ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

คองเกรสยังไม่มีท่าทีหนุนบุกซีเรีย

วันศุกร์, 06 กันยายน 2556 14:39 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันศุกร์, 06 กันยายน 2556 16:04

 

โอบามารับศึกหนักหลังคองเกรสยังไม่มีทีท่าสนับสนุนแผนโจมตีซีเรีย

 

ผู้เชี่ยวชาญเผยสภาคองเกรสยังไม่มีท่าทีว่า จะสนับสนุนให้มีการอนุมัติปฏิบัติการโจมตีซีเรีย ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหากับทีมงานของโอบามา ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลา และทุนทางการเมืองมากขึ้น เพื่อโน้มน้าวสมาชิกที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะสนับสนุนโอบามาหรือไม่ รวมถึงประชาชนชาวอเมริกันด้วยเช่นกัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาดังกล่าวเริ่มปะทุขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่คณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐได้เลื่อนการสรุปผลการอนุมัติออกไปอีกกว่า 3 ชั่วโมง และลงมติ 10 ต่อ 7 คะแนนเสียงเท่านั้น หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ใช้ในมติตามที่สมาชิกวุฒิสภา จอห์น แม็คเคน ได้เรียกร้องมา คะแนนโหวตดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุน และการคัดค้านจากทั้ง 2 พรรคการเมือง ซึ่งบ่งชี้ว่า สภาคองเกรสมีความคิดเห็นที่แบ่งเป็น 2 ฝ่ายต่อกรณีปัญหาในซีเรีย

 

ส่วนการวิเคราะห์เรื่องคะแนนของสื่อนั้นช่วยตอกย้ำถึงความคิดเห็นที่แบ่งออกเป็น 2 ขั้วในคองเกรส สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่า วุฒิสภา ซึ่งคาดว่าจะลงคะแนนเสียงเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้า มีเสียงสนับสนุนอยู่ในมือแล้ว 24 เสียง ซึ่งประกอบด้วยผู้นำพรรคเดโมแครต และประธานคณะกรรมาธิการส่วนมาก และมีผู้ออกเสียงคัดค้าน 17 เสียง และยังไม่ออกเสียงอีก 59 คน หากฝ่ายที่ไม่สนับสนุนการโจมตีผ่านมติในสภา ผู้นำเสียงข้างมากอย่างนายแฮร์รี่ รี้ด อาจจำเป็นต้องรวบรวมเสียงสนับสนุนให้ได้ 60 เสียงกวาดคะแนนเสียงให้ได้สูงกว่าคะแนนเสียงของฝ่ายที่ไม่สนับสนุนการโจมตี

 

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ทางด้านสภาผู้แทนฯ ซึ่งจะมีการแข่งขันชิงตำแหน่งกันในการลือกตั้งปีหน้านั้น มีผู้ที่คาดว่าจะออกเสียงสนับสนุนการโจมตีเพียง 26 เสียง ซึ่งรวมถึงผู้นำของทั้ง 2 พรรค ผู้ออกเสียงคัดค้านมี 102 คน ยังไม่ตัดสินใจ 284 คน และอีก 21 คนยังไม่ทราบแนวคิด โดยผลสำรวจที่ได้จากเดอะ วอชิงตัน โพสต์ ก็ออกมาในทำนองเดียวกัน

 

มิเชล บารอน จากสถาบันอเมริกัน เอ็นเตอร์ไพรส์ อินสติทิว กล่าวว่า "สมาชิกสภาคองเกรสหลายคน ซึ่งไม่เพียงแค่สมาชิกพรรครีพับลิกันเท่านั้น ต่างไม่พอใจที่ถูกเรียกร้องให้เห็นชอบกับการโจมตีซีเรีย ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ประชาชนไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ออกเสียงอิสระที่มีความสำคัญต่อการตัดสินผลการเลือกตั้งในหลายๆรัฐ และเขตการปกครองของสภาได้"

 

ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด บ่งชี้ว่า ประชาชนชาวอเมริกันส่วนใหญ่คัดค้านการใช้กำลังทหารเข้าโจมตีซีเรีย และสนับสนุนให้โจมตีประมาณ 20% - 30%

 

สมาชิกสภาคองเกรสตระหนักถึงอันตรายจากการสนับสนุนการเสี่ยงภัยทางการทหารเป็นอย่างมากในช่วง 1 ปีก่อนการเลือกตั้ง รายงานบ่งชี้ว่า สภาผู้แทนฯจะยอมรับผลสรุปไม่ว่ากรณีใดๆหลังจากวุฒิสภาได้ทำการลงคะแนนเสียงแล้ว หากวุฒิสภาลงมติไม่เห็นชอบ สภาผู้แทนฯก็จะไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น แม้หากวุฒิสภาลงมติเห็นชอบ สภาผู้แทนฯก็จะเริ่มพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบในที่ประชุมสภาช่วงก่อนสัปดาห์ระหว่างวันที่ 16 กันยายน

 

ในขณะที่ประเทศเบื่อหน่ายกับการทำสงครามนั้น สภาคองเกรสจึงถูกตำหนิมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความล้มเหลวในการโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นชอบและสนับสนุน สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/19253-g2009.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำยังขาลงยาวรอลุ้นซีเรีย

 

เศรษฐกิจ

 

7 September 2556 - 00:00

 

ศูนย์วิจัยทองคำคาด ราคาทองคำเดือน ก.ย. อยู่ที่ 19,000-23,000 บาท มองซีเรียเป็นปัจจัยกระทบระยะสั้น แนะเทรดสั้น ด้านดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น 19.94% ดัชนีหุ้นแรงปลายสัปดาห์ ปิดบวก 22.76 จุด

นายภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงเดือน ก.ย. น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยกรอบราคาต่ำสุดจะอยู่ในช่วง 1,300-1,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และกรอบสูงสุดจะอยู่ในช่วง 1,460-1,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 96.5%) คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวระหว่าง 19,000-23,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยต่ำสุดอยู่ระหว่าง 19,500-20,500 บาทต่อหนึ่งบาท และสูงสุดอยู่ที่ 22,000-25,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ ซึ่งประเด็นเรื่องการชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของสหรัฐ (คิวอี) และความผันผวนของค่าเงินบาทยังเป็นประเด็นสำคัญ อีกทั้งยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจของยุโรปและประเด็นซีเรียที่เชื่อว่าจะกระทบราคาทองคำเช่นกัน อาจจะกระทบในระยะสั้น แต่หากมีการต่อสู้ยืดเยื้อก็จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน

ส่วนประเด็นที่จะกระทบปัจจัยในระยะกลางก็คือ การที่ค่าเงินรูปีของอินเดียอ่อนค่าอย่างมาก ซึ่งจะมีผลกระทบบ้างต่อการซื้อทองคำของชาวอินเดียที่เคยเป็นผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่ของโลก ส่วนปัจจัยระยะยาวก็คือการหยุดมาตรการคิวอี ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เป็นตัวกดดันราคาทองคำ

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลักของราคาทองคำยังคงเป็นขาลงอยู่และคาดว่าจะต่อเนื่องอีกยาวนานพอสมควร สวนทางกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับในช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้ ก็ยังจะมีความเสี่ยงที่หลายประเทศอาจจะต้องประสบปัญหาทางการคลังและปัญหาทางเศรษฐกิจได้ ดังนั้นจึงแนะนำว่าผู้ที่ซื้อทองคำเพื่อการลงทุนควรจะซื้อขายทำกำไรในระยะสั้น

ด้านนายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง โดยค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 63.99 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค. 10.64 จุด หรือ 19.94% ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำในประเทศเดือน ก.ย. โดยปัจจัยที่เชื่อว่าจะกระทบต่อราคาทองคำระหว่างเดือนคือค่าเงินบาท ทิศทางสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และการชะลอมาตรการคิวอี

ภาวะตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ปรับตัวแรงปลายสัปดาห์ เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,336.25 จุด เพิ่มขึ้น 22.76 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 1.73% มูลค่าการซื้อขาย 31,665.56 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 985.05 ล้านบาท กองทุนซื้อสุทธิ 8.43 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,761.34 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 2,754.81ล้านบาท ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 11,646,829.34 ล้านบาท.

