ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[zlatan 131]

ไม่สนุกเลย ไม่สมกับราคาของยาสีฟัน ดอกบัวคู่ ราคา 79 บาท ไปแลกตั๋วหนังดูฟรี 1 ใบ 5555555

 

แต่วันก่อนไปดู White House Down ตามป๋ามา สนุกมากครับ ปธน.ซอเยอร์นี่ฮามาก

 

ส่วนเรื่องน้องทอง ติดตามกราฟป๋าตลอด ขอบคุนมากๆครับ

[Pete 15,187]

ป๋าครับ ไปเดินเที่ยวระวังเป็นลม เพราะเห็น.... กลัวป๋าจะสู้ตายสิครับ เดี๋ยวผมรอเฝ้าไข้ช่วงบ่ายต่อครับ

จริงเหรอ

[Pete 15,187]

ฝรั่งวิเคราะห์วิเดาราคาทองยามบ่าย กล่าวว่า " สำหรับตอนนี้ ราคาทองยังไม่พบเหตุผลใด ๆ ที่จะผลักราคาให้เดินหน้าขึ้นไปได้. ผู้ค้าขายทอง และนักลงทุนในทองคำ เมินหน้าที่จะทำการค้าขาย ต่างจดๆจ้อง เสียวทั้งคู่ ในประเด็นของ Fed และ ซีเรีย จึงมีการให้แนวโน้มว่า ราคาทองจะลดลง ย่อลงกันต่อไปอีก 2-3 วัน หากยังไม่ชัดเจน ใครเป็นใคร อะไรเป็นอะไร และเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจากสหรัฐอเมริกา ที่ดีขึ้น นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ดอลลาร์ แข็งค่า / เงินตราสกุลอื่นๆ และ ราคาทอง ก็มีแต่อ่อนค่าลง พร้อมให้แนวขาเสี่ยง ดังนี้

[Pete 15,187]

Supports: 1365, 1346

Resistances: 1376, 1393, 1412, 1418

 

http://www.fxstreet.com/analysis/todays-gold-forecast/2013/09/06/

[chaiklang 161]

ขอบคุณครับป๋า เป็นไง ไทยเที่ยวไทย ได้อะไรมาบ้างครับ

[Pete 15,187]

Support: - 1350.00(main), 1345.30

Resistance: - 1384.60, 1397.52, 1404.57 and 1411.83(main)

[Pete 15,187]

ขอบคุณครับป๋า เป็นไง ไทยเที่ยวไทย ได้อะไรมาบ้างครับ

ก็ดีครับ ถือเป็นจังหวะที่ได้ซื้อ Voucher มาเก็บไว้ : ได้ที่พักโรงแรมมา 6 คืน แตกต่างกันไปตามจังหวัด , Voucher รับประทานเยอะหน่อย 15 ใบ หลายๆที่ Pullman / Ambassador / Furama / Baiyoke / Estin และ มังกรหลวง 3 ชุดๆ 500 บาท Buffet ติ้มซ้ำ

[Pete 15,187]

**ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงบ่ายนี้ ขณะนลท.จับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐ

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงช่วงบ่ายวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐ

 

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific ปรับตัวลง 0.1% แตะ 133.08 เมื่อเวลา 11.41 น.ตามเวลาฮ่องกง

หุ้นซูมิโตโม เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลล็อปเมนท์ ร่วง 2% ขณะที่หุ้นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลงก่อนหน้าที่จะมีการตัดสินว่าประเทศใดจะได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิค 2020 ส่วนหุ้นซอฟท์แบงก์ คอร์ป ร่วง 2.2% หลังจากที่เอ็นทีที โดโคโม ใกล้บรรลุข้อตกลงเรื่องไอโฟน

 

 

นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ยอดจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในเดือนส.ค.จะเพิ่มขึ้น 180,000 ราย เมื่อเทียบกับสถิติเดือนก.ค.ที่เพิ่มขึ้น 162,000 ราย

