ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลทุก ๆ วัน ค่ะ ติดตามทุกวัน แต่ นาน ๆ เข้าทีค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันนิวยอร์กลง กังวลวิกฤตตัดลบงบประมาณสหรัฐฯฉุดหุ้น-ทองคำปิดลบ blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กันยายน 2556 05:31 น.

 

 

blank.gif 556000012663201.JPEG blank.gif เอเอฟพี - ราคาน้ำมันนิวยอร์กวานนี้(24)ขยับลง นักลงทุนคลายกังวลทางอุปทาน หลังวิกฤตโครงการนิวเคลียร์อิหร่านส่อแววคลี่คลายด้วยการเจรจา ส่วนวอลล์สตรีททรงตัวและทองคำปรับลด จับตาความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดลดงบประมาณรายจ่ายของสหรัฐฯ ที่เดโมแครตและรีพับลิกันยังงัดข้อกันอยู่

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 103.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 108.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ความเคลื่อนไหวในแดนลบของราคาน้ำมันเมื่อเร็วๆนี้ ส่วนหนึ่งมาจากโอกาสลดน้อยถอยลงเรื่อยๆที่สหรัฐฯจะใช้กำลังทหารโจมตีซีเรีย ขณะเดียวกันอีกปัจจัยที่คลายความกังวลทางอุปทานแก่นักลงทุนก็คือความเป็นไป ได้ของการใช้แนวทางด้านการทูตคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตกกับ อิหร่าน เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(24) ปิดผสมผสานในกรอบแคบๆ นักลงทุนจับตาขัดแย้งด้านการตัดลบงบประมาณในสภาคองเกรส ขณะที่เส้นตายซึ่งหน่วยงานของรัฐบาลกลางต้องหยุดทำงานตั้งแต่วันอังคารหน้า (1 ต.ค.) หากสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ก็ขยับเข้าใกล้มาทุกที

 

ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 66.47 จุด (0.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,334.91 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.38 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,679.49 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 2.97 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,768.25 จุด

 

นักลงทุนจับตาอย่างเป็นกังวล ก่อนหน้าเส้นตายงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาลจะมาถึงในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ขณะที่ทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังคงเห็นต่างกัน ทั้งนี้หากร่างกฎหมายนี้ไม่ผ่านสภาคองเกรส ก็จะส่งผลให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางบางส่วนต้องปิดทำการตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น เดือนตุลาคมเป็นต้นไป

 

ปัจจัยนี้ประกอบกับยังมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะลดระดับ กระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้(24) ขยับลงพอสมควร โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 10.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,316.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ทำสถิติปิดลบติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากความไม่แน่นอนที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐ

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,334.59 จุด ลดลง 66.79 จุด หรือ -0.43% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,697.42 จุด ลดลง 4.42 จุด หรือ -0.26% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,768.25 จุด เพิ่มขึ้น 2.96 จุด หรือ +0.08%

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานในตะวันออกกลาง หลังจากอิหร่านและสหรัฐมีท่าทีที่ยืดหยุ่นในประเด็นอาวุธนิวเคลียร์

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 103.13 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 108.64 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) ทำสถิติปิดลบติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากความไม่แน่นอนที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 10.7 ดอลลาร์ หรือ 0.81% ปิดที่ 1,316.3 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 27.1 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 21.586 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 7.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1418.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 720.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9124 ฟรังค์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9109 ฟรังค์ แต่อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.90 เยน จากระดับ 98.84 เยน

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3477 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3496 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.6006 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6048 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.9394 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9445 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) หลังหลังจากที่ดัชนี FTSE 100 ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ในขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐเพื่อประเมินจังหวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยสหรัฐมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลหลังจากที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการไปแล้ว

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,571.46 จุด เพิ่มขึ้น 14.09 จุด หรือ +0.21%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นสื่อสารโทรคมนาคม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.2% ปิดที่ 313.2 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,195.61 จุด เพิ่มขึ้น 23.53 จุด หรือ +0.56% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,664.60 จุด เพิ่มขึ้น 29.31 จุด หรือ +0.34% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,571.46 จุด เพิ่มขึ้น 14.09 จุด หรือ+0.21%

 

 

 

ที่มา : อินโฟเควสท์ (25 กันยายน 2556)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.33/35 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.30/32 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค โดยเช้านี้เงินบาทไปทำไฮสุดในรอบเดือนที่ระดับ 31.46 บาท/ดอลลาร์

 

"ช่วงนี้ตลาดค่อนข้างบาง ระหว่างวันขยับตัวเร็วและกว้างมาก" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ทิศทางค่าเงินในเอเซียยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องจากการไหลออกของเงิน ทุนจากต่างประเทศกลับไปยังสหรัฐ และสหภาพยุโรป และยังคงจับตาดูมาตรการ QE ที่ยังไม่มีความชัดเจน

 