 

http://www.thaipost.net/news/070913/78930

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จับตาศึกซีเรียทำน้ำมันแพงค่าบาทอ่อน ดันราคาทองคำในประเทศเพิ่ม

 

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- เสาร์ที่ 7 กันยายน 2556 06:00:00 น.

จับตาศึกซีเรียทำน้ำมันแพงค่าบาทอ่อน

ดันราคาทองคำในประเทศเพิ่ม

ศูนย์วิจัยฯชี้มีสิทธิ์เกิน22,000บ.

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่านักลงทุน ต้องจับตาสถานการณ์ความรุนแรงในซีเรีย โดยเฉพาะการประชุมสภาคองเกรสในวันที่ 9 กันยายนนี้ ว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ซีเรียหรือไม่ หากมีการใช้ความรุนแรงราคาทองในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นในทิศทางเดียวกับ ราคาน้ำมันที่ราคาพุ่งขึ้นเหนือ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ขณะที่ค่าเงินบาทซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาทองคำในประเทศ มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเคลื่อนไหวระหว่าง 32-32.50 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ จะช่วยให้ราคาทองคำในประเทศมีโอกาสสูงเกิน? 22,000 บาท ได้ หรือ ราคาทองคำในตลาดโลกที่ระดับ 1,480-1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในปลายไตรมาส 3 เพราะตลาดคาดการณ์ว่าสหรัฐจะชะลอการลดขนาดมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE)

สอคคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือนกันยายนที่เพิ่มขึ้น ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง โดยค่าดัชนีอยู่ที่ 63.99 เพิ่มขึ้น 19.94% จากเดือนสิงหาคมที่อยู่ที่ 53.35 เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะสามเดือนข้างหน้าที่เพิ่ม ขึ้น โดยค่าดัชนีอยู่ที่ 67.08 จากเดือนสิงหาคมที่อยู่ที่ 55.74 โดยกลุ่มนักลงทุนมีความมั่นใจมากกว่ากลุ่มผู้ค้าทองคำ ซึ่งยังไม่สามารถสะท้อนได้ว่าราคาทองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เนื่องจากมีนักลงทุนที่จะซื้อทองคำในหนึ่งเดือนข้างหน้าเพียง 32.60 %ขณะที่ 36.15% นักลงทุนยังไม่ซื้อทอง และอีก 31.25% ที่ยังไม่แน่ใจ

ด้านนายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล เลขานุการอนุกรรมการส่งเสริมวิชาชีพช่างทำทองรูปพรรณ? กล่าวว่า ผู้ค้าทองคำรายใหญ่กว่า 67 %เชื่อว่าช่างทองมีไม่เพียงพอต่อการใช้งาน โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาจำนวนช่างทองมีแนวโน้มลดจำนวนลงถึง 45% ของจำนวนที่มีอยู่เดิม เพราะมีช่างทองจำนวนมากกลับประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะข้าว หลังจากที่รัฐบาลมีโครงการรับประกันราคา ทำให้มีรายได้มากกว่าอาชีพช่างทอง ส่งผลต่อช่างทองทองคำรูปพรรณที่มีขนาดเล็กมีความขาดแคลน โดยเฉพาะการผลิตทองรูปพรรณ ขนาด 1-2 สลึง ขาดแคลน

