ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ยังไม่ซื้อเหมือนกันค่ะคุณเด็กขายของ รอดูคืนนี้ก่อนค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใช่ครับ คุณ GB2514 สหรัฐมันเล่น SIDEWAY กลับสู่ราคาเดิมตลอดเลย เด็กขายของเล่นซื้อหาทองแท่งแถวถนนเจริญกรุง

ก็เลยเซ็ง ไม่ได้เข้าซื้อเหมือนกันครับ คืนนี้แหละ รู้ทางแน่นอนว่า จะเป็นอย่างไร ขึ้นก็ขึ้นไปเลย ลงก็ลงไปเลยครับ

เมื่อกี้ เด็กขายของ โทรฯ ไป Fed จะขอคุยกับ เบน ถามหาแนวทางคืนนี้ Fed บอกไม่อยู่ไปข้างนอก ไม่ทราบว่า คุณ GB2514 มีเบอร์มือถือ

ของ เบน ไหมครับ ? Fed = Federal Express Service / Mail Door to Door คร้าบ

 

พอดี Fed กับ Ben เปลี่ยนเบอร์ใหม่ครับ ยังติดต่อไม่ได้ :D

เมื่อวานอุตส่าห์ไปถอนเงินมาเก็บไว้ กะได้ซื้อแน่ๆ...

ถูกแก้ไข โดย GB2514

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพราะทองมันก็เอาแน่ไม่ได้ แค่รู้ว่าคลื่นไหนจะได้รู้ตัวไว้ เก็บในช่วงdownของคลื่นที่4ควรเป็นจุดที่คิดว่าไปต่อได้ นี่เพิ่งเริ่มได้1-2วันเอง

มีอะไรที่ไม่รู้อีกมาก ข่าวหรือการเคลื่อนไหวของกราฟทอง ทำให้ใจเราไหวได้เสมอ

เด็กขายของ กล่าวว่า ทองมันก็เอาแน่ไม่ได้ นั้นอยู่ที่กลไกการตลาดโลก แต่ สมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย

ยิ่งเอาแน่ไม่ได้ใหญ่เลยครับ ไม่รู้ว่าคลื่นไหนก็ไม่รู้ตัวว่าจะต้อง ประสบพบเจอกับราคา สูง กลาง ต่ำ เดี๋ยวก็มากล่าว

อ้างว่า ต้องดูค่า คอมมิชชั่น ต้องดู Demand & Supply ในประเทศ ในขณะนี้ น่าจะ Demand ไม่ค่อยมี แต่ตั้งราคาสูง

ก็ขัดกับ วิชา การตลาด นี่เพิ่มเริ่ม วันนี้เองมีอะไรที่ไม่รู้จะมาแปลกๆ อีกมาก Gold Spot Price หรือ ค่าเงินบาท

ทำให้ใจเรา คิดว่าไม่เป็น " ธรรม " ได้เสมอ ก็เลยไม่อยากเข้าซื้อวันนี้

 

ถ้าราคาขายที่ 21,200/21,300 สิ ก็อยากจะลองเสี่ยงวัดดวงดู คืนนี้ ราคาขึ้นก็ เฮง ราคาลงก็ ซวย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ G_man

ใช่ครับ วันนี้ ราคาสมาคมฯ สุดยอดในการประกาศราคาเลยครับ ต่างกันห่างกันตั้ง เกือบ 100 บาท คุณ G_man กล่าวว่า

" สมาคมเห็นว่ามันจะลงหรือเปล่าเลยสวนราคาตลาดซะเลย " เด็กขายของว่า เขาคงเดาแนวทางว่า " ลง " " ขึ้น " ไม่แน่นอน

เลยตั้งราคากั๊กเอาไว้สูงๆ ดีกว่า นักลงทุนไทย จะได้ไม่กล้ามาซื้อ ดักเกมส์ไว้ก่อน เพราะต้นทุนของร้านทองฯ ทั่วๆไป

ราคาต่ำ หรือ โคตรต่ำ อยู่แล้ว ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย ที่จะตั้งราคาทึ่สูงไว้ก่อน ถ้าดันตั้งราคาให้ตรงๆ กับ Fair Price

20,200/20,300 หรือ 20.250/20,350 แล้ววันนี้ นักลงทุนแห่มาซื้อกันเยอะ เพราะเดาแนวทางกันว่า ขึ้นต่อ และฝันก็เป็น

