ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ทองตลาดโลกพุ่ง 2 วันติด ปรับเพิ่มขึ้นอีก 11 ดอลลาร์/ออนซ์ (1/07/2556)

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การซื้อขายทองคำที่ตลาดนิวยอร์ก(COMEX) เมื่อคืนที่ผ่านมา (9 ก.ค.) ปรับเพิ่มขึ้นอีก โดยราคาส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 11 ดอลลาร์ หรือ 0.89% ปิดตลาดที่ระดับ 1,245.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ เพราะได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นเกินคาดของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนที่ขยายตัว 2.7% ในเดือนมิ.ย. เกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวที่ระดับ 2.5%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 10 กรกฎาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หายใจโล่งไปได้อีกสักระยะหนึ่ง เมื่อสหภาพยุโรป (อียู) ลงมติเห็นชอบร่วมกันในการให้เงินช่วยเหลืออีกงวดแก่กรีซ มูลค่า 3,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากพอจะบรรเทาความวิตกกังวลของนักลงทุนในตลาดเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตหนี้ สาธารณะของภูมิภาคยุโรปโดยรวม

 

กระนั้น นักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนใหญ่ต่างตระหนักดีว่า ปัญหาหนี้ยุโรปยังคงเรื้อรังและหายขาดได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งเป็นที่พึ่งและความหวังที่จะช่วยฉุดเศรษฐกิจของประเทศผู้ใช้เงินสกุลยู โร (ยูโรโซน) และชาติสมาชิกอียูทั้งหมดออกจากหล่มหนี้และภาวะถดถอย ตกอยู่ในสภาพที่แทบจะไม่เหลือเครื่องมือหรือทางเลือกใหม่ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาสักเท่าไรนัก

 

ทั้งนี้ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อีซีบีได้สร้างความประหลาดใจเล็กน้อยให้กับนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญใน ตลาด ด้วยการให้คำมั่นหนักแน่นว่า อีซีบีจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการณ์ในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 0.5% ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง

 

เพราะท่าทีดังกล่าวของอีซีบีผิดแผกจากหลักการและแนวทางที่เคยยึดถือเชื่อ มั่น และยืนกรานหนักแน่นมาตลอดว่าจะไม่เข้าช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาหนี้โดย ตรงเด็ดขาด

 

แต่แม้จะผิดจากธรรมเนียมนิยมของอีซีบี ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ก็ไม่ได้ผิดคาดจากสิ่งที่นักลงทุนในตลาดคาดหวังเอา ไว้เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากส่วนใหญ่ล้วนคาดการณ์ว่า อีซีบีจะออกมาเอ่ยปากยอมรับการเปลี่ยนแปลงท่าทีของตนเองอย่างเป็นทางการ ยืนยันได้จากผลสำรวจนักวิเคราะห์ชั้นนำของสำนักข่าวรอยเตอร์สก่อนหน้านี้ ที่พบว่านักวิเคราะห์มากกว่า 60 คน เชื่อมั่นว่าอีซีบีจะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากให้อยู่ในระดับต่ำต่อ ไปอย่างน้อยภายในสิ้นปี 2556 นี้

 

แอนดรูว์ โบซอมเวิร์ธ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนอาวุโสของพิมโก บริษัทบริหารจัดการกองทุนตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า คำพูดของอีซีบีที่ส่งผ่านทางประธานกลุ่มอย่าง มาริโอ ดรากี สื่อความหมายได้อย่างชัดเจนว่า อีซีบีมีแผนและแนวทางในการจัดการกับปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป และเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นปัญหาสำคัญที่น่าหวั่นใจและน่าปวดหัวยิ่งกว่ากรณีที่อีซีบีเปลี่ยน ท่าทีก็คือ ข้อเท็จจริงที่ว่าทางเลือกในการแก้ไขปัญหาหนี้ของอีซีบีขณะนี้แทบจะไม่เหลือ สักแนวทางเดียว

