ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ไอเอ็มเอฟประเมินสภาพเศรษฐกิจของออสเตรเลีย"ดีเยี่ยม"

 

 

นายเวย์น สวอน รัฐมนตรีคลังของออสเตรเลียกล่าวว่า ผลการประเมินสภาพเศรษฐกิจของออสเตรเลียครั้งล่าสุดโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ออกมาดีเยี่ยม โดยไอเอ็มเอฟมีความเห็นตรงกันว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียมีความมั่นคง, การเติบโตของเศรษฐกิจและการลงทุนมีความแข็งแกร่ง, อัตราการว่างงานต่ำ และอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อลดลง ขณะเดียวกันไอเอ็มเอฟยังสนับสนุนให้ออสเตรเลียปรับงบประมาณให้เกินดุล แม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะตกต่ำอย่างรุนแรงก็ตาม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส่งออกสหรัฐฉายแววขยายตัว หนุนจ้างงานเพิ่ม 5 ล้านคน

 

 

ผลสำรวจล่าสุดโดย บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (บีซีจี) พบว่า ความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้นของโรงงานสหรัฐ ที่ได้แรงหนุนจากราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลง อาจช่วยกระตุ้นการส่งออกของสินค้าบางประเภท เช่น หัวรถจักร และเครื่องกลโรงงาน รวมทั้งสร้างงานในภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 5 ล้านอัตราภายในสิ้นทศวรรษ

 

รายงานของ บีซีจี ชี้ว่า ความสามารถในการผลิตระดับสูงของคนงาน และราคาพลังงานที่ลดลง จะทำให้สหรัฐได้เปรียบด้านต้นทุนในการผลิตสินค้าส่งออก เมื่อเทียบกับคู่แข่งในยุโรปตะวันตกและญี่ปุ่น

 

ภายในปี 2558 ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ต้นทุนการผลิตของสหรัฐต่ำกว่าเยอรมนีและฝรั่งเศสประมาณ 15% ต่ำกว่าอังกฤษ 8% และต่ำกว่าญี่ปุ่น 21% แต่ต้นทุนการผลิตในจีนยังคงต่ำกว่าสหรัฐประมาณ 7%

 

ฮัล เซอร์กิน หุ้นส่วนอาวุโส บีซีจี ผู้เขียวรายงาน กล่าวว่า ช่องว่างในการแข่งขันส่วนหนึ่งเป็นผลสะท้อนจากสภาพตลาดแรงงานแบบเปิดของสหรัฐ ซึ่งบริษัทต่างๆ สามารถลดหรือเพิ่มคนงานได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป

 

"ในยุโรปและญี่ปุ่น การปลดพนักงานเป็นเรื่องค่อนข้างยาก แต่ในสหรัฐ มีความยืดหยุ่นมากกว่า" เซอร์กิน กล่าว

 

นอกเหนือจากความยืดหยุ่นในการจ้างงานแล้ว ค่าจ้างที่ลดลงและความพร้อมของชาวอเมริกันในการโยกย้ายถิ่นเพื่อการทำงาน จะช่วยให้โรงงานสหรัฐมีต้นทุนแรงงานต่ำกว่ายุโรปตะวันตกและญี่ปุ่นประมาณ 20-45% ภายในปี 2558

 

บีซีจี ทำนายว่า การผลิตก๊าซธรรมชาติจำนวนมากในสหรัฐ จะทำให้ราคาพลังงานในประเทศต่ำกว่าในยุโรปและญี่ปุ่นประมาณ 50-70% รวมทั้งช่วยตรึงราคาไฟฟ้าอยู่ที่ระดับต่ำ

 

การจ้างงานของโรงงานสหรัฐขยายตัวประมาณ 3.6% เป็น 12 ล้านคนในปัจจุบัน จากระดับต่ำสุดหลังยุคเศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 2553 อันเป็นแนวโน้มที่อาจทวีความเร็วขึ้น เมื่อสหรัฐกลายเป็นผู้ส่งออกที่มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น

 

การขยายตัวดังกล่าวสะท้อนความตระหนักของโรงงานผู้ผลิตในสหรัฐว่า ต้นทุนขนส่งที่เพิ่มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อค่าจ้างแรงงานในจีนและประเทศอื่นๆ ทำให้การผลิตในประเทศมีต้นทุนถูกกว่า

 