จริง ว่าขึ้นต่อจริง เช้าพรุ่งนี้ ร้านทองฯ ไม่ต้องมารับซื้อทองแท่งคืนเหรอครับ ในต้นทุนที่สูงขึ้น

 

เด็กขายของ ชอบกล่าวว่า ปลอดภัยไว้ก่อน " ข้าก็ตั้งราคาสูงๆ ไว้ นักลงทุนก็จะได้ไม่ต้องมาซื้อ " ฮ่า ฮ่า ฮ่า

นักลงทุน GF ที่ถือ LONG SERIE J อยู่โปรดระวังด้วย ครับ ถ้า ราคา side way จนถึงเย็นพรุ่งนี้ เป็นวันหมดสัญญา ซื้อขาย ถึงแค่ 16.30 น. อาจขาดทุนได้ครับ :o

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใช่ครับ คุณ GB2514 สหรัฐมันเล่น SIDEWAY กลับสู่ราคาเดิมตลอดเลย เด็กขายของเล่นซื้อหาทองแท่งแถวถนนเจริญกรุง

ก็เลยเซ็ง ไม่ได้เข้าซื้อเหมือนกันครับ คืนนี้แหละ รู้ทางแน่นอนว่า จะเป็นอย่างไร ขึ้นก็ขึ้นไปเลย ลงก็ลงไปเลยครับ

เมื่อกี้ เด็กขายของ โทรฯ ไป Fed จะขอคุยกับ เบน ถามหาแนวทางคืนนี้ Fed บอกไม่อยู่ไปข้างนอก ไม่ทราบว่า คุณ GB2514 มีเบอร์มือถือ

ของ เบน ไหมครับ ? Fed = Federal Express Service / Mail Door to Door คร้าบ

 

 

 

55555555555555555555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักลงทุน GF ที่ถือ LONG SERIE J อยู่โปรดระวังด้วย ครับ ถ้า ราคา side way จนถึงเย็นพรุ่งนี้ เป็นวันหมดสัญญา ซื้อขาย ถึงแค่ 16.30 น. อาจขาดทุนได้ครับ :o

ขอบคุณมากครับ สำหรับข่าว คำเตือนของ คุณ boonk2

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ทิศทางตลาดการเงินในขณะนี้ยังมีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยนักลงทุนยังติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) และแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในคืนนี้ (27 เม.ย. 54) อย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อว่าจะมีการออกมาให้มุมมองถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและการตัดสินใจด้านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต่อไป ซึ่งเชื่อว่าหาก FED ส่งสัญญาณว่ายุติโครงการ QE2 ในขณะที่สหรัฐฯยังมีหนี้สาธารณะสูงขึ้น ก็อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะปานกลางถึงระยะยาวจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ได้เช่นกัน

 

นายกอบสิทธิ์กล่าวอีกว่า ควรติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ โดยหากอัตราเงินเฟ้อสูงกว่า 3% ก็อาจจะเห็นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทยิ่งแข็งค่าขึ้นได้ โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 29.85 – 29.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

ที่มา : money channel (วันที่ 27 เมษายน 2554)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีหุ้นสหรัฐทะยานสูงขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคธุรกิจ ท่ามกลางการจับตาดูผลการประชุมเฟด

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (26 เม.ย.) พุ่งขึ้น 115.49 จุด (0.93%) มาอยู่ที่ 12,595.37 จุด ส่วนดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ปรับขึ้น 11.99 จุด (0.90%) ที่ 1,347.24 จุด แตะระดับสูงสุดนับแต่เดือนมิ.ย. 2551 เป็นต้นมา

 

ขณะดัชนีแนสแด็กทะยานขึ้น 21.66 จุด (0.77%) มาอยู่ที่ 2,847.54 จุด ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี เทรดเดอร์ชี้ว่า ตลาดเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก ผลจากการที่หลายบริษัท รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2554 ดีเกินคาด ช่วยหนุนให้นักลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง

 

ฟอร์ด ค่ายรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ รายงานผลกำไรไตรมาสแรก สูงสุดในรอบ 13 ปี ที่ 2,550 ล้านดอลลาร์ ขณะ3เอ็ม กลุ่มธุรกิจแถวหน้าของประเทศ รายงานยอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตลาดเอเชีย แม้จะได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติในญี่ปุ่น

 