 

แถมสถานการณ์ปัจจุบันที่เฟดส่งสัญญาณชะลอแผนการซื้อคืนพันธบัตร รัฐบาลสหรัฐรายเดือนภายในปีนี้ ยังบีบให้ยุโรปกำลังเผชิญความเสี่ยงกับความโกลาหลวุ่นวายของตลาดโลกในขณะที่ ตนเองยังคงอ่อนแอและไม่ฟื้นตัวจากภาวะถดถอยอย่างเต็มที่

 

ตัวอย่างผลกระทบที่เป็นสัญญาณเสี่ยงเบื้องต้นเห็นได้ทันทีจากที่ เบน เบอร์แนนคี ประธานเฟด ประกาศเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ว่าจะชะลอการซื้อคืนพันธบัตรในช่วงปลายปี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของในกลุ่มยูโรโซนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทันที เช่น พันธบัตรรัฐบาลโปรตุเกส ที่อัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นเกินระดับ 8% ซึ่งเป็นระดับที่เกือบใกล้เคียงกับเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่บีบให้โปรตุเกสต้องเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากอียู

 

แนวโน้มสถานการณ์ข้างต้น ส่งผลให้นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ รวมถึง ริชาร์ด บาร์เวลล์ นักเศรษฐศาสตร์จากอาร์บีเอส เห็นตรงกันว่า สิ่งที่อีซีบีจำเป็นต้องทำในขณะนี้ก็คือ การทำให้ตลาดเชื่อว่าอีซีบีจะลงมือทำอย่างจริงจังเสียที

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายสำนักยอมรับว่าการจะเดินหน้าลงมือทำได้นั้น อีซีบีจะต้องทบทวนแผนการปฏิบัติของตนเองให้ดีๆ เพราะมาตรการที่อีซีบีนำมาใช้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ในบางครั้งบางสถานการณ์ยังเป็นตัวขัดขวางไม่ให้อีซีบีลงมือทำงานได้อย่าง เต็มที่

 

ทั้งนี้ สำหรับปัญหาของมาตรการซื้อคืนพันธบัตรไม่จำกัดปริมาณ (โอเอ็มที) คือเงื่อนไขที่พ่วงท้ายมาด้วย โดยการสัญญาว่าจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่ประสบปัญหาโดยไม่จำกัดจำนวน ในตลาดรอง เพื่อช่วยลดดอกเบี้ยพร้อมกับนำเงินส่วนหนึ่งจากกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพ ยุโรป (อีเอสเอ็ม) มาซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่ออกใหม่ โดยแลกกับการรัฐบาลประเทศนั้นๆ ต้องลงนามยอมรับเงื่อนไขจากภายนอก ซึ่งรวมถึงการให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เข้ามาควบคุมให้เป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าว คือปัญหาที่กระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ

 

พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือว่า อีซีบีจะให้ความช่วยเหลือได้ก็ต่อเมื่อประเทศนั้นๆ เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอความช่วยเหลือก่อน พร้อมยินยอมให้คนนอกเข้ามาควบคุมตรวจสอบการบริหารจัดการประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลแต่ละประเทศยอมไม่ได้ เพราะมีแนวโน้มจะส่งผลต่อคะแนนความนิยมจากคนภายในประเทศเป็นสำคัญ

 

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดที่จนถึงขณะนี้ชาติสมาชิกอย่างรัฐบาลสเปน อิตาลี รวมถึงโปรตุเกสยังไม่เคยยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือภายใต้โครงการดังกล่าว แถมเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่าทีของอีซีบียังคงยืนยันที่จะไม่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเดิมที่กำหนดขึ้นแต่ อย่างใด

 

เพราะลำพังแค่ต้องตัดลดงบประมาณตามเงื่อนไขของอียู อีซีบี และไอเอ็มเอฟ (ทรอยกา) ในปัจจุบัน เศรษฐกิจของชาติสมาชิกก็แทบกระอัก จากภาวะถดถอยต่อเนื่องหลายเดือน

