ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,233 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,230 เหรียญ/ออนซ์ (22.30 น.) ค่าเงินบาทปิด 32.19 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,800 บาท กับ 18,900 บาท และกลับมาปิดที่ 18,750 บาท กับ 18,850 บาท

 

ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,102 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 7,656 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 2.82% แบบ 10 บาท ลดลง 0.08 % GFV14 ปิด 18,930 บาท และ GFZ14 ปิด 18,950บาท GF10V14 ปิดที่ 18,920 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,990 บาท

 

 

สัญญา Comex ลดลง 7.5 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,231.5 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 56 เซนต์ ปิดตลาดที่ระดับ 92.27 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 788.40 ตัน

 

ข่าวที่สำคัญ

-ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำทำสถิติปรับตัวลดลงติดต่อกัน 5 วันทำการ -ขณะที่ตลอดสัปดาห์ราคาทองคำปรับตัวลดลง 2.5% และลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 เดือนครึ่งที่บริเวณ 1,227.52 เหรียญ/ออนซ์ เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ รวมถึงตลาดจับตาไปยังการประชุมเฟด ในเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

-นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดการณ์ว่า เฟดอาจดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินเพิ่มขึ้น รวมถึงเฟดอาจกล่าวถึงสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับการสิ้นสุดมาตรการ QE และการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของสหรัฐฯแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

 

-นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ ประเมินว่า เฟดอาจประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในกลางปี 2015

 

-นักวิเคราะห์จาก สคอร์เทียโมแคตต้า (ScotiaMocatta) ระบุว่า เส้นค่าเฉลี่ยโมเมนตัมของทองคำ แสดงให้เห็นถึงภาวะขาลงของทองคำอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งหากราคาทองคำหลุดต่ำกว่าระดับ 1,232 เหรียญลงมา อาจเห็นทองคำลงไปทำจุดต่ำสุดเดิมบริเวณ 1,180 เหรียญ

 

-นายเควิน กราดี้ ประธานจาก Phoenix Futures and Options กล่าวว่า ทองคำยังอยู่ในภาวะขาลง โดยจะเห็นได้ว่าหลังจากที่ราคาหลุดระดับ 1,330 เหรียญลงมา ราคาทองคำก็ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยกราฟปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าแนวรับแรกของทองคำจะอยู่ที่ระดับ 1,220 เหรียญ และแนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณ 1,200 เหรียญ

 

-นอกจากนี้ ทองคำยังขาดแรงสนับสนุนเนื่องจากปริมาณความต้องการทองคำยังคงเบาบาง หลังจากที่ปริมาณการซื้อในกลุ่มผู้บริโภครายใหญ่ในจีนและอินเดียลดน้อยลง

 

-ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง 9 สัปดาห์ และแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน สู่ระดับ 107.34 เยน/ดอลลาร์ หลังจากยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯออกมาอย่างส่งใส ส่งผลสนับสนุนกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าเล็กน้อยสู่ระดับ 1.2948 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2925 ดอลลาร์/ยูโร

 

-นาย แสตนลีย์ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด กล่าวว่า เฟดมีการแต่งตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบความมีเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อส่งเสริมให้สามารถหลีกเลี่ยงภาวะฟองสบู่ของราคาสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้นได้

 

-สหรัฐฯ ประกาศ เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม โดยเน้นไปยังภาคธนาคารขนาดใหญ่ของรัสเซีย 5 แห่ง รวมถึงภาคการผลิต ได้แก่ อาวุธ และของใช้ และภาคพลังงาน เพื่อเป็นบทลงโทษสำหรับกรณีที่รัสเซียแทรกแซงในประเทศยูเครน

 

-ทางด้าน นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า พร้อมระงับการนำเข้าและดำเนินการขั้นต่างๆ เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่จากชาติตะวันตก

 

-สำนักข่าว Bloomberg มีรายงานว่า ในวันนี้ นายจอห์น เคอรี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะเข้าพบกับนาย เซอเก้ แลฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย หลังจากที่กลุ่มกบฎสนับสนุนรัสเซียมีการปะทะกับทหารยูเครนในหลายพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนประมาณ 3-5 จุดต่อวัน รวมถึงบริเวณสนามบินของเมือง โดเนสก์

 

-สำหรับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง สหรัฐฯและนานาประเทศในตะวันออกกลาง ประกาศพร้อมร่วมกวาดล้างกลุ่มกบฏอิสลาม(IS) ด้วยการโจมตีทางอากาศ ซึ่งออสเตรเลียอาจส่งกองกำลังทหารเพื่อสนับสนุนภาคพื้นดิน ขณะที่อังกฤษชะลอการตัดสินใจ หลังจากที่กลุ่ม IS ฆ่าตัดคออาสาสมัครชาวอังกฤษ และมีการข่มขู่จะฆ่าชาวอังกฤษเพิ่มอีก หากอังกฤษยังคงให้การสนับสนุนและร่วมมือกับสหรัฐฯ

 

-อย่างไรก็ดี นายบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศพร้อมให้ความร่วมมือกับอังกฤษและประชาคมโลกเพื่อทำลายกลุ่มก่อการร้ายให้สิ้นซาก

 

-ผลสำรวจของ Bloomberg ระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีน อาจเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถเติบโตได้ตรงตามเป้าหมาย แม้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการผลิตจะยังคงอยู่ในภาวะซบเซา

 

-เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 0.36% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ ซึ่งตลาดรอคอยสัญญาณบ่งชี้จากการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า

 

-ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปจับตราไปยังการประชุมเฟด และการลงประชามติของสกอตแลนด์ ในวันที่ 18 ก.ย. ในประเด็นการแยกตัวเป็นอิสระจากอังกฤษ ซึงผลการสำรวจส่วนใหญ่แสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนการแยกตัว

 

-นักบริหารเงิน คาดการณ์ว่า แนวโน้มค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.50 บาท/ดอลลาร์ โดยจับตาไปยังการประชุมเฟด ซึ่งหากเฟดส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่อง

 

-สนช.เตรียมพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ด้วยวงเงิน 2.5 ล้านบาทในวันที่ 16 ก.ย. นี้

 

-นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย กล่าวว่า ตลาดยังคงมีความผันผวน จึงแนะนำให้ผู้ที่ถือสถานะ Long สามารถถือต่อได้ เนื่องจากมีโอกาสที่ดัชนี SET จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1600 จุด แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้น โดยตลาดจับตาไปยังผลการประชุมของเฟดที่จะเปิดเผยในวันที่ 17 ก.ย.นี้ ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศที่ตลาดยังคงกังวล ได้แก่เรื่องการปรับโครงสร้างภาษี (ภาษีสรรพากร และสรรพสามิต และการลดหย่อยภาษี)

 

ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวาน

- Core Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.3% ตัวเลขจริงออกมาอยู่ที่ระดับ 0.3%

 

- Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.3% ตัวเลขจริงออกมาอยู่ที่ระดับ 0.6%

- Import Prices m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.3% ตัวเลขจริงออกมาอยู่ที่ระดับ -0.9%

 

- Prelim UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 82.5 ตัวเลขจริงออกมาอยู่ที่ระดับ 84.6

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้

- Empire State Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 14.7 คาดการณ์ออกมาอยู่ที่ระดับ 16.4

 

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวปรับตัวลดลงต่อเนื่องเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 1,227.52 เหรียญ/ออนซ์ ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้น อันได้แก่ Core Retail Sales, Retail Sales และ Prelim UoM Consumer Sentiment อย่างไรก็ดี ค่าเงินเยนเองกลับอ่อนตัวต่อเนื่องเช้านี้มาอยู่ที่ระดับ 107 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2934 ดอลลาร์/ยูโร โดยยังมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องที่ระดับ 32.27 บาท/ดอลลาร์ สำหรับ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ถือครองทองคำอยู่ที่ระดับ 788.4 ตัน ขณะที่คืนนี้มีตัวเลขสำคัญได้แก่ Empire State Manufacturing Index ที่คาดว่าภาคการผลิตจะออกมาดีขึ้น

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำเป็นแนวโน้มขาลงตามที่ได้วิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยที่ราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงและทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 5 เดือน โดยที่แนวรับถัดไปอยู่ที่บริเวณ 1,200 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวรับในระยะสั้น ขณะที่แนวต้านลงมาอยู่ที่บริเวณ 1,250 เหรียญ

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

ยังคงใช้กลยุทธ์เล่นตามการแกว่ง โดยเน้นกลยุทธ์ทิศทางขาลง ขายบริเวณกรอบแนวต้านด้านบน 1,240 เหรียญขึ้นไป และปรับตามสภาพตลาด

 

