ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

ป๋ามาเที่ยง ผ้มตามมาทัน

 

ขอบคุณครับ คุณป๋า

พรุ่งนี้สิ ผมยังไม่รู้ว่า จะเข้ามาโพสต์ได้หรือเปล่าเลย เช้าตรู่มีนัดกับเพื่อนๆ ที่ ทรู สยามฯ ต้องถนอมพลังงาน ไอแพด / พร้อมการป้องกันเต็มอัตรา

[Pete 15,187]

**SETแย่สุดสะท้อนการเมืองในประเทศ

 

 

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แย่สุดเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นการสะท้อนปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ต่างอยู่ในแดนบวกกัน ตามดาวโจนส์ที่ดีดตัวเมื่อคืนนี้ภายหลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ยังคงนโยบายผ่อนคลายการเงินด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไว้ นอกจากนี้สถานการณ์ในยูเครนก็คลายตัวลงเมื่อประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน สั่งถอนทหารออกจากชายแดนยูเครน

สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ส่งเรื่องกลับไปที่วุฒิสภาเพื่อดำเนินการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเนื่องจากปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว ถือว่าไม่ได้ผิดไปจากที่คนส่วนใหญ่คาดการณ์ แต่เรื่องก็ยังไม่ได้จบ เพราะเป็นการชี้มูลแล้วส่งเรื่องต่อไปอีกที ดังนั้นจึงไม่ค่อยสำคัญเท่ากับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ เพราะศาลฯสั่งให้มีผลในทันที

นอกจากนี้ ยังกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิด M79 หลายครั้งเมื่อคืนนี้เป็นความเสี่ยงที่คาดเดาได้ยาก เพราะสถานที่เกิดเหตุเป็นในเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง ดังนั้น จากนี้ไปยังเป็นเรื่องที่คาดเดายาก แต่การเมืองคงจะเข้มข้นขึ้น จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(9 พ.ค.)นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดฯอาจมีแรงรีบาวน์ได้บ้างหลังจากที่ได้ปรับตัวลงไปมากแล้วในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และหากตลาดต่างประเทศยังบวกต่อก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนอีกส่วนหนึ่ง แต่สถานการณ์การเมืองในประเทศยังไม่จบ รวมถึงกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ดังนั้น ช่วงนี้นักลงทุนจะต้องระมัดระวัง และรอดูสถานการณ์ไปก่อนจะดีกว่า พร้อมให้แนวรับ 1,380-1,365 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400 จุด

"หากพรุ่งนี้ตลาดฯจะรีบาวน์ก็คงจะมาจากสองเรื่องคือ อย่างแรกตลาดฯปรับตัวลงมากไปแล้วในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา อีกอย่างก็ได้แรงหนุนจากตลาดต่างประเทศที่บวกต่อ"นายธนเดช กล่าว

[auntnextdoor 4,268]

SHORT GOLD below 1302 SL 1305 TP 1284-1278-1270

LONG GOLD above 1305 SL 1301 TP 1314-1318-1326-1331

Good luck!

 

ฝรั่งเดาทองวันนี้

รออยู่ ไม่มีจอดู จดก่อน ขอบคุณค่ะ ป๋าทำไรป่าว พักนี้เห็นเงียบๆ

[chaiklang 161]

พรุ่งนี้สิ ผมยังไม่รู้ว่า จะเข้ามาโพสต์ได้หรือเปล่าเลย เช้าตรู่มีนัดกับเพื่อนๆ ที่ ทรู สยามฯ ต้องถนอมพลังงาน ไอแพด / พร้อมการป้องกันเต็มอัตรา

ขอบคุณคับป๋า

[Pete 15,187]

ตัวเลขตกงานลดลง ย่อมาเลย ราคาทอง

[Pete 15,187]

ถึงเวลานี้ รหัส 5,35,9 เริ่มที่ตะเลือกเส้นทางขึ้นแล้วนะ ในวันนี้ หลังจากเมื่อวานชนแนวต้าน 1304