 

ขณะเดียวกัน การคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ ยังมีปัญหาตรงที่มาตรการดังกล่าวไม่ทั่วถึงเท่าเทียมสำหรับทุกชาติสมาชิก โดยสมาชิกจากชาติที่ประสบปัญหาหนี้ มักจะเผชิญกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงกว่า และจำเป็นต้องผลักภาระดังกล่าวให้กับผู้บริโภคภายในประเทศ กลายเป็นการซ้ำเติมภาวะถดถอยให้รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคไม่กล้าที่จะใช้จ่าย

 

ด้านทางเลือกที่เคยใช้อย่างมาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำผ่านตลาดซื้อคืนที่มีระยะเวลาชำระคืนยาวถึง 36 เดือน หรือการให้เงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำระยะยาว (แอลทีอาร์โอ) ที่อีซีบีให้เงินกู้แก่ธนาคารเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบถึง 2 ครั้ง คือ ช่วงเดือน ธ.ค. 2554 และเดือน ก.พ. 2555 คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านยูโรนี้ ปัญหาสำคัญก็คือ อัตราดอกเบี้ยที่ไม่ตายตัว ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่า หากอีซีบีจะออกมาตรการดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ระบบอัตราดอกเบี้ยตายตัวเพื่อ ดึงดูดนักลงทุน และช่วยให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดลดต่ำลง

 

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งลงความเห็นว่า เมื่อพิจารณาสถานการณ์ทั้งหมดข้างต้น สิ่งหนึ่งที่สามารถสรุปได้ก็คือ อีซีบีไม่อาจพึ่งพาแนวทางเดิมๆ ได้อีกต่อไป เพราะทำแล้วไม่ค่อยเห็นผล

 

ขณะเดียวกันเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมายังภูมิภาคยุโรป ซึ่งมีส่วนสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจให้เติบโต อีซีบีจำเป็นต้องประกาศวิธีการใหม่ๆ ให้เร็วที่สุด

 

ที่มา : โพสต์ทูเดย์(วันที่ 10 กค.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนวันนี้ (10 ก.ค.) โดยค่าบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31.38 บาท/ดอลลาร์ และเทรดล่าสุดอยู่ที่ 31.40 บาท/ดอลลาร์ โดยเป็นผลมาจากนักลงทุนมีการเทขายสินทรัพย์เสี่ยง หุ้น บอนด์ในภูมิภาคเอเซีย ไปซื้อสกุลเงินดอลลาร์มากขึ้น หลังศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ

 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าค่าบาทมีทิศทางปรับตัวอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ แต่เชื่อว่าระหว่างวันไม่น่าจะหลุดที่ระดับ 31.55 บาท/ดอลลาร์ โดยให้กรอบการเคลื่อนไหววันนี้ที่ 31.35-31.55 บาท/ดอลลาร์

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 10 กรกฎาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเช้านี้ โดยการนำของหุ้นกลุ่มบริษัทวัตถุดิบ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประชุมนโยบายการเงินเดือนก.ค.ในวันนี้ รวมถึงข้อมูลการค้าเดือนมิ.ย.ของจีน

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับขึ้น 0.1% แตะ 131.58 จุด เมื่อเวลา 9.22 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 14,464.82 จุด ลดลง 8.08 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 1,962.84 จุด ลดลง 2.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,841.73 จุด เพิ่มขึ้น 158.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,974.99 จุด เพิ่มขึ้น 3.81 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,835.94 จุด เพิ่มขึ้น 5.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,192.41 จุด เพิ่มขึ้น 13.78 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,325.68 จุด ลดลง 1.34 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,766.67 จุด เพิ่มขึ้น 0.18 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,890.10 จุด เพิ่มขึ้น 8.40 จุด

 

หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่ที่สุดของโลก เพิ่มขึ้น 1.5% ขณะที่หุ้นโตเซ คอร์ป ในญี่ปุ่น ร่วงลง 3.8%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 10 กรกฎาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น.

