ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.33/35 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.24/25 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาคหลังดอลลาร์แข็งค่า

 

"เปิดมาบาทกระโดดทำนิวไฮนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากปรับลด QE ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเงินบาทเป็นทิศทางทางการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ หลังรู้ผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดมาตรการ QE แต่อาจมีแรงขายดอลลาร์จากผู้ส่งออกทำให้เงินบาทไม่อ่อนค่ามากนัก

 

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 32.25-32.40 บาท/ดอลลาร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC)ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ลงมติในการประชุมวานนี้ด้วยคะแนนเสียง 8-2 เห็นพ้องให้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ต่อไป "เป็นเวลานานระยะหนึ่ง" และเน้นย้ำความกังวลเกี่ยวกับภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในตลาดแรงงาน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงในถ้อยแถลงจากการประชุมก่อนหน้านี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดยังคงรักษานโยบายการเงินที่ผ่อนคลายตามเดิม

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์และเทรดเดอร์จำนวนมากคาดว่า เฟดจะปรับเปลี่ยนถ้อยคำที่บ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยซึ่งเฟดได้ให้ไว้นับตั้งแต่เดือน มี.ค. เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจโดยทั่วไปของสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ เฟดมีมติให้ปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง(MBS) ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE)โดยปรับลดลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากวงเงินเดิม 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์

เฟดระบุว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวงเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และซื้อ MBS วงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือนในเดือน ต.ค. ลดลงจากเดิมที่ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวงเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และซื้อ MBS ในวงเงิน 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนการตัดสินใจของเฟดดังกล่าว ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มที่จะยุติมาตรการ QE โดยสิ้นเชิงในการประชุมเดือนหน้า

นอกจากนี้ เฟดแถลงว่า จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง0-0.25%ต่อไปเป็นเวลานานระยะหนึ่ง หลังจากมาตรการซื้อพันธบัตร สิ้นสุดลง

ขณะเดียวกัน เฟดระบุว่า ภาวะตลาดแรงงานได้กระเตื้องขึ้น

ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ ขณะที่

การคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อยังคงมีเสถียรภาพ

เฟดระบุย้ำคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในระดับปานกลาง

ขณะที่ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอัตราว่างงาน

แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนความเสี่ยงต่อแนวโน้มใกล้จะถึงจุดสมดุล

นอกจากนี้ เฟดยังได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย โดย

ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 1.375% ในปลายปีหน้า เทียบกับระดับ

1.125% ในการคาดการณ์ในเดือนมิ.ย. ขณะที่คาดว่าอยู่ที่ 2.875%

ในปลายปี 2016 เทียบกับระดับ 2.50% ในการคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.

และคาดว่าอยู่ที่ 3.75% ในปี 2017

ในการคาดการณ์สำหรับปีนี้นั้น เฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว

2.0%-2.2% เทียบกับระดับ 2.1%-2.3% ในการคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.

ขณะที่คาดว่าอัตราว่างงานอยู่ที่ 5.9%-6.0% เทียบกับระดับ 6.0%-6.1%

ในการคาดการณ์ในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.5%-

1.6% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.5%-1.6%

ส่วนในการคาดการณ์สำหรับปี 2015 นั้น เฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐ

จะขยายตัว 2.6%-3.0% เทียบกับระดับ 3.0%-3.2% ในการคาดการณ์

ในเดือนมิ.ย. ขณะที่คาดว่าอัตราว่างงานอยู่ที่ 5.4%-5.6% เทียบกับระดับ

5.4%-5.7% ในการคาดการณ์ในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน

อยู่ที่ 1.6%-1.9% เทียบกับระดับ 1.6%-2.0% ในการคาดการณ์ในเดือน

มิ.ย.

สำหรับการคาดการณ์ในปี 2016 นั้น เฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐ

จะขยายตัว 2.6%-2.9% เทียบกับระดับ 2.5%-3.0% ในการคาดการณ์

ในเดือนมิ.ย. ขณะที่คาดว่าอัตราว่างงานอยู่ที่ 5.1%-5.4% เทียบกับระดับ

5.1%-5.5% ในการคาดการณ์ในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน

อยู่ที่ 1.8%-2.0% เทียบกับระดับ 1.7%-2.0% ในการคาดการณ์ในเดือน

มิ.ย.