 

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค. เวลา 19.30 น. วันนี้ตามเวลาไทย

 

[Pete 15,187]

**มูดีส์ปรับเพิ่มมุมมองต่อระบบธนาคารเยอรมนีเป็นมีเสถียรภาพ

 

 

มูดีส์ อินเวสต์เตอร์ส เซอร์วิส ปรับเพิ่มมุมมองที่มีต่อระบบการธนาคารของเยอรมนีเป็นมีเสถียรภาพ จากเดิมที่อยู่ในเชิงลบมาตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551

 

 

การปรับเปลี่ยนมุมมองของมูดีส์ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ภาคการธนาคารของเยอรมนีสามารถรับมือกับภาวะวิกฤตได้มากขึ้น หลังจากที่ภาคธนาคารขาดทุนลดลงและมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น

 

[Pete 15,187]

เยอรมนีเผยยอดเกินดุลการค้าลดลงในเดือนก.ค. หลังส่งออกหดตัว

 

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) รายงานว่า ยอดส่งออกของประเทศในเดือนก.ค.หดตัวลง 1.1% ขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัว 0.5% ซึ่งส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าหดตัวลงมาสู่ระดับ 1.45 หมื่นล้านยูโร ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

สำหรับยอดเกินดุลการค้าของเดือนมิ.ย.ถูกปรับเป็น 1.58 หมื่นล้านยูโร จากเดิมที่รายงานไว้ที่ 1.57 หมื่นล้านยูโร

ทั้งนี้ การค้ามักเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเยอรมนี แต่ระยะหลังการบริโภคในประเทศเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยในไตรมาส 2 นั้น การบริโภคภาคเอกชนเยอรมนีปรับเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ส่วนการส่งออกในไตรมาส 2 ขยายตัว 2.2% และการนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบรายไตรมาส ขณะที่เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัว 0.7% ในไตรมาส 2

 

เยอรมนีเผยยอดเกินดุลการค้าลดลงในเดือนก.ค. หลังส่งออกหดตัว

 

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) รายงานว่า ยอดส่งออกของประเทศในเดือนก.ค.หดตัวลง 1.1% ขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัว 0.5% ซึ่งส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าหดตัวลงมาสู่ระดับ 1.45 หมื่นล้านยูโร ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

 

 

สำหรับยอดเกินดุลการค้าของเดือนมิ.ย.ถูกปรับเป็น 1.58 หมื่นล้านยูโร จากเดิมที่รายงานไว้ที่ 1.57 หมื่นล้านยูโร

 

 

ทั้งนี้ การค้ามักเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเยอรมนี แต่ระยะหลังการบริโภคในประเทศเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยในไตรมาส 2 นั้น การบริโภคภาคเอกชนเยอรมนีปรับเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ส่วนการส่งออกในไตรมาส 2 ขยายตัว 2.2% และการนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบรายไตรมาส ขณะที่เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัว 0.7% ในไตรมาส 2

 

ตลาดหุ้นยุโรปคาดเปิดตลาดทรงตัว นลท.จับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐ

 

 

ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มว่า จะเปิดตลาดทรงตัวในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนรอดูรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้

ดัชนี Euro Stoxx 50 ขยับลง 0.1% แตะ 2,764 เมื่อเวลา 7.03 น.ตามเวลาลอนดอน

หุ้นอิริคสันอาจจะปรับตัวขึ้นหลังจากที่เครดิต สวิส ได้ปรับเพิ่มความน่าเชื่อถือหุ้น ส่วนหุ้น Linde AG อาจจะปรับตัวขึ้น หลังซิตี้กรุ๊ป ได้ดึงหุ้นเข้าสู่รายชื่อหุ้นที่ได้รับคำแนะนำให้ลงทุน

 

 

 

[Pete 15,187]

::

[Pete 15,187]

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 6 กันยายน 2556 17:21:10 น.

กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดยังคงเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ US$1,365-1,370 ต่อออนซ์(Gold spot) โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดีอย่างต่อเนื่องทำให้ประเด็นเรื่องการปรับลดขนาดมาตรการ QE กลับมาสร้างความกังวลอีกครั้ง บวกกับแผนการโจมตีซีเรียของสหรัฐฯที่ยังคงมีความไม่ชัดเจน ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังคงต้องติดตามต่อในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าสมาชิกวุฒิสภาจะมีการลงคะแนนกันในวันพุธหน้านี้ นอกจากนี้ยังต้องติดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนนี้โดยเฉพาะอัตราว่างงานซึ่งมีนัยสำคัญต่อมาตรการ QE โดยหากออกมาดีกว่าที่คาดจะเป็นปัจจัยลบสำคัญต่อราคาทองคำ แต่ราคาทองคำในประเทศยังคงได้รับผลบวกจากการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของเงินบาท ล่าสุดใกล้ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ กองทุน SPDR รายงานการถือครองทองคำคงที่ระดับ 919.23 ตัน

 

 

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2556 (GFV13) ปิดที่ระดับ 21,200 บาท ปริมาณการซื้อขาย 1,361 สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2556 ขนาด 10 บาท (GF10V13) ปิดที่ระดับ 21,180 บาท ปริมาณการซื้อขาย 5,984 สัญญา

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้นจะเป็นแรงผลักดันหลักต่อการปรับชะลอมาตรการ QE ของสหรัฐฯซึ่งน่าจะมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นในการประชุม FOMC 17-18กันยายนนี้ นอกจากนี้ต้องจับตาการผ่านมติในสภาคองเกรสในช่วงวันที่ 9 กันยายนที่จะถึงนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งถ้ามีความชัดเจนต่อการโจมตีประเด็นนี้ก็น่าจะกลับมาทำให้ราคาน้ำมันและทองคำปรับตัวสูงขึ้น ขณะวันนี้ติดตามอัตราว่างงานสหรัฐฯ ทางเทคนิคปรับตัวหลุดแนวรับสำคัญ US$1,380 ทำให้ปรับตัวลงทดสอบ US$1,365 หากยืนเหนือได้กรอบการ Rebound US$1,385-1,405 ทั้งนี้หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ US$1,365 มีความเสี่ยงปรับลงทดสอบแนวรับ US$1,350-30

 

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

TEL : 02-673-9911

[Pete 15,187]

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 6 กันยายน 2556 โดย YLG

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 6 กันยายน 2556 17:04:21 น.

กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--PRdd

สภาวะตลาดวันที่ 6 กันยายน 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,366.33-1,373.66 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV13 อยู่ที่ 21,200 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 330 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,530 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVV13 อยู่ที่ 767 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 767 บาท

 

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.29 น.ของวันที่ 06/09/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 9 กันยายน 2556

ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวภายหลังการประชุมของธนาคารกลางยุโรป เขาคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของอีซีบีจะยังคงอยู่ที่ระดับปัจจุบันหรืออาจจะปรับตัวลดลง ไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งอีซีบีลงมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% แม้นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงของยูโรโซนในไตรมาส 2 ขยายตัว แต่เข้าคาดว่าจีดีพีอาจฟื้นขึ้นตัวอย่างช้า ซึ่งมุมมองต่อเศรษฐกิจยูโรโซนที่เป็นลบกดดันสกุลเงินยูโรให้อ่อนค่าลงและดันสกุลเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุด ส่งผลให้ราคาทองคำดิ่งลง ประกอบกับราคาทองคำยังถูกดดัน จากสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีภาคบริการพุ่งขึ้นในเดือนสิงหาคม ซึ่งบ่งชี้ถึงภาคบริการของสหรัฐขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 8 ปี และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานใหม่ลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาสู่ระดับต่ำสุด ในรอบเกือบ 5 ปี ประกอบกับราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการที่สหรัฐยังไม่ได้ดำเนินการคืบหน้าในปฏิบัติการ ทางทหารต่อซีเรียด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้วายแอลจีแนะนำว่าให้ใช้กลยุทธ์เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นเป็นหลัก สำหรับวันนี้วายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้บ้าง โดยหากราคาทองคำมีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้านในโซน 1,389 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามการจับตาความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลกนั้นยังไม่เพียงพอสำหรับนักลงทุนในประเทศ เพราะการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงนี้ ทำให้นักลงทุนทำกำไรในตลาดทองคำในประเทศได้ค่อนข้างยาก โดยการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นพยุงราคาทองคำในประเทศไว้ค่อนข้างมาก