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 31.30-31.50 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

 

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.64/66 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 98.77/78 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3479/3481 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3486/3488 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 31.0615 บาท/ดอลลาร์

 

- บิ๊กแบงก์ไทยพาณิชย์ชี้เศรษฐกิจไทย-ค่าเงินยังผันผวน หลังเฟดคง QE เตือนผู้ประกอบการซื้อความเสี่ยง พร้อมคุมเข้มปล่อยกู้ต่อเนื่อง แต่ยังมั่นใจปล่อยกู้ได้ตามเป้า

 

- สศค.เตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ใหม่ 26 กันยายนนี้ ชี้สัญญาณดี มีสิทธิโตไม่ต่ำกว่า 4% แน่นอน ลุ้นเม็ดเงินภาครัฐ 7 แสนล้านช่วยหนุน โชว์เงินคงคลังปึ้ก 5 แสนล้านรับมือภาวะเศรษฐกิจผันผวนได้ไร้ปัญหา

 

- สมาคมค้าทองคำมีแนวคิดจัดตั้งศูนย์กลางตลาดซื้อขายทองคำ (Gold Exchange) เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของนักลงทุนที่ต้องการซื้อและขายทองคำแท่ง สามารถมาซื้อขายในตลาดภายในประเทศได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตลาดดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่มีใครเป็นเจ้าภาพที่จะทำหน้าที่ในการกำกับดูแลความ เรียบร้อย โดยที่ผ่านมาสมาคมก็เคยไปหารือกับหลายหน่วยงาน แต่ไม่มีใครรับเป็นเจ้าภาพ ทั้งที่ตลาดซื้อขายทองแท่งในประเทศปัจจุบันมีมูลค่ามหาศาล บางรายเทรดกันปีละเป็นแสนล้านบาท

 

- สมาคมผู้นำเข้าและส่งออกทองคำรายใหญ่ของไทย เตรียมเข้าหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อชี้แจงและกำหนดแนวทางแก้ปัญหาการเก็งกำไรค่าเงินผ่านตลาดทองคำ เพราะผู้ประกอบการทองคำจะไม่มีการเก็งกำไรด้วยวิธีการดังกล่าว เนื่องจากได้ประกันความเสี่ยงผ่านสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าไว้ ก่อนแล้ว และมีการรายงานให้ ธปท. ทราบ ซึ่งมีข้อมูลชัดเจน

 

- สมาคมตราสารหนี้คาดปีนี้บริษัทจดทะเบียนออกหุ้นกู้แตะ 4 แสนล้านบาท เกินเป้าที่ 3-3.5 แสนล้านบาท ด้านสมาคมนักวิเคราะห์คงเป้าดัชนีปีนี้ 1,400-1,500 จุด มองช่วงปลายปีตลาดผันผวนน้อยลงหลังสะท้อนประเด็น QE ไปแล้ว

 

- China Foreign Exchange Trading System(CFETS) รายงานว่า เงินหยวนอ่อนค่าลง 0.12% แตะที่ 6.1497 หยวนต่อดอลลาร์

 

- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ทำสถิติปิดลบติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากความไม่แน่นอนที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) หรือไม่ นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,334.59 จุด ลดลง 66.79 จุด หรือ -0.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,697.42 จุด ลดลง 4.42 จุด หรือ -0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,768.25 จุด เพิ่มขึ้น 2.96 จุด หรือ +0.08%

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานในตะวันออกกลาง หลังจากอิหร่านและสหรัฐมีท่าทีที่ยืดหยุ่นในประเด็นอาวุธนิวเคลียร์ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 103.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 108.64 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ ทำสถิติปิดลบติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากความไม่แน่นอนที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) หรือไม่ โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.ร่วงลง 10.7 ดอลลาร์ หรือ 0.81% ปิดที่ 1,316.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ธ.ค.ลดลง 27.1 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 21.586 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ต.ค.ลดลง 7.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1418.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 720.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) โดยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9124 ฟรังค์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9109 ฟรังค์ แต่อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.90 เยน จากระดับ 98.84 เยน ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3477 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3496 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.6006 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6048 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.9394 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9445 ดอลลาร์สหรัฐ

 

- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ หลังจากดัชนี FTSE 100 ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐเพื่อประเมินจังหวะการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยสหรัฐมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลหลังจากที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการไปแล้ว โดยดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,571.46 จุด เพิ่มขึ้น 14.09 จุด หรือ +0.21%

 

- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นสื่อ สารโทรคมนาคม นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีที่ ปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.2% ปิดที่ 313.2 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,195.61 จุด เพิ่มขึ้น 23.53 จุด หรือ +0.56%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,664.60 จุด เพิ่มขึ้น 29.31 จุด หรือ +0.34%, ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,571.46 จุด เพิ่มขึ้น 14.09 จุด หรือ+0.21%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 25 กันยายน 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

 