[Pete 15,187]

LONG GOLD above 1289 SL1286 TP 1296-1304-1312-1317-1322

SHORT GOLD below 1285 SL 1288 TP 1278-1269-1262

 

รหัส 7,5,2 แบบไวไว มีย่อแล้วก็ขึ้น มีแนวต้านแนวรับให้เล็ง

[Pete 15,187]

ค่าเงินบาท ไม่ต้องห่วง อ่อนค่าต่อไป ในเมื่อรัฐบาลรักษาการของรักษาการ โดย นิวัดทำงง ยังอยู่ แลเงินคงคลังของประเทศ ลดฮวบ

[Pete 15,187]

ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มว่า จะเปิดตลาดในแดนบวกวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น

 

ดัชนี Euro Stoxx 50 บวก 0.3% แตะ 3,164 เมื่อเวลา 7.21 น.ตามเวลาลอนดอน

 

หุ้นสกาย ดอยช์แลนด์ อาจจะปรับตัวขึ้น ส่วนหุ้นลอจิเทค อินเตอร์เนชั่นแนล อาจจะปรับตัวขึ้นเช่นกัน ภายหลังจากที่เครดิต สวิส ได้แนะนำให้ซื้อหุ้นดังกล่าว

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 12 พฤษภาคม 2557)

[Pete 15,187]

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์(GBX) แนะนำกรอบการลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้ (12-16 พฤษภาคม 2557) ว่า ได้ประเมินกรอบราคาทองคำระยะกลางที่ 1,260-1,330 เหรียญต่อทอยออนซ์ หรือ 19,450-20,530 บาท/บาททองคำ ราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มพักตัวในกรอบโดยยังคงถูกกดดันจากการปรับลดวงเงินมาตรการ QE อย่างต่อเนื่องของเฟด และคาดว่าจะยุติมาตรการดังกล่าวภายในปลายปีนี้ อีกทั้งสถานการณ์ความรุนแรงในยูเครนเริ่มคลี่คลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง

 

สำหรับประเด็นที่น่าจับตาประจำสัปดาห์นี้ คือจับตาดัชนีภาวะเศรษฐกิจของเยอรมนี และยอดค้าปลีกพื้นฐานของสหรัฐที่จะรายงานในวันนี้ (13 พฤษภาคม 2557) ส่วนวันพุธที่ 14 พฤษภาคม 2557 จะมีการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ ต่อด้วยวันพฤหัสที่ 15 พฤษภาคม สหรัฐจะมีการรายงานตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อ และยอดผู้ขอรับสวัสดิการ และปิดท้ายวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม 2557 ติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของคุณเยลเลน และยอดอนุญาตสร้างบ้านในสหรัฐ

 

ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา (6-9 พฤษภาคม 2557 ) ปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อนประมาณ 9.86 เหรียญต่อทอยออนซ์ หรือคิดเป็น 0.75% มาซื้อขายที่ระดับ 1,290.07 เหรียญต่อทอยออนซ์ (11.30 น. 6/5/57 ) โดยมีจุดต่ำสุดที่ 1,274.74 เหรียญต่อทอยออนซ์ และมีจุดสูงสุดที่ 1,315.43 เหรียญต่อทอยออนซ์

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากนางเยลเลนแถลงต่อรัฐสภาสหรัฐว่า เฟดจะเดินหน้าปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะจบโครงการในฤดูใบไม้ร่วงนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวตามเป้าหมาย และเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดว่านโยบายอัตราดอกเบี้ยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในปี 2558 หรือ 2559 นอกจากนี้ราคาทองคำปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครน หลังประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูตินของรัสเซียจะถอนกองกำลังทหารรัสเซียจากจากพื้นที่แนวชายแดนและเรียกร้องให้กลุ่มที่แยกตัวออกจากยูเครนให้เลื่อนการลงประชามติ

 