การเติบโตของการจ้างงานในโรงงานสหรัฐช่วงเร็วๆ นี้ เกิดขึ้นหลังจากการลดลงประมาณ 40% ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อธุรกิจจำนวนมากตั้งข้อสรุปว่า ค่าจ้างแรงงานระดับสูงทำให้สหรัฐมีต้นทุนแพงในการผลิตสินค้า ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ทำนายว่า ชาวอเมริกันจะเมินงานโรงงาน และหันไปนิยมทำงานในภาคบริการมากกว่า

 

อย่างไรก็ดี ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ผู้ส่งออกรายใหญ่ของสหรัฐ อย่าง เจนเนอรัล อิเล็กทริก โค (จีอี) และแคทเทอร์พิลลาร์ อิงค์ มีการจ้างงานในประเทศมากขึ้น อีกทั้งบริษัทต่างชาติหลายราย รวมถึง โตโยต้า มอเตอร์ โค ของญี่ปุ่น และซีเมนส์ ของเยอรมนี ก็เพิ่มการผลิตในสหรัฐ และส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย

 

บีซีจี ชี้ว่า สหรัฐอาจกระตุ้นการส่งออกได้ประมาณ 90,000 ล้านดอลลาร์ภายในสิ้นทศวรรษปัจจุบัน ด้วยการช่วงชิงคำสั่งซื้อจากบริษัทยุโรปตะวันตกและญี่ปุ่น โดยเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐมียอดส่งออกทั้งสิ้น 1.48 ล้านล้านดอลลาร์

 

พิจารณาจากการทำนายยอดส่งออก และตัวเลขความสามารถในการผลิตในปัจจุบัน บีซีจี คาดว่า ผู้ผลิตสหรัฐจะจ้างงานเพิ่มประมาณ 2.5-5 ล้านคนภายในปี 2563

 

การจ้างงานเพิ่มมากสุดจะอยู่ในส่วนของโรงงานเครื่องจักรกลอุตสาหกรรม การขนส่ง และเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อราคาพลังงาน

 

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบแบบไม่คาดฝัน ได้แก่ สกุลเงินยูโร ซึ่งอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปีที่แล้วจนถึงเดือนกรกฎาคม เมื่อประเทศสมาชิกยูโรโซนประสบวิกฤติหนี้สาธารณะ ซึ่งการอ่อนค่าของเงินยูโรทำให้ผู้ผลิตยุโรปมีความได้เปรียบในการแข่งขันมากกว่าผู้ผลิตสหรัฐ

 

อย่างไรก็ตาม ความได้เปรียบดังกล่าวเริ่มหายไปในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เงินยูโรกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง โดยพุ่งขึ้น 7.5% จากระดับต่ำสุดเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม

 

เซอร์กิน กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินยูโร อาจกระทบต่อผลการวิเคราะห์ของ บีซีจี แต่ปัจจัยพื้นฐานจะไม่เปลี่ยนแปลง

 

Tags : ส่งออกสหรัฐ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"ปรีดิยาธร"คาดวิกฤติยุโรปยืดเยื้อเกิน10 ปี ขณะที่ คิวอี 3 ไม่ช่วยฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลเงินดอลลาร์ ยูโร อ่อนตัว หวั่นทะลักเข้าเอเชีย-ไทย

 

 

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา "วิกฤติยูโรโซนและผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย" ว่าปัญหาของยุโรปจะยืดเยื้่อออกไปอีก 10 ปี ขณะที่ปัญหาของสหรัฐอเมริกาก็ไม่แตกต่างกันนัก แม้ออกมาตรการ QE3 เพื่ออัดฉีดเงินเข้าระบบ แต่ก็แก้ปัญหาได้ไม่มาก เห็นได้จากปัจจุบันยังมีอัตราว่างงานกว่า 8% ภาวะเช่นนี้เป็นการฉุดกำลังซื้อ เพราะเงินในตลาดการเงินมีมากกว่าจีดีพีที่แท้จริง 3 เท่า จึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยจากปัจจุบัน 0-0.25% ให้สูงขึ้น

 

และที่สำคัญรัฐบาลไม่ได้ห่วงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง ซึ่งตรงกันข้ามกับค่าเงินในภูมิภาคเอเชียที่แข็งค่าขึ้น โดยเฉพาะเงินบาท เงินริงกิต มาเลเซีย และดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจจะทำให้เกิดการไหลเข้าของเงินดอลลาร์และยูโรได้ เอเชียจะต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้เงินไหลเข้ามาได้ง่ายและเร็ว

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10 เมืองค่าครองชีพแพงสุดเทียบดัชนีบิ๊กแมค-ไอโฟน

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

 