ส่วนยูพีเอส เผยกำไรไตรมาสแรก พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 66% พร้อมปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์รายได้ปีหน้าด้วย

 

อย่างไรก็ดี การซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวังอยู่ เพราะนักลงทุนรอฟังผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบาย ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะบ่งชี้ถึงสถานการณ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศว่า จะมีเสถียรภาพในตัวเอง หลังลดการอัดฉีดเงินอุดหนุนหรือไม่

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 27 เมษายน 2554)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รถใหม่ยุโรป-มะกัน-มาเลย์-จีน รับอานิสงส์ป้ายแดงญี่ปุ่นสะดุด หลังชิ้นส่วนขาดโรงงานเบรกการผลิต ลูกค้าเบื่อรอรถนาน "บริโอ้" ทิ้งใบจองอุตลุด "อาวีโอ-เซฟวี่-เฌอรี่-เฟียสต้า" ยอดขายโตผิดหูผิดตา ผู้จำหน่ายรถ "มือสอง" สบช่องคว้าโอกาสทอง แม้ราคาจะเพิ่มพรวดขึ้น ถึง 10%

 

นายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย บอกว่า บริษัทฯ พร้อมคืนเงินจองให้กับลูกค้าที่จองฮอนด้าบริโอ้ ทุกคน หากไม่สามารถรอการส่งมอบรถจากทางบริษัทฯ ได้ โดยขณะนี้ฮอนด้ามียอดจองฮอนด้าบริโอ้ ประมาณ 5,000 คัน ซึ่งจะต้องเริ่มส่งมอบรถตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมนี้ แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถให้ตอบได้ว่าจะส่งมอบได้ทั้งหมดเมื่อใด เนื่องจากขึ้นอยู่กับชิ้นส่วนที่ส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งฮอนด้าฯ ได้ส่งหนังสือไปถึงลูกค้า เพื่อชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและความล่าช้าในการส่งมอบรถ รวมถึงขออภัยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว

 

ทั้งนี้ ผู้บริหารฮอนด้า ยังกังวลเกี่ยวกับจำนวนรถที่รอการส่งมอบ หรือ แบ็ก ออร์เดอร์ ของบริษัททุกรุ่น ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 2 หมื่นคัน ที่ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาในการส่งมอบรถให้ลูกค้าได้เช่นเดียวกัน และคงล่าช้ากว่ากำหนดการส่งมอบเดิมแน่นอน เนื่องจากฮอนด้าได้ลดกำลังผลิตลงกว่า 50%

 

ที่มา : money channel (วันที่ 27 เมษายน 2554)

 

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลญี่ปุ่นลงสู่ระดับ "เชิงลบ" แต่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวไว้ที่ AA+

แถลงการณ์ของ S&P ระบุว่า "S&P คาดว่าต้นทุนการใช้จ่ายที่เป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา จะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลญี่ปุ่นพุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมายที่ 3.7% ของตัวเลขจีดีพีไปจนถึงปี 2556 สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เราทบทวนแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของญี่ปุ่นลงสู่ระดับ “เชิงลบ“ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า S&P อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่น หากสถานะการคลังของรัฐบาลย่ำแย่ลงกว่าที่เราประเมินไว้"

ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น (วันที่ 27 เมษายน 2554)

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ จะถือเป็นการชี้ชะตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 หรือ QE2 อย่างแท้จริง หลังจากที่เฟดปล่อยให้ตลาดกะเก็งมาระยะหนึ่งแล้ว ถึงกำหนดการที่จะยุติมาตรการอัดฉีดทุน 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เข้าสู่ระบบเมื่อดัชนีชี้วัดสภาพเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มบ่งชี้ไปในทิศทางบวกมากขึ้น ตามกำหนดการเดิม QE2 จะหมดอายุลงในเดือน มิ.ย.นี้ ทว่าโอกาสที่เฟดจะยุติมาตรการดังกล่าวลงกลางคันมีอยู่สูงมาก หลังจากที่ตัวเลขว่างงานในสหรัฐช่วงเดือน มี.ค. ปรับลงมาอยู่ที่ 8.8% จาก 8.9% ช่วงเดือน ก.พ. นับป็นทิศทางที่ตรงกับความคาดหวังของประธานาธิบดี บารัก โอบามา ที่ยกให้ตัวเลขว่างงานเป็นตัวชี้วัดสภาพเศรษฐกิจ หากตัวเลขถอยห่างจากอัตรา 10% มากเท่าไร ยิ่งหมายถึงภาวะที่สดใสคึกคักมากขึ้นเท่านั้น

