ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[ariya 1,481]

อ้อ รู้ละ เมื่อคืนแอล 51 ปิด 55 วันนี้ตั้ง เอส 62 เป้า 55

[Pete 15,187]

::

[Pete 15,187]

รหัส 5,35,9 แบบส่งสัญญานนำทาง เส้นดำเส้นแดงยังห่างออกจากกัน ยังไม่มีการตัดกันเกิดขึ้น ภาวะการขายต่างๆ มองว่า ขายกันมากเกินไปแล้ว ยังไม่หายตกใจในการที่ ธนาคารยุโรป ลดดอกเบี้ยนโยบาย ที่ทำให้ยูโรอ่อนค่า นักลงทุนไม่ถือเงินยูโร เพราะผลตอบแทนต่ำ เศรษฐกิจยุโรปไม่ดี

[Pete 15,187]

รหัส 7,5,2 แบบไวไว มองตามเส้นดำเส้นแดง / เส้นแดงยังอยู่ด้านล่างเส้นดำ ก็อกสั่นขวัญหนี ว่า ยังมีโอกาสลงต่อได้อีกในวันปิดราคาพรุ่งนี้ แต่ด้านการขายต้องถือว่า ขายกันมากเกินไปแล้ว

[Pete 15,187]

ค่าเงินบาท ยังคงอ่อนค่าแบบ มีขอบเขตไม่อ่อนลงต่ำกว่า 32.2x วันนี้ น่าจะอยู่ในกรอบแคบๆ 32.15-32.18

[Pete 15,187]

แต่เช้า 08.30 น. มีรายงานจีนออก ตามโพลฯ ที่เขาให้มา ภาวะเศรษฐกิจลดน้อยลง น่าจะส่งผลให้ราคาทองปรับเพิ่มขึ้นได้ เพราะนักลงทุนน่าจะชลอการลงทุน แล้วนักเก็งกำไรน่าจะหลบจากตลาดหุ้นมาลงทุนในตลาดทองคำ แทน เพราะราคาถือว่าย่อลงมาต่ำแล้ว

[Pete 15,187]

ส่วนในยุโรปและสหรัฐฯ เริ่มกันตั้งแต่บ่ายโมงกว่า ตัวเลข CPI Consumer Price Index ดัชนีราคาผู้บริโภค กล่าวถึงอัตราเงินเฟ้อ ถ้าตามโพลฯ เฟ้อเพิ่มขึ้น ราคาทองก็มีจังหวะปรับเพิ่มขึ้น พอเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ตัวเลขลงทะเบียนคนว่างงาน ตามโพลฯวันนี้ บอกว่า ปรับลดลง ว่ากันตามโพลฯ ราคาทองก็ย่อลง แต่ทั้งนั้น ถ้าเช้านี้ตัวเลขจีนออกมาแย่ลง หลังจากราคาทองย่อลง ก็จะมีการดันราคาปิดเพิ่มขึ้นได้

 

ช่วงนี้ ทองแท่งตัวเป็นๆๆ จ่ายราคาเต็มๆๆ เล่นซื้อขายไม่ได้เลย เล่นได้แต่พวก ออนไลน์ ซื้อขายจบเกมแบบระยะสั้นๆๆ Day Trade

[Pete 15,187]

 

น้ำมันต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี-ทองลงต่อ หุ้นแอปเปิลฟื้นขานรับ'สมาร์ทวอทช์'

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กันยายน 2557 05:27 น.

 

 

 

 

เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - น้ำมันสหรัฐฯร่วงลงต่ำสุดตั้งแต่ต้นปีเมื่อวันพุธ(10ก.ย.) หลังโอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์โลกและสหรัฐฯเผยตัวเลขสต๊อกเชื้อเพลิงสูงลิ่ว ส่วนหุ้นแอเปิลฟื้นตัว 1 วันหลังเปิดตัวไอโฟนใหม่และสมาร์ทวอชต์ ขณะที่ทองคำยังปรับลดต่อเนื่อง จับตาจุดยืนเฟดต่อนโยบายทางการเงิน

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 91.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 98.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมีขึ้นหลังจากรายงานประจำเดือนของโอเปก ได้ปรับลดประมาณการณ์อุปสงค์พลังงานโลกสำหรับปี 2014 และ 2015 ด้วยคาดหมายว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะเติบโต 1.05 ล้านบาร์เรล ในปีหน้า เหลือ 91.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากการประมาณการณ์คราวก่อน 50,000 บาร์เรล ส่วนในปี 2015 คาดหมายว่าอุปสงค์จะเติบโต 1.19 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากการคาดคะเนหนก่อน 20,000 บาร์เรล