จากปัญหาดังกล่าวทางสมาคมค้าทองคำจะประสานกับกระทรวงศึกษาธิการ เปิดหลักสูตรพัฒนาวิชาชีพช่างทองรูปพรรณ เพื่อทำการพัฒนาช่างทองรุ่นใหม่ รวมทั้ง พัฒนาเทคโนโลยีในการผลิต ให้ผลิตทองคำรูปพรรณให้มากขึ้นรองรับความเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออี ซี) ในปี 2558 โดยสมาคมค้าทองคำจะรุกตลาดเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ ลาว พม่า และ กัมพูชา ที่นิยมทองรูปพรรณของไทย

 

http://www.ryt9.com/s/nnd/1730563

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองปิดพุ่ง $13.5 คาดเฟดใช้ QE ต่อหลังจ้างงานอ่อนแรง

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 7 กันยายน 2556 06:47:16 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) หลังจากสหรัฐรายงานข้อมูลจ้างงานที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด ซึ่งช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดปรับขึ้น 13.5 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ที่ 1,386.5 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 63.6 เซนต์ หรือ 2.73% ที่ 23.891 ดอลลาร์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดปรับขึ้น 13.60 ดอลลาร์ ที่ 1,495.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดบวก 9.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 696.85 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองได้รับปัจจัยบวกจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 169,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 7.3% ซึ่งต่ำสุดนับแต่เดือนธ.ค.2551

นักวิเคราะห์กล่าวว่าข้อมูลจ้างงานดังกล่าวแสดงให้เหนว่าเศรษฐกิจของ สหรัฐยังอ่อนแอ และจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่นักลงทุนเชื่อว่าเฟดอาจะต้องชะลอการปรับลดขนาดของนโยบายผ่อนคลายเชิง ปริมาณหรือ QE ออกไป ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทอง

ทั้งนี้ เฟดมีกำหนดจะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ เพื่อจะประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นเพียงพอที่จะลดสัดส่วนแผนการ ซื้อพันธบัตร 8.5 หมื่นล้านต่อเดือนได้หรือไม่

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

::

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประเทศกลุ่ม BRICS ตกลงจัดตั้งกองทุนสำรองมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ สหรัฐฯ ขณะที่หลายประเทศในที่ประชุมจี-20 เตือนสหรัฐฯ ถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจากการบุกโจมตีซีเรีย

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้นำของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก 20 ประเทศ หรือกลุ่มจี- 20 เริ่มการประชุมสุดยอดที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ในวันที่ 5-6 กันยายนที่ผ่านมา โดยได้มีการหารือกันถึงความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเตรียมการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลาง สหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงโอกาสที่สหรัฐฯ จะส่งกำลังทหารเข้าโจมตีซีเรียเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนกังวลว่า จะกระทบกับซัพพลายน้ำมันดิบ

ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดึงเศรษฐกิจโลกออกจากภาวะ เศรษฐกิจถดถอยในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหาเงินทุนไหลออกและค่าเงินอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากเป็นที่คาดหมายว่าเฟดจะลดมูลค่าการซื้อพันธบัตรลงจาก 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือนในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หรือ BRICS อันประกอบไปด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ได้ตกลงที่จะจัดตั้งกองทุนสำรองมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อป้องกันผลกระทบจากการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟด โดยจีนจะลงขันเป็นมูลค่า 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่รัสเซีย อินเดีย บราซิล จะให้เงินทุนชาติละ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และแอฟริกาใต้สมทบทุน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามกลไกดังกล่าวจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการจัดตั้ง

นายจู กวงเหยา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของจีน กล่าวว่า การถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินสร้างความท้าทายสำคัญให้กับเศรษฐกิจโลก รายงานจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ต่อผู้นำจี -20 ระบุว่า ประเทศพัฒนาแล้วกำลังกลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของโลก ในเวลาที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บางรายเริ่มมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง

นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวในการเปิดประชุมว่า "มีความเสี่ยงใหม่ๆ เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หุ้นส่วนของเราเริ่มก้าวออกจากนโยบายเศรษฐกิจและการเงินแบบนอกแบบแผน นั่นอาจจะเป็นแรงกดดันต่อความเสี่ยงสำคัญของโลกและกระทบเศรษฐกิจของประเทศ อื่นๆ"