- ทองปิดทรงตัวหลังระหว่างวันร่วงเข้าใกล้แนวรับ 1,300 ดอลลาร์

 

- บาทอ่อนต่อเนื่องติดตามรายงานส่งออกไทย

 

- ซื้อเก็งกำไรที่แนวรับ 1,300-1,305 ดอลลาร์

 

- ราคาทองคำและราคาโลหะเงินปิดตลาดทรงตัวใกล้กับระดับปิดของวันจันทร์ โดยในระหว่างวันมีแรงขายกลับออกมาจนราคาโลหะทั้ง 2 ชนิด อ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับทางเทคนิค ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ซึ่งทำให้ภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของทั้งราคาทองและโลหะเงินเริ่มสัญญาณ การฟื้นตัวเกิดขึ้น

 

- เงินบาทอ่อนค่าลงติดต่อกันหลายวัน หลังจากนักลงทุนไม่มั่นใจเกี่ยวกับการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งส่งผลบวกต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในประเทศ และในวันนี้จะมีการรายงานตัวเลขการส่งออกนำเข้าของไทยจากกระทรวงพาณิชย์ โดยหลายเดือนที่ผ่านมาการส่งออกของไทยเริ่มชะลอตัวลง หากรายงานในวันนี้ยังคงชะลอตัวลงต่อก็จะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงต่อ

 

- ประเด็นปัญหาการคลังของรัฐบาลสหรัฐจะกลับมาเป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความ สนใจ โดยสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐซึ่งพรรคฝ่ายค้านครองเสียงข้างมากได้ให้ความเห็น ชอบกฎหมายในการควบคุมรายจ่ายของรัฐบาลต่อไปจนถึงกลางเดือนธันวาคม และกฎหมายดังกล่าวอยู่ในกระบวนการพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งพรรครัฐบาลครองเสียงข้างมากมีแนวโน้มว่าอาจไม่เห็นชอบกับกฎหมายดังกล่าว

 

- ราคาทองคำวานนี้อ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับของวันที่บริเวณ 1,300 ดอลลาร์ และมีแรงซื้อกลับเข้ามาจนทำให้ราคาทองเริ่มดีดตัวกลับและปิดตลาดลดช่วง การติดลบในระหว่างวันลง หากราคาทองไม่กลับลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,290-1,300 ดอลลาร์ ภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองก็จะมีสัญญาณการฟื้นตัวกลับ โดยคาดว่าราคาจะกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวที่แนวต้านบริเวณ 1,345-1,350 ดอลลาร์ ได้อีกครั้ง

 

- ราคาโลหะเงินปิดตลาดทรงตัวจากระดับปิดของวันจันทร์ หากวันนี้สามารถกลับขึ้นไปปิดเหนือแนวต้านบริเวณ 22.0 ดอลลาร์ ได้ คาดว่าการเคลื่อนไหวในช่วงปลายสัปดาห์ของราคาโลหะเงินจะมีแนวโน้มที่จะฟื้น ตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 22.30-22.50 ดอลลาร์ ได้ต่อไป

 

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนต.ค.56

 

Close chg. Support Resistance

 

19,580 -40.00 19,500/19,400 19,750/19,900

 

ราคาทองอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ และเริ่มดีดตัวกลับขึ้นมาปิดทรงตัวใกล้กับระดับปิดของวันจันทร์ คาดว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองเริ่มมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวกลับ ดังนั้นจึงสามารถถือครองสถานะซื้อเก็งกำไรจากแนวรับบริเวณ 1,300-1,305 ดอลลาร์ต่อเนื่องจากเมื่อวาน โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,285-1,290 ดอลลาร์

 

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนต.ค.56

 

Close chg. Support Resistance

 

717 - 700/650 740/780/790

 

ราคาโลหะเงินอ่อนตัวลงจากแนวต้านบริเวณ 22.0-22.10 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา และราคากลับขึ้นมาปิดใกล้กับระดับปิดของวันจันทร์ ภาพเทคนิคของราคาโลหะเงินจึงเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวกลับ การเก็งกำไรระยะสั้นสามารถกลับมาเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรจากแนวรับบริเวณ 21.0-21.10 ดอลลาร์ โดยมีจุดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 21.0 ดอลลาร์

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันที่ 25 กันยายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ดัชนีปรับตัวลงต่อตามตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาดัชนีของสหรัฐฯยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ ทำให้บรรยากาศของตลาดเอเชียยังอยู่ในแดนลบ ซึ่งปัจจัยส่วนใหญ่มาจากความกังวลในเรื่องของการตกลงการกำหนดเพดานหนี้ของ สหรัฐฯ

 

ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุนตลาด หลังจากที่มีการพิจารณาพ.ร.บ.2 ล้านล้านบาทได้ผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนราษฎรไปด้วยความเรียบร้อย

 