 

เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเมื่อเดือน พ.ย. 2553 ตัวเลขนี้สูงถึง 9.8% หรือสูงสุดในรอบ 7 เดือน ยังผลให้โอบามาต้องโอดครวญว่าตัวเลขว่างงานสูงจนรับไม่ได้ ซึ่งโอบามามีเหตุผลที่รับไม่ได้ เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือ พรรคเดโมแครตต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสอย่างยับเยิน เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของประชาชนต่อศักยภาพของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

 

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น (เดือน พ.ย. 2553) เฟดเริ่มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการผ่อนปรนเชิงปริมาณ หรือ Quantitative Easing (QE) รอบที่ 2 หรือหากจะกล่าวให้รัดกุมยิ่งขึ้นคือ เฟด “เสริม” มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมผ่านการทุ่มงบประมาณ 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาล

 

มาตรการนี้ได้ผลดีอย่างยิ่งในทางการเงิน เพราะเป็นการกระจายเม็ดเงินให้ตกลงสู่มือผู้บริโภคโดยตรงผ่านการปล่อยกู้ของธนาคาร ส่งผลให้ตลาดคึกคักอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยในทางอ้อมให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่า กระตุ้นการส่งออก และช่วยสร้างงานในทางตรงและทางอ้อม ล่าสุดเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าต่อเงินเหรียญออสเตรเลียต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี อาจกล่าวได้ว่า ยิ่งเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่ามากเท่าไร ตัวเลขว่างงานยิ่งลดลงเป็นเงาตามตัว

 

หากตัวเลขว่างงานช่วงเดือน เม.ย. ปรับลดลงมาอีก ยิ่งเพิ่มน้ำหนักในกับการยุติมาตรการ QE2 แต่คาดว่าตัวเลขว่างงานที่ลดลงในช่วงเดือน มี.ค. คงเพียงพอแล้วที่เฟดจะพิจารณาถอนมาตรการ QE1 ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ ไม่ใช่ตัวเลขว่างงานเท่านั้นที่เป็นปัจจัยบีบคั้นให้เฟดต้องยุติมาตรการ QE2

 

ยังมีภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งผลพวงทำนองนี้เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ตั้งแต่เริ่ม ที่ผ่านมาเฟดพยายามระบุให้สาธารณชนได้ตระหนักว่า ที่ยังตรึงมาตรการ QE2 ข้ามปีโดยไม่ยุติลงกลางคันนั้น ก็เพราะที่ผ่านมาตัวเลขเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่พอรับได้ โดยอยู่ที่ราว 1%

 

ทว่า ขณะนี้ตัวเลขเงินเฟ้อกำลังไต่ขึ้นมาถึง 3% ในชั่วเวลาไม่กี่เดือน จากตัวเลขเดือน ก.พ. ที่สูงถึง 2.70% จากเดิมที่ 1.60%

 

ประการที่ 2 ที่ทำให้เฟดต้องเร่งปิดฉาก QE2 นั้นเพราะสหรัฐไม่สามารถแบกรับภาระหนี้สาธารณะได้อีกต่อไป ล่าสุดมีหลักฐานบ่งชี้ว่างบประมาณที่ภาครัฐจ่ายคืนให้กับภาครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นในรูปของเงินชดเชยว่างงานและสวัสดิการสังคมอื่นๆ ขณะนี้สูงกว่าเงินภาษีที่ภาคครัวเรือนจ่ายให้กับรัฐ โดยเมื่อช่วงเดือน ก.พ. ภาคครัวเรือนได้เงินจากภาครัฐถึง 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เงินภาษีจ่ายไปเพียง 2.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐนับเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปีที่เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ ซึ่งเมื่อ 75 ปีก่อนสหรัฐกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือ Great Depression

 

อย่างไรก็ตาม การยุติมาตรการ QE2 ก่อนกำหนดอาจไม่เกิดขึ้นตามความคาดหมาย หรือกระทั่งอาจต่ออายุมาตรการนี้ด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผล 2 ประการ และยังน่าสังเกตว่า ทั้งสองประการนี้มีความยอกย้อนอย่างยิ่ง เพราะสืบเนื่องมาจากปัจจัยที่ทำให้เฟดต้องพิจารณายุติมาตรการ QE2 ในเร็ววัน