 

ที่มา: ทันหุ้น(18/09/2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลลาร์พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีเมื่อเทียบกับเยนในวันพุธ ขณะที่ยูโรร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนหลังจากการคาดการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)บ่งชี้ถึงอัตราการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้ามากกว่าที่เฟดเคยคาดไว้ในเดือนมิ.ย.

ดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.7% สู่ 107.78เยน ขณะที่ยูโรอ่อนลง 0.4% สู่ 1.2905ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของเฟดหลังการประชุมนโยบาย 2วันยังคงเป็นไปอย่างระวัดระวัง โดยเฟดยังคงยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไปอีกนาน และแสดงความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวในตลาดแรงงาน แต่นักลงทุนในตลาดเงินมุ่งความสนใจไปที่การคาดการณ์ของเฟดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

เฟดคาดว่าอัตราดอกเบี้ย ณ สิ้นปีหน้าจะอยู่ที่ 1.375% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ที่ 1.125% ขณะที่ ณ สิ้นปี 2016 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.875% เพิ่มขึ้นจาก 2.50% ในการคาดการณ์เดือนมิ.ย.

เจ้าหน้าที่เฟด 14 จาก 17 คนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า เพิ่มขึ้นจาก 12 คนที่คาดไว้ในเดือนมิ.ย.

การเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่ลดลงในเดือนที่ผ่านมาถ่วงดอลลาร์ลงในช่วงแรก

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปลดลง 0.2% ในเดือนส.ค.เป็นครั้งแรกในรอบเกือบปีครึ่ง แต่เพิ่มขึ้น1.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนส.ค.

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานทรงตัวในเดือนส.ค. แต่เพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนส.ค.

 

ที่มา: ทันหุ้น(18/9/2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นหลังจากเคลื่อนไหวทรงตัวในการซื้อขายหลายวันที่ผ่านมา กดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงในการซื้อขายวานนี้...

 

โดยมีแรงขายทองคำกลับออกมามาก หลังจากทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีมติลดขนาดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินลง นักลงทุนต่างยังให้ความสนใจกับการลงมติของสกอตแลนด์ เพื่อขอแยกตัวจากการเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจกดดันราคาทองผ่านการอ่อนค่าของเงินยูโร โดยราคาทองปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,223.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 11.65 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,240 และ 1,223 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ ขายออกที่บาทละ 18,900 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,800 บาท กองทุน SPDR ไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองทองคำ โดยปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำ รวม 784.22 ตัน

 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% และยังคงยืนยันจะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับใกล้ 0% ต่อไป แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนดก็ตาม โดยในการประชุมระยะเวลา 2 วัน ซึ่งเสร็จสิ้นลงในช่วงค่ำที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังได้ประกาศปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงเดินหน้าปรับลด QE ไปจนจบโครงการในปีนี้

 

ส่วนแถลงการณ์หลังการประชุมของนั้น ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลง และประเมินว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขยายตัวปานกลาง ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวขึ้น แต่อัตราว่างงานเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่วนตัวเลขการลงทุนในภาคธุรกิจปรับตัวดีขึ้น

 

โดยผลการประชุมดังกล่าวในภาพรวมไม่ต่างไปจากที่ตลาดประเมิน นักลงทุนจึงกลับมาให้ความสนใจกับประเด็นการลงมติขอแยกตัวของสกอตแลนด์ ที่จะมีการลงมติในช่วงเย็นวันนี้ หากผลการลงมติมีผลให้สกอตแลนด์แยกตัวออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ก็จะส่งผลลบต่อราคาทองคำผ่านการอ่อนค่าของเงินยูโร ดังนั้น ในวันนี้คงต้องติดตามประเด็นนี้เป็นประเด็นหลัก ส่วนในช่วงค่ำจะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจของสหรัฐฯ ทั้งข้อมูลในภาคอสังหาริมทรัพย์และรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งผลสำรวจประเมินว่าจะมีผู้ขอรับสวัสดิการราว 3.12 แสนราย จากสัปดาห์ก่อนที่ 3.15 แสนราย