 

นอกจากนี้แล้วราคาน้ำมันวานนี้(10ก.ย.) ยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากรายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองของสหรัฐฯ ที่เผยให้เห็นว่าสต๊อกน้ำมันดิบในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 กันยายน ลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคาะห์คาดหมายว่า ขณะที่คลังเบนซินและน้ำมันกลั่นสำรอง ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(10ก.ย.) แกว่งตัวสู่แดนบวกในช่วงบ่าย ได้แรงหนุนของหุ้นแอปเปิล ที่ทะยานขึ้นตามหลังการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ล่าสุดของบริษัท

 

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 54.87 จุด (0.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,068.74 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 7.34 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,995.78 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 34.24 จุด (0.75 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,586.52 จุด

 

หุ้นของแอปเปิลเริ่มต้นอย่างช้าๆ ก่อนค่อยๆปรับตัวขึ้นและจบวันด้วยการปิดบวกมากกว่าร้อยละ 3 โดยนักวิเคราะห์หลายคนชมเชยสมาร์ท วอทช์ของบริษัท ภายใต้ชื่อ " แอปเปิล วอทช์" และระบบจ่ายเงินแบบใหม่ " Apple Pay" ที่เปิดตัวเมื่อวันอังคาร(9ก.ย.)

 

ส่วนราคาทองคำเมื่อวันพุธ(10ก.ย.) ปรับลดเป็นวันที่ 3 ติอต่อกัน นักลงทุนเฝ้ารอความชัดเจนของธนาคารกลางสหรัฐฯต่อนโยบายการเงิน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,245.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

[chaiklang 161]

สวัสดีครับ ราคาช่วงนี้ ทรง ๆ ทรุด ๆ ตลอดเลย

 

ขอบคุณ ป๋า มาก ๆ นะครับ ^^

[meng166 131]

สะบายตอนเช้าทุกๆทาน

[Pete 15,187]

::

[Pete 15,187]

สัญญาทองคำตลาดล่วงหน้าสหรัฐ ปิดตลาดร่วงลงต่ำสุดในรอบ 7 เดือน เพราะกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย

 

 

สัญญาทองคำตลาดล่วงหน้าสหรัฐ ปิดตลาดร่วงลงต่ำสุดในรอบ 7 เดือน เพราะถูกกดดันจากกระแสความกังวลในตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ปรับตัวลง 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,245.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 11 กันยายน 2557)

[Pete 15,187]

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) อันเนื่องมาจากการคาดการณ์อย่างต่อเนื่องว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

 

ค่าเงินยูโรร่วงลงเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2905 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2920 ดอลลาร์ ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 106.82 เยน เทียบกับระดับ 106.34 เยน

 

ดอลลาร์ปรับตัวแข็งแกร่ง หลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาเป็นไปในทิศทางบวก ซึ่งช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วกว่าที่คาด

 

ทั้งนี้ ตลาดต่างก็จับตาดูการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟด ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ เพื่อประเมินช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2549

 

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดกันว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในกลางปี 2558 ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น อาจจะยังต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป

 

ส่วนในวันนี้ นักลงทุนจะรอดูการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลงในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 6 ก.ย.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 11 กันยายน 2557)

[Pete 15,187]

นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าในช่วงนี้ ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สกุลเงินดอลลาร์กลับมาแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวออกมาดี แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม ส่งผลให้ช่วงนี้ตลาดอยู่ระหว่างรอรับฟังข่าวเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์หรือไม่

ทั้งนี้ ธปท.ประเมินว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทในปัจจุบัน มีความผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ยังมีความเสี่ยงอยู่ ซึ่ง ธปท.ยังติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด โดยไม่มีการกำหนดว่าระดับค่าเงินบาทจะอยู่ที่ระดับใด แต่ดูแลไม่ให้ผันผวนมากจนกระทบต่อการเตรียมแผนของภาคเศรษฐกิจ

ส่วนโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ธปท.ยังไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ของ ครม.ได้ เนื่องจากยังไม่เห็นความชัดเจนของนโยบายว่าจะเน้นสนับสนุนเศรษฐกิจในด้านใดบ้าง ดังนั้น ธปท.จะติดตามความชัดเจนของนโยบายและการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจปีหน้าจะดีขึ้นกว่าปีนี้แน่นอน

ด้านหุ้นไทยเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ช่วงเช้าลบมากสุดถึง 16 จุด แต่มีแรงซื้อเข้ามาดันดัชนีขึ้นมาปิดที่ 1,582.13 จุด ลดลง 1.05 จุด มูลค่าการซื้อขาย 59,071.83 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 223.82 ล้านบาท กองทุนขายสุทธิ 615.85 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 687.03 ล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิ 1,526.70 ล้านบาท.

