ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ราคาทองมาเด้งตอนนายเบน เบอร์นันเก้ ตอบคำถามนักข่าว ในสิ่งที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ After that, The Federal Reserve's chairman Ben Bernanke stated in the Q&A after his speech on the Fed's century that "inflation and jobs are signaling more stimulus needed." Overall Bernanke's comments were very dovish as he is concerned about "highly-levered risk taking" positions. He stated that "if we had not mentioned taper, we might have seen more risk taking, more divergence between market expectations and ours."

 

Bernanke linked the QE and interest rates to the 6.5% unemployment target. But it will be "some time after" this number to see the first rate hike. However, according to the Chairman, the "housing sector has been positive for economy," but "low inflation is not good for economy." 555 ในขณะที่ บางค่ายบางสำนักฯ ไม่ได้ให้ความสำคัญของ นายเบน ครั้งนี้ เพราะคิดว่า เป็นการสอนหนังสือแบบทุกครั้งที่ผ่านมา ขาใหญ่มันคอยหาจังหวะจริงๆ เพราะในรายงาน Fed ก็คงยังมีคำบางคำที่กล่าวถึงการลดวงเงิน QE

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอนนี้ เรามาไล่ดู กราฟรหัสฯ กันนะครับ เริ่มจาก 12,26,9 แบบดั้งเดิม ในกราฟฯ ราคาปิดอยู่ที่ $1261 แต่ของจริงตอนนี้ อยู่ระดับ $1282-1284 ต่างกันถึง $23-24 ซึ่งกราฟรหัสฯ 12,26,9 ตัดกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าใครมองยึดเล่นดู รหัสฯ นี้ ก็ต้องพูดว่า " เหอะๆๆ เริ่มเข้าถือในสถานะซื้อได้สักที เต็มพอร์ต สลึงเดียว หลับตาซื้อไปเลย ถึงแม้ราคาสูงขึ้นมาแล้ว ก็จะสูงขึ้นๆๆ ไปอีก " ราคาทองจะไปต่อได้อีก กว่าจะให้ซื้อได้ ขึ้นมาเกือบ 60-70 เหรียญ หรือขึ้นมาจากราคาขายในประเทศ 18,200 บาท

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในส่วนของกราฟรหัส 5,35,9 แบบส่งสัญญานนำทาง Signal ให้อยู่ในสถานะซื้อ ถือสู้ทนต่อไป สำหรับคนที่ซื้อเข้ามา หรือ มีดอยฯ เพื่อลุ้นให้ดอยเป็นเนิน " ถือทน ทนถือ " กันต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันพุ่งอุปสงค์มะกันแกร่ง หุ้นมะกัน-ทองคำทรงตัวตามรายงานผลประชุมเฟด

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2556 04:29 น.

 

เอเอฟพี/ซีเอ็นเอ็น - ราคาน้ำมันพุ่งแรงเมื่อวันพุธ(10) หลังสต๊อกเชื้อเพลิงมะกันลดลงมากกว่าที่คาด บ่งชี้ถึงอุปสงค์อันแข็งแกร่ง ส่วนวอลล์สตรีทปิดทรงตัวและทองคำบวกเล็กน้อย ตามรายงานผลประชุมเฟดที่เผยแพร่ออกมาวานนี้

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 2.99 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ ปิดที่ 108.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ตลาดน้ำมันได้ปัจจัยหนุนจากรายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองของสหรัฐฯฯที่ดีเกินคาดหมาย ด้วยสํานักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA)ระบุว่าในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 กรกฎาคม สต๊อกน้ำมันดิบลดลงถึง 9.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้กว่า 3 เท่า หลังจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ก็ลดลงเกือบ 10 ล้านบาร์เรลเช่นกัน

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(10) ปิดในกรอบแคบๆ หลังรายงานการประชุม(minutes) ของธนาคารกลางอเมริก(เฟด) ยืนยันว่าพวกเขากำลังมุ่งสู่การถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ QE ตามคาดหมาย