 

ส่วนภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคขอราคาทองคำ ซึ่งวานนี้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นได้เพียงช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะมีแรงขายกลับออกมาจนราคากลับอ่อนตัวลง และทำจุดต่ำสุดใหม่ในระหว่างวัน ภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคจึงกลับมามีสัญญาณอ่อนตัวลงต่อ ในระหว่างวันหากราคาทองดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,230 และ 1,240 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังคงต้องระวังแรงขายที่คาดว่าจะมีกลับออกมา ส่วนแนวรับสำหรับกลับเข้าซื้อเก็งกำไรการดีดตัวในระหว่างวันอยู่ที่บริเวณ 1,210 และ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ.

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (วันที่ 18 กันยายน 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เนื่องจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาไม่ได้ผิดจากที่ตลาดคาดไว้ โดยมีการลดการใช้ QE ต่อเนื่องและมีการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน จึงทำให้มีโอกาสที่นักลงทุนที่ได้ขายออกไปก่อนหน้านี้จะมาซื้อกลับ เหตุที่เกิดช่วงเช้าวันนี้ อาจเกิดจากความตื่นตระหนก แล้วรีบขายทิ้ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โกลเบล็ก มองกรอบราคาทองคำวันนี้ที่ 1,211-1,243 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมเนจเมนท์ แนะกลยุทธ์การลงทุนในทองคำวันนี้ (18 กันยายน 2557) นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) หลังเข้าซื้อไปแล้วให้ถือสถานะที่มีไว้เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้าน $1,233-1,243/Oz และมีจุดตัดขาดทุนที่ระดับ $1,211/Oz ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ให้เปิดสถานะขายที่แนวต้าน $1,253/Oz

ภาพรวมตลาดทองคำคืนวานนี้

Gold – ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวลง $11.65/Oz หรือ 0.94% มาอยู่ที่ $1,223.10/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบวันอยู่ที่ $1,221.40-1,239.06) ราคาทองคำปรับตัวลงหลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% และยังคงยืนยันว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนดก็ตาม ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ คณะกรรมการเอฟโอเอ็มซียังได้ประกาศปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับลด QE ไปจนจบโครงการในปีนี้

แนวโน้มตลาดวันนี้

Gold – ราคาทองคำยังเริ่มสร้างฐานได้อีกทั้ง RSI เข้าสู่ภาวะขายมากทำให้หากมีสัญญาณกลับตัวมีโอกาสรีบาวด์ได้สูง นอกจากนี้ในคืนที่ผ่านมาราคาทองคำสามารถสร้างฐานเหนือ $1,211/Oz ได้ ในวันนี้มองกรอบราคาทองคำที่ $1,211-1,243/Oz

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำวันนี้

ยอดอนุญาตสร้างบ้านสหรัฐ เวลา 19.30 น.

ยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐ เวลา 19.30 น.

สุนทรพจน์คุณเยนเลน เวลา 19.45 น.

ดัชนีภาคการผลิต สาขาฟิลาเดเฟีย เวลา 21.00 น.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิด 32.26/27 แข็งค่าจากช่วงเช้าหลังนักลงทุนขายดอลล์ทำกำไร

 

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2557 17:25:07 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.26/27 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 32.33/35 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาคและแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไร ระหว่างวันเงินบาทไปทำโลว์ที่ระดับ 32.26 บาท/ดอลลาร์ และทำไฮที่ระดับ 32.35 บาท/ดอลลาร์

 

"บาทกลับมาแข็งค่าหลังจากเปิดตลาดไปทำไฮสุดของวัน จากนั้นทั้งวันก็ค่อยๆ ซึมลงมาตามภูมิภาค และมีแรงเทขายดอลลาร์ออกมา" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเงินบาทยังคงเป็นทิศทางทางการเคลื่อนไหวของดอลลาร์เช่นเดิม ซึ่งยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าตลาดจะอ้างอิงประเด็นนี้ยาวนานแค่ไหน แต่เงินบาทมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่า

 

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 32.15-32.30 บาท/ดอลลาร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รอแถลง คุณเยลเลน นี่แหละครับ

 

19.45 แล้วววว แว้ว ว ว ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“เยลเลน ย้ำภาวสะถดถอยสร้างรอยแผลเป็นให้กับครอบครัวคนยากจนของสหรัฐ

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2557 21:47:30 น.

นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าววันนี้ว่า ภาวะถดถอยในปี 2550-2552 ได้สร้างรอยแผลเป็นให้ครอบครัวยากจนที่สุดของสหรัฐ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการเยียวยาให้กลับคืนสู่ระดับภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวนานกว่า 5 ปี

 

นางเยลเลนกล่าวต่อที่ประชุมซึ่งสนับสนุนโดยบรรษัทพัฒนาธุรกิจว่า “เราได้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดมาแล้ว และเศรษฐกิจกำลังปรับตัวดีขึ้น แต่หลายครอบครัวยังคงรู้สึกถึงผลกระทบของภาวะถดถอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีเงินออมและทรัพย์สินอื่นๆเพียงเล็กน้อย"

 

 

 

การกล่าวสุนทรพจน์ของนายเยลเลนมีขึ้น 1 วันก่อนเฟดจะระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับลดโครงการซื้อพันธบัตรลงตามกำหนดพร้อมกับส่งสัญญาณถึงการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเกือบ 0% ต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งยังคงขาดความต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ นางเยลเลนได้เน้นไปที่ความยากจนและความไม่เสมอภาค ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนจุดยืนไปจากประธานเฟดคนก่อน ที่เข้าร่วมการประชุมของภาคธนาคารมากกว่าการประชุมด้านการพัฒนาสังคม ในขณะที่นางเยลเลนกล่าวสุนทรพจน์ในการเข้ารับตำแหน่งเป็นครั้งแรกต่อที่ประชุมของนักลงทุนในชิคาโก้

 

นางเยลเลนระบุว่า ความมั่งคั่งโดยเฉลี่ยของภาคครัวเรือนได้ปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ปี 2553 ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโดยทั่วไปจะปรับตัวดีขึ้นและอัตราว่างงานจะลดลงก็ตาม

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง โทร.02-2535000 ต่อ 349 อีเมล์: ket@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฟดยังไม่ไขปริศนาเรื่องเวลาปรับดอกเบี้ย

by vvoicetv on ่18 กันยายน, 2014 in ข่าวเศรษฐกิจ

 

 

เฟดยังไม่ไขปริศนาเรื่องเวลาปรับดอกเบี้ย

 

(Source :: BBC Thai FB)

หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายเป็นเวลาสองวัน ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดประกาศว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยเมื่อ “เวลาผ่านไปนานพอสมควร” หลังจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคมนี้ ที่ผ่านมานักลงทุนต่างกังวลและจับตาว่าเมื่อไหร่เฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นซึ่งคงไว้ที่ 0% มาตั้งแต่ปลายปี 2551

 

ทั้งนี้เป็นที่คาดการณ์อยู่แล้วว่าเฟดจะยุติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือที่รู้จักกันในนามของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐได้ซื้อพันธบัตรเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวต่ำซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย อย่างไรก็ดี ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มกระเตื้องขึ้น เฟดเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเสริมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกต่อไป

 

ในแง่ของการปรับอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้นธนาคารกลางสหรัฐเริ่มใช้คำว่า “เวลานานพอสมควร” เป็นครั้งแรกตอนที่ออกแถลงการณ์เมื่อเดือน ธันวาคมปี 2555 ทำให้นักวิเคราะห์ นักลงทุน และตลาดหุ้นตลาดเงินทั่วโลกพุ่งความสนใจไปที่วลีดังกล่าว

 