"เช้านี้มีแนวโน้มปรับตัวลงต่อตามดัชนีภูมิภาค ส่วนใหญ่มาจากความกังวลการตกลงในเรื่องของการกำหนดเพดานหนี้ และปัจจัยภายในประเทศก็ยังไม่มีอะไรใหม่ๆเข้ามา มองว่าตลาดช่วงนี้น่าจะซึมๆ ส่งผลให้วันนี้ดัชนีเปิดขึ้นน่าก็ยังคงแกว่งตัวอยู่ในแดนบวกสลับกับแดนลบ โดยช่วงท้ายตลาดน่าจะมีแรงขายออกมาอีก"นายเกียรติก้อง กล่าว

 

พร้อมให้กรอบแนวรับ 1,395-1,400 จุด แนวต้าน 1,425-1,430 จุด

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 25 กันยายน 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เลขาUNวอนทุกฝ่ายหยุดเติมเชื้อไฟวิกฤติซีเรีย

ข่าวต่างประเทศ วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ.2556 8:20น.

 

เลขายูเอ็น เรียกร้องทุกฝ่ายหยุดเติมเชื้อไฟในปัญหาสงครามซีเรีย ให้หันหน้าเจรจา เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ออกมติควบคุมอาวุธเคมีของซีเรีย ให้อยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรระหว่างประเทศ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายบัน กี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่ประจำปี ที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็น นครนิวยอร์ก ครั้งที่ 68 โดยเรียกร้องให้บรรดาประเทศมหาอำนาจ หยุดส่งอาวุธให้ทุกฝ่ายในซีเรีย ทุกประเทศควรหยุดเติมเชื้อให้เกิดเหตุนองเลือด และหยุดลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ไปให้ความช่วยเหลือฝ่ายที่เกิดความขัดแย้งในซีเรีย

 

นอกจากนี้ เลขายูเอ็น ยังได้เรียกร้องให้ ผู้นำซีเรียและฝ่ายค้าน เข้าร่วมการประชุมสันติภาพรอบ 2 ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีจุดมุ่งหมาย เพื่อหาทางแก้ปัญหาทางการเมือง

 

เลขายูเอ็น ยังเรียกร้องให้ คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ออกมติที่ทำให้ข้อตกลงสหรัฐ-รัสเซีย ว่าด้วยการควบคุมอาวุธเคมีของซีเรียให้อยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรระหว่างประเทศ สามารถบังคับใช้ได้จริง อีกทั้ง ยังเรียกร้องให้ลงโทษผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในชานกรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรีย เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยหากเป็นไปได้ ให้ดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ไอซีซี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

<div>ก.ล.ต.สั่งสอบซื้อขายทองในตลาดล่วงหน้า</div>

<div> </div>

<div>โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์</div>

<div>ก.ล.ต.,ซื้อขายทอง,เก็งกำไรค่าเงิน</div>

<div> </div>

<div>    ภาพข่าว ภาพประกอบข่าว</div>

<div> </div>

<div>0</div>

<div> </div>

<div>12</div>

<div> </div>

<div>TOOLS</div>

<div> </div>

<div>    คัดลอก URL นี้เเบบย่อhelp</div>

<div>    คัดลอก</div>

<div>      ขนาดตัวอักษร</div>

<div>    พิมพ์ข่าวนี้</div>

<div>    ส่งต่อให้เพื่อน</div>

<div>    More Sharing Services แบ่งปันข่าว</div>

<div> </div>

<div>คอลัมน์อื่นๆ</div>

<div> </div>

<div>    วิเคราะห์หุ้น</div>

<div>        LPN - ซื้อ</div>

<div>        KTB - ซื้อ</div>

<div>    การเงินส่วนบุคคล</div>

<div>        โอกาสการลงทุน...ในตลาดหุ้นจีน</div>

<div>        ถ้าวางแผนการเงินดี ก็เป็นนักลงทุนที่ดีได้</div>

<div>    ถนนนักลงทุน</div>

<div>        "สองเซียนหุ้น" วิพากษ์ เหตุ "ขาดทุน" หุ้น PACE</div>

<div>        ออมตังค์ผ่าน "กองทุน"วิถีลงทุน "เกศรา มัญชุศรี"</div>

<div> </div>

<div>ก.ล.ต.สั่งสอบซื้อขายทองคำในตลาดล่วงหน้า ป้องกันเก็งกำไรค่าเงิน ยันพร้อมให้ความร่วมมือ ธปท. คุมเข้มโบรกเกอร์ทอง</div>

<div> </div>

<div>นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. พร้อมให้ความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการให้ข้อมูล รวมถึงการตรวจสอบการซื้อขายทองคำ ที่พบว่าอาจเป็นช่องทางในการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยไม่มีการส่งมอบจริง แต่ในปัจจุบันยังไม่ได้รับการร้องขอหรือมีการพูดคุยกับทางธปท.</div>