"ยูบีเอส เวลธ์ แมเนจเมนต์" สำรวจค่าครองชีพใน 72 เมือง โดยพิจารณาจากราคาสินค้าและบริการในตะกร้าที่มี 122 รายการ ซึ่งปรับตามอัตราค่าเงิน รวมถึงคำนวณต้นทุนการใช้ชีวิตจากราคาสินค้าเทียบกับจำนวนชั่วโมงการทำงาน

 

10 เมืองค่าครองชีพสูงสุดในโลก ประจำปีล่าสุด พร้อมเปิดไส้ในเวลาการทำงานเฉลี่ย เพื่อให้ได้เงินพอซื้อ "บิ๊กแมค" และ "ไอโฟน 4เอส" ขนาด 16 กิกะไบต์ พบว่า แชมป์ค่าครองชีพแพงสุด คือ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ผู้คนที่นี่ใช้เวลาทำงานเฉลี่ย 18 นาที เพื่อซื้อบิ๊กแมค และทำงาน 36 ชั่วโมง กว่าจะถอยไอโฟน 1 เครื่อง ออสโลมีค่าครองชีพสูงกว่าเพื่อนบ้านอื่นๆ ในยุโรปตะวันตก 20% ในแต่ละเดือนผู้คนใช้จ่ายเงินส่วนใหญ่ไปกับสินค้าและบริการ ซึ่งราว 68% มีราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก

 

รองแชมป์ ได้แก่ เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผู้คนในเมืองนี้ต้องลงแรง 13 นาที เพื่อให้ได้เงินซื้อบิ๊กแมค และทำงาน 22 ชั่วโมง กว่าจะซื้อไอโฟน แม้จะมีราคาเฉลี่ย 1,300 ดอลลาร์ ซึ่งนับว่าแพงมากสำหรับนักท่องเที่ยว

 

อันดับ 3 กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น หนุ่มสาวซามูไรใช้เวลา 6 นาที ก็ซื้อบิ๊กแมคได้ แต่ต้องทำงาน 35 ชั่วโมง เพื่อถอยไอโฟนเครื่องใหม่ แม้คนญี่ปุ่นจะใช้เวลาทำงานน้อยมากเพื่อซื้อบิ๊กแมค แต่กระนั้นราคาบิ๊กแมคที่นี่ก็ยังแพงกว่าเพื่อนบ้านในเอเชียราว 50%

 

อันดับ 4 นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ชาวสวิสในเมืองนี้ใช้เวลาทำงาน 14 นาที เพื่อให้ได้เงินพอซื้อบิ๊กแมค และใช้เวลาทำงาน 23.5 ชั่วโมง สำหรับซื้อไอโฟน น่าสนใจว่า เจนีวาเป็นเมืองที่มีต้นทุนค่าอาหารแพงสุด รายจ่ายค่าอาหารแต่ละเดือนของคนที่นี่อยู่ที่ 715 ดอลลาร์ เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ระดับ 424 ดอลลาร์

 

อันดับ 5 กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ใช้เวลาลงแรง 16 นาที เพื่อแลกกับบิ๊กแมค และต้องทำงานนาน 36.5 ชั่วโมง กว่าจะซื้อไอโฟน โดยโคเปนเฮเกนเป็นเมืองที่ผู้คนมีรายได้สูงเป็นอันดับ 3 รองจากซูริคและเจนีวา และมีกำลังซื้อมากสุดเมื่อวัดจากรายได้รายชั่วโมง

 

อันดับ 6 นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อเมริกันชนใช้เวลาปั่นงาน 10 นาที จะได้ค่าแรงพอจ่ายบิ๊กแมค และทำงาน 27.5 ชั่วโมง เพื่อให้พอซื้อไอโฟน คนนิวยอร์กมีกำลังซื้อบิ๊กแมคเป็นอันดับ 2 แต่ต้องจ่ายเงินแพงระยับ เฉลี่ยเดือนละ 4,300 ดอลลาร์ เพื่อเช่าอพาร์ทเมนต์ขนาด 3 ห้อง

 

อันดับ 7 ลักเซมเบิร์ก คนที่นี่ทำงานราว 11 นาที เพื่อหาเงินซื้อบิ๊กแมค และทำงาน 29.5 ชั่วโมง สำหรับซื้อไอโฟน อันดับ 8 กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ใช้เวลาทำงาน 17 นาที แลกกับบิ๊กแมค 1 ชิ้น แต่ต้องทำงานถึง 45 ชั่วโมง กว่าจะหยอดกระปุกพอถอยไอโฟน แต่ที่นี่เป็นประเทศที่มีช่องว่างเรื่องรายได้น้อยที่สุดในโลก