ด้านนายอันทอน ซีลัวนอฟ รัฐมนตรีคลังของรัสเซีย กล่าวว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้นำจี -20 ว่าการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ

นายชาทิบ บาศรี รัฐมนตรีคลังอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า "ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับปัญหาเงินทุนไหลออกเพราะการ ทยอยลดขนาดมาตรการ QE ดังนั้นประเด็นอยู่ที่เราจะปรับตัวอย่างไรมากกว่า และผมคิดว่าบทบาทของจี- 20 มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะผู้นำสามารถสื่อสารเรื่องแผนการต่อกันได้"

นอกจากนี้ ที่ประชุมจี- 20 ยังได้หารือกันในเรื่องของซีเรีย โดยนายโอบามาซึ่งกำลังรอมติจากสภาคองเกรสว่าจะนำกำลังทหารบุกโจมตีซีเรีย หรือไม่ ได้ใช้เวทีจี- 20 ในการหาเสียงสนับสนุนจากนานาชาติ อย่างไรก็ตามประชาคมโลกเองดูเหมือนจะมีความเห็นที่แตกแยกเกี่ยวกับประเด็น ดังกล่าวไม่ต่างจากความเห็นในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เอง

ผู้นำอิตาลีและเยอรมนีมีความเห็นสอดคล้องกับผู้นำจากรัสเซียและจีน ด้วยการยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนการนำทหารเข้าโจมตีซีเรียโดยไม่ได้รับอนุมัติ จากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขณะที่ฝรั่งเศสเป็นชาติตะวันตกเพียงไม่กี่ประเทศที่สนับสนุนการโจมตีทางทหาร

นายเอ็นริโก เลตต้า นายกรัฐมนตรีอิตาลี เตือนว่าการโจมตีอาจนำมาสู่ความขัดแย้งที่ขยายวงกว้างขึ้น และสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงิน ขณะที่นักวิเคราะห์จากโซซิเอเต้ เจเนอรัล คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนต์อาจจะปรับเพิ่มขึ้นถึง 120-125 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลถ้าสหรัฐฯ และพันธมิตรเริ่มใช้กำลังทหารกับซีเรีย และมีโอกาสพุ่งขึ้นถึง 150 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในระยะสั้น หากการโจมตีของสหรัฐฯ นำไปสู่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและทำให้ซัพพลายหยุดชะงัก

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของจีนกล่าวว่า จีนมีการหารือกับไอเอ็มเอฟถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดจากสถานการณ์ในซีเรีย และอ้างการคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟว่า ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นทุก 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจะส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลดลง 0.25%

 

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 9 กย.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกมล ธัญ พรไพศาลวิจิตร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทองคำในเดือนก.ย.2556 คาดว่าจะไม่หลุดต่ำกว่าบาทละ 21,000 บาท หรือกรอบราคา 21,000-22,500 บาท ภายใต้กรอบค่าเงินบาทที่ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับราคาทองคำในตลาดโลกที่ระดับ 1,340-1,480 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ อย่างไรก็ดีปัจจัยที่จะกระทบต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศ ให้น้ำหนักไปที่ 2 เหตุการณ์สำคัญ คือ ประเด็นซีเรีย ซึ่งในวันที่ 9 ก.ย. 2556 สภาคองเกรสของสหรัฐจะตัดสินใจว่าจะตอบโต้ซีเรียหรือไม่

 

 

 

ทั้ง นี้ หากสภาคองเกรสอนุมัติจะทำให้ปัญหาซีเรียยืดเยื้อ มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่วนอีกประเด็นคือค่าเงินบาท ซึ่งจะเห็นว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีความผันผวนค่อนข้างมากจากการไหลออกของเงินทุน ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการชะลอมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง หรือคิวอี ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

 

 

นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล เลขานุการอนุกรรมการส่งเสริมวิชาชีพช่างทำทองรูปพรรณ กล่าวว่า อยู่ระหว่างจัดตั้งคณะอนุกรรมการ ส่งเสริมวิชาชีพช่างทำทองรูปพรรณ เพื่อเพิ่มจำนวนช่างทองรูปพรรณเข้าสู่ระบบ เร่งแก้ปัญหาทองคำรูปพรรณขาดตลาดโดยเฉพาะน้ำหนักทอง 1-2 สลึง

 

ที่มา: ข่าวสด(วันที่ 9 กย.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

ศูนย์วิจัยทองคำคาด ราคาทองคำเดือน ก.ย. อยู่ที่ 19,000-23,000 บาท มองซีเรียเป็นปัจจัยกระทบระยะสั้น แนะเทรดสั้น ด้านดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น 19.94% ดัชนีหุ้นแรงปลายสัปดาห์ ปิดบวก 22.76 จุด

นายภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงเดือน ก.ย. น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยกรอบราคาต่ำสุดจะอยู่ในช่วง 1,300-1,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และกรอบสูงสุดจะอยู่ในช่วง 1,460-1,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 96.5%) คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวระหว่าง 19,000-23,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยต่ำสุดอยู่ระหว่าง 19,500-20,500 บาทต่อหนึ่งบาท และสูงสุดอยู่ที่ 22,000-25,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ ซึ่งประเด็นเรื่องการชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของสหรัฐ (คิวอี) และความผันผวนของค่าเงินบาทยังเป็นประเด็นสำคัญ อีกทั้งยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจของยุโรปและประเด็นซีเรียที่เชื่อว่าจะ กระทบราคาทองคำเช่นกัน อาจจะกระทบในระยะสั้น แต่หากมีการต่อสู้ยืดเยื้อก็จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน

ส่วนประเด็นที่จะกระทบปัจจัยในระยะกลางก็คือ การที่ค่าเงินรูปีของอินเดียอ่อนค่าอย่างมาก ซึ่งจะมีผลกระทบบ้างต่อการซื้อทองคำของชาวอินเดียที่เคยเป็นผู้นำเข้าทองคำ รายใหญ่ของโลก ส่วนปัจจัยระยะยาวก็คือการหยุดมาตรการคิวอี ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เป็นตัวกดดันราคาทองคำ

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลักของราคาทองคำยังคงเป็นขาลงอยู่และคาดว่าจะต่อเนื่องอีกยาวนานพอ สมควร สวนทางกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับในช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้ ก็ยังจะมีความเสี่ยงที่หลายประเทศอาจจะต้องประสบปัญหาทางการคลังและปัญหาทาง เศรษฐกิจได้ ดังนั้นจึงแนะนำว่าผู้ที่ซื้อทองคำเพื่อการลงทุนควรจะซื้อขายทำกำไรในระยะ สั้น

ด้านนายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง โดยค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 63.99 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค. 10.64 จุด หรือ 19.94% ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำในประเทศเดือน ก.ย. โดยปัจจัยที่เชื่อว่าจะกระทบต่อราคาทองคำระหว่างเดือนคือค่าเงินบาท ทิศทางสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และการชะลอมาตรการคิวอี

ภาวะตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ปรับตัวแรงปลายสัปดาห์ เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,336.25 จุด เพิ่มขึ้น 22.76 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 1.73% มูลค่าการซื้อขาย 31,665.56 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 985.05 ล้านบาท กองทุนซื้อสุทธิ 8.43 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,761.34 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 2,754.81ล้านบาท ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 11,646,829.34 ล้านบาท.