 

 

ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,249 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,249 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.29 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,550 บาท กับ 18,650 บาท และกลับมาปิดที่ 18,450 บาท กับ 18,550 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,439 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,671 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 1.3% แบบ 10 บาทเพิ่มขึ้น 0.8% GFQ13 ปิด 18,610 บาท และ GFV13 ปิด 18,710 บาท GF10Q13 ปิด 18,620 บาท GF10V13 ปิด 18,690 บาท

สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 11 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,245.9 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 10 เซนต์ ปิดที่ระดับ 19.138 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 939.75 ตัน (ขายออก 7.21 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 39 เซนต์/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 103.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 75.65 จุด ปิดที่ 15,300.34 จุด

ข่าวที่สำคัญ

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นวานนี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนส่วนหนึ่งจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของจีนที่ออกมาเพิ่มขึ้นที่ 2.7% จาก 2.1% รวมไปถึงการทำ short covering เพิ่มเติม และสัญญาณซื้อทางเทคนิค follow-through ที่แข็งแกร่งจากการปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์

SPDR เมื่อวานขายออกอีก 7.21 ตัน เหลือการถือครองทองคำเพียง 939.75 ตัน

ปริมาณการถือครองทองคำใน Gold ETP ลดลงต่ำกว่าระดับ 2,000 ตันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2010 โดยนับตั้งแต่ต้นปีทองคำถูกขายออกจาก ETP 24% หรือ 638.2 ตัน คงเหลือทองคำที่ระดับ 1,993.76 ตัน

ต้นทุนการกู้ยืมทองคำในกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง (มกราคม 2009) ที่ตลาดลอนดอนวานนี้ โดยสัญญา 1 เดือนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.2988% สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2008

เหตุการณ์ความไม่สงบในอียิปต์ยังดำเนินต่อไป แต่ยังไม่มีข่าวใดใหม่ๆ ออกมา โดยขณะนี้อียิปต์กำลังหาทางออกจากวิกฤตด้วยการจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด

ไอเอ็มเอฟลดการคาดการณ์อัตราเติบโตเศรษฐกิจทั่วโลกลงในปีนี้ที่ระดับ 3.1% และปีหน้า 3.8% ลดลงปีละ 0.2% เหตุเศรษฐกิจกลุ่มตลาดเกิดใหม่ชะลอตัว อีกทั้งยังลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตปีนี้ 1.7% และปีหน้า 2.7% คือคาดการณ์ลดลงปีละ 0.2% เช่นกันจากภาวะปัญหาทางการคลัง

เอสแอนด์พี ลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงสู่ระดับ BBB จาก BBB+ พร้อมให้แนวโน้มเชิงลบ

รายงานยอดดุลการค้าล่าสุดจากจีนเช้านี้ออกมาน้อยกว่าที่คาดเล็กน้อย แต่เพิ่มขึ้นจากเดิม

ตลาดจับตารายงานการประชุม FOMC ประจำเดือนมิถุนายนที่จะออกมาคืนนี้เวลา 01.00 น. และการแถลงการณ์ของนายเบอร์นันเก้สองเหตุการณ์นี้เป็นจุดสนใจที่สุดของตลาดในสัปดาห์นี้

ผลการประชุมเฟดเมื่อเดือนที่ผ่านมาระบุว่า ท้ายที่สุดจะมีการสิ้นสุด QE แม้นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดเน้นย้ำว่า การลดขนาด QE ต้องขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจก็ตาม แต่ตลาดไม่ได้มองเช่นนั้น โดยหลังจากมีการแถลงผลการประชุม ตลาดหุ้น ตลาดทองคำ ปรับตัวลดลงอย่างหนัก ซึ่งรายงานการประชุมในวันนี้อาจเพิ่มแรงสนใจในเรื่องการลดขนาด QE หรือการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง

หลังการรายงานผลการประชุมเฟด นายเบอร์นันเก้จะออกแถลงการณ์ ณ เวลา 03.10 น. ในหัวข้อ "100 ปี ธนาคารกลางสหรัฐ: เป้าหมาย ขอบข่ายงาน และความรับผิดชอบ"

ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้นวานนี้ ในขณะที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยได้รับความคิดเชิงบวกจากนักลงทุนหลังจากที่เริ่มช่วงรายงานผลประกอบการบริษัท และได้รับแรงหนุนจากสหรัฐปรับลดคาดการณ์ยอดขาดดุลงบประมาณ

ตลาดหุ้นนิกเกอิและฮั่งเส็งเปิดบวกเช้านี้ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเริ่มต้นการประชุมนโยบายระยะเวลาสองวันในวันนี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะไม่มีการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมในอีก 6 เดือน กลับความคิดจากผลสำรวจในเดือนพฤษภาคม

ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน

- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

ปัจจัยที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้

- Cude Oil Inventories เดิมอยู่ที่ระดับ -10.3M คาดการณ์จะปรับตัวสู่ระดับ -2.9M

- FOMC Meeting Minutes

- Fed Chairman Bernanke Speaks

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideways ในกรอบ 1,245 – 1,260 เหรียญ ในการซื้อขายเมื่อวานนี้ และในวันนี้ยังคาดว่าราคาคงจะเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ Sideways ระหว่าง 1,230 – 1,255 เหรียญใกล้เคียงกับระดับเมื่อวานนี้ โดยที่ยังคำนึงถึงข่าวที่ FOMC จะแถลงรายงานการประชุมวันนี้ และคำแถลงของนายเบอร์นันเกในภายหลัง

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำเป็นการเคลื่อนตัวในลักษณะ Sideways ซึ่งยังมีแรงเทขายจาก SPDR ต่อเนื่องอีก 7.21 ตัน คงเหลือการถือครองทองคำเพียง 939.75 ตัน

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

ยังใช้กลยุทธ์การลงทุนในลักษณะกรอบ Sideways หาจังหวะขายเมื่อราคาดีดตัวสูงขึ้น

-นักลงทุนถือ Long Position และนักลงทุนที่ถือ Short Position

สลับการถือครองไปมาเพื่อที่จะทำกำไรในกรอบ Sideways ดังกล่าว

Gold Futures Q13 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,500 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,700 บาท

Gold Futures V13 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,600 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,800 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

Tel: 02-222-6222 E: research@mtsgoldgroup.com

MTS Gold Co., Ltd. 40, 42, 44 บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด 40, 42, 44

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

***** ข้อคิดเตือนใจ พิเศษ สำหรับวันนี้ ****

 

จากข่าวสารอ้างอิง เมื่อวานนี้ตอนเช้า จากราคาทองวิ่งอยู่ที่ $1,234-1,236 แล้วทะลึ่งพรวดไปสู่ $1255-1258 นั้น เป็นเหตุมาจากการประกาศคัวเลข CPI อัตราเงินเฟ้อของประเทศจีน จาก 2.1% ขยับมาที่ 2.7% แล้วหลังจากนั้น ราคาทองก็ไม่สามารถที่จะทะลุแนวต้าน $1261.5 ไปได้ มีการย่อตัวลงมาระดับ $10-15 แล้วก็วิ่งวนในช่วงแคบๆๆ ตั้งข้อคิดสะกิดเตือนใจไว้ว่า จากราคาปิดวันจันทร์ 1234 ขยับมาปิดที่ 1249 เป็นแรงดันที่เกิดจากฝั่งเอเชีย ( เงินเฟ้อจีน ) ในขณะที่ ฝั่งยุโรป และ ฝั่งสหรัฐฯ รู้สึกว่า นักลงทุนทั้งหลายจะชะลอในการที่จะ ซื้อขาย ทองคำ จึงเกิดลักษณะราคาวนเวียนรักษาระดับราคาที่ 1250