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

ลดสถานะ และหาจังหวะปิดสถานะ Long Position ออกไป

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

เก็งกำไรในทิศทางขาลง หาจังหวะขายก่อนบริเวณแนวต้าน 1,240 เหรียญขึ้นไป และกลับมาซื้อปิดเมื่อราคาปรับตัวลดลง

 

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ยังคงแนะนำให้ปิดสถานะ Long Position และทำกำไรเป็นช่วงๆในระยะสั้นตามมา ในระยะยาวยังเน้นถือครองสถานะ Short Position ตามทิศทางขาลง โดย MTS Gold ได้เน้นย้ำมาโดยตลอด

 

Gold Futures V14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,850 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,050 บาท

Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,900 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,100 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

ประชาสัมพันธ์:

1. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “เทคนิคการทำกำไรในทองคำแท่งและGold Futures” บรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ในวันที่ 15 กันยายน 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น17 และวันที่ 29 กันยายน 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น12 เวลา 15.00-17.00น.

 

สำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777

2. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791”

 

ที่มา ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 15 กันยายน 2557 09:57:26

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐได้ขยายขอบเขตในการใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งล่าสุดกับธนาคาร OAO Sberbank ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซีย

 

นอกจากนี้ มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ยังครอบคลุมถึงบริษัทพลังงาน เทคโนโลยี และกลาโหมของรัสเซียด้วยเช่นกัน

 

นายเจคอบ ลิว รมว.คลังสหรัฐ กล่าวผ่านทางแถลงการณ์ว่า การโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจและการทูตของรัสเซียจะยังคงเกิดขึ้นต่อไป ตราบใดที่การดำเนินการของรัสเซียไม่ได้เป็นไปตามที่รัสเซียได้ให้คำมั่นไว้ เศรษฐกิจของรัสเซียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพฤติกรรมที่ขัดต่อกฎหมาย

 

กระทรวงคลังสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรที่สั่งห้ามการทำธุรกรรม การจัดสรรเงินกู้ ให้กับบริษัท โอเอโอ แก็สพรอม เนฟท์ และโอเอโอ ทรานส์เนฟท์

 

การใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมของสหรัฐครั้งนี้ สอดคล้องกับการใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียโดยกลุ่มสหภาพยุโรปที่ได้ใช้มาตรการกับบริษัท แก็สพรอม เนฟท์, รอสเนฟท์ และทรานส์เนฟท์ รวมทั้งบุคคลอีก 24 รายที่ถูกระบุไว้ในรายชื่อ

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12/09/57)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงค่ำของวันศุกร์ นักลงทุนต่างยังประเมินทิศทางเงินดอลลาร์ว่ามีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้น กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลง ในขณะที่ปัจจัยบวกจากประเด็นต่างๆ สำหรับราคาทองคำในระยะนี้ยังคงไม่มีประเด็นใหม่ การฟื้นตัวของราคาทองคำจึงขาดความต่อเนื่อง และเป็นเพียงการดีดตัวในทางเทคนิคในช่วงสั้นๆ หลังจากราคาปรับตัวลงมามากเทานั้น

 

โดยราคาทองปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ ที่ 1,259.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 10.56 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,227 และ 1,241 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขายออกที่บาทละ 18,850 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,750 บาท กองทุน SPDR ไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองทองคำ โดยปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำ รวม 788.40 ตัน

 

ในการซื้อขายช่วงค่ำ ของวันศุกร์นักลงทุนยังคงใช้ระมัดระวังการซื้อขายทองคำ รวมทั้งตราสารเงินอื่นๆ พร้อมกับรอติดตามการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างกังวล ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ และจะเดินหน้าปรับลดขนาดโครงการรับซื้อพันธบัตรลงอย่างต่อเนื่อง และจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายในวันพุธนี้

 

ส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงค่ำของวันศุกร์นั้น โดยรวมแล้วรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาต่างยังสนับสนุนมุมมองของนักลงทุน เกี่ยวกับโอกาส ที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด โดยยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนกรกฎาคม สะท้อนให้เห็นว่า การใช้จ่ายของชาวอเมริกันปรับตัวดีขึ้น และช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาส 3 ขณะที่สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 0.4% จากระดับเดือนมิถุนายน ที่ขยายตัว 0.4% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