 

อันดับ 9 กรุงคาราคัส เวเนซูเอลา ผู้คนลงแรง 81 นาที สำหรับบิ๊กแมค 1 ชิ้น และใช้เวลาทำงานมากถึง 271.5 ชั่วโมง เพื่อออมเงินซื้อไอโฟนสักเครื่อง ขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่เมืองนี้ก็มีราคาแพงสุด เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ

 

อันดับ 10 กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ใช้เวลาทำงาน 16 นาที แลกกับบิ๊กแมค และลงแรง 42.5 ชั่วโมง สำหรับซื้อไอโฟน อังกฤษไต่ระดับขึ้นมาอยู่แถวหน้าของเมืองที่ค่าครองชีพแพงสุดในระยะหลังๆ มานี้ คนเมืองผู้ดีหมดเงินไปกับค่าน้ำมันมากที่สุด

 

Tags : ค่าครองชีพ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

T170912_01C.gif

 

สวัสดีวันจันทร์ วันต้นสัปดาห์ จากปิดตลาดวันศุกร์ US$1772.20 มาถึงขณะนี้ US$1,759

รออีก 24 ชั่วโมง ด้วยใจรอคอย ที่จะได้ไปรำลึกสถานที่ความหลัง : แดนเนรมิต เก่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รมต.คลังออสเตรเลียเผยไอเอ็มเอฟประเมินเศรษฐกิจออสเตรเลียดีเยี่ยม (24/09/2555)

นายเวย์น สวอน รัฐมนตรีคลังของออสเตรเลียกล่าวว่า ผลการประเมินสภาพเศรษฐกิจของออสเตรเลียครั้งล่าสุดโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ออกมาดีเยี่ยม

 

"ไอเอ็มเอฟมีความเห็นตรงกันว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียมีความมั่นคง, การเติบโตของเศรษฐกิจและการลงทุนมีความแข็งแกร่ง, อัตราการว่างงานต่ำ และอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อลดลง" นายสวอนกล่าวกับนักข่าว

 

"ไอเอ็มเอฟได้ประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจออสเตรเลีย อีกทั้งยังมอบอำนาจการตัดสินใจในการปรับใช้นโยบายทางการเงินอย่างเต็มที่แก่ธนาคารกลางออสเตรเลียด้วย"

 

ในขณะเดียวกัน นายสวอนยังกล่าวอีกว่า ไอเอ็มเอฟได้สนับสนุนให้ออสเตรเลียปรับงบประมาณให้เกินดุล แม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะตกต่ำอย่างรุนแรงก็ตาม

 

"เมื่อคุณอ่านรายงานของไอเอ็มเอฟ คุณจะทราบว่าไอเอ็มเอฟได้สนับสนุนการปรับงบประมาณเกินดุล นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังได้ระบุเหตุผลต่างๆที่ประเมินภาวะเศรษฐกิจในด้านบวกด้วย" สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 24 กันยายน 255)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้นำเยอรมนี-ฝรั่งเศสหารือกำกับดูแลภาคธนาคาร, เน้นย้ำเอกภาพของยุโรป (24/09/2555)

นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคลของเยอรมนีและประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งศส เรียกร้องให้มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่แน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างสองประเทศ และเน้นย้ำความเป็นเอกภาพของยุโรปในการหาทางออกสำหรับวิกฤตหนี้ของภูมิภาค

 

ผู้นำทั้งสองได้พบปะกันเมื่อวันเสาร์ในวาระครบรอบ 50 ปีการแสดงสุนทรพจน์ครั้งสำคัญของนายพลชาร์ลส์ เดอ โกล อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในการประนีประนอมในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

 

ในระหว่างการพบปะกันดังกล่าว ผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสได้หารือเกี่ยวกับการควบรวมกิจการที่มีอาจจะมีขึ้นระหว่างบริษัท EADS ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินแอร์บัส และบริษัท BAE ของอังกฤษ รวมทั้งการกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นในภาคการธนาคารของยุโรป

 

EADS และ BAE ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าอยู่ระหว่างการเจรจาควบรวมกิจการ ซึ่งจะทำให้เกิดบริษัทการบินเชิงพาณิชย์และกลาโหมรายใหญ่ที่สุดของโลก โดย BAE มีแผนจะถือหุ้น 40% ในบริษัทใหม่ดังกล่าว ขณะที่ EADS จะมีหุ้น 60% และการเจรจาเกี่ยวกับการควบรวมกิจการมีกำหนดจะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 ต.ค.

