฐเดือนก.พ.โตสูงสุดรอบ 1 ปีสวนทางแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป ส่วนภาคบริการของเอเชียเดือนเดียวกันเติบโตอย่างรวดเร็ว

 

 

ภาคบริการของสหรัฐขยายตัวในอัตราสูงที่สุดในรอบ 1 ปีในเดือนก.พ.สวนทางสัญญาณบ่งชี้ ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป ขณะที่จีนปรับลดเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปีนี้ ลงสู่ระดับ 7.5 % ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี

 

การพุ่งขึ้นของภาคบริการสหรัฐช่วยหนุนกิจกรรมภาคเอกชนทั่วโลกให้ขยายตัวในเดือนก.พ.ในอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 1 ปี โดยบริษัทเจพีมอร์แกน เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตรวมทั่วโลกทะยานขึ้นสู่ 55.5 ในเดือนก.พ. จาก 54.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งตัวเลขที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ามีการขยายตัว

 

อย่างไรก็ดี การเติบโตนี้มาพร้อมกับต้นทุนด้วยเช่นกัน โดยราคาสินค้าทะยานขึ้นในอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2554 ขณะที่ได้รับแรงกระตุ้นจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันและต้นทุนในการขนส่ง

 

นายทอม พอร์เซลลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐของบริษัทอาร์บีซี แคปิตัล มาร์เก็ตส์ ให้ความเห็นว่า ถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจในระยะนี้ อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ แต่นักลงทุนก็ยังคงใช้ความระมัดระวัง เพราะเราอยู่ในภาวะแวดล้อมที่การคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆมีความเกี่ยวข้องกันเป็นอย่างมาก

 

สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ไอเอสเอ็ม) ของสหรัฐรายงานว่า บริษัทในภาคบริการ ซึ่งครองสัดส่วนสูงกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐเติบโตขึ้นในเดือนก.พ.ในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2554 โดยดัชนีภาคบริการเพิ่มขึ้น 0.5 จุด สู่ระดับ 57.3 ในเดือน ก.พ. สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 56.1 และเพิ่มขึ้นจาก 56.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขนี้สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่อัตราราว 2.0 % ต่อปี

 

นายแซม วอร์ดเวล นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทไพโอเนียร์ อินเวสท์เมนท์ กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเกือบทั้งหมดบ่งชี้ว่ามีความแข็งแกร่งในเชิงพื้นฐานในตลาดแรงงาน และตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้รับแรงหนุนในทางบวกและสามารถสร้างแรงหนุนนี้ได้เอง

 

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ในยุโรป แตกต่างออกไปจากสหรัฐ เพราะกิจกรรมทางธุรกิจในสเปนและอิตาลี ชะลอตัวลงอย่างรุนแรง โดยดัชนีกิจกรรมภาคบริการของอิตาลีร่วงลงสู่ 44.1 ในเดือนก.พ. จาก 44.8 ในเดือนม.ค. ในขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) สำหรับภาคบริการของสเปนรูดลงสู่ 41.9 ในเดือนก.พ. จาก 46.1 ในเดือนม.ค.

 

บริษัทมาร์กิต ระบุว่า ดัชนีพีเอ็มไอ สำหรับภาคบริการของเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซน ร่วงลงสู่ 52.8 ในเดือนก.พ.จาก 53.7 ในเดือนม.ค. บ่งชี้ว่าภาคบริการกำลังชะลอการเติบโต ส่วนดัชนีพีเอ็มไอ สำหรับภาคบริการของฝรั่งเศสร่วงลงสู่ 50.0 ในเดือนก.พ. จาก 52.3 ในเดือนม.ค. บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจในฝรั่งเศสได้ยุติการขยายตัวในเดือนก.พ.

 

ตัวเลขเหล่านี้ ทำให้นักลงทุนกังวลว่า ยูโรโซนซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 17 ประเทศ อาจจะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายทางการเงินแทบไม่เหลือทางเลือกใหม่ๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

อัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนอยู่ที่ 1.0 % ซึ่งถือเป็นสถิติต่ำสุด นอกจากนี้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะ 3 ปีเป็นจำนวนเงินสูงกว่า 1 ล้านล้านยูโรให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนไปแล้วด้วย

 

อย่างไรก็ดี แทนที่ธนาคารพาณิชย์ จะนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการปล่อยกู้ แก่ภาคเอกชน ธนาคารเหล่านี้กลับกักเก็บเงินนี้เอาไว้ โดยมีรายงานระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ฝากเงินช่วงข้ามคืนไว้กับอีซีบีเป็นจำนวนสูงกว่า 8.20 แสนล้านยูโร

 

นายเบน เมย์ จากบริษัทแคปิตัล อิโคโนมิคส์ ให้ความเห็นว่า สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือ ความอ่อนแออย่างต่อเนื่องของประเทศทางตอนใต้ของยุโรป โดยอีซีบีจะกำหนดนโยบายที่ใช้กับยูโรโซนทั้งภูมิภาค ไม่ใช่ใช้กับประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีแนวโน้มว่านโยบายของอีซีบี จะไม่อยู่ในภาวะผ่อนคลายมากเท่ากับที่สเปนหรืออิตาลีต้องการ

 

ภาคบริการของจีน เติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นในเดือนก.พ. โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ของเอชเอสบีซี สำหรับภาคบริการจีน ซึ่งครอบคลุมธุรกิจ ตั้งแต่ร้านอาหารไปจนถึงธนาคาร พุ่งขึ้นสู่ 53.9 ในเดือนก.พ. จาก 52.5 ในเดือนม.ค. ขณะที่นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าของจีนกล่าวว่า การกระตุ้นอุปสงค์ของผู้บริโภค ถือเป็นประเด็นสำคัญลำดับแรก

 

ภาคบริการของอินเดียยังคงเติบโตในอัตราที่แข็งแกร่ง ถึงแม้อ่อนลงเล็กน้อยจากเดือนม.ค. โดยดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจของอินเดียร่วงลงสู่ 56.5 ในเดือนก.พ. จาก 58.0 ในเดือนม.ค.