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 8.45 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,291.89 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 16.50 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,520.76 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.32 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,652.64 จุด

 

ในรายงานการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(10) เผยให้เห็นว่าสมาชิกส่วนใหญ่อยากยกเลิกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้าช่วงกลางปี 2014 อันเป็นเป้าหมายเดิมที่ทาง เบน เบอร์นันกี ประธานเฟดเคยแถลงเอาไว้

 

"ไมีมีอะไรให้น่าประหลาดใจแม้แต่น้อย" อลัน คราอินกา หัวหน้าฝ่ายลงทุนของคอร์เนอร์สโตน เวลท์ แมเนจเมนท์ กล่าว "มันก็เป็นแค่การกระชับมุมมองว่าจะค่อยลดระดับ QE เร็วๆนี้ แต่ระดับและช่วงเวลาที่แน่ชัดจะขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจ"

 

อย่างไรก็ตามด้วยข้อมูลในรายงานที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐฯหลายคน ต้องการเห็นตลาดงานอยู่บนพื้นฐานที่แข็งแกร่งเสียก่อน แล้วค่อยถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ช่วยผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุน และช่วยให้ราคาทองคำวานนี้(10) ปิดบวกได้เล็กน้อย ทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,247.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราฟรหัส 7,5,2 ที่เส้นสีแดงอยู่เหนือเส้นสีดำ ก็ยังคงอยู่ในสถานะซื้อต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

****** ข้อคิดสะกิดเตือนใจ วันนี้ ( 555 บ่นอีกแล้ว) *********

 

เนื่องจาก ราคาทองช่วงที่ผ่านมาขึ้นลง ผันผวน แบบว่าถ้าได้ก็ได้หลาย ถ้าเสียก็เสียเยอะ ( ผมกล่าวเฉพาะทองแท่งตัวเป็นๆ ที่ซื้อร้านทองตู้แดง นะครับ ) การที่จะยึดถือในกราฟรหัสฯ เป็นสรณะ คือ ตั้งมั่น ยึดมั่น ถือมั่น ในสัญญานรหัส MACD ทั้ง 3 รหัสฯ ผสมผสานกัน ก็ต้องเริ่มจาก จุดตัดเส้นดำ และ เส้นแดง ตั้งแต่ต้นๆ ช่วงแรกๆ ที่เริ่มตัดของ 5,35,9 และ 7,5,2 สำหรับ รหัสฯ 12,26,9 ผมไม่ยึดถือมั่น เพราะเสี่ยงมากที่ตัดแล้ว ราคาทองจะร่วง จากการที่ราคาได้ขึ้นมาก่อนหน้ามากพอสมควรแล้ว และ เป็นสิ่งที่นักลงทุนมองเพื่อล่อแมงเม่า

 

ดังนั้น เมื่อกราฟ 5,35,9 และ 7,5,2 ตัดกันแล้วในวันแรก และ วันที่สอง และไม่ได้ทยอยเข้าซื้อตาม แต่มาทยอยเข้าซื้อในวันที่ 3 ยกตัวอย่าง ทยอยเข้าครั้งแรกที่ 18,200 บาท และทยอยเข้าครั้งที่ 2 ที่ราคา 18,500 บาท และสมมุติวันนี้ ราคาสมาคมฯ เปิดที่ 19,200 บาท คนที่ไม่ได้ทยอยเข้า โดยรอดูสถานการณ์ และมาซื้อเข้าพร้อมรหัส 12,26,9 ที่ราคา 19,200 บาท นั้นคือคุณฯ เข้าซื้อ จากราคาทองที่ขึ้นมา 3 วันติดต่อกัน โดยที่วันที่ 4 ราคาทองอาจมีย่อลงบ้าง ใครที่พึ่งซื้อ ก็ต้องยอมรับความจริงที่จะต้องเผชิญ ความเสี่ยงที่เพิ่มตามมาด้วยนะ ทองเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ มีขึ้นมีลง ขึ้น 4 วันลง 2 วันก็เป็นปกติธรรมดา ในยุคสมัยนี้

 

เล่นทอง มันก็เสี่ยงตั้งแต่แหย่ขาลงสนามฯ แล้ว จะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อย

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ศาลจำคุกพนักงานขายทอง155ปี

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2556 เวลา 15:58 น.