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% อีกทั้งนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมฯว่า อีซีบีอาจจะใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมครั้งหน้าเดือนมิ.ย.นี้ พร้อมกับระบุว่าตัวเลขเงินเฟ้อรายปีของยูโรโซนจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในอีกหลายเดือนข้างหน้า ก่อนที่จะค่อยๆปรับตัวขึ้นในช่วงปี 2558 จนถึงใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของอีซีบี

 

ทางด้านนักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก มองแนวโน้มการลงทุนในหุ้นระยะสั้นว่า ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยหลุดลงมาทำ New low ในรอบ 1 เดือนและปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแล้ว ทำให้วันนี้จะเกิดสัญญาณ Dead Cross ดัชนีอาจดีดกลับขึ้นมาในระหว่างวันก่อนปรับตัวลดลงต่อ หากวันนี้ดัชนีประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแถวๆ 1,375 จุดไม่ได้ต่อเนื่องหรือหลุดปิดต่ำกว่า 1,371 จุดอีก ดัชนีมีโอกาสไหลลงต่อแถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 75 วันที่ 1,349 จุดต่อไป แนวต้าน 1,387-1,391 จุด

 

ส่วนระยะกลางประเมินว่า ดัชนีปรับตัวลดลงหลุดปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 สัปดาห์ หลังจากขยับขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์อยู่ 3 ครั้งแล้วไม่ผ่าน หากสัปดาห์นี้ดัชนีประคองตัวปิดเหนือแนวรับแถวๆ 1,373 จุดไม่ได้เป็นอย่างน้อย ดัชนีมีโอกาสไหลลงต่อแถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์บริเวณ 1,341 จุดต่อไป แนวต้าน 1,383-1,393 จุด

 

นอกจากนี้ บล.โกลเบล็ก นำลงทุนในหุ้น บมจ.ซุปเปอร์บล็อก (SUPER) ให้กรอบสัญญาณทางเทคนิคแนวรับ 6.10-5.90 บาท และแนวต้าน 6.65, 7.65 บาท มองว่า ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาได้ต่อเนื่องหลังจากปรับตัวลดลงแรงไปก่อนหน้านี้ โดยวันนี้มีโอกาสที่ระดับราคาจะปรับตัวขึ้นต่อหากไม่หลุดปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันแถวๆ 5.90 บาท เพิ่มลุ้นขึ้นทดสอบแนวต้านจุดสูงสุดเดิมที่ 6.65 บาท ก่อนผ่านขึ้นทำ New high ต่อแถวๆ 7.65 บาทต่อไป

 

อันดับรองลงมา บมจ. เอเวอร์แลนด์ (EVER) ให้กรอบสัญญาณทางเทคนิคแนวรับ 1.35-1.33 บาท และแนวต้าน 1.47-1.50 บาท จากระดับราคาดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันต่อเนื่อง และทำ New high วันต่อวันเล็กน้อย หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่าสองเส้นดังกล่าวแถวๆ 1.35-1.33 บาทอีก จึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบแนวต้านที่จุดสูงสุดเดิมแถวๆ 1.47-1.50 บาทอีกครั้ง

 

สุดท้าย บมจ. อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) ให้กรอบสัญญาณทางเทคนิคแนวรับ 19.70-19.60 บาท แนวต้าน 20.00-20.20, 20.50-20.70 บาท ซึ่งระดับราคาดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้อีกครั้งโดยไม่มี New low หากวันนี้ระดับราคาประคองตัวยืนหรือปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 19.70 บาทได้ต่อเนื่อง จึงจะมีลุ้นดีดกลับผ่านจุดสูงสุดเดิมที่ 20.20 บาท ก่อนผ่านขึ้นทำ New high แถวๆ 20.50-20.70 บาทต่อไป

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 12 พฤษภาคม 2557)

 

[Pete 15,187]

นอกจากสหรัฐจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เพื่อลงโทษรัสเซียที่อยู่เบื้องหลังการแยกตัวของเขตปกครองไครเมียออกจาก ยูเครน และถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันตกของยูเครนแล้ว ล่าสุดรัฐบาลมะกันยังเดินเกมกดดันนักธุรกิจชั้นนำไม่ให้ไปร่วมการประชุมด้าน เศรษฐกิจครั้งสำคัญในรัสเซีย ซึ่งคาดว่าจะทำให้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เสียหน้าไม่น้อย

 

 

รอยเตอร์ส อ้างคำพูดของ นายดิมิทรี เพซคอฟ เลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของปูตินที่กล่าวหารัฐบาลสหรัฐว่า พยายามกดดันไม่ให้ผู้บริหารบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่

 

เข้าร่วมงานการประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งรัสเซียรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพระหว่าง 22-24 พฤษภาคมนี้ และนายปูตินมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานด้วย

 

การประชุมดังกล่าวซึ่ง ต่อยอดจากการประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เป็นงานชุมนุมนักลงทุนและผู้บริหารของบริษัทหัวกะทิจากทุกมุมโลก โดยรัสเซียหมายมั่นปั้นมือให้เป็นโอกาสดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่รัฐบาลสหรัฐกลับออกโรงเตือนนักธุรกิจและบริษัทสัญชาติอเมริกันว่า ไม่เหมาะสมที่จะไปร่วมการประชุมครั้งนี้

 

นายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกประจำทำเนียบขาว เผยว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงกำลังหารือกับผู้บริหารในภาคธุรกิจหลายคน พร้อมทั้งส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่เหมาะสมที่จะไปร่วมงานนี้ เมื่อพิจารณาการกระทำของรัสเซีย ซึ่ง "ละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศเอกราช"

 

นักธุรกิจระดับประธานเจ้าหน้าที่บริหารที่คาดว่าจะหายหน้าไปจากการประชุมที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รวมถึง ซีอีโอของบริษัทอัลโก ผู้ผลิตอะลูมิเนียมรายใหญ่, บริษัทพลังงาน โคโนโค ฟิลลิปส์, ซิตี้แบงก์ วาณิชธนกิจชื่อดัง, เจเนอรัล อิเล็กทริก และอินเตอร์เนชั่นแนล เปเปอร์ บริษัทผู้ผลิตกระดาษชั้นนำ

 

"เท่าที่เรารู้บริษัทอเมริกันหลายแห่งเผชิญกับแรงกดดันโดยตรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขากำลังชั่งใจว่าจะมาร่วมการประชุมหรือไม่" เพซคอฟระบุ พร้อมยืนยันว่านายปูตินจะไม่เปลี่ยนแปลงกำหนดการในการเข้าร่วมงาน

 

การ ประชุมดังกล่าวเป็นหนึ่งในความพยายามของรัสเซียที่จะดึงเงินลงทุนจากต่าง ชาติ แต่ที่ผ่านมาไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก เพราะนักธุรกิจข้ามชาติมักเจอกับระบบราชการที่ยุ่งยากซับซ้อน คอร์รัปชั่น และขาดกฎหมายที่ช่วยปกป้องสินทรัพย์ของนักลงทุน สำหรับปีนี้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายกว่าปีก่อนๆ เพราะมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐและสหภาพยุโรปทำให้นักลงทุนขวัญหนีดีฝ่อ แม้ว่าขณะนี้มาตรการลงโทษดังกล่าวพุ่งเป้าไปที่ตัวบุคคลและบริษัทรัสเซียที่ มีความเชื่อมโยงกับปูติน ไม่ได้มุ่งไปที่เศรษฐกิจรัสเซียโดยรวม

 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ประเมินว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้มีเงินทุนไหลออกจากรัสเซียแล้ว 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีแนวโน้มจะทะลุ 1 แสนล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2557 ส่งผลให้ค่าเงินรูเบิลร่วงลง 8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และคาดว่าจะอ่อนค่าลงอีกในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของประเทศดังกล่าวเหลือ 0.2% พร้อมชี้ว่าขณะนี้รัสเซียกำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแล้ว