 

ผู้กำหนดนโยบายในเอเชียมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับสถานการณ์ โดยถ้าหากเศรษฐกิจชะลอตัวลง ธนาคารกลางในเอเชีย ก็สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยุโรปกับสหรัฐไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ เพราะว่า อัตราดอกเบี้ยในยุโรปและสหรัฐอยู่ใกล้กับ 0 % อยู่แล้ว

 

จีน ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (อาร์อาร์อาร์) ลง 0.50 % สู่ 20.5 % ในวันที่ 18 ก.พ. ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์จีน สามารถปล่อยกู้ เพิ่มขึ้น 4 แสนล้านหยวน

 

หลังจากนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าของจีนปรับลดเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ นักลงทุนก็กังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลกระทบต่อทั่วโลก และทำให้สินทรัพย์ที่ผูกพันกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น หุ้นและสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ร่วงลงเมื่อวานนี้ โดยออสเตรเลียเป็นประเทศที่ขายวัตถุดิบจำนวนมากให้แก่จีน

 

อย่างไรก็ดี ถ้าหากจีน สามารถปรับเศรษฐกิจของตนเองให้หันมาพึ่งพาการบริโภคมากกว่าการส่งออก ปัจจัยดังกล่าว ก็จะส่งผลดีต่อสินค้าของประเทศอื่นๆ

 

การที่ธนาคารกลางจีน แสดงความเต็มใจที่จะเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ อัตราแลกเปลี่ยนหยวน อาจถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าทางการจีนอาจปล่อยให้หยวนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย และสิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ของผู้บริโภค

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 7 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ส่วนตัวคิดว่า การตัดขายขาดทุน เขาคงเขียนไม่เคลียร์ เขาคงอยากจะเขียนตามแนวทางของ คุณพี่ซีซาร์ ( ขออภัยที่ต้องเอ่ยนาม ) ซื้อเท่าไหร่ ลืมราคาให้หมด แล้วมาตั้งราคาทองใหม่หมด ให้มีหลายราคาไล่ราคาจากต่ำสุดถึงสูงเวอร์ แล้วค่อยๆ ทยอยขายในก้อนที่กำไร ( จากการตั้งราคาใหม่แล้ว ) แล้วค่อยๆ ทยอยซื้อเข้าเมื่อราคาต่ำกว่าที่ขายออกไป เพื่อไปลดต้นทุนในพอร์ตรวมทั้งหมดที่ถือครองทองแท่งอยู่ คงไม่ใช่การขายทิ้งทั้งหมด แล้วจึงมาเริ่มต้นใหม่ ซึ่งวิธีการที่กล่าวมาข้างต้น ต้องทำตารางซื้อเข้าขายออกให้ครบถ้วน โดยจุดมุ่งหมายคือ ปริมาณทองเท่าเดิม แต่ราคาดอยลดลง

จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาครับ

 

พี่เด็กขายของครับ จากข้อความ "ซื้อเท่าไหร่ ลืมราคาให้หมด แล้วมาตั้งราคาทองใหม่หมด ให้มีหลายราคาไล่ราคาจากต่ำสุดถึงสูงเวอร์ แล้วค่อยๆ ทยอยขายในก้อนที่กำไร ( จากการตั้งราคาใหม่แล้ว )"

หมายความว่าอย่างไรเหรอครับ รบกวนชี้แนะทีครับ ไว้เผื่อ ผมจะใช้เปนแนวทางการลงทุนในอนาคตครับ เพราะปัจจุบัน ได้แต่ทยอยซื้อ แล้วก็รอไปเรื่อยๆจนกว่าจะกำไรในแต่ละก้อนครับ >.<

 

ขอบพระคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เช้านี้ขอซื้อตามน้ำไปก่อนละกันที่ 1686 :uu :57 :gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เดาแบบเชียร์ว่า การปรับฐานน่าจะจบแล้ว ตอนนี้คงไซค์เวย์ค่อยๆอัพ เพื่อสะสมกำลังในการขึ้นนครับ ยกเว้นมีอะไรมากระทบ หรือข่าวอะไรก็ได้ อาจทำให้พุ่งเป็นจรวดครับ

 

ปล. ค่าเงินบาทแข็งเร็วมาก :_02

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใครอยาก รวยเกาะ หลังมาเลยนะ :uu

 

 

ไปด้วยคนนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไปด้วยคนนะคะ

อย่าเต็มปอดนะครับ แค่ 30-40 % พอ เพราะ ผม เล่นสั้นปอด เลยไม่ถึง50%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส่วนแนวรับ มอง 1662 อย่าง แย่ๆ เลย นะ ผมมอง ลึก หน่อย 1631 ครับ แต่ ถ้า ผ่าน 1693 ไปได้ก็ เป็นขาขึ้นรายวันแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...