ศาลจังหวัดทุ่งสง พิพากษาจำคุก 2 สาวพนักงานขายและบัญชีห้างทองในข้อหา ฉ้อโกง คนละ 155 ปี

218180.jpg

ผู้สื่อข่าว จ.นครศรีธรรมราช รายงานมาเมื่อวันที่ 10 กค.นี้ ว่า ที่ศาล จังหวัดทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ผู้พิพากษาศาลได้มีการอ่านคำพิพากษาตัดสิน น.ส.บุษรา ประพฤติชอบ และ น.ส.โสภา การดี 2 จำเลย ในคดี ข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ โดยตัดสินจำคุกคนละ 155 ปี ซึ่งเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระของจำเลย

 

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 20 กพ.2555 น.ส.บุษบา ประพฤติชอบ อายุ 31 ปี และ น.ส.โสภา การดี อายุ 26 ปี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานขายและพนักงานบัญชีของ ห้างทอง ศาสตร์สุวรรณ สาขาบางขัน 2 อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ได้ถูกตำรวจ สภ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช จับกุมตัวพร้อมยึดของกลางเป็นทองรูปพรรณ น้ำหนัก รวม 58 บาทกลับมาได้รวมมูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท โดยทั้งสองร่วมกันลักทรัพย์ทางร้านด้วยการแจ้งความเท็จว่าถูกโจรปล้นร้านทอง หลังจากที่ตำรวจได้ตรวจสอบและสอบสวนแล้วทราบว่าเป็นการแจ้งความเท็จ จึงได้จับกุมตัวสองพนักงานสาวพร้อมกับติดตามเอาทองรูปพรรณกลับมาได้จำนวนหนึ่ง จึงควบคุมคนทั้งสองมาดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์และแจ้งความเท็จจนกระทั่งถูกศาลตัดสินจำคุกในข้อหา ลักทรัพย์และแจ้งความเท็จ คนละ 3 ปี

 

ต่อมาศาลได้พิพากษาจำคุกคนละ 155 ปี ในข้อร่วมกันฉ้อโกง ทั้งนี้ก่อนที่จำเลยทั้งสองจะถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์และแจ้งเท็จนั้นจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันปลอมแปลงและทำบัญชีเท็จว่ามีลูกค้านำเครื่องทองรูปพรรณมาจำนำที่ห้างจำนวน 155 ราย คิดเป็นทองรูปพรรณ หนัก รวม 101 บาท และฉ้อโกงเงินของทางห้างไปประมาณ 2 ล้าน 6 แสน บาท เมื่อศาลได้สืบพยานโจทย์แล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระจึงได้ตัดสินความผิดพิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสองกระทงละ 2 ปี ( รายชื่อลูกค้าที่คนทั้งสองทำเท็จขึ้นมา) แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 155 กระทง คงจำคุกคนละ 155 ปี ดังกล่าว.

 

http://www.dailynews.co.th/thailand/218180

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คาดราคาทองสิ้นปีนี้แตะระดับ18,157บาท

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

 

 

news_img_516404_1.jpg

 

 

 

13

 

 

0 TOOLS

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คอลัมน์อื่นๆ

สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดราคาทองสิ้นปีนี้จะปรับลดลงมาอยู่ที่ 18,157 บาท แนะลดพอร์ตทอง- Gold Futures เหลือ 7%

 