และเมื่อเฟดถูกกระตุ้นเมื่อเดือนมีนาคมให้ระบุคำจำกัดความว่าหมายถึงนานแค่ไหน นางเจเนต เยลเลน ประธานธนาคารกลางเฟดบอกว่าประมาณหกเดือน แต่นางเยลเลน ถอนคำพูดดังกล่าวในภายหลัง ดังนั้นการกลับมาใช้ถ้อยคำเดียวกันอีกครั้ง ทำให้คำถามที่ว่าเมื่อไหร่สหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นปริศนาอยู่ต่อไป

 

เมื่อวานนี้ นางเยลเลน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าการตัดสินใจจะขึ้นกับข้อมูล และคณะกรรมการกำกับนโยบายก็มีความคล่องตัวเพียงพอที่จะตัดสินใจไปตามเหตุการณ์ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือตลาดต้องเข้าใจว่ามีความไม่แน่นอนและคำแถลงของเฟดก็ไม่ใช่คำมั่นสัญญาว่าจะปรับดอกเบี้ยเมื่อใด

 

ที่มา Voice TV

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.26/28 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.26/28 บาท/ดอลลาร์

 

วันนี้คาดว่าเงินบาทยังทรงตัวอยู่ในกรอบเดิมๆ เนื่องจากปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อค่าเงินได้ผ่านไปแล้ว ทั้งในเรื่องของการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของไทย ขณะที่ตัวเลขการขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐเมื่อคืนนี้ ก็ออกมาดี

 

"วันนี้บาทคงทรงๆ เพราะปัจจัยที่จะมีผลต่อค่าเงินวันนี้ก็ผ่านไปหมดแล้ว ทั้ง FOMC และ กนง. ขณะที่เมื่อคืนตัวเลข Jobless Claims ของสหรัฐออกมาดี ดังนั้นคนจึงมองว่าการที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า ก็ไม่น่าจะมีอะไรเป็นอุปสรรค" นักบริหารเงิน ระบุ

 

นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.20-32.30 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

 

- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.30/33 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 108.66 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโร เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.2903/2905 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 1.2872 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 32.3080 บาท/ดอลลาร์

 

- ซีไอเอ็มบีไทยปรับประมาณการจีดีพีปีหน้าเป็น 4.5% จากเดิม 3% ลงทุนภาครัฐ-เอกชนนำ ด้านความเสี่ยงเงินทุนยังผันผวน บาทอ่อนแตะ 34 เปรียบ "ประยุทธ์โนมิกส์" เป็นกุหลาบ 3 ดอก เน้นปฏิรูป 3 ด้าน การคลังเร่งลงทุนเพิ่มบทบาทแบงก์รัฐ อุตสาหกรรมเร่งเพิ่มศักยภาพในระยะยาว และปฏิรูปภาครัฐระบบภาษี

 

- คลังงัดมาตรการดูแลเศรษฐกิจรากหญ้า พุ่งเป้าเกษตรกร-ผู้มีรายได้น้อย คาดใช้เม็ดเงินกว่าแสนล้านบาท แย้มแจกเงินอุดหนุนเกษตรกรลดต้นทุนเริ่มได้ตุลาคมปีนี้ ส่วนภาษีคนจนเดินเครื่องปีหน้า ลั่นเร่งผลักดันภาษีมรดกก่อนภาษีที่ดิน เปลี่ยนชื่อเป็นภาษีการให้และการรับมรดก ผ่อนปรนการจัดเก็บจากร่างเดิมเล็กน้อย

 

- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีเมื่อเทียบสกุลเงินเยนเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) จากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน

 

- ดอลลาร์ปรับตัวแข็งแกร่งขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการปรับตัวดีขึ้นของตลาดแรงงานสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 13 ก.ย.57 ปรับตัวลง 36,000 ราย แตะที่ 280,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.57 และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 305,000 ราย

 

- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจอิตาลีจะหดตัวลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันในปี 2557 โดยระบุว่า GDP ของอิตาลีปีนี้จะลดลง 0.1% จากในปี 2556 ที่ลดลง 1.9% และในปี 2555 ที่ลดลง 2.4% ขณะที่ยอดหนี้สาธารณะของอิตาลีจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีแมทเทโอ เรนซี ดำเนินการปฏิรูปตามที่สัญญาไว้

 

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 10 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 11,330 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,225.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 1.08 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 19 กันยายน 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเฟดเตรียมปิดฉากนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลาย ปูทางขึ้นดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว...