<div> </div>

<div>ทั้งนี้ในเบื้องต้นได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อมูลว่าการเก็งกำไรทองคำ มีความเกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือไม่ ซึ่งหากมีก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลกับธปท. แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่ามีการเก็งกำไรดังกล่าวในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พบเพียงแต่การเก็งกำไรนอกตลาดเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้อยู่นอกเหนือการกำกับดูแลของก.ล.ต. แต่จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ในการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแล</div>

<div> </div>

<div>"แน่นอนว่าถ้าเราช่วยได้เราจะช่วยเต็มที่แต่ตอนนี้แบงก์ชาติยังไม่ได้ร้องขอเข้ามาแต่ทางเราเองก็ได้มีการตรวจสอบเบื้องต้น ซึ่งอาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ ซึ่งต้องดูว่าการวางมัดจำในการซื้อขายแล้วบอกว่าเป็นสัญญาล่วงหน้าใช่หรือไม่ อันนี้คงตอบยากต้องดูในรายละเอียด แต่เราพร้อมหากแบงก์ชาติร้องขอความร่วมมือ" นายวรพล กล่าว</div>

<div> </div>

<div>http://www.bangkokbiznews.com</div>

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

<div>แฉเงื่อนงำเทรดทองคำในตลาดล่วงหน้า เก็งกำไรค่าเงินบาทโดยไม่มีการส่งมอบจริง</div>

<div>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>24 กันยายน 2556 15:12 น. <span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span></div>

<div>556000012633901.JPEG<span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span></div>

<div>ก.ล.ต.สั่งสอบซื้อขายทองคำในตลาดล่วงหน้า ป้องกันเก็งกำไรค่าเงินบาทโดยไม่มีการส่งมอบจริง ยันพร้อมให้ความร่วมมือ ธปท. คุมเข้มโบรกเกอร์ใช้ช่องทางเทรดทองคำ เผยตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่ามีการเก็งกำไรดังกล่าวในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พบเพียงแต่การเก็งกำไรนอกตลาดเท่านั้น ชี้เงื่อนงำตั้งเงื่อนไขการวางมัดจำในการซื้อขายแล้วบอกว่าเป็นสัญญาล่วงหน้าใช่หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ตอบได้ยาก และต้องเข้าไปดูในรายละเอียด</div>

<div>       </div>

<div>       นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. พร้อมให้ความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการให้ข้อมูล รวมถึงการตรวจสอบการซื้อขายทองคำที่พบว่าอาจเป็นช่องทางในการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยไม่มีการส่งมอบจริง แต่ในปัจจุบันยังไม่ได้รับการร้องขอ หรือมีการพูดคุยกับทาง ธปท. อย่างเป็นทางการ</div>

<div>       </div>

<div>       ทั้งนี้ การดำเนินงานในเบื้องต้นตนเองได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อมูลว่าการเก็งกำไรทองคำ มีความเกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือไม่ ซึ่งหากมีก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลแก่ ธปท. แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่ามีการเก็งกำไรดังกล่าวในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พบเพียงแต่การเก็งกำไรนอกตลาดเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้อยู่นอกเหนือการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. แต่จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ ในการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแล</div>

<div>       </div>

<div>       “แน่นอนว่าถ้าเราช่วยได้เราจะช่วยเต็มที่ แต่ตอนนี้แบงก์ชาติยังไม่ได้ร้องขอเข้ามาแต่ทางเราเองก็ได้มีการตรวจสอบเบื้องต้น ซึ่งอาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ ซึ่งต้องดูว่าการวางมัดจำในการซื้อขายแล้วบอกว่าเป็นสัญญาล่วงหน้าใช่หรือไม่ อันนี้คงตอบยากต้องดูในรายละเอียด แต่เราพร้อมหากแบงก์ชาติร้องขอความร่วมมือ” นายวรพลกล่าว</div>

<div> </div>

<div> </div>

<div>http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000120472</div>

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9124 ฟรังค์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9109 ฟรังค์ แต่อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.90 เยน จากระดับ 98.84 เยน

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3477 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3496 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.6006 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6048 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.9394 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9445 ดอลลาร์สหรัฐ

 

นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั่วโลกต่างก็จับตาดูความเคลื่อนไหวของธนาคาร กลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด หลังจากที่เฟดได้สร้างความประหลาดใจแก่ตลาดด้วยการตัดสินใจที่ยังไม่ชะลอ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย. ซึ่งสวนกระแสคาดการณ์ในวงกว้างที่ว่าเฟดจะปรับขนาดโครงการซื้อพันธบัตรลง 1.0-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากในปัจจุบันที่มีวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน

 

ความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อ ตลาด หลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ประเมินว่า เฟดอาจลดวงเงินซื้อพันธบัตรเล็กน้อยในการประชุมเดือนต.ค. หลังจากที่สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดมีมติอย่างเฉียดฉิวที่จะไม่ ลดวงเงินในการประชุมครั้งล่าสุด