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า สมาคมนักวิเคราะห์ประเมินว่าราคาทองคำ ณ สิ้นปี 2556 จะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 18,157 บาทต่อบาททองคำ จากก่อนหน้านี้ที่เคยประเมินไว้ที่ 24,334 บาทต่อบาททองคำ โดยประเมินว่าในปีหน้าราคาทองคำจะยังอยู่ในระดับลดลงอยู่ที่ 17,658 บาทต่อบาททองคำ

ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวดีอย่างชัดเจน ซึ่งโดยธรรมชาติหากเศรษฐกิจดีขึ้นตลาดทุน ตลาดหุ้น ก็จะดีขึ้นตามไปด้วย โดยตลาดทองคำก็จะปรับตัวลดลง

"สังเกตให้ดีวงจรมักจะเป็นอย่างนี้เสมอ เวลาหุ้นขึ้น ทองก็จะลง ยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนก็จะนำเงินเข้าสู่ตลาดทุนมากยิ่งขึ้น ทองก็จะลดลง ซึ่งโดยธรรมชาติมันเป็นแบบนั้น นอกจากนี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มเป็นขาขึ้นในระยะกลางและระยะยาวก็ เป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันให้ราคาทองลด ลงด้วย เพราะดอกเบี้ยขึ้น ตราสารหรือพันธบัตรต่างๆ ก็จะมีความน่าสนใจลดลง ซึ่งนักลงทุนต่างๆ ที่เคยเข้ามาเก็งกำไรจากตราสารต่างๆ หรือทองก็จะมีการถอนออกไป เพื่อไปลงทุนในสิ่งที่ได้ผลตอบแทนมากกว่า"นายสมบัติ กล่าว

ทั้งนี้ สมาคมนักวิเคราะห์ ได้ให้คำแนะนำในการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ได้ค่าเฉลี่ยดังกล่าว ทองคำ และ Gold Futures จาก 10% เหลือ 7% หุ้นสามัญ หรือกองทุนในประเทศ จาก 40% เหลือ 32% หุ้น หรือกองทุนต่างประเทศ จาก 12% เป็น 18% ตราสารหนี้และกองทุนตราสารหนี้จาก 22% เป็น 18% เงินสดและเงินฝากจาก 15% เป็น 21% ขณะที่สินทรัพย์อื่นๆ อาทิ กองทุนอสังหาฯ สินโภคภัณฑ์ ฯลฯ จาก 1% เป็น 4%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนะเลี่ยงเส้นทางรอบจุฬาฯ-สวนอัมพร

ข่าวสังคม วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2556 8:31น.

 

ช่วงเช้านี้ไม่ผบกลุ่มฝนใน กทม. แนะเลี่ยงเส้นทางรอบ จุฬาฯ และสวนอัมพร มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตร

เรดาร์รายงานสภาพอากาศ กทม. ตรวจสอบสภาพฝนจากเรดาร์ช่วงเช้าไม่พบกลุ่มฝนในเขตกรุงเทพมหานคร

แต่มีฝนอ่อน อ.เมืองสมุทรปราการ อ.บางพลี อุณหภูมิที่สำนักการระบายน้ำ 26.8 องศาเซลเซียส

 

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต ประจำปีการศึกษา 2555 ระหว่างวันที่ 11 - 12 กรกฎาคม 2556 ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เวลา 09.00 น. และ 14.00 น. แนะนำเลี่ยงเส้นทางถนนพญาไท, ถนนพระรามที่ 1, ถนนอังรีดูนังต์, ถนนพระรามที่ 4

 

ทั้งนี้วันนี้ จะพิธีพระราชทานปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคกลาง (มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา และมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี) ที่อาคารใหม่สวนอัมพร ผู้ที่จะมาร่วมแสดงความยินดี แนะนำใช้บริการรถโดยสารประจำทางเพื่อลดปัญหาการจราจร สำหรับท่านที่ไม่มีความจำเป็นโปรดหลีกเลี่ยงเส้นทางถนนราชวิถี, ถนนศรีอยุธยา, ถนนอู่ทองใน และ ถนนราชดำเนินนอก