ส่วนความเชื่อมั่นผู้ บริโภคสหรัฐฯ ช่วงต้นเดือนกันยายน จากรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกนเพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 84.6 จากระดับเดือนสิงหาคม ที่ 82.5 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ และนอกจากปัจจัยลบจากสหรัฐฯ แล้วราคาทองคำยังคงได้รับแรงกดดันจากประเด็นปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป ที่กดดันราคาทองผ่านการอ่อนค่าของเงินยูโร นักลงทุนต่างประเมินว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินจากธนาคารกลางยุโรป รวมทั้งในสัปดาห์นี้จะมีการลงมติว่าสกอตแลนด์จะแยกตัวออกมาจากการเป็นส่วน หนึ่งของสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของเงินยูโร

 

ส่วน ภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองในทางเทคนิค ยังคงมีแนวโน้มว่าราคาทองคำจะอ่อนตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคาทอง ซึ่งในการซื้อขายตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองมีการอ่อนตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ในระหว่างวันอย่างต่อเนื่อง หากยังไม่สามารถประคองตัวสร้างฐาน โดยไม่มีการทำจุดต่ำสุดในระหว่างวัน คาดว่าราคาทองจะอ่อนตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 1,220 และ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับต่อไป

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (15/09/2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงค่ำของวันศุกร์ นักลงทุนต่างยังประเมินทิศทางเงินดอลลาร์ว่ามีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้น กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลง ในขณะที่ปัจจัยบวกจากประเด็นต่างๆ สำหรับราคาทองคำในระยะนี้ยังคงไม่มีประเด็นใหม่ การฟื้นตัวของราคาทองคำจึงขาดความต่อเนื่อง และเป็นเพียงการดีดตัวในทางเทคนิคในช่วงสั้นๆ หลังจากราคาปรับตัวลงมามากเทานั้น

 

โดยราคาทองปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ ที่ 1,259.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 10.56 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,227 และ 1,241 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขายออกที่บาทละ 18,850 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,750 บาท กองทุน SPDR ไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองทองคำ โดยปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำ รวม 788.40 ตัน

 

ในการซื้อขายช่วงค่ำ ของวันศุกร์นักลงทุนยังคงใช้ระมัดระวังการซื้อขายทองคำ รวมทั้งตราสารเงินอื่นๆ พร้อมกับรอติดตามการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างกังวล ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ และจะเดินหน้าปรับลดขนาดโครงการรับซื้อพันธบัตรลงอย่างต่อเนื่อง และจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายในวันพุธนี้

 

ส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงค่ำของวันศุกร์นั้น โดยรวมแล้วรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาต่างยังสนับสนุนมุมมองของนักลงทุน เกี่ยวกับโอกาส ที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด โดยยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนกรกฎาคม สะท้อนให้เห็นว่า การใช้จ่ายของชาวอเมริกันปรับตัวดีขึ้น และช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาส 3 ขณะที่สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 0.4% จากระดับเดือนมิถุนายน ที่ขยายตัว 0.4% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

ส่วนความเชื่อมั่นผู้ บริโภคสหรัฐฯ ช่วงต้นเดือนกันยายน จากรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกนเพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 84.6 จากระดับเดือนสิงหาคม ที่ 82.5 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ และนอกจากปัจจัยลบจากสหรัฐฯ แล้วราคาทองคำยังคงได้รับแรงกดดันจากประเด็นปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป ที่กดดันราคาทองผ่านการอ่อนค่าของเงินยูโร นักลงทุนต่างประเมินว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินจากธนาคารกลางยุโรป รวมทั้งในสัปดาห์นี้จะมีการลงมติว่าสกอตแลนด์จะแยกตัวออกมาจากการเป็นส่วน หนึ่งของสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของเงินยูโร

 

ส่วน ภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองในทางเทคนิค ยังคงมีแนวโน้มว่าราคาทองคำจะอ่อนตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคาทอง ซึ่งในการซื้อขายตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองมีการอ่อนตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ในระหว่างวันอย่างต่อเนื่อง หากยังไม่สามารถประคองตัวสร้างฐาน โดยไม่มีการทำจุดต่ำสุดในระหว่างวัน คาดว่าราคาทองจะอ่อนตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 1,220 และ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับต่อไป

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (15/09/2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมเนจเมนท์ แนะกลยุทธ์การลงทุนในทองคำวันนี้ (15 กันยายน 2557) นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) หากสร้างฐานในกรอบ $1,211-1,222/Oz ให้ทยอยสะสมเพื่อลุ้นรีบาด์ ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว รอสร้างฐานเพื่อรีบาวด์

 