 

รัฐบาลของฝรั่งเศสและเยอรมนี ซึ่งต่างก็ถือหุ้นใหญ่ใน EADS กำลังรอให้โครงการควบรวมกิจการดังกล่าวมีความชัดเจนก่อนที่จะมีการประเมินและตัดสินใจใดๆ

 

นอกจากนี้ นายกฯเยอรมนียังได้หารือกับผู้นำฝรั่งเศสในประเด็นการกำกับดูแลภาคการธนาคารร่วมกันด้วย แต่ยังมีความเห็นแตกต่างกันอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสหภาพการธนาคาร

 

ปธน.ฝรั่งเศสกล่าวว่าควรมีการกำหนดกรอบการทำงานของสหภาพการธนาคารไว้แต่เนิ่นๆจะเป็นการดีกว่า ขณะที่นางแมร์เคลเรียกร้องให้มีวิธีการที่ระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งเน้นย้ำว่าควรมีการสร้างความมั่นใจในด้านคุณภาพ

 

ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา บรรดาผู้นำยุโรปได้ตัดสินใจให้กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งเป็นกองทุนช่วยเหลือถาวรของสหภาพยุโรป สามารถเพิ่มทุนแก่ธนาคารต่างๆได้โดยตรง แทนการจัดสรรเงินกู้ผ่านรัฐบาล บนเงื่อนไขในการกำกับดูแลด้านการธนาคารร่วมกันภายในต้นปี 2556

 

ทั้งนี้ เยอรมนีและฝรั่งเศสเห็นพ้องกันเกี่ยวกับบทบาทของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในฐานะผู้กำกับดูแลด้านการธนาคารโดยรวม แต่มีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับขอบเขตและความรวดเร็วของการกำกับดูแลดังกล่าว โดยฝรั่งเศสต้องการให้อีซีบีกำกับดูแลธนาคารทั้ง 6,000 แห่งในยูโรโซน ขณะที่เยอรมนีต้องการให้มีการกำกับดูแลเฉพาะธนาคารรายใหญ่ๆที่มีผลกระทบต่อยูโรโซนโดยรวม สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 24 กันยายน 255)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้เชี่ยวชาญเผยราคาทองมีแนวโน้มขาขึ้นจากหลากปัจจัยเสี่ยงทั่วโลก (24/09/2555)

นายเกอร์ฮาร์ด ชูเบิร์ท ผู้อำนวยการฝ่ายโลหะมีค่าของเอมิเรทส์ เอ็นบีดี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของดูไบ ระบุในบทวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์โลกรายสัปดาห์ว่า  การปรับตัวขึ้นของราคาทองได้ยุติลงใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

“ตลาดทองคำปรับฐานในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีการซื้อขายภายในช่วงแคบๆ" นายชูเบิร์ทกล่าว ราคาทองปิดตลาดวันศุกร์ที่ 1,772.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.0 ดอลลาร์จากสัปดาห์ก่อน

 

สำหรับในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า นายชูเบิร์ทคาดว่าตลาดทองคำจะยังคงคึกคัก “ตลาดดูเหมือนจะยังคงมีแนวโน้มขาขึ้นอย่างมาก แต่การเพิ่มสัญญาซื้อจากนักลงทุนระยะยาวและนักเก็งกำไรระยะสั้นทำให้เรามีความระมัดระวังในระยะใกล้"

 

ราคาทองที่เพิ่มขึ้นมักจะสะท้อนความวิตกเกี่ยวกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนจะเข้าซื้อทองในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย เพื่อปกป้องเงินทุนของพวกเขา ส่วนความไร้เสถียรภาพในปัจจุบัน ได้แก่ ความเสี่ยงเกี่ยวกับความรุนแรงของการสไตร์คที่เหมืองทองในแอฟริกาใต้ การล่มสลายของยูโรโซนที่มีสมาชิก 17 ประเทศ สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อในซีเรีย และภัยคุกคามของสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านแผนการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

 

“ดูเหมือนว่าทุกคนที่มีเหตุผลในการซื้อก็ได้ซื้อไว้แล้ว และคำถามก็คือใครหรือสิ่งใดจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เริ่มมีการเข้าซื้อต่อเนื่องมากขึ้นในขณะนี้" นายชูเบิร์ทกล่าวเสริม