 

บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดเองต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นที่ว่า เฟดควรเลื่อนระยะเวลาในการชะลอมาตรการ QE ในการประชุมกำหนดนโยบายประจำเดือนก.ย.หรือไม่ โดยนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดนิวยอร์ก ได้ออกมาปกป้องการตัดสินในของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในการที่ยังไม่ลดขนาด การซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ โดยระบุว่ายังไม่มีความคืบหน้ามากพอที่จะเริ่มชะลอมาตรการดังกล่าว

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 25 กันยายน 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัวเลขช่วงกลางคืน ถ้าออกตามคาดการณ์ คือ ยอดสั่งซื้อสหรัฐ เพิ่มขึ้น / ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น สิ่งที่นำมาคือ ดอลล์แข็ง > ราคาทองย่อลง

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มามองดูที่ค่าเงินบาท ก็คงต้องดูตลาดลักทรัพย์ควบคู่ไปด้วยกัน ตลาดฯ มาลบมาแดง บาทก็อ่อน ตลาดฯ มาบวกมาเขียว บาทก็แข็ง ส่วนตัวผมว่า มาแดง มาอ่อน 31.5x นอนรออยู่เฉลียงหน้าบ้านฯ ทุกขณะเวลา หาแพะไหนดี ! ขบวนการ 4 โมงเย็น ก็ไม่ใช่ เพราะเขาบอกมาแล้วว่า เหลวไหลทั้งเพ ตรวจสอบแล้วปกติ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**ปธ.เฟดสาขานิวยอร์กส่งสัญญาณเฟดอาจลดขนาด QE ภายในปีนี้

 

 

นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กกล่าวว่า เฟดอาจจะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในปีนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ

นายดัดลีย์กล่าวว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจมีความสอดคล้องกับสิ่งที่เฟดคาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย. ก็มีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดขนาด QE ภายในปีนี้ พร้อมกับกล่าวว่า เขาไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ว่าจะมีการปรับลด QE แต่การดำเนินการดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ

 

ก่อนหน้านี้ นายดัดลีย์ได้ออกมาปกป้องการตัดสินในของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในกรณีที่เฟดที่ยังไม่ลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ โดยเขากล่าวว่า ยังไม่มีความคืบหน้ามากพอที่จะเริ่มชะลอมาตรการดังกล่าว

 

**ปธ.เฟดสาขาคลีฟแลนด์ชี้เฟดเดินหน้าปรับปรุงระบบการชำระเงินให้รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น

 

 

แซนดรา ปิอานัลโต ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ เผยธนาคารกลางอยู่ในระหว่างการปรับปรุงเรื่องความรวดเร็วและความปลอดภัยของระบบต่างๆของสหรัฐ

 

นางปิอานัลโต กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญของกลยุทธ์ก็คือ วิสัยทัศน์ในการปรับปรุงเรื่องความรวดเร็ว ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของระบบการชำระเงินในช่วง 10 ปีข้างหน้า

 

 

ที่ผ่านมา เฟดดูแลระบบการชำระเงินของประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับวงเงินกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันที่มีการใช้เพื่อชำระค่าสินค้า บริการ และกลไกทางการเงิน และล่าสุดเฟดอยู่ในระหว่างการสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีต่อจุดอ่อนของระบบ รวมทั้งกรณีที่ผู้ใช้บริการไม่สามารถทำธุรกรรมในแบบที่เกือบจะเรียลไทม์ได้

 

 

นางปิอานัลโต กล่าวว่า นโยบายของเฟดก็คือ การชำระเงินส่วนใหญ่จะต้องดำเนินการได้ในแบบเรียลไทม์ ซึ่งหมายความว่า ลูกค้าหรือธุรกิจใดจะสามารถชำระเงินให้กับใครก็ได้ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกได้อย่างสะดวกสบาย ประธานเฟดคลีฟแลนด์ไม่ได้แสดงความเห็นเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจหรือนโยบายการเงินของสหรัฐแต่อย่างใดในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในงาน Chicago Payments Symposium ที่ชิคาโก้

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มะกันนับถอยหลังก่อนปิดหน่วยงานรัฐ หากสภาไม่ผ่านงบชั่วคราวก่อนสิ้นก.ย.นี้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กันยายน 2556 02:05 น.