ภาพรวมตลาดทองคำคืนวานนี้

Gold – ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวลง $10.56/Oz หรือ 0.85% มาอยู่ที่ $1,229.29/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบวันอยู่ที่ $1,227.52-1,241.50) ราคาทองคำปรับตัวลงหลังสหรัฐเผยยอดค้าปลีกสหรัฐในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก.ค. แตะระดับ 4.444 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของชาวอเมริกันกระเตื้องขึ้น และช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงไตรมาส 3 หากไม่นับรวมยอดขายรถยนต์ ยอดค้าปลีกในเดือนส.ค.ปรับขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า และหากไม่รวมยอดขายรถยนต์และน้ำมันเบนซิน ตัวเลขค้าปลีกเดือนส.ค.ดีดตัวขึ้น 0.5%

 

สำหรับในภาพระยะกลางทองคำยังคงถูกกดดันจากคาดการณ์ว่าเฟดจะยุติมาตรการ QE ลงในเดือน ตุลาคม ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายไตรมาส 1 ปี 2015 อีก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้เงินดอลลาร์เข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยลบต่อราคา ทองคำทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ยากในภาพระยะกลาง-ยาว

แนวโน้มตลาดวันนี้

Gold – ราคาทองคำยังปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องอีกทั้ง RSI เข้าสู่ภาวะขายมากทำให้หากมีสัญญาณกลับตัวมีโอกาสรีบาวด์ได้สูง แนะนำให้เข้าซื้อเมื่อมีสัญญาณกลับตัวในวันนี้มองกรอบราคาทองคำที่ $1,211-1,241/Oz

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำวันนี้

•ยอดดุลการค้ายูโรโซน เวลา 16.00 น.

•ดัชนีภาคการผลิตสาขาเอ็มไพร์ เวลา 19.30 น.

•ผลผลิตอุตสาหกรรมสหรัฐ เวลา 20.15 น.

 

 

 

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ (15/09/2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปธ.สภาธุรกิจตลาดทุนมองตลาดหุ้นไทยยังเป็นขาขึ้น เหตุหุ้นใหญ่ยังไปไม่ไกล เตือนระวังตลาดจะผันผวนหนักเพราะ แรงเก็งกำไรสูง โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กและไอพีโอ แนะเกาะติดแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐสัปดาห์นี้ หากปรับขึ้นเร็วกว่าคาด หวั่นเงินทุนไหลออก ประเมินกระทบตลาดหุ้นไม่แรง

 

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวถึงการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ตลาดคือ ตลาดของหุ้นขนาดใหญ่ และตลาดหุ้นขนาดกลางและเล็ก ถ้าพิจารณาจากดัชนีเซท 50 เป็นหุ้นที่นักลงทุนสถาบันนิยมลงทุนกัน จะเห็นว่าราคาหุ้นไม่ได้หวือหวา และปรับตัวขึ้นไม่ได้มาก ส่วนใหญ่มีทิศทางราคาเป็นไปตามปัจจัยที่เกื้อหนุน และมีแนวโน้มที่จะยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง แต่ถ้าพิจารณาหุ้นขนาดกลางและเล็ก หรือหุ้นที่อยู่ในดัชนีเซท 100 และตลาดเอ็มเอไอ ก็จะต้องยอมรับว่า มีสภาพของการเก็งกำไรสูงและมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นนักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น หากเทียบกับการซื้อขายหุ้นในอดีต

 

"ต้องยอมรับว่าการซื้อขายหุ้นขนาดเล็ก รวมถึงหุ้นไอพีโอ มีการเก็งกำไรสูง เนื่องจากสภาพตลาดทุนไทยคึกคัก แต่การที่ปรับตัวขึ้นได้แรงระดับ 100% ก็น่าจะเกิดจากแรงเก็งกำไรมากกว่าปัจจัยของมูลค่าพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ" นายไพบูลย์ ระบุ

 

นายไพบูลย์ กล่าวว่าการที่มีเงินทุนไหลเข้าในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ มองว่าเป็นเงินช่วงแรกที่ทยอยไหลกลับเข้ามา หลังจากที่ปัจจัยทางการเมืองเริ่มมีความชัดเจน แต่จะเป็นเงินทุนระยะยาวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดปัจจุบันสามารถเดินไปตามเป้าหมายและ ความคาดหวังของนักลงทุนต่างประเทศหรือไม่

 