 

เมื่อวันที่ 18 ก.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ “เฟดเตรียมปิดฉากนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลาย…ปูทางสู่การขึ้นดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว” โดยระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติลดวงเงินซื้อสินทรัพย์มาที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือนในการประชุม FOMC วันที่ 16-17 ก.ย. 2557 สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณเตรียมประกาศสิ้นสุดมาตรการ QE อย่างเป็นทางการในการประชุมรอบหน้าในเดือน ต.ค. 2557

 

ขณะที่ เฟดจะยังคงย้ำแนวทางการยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง แต่สัญญาณหลายด้านจากการประชุมรอบนี้ของเฟด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวเลขคาดการณ์ของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และแนวทางการปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ระดับปกติ ที่มีการเปิดเผยออกมาพร้อมกันในการประชุมรอบนี้ อาจเป็นชนวนสำคัญที่กระตุ้นให้นักลงทุนทยอยปรับเพิ่มโอกาสของวัฏจักรการคุมเข้มนโยบายการเงินสหรัฐฯ ในปีหน้ามากขึ้น

 

ทั้งนี้ นโยบายการเงินของประเทศแกนหลักของโลกอาจมีภาพที่ฉีกตัวออกจากกัน เนื่องจากเฟดอาจเข้าสู่ช่วงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ก่อนธนาคารกลางชั้นนำอื่นๆ ทั้งธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางจีน ที่ยังคงมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายเพื่อลดความเสี่ยงจากสัญญาณที่เปราะบางของเศรษฐกิจ ซึ่งก็เท่ากับว่า ปัจจัยหนุนของเงินดอลลาร์ฯ อาจจะทยอยมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงที่เฟดสิ้ดสุดมาตรการ QE และอาจทำให้มีโอกาสที่เงินบาทจะโน้มไปในด้านอ่อนค่า

 

ขณะที่ มติลดวงเงินซื้อสินทรัพย์และคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำของเฟด เป็นไปตามที่ตลาดคาด ปูทางไปสู่การประกาศสิ้นสุดมาตรการ QE ในการประชุมรอบถัดไปในเดือน ต.ค. นี้ เฟดมีมติลดวงเงินการซื้อสินทรัพย์ 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ มาที่ระดับ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือน (แบ่งเป็นวงเงินการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ และ 5 พันล้านดอลลาร์ฯ ตามลำดับ) จากวงเงินเดิม 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ขณะที่ ถ้อยแถลงในส่วนของการคงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ที่ระดับต่ำใกล้ศูนย์ ต่อไปอีกระยะหลังจากที่มาตรการ QE สิ้นสุด ก็คงไว้ตามเดิม ไม่ถูกปรับเปลี่ยน แม้คณะกรรมการ FOMC บางท่าน จะเห็นว่า ควรมีการปรับเปลี่ยนถ้อยแถลงในส่วนนี้ก็ตาม

 

อย่างไรก็ตาม การขยับขึ้นคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย และการเปิดเผยแนวทางการปรับนโยบายการเงินกลับสู่ระดับปกติ (Policy Normalization) ของเฟด เป็นสัญญาณที่ตอกย้ำว่า เฟดกำลังเตรียมถอยตัวออกจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า.

 

 

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ (18 ก.ย. 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นสหรัฐปิดแดนบวกแรงหลัง เฟดคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป น้ำมันไนเม็กซ์ ลดลง 1.35ดอลลาร์ ทองคำ ร่วง9ดอลลาร์

 

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดแดนบวกแรง หลังเฟด ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไปอีกระยะ

โดย ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 พุ่งทุบสถิติตลอดกาลรอบใหม่ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 109.14 จุด หรือ+0.64 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 17,265.99 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 9.79 จุด หรือ+0.49 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 2,011.36 จุด