 

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำอาจมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 1,389 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,397 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นแรงก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมา ไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,353 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,353 (20,730บาท) 1,333 (20,420บาท) 1,320 (20,220บาท)

แนวต้าน 1,389 (21,290บาท) 1,397 (21,410บาท) 1,410 (21,610บาท)

GOLD FUTURES (GFV13)

แนวรับ 1,353 (20,950บาท) 1,333 (20,650บาท) 1,320 (20,450บาท)

แนวต้าน 1,389 (21,510บาท) 1,397 (21,630บาท) 1,410 (21,830บาท)

SILVER FUTURES (SVV13)

แนวรับ 22.90 (759 บาท) 22.60 (749 บาท) 22.25 (738 บาท)

แนวต้าน 23.95 (793 บาท) 24.30 (804 บาท) 24.80 (820 บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888

[Pete 15,187]

**โอบามารับศึกหนักหลังคองเกรสยังไม่มีทีท่าสนับสนุนแผนโจมตีซีเรีย

 

 

ผู้เชี่ยวชาญเผยสภาคองเกรสยังไม่มีท่าทีว่า จะสนับสนุนให้มีการอนุมัติปฏิบัติการโจมตีซีเรีย ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหากับทีมงานของโอบามา ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลา และทุนทางการเมืองมากขึ้น เพื่อโน้มน้าวสมาชิกที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะสนับสนุนโอบามาหรือไม่ รวมถึงประชาชนชาวอเมริกันด้วยเช่นกัน

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาดังกล่าวเริ่มปะทุขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่คณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐได้เลื่อนการสรุปผลการอนุมัติออกไปอีกกว่า 3 ชั่วโมง และลงมติ 10 ต่อ 7 คะแนนเสียงเท่านั้น หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ใช้ในมติตามที่สมาชิกวุฒิสภา จอห์น แม็คเคน ได้เรียกร้องมา คะแนนโหวตดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุน และการคัดค้านจากทั้ง 2 พรรคการเมือง ซึ่งบ่งชี้ว่า สภาคองเกรสมีความคิดเห็นที่แบ่งเป็น 2 ฝ่ายต่อกรณีปัญหาในซีเรีย

 

 

การวิเคราะห์เรื่องคะแนนของสื่อนั้นช่วยตอกย้ำถึงความคิดเห็นที่แบ่งออกเป็น 2 ขั้วในคองเกรส สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่า วุฒิสภา ซึ่งคาดว่าจะลงคะแนนเสียงเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้า มีเสียงสนับสนุนอยู่ในมือแล้ว 24 เสียง ซึ่งประกอบด้วยผู้นำพรรคเดโมแครต และประธานคณะกรรมาธิการส่วนมาก และมีผู้ออกเสียงคัดค้าน 17 เสียง และยังไม่ออกเสียงอีก 59 คน หากฝ่ายที่ไม่สนับสนุนการโจมตีผ่านมติในสภา ผู้นำเสียงข้างมากอย่างนายแฮร์รี่ รี้ด อาจจำเป็นต้องรวบรวมเสียงสนับสนุนให้ได้ 60 เสียงกวาดคะแนนเสียงให้ได้สูงกว่าคะแนนเสียงของฝ่ายที่ไม่สนับสนุนการโจมตี

 

 