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000120751

 

สภาคองเกรสยังคงตกลงกันไม่ได้ในเรื่องงบประมาณรายจ่าย

 

เอเจนซีส์ - คณะรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ เตือนบรรดาหน่วยงานรัฐบาลกลางเตรียมพร้อมรับมือกับการต้องหยุดทำงานเพราะหมดงบประมาณรายจ่ายตั้งแต่วันอังคารหน้า (1 ต.ค.) ขณะที่รัฐสภายังคงตกลงกันไม่ได้ทั้งที่ใกล้เส้นตายเข้ามาทุกขณะ โดยวุฒิสมาชิกรุ่นใหม่ในกลุ่ม “ที ปาร์ตี้” ของพรรครีพับลิกัน ประกาศขัดขวางการออกกฎหมายงบประมาณใช้จ่ายฉุกเฉิน เว้นแต่ทำเนียบขาวยอมให้ตัดรายจ่ายด้าน “โอบามาแคร์” ภายหลังจากสภาผู้แทนราษฎรซึ่งรีพับลิกันควบคุมอยู่ ได้ผ่านร่างกฎหมายลักษณะเช่นนี้ออกมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว

 

แม้ปีงบประมาณปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย.นี้ แต่รัฐสภาสหรัฐฯ ยังคงวิวาทะกันดุเดือดเรื่องงบประมาณรายจ่าย โดยเฉพาะรายการรายจ่ายเพื่อสนับสนุนกฎหมายปฏิรูประบบสาธารณสุข ที่ประธานาธิบดีโอบามา ผลักดันสุดแรง กระทั่งมีคนเรียกขานกฎหมายฉบับนี้ว่า “โอบามาแคร์”

 

สัปดาห์ที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ลงคะแนน 230 ต่อ 189 ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งจะป้องกันไม่ให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางต้องหยุดทำการ ที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 เดือนหน้า แต่ต้องแลกเปลี่ยนกับการตัดลดงบสนับสนุนโอบามาแคร์ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการให้การคุ้มครองด้านสุขภาพแก่ชาวอเมริกันหลายล้านคนที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ

 

ทว่า โอบามาเตือนว่านี่ไม่ใช่การเริ่มต้นมุ่งแก้ไขปัญหาที่ดีแต่อย่างใด และเวลานี้สภาล่างและสภาสูงเหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์เดียวในการหาทางประนีประนอมกัน

 

หากพวกเขายังคงประสบความล้มเหลว หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯอาจต้องปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม และให้ลูกจ้างพนักงานซึ่งไม่มีหน้าที่จำเป็นต้องหยุดงานไปก่อนโดยไม่ได้รับเงินเดือน รวมเป็นจำนวนหลายแสนคน

 

หน่วยงานทั้งหลายก็กำลังปรับปรุงทบทวนแผนฉุกเฉินรับมือในขั้นสุดท้าย

 

ตัวอย่างเช่น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) เผยว่า อาจสั่งให้เจ้าหน้าที่พลเรือนบางส่วนอยู่กับบ้าน ส่วนเจ้าหน้าที่ซึ่งยังจำเป็นต้องทำหน้าที่ตามปกติ รัฐสภาก็จะต้องรับรองว่าจะจ่ายเงินเดือนย้อนหลังให้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารคงจะไม่ได้รับเงินเดือนตรงเวลา

 

กระทรวงการต่างประเทศ ก็ส่งอีเมลเตือนลูกจ้างพนักงานว่า เจ้าหน้าที่บางส่วนอาจต้องพักงานชั่วคราว

 

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์แบบเดียวกันซึ่งเคยเกิดขึ้นในปี 2011 คณะรัฐบาลโอบามาเตือนว่า พนักงานรัฐ 800,000 คนจากราว 2.1 ล้านคนอาจได้รับผลกระทบ

 

แดน ไฟเฟอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของทำเนียบขาว ออกมากล่าวหาสมาชิกรีพับลิกันบางคนว่า สนใจทำคะแนนทางการเมืองจากการโจมตีโอบามาแคร์ มากกว่าเรื่องการทำให้รัฐบาลสามารถปฏิบัติภารกิจตามปกติและทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้า

 

คาดหมายกันว่า วุฒิสภาที่พรรคเดโมแครตมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งเล็กน้อย จะแก้ไขร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับของสภาล่าง ด้วยการตัดส่วนการยกเลิกการสนับสนุนเงินแก่โอบามาแคร์ออก เพื่อให้รัฐบาลยังคงมีงบประมาณใช้จ่ายในระดับเดียวกับปัจจุบัน ไปจนกระทั่งถึงวันที่ 15 ธันวาคม

 

แฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากของเดโมแครตในสภาสูงเผยว่า จะจัดให้มีการโหวตทดสอบในวันพุธ (25) และยืนยันว่า จะไม่ยอมให้สมาชิกรีพับลิกันที่ “บ้าคลั่ง” จับรัฐบาลเป็นตัวประกันเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ

 