ส่วนความกังวลของเงินทุนที่จะไหลออกไปนั้น ประเมินว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดหมายไว้ ทั้งเรื่องการถอนมาตรการคิวอี หรือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ เรื่องดังกล่าวมีการคาดการณ์ไว้แล้ว ดังนั้นเงินจะค่อยทยอยไหลออกไปมากกว่าที่จะไหลอย่างรวดเร็ว ยกเว้น กรณีที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นสูง และเร็วกว่าที่ประเมินไว้ จะมีผลต่อการไหลของเงินทุนต่างชาติทันที แต่เชื่อว่าไม่น่าเป็นห่วง

 

อย่างไรก็ตาม กรณีของบรรดานักลงทุนรายย่อยที่นิยมลงทุนแบบเก็งกำไร ต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง และเลือกพิจารณาเป็นรายบริษัท ควรเน้นลงทุนหุ้นใหญ่พื้นฐานแข็งแรง ถ้ามีเงินทุนไหลออก ตลาดผันผวนแรงก็จะปลอดภัย

 

ฝ่ายวิจัย บล.ทิสโก้ ระบุว่ายังคงมีมุมมองที่ควรระมัดระวังสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะช่วงเดือน ก.ย. - ต.ค. นี้ เนื่องจากการประเมินมูลค่าหุ้นที่ตึงตัวมาก จากการเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อย ซึ่งสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นตลอดนับตั้งแต่ต้นปี ปัจจุบันในเดือน ก.ย. 2557 อยู่ที่ 66% เทียบเท่ากับจุดสูงสุดของดัชนีหุ้นครั้งเมื่อช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค. 2556 และความไม่แน่นอนของทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ในปี 2558

 

กลยุทธ์การลงทุนหลักในช่วงที่เหลือ แนะขายลดพอร์ต ถือเงินสดเพิ่ม เพื่อลดความเสี่ยง หลังมองดัชนีหุ้นไทย1,600 จุด เริ่มอิ่มตัวในระยะสั้น รอทยอยสะสมช่วงราคา

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่าทิศทางกระแสเงินของนักลงทุนต่างประเทศ (Fund flow) ในตลาดหุ้นยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยถึงแม้นักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้นสุทธิออกมาบ้าง แต่ระดับการขายสุทธิถือว่าน้อยมาก นอกจากนั้นปริมาณการเข้าซื้อ (ขาเดียว) ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยมีระดับมากกว่า 10,000 ล้านบาทติดต่อกัน แสดงว่ายังมีนักลงทุนต่างชาติบางกลุ่มที่สนใจหุ้นไทยอยู่

 

นอกจากนั้นจากการศึกษาของฝ่ายวิจัยนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ยังพบอีกว่าดัชนีหุ้นไทย มักไม่ได้รับผลกระทบจากการขายตราสารหนี้สุทธิของนักลงทุนต่างชาติในระดับ 8,000 ล้านบาทขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ยังคงแนะนำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น หลังเข้าใกล้สู่การประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ย้ำมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้วว่าจะเข้ามาสร้างความผันผวนให้ กับตลาดหุ้นทั่วโลกไม่มากก็น้อย ส่วนปัจจัยอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อตลาดในช่วงนี้ ได้แก่ การยกระดับการคว่ำบาตรรัสเซียของประเทศฝั่งตะวันตกที่จะมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา การยกระดับการโจมตีของสหรัฐ ในซีเรีย และการลงประชามติเกี่ยวกับการแยกตัวเป็นอิสระของประเทศสกอตแลนด์ในสัปดาห์ หน้า ในช่วงภาวะผันผวนเช่นนี้ ยังคงแนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีความผันผวนแรง

 

 

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (15/09/2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจีนเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวช้าลงในเดือนส.ค. นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนอ่อนแอลง

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ร่วงลง 0.3% เมื่อเวลา 11.00 น.ตามเวลาซิดนีย์

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,330.19 จุด ลดลง 1.76 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,410.38 จุด ลดลง 184.94 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,206.41 จุด ลดลง 16.77 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,039.03 จุด ลดลง 2.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,338.33 จุด ลดลง 7.22 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,853.14 จุด ลดลง 2.50 จุด

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนส.ค.ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากระดับ 9% ในเดือนก.ค.