 

 

 

ที่มา ไทยโพสต์ (11 กันยายน 2557)

[Pete 15,187]

ตลาดรถเก๋งเล็กไม่ฟื้น หดตัวมากที่สุด 50% ฉุดตลาดรวม 7 เดือนร่วงหนัก ค่ายรถอัดแคมเปญกระตุ้นยอด

 

เน้นเงื่อนไขเป็นเจ้าของง่าย ดาวน์ต่ำ ผ่อนนาน ด้านกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ระบุอาจต้องประเมินตลาดใหม่อีกรอบ

 

ตลาดรถยนต์ในช่วง ม.ค.-ก.ค.ที่ผ่านมา แม้จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากตัวเลขการหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 39% ซึ่งเป็นสัดส่วนการถดถอยที่ดีกว่าก่อนหน้านั้นที่ตัวเลขสูงกว่า 40% แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่สูง โดยยอดขายสะสมทั้งหมดที่ทำได้ 510,438 คัน ในช่วง 7 เดือน เท่ากับว่าเวลาที่เหลือ 5 เดือนจะต้องทำยอดขายให้ได้อีกประมาณ 490,000 คัน หรือเดือนละ 98,000 คัน จึงจะสามารถบรรลุเป้าหมาย 1 ล้านคันในปีนี้ ขณะที่เดือนล่าสุด ก.ค.ตลาดมียอดขายรวมแค่ 69,527 คัน เท่านั้น

 

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ยอดขายเดือน ก.ค.ที่ลดลง 29% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว เป็นผลมาจาก ผลกระทบในช่วงต้นปีจากเหตุการณ์ทางการเมือง และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในประเทศที่ส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีผลถึงตลาดรถยนต์

 

อย่างไรก็ตามยอดสะสม 7 เดือนที่ลดลง 39% ซึ่งถือว่าดีกว่าช่วงก่อนหน้านี้ เห็นว่าเป็นการปรับเข้าสู่สมดุลของตลาดรถยนต์หลังสิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรก ประกอบกับการชะลอตัวของภาคการบริโภค และการลงทุน ในช่วงต้นปี

 

ส่วนเดือนล่าสุดที่เพิ่งผ่านไป คือ ส.ค.ซึ่งยังไม่มีการสรุปยอดออกมา เชื่อว่าตลาดจะยังอยู่ในภาวะทรงตัว จากการที่เสถียรภาพทางการเมืองที่มีแนวโน้มดีขึ้น สภาพเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว สร้างความมั่นใจกับลูกค้าให้ดีขึ้นตามลำดับ รวมไปถึงการที่ค่ายรถยนต์ต่างๆ เปิดตัวรถใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้อีกทางหนึ่ง

 

มีลุ้นปรับเป้าหมายเดือนนี้

 

ด้านนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ทำให้กลุ่มเตรียมพิจารณาอีกครั้งหนึ่งในเดือนนี้ว่าจะปรับเป้าหมายรอบใหม่หรือไม่

 

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กลุ่มได้ปรับเป้าหมายไปแล้ว 1 ครั้ง โดยลดเป้าผลิตจาก 2.4 ล้านคัน เหลือ 2.2 ล้านคัน โดยเป็นการลดในส่วนของยอดขายในประเทศจาก 1.2 ล้านคัน เหลือ 1 ล้านคัน ขณะที่ส่งออกยังคงเป้าเดิมคือ 1.2 ล้านคัน สูงกว่าปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 1.1 ล้านคัน เนื่องจากยังมีทิศทางการเติบโต โดยช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาขยายตัวประมาณ 4%

 

ตลาดใหญ่ "เก๋งเล็ก" ร่วงหนัก

 

แหล่งข่าวในวงการยานยนต์ ระบุว่า แม้ว่าตั้งแต่เข้าช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา สถานการณ์ต่างๆปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาการเมืองคลี่คลาย มีรัฐบาลใหม่ และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน และยังส่งผลถึงวันนี้ ก็คือ หนี้ครัวเรือน และกำลังซื้อที่น้อยลง