 

ประการแรก ตัวเลขประเมินแนวโน้มอัตราว่างงานเฉลี่ยในสหรัฐยังถือว่าสูงมาก หรืออาจสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยยังค้างอยู่ที่ 10% ในปีนี้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้ตัวเลขรายเดือนจะปรับลดลงต่อเนื่องก็ตาม เทียบกับอัตราเฉลี่ยเมื่อปี 2551 และ 2552 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ถือว่าตัวเลขปี 2554 สูงมาก เพราะในปีดังกล่าวตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 5% และ 7% ไม่เท่านั้น ยังสูงกว่าตัวเลขปี 2553 ที่อยู่ที่ 9% ทั้งที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มเข้าที่เข้าทางบ้างแล้วและหากเกิดภาวะ “ช็อก” อย่างฉับพลัน ตัวเลขว่างงานที่กำลังเข้าสู่ทิศทางด้านบวก อาจวกกลับเข้าสู่ทิศทางด้านลบอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

การที่จะเกิดภาวะช็อกขึ้นมาได้ ขึ้นอยู่ปัจจัยประการต่อมา

 

ประการต่อมา เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสที่จะ “สะดุดตอ” มีอยู่สูงมากเช่นกัน เนื่องจากผลพวงของราคาพลังงานแพงลิ่ว ซึ่งล่าสุดราคาน้ำมันในสหรัฐทะลุ 4 เหรียญสหรัฐต่อแกลลอนแล้ว เป็นราคาเท่ากับเมื่อปี 2550 และ 2551 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่สหรัฐจะถลำเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจถดถอย อีกทั้งในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ราคาน้ำมันในสหรัฐยังปรับขึ้นมาถึง 18%

 

ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 66 คน โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐช่วงไตรมาสแรกจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 1.9% จากไตรมาส 4 ปีที่แล้วที่ 3.1% เนื่องจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคที่เคยใช้จ่ายอย่างคึกคักจากแรงหนุนของมาตรการ QE2 ต้องลดการใช้จ่ายลงเป็นที่ทราบกันว่า การอ่อนค่าของเงินเหรียญสหรัฐจะยังผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว หรือกล่าวได้ว่า มาตรการ QE2 ที่ทำให้เงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่า เพื่อหวังผลด้านบวกทางเศรษฐกิจ กำลังเริ่มสำแดงฤทธิ์เดชด้านลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐแล้ว

 

นี่คือภาวะลักลั่นที่เฟดต้องหาทางออก และทางออกที่ว่านั้นไม่ต่างอะไรกับการเดิมพันครั้งสำคัญ เพราะเฟดต้องเลือกระหว่างการใช้ QE2 ต่อไป แต่ต้องรับเคราะห์จากภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ซบเซาในแบบตลบหลังจากราคาน้ำมันแพง หรือจะเลือกยุติ QE2 ก่อนกำหนด แต่ต้องเสี่ยงที่เศรษฐกิจยังไม่เข้าที่เข้าทางจากปัญหาว่างงานด้วยตัวชี้วัดที่สับสนและผลพวงที่ซับซ้อน จะทำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบาย (FOMC) ของเฟดต้องเจองานหิน ยากที่จะฟันธงได้ว่า ควรหรือไม่ควรยุติ QE2 ก่อนกำหนดหรือตามกำหนด

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ (วันที่ 26 เมษายน 2554)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทำไมวันนี้ราคาสมาคม กับ fair price สวนทางกันล่ะครับ

สมาคมเห็นว่ามันจะลงหรือเปล่าเลยสวนราคาตลาดซะเลย

 

รบกวนคุณเด็กขายของ ยกตัวอย่างตัวเลขสำหรับคิดราคา fair price หน่อยครับ ไม่ทราบจริงๆ

เอาตัวเลขวันนี้เลยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับคุณเด็กขายของและทุกท่าน

ถ้าคืนนี้มีการประกาศ ทำ QE3 ต่อ

ทองน่าจะขึ้นต่อใช่ไหมครับ B)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:rolleyes: ขอบคุณค่ะ คุณเด็กขายของสำหรับข้อมูลข่าวสารดีๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

14.40 ก็เริ่มทิ้งดิ่งแล้ว 16.30 เจอกันที่ร้าน ฮ.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...