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นับแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 ซึ่งได้กระตุ้นให้เกิดวิกฤตหนี้ยูโรโซนในปัจจุบันนั้น ราคาทองได้ทะยานขึ้น 142%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 24 กันยายน 255)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลลาร์เคลื่อนไหวเกือบทรงตัวเทียบเงินเยนเช้านี้ที่ตลาดโตเกียว (24/09/2555)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 78 เยนต่อดอลลาร์ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียววันนี้ ซึ่งแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันศุกร์ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์ก

 

ทั้งนี้ ณ เวลา 09.00 น.ตามเวลาโตเกียวในวันนี้ ดอลลาร์เคลื่อนไหวในช่วง 78.12-78.16 เยน เทียบกับระดับที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ 78.11-78.21 เยน ขณะที่สกุลเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1.2966-1.2970 ดอลลาร์สหรัฐ และ 101.30-101.32 เยน เมื่อเทียบกับระดับที่ตลาดนิวยอร์กที่ 1.2973-1.2983 ดอลลาร์สหรัฐ และ 101.45-101.55 เยน

 

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ รายงานว่า นายลูอิส เดอ กวินดอส รัฐมนตรีเศรษฐกิจสเปนได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการยุโรปในเรื่องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของสเปน ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยในวันที่ 27 ก.ย. นี้ โดยคณะกรรมาธิการกำหนดให้สเปนต้องบรรลุเงื่อนไขต่างๆก่อนตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สู้ค่าบาทกดดอกเบี้ยต่ำ (24/09/2555)

“หม่อมอุ๋ย”ชี้ดอกเบี้ยขึ้นไม่ไหว ธปท.ต้องออกพันธบัตรดูดสภาพคล่องดูแลค่าเงินบาท “ศุภวุฒิ” เตือนรับมือเงินเฟ้อ

 

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลัง และอดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา “วิกฤตยูโรโซนและผลกระทบต่ออุตสาหกรรมธุรกิจยานยนต์ไทย” ว่า ปัญหาเศรษฐกิจยูโรและสหรัฐอเมริกาจะต้องแก้ไขอีกนาน และสหรัฐคงดอกเบี้ยต่ำไว้ที่ระดับ 0-0.25% ไปเรื่อยๆ มีผลให้เงินไหลเข้าเอเชียและทำให้ค่าเงินเอเชียแข็ง รวมถึงเงินบาทด้วย

 

ด้านผลกระทบต่อไทย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า จะต้องติดตามดูว่า ธปท.จะแทรกแซงเงินบาทไม่ให้แข็งค่าได้มากแค่ไหน เชื่อว่าเอเชียไม่น่าจะเป็นเหยื่อปล่อยให้ค่าเงินแข็งค่าเร็วและคงไม่ปล่อยให้เงินทุนไหลเข้ามาได้ง่ายๆ ในภาวะนี้ดอกเบี้ยไทยไม่เพิ่มแน่ๆ เพราะ ธปท.ต้องออกพันธบัตรดูดซับสภาพคล่องเพื่อดูแลอัตราแลกเปลี่ยนรวมถึงเงินบาทแข็ง

 

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจยูโรน่าจะยืดเยื้อไปอีกเป็น 10 ปี เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาและสร้างการจ้างงานใหม่ได้

 

สำหรับสหรัฐอเมริกาอัดฉีดเงินรอบที่ 3 (คิวอี 3) ก็ไม่น่าจะช่วยแก้ปัญหาการว่างงานที่สูงกว่า 8% ได้ เพราะการมีปริมาณเงินในตลาดการเงินที่สูงมากเป็น 3เท่าของเศรษฐกิจจริง ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการว่างงาน การผลิต และดึงเศรษฐกิจจริงให้คนในประเทศมีกำลังซื้อและลงทุนเพิ่มได้

 

ด้านนายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร กล่าวว่า แนวโน้มเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นและมีโอกาสเกิดปัญหาเงินเฟ้อได้ จากปริมาณเงินที่ไหลเข้ามามากและดอกเบี้ยคงยังไม่ขยับขึ้น

 

แนวโน้มสหรัฐน่าจะมีการพิมพ์เงินออกมาเรื่อยๆ ไปจนถึงปี 2558 และไม่ต้องกลัวเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่า ที่สำคัญสหรัฐไม่กลัวเงินเฟ้อ น่าจะปล่อยอัตราดอกเบี้ยต่ำไปเรื่อยๆ ด้วย จนกว่าจะแก้ปัญหาได้

 