 

ทำไม ? พวกเขาไม่คิดจะซื้อ ไม่คิดจะขาย ในขณะที่ราคาถูกดันจากฝั่งเอเชียมา 2 วันแล้ว คืนนี้ ต่อถึงรุ่งเช้าครับ Fed ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเปิดเผยเอกสารรายงานการประชุม ซึ่งมีการกล่าวอ้างมาตลอดหลังการประชุม จาก กรรมการเฟดหลายๆ คน และ สถาบันการเงิน หลายๆ แห่ง เกี่ยวกับการ Taper QE ลดวงเงินอัดฉีดเงินลงมา จาก 85,000 ล้านดอลล์ เป็นเท่าไหร่ ยังไม่มีใครรู้ เมื่อไหร่ ? เค้าก็ว่า กันยายน นี้ หรือปลายปี อีกทั้งหลังจากเปิดเผยแล้ว นายเบน เบอร์นันเก้ ก็จะออกมาพูด แต่พูดเรื่องอะไร ก็ไม่ทราบ

 

การที่ราคาทองดันขึ้นมา 2 วันติดๆๆ จากฝั่งเอเชีย จึงทำให้เส้นสัญญานฯ ทั้ง 3 รหัส เริ่มดูดีมากๆๆ มากเกินไปหรือเปล่า มีอนาคต สดใสจริงหรือเปล่า เพราอย่างที่บอก ราคาขึ้นครั้งนี้ ยุโรปและสหรัฐฯ ไม่ได้เกี่ยว แค่เลี้ยงไว้ที่เดิมเท่านั้น ฝรั่งชอบพูดว่า " ซื้อจากข่าวลือ ขายเมื่อความจริงปรากฎ " Buy on Rumour Sell in Fact " หรือสิ่งที่เกิดตะเป็นแบบนี้จริงๆๆ

 

ความน่ากลัวอีกอย่างหนึ่ง ก็คือความเชื่อส่วนตน คือ คำเสนอข่าวอาแปะ เมื่อช่วงอาทิตย์ที่แล้ว " ราคาทองจะไม่ลดลงต่ำกว่า $1100 "

 

5555555 สัญญานฯ รหัส 5,35,9 และ 7,5,2 บอกให้เข้าอยู่ในสถานะซื้อ รับทราบครับ ถูกต้องครับ แต่ที่เขียนบ่นมาข้างบน เพียงเพื่อไม่ให้หน้ามืดทุ่มเข้าซื้อทีเดียว เต็มปอด เพราะอาจมีบางคน ใจร้อน อยากรับตังค์เยอะ แทงมากได้มาก แทงน้อยได้น้อย อยากบอกว่า ซื้อได้แต่ต้องทยอยซื้อ นะครับ หรือไม่ก็ ที่มีของอยู่แล้ว ก็ลุ้นให้พุ่งสูงขึ้นต่อไปแล้วกัน

ขอบคุณค่ะป๋าสำหรับข้อคิดที่สะกิดเตือน เพราะนู๋เองก็เป็นคนนืงที่ป๋าพูดถืง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ คุณป๋าค่ะ ข่าวเเละข้อคิดสะกิดใจ ถ้าป๋าไม่เตือนก่อน คงเป็นหมูถูกนำร้อนอีกเป็นเเน่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนวรับแนวต้าน ที่อาจเริ่มตั้งแต่ เปิดตลาดยุโรป

 

Support: - 1237.46, 1213.60, 1203.80 and 1193.50(main).

Resistance: - 1249.98 and 1261.40(main)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ว้า ! เท่าเดิม เลยไม่ตื่นเต้นเลย

 

German CPI (YoY)

Actual:1.8%

Forecast:1.8%

Previous:1.8%

Importance: Currency:EURSource Of Report:Federal Statistical Office Germany (Release URL)

OverviewChartHistory

The German Consumer Price Index (CPI) measures the changes in the price of goods and services purchased by consumers.