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ช่วงถามตอบ ของนายเบน เบอร์นันเก้ ที่เป็นช่วงผันผวน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในขณะนี้หลายคนคงจะสงสัยว่าแท้จริงแล้ว การลงทุนทองคำยังคงน่าสนใจอยู่หรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะยาว

 

บทความนี้ จะขอนำเสนอการวิเคราะห์ถึงข้อได้เปรียบและเสียเปรียบในการลงทุนทองคำ จากมุมมองที่เป็นการลงทุนในระยะปานกลางถึงระยะยาว ให้ท่านผู้อ่านลองพิจารณาและนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจลงทุนของท่านต่อไป

 

ผมขอเริ่มจากข่าวร้ายก่อน แต่ไหนแต่ไรมา ทองคำมักจะได้รับการขนานนามว่า เป็น สินทรัพย์ซึ่งเสมือนสวรรค์ที่ปลอดภัยไว้ป้องกันความเสี่ยงของการลงทุนประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในหุ้น ดังนั้น หากเรานำข้อมูลผลตอบแทนของหุ้นและทองคำมาเปรียบเทียบกัน ทองคำจะถือว่าเป็นสวรรค์ของนักลงทุนอย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อ ในยามที่ผลตอบแทนของหุ้นลดลง ผลตอบแทนของทองคำจะต้องมีค่าเพิ่มขึ้น นั่นคือ ในรูปที่ 1 ผลตอบแทนรายเดือนของหุ้น S&P500 ของสหรัฐ ซึ่งแทนด้วยแกนนอนของรูปดังกล่าว จะต้องอยู่ทางด้านซ้าย ในขณะเดียวกัน ผลตอบแทนรายเดือนของทองคำ ซึ่งแทนด้วยแกนตั้งในรูป จะต้องอยู่ด้านบน นั่นหมายถึงจุดส่วนใหญ่ควรจะอยู่ด้านซ้ายบน หรือ Quadrant ที่สอง ของรูปที่ 1 ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วมีอยู่เพียงร้อยละ 20 ของข้อมูลรายเดือน ทั้งหมดระหว่างปี 1975-2012

 

นั่นก็หมายความว่า ทองคำที่มักกล่าวขานกันว่าเป็น สินทรัพย์ซึ่งเสมือนสวรรค์ที่ปลอดภัยไว้ป้องกันความเสี่ยงของการลงทุนประเภทอื่นๆ นั้น ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่นั้น จากข้อมูลข้างต้นก็ยังดูคลุมเครืออยู่

 

ข่าวร้ายที่สอง อุปสงค์ของทองคำหรือผู้ที่ถือทองคำ ที่มีสัดส่วนมากที่สุดในปัจจุบัน มิใช่มีเพียงแค่บรรดาธนาคารกลางต่างๆ ในโลกเพียงเท่านั้น แต่ที่มีอยู่มากไม่แพ้กัน ได้แก่ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ ที่ชื่อว่า SPDR Gold Trust ดังรูปที่ 2 ซึ่งการซื้อขายจะขึ้นอยู่กับเหตุผลของกำไรและขาดทุนเป็นหลัก ดังนั้นการผันผวนของราคาทองคำในอนาคต จึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ

 