“สหรัฐน่าจะใส่เงินเข้าไปในระบบไปเรื่อยๆ ปัญหาคือ ใส่เข้าไปเท่าไรก็ไม่พอ เพราะรัฐบาลใช้เงินเยอะมาก มีปัญหาการคลังมานาน ประเมินว่าเศรษฐกิจน่าจะโตแค่ 2%” นายศุภวุฒิ กล่าว

 

ขณะนี้ยูโรโซนยังไม่ได้ข้อสรุปการแก้ปัญหาที่ชัดเจน ยังไม่แน่ว่ากรีซจะออกจากกลุ่มหรือไม่ เศรษฐกิจของประเทศเล็กๆ แย่ลงค่อนข้างมาก เจ้าหนี้ก็ขอให้มีมาตรการรัดเข็มขัด คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้าจะโตติดลบ 0.7% และคงล้มลุกคลุกคลานไปอีกนาน

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ (วันที่ 24 กันยายน 255)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'เฉลิม' เตรียมประชุม ก.ตร. วันนี้

ข่าวอาชญากรรม วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ.2555 8:24น.

 

406300-01.jpg

 

"เฉลิม" เตรียมเป็นประธานประชุม ก.ตร. พิจารณาเปิดตำแหน่ง ที่ปรึกษา สบ10 (ด้านสืบสวน) เพิ่มเติมอีก

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เตรียมเป็นประธาน การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 13/2555 ในเวลา 10.30 น. โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญและน่าจับตา คือ การกำหนดตำแหน่งที่ปรึกษา สบ10 ด้านสืบสวน หลังจากการประชุม ก.ตร.ก่อนหน้านี้ มีคำสั่งให้ อนุ ก.ตร. ด้านบริหารทรัพยากรบุคคลพิจารณาก่อน ทั้งนี้ หากผ่านมติ ก.ตร. จะต้องนำเรื่องเสนอไปที่ คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ

หรือ ก.ต.ช. ที่มี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อขอให้เปิดตำแหน่งขึ้นมาก่อนที่จะเข้าที่ประชุม ก.ตร. อีกครั้ง เพื่อเสนอรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมขึ้นดำรงตำแหน่ง ซึ่งโดยปกติ การเลื่อนตำแหน่ง ผช.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่าที่ปรึกษา สบ10 จะต้องเรียงลำดับอาวุโส ซึ่ง ผช.ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 1 คือ พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ แต่หากอาวุโสอันดับ 1 มีคุณสมบัติไม่ครบ ก็สามารถเลือก ผช.ผบ.ตร. อาวุโสลำดับถัดไปก็ได้ คือ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี นอกจากนี้ ยังมีวาระการประชุมอื่นๆ ที่ค้างการพิจารณา อาทิ การปรับโครงสร้างและกำหนดตำแหน่งระดับ พล.ต.ต. ให้กับ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ, การปรับโครงสร้างและกำหนดตำแหน่งให้กับ สำนักงานกฎหมายและคดี เป็นต้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชาวสเปน ประท้วงต่อต้านนโยบายรัดเข็มขัด

ข่าวต่างประเทศ วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ.2555 7:45น.

406292-01.jpg

 

ชาวสเปน ชุมนุมประท้วงต่อต้านนโยบายประหยัดของรัฐบาล กระทบวิถีชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง

สำนักข่าว เอเอฟพี รายงาว่า ชาวสเปน หลายร้อยคน รวมทั้ง ชนพื้นเมืองจำนวนมาก พากันเดินขบวนกลางกรุงมาดริด ประท้วงนโยบายประหยัดรัดเข็มขัดของรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างรุนแรง ทั้งนโยบายปรับขึ้นภาษีไม่เฉพาะกับกลุ่มคนรวย ทำให้ กลุ่มคนยากจนได้รับผลกระทบไปด้วย

 

ขณะที่ รัฐบาล ยังไม่ตัดสินใจกู้เงินต่างชาติเยียวยาแก้ปัญหาวิกฤติหนี้สินของประเทศ อีกทั้ง อัตราการว่างงานของประชาชน สูงขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ที่เกือบ 1 ใน 4 คน จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เคยรุ่งเรือง กลับมาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง  สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ แย่ลงตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

 

สภาวะธนาคารสเปนกำลังทรุดต้องรีบอัดฉีด

ข่าวต่างประเทศ วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ.2555 7:38น.