 

ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับประเทศตะวันตกเสื่อมถอยลงตั้งแต่รัสเซียผนวกไครเมีย เป็นการตอบโต้ที่ประชาชนยูเครนซึ่งนิยมตะวันตกขับไล่อดีตประธานาธิบดีวิก เตอร์ ยานูโควิช ที่รัสเซียหนุนหลังลงจากเก้าอี้ นับจากนั้นกระแสการแยกตัวตามรอยไครเมียก็ปะทุไปทั่วภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย โดยชาติตะวันตกกล่าวหาว่ารัสเซียสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเหล่านี้ อีกทั้งยังเคลื่อนกำลังพลมาประชิดชายแดนที่ติดกับยูเครน เพื่อกดดันและข่มขู่รัฐบาลรักษาการของยูเครน

 

แม้ทำเนียบขาวจะยืนยันว่า ไม่ได้บังคับนักธุรกิจให้คว่ำบาตรการประชุมที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่ประธานาธิบดี บารัก โอบามา กำลังส่งสารที่ชัดเจนไปยังนายปูตินว่า ธุรกิจในรัสเซียไม่สามารถดำเนินไปตามปกติได้ ตราบใดที่ปูตินยังไม่วางมือจากยูเครน และถ้ามีบุคคลสำคัญในวงการธุรกิจไปร่วมการประชุมบางตา ย่อมส่งผลกระทบทางอ้อมต่อปูตินที่มีส่วนผลักดันงานนี้อย่างใกล้ชิด

 

รัฐบาลรัสเซียยังกัดฟันเตรียมงานต่อไปแม้รายชื่อแขกคนสำคัญจะหดลง ไม่เพียง นายจอห์น ฟาเรซี ซีอีโอของอินเตอร์เนชั่นแนล เปเปอร์ จะไม่ไปร่วมงานแล้ว ประธานบริหารของโกลด์แมน แซกส์, มอร์แกน สแตนเลย์, วีซ่า และเป๊ปซี่ ก็เปลี่ยนแผนเช่นกัน

 

รอยัล ดัตช์ เชลล์ ซึ่งถือหุ้นในโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับป้อนตลาดเอเชีย ได้สะท้อนบรรยากาศการลงทุนในขณะนี้ว่า มีความเป็นไปได้ต่ำที่จะ "กระโจนเข้าสู่การลงทุนใหม่ในช่วงนี้"

 

ด้าน จอน เฟรดดริก บัคซอส ซีอีโอเทเลนอร์ ที่ถือหุ้นบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออันดับ 3 ของรัสเซียอย่างวิมเพลคอม เผยว่า หลายคนกำลังรอดูการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนที่จะมีขึ้นวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ว่าจะผ่านไปโดยเรียบร้อยหรือไม่ และใครจะเป็นผู้นำคนใหม่ของยูเครน ก่อนพิจารณาทิศทางการลงทุนในรัสเซียอีกครั้ง

 

ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ (วันที่ 12 พฤษภาคม 2557)

[Pete 15,187]

“แม่ทองสุก” เชื่อ “เฟด” ปรับขึ้น ดบ.แน่ หลังเลิกมาตรการ “คิวอี” ส่งผลกระทบราคาทองทรุดลงทันที พร้อมคาด “ตลาดหุ้น” อาจต้องเผชิญภาวะเงินทุนไหลออก

 

นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ แม่ทองสุก กล่าวในการสัมมนา “รู้ทองมองเทรนด์ เทรดเป็นพารวย” ในงานมหกรรมครั้งที่ 14 โดยระบุว่า จากปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน เชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะทยอยลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ลงทุกเดือน จนหมดในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ และเฟดจะต้องใช้เครื่องมือในการดูแลเศรษฐกิจด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่นอน จากปัจจุบันที่ร้อยละ 0.25 ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า

 