 

แถลงการณ์ของสำนักงานระบุว่า อัตราการขยายตัวเมื่อเทียบรายเดือนในเดือนส.ค.ชะลอลงเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 9.2% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15/09/57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหภาพยุโรป (อียู) คว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่แล้วในวันนี้ เนื่องจากปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้นในยูเครน โดยอียูได้เพิ่มรายชื่อหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานและกลาโหมหกแห่งลงบัญชีดำ พร้อมจำกัดกิจกรรมทางการเงินของบริษัทสัญชาติรัสเซียในอียู

 

นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังได้สั่งอายัดทรัพย์และระงับการเดินทางของบุคคลอีก 24 ราย ซึ่งส่งผลให้ชาวรัสเซียและบุคคลที่ให้การสนับสนุนรัสเซีย ซึ่งถูกระงับการเข้าถึงสินทรัพย์ เพิ่มขึ้นเป็น 119 ราย ขณะที่มีบริษัทถูกขึ้นบัญชีดำเพิ่มขึ้นเป็น 23 แห่ง

 

สหภาพยุโรปยังได้ระงับข้อกำหนดที่มีกับรัสเซีย ในส่วนของบริการสำรวจน้ำมันชั้นแผ่นหิน เช่นเดียวกับการสำรวจและผลิตน้ำมันในน้ำลึกและมหาสมุทรอาร์กติก อีกทั้งเพิ่มมาตรการระงับการส่งออกสินค้าและเทคโนโลยีทางทหารและพลเรือน

 

ทั้งนี้ อียูมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้รัสเซียยอมร่วมมือในประเด็นการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างกองทัพยูเครนและกองกำลังสนับสนุนรัสเซียทางตะวันออกของยูเครน และอาจมีการผ่อนคลายการคว่ำบาตรอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนก.ย. หากรัสเซียยอมให้ความร่วมมือเพื่อให้บรรลุสันติในภูมิภาค สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12/09/57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

งวดนี้จะต้องถูกหวยให้ได้ ขอบคุณป๋าค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงหลัง สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบในปี 57 ลง 150,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 900,000 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ยังปรับลดการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในปีหน้าลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเป็นไปตามการคาดการณ์ของ OPEC และ EIA ที่คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นน้อยลงกว่าที่คาดไว้ โดยสาเหตุหลักเนื่องมาจากเศรษฐกิจของยุโรปที่เผชิญกับภาวะเงินฝืดทำให้การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศจีน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวลงกดดันให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล

 

- การผลิตน้ำมันดิบของลิเบียปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดพบว่าอยู่ที่ระดับ 810,000 บาร์เรลต่อวัน และรัฐบาลลิเบียคาดการณ์ว่าจะแตะระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนหน้า ส่งผลกดดันให้ปริมาณอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้น

 

- เงินดอลลาร์ยังคงปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 9 ต่อเนื่องกัน หลังจากนักลงทุนในตลาดทำการเก็งกำไรโดยเชื่อมั่นว่าจะเห็นการเดินหน้าลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตร (QE) หมดในเดือน ต.ค. และขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกลางปีหน้า

 

+/- สหรัฐฯ เดินหน้าประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียตามสหภาพยุโรป โดยมาตรการของสหรัฐฯ จะทำการห้ามธนาคารและบริษัทต่างๆ ในรัสเซียเข้าถึงตลาดเงินของสหรัฐฯ ในการระดมเงินทุนและการทำธุรกรรมทางการเงินที่มีวันครบกำหนดชำระมากกว่า 30 วัน โดยมาตรการนี้ครอบคลุมธนาคาร Sberbank ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซีย และบริษัท Rostec ผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ของรัสเซีย นอกจากนั้นยังดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมในส่วนของการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่น้ำลึก เขตอาร์คติก และการสำรวจในชั้นหิน โดยจากเดิมคลอบคลุมเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี เป็นครอบคลุมในทุกด้านตั้งแต่การจำหน่ายสินค้า บริการ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าวทั้งหมด อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ จะทำการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวหากรัสเซียยอมถอนกองกำลังทหารและหยุดแทรกแซงในยูเครน

 

- เศรษฐกิจของประเทศจีนในเดือน ส.ค. 57 ปรับตัวลดลง จากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ หากในเดือน ก.ย. เศรษฐกิจยังคงชะลอตัวจะส่งผลให้ GDP ใน Q3/14 อาจต่ำกว่าระดับ 7.0%

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังมีความต้องการใช้น้ำมันเบนซินจากทางตอนเหนือของยุโรปตะวันตกและตะวันออกกลาง หลังโรงกลั่นในแถบดังกล่าวจะเข้าสู่ช่วงซ่อมบำรุง อย่างไรก็ตามราคาถูกกดดันจากปริมาณสต๊อกน้ำมันเบนซินที่สิงคโปร์ที่ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 11.73 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่เดือน มิ.ย. 57