 

A higher than expected reading should be taken as positive/bullish for the EUR, while a lower than expected reading should be taken as negative/bearish for the EUR.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

German CPI (MoM)

Actual:0.1%

Forecast:0.1%

Previous:0.1%

Importance: Currency:EURSource Of Report:Federal Statistical Office Germany (Release URL)

OverviewChartHistory

The German Consumer Price Index (CPI) measures the changes in the price of goods and services purchased by consumers.

 

A higher than expected reading should be taken as positive/bullish for the EUR, while a lower than expected reading should be taken as negative/bearish for the EUR.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**ศก.โลกชะลอ-Q4 แรงขายเพียบ ต้องระวัง

 

 

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์ทรัพย์ กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นขณะนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่จะต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะยังคงมีความน่ากังวล เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวลง ได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจาก การบริโภคในประเทศ ชะลอตัวลงเร็ว รวมไปถึงการส่งออกที่ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ รวมทั้งการชะลอการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ นอกจากนี้ นักลงทุน ยังต้องเผชิญแรงเทขาย ในช่วงไตรมาสที่ 4ของปีนี้ เพราะเชื่อว่า สหรัฐจะถอนมาตรการอัดฉีดเม็ดเงิน หรือ คิวอี อย่างแน่นอน ดังนั้น นักลงทุนจะต้องปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อนำเงินกลับไปใช้ ก่อนที่จะมีการปรับตัวอีกครั้งในส่วนของเงินดอลลาร์สหรัฐที่อาจแข็งค่าขึ้น ซึ่งมีสัญญาณจากอัตราดอกเบี้ยที่สหรัฐ ปรับขึ้นร้อยละ 0.5 - 09 ทั้งนี้ ทางสมาคมจะมีการประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้

 

 

SET ปิดตลาดที่ระดับ 1,390.55 จุด ลดลง 8.14 จุด

 

 

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ประจำวันที่ 10 กรกฏาคม 2556

ปิดตลาดที่ระดับ 1,390.55 จุด ลดลง 8.14 จุด, -0.58%

มูลค่าการซื้อขายรวม 17,702.79 ล้านบาท

 

ดัชนี SET 100 ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 2,074.43 จุด ลดลง 9.56 จุด, -0.46%

ดัชนี SET 50 ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 946.11 จุด ลดลง 3.00 จุด, -0.32%

ดัชนี SETHD ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,150.36 จุด ลดลง 3.08 จุด, -0.27%

ดัชนี MAI ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 387.16 จุด ลดลง 5.87 จุด, -1.49%

 

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ดังนี้

หลักทรัพย์ มูลค่า AOM (“000 บาท) ล่าสุด เปลี่ยนแปลง(%)

BANPU 1,033,986 234.00 +8.00 (+3.54%)

KTB 942,132 18.00 -0.20 (-1.10%)

SCB 696,962 153.00 -2.00 (-1.29%)

JAS 626,360 7.15 -0.25 (-3.38%)

PTTGC 620,708 70.75 +0.25 (+0.35%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

รบกวนสอบถามป๋าหน่อยครับว่า เห็นว่า POWER BUY ก็ลด ไม่ทราบว่าที่ป๋าไปเดินช้อปมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเกรดดีๆมาลดไหมอะครับ หรือเขาเอาของโชว์มาลดว่าจะหาตู้เย็นไว้ใช้ในห้องสักเครื่อง

ถ่ายรูปมาให้ดูครับ

::

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณป๋าคะ อยากขอความเห็นเกี่ยวกับค่าเงินบาทคะ ว่าทิศทางจะขึ้นสูงหรือลงต่ำกันแน่ แล้วการที่ กนง.คงอัตราดอกเบี้ยแล้วส่งผลยังไงต่อไปคะ เพราะว่ามันสวิงกว้างมากคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...