 

ที่มา: ไทยโพสต์(วันที่ 9 กย.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ระดับจะซื้อเข้าที่ 21,200 หรือ 21,150 หรือ 21,100 หรือ 21,050 หรือ 21,000 บาท ไม่ใช่จุดซืีอที่จะสามารถทำกำไรได้ มีแต่เป็นแค่เงินดาวน์ ดาวน์บ้าน ณ. ตอนนี้ คือ เชิงดอยให้เป็นที่พักค้างแรม โปรดพิจารณาให้รอบคอบ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สภาไซปรัสไม่ผ่านร่างกฎหมายการเงิน เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ

 

สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรไซปรัส มีมติ 23 ต่อ 21 เสียง ไม่ผ่านร่างกฎหมายที่มีขึ้นเพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากอียูและไอเอ็มเอฟอีก 1 หมื่นล้านยูโร ที่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารกลาง โดยเมื่อเดือนมีนาคมไซปรัสได้รับเงินช่วยเหลือ 3 พันล้านยูโร

 

แต่ปัญหาเศรษฐกิจก็ยังไม่คลี่คลาย ส่วนหนึ่งเพราะธนาคารไซปรัสมีการลงทุนสูงในกรีซ ซึ่งภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง และเงินช่วยเหลือจะนำไปใช้กับธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 2 แห่ง คือ แบงค์ ออฟ ไซปรัส และ ไซปรัส ป๊อปปูล่าร์ แบงค์ หรือธนาคารไลกิ ซึ่งถูกควบรวมกิจการ

 

ทั้ง นี้ การที่สมาชิกสภามีมติไม่ผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ สร้างความประหลาดใจให้แก่ทั้งรัฐบาล และนักวิชาการ เพราะขณะเดียวร่างกฎหมายนี้ ยังเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้ไซปรัสได้รับเงินช่วยเหลืองวดต่อไปจำนวน 1 พัน 5 ร้อยล้านยูโรด้วย ทำให้นายแฮริส จอร์เจียเดส รัฐมนตรีคลังเร่งหารือกับผู้นำพรรคการเมืองที่กรุงนิโคเซีย เพื่อการทำงานในขั้นตอนต่อไป

 

ที่มา: money channel (วันที่ 9 กย.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ระดับจะซื้อเข้าที่ 21,200 หรือ 21,150 หรือ 21,100 หรือ 21,050 หรือ 21,000 บาท ไม่ใช่จุดซืีอที่จะสามารถทำกำไรได้ มีแต่เป็นแค่เงินดาวน์ ดาวน์บ้าน ณ. ตอนนี้ คือ เชิงดอยให้เป็นที่พักค้างแรม โปรดพิจารณาให้รอบคอบ

ขอบคุณค่ะ คุรป๋า วันนี้กราฟระหัส7 5 2 ไม่มาหรือค๊ะ

ถูกแก้ไข โดย ทิพย์เอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งวิเคราะห์วิเดาราคาทองยามบ่าย กล่าวจับประเด็น 2 เรื่อง คือ Syria to dominate as Congress returns from summer break สภาคองเกรสกลับมาจากพักผ่อน และ พร้อมที่จะมีการพิจารณาแนวทางสู้รบ แต่หนทาง " ยากที่จะเกิด " Tapering less likely after poor jobs report on Friday การปรับลดวงเงิน QE ที่น่าจะปรับลดน้อยลงหรือเปล่า จากตัวเลขที่ออกมาวันศุกร์ ข่าวดีในทางกระตุ้นราคาทอง ไม่น่าจะเกิดขึ่นในคืนนี้ แต่ก็ให้แนวรับแนวต้าน และ แนวขาเสี่ยง ดังนี้

 

Support: - 1382.43, 1371.28 and 1350.00(main) 1344.60

Resistance: - 1397.52, 1404.57 and 1411.83(main)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ คุรป๋า วันนี้กราฟระหัส7 5 2 ไม่มาหรือค๊ะ

วันนี้วันอะไร วันจันทร์ ก็ตัองไปเอากราฟปิดที่ราคา ณ. วันอาทิตย์ หรือ วันศุกร์ ดีครับ. อ้าว วันอาทิตย์ตลาดปิด ก็ต้องใช้กราฟปิดวันศุกร์ งั้นก็คงโพสต์ไปแล้ว เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา นะนะ 555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...