ทั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลงทันทีตามสถิติ ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากเงินลงทุนต่างชาติไหลออก ซึ่งตลาดต้องปรับตัวรับมือกับปัจจัยที่จะเกิดขึ้น

 

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ (วันที่ 12 พฤษภาคม 2557)

 

 

แม่ทองสุก ชี้ ปัจจัยการเมืองทำค่าบาทอ่อน หากไม่ชัดเจน อาจถึง 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐได้

นาย ณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ แม่ทองสุก กล่าวในการสัมมนาภายในงานมหกรรม การเงินครั้งที่ 14 ที่เมืองทองธานี ว่า ปัจจัยการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งมีการชุมนุมรวมทั้งการตัดสินคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ ในตลาดหุ้นทำให้ค่าเงินบาท อ่อนค่าลงอาจถึง 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ได้ เพราะบรรยากาศการเมือง ยังไม่ชัดเจน และมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ จะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องด้วย

ที่มา: INNnews (วันที่ 10 พค.57)

 

ถูกแก้ไข พฤษภาคม 13, 2014 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

ธปท.ขาดทุนสะสมต่อเนื่องล่าสุดทะลุ 5.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 1.29 แสนล้าน เลขาฯ บอร์ดแบงก์ชาติแจงแบกภาระดอกเบี้ยจ่ายสูง ผลตอบแทนลงทุน ตปท. ทรุด ดูดซับสภาพคล่องอุ้มเสถียรภาพเศรษฐกิจ "คณิศ" ชี้ทิศทางปี′57 ภาระลดลง ผลตอบแทนลงทุน ตปท. ดีขึ้น เชื่อขาดทุนหด

 

 

รายงานฐานะการเงิน ประจำสัปดาห์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุด (17 เม.ย. 57) พบว่า ธปท. ขาดทุนสะสม 572,133 ล้านบาท เทียบกับยอดขาดทุนสะสมในสิ้นปีที่ผ่านมา (26 ธ.ค. 56) ซึ่งอยู่ที่ 442,375 ล้านบาท หรือขาดทุนมากขึ้นกว่า 129,758 ล้านบาท และขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากงบดุลสิ้นปี 2555 ที่มียอดขาดทุนสะสมอยู่ที่ 333,375 ล้านบาท

 

นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายช่วยงานบริหาร และเลขานุการ คณะกรรมการ ธปท. (บอร์ดแบงก์ชาติ) กล่าวว่า ผลขาดทุนสะสมของ ธปท.ในงวดสิ้นสุดปี 2556 ที่ขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้น มาจาก ธปท.มีภาระดอกเบี้ยจ่ายในประเทศมากกว่าดอกเบี้ยรับจากต่างประเทศ (Negative Carry) เนื่องจาก ธปท. ต้องแบกรับต้นทุนจากการดูดซับสภาพคล่องของประเทศ ในเวลาที่สภาพคล่องในระบบมีมากเกินไป ซึ่งเป็นหน้าที่ของธนาคารกลางที่ต้องดูแลเสถียรภาพทางการเงินในประเทศ และป้องกันภาวะเงินเฟ้อ

 

อีกทั้งอำนาจหน้าที่ของ ธปท. ต่างจากธนาคารพาณิชย์ที่มีเงินฝากเข้ามาแล้วระบายออกด้วยการปล่อยสินเชื่อ หรือลงทุน แต่ ธปท.ไม่สามารถนำสภาพคล่องไปปล่อยสินเชื่อได้และต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยไว้

 

"การขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากอดีต ทั้งที่ก่อนปี 2540 เศรษฐกิจดี แบงก์ปล่อยสินเชื่อได้มาก การลงทุนของรัฐและเอกชนก็อยู่ในระดับสูง แต่ 3-4 ปีหลังนี้ที่เศรษฐกิจอยู่ในทิศทางชะลอตัว โดยเฉพาะเมื่อปี 2556 แบงก์ไม่สามารถปล่อยสินเชื่อได้เต็มศักยภาพ จึงไม่สอดคล้องกับเงินที่ระดมทุนเข้ามา และทำให้แบงก์ชาติต้องดูดซับเข้ามาไว้ในกระเป๋า โดยยอมจ่ายดอกเบี้ยทุกวัน เพื่อไม่ให้เงินล้นเป็นเงินเฟ้อในระบบ" นายชาญชัยกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ได้ชี้ด้วยว่า แม้ ธปท.จะมีผลขาดทุนสะสมในงวดสิ้นปี 2556 เพิ่มขึ้น แต่ส่วนทุนของ ธปท. กลับติดลบลดลง เหลือเพียง 4 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับเมื่อสิ้นปี 2555 ที่ส่วนทุนของ ธปท. ติดลบมากกว่า 530,892 ล้านบาท แต่เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 จึงทำให้ส่วนทุนติดลบลดลงในการแสดงงบสิ้นงวดปี 2556 ได้

 

ทั้งนี้ ในรายงานงบดุลและงบกำไรขาดทุน ธปท. สิ้นงวดปี 2555 พบว่า ส่วนทุน ธปท.ติดลบ มาจาก 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ การขาดทุนสะสม 333,375 ล้านบาท การขาดทุนจากเงินสำรองจากการตีราคาสินทรัพย์และหนี้สิน 116,468 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 108,999 ล้านบาท ซึ่งรายการหลังนี้ส่วนใหญ่เป็นภาระจากดอกเบี้ยจ่ายประมาณ 143,818 ล้านบาท สูงกว่าดอกเบี้ยรับค่อนข้างมาก และยังขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิ 29,049 ล้านบาท

 

ขณะที่ นายคณิศ แสงสุพรรณ คณะกรรมการ ธปท. และอดีตประธานคณะทำงานจัดทำแผนปรับปรุงฐานะการเงินของธปท. กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ ธปท. ในปี 2557 น่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะไตรมาส 1/57 ซึ่งน่าจะมีผลการขาดทุนสะสมลดลงเหลือเพียง 4 แสนกว่าล้านบาท เนื่องจากจะขาดทุนสะสมลดลง หลัง ธปท. มีรายรับจากการลงทุนในต่างประเทศดีขึ้น และดอกเบี้ยในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีผลตอบแทนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศใกล้เคียงระดับ 1% ขณะเดียวกัน ธปท. เข้าไปดูแลค่าเงินน้อยลง โดยปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้นรวมกับที่ ธปท. สามารถลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศที่มีเครดิตเรตติ้งระดับ BBB+ ได้แล้ว จากเดิมลงทุนได้เฉพาะที่เป็น AAA เท่านั้น น่าจะมีผลตอบแทนดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ธปท.มีผลขาดทุนสะสมจากส่วนต่างดอกเบี้ย ที่ลงทุนผ่านพันธบัตรรัฐบาลประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ และยุโรป ซึ่ง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนพันธบัตรประเทศเหล่านี้ลดลงจากระดับ 3-4% เหลือเพียง 0.05%

 

ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ (วันที่ 12 พฤษภาคม 2557)

 

[Pete 15,187]

น.ส.อรลักษณ์ วงศ์มาศา นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ระบุระยะสั้นราคาทองคำคาดอาจจะแกว่งตัวชะลอลงไปแนวรับ 1,278-1,265 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ หลังจากไม่สามารถยืนได้เหนือ 1,310 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่แนวโน้มราคาทองฟิวเจอร์ บล.เคจีไอ ประเมินว่า จะแกว่งตัวลง อาจทดสอบแนวรับ 19,830-19,680 บาท คำนวณโดยใช้ค่าเงินบาทที่ 32.63 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่เนื่องจากทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่ 32.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ประเมินว่าในระยะสั้นจะแกว่งตัวในกรอบ 32.50-32.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศจะไม่ลงแรงมากนักเมื่อเทียบกับราคาทองคำโลก พร้อมให้แนวรับที่ 19,830-19,680 บาท แนวต้าน 20,030-20,150 บาท