มาถึงข่าวที่ว่าจะดีก็ไม่ดี จะร้ายก็ไม่ร้ายทีเดียว ในประเด็นของหน้าที่ทองคำในการเป็นการลงทุนที่ไว้ป้องกันอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น หากมองไปในปีนี้หรือปีหน้า มีความเป็นไปได้สูงว่าปัญหาเงินเฟ้อคงจะไม่ใช่ประเด็นหลักของเศรษฐกิจประเทศต่างๆ อย่างไรก็ดี ภายใต้ความเห็นพ้องต้องกันของบรรดานายธนาคารกลางในยุคปัจจุบันที่เชื่อว่าปัญหาเงินฝืดน่าจะแก้ได้ยากกว่าปัญหาเงินเฟ้อ จึงน่าจะเชื่อได้ว่าอัตราเงินเฟ้อในอนาคตคงจะไม่อยู่ในระดับที่ต่ำดังที่เป็นอยู่เช่นนี้ในปัจจุบันได้ตลอดไป ซึ่งนั่นก็หมายความว่าราคาทองคำซึ่งโดยปกติมีหน้าที่สู้กับอัตราเงินเฟ้อโดยตรง ย่อมจะมีโอกาสอยู่ไม่น้อยที่ราคาจะสูงขึ้นได้ ดังรูปที่ 3

 

แล้วคราวนี้ก็มาถึงข่าวดีของนักลงทุนทองคำกันบ้าง ซึ่งมีอยู่อย่างน้อย 2 ประการ ดังนี้

 

ข่าวดีแรก ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ต่างๆ ในโลก ไม่ว่าจะเป็นตารางเวลาของการลดขนาด QE หรือ QE Tapering ของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด รวมถึงการที่เฟดจะต้องเริ่มเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือ Exit Strategy ว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมากน้อยแค่ไหน หรือ จะเป็นเหตุการณ์ที่เศรษฐกิจจีนอาจจะกลับมาอยู่ในโหมดภาวะซบเซา จากปัญหาความไม่สมดุลของการเติบโตเศรษฐกิจที่พึ่งพาการลงทุนมากเกินไป จากความไม่โปร่งใสของระบบการเงินในจีนที่ไม่แน่ว่ากำลังรอวันระเบิดออกมา หรือแม้แต่จากสินเชื่อที่มีปัญหาซึ่งซ่อนตัวอยู่ในแบงก์รัฐของจีน ล้วนส่งผลให้โอกาสของราคาทองคำกลับมาสูงขึ้นอีกครั้งนั้นเป็นไปได้เสมอ

 

ข่าวดีที่สอง หากพิจารณาจากกำลังการผลิตทองคำในปัจจุบันของโลกที่ 2,500 ตันต่อปี และการคาดการณ์ของอุปทานที่ยังเหลือไว้ผลิต 51,000 ตัน ตามการคาดการณ์ของ U.S. Geological Survey (USGS) จะพบว่าการผลิตทองคำจะต้องหยุดลงในอีก 20 ปีต่อจากนี้ เนื่องจากไม่มีทรัพยากรที่เหลือพอให้สามารถผลิตได้ ซึ่งหากเป็นจริงดังที่กล่าวไว้ ทองคำก็จะกลายเป็นสินค้าที่มีอุปทานจำกัด คงไม่ต้องพูดถึงราคาในอนาคตว่าจะสดใสเพียงใด อย่างไรก็ดี ขอย้ำว่าการคาดการณ์ดังกล่าวมาจาก USGS ครับ

 

ผมขอให้ท่านผู้อ่าน ลองชั่งน้ำหนักดูจากข้อดีและข้อเสียข้างต้น สำหรับการลงทุนทองคำเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในระยะปานกลาง

 

หมายเหตุ : หนังสือด้านการลงทุนด้วยข้อมูลเชิงมหภาคเล่มใหม่ล่าสุดของผู้เขียน “เล่นหุ้นต้องใช้ใจ... รวยได้ไม่รู้จบ” เริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศแล้ว และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นการลงทุน ได้ที่ www.facebook.com/MacroView และ bonthr.blogspot.com ครับ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 11 กรกฎาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไปในปีนี้

 

คณะกรรมการบริหารบีโอเจจะคงขอบเขตการซื้อพันธบัตรไว้ในการประชุมที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยการประชุมวันแรกได้เปิดฉากขึ้นแล้วในวันนี้ ขณะที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น

 