 

โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่ยังไม่ฟื้นตัว หลังจากที่กำลังซื้อถูกดึงไปใช้กับโครงการรถคันแรก ทำให้ลูกค้ายังไม่กลับมาซื้อรถใหม่

 

ขณะที่ผู้ที่ซื้อรถจากโครงการก็กำลังมีปัญหากับเรื่องของการผ่อนชำระ และบางส่วนผ่อนชำระไม่ไหว ล่าสุดนายซานเจย์ มิชรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่ามีประมาณ 15% ที่มีปัญหาการผ่อนชำระ และการที่กำลังซื้อถูกดึงไปใช้ล่วงหน้า การที่ลูกค้าไม่สามารถผ่อนชำระได้ ทำให้ตลาดรถมือสองได้รับผลกระทบตามไปด้วย เนื่องจากปริมาณเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้โครงสร้างราคาปรับตัวลดลง และย้อนกลับมาฉุดกำลังซื้อในตลาดรถใหม่อีกครั้ง ในส่วนของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนรถคันใหม่ เนื่องจากรถคันเดิมที่ราคาตก จึงยกเลิกการขายและทนใช้คันเดิมต่อไป

 

ทั้งนี้จากข้อมูลการขายรถช่วง ม.ค.-ก.ค.เห็นได้ชัดเจนว่า รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งเป็นรถที่ได้รับประโยชน์จากโครงการรถคันแรก และมีบทบาทในตลาดอย่างมาก เนื่องจากมีสัดส่วนการขาย 73% ของตลาดรวมรถยนต์นั่ง มียอดขายที่ลดลงอย่างรุนแรง ทำให้มีผลต่อการฉุดตลาดโดยรวมอย่างมาก

 

โดยช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา รถยนต์นั่งขนาดเล็กมียอดขาย 142,775 คัน ลดลง 50% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่ากลุ่มอื่น ทั้งรถยนต์นั่งคอมแพคท์ ขนาดใหญ่ และกลุ่มลักซัวรี่ ที่ลดลง 41% และ 38% ตามลำดับ ขณะที่ตลาดรวมรถยนต์นั่ง ลดลง 48%

 

นอกจากนี้รถปิกอัพ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อตลาดรถยนต์จากการมีสัดส่วนการขาย 42% และเป็นกลุ่มรถที่ได้สิทธิโครงการรถคันแรกเช่นกัน ก็ยังคงได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว รวมถึงผลจากการที่สินค้าเกษตรหลายตัวราคาตกต่ำ ทำให้ยอดขายลดลง 35% แต่ก็ยังมีสถานการณ์ที่ดีกว่ารถยนต์นั่งขนาดเล็ก เนื่องจากรถบางกลุ่มเป็นรถที่มีความจำเป็นจะต้องใช้ในการประกอบอาชีพ แตกต่างจากรถยนต์นั่ง ที่ใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวัน

 

อัดแคมกระตุ้นยอดต่อเนื่อง

 

ยอดขายที่ซบเซา ส่งผลให้ค่ายรถต้องจัดแคมเปญส่งเสริมการขายต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี และคาดว่าจะมีต่อเนื่องจนถึงปลายปีเพื่อฟื้นยอดขายให้ได้มากที่สุด โดยส่วนใหญ่จะเน้นข้อเสนอให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น และมีแคมเปญย่อยสำหรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงการมีการลุ้นรางวัลมูลค่าสูง เช่น ช่วงงานบิ๊กมอเตอร์เซลส์ ที่ผ่านมา ยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า จัดแคมเปญชิงรถ 9 วัน 9 คัน เป็นต้น

 

โตโยต้ายังมีแคมเปญแจกรางวัลนอกงาน และจะมีไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ เพื่อกระตุ้นการขาย วีออส และไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ซื้อรถเท่านั้น แต่ต้องการดึงดูดคนเข้าโชว์รูมให้ได้มากที่สุด โดยเปิดสำหรับผู้ที่ทดลองขับ มีสิทธิ์ชิงรางวัลใหญ่ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับญี่ปุ่น 60 รางวัล รวมรางวัลอื่นมูลค่า 3,727,200 บาท

 