แนสแดค เพิ่มขึ้น 31.24 จุด หรือ+0.68 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 4,593.43 จุด ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 1.35 ดอลลาร์ หรือ-1.43เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 93.07 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ บาร์เรล หลังโอเปกแย้มอาจไม่ลดกำลังผลิตและข้อมูลสต็อกเชื้อเพลิงสหรัฐ ส่วนเบรนท์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก สหรัฐ ลดลง 9 ดอลลาร์ หรือ-0.73เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1226.90 ดอลลาร์หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ย ผลักนักลงทุนขายทองคำและหันไปหาสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า

 

ที่มา : สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น (วันที่ 19 กันยายน 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำปิดตลาดวานนี้ทรงตัวใกล้ระดับปิดของวันพุธ นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาซื้อทองซึ่งปรับตัวลงติดต่อกันหลายวัน แต่ด้วยผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ...

 

แม้จะยังไม่ชัดเจนเรื่องระยะเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ยังไม่มีผลต่อมุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับการใช้นโยบายการเงินแบบเข้ม งวดมากขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับนักลงทุนยังรอความชัดเจนเกี่ยวกับการลงมติของสกอตแลนด์ ซึ่งจะทราบผลการลงมติในวันนี้ โดยราคาทองปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,224.55 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.45 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,215 และ 1,227 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ ขายออกที่บาทละ 18,750 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,650 บาท กองทุน SPDR ไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองทองคำ โดยปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 784.22 ตัน

 

รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงค่ำที่ผ่านมา ออกมาค่อนข้างไร้ทิศทาง โดยรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ในขณะที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ของสหรัฐฯ กลับยังมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังขาดความต่อเนื่อง โดยในช่วงค่ำที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์นี้ปรับตัวลง 36,000 ราย สู่ระดับ 280,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 305,000 ราย ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้รายงานว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนสิงหาคมปรับตัวลดลง 14.4% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 มาอยู่ที่ 956,000 ยูนิต จากระดับ 1.12 ล้านยูนิต ในเดือนกรกฎาคม บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวในตลาดที่อยู่อาศัยนั้นยังไม่ราบรื่นนัก

 

โดยผลสำรวจประเมินว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 1.03 ล้านยูนิต เช่นเดียวกับรายงานตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างบ้าน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงการก่อสร้างในอนาคตลดลงเช่นกัน โดยปรับตัวลง 5.6% สู่ระดับ 998,000 ยูนิต จาก 1.06 ล้านยูนิต ในเดือนกรกฎาคม และนอกจากรายงานข้อมูลในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่สะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ต่อเนื่องแล้ว ในช่วงค่ำที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจของเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย ซึ่งครอบคลุมภาคโรงงานในภาคกลางของฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกชะลอตัวลงสู่ระดับ 22.5 จุด ในเดือนกันยายน หลังจากที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 28.0 จุด ในเดือนสิงหาคม และเป็นระดับต่ำกว่าผลสำรวจที่ประเมินไว้ที่ 24.0 จุด ในเดือนกันยายน

 

ส่วนในช่วงค่ำวันนี้ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจ หรือมีผลกระทบต่อราคาทองคำ การประกาศผลการลงมติของสกอตแลนด์จึงเป็นปัจจัยที่อาจกระทบต่อการเคลื่อนไหว ของราคาทองคำ หากผลการลงมติมีผลให้สกอตแลนด์แยกตัวออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของสหราช อาณาจักร ก็จะกดดันให้ราคาทองกลับอ่อนตัวลง แต่หากผลออกมาในทางตรงข้ามก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองผ่าน การเคลื่อนไหวของเงินยูโรที่จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์

 

ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งวานนี้ราคาทองคำยังคงอ่อนตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ในการซื้อขายระหว่างวัน แต่ด้วยราคาที่ปรับตัวลงมามากจึงเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ภาพเทคนิคของราคาทองยังคงมีแนวโน้มอ่อนตัว แต่ในระยะสั้นหากยังไม่ลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,215 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ สามารถเก็งกำไรการฟื้นตัวทางเทคนิค โดยคาดว่าราคาทองจะปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,235-1,240 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ได้ต่อไป.

 

 

 

 

 

ที่มา :ไทยรัฐออนไลน์ (19/09/2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...