การที่ผู้ว่าการบีโอเจ นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ เลี่ยงใช้มาตรการพิเศษเพื่อลดภาวะผันผวนในตลาดพันธบัตรเมื่อเดือนมิถุนายน ส่งผลให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์มองว่า ผู้ว่าการบีโอเจจะยังไม่ดำเนินการเพิ่มเติม หลังจากที่ใช้มาตรการอย่างหนักหน่วงไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน

 

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของบีโอเจนั้น บอร์ดบีโอเจมีแนวโน้มว่าจะพิจารณาปรับเพิ่มการประเมินเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการปรับเพิ่มการประเมินเศรษฐกิจเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นของภาคเอกชน รวมทั้งการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง

 

สำนักข่าวเกียวโด คาดการณ์ว่า บอร์ดบีโอเจจะพิจารณาในประเด็นที่จะเพิ่มคำว่า "การฟื้นตัว" ไว้ในแถลงการณ์ที่จะมีการเผยแพร่ภายหลังการประชุมหรือไม่ โดยจะนับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นใช้คำว่า "การฟื้นตัว" ในการประเมินเศรษฐกิจ

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ผลการสำรวจทังกันชี้ให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ในเดือนมิถุนายนกลับมาอยู่ในแดนบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลง และเศรษฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้น

 

ส่วนยอดขายของห้างสรรพสินค้าก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วย ขณะที่ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นได้กระตุ้นความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 10 กรกฎาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 18-19 มิ.ย.ระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดหลายคนมองว่ามาตรการผ่อนคลายทางการเงินใน ปัจจุบันอาจจะมีการปรับลดขนาดลงในเร็วๆนี้ เนื่องจากภาวะการจ้างงานปรับตัวดีขึ้น

 

 

แต่เจ้าหน้าที่หลายรายก็เชื่อว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ข้อมูลจ้างงานจะ ต้องปรับตัวดีขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่จะชะลอแผนการซื้อสินทรัพย์ดังกล่าว

 

นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อเดือนที่แล้วว่า มาตรการผ่อนคลายทางการเงินในปัจจุบันอาจจะมีการปรับลดลงภายในปีนี้

 

สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) หลายรายที่มีสิทธิออกเสียงระบุว่า “การลดขนาดการซื้อสินทรัพย์มีแนวโน้มที่จะมีความเหมาะสมในเร็วๆนี้ หลังจากการว่างงานลดลงมากขึ้นนับแต่การประชุมเดือนก.ย. และการจ้างงานในภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" รายงานระบุ

 

เฟดได้ดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 หรือ QE3 ซึ่งเป็นการซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนในการประชุมเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว

 

แต่รายงานการประชุมก็ระบุด้วยว่า “สมาชิกคณะกรรมการจำนวนมากชี้ว่าแนวโน้มตลาดแรงงานจะต้องปรับตัวดีขึ้น มากกว่านี้ ก่อนที่จะมีความเหมาะสมในการชะลอขนาดการซื้อสินทรัพย์"

 

รายงานการประชุมแสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมการประชุม ซึ่งรวมถึงสมาชิกที่ไม่มีสิทธิออกเสียง ได้มีความคิดเห็นแตกต่างกันในประเด็นที่ว่าจะยุติการซื้อสินทรัพย์เมื่อใด

 

“ราวครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมประชุมระบุว่ามีแนวโน้มที่จะมีความเหมาะ สมในการยุติการซื้อสินทรัพย์ในปลายปีนี้ ขณะที่ผู้เข้าร่วมประชุมรายอื่นๆจำนวนมากระบุว่าดูเหมือนจะมีความเหมาะสมใน การซื้อสินทรัพย์ต่อเนื่องไปในปี 2557" สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

 

ที่มา: ทันหุ้น(วันที่ 11 กค.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีเฮียเด็กขายของ และเพื่อนๆทุกท่านครับ ไม่ได้ล๊อกอินเข้ามาทักทายซะนาน ขอบคุณทุกข้อมูลข่าวสารครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...