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ทางด้านสภาผู้แทนฯ ซึ่งจะมีการแข่งขันชิงตำแหน่งกันในการลือกตั้งปีหน้านั้น มีผู้ที่คาดว่าจะออกเสียงสนับสนุนการโจมตีเพียง 26 เสียง ซึ่งรวมถึงผู้นำของทั้ง 2 พรรค ผู้ออกเสียงคัดค้านมี 102 คน ยังไม่ตัดสินใจ 284 คน และอีก 21 คนยังไม่ทราบแนวคิด โดยผลสำรวจที่ได้จากเดอะ วอชิงตัน โพสต์ ก็ออกมาในทำนองเดียวกัน

 

 

มิเชล บารอน จากสถาบันอเมริกัน เอ็นเตอร์ไพรส์ อินสติทิว กล่าวว่า "สมาชิกสภาคองเกรสหลายคน ซึ่งไม่เพียงแค่สมาชิกพรรครีพับลิกันเท่านั้น ต่างไม่พอใจที่ถูกเรียกร้องให้เห็นชอบกับการโจมตีซีเรีย ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ประชาชนไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ออกเสียงอิสระที่มีความสำคัญต่อการตัดสินผลการเลือกตั้งในหลายๆรัฐ และเขตการปกครองของสภาได้"

 

 

ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด บ่งชี้ว่า ประชาชนชาวอเมริกันส่วนใหญ่คัดค้านการใช้กำลังทหารเข้าโจมตีซีเรีย และสนับสนุนให้โจมตีประมาณ 20% - 30%

 

 

สมาชิกสภาคองเกรสตระหนักถึงอันตรายจากการสนับสนุนการเสี่ยงภัยทางการทหารเป็นอย่างมากในช่วง 1 ปีก่อนการเลือกตั้ง รายงานบ่งชี้ว่า สภาผู้แทนฯจะยอมรับผลสรุปไม่ว่ากรณีใดๆหลังจากวุฒิสภาได้ทำการลงคะแนนเสียงแล้ว หากวุฒิสภาลงมติไม่เห็นชอบ สภาผู้แทนฯก็จะไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น แม้หากวุฒิสภาลงมติเห็นชอบ สภาผู้แทนฯก็จะเริ่มพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบในที่ประชุมสภาช่วงก่อนสัปดาห์ระหว่างวันที่ 16 กันยายน

 

 

ในขณะที่ประเทศเบื่อหน่ายกับการทำสงครามนั้น สภาคองเกรสจึงถูกตำหนิมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความล้มเหลวในการโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นชอบและสนับสนุน สำนักข่าวซินหัวรายงาน

[Pete 15,187]

แอปเปิลทดสอบไอโฟนเวอร์ชั่นล่าสุดคาดเปิดตัว10กย.นี้

 

 

หนังสือพิมพ์ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า แอปเปิล กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบไอโฟนเวอร์ชั่นล่าสุด ที่มีหน้าจอใหญ่ใหญ่ถึง 6 นิ้ว หรือ 15.24 เซนติเมตร

 

การเน้นหน้าจอขนาดใหญ่กว่าเดิม นับเป็นการต่อสู้เพื่้อทวงคืนความเป็นผู้นำการผลิตสมาร์ทโฟน มาจากซัมซุง ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ซึ่งดึงดูดลูกค้าด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นแล้วรุ่นเหล่า ที่เน้นหน้าจอขนาดใหญ่กว่าไอโฟน และคาดว่า แอปเปิลเตรียมจะเปิดตัวในวันอังคารที่ 10 กันยายนนี้

 

วอลสตรีท เจอร์นัลยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ไอโฟนตัวใหม่จะวางตลาดเมื่อใด แต่ไม่น่าแปลกที่มีการตัดสินใจพัฒนาหน้าจอเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการพัฒนาไปถึงขั้้นที่ว่า ต่อไปจะขนาดหน้าจอให้เลือกมากขึ้นด้วย