ส่วนแคมเปญการขาย ก็มี โปรแกรมสบายดี ดาวน์ 170,048 บาท ผ่อน 60 เดือน ดอกเบี้ย 3.60% ผ่อนเริ่มต้น 3,800 บาท งวดที่ 1-59 และ 234,780 บาท งวดที่ 60 และยังมีส่วนลดเงินดาวน์ 16,900 บาท ที่ดาวน์ 10% สำหรับรุ่นย่อยบางรุ่น รวมถึงแถมประกันภัยชั้น 1 บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 1 ปี

 

หรือโตโยต้า อินโนวา ที่มีโปรแกรมสบายดีเช่นกัน เน้นผ่อนต่ำงวดที่ 1-59 ราคา 7,770 บาท งวดที่ 60 อยู่ที่ 300,650 บาท เงินดาวน์ 233,820 สำหรับ 2.0E เกียร์ธรรมดา และแถมประกันภัย กับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินเช่นกัน

 

นิสสัน ก็มีการจัดแคมเปญกับรถยนต์หลายรุ่นเช่นกัน เช่น อีโค คาร์ อัลเมรา ที่แถมประกันภัยชั้น 1 และมีข้อเสนอให้ลูกค้าเลือก เช่น ดอกเบี้ย 0.79% เงินดาวน์ 30% ระยะเวลาผ่อนชำระ 36 เดือน หรือ ดาวน์เริ่มต้น 19,999 บาท ดอกเบี้ย 3.49% ผ่อนชำระ 48 เดือน หรือ โปรแกรม นิสสัน อีซี่เพย์ ผ่อนเริ่มต้น 4,099 บาท งวดที่ 1-48 ดาวน์ 25% เป็นต้น

 

ขณะที่ปิกอัพนาวารา เอ็นพี 300 ซึ่งเป็นรถใหม่ที่เพิ่งตัวล่าสุด ก็มีแคมเปญส่งเสริมการขายเช่นกัน เช่น สิทธิซื้อประกันภัยชั้น 1 ในราคา 8,999 บาท และข้อเสนอ ดอกเบี้ย 2.19% ดาวน์ 25% ผ่อนชำระ 48 เดือน หรือ นิสสัน อีซีเพย์ ผ่อนเริ่มต้น 4,848 บาท งวดที่ 1-48 เงินดาวน์ 25% หรือดาวน์ 5% ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน แถมประกันภัยชั้น 1

 

มิตซูบิชิ ช่วยลูกค้าผ่อน

 

ด้านมิตซูมิชิ มีแคมเปญ "มิตซูบิชิผ่อนให้" ให้ลูกค้าได้ชิงรางวัลเป็นคูปองผ่อนรถรายเดือน รวม 40 รางวัล มูลค่า 4,800,000 บาท และเงื่อนไขการซื้อ ดอกเบี้ย 0% แถมประกันภัยชั้น 1

 

ขณะที่มาสด้า จัดแคมเปญสำหรับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก มาสด้า 2 และปิกอัพ บีที-50 ด้วยเงื่อนไขผ่อนเริ่มต้น 5,555 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 0,55% นาน 5 ปี และแถมประกันภัยชั้น 1

 

รถบรรทุกเล็กอย่างตงฟง ที่เน้นเจาะตลาดลูกค้ากลุ่ม เอสเอ็มอี จัดแคมเปญ ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อม พรบ. หรือเลือกดาวน์เริ่มต้นที่ 15% พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ หรือ เลือกรับของแถมรวมมูลค่าสูงสุดถึง 50,000

 

ค่ายปิกอัพ ทาทา ที่เจาะตลาดลูกค้าที่ซื้อรถไปประกอบอาชีพเป็นหลัก มีแคมเปญข้อเสนอพิเศษมูลค่าสูงสุด 150,000 สำหรับซีนอน ซีเอ็นจี พลัส ทุกรุ่น และแคมเปญเก่าไป ใหม่มา ได้รับการเพิ่มเงินประเมินรถเก่าเพิ่ม 50,000 บาท สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถใหม่

 

ขณะที่ฮอนด้า มีแคมเปญเช่น ซิตี้ ซีเอ็นจี ซึ่งเป็นรถที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด ที่จัดกับลูกค้าเก่าที่ใช้รถฮอนด้าอยู่แล้ว กับแคมเปญฮอนด้า โลยัลตี้ ที่ให้เลือกดาวน์ 59,999 บาท ผ่อนนาน 84 เดือน หรือ เลือกดอกเบี้ย 2.09% ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 10 กันยายน 2557)