พวกวุฒิสมาชิกรีพับลิกันกลุ่มที่สนับสนุนโดยพวกอนุรักษนิยมขวาจัด “ที ปาร์ตี้” นำโดย ส.ว.เท็ด ครูซ ออกมาประกาศว่าจะเดินเกมขัดขวาง รีด ทว่า วันจันทร์ที่ผ่านมา มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยของรีพับลิกันในวุฒิสภา รวมทั้งจอห์น คอร์นิน ผู้นำอันดับ 2 ออกคำแถลงจะไม่สนับสนุนแนวทางของครูซ บ่งชี้ว่า เกิดความแตกแยกในรีพับลิกัน กล่าวคือผู้นำบางส่วนกลัวว่า พรรคจะถูกโทษว่าเป็นสาเหตุให้หน่วยงานรัฐต้องหยุดการให้บริการ ขณะที่สมาชิกอื่นๆ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นพวกที ปาร์ตี้ ดึงดันให้คว่ำโอบามาแคร์

 

ทั้งนี้หากร่างกฎหมายของ รีด ผ่านสภาล่าง ซึ่งแนวโน้มอยู่มากว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น วุฒิสภาก็จะส่งร่างกฎหมายฉบับนี้กลับไปให้สภาผู้แทนราษฎร โหวตยอมรับใหม่ โดยคาดว่าน่าจะเป็นในวันอาทิตย์ (29 ก.ย.) ทำให้สภาล่างมีเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงในการอภิปรายและลงมติ

 

อย่างไรก็ตาม กระทั่งว่ารัฐสภาสามารถประนีประนอมกันผ่านงบประมาณชั่วคราวก่อนเส้นตาย ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐหยุดงานตั้งแต่ 1 ตุลาคม ในอีกไม่กี่วันถัดไป รัฐบาลกับรัฐสภา เดโมแครตกับรีพับลิกัน ก็ยังมีหวังจะต้องเผชิญหน้ากันอีก โดยคราวนี้เป็นเรื่องที่ภาระหนี้สินจะครบเต็มเพดานการกู้ยืมของประเทศ ดังนั้นจึงต้องขอให้รัฐสภาอนุมัติการขยายเพดาน

 

เรื่องนี้ พวกสมาชิกรีพับลิกันในสภาล่าง ก็วางแผนกันที่จะนำเอาประเด็นนี้ แลกเปลี่ยนกับการที่โอบามาและเดโมแครตต้องยอมชะลอการใช้กฎหมายปฏิรูประบบสาธารณสุขไป 1 ปี

 

ไฟเฟอร์ตั้งความหวังว่า พวกสมาชิกรีพับลิกันที่มีเหตุมีผล จะช่วยป้องกันไม่ให้รัฐบาลต้องหยุดดำเนินงาน หรือที่ร้ายกว่านั้นคือ อเมริกาผิดนัดชำระหนี้ เพราะรัฐสภาไม่อนุมัติการขยายเพดานการก่อหนี้

 

โอบามาและเดโมแครตนั้น มีหมัดเด็ดขาดกว่าอยู่ตรงที่ว่า หากให้เลือกระหว่างการให้หน่วยงานปิดทำการเพราะไม่มีงบประมาณ กับการให้เงินสนับสนุนโอบามาแคร์ซึ่งยังมีชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยคัดค้านแล้ว ปรากฏว่า ผลสำรวจจากซีเอ็นบีซีระบุชัดเจนว่า ชาวอเมริกัน 59% คัดค้านการให้หน่วยงานรัฐปิดทำการ แม้จะเป็นการแลกเปลี่ยนกับการบีบรัฐบาลเลิกโอบามาแคร์ก็ตามที ขณะที่มีเพียง 19% สนับสนุนให้ปิดทำการหน่วยงานรัฐบาล หากสามารถทำให้มีการยุติการจัดสรรงบประมาณแก่โอบามาแคร์ได้

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: วิตกปัญหาการคลังสหรัฐ ฉุดนิกเกอิปิดเช้าลบ 57.96 จุด

 

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านการคลังของสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงต่อเนื่องเมื่อคืนนี้

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าลดลง 57.96 จุด หรือ 0.39% แตะที่ 14,674.65 จุด

โบรกเกอร์กล่าวว่า ตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวลดลงหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงติดต่อกัน 4 วันทำการ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเจรจาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ และกำหนดเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่กรอบบนของ 98 เยนนั้น เป็นอีกปัจจัยที่ถ่วงตลาดหุ้นลงด้วย โดยหุ้นบางตัวในกลุ่มเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการส่งออก ปรับตัวลดลง โดยหุ้นแคนนอน ร่วงลง 1.3% และหุ้นชาร์ป ดิ่งลง 2.5%

 

มูดีส์คาดสหรัฐสามารถหาทางเพิ่มเพดานหนี้และเลี่ยงการปิดหน่วยงานได้

 

มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส คาดว่า สหรัฐจะสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล และสามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้ อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ก็จะส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจ

มูดีส์ระบุว่า หากสหรัฐไม่สามารถปรับเพิ่มเพดานหนี้ได้ ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจ เนื่องจากตลาดมองว่า ความล้มเหลวดังกล่าวจะทำให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ในที่สุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...