และแนะนำให้เปิด Short ที่แนวต้าน 20,030-20,150 เพื่อปิดที่แนวรับ 19,830/19,680 โดยให้จุด Stop loss ที่ 20,150 สำหรับคนที่ได้ Short ไว้ที่แนวต้าน 20,030 แนะนำให้ปิดสถานะที่แนวรับ 19,830/19,680 โดยให้จุด Stop loss ที่ 20,150

 

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ คือ การที่ราคาทองคำโลกแกว่งตัวชะลอลง ตามทิศทางค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าขึ้น หลังจากสัปดาห์ก่อน ECB แสดงท่าทีว่าอาจจะใช้นโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติมในการประชุมครั้งหน้า แม้ว่าประธานเฟดจะออกมาย้ำว่า ยังจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ แต่เนื่องจาก ECB น่าจะใช้นโยบายผ่อนคลายมากกว่า ประเมินว่าค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมากกว่าดอลลาร์

 

ด้านยูเครน ล่าสุด กบฏยูเครนในแคว้นทางตะวันออก ทำประชามติแยกดินแดนปกครองตนเอง โดยไม่ฟังเสียงค้านของรัฐบาลกลาง ล่าสุด มีรายงานทหารยิงใส่ผู้ที่มาลงมติ มีผู้เสียชีวิตไปเมื่อวานนี้ โดยกลุ่มผู้จัดประชามติเปิดเผยว่า มีผู้มาลงคะแนนกว่า 75% ทั้งนี้ ผลการลงคะแนนน่าจะทราบในวันนี้ ขณะที่รัฐบาลกลางยูเครน และชาติตะวันตกประกาศไม่ยอมรับการทำประชามติ เนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมาย และชาติตะวันตกยังขู่จะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้มีปัจจัยที่ต้องติดตามระยะสั้นคือ สถานการณ์ความไม่สงบในยูเครน นอกจากนี้ ในคืนวันอังคารมียอดค้าปลีกสหรัฐฯ โพลคาดไว้ที่ +0.4%m-m และในวันพฤหัสบดีตัวเลข CPI ของยูโรโซน และสหรัฐฯ

 

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ (วันที่ 12 พฤษภาคม 2557)

[Pete 15,187]

นายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาดัลลัส กล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองนิวออร์ลีนส์ว่า ตนเองขอสนับสนุนให้มีการยุติโครงการซื้อพันธบัตรของเฟดในปีนี้ พร้อมกับชี้ว่า มีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับที่ต่ำมากต่อไปอีก

 

นายฟิชเชอร์ กล่าวว่า มีสภาพคล่องจำนวนมากที่เพียงพอสำหรับการสนับสนุนด้านการเงินเพื่อให้ เศรษฐกิจขยายตัวต่อไป และทางคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดเองก็จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ว่า จะมีสภาพคล่องเพียงพอตราบใดที่แนวโน้มการขยายตัวของเงินเฟ้อเหนือระดับเป้า หมาย 2% นั้น หยุดชะงักอยู่

 

ที่ผ่านมา นายฟิชเชอร์ได้วิจารณ์เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดด้วยการซื้อพันธบัตร เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวและลดอัตราว่างงานลงมาโดยตลอด และนายฟิชเชอร์ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงของคณะกรรมการ นโยบายการเงินของเฟดด้วยเช่นกัน

 

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสว่า เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นพิเศษในปัจจุบันต่อไป โดยระบุถึงตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆและอัตราเงินเฟ้อที่ระดับต่ำ

 

“การผ่อนคลายทางการเงินอย่างมากยังคงมี ความเหมาะสม" นางเยลเลนกล่าว โดยระบุว่า “ไม่มีกรอบเวลาที่เฉพาะเจาะจง"สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจาก ช่วง 0-0.25% ในปัจจุบัน

 

ที่มา: อินโฟเควสท์(วันที่ 9 พค.57)