 

ผลการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแกร่งต่อภาคธนาคารของประเทศสเปน ระบุ สถาบันการเงินสเปน อาจต้องได้รับการอัดฉีดเม็ดเงินอีก มากกว่า 100,000 ล้านยูโร

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงาน อ้างผลการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแกร่งของสถาบันการเงิน หรือ สเตรส เทส แบบรายสถาบันการเงินของสเปน  ซึ่งจะเผยแพร่สู่สาธารณชนช่วงปลายสัปดาห์นี้ ระบุว่า ธนาคารจำนวนมากของสเปน ต้องแบกรับหนี้เสียจำนวนมาก และจำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มทุนและปรับโครงสร้างองค์กรเป็นการด่วน มิฉะนั้น อาจต้องปิดตัวลง โดยเม็ดเงินที่คาดว่า ภาคธนาคารของสเปน ต้องการเพื่อใช้แก้ปัญหานั้น อาจสูงถึง 100,000 ล้านยูโร ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  ธนาคารกลางของสเปน เพิ่งออกมาเปิดเผยว่า ปริมาณหนี้เสียในภาคการเงินของประเทศ พุ่งสูงขึ้นถึงเกือบ 1 ใน 10 ของการปล่อยกู้ทั้งหมด ถือเป็นสัดส่วนหนี้เสียที่สูงที่สุดของสเปน

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มุสลิมฮ่องกงประท้วงหนัง-การ์ตูนหมิ่นศาสดา

ข่าวต่างประเทศ วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ.2555 7:29น.

 

ชาวมุสลิมหลายพันคน ในฮ่องกง เดินขบวนประท้วงภาพยนตร์และการ์ตูนดูหมิ่นศาสดามูฮัมหมัด ของศาสนาอิสลาม และเกิดการปะทะกับตำรวจ ขณะพยายามยื่นหนังสือถึงสถานกงสุลสหรัฐฯ

ตำรวจและผู้จัดการประท้วง ประเมินว่า มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 3,000 คน ถือป้ายประณามภาพยนตร์และการ์ตูนดังกล่าว ไปทั่วเมือง และตะโกนยกย่องพระเจ้าว่า เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ชุมนุม ซึ่งมีสตรีคลุมศีรษะและเด็ก เข้าร่วมด้วย เกิดการปะทะกับตำรวจเล็กน้อย ขณะพยายามฝ่าแนวกั้นรอบสถานกงสุล หวังเข้าไปยื่นหนังสือร้องเรียน

 

ด้านกลุ่มตัวแทนชาวมุสลิม 300,00 คน ในฮ่องกง กล่าวก่อนการเดินขบวน ว่า เสรีภาพในการแสดงออกไม่ควรนำมาใช้ดูหมิ่นศาสนาอื่น ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ศาสดามูฮัมหมัดถูกดูหมิ่น พร้อมกับประณามภาพยนตร์และการ์ตูนดังกล่าวว่า มีความประสงค์ร้าย ดูหมิ่น และเสื่อมเสีย

 

กต.USA จวก CNN แพร่บันทึกทูตถูกสังหาร

ข่าวต่างประเทศ วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ.2555 7:36น.

 

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ วิพากษ์วิจารณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นอย่างรุนแรง เรื่องนำบันทึกของเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำลิเบีย ที่ถูกสังหารในเมืองเบงกาซี มาเผยแพร่ ทั้ง ๆ ที่ครอบครัวไม่อนุญาต

นายฟิลิป เรนส์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น นำบันทึกส่วนตัวของ นายคริสโตเฟอร์ สตีเวนส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำลิเบีย ที่พบในจุดที่เขาและเจ้าหน้าที่อเมริกันอีก 3 คน ถูกสังหาร เมื่อฝูงชนบุกสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเบงกาซีของลิเบีย เมื่อวันที่ 11 กันยายน มาใช้ในการรายข่าว ทั้ง ๆ ที่ครอบครัว นายสตีเวนส์ ไม่อนุญาต

 

ซีเอ็นเอ็น นำบันทึกของผู้ถูกสังหาร ซึ่งเป็นผู้รับใช้ประเทศออกมาจากจุดเกิดเหตุมาอ่าน แล้วส่งต่อให้คนอื่น ๆ ในห้องข่าวได้อ่านจนหนำใจ แล้วจึงคิดถึงเรื่องขออนุญาตจากครอบครัว หรือ แจ้งเจ้าหน้าที่  นายเรนส์ ระบุว่า พนักงานซีเอ็นเอ็น ได้โทรศัพท์หาครอบครัวของ ทูตสตีเวนส์  เรื่องขอนำเนื้อหาในบันทึกไปเผยแพร่ แต่ไม่ยอมให้ครอบครัวได้เห็นเนื้อหาก่อนตามที่พวกเขาต้องการ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...