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานในภูมิภาคที่ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะจากอินเดียและไทย หลังอยู่ในช่วงฤดูฝน อย่างไรก็ยังคงมีปัจจัยหนุนจากปริมาณสต๊อกคงคลังที่สิงคโปร์ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ประกอบกับอุปทานที่มีแนวโน้มลดลงหลังโรงกลั่นแห่งหนึ่งในอินโดนีเซียจะปิดซ่อมบำรุงตามแผนเริ่มตั้งแต่ 20 ก.ย. เป็นเวลา 30 วัน

 

ทิศทางราคาน้ำมันดิบ

 

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์หน้าจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 90-96 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 96-102 เหรียญฯ

 

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

 

จับตามองกลุ่ม OPEC ว่าจะมีมาตรการอย่างไรในการจัดการกับอุปทานน้ำมันดิบที่มีอยู่จำนวนมากในตลาด ขณะที่ลิเบียสามารถผลิตน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศก็ตาม ล่าสุดปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 800,000 บาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะผลิตได้ถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ต.ค.นี้

 

นอกจากนี้แหล่งน้ำมันดิบ Buzzard บริเวณทะเลเหนือ ซึ่งมีกำลังการผลิต 200,000 บาร์เรลต่อวัน ได้กลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง หลังจากปิดซ่อมบำรุงเมื่อปลายเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา

 

จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 ก.ย. นี้ ซึ่งตลาดมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มที่จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง และนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด อาจมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนดในปีหน้า หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตรามากขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลง

จับตาผลของการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งหลายฝ่ายมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของอีซีบียังไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจของ ยูโรโซนได้

 

 

 

 

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (15/09/2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1243 เป็นแนวต้านแรก และ 1252 เป็นแนวต้านต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สมมุติฐาน ที่จะต้องผ่าน 1252 จึงจะได้ไปต่อ แต่ถ้าจุด 1252 ไม่ผ่าน ก็อาจย่อลงต่อ จุด 1252 ถ้ามีจริงใน 1-2 วันนี้ ต้องออกมาจ้องก่อนว่า จะไปแบบไหน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

OECD ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐปี 57 โตแค่ 2.1% และ 3.1% ในปี 58

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 15 กันยายน 2557 18:21:12 น.

องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.1% ในปี 2557 และ 3.1% ในปี 2558 ในขณะที่ OECD ได้ประเมินไว้เมื่อเดือนพ.ค.ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.6% ในปี 2557 และ 3.5% ในปี 2558

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า OECD ยังระบุถึงความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการเมืองในภูมิภาคที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก เช่น สถานการณ์ขัดแย้งในยูเครนและตะวันออกกลาง รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลลัพธ์จากการลงประชามติในการแยกตัวเป็นอิสระของสกอตแลนด์

 

สำหรับนโยบายเศรษฐกิจมหภาคนั้น OECD ระบุว่า ยุโรปต้องการมาตรการกระตุ้นด้านเงินตรามากกว่านี้ ในขณะที่ญี่ปุ่นก็ต้องการการผ่อนปรนเชิงปริมาณ เพื่อที่จะยุติภาวะเงินฝืดของประเทศ

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

เงินบาทปิด 32.30/31 อ่อนค่าต่อตามภูมิภาค จับตาผลประชุมเฟด-กนง.สัปดาห์นี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 15 กันยายน 2557 17:26:25 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 32.30/31 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 32.26/27 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าตามภูมิภาคเนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า ระหว่างวันเงินบาทไปทำโลว์ที่ระดับ 32.25 บาท/ดอลลาร์ และทำไฮที่ระดับ 32.31 บาท/ดอลลาร์

 

"ปรับตัวอ่อนค่าตามภูมิภาคจากดอลลาร์แข็งค่า แต่บาทยังเปลี่ยนแปลงแค่ 0.2% ขณะที่ริงกิตเปลี่ยนแปลงมากถึง 1%" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

ปัจจัยที่ตลาดจับตาคือผลประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ว่าจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์อย่างไร และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 17 ก.ย.57

 

นักบริหารเงิน ประเมินทิศทางเงินบาทในวันพรุ่งนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.16-32.33 บาท/ดอลลาร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...