ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

เพราะตัวเลขรายงานวันนี้ของยุโรป ไม่มีอะไรที่จะกระตุ้นราคาทองได้. ถ้าออกมาตามโพลฯ ก็เสมอตัว กลัวแต่จะออกมาแย่นะสิ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเงินบาท อ่อนดี 33.00 ประมาณนี้ การตั้งราคารับซื้อคืนน่าจะออกมาดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเงินบาท อ่อนดี 33.00 ประมาณนี้ การตั้งราคารับซื้อคืนน่าจะออกมาดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียร่วงลงอย่างหนักถึง 19% สู่ระดับ 80.10 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเวลา 13.14 น.ตามเวลามอสโคในวันนี้ เพราะได้รับแรงกดดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ทางการรัสเซียจะประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน หลังจากที่การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้

 

ธนาคารกลางรัสเซียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 17% จากระดับ 10.5% โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันนี้ ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัดส่วนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2541 โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการร่วงลงของสกุลเงินรูเบิลและเพื่อบรรเทาความตื่นตระหนกของนักลงทุน

 

การตัดสินใจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ มีขึ้นในการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ที่กรุงมอสโก และเป็นการประชุมที่ไม่ได้อยู่ในกำหนดการ หลังจากเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ธนาคารกลางรัสเซียได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 1% สู่ระดับ 10.5% จากเดิมที่ 9.5%

 

ค่าเงินรูเบิลได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า นางเอลวิรา นาบิอุลลินา ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซีย อาจจะใช้มาตรการควบคุมเงินทุน เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ โดยสกุลเงินรูเบิลร่วงลงอย่างหนักนับตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลง และหลังจากที่รัสเซียถูกนานาประเทศใช้มาตรการคว่ำบาตร ซึ่งในปีนี้ ค่าเงินรูเบิลร่วงลงไปแล้ว 58%

 

นักวิเคราะห์ได้แสดงความกังวลว่า การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของธนาคารกลางรัสเซียอาจจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของรัสเซียสูงขึ้น และจะยิ่งฉุดรั้งเศรษฐกิจให้หดตัวลง ขณะที่ธนาคารกลางรัสเซียได้คาดการณ์ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของรัสเซียอาจจะหดตัวลง 4.5-4.7% ในปีหน้า และคาดว่าอาจจะมีเม็ดเงินไหลออกนอกประเทศเป็นมูลค่าสูงถึง 1.34 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึงสองเท่า

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 16 ธันวาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินรูเบิลรัสเซียดิ่งหนักอีกกว่า 11% หลังแบงก์ชาติขี้นดอกเบี้ยอีก 6.5% ทำตลาดป่วน

 

 

ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียร่วงลงไปอีกมากกว่า 11% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ถือเป็นการดิ่งลงหนักสุดภายในวันเดียว นับแต่เกิดวิกฤติการเงินรัสเซียในปี 2541 เหตุตลาดขาดความเชื่อมั่นในธนาคารกลาง หลังประกาศขึ้นดอกเบี้ยแบบเหนือความคาดหมาย ทำตลาดป่วน

 

ในช่วงเปิดตลาด เงินรูเบิลแข็งค่าขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่เมื่อธนาคารกลางรัสเซีย ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 6.50% แบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ในความพยายามที่จะยับยั้งการอ่อนค่าของเงินรูเบิล บรรยากาศการซื้อขายก็เต็มไปด้วยความผันผวน และทำให้ค่าเงินร่วงลงไปทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่

 

การอ่อนค่าลงครั้งล่าสุด ทำให้ในสัปดาห์นี้ เงินรูเบิลร่วงลงมาแล้วเกือบ 20% และถือเป็นการร่วงลงมากกว่า 50% ตลอดทั้งปีนี้ ทำให้หลายฝ่ายคิดถึงวิกฤติการเงินเมื่อปี 2541 ที่ค่าเงินรูเบิลดิ่งลงอย่างหนักในเวลาไม่กี่วัน จนทำให้รัสเซียต้องผิดนัดชระหนี้

 

รองหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารตลาดหลักทรัพย์มอสโก "นายอังเดร เชอเมตอฟ" กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง กลายเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดความผันผวนขึ้นในตลาด ทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกขึ้น และความรู้สึกในตลาดอยู่ในด้านลบ

 

นักวิเคราะห์ชี้ด้วยว่า การประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 6.50% ในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 1.00% ไปแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความสิ้นหวังของธนาคารกลาง และดูเหมือนว่านางอิลวิรา นาบิลลินา ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซีย จะหมดหนทางที่จะยับยั้งการอ่อนค่าลงของเงินรูเบิล ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะมีการนำมาตรการควบคุมเงินทุนเข้ามาใช้เพิ่มมากขึ้น

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 17 ธันวาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าทำกำไรก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2486 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2435 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5726 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5642 ดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.21 เยน เทียบกับระดับ 117.71 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9619 ฟรังค์ จาก 0.9658 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8211 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8222 ดอลลาร์

 

การประชุมกำหนดนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันของเฟด ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ ได้เปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้ และนักลงทุนต่างรอดูการแถลงข่าวในวันนี้ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด เพื่อประเมินแนวโน้มที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับกำหนดเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า อาจจะมีการเทขายทำกำไรบางส่วนก่อนการแถลงดังกล่าว

 

ดอลลาร์สหรัฐเผชิญแรงกดดันมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้เป็นไปในเชิงลบ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 1.6% แตะที่ระดับ 1.028 ล้านยูนิต ขณะที่ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. ลดลง 5.2% แตะที่ 1.035 ล้านยูนิต

 

ทางด้านมาร์กิตรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐในเดือนธ.ค.ลดลงแตะ 53.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน จากระดับ 54.8 ในเดือนพ.ย. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการขยายตัวในภาคการผลิตของสหรัฐได้ชะลอความแรงลง

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 17 ธันวาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทในขณะนี้ว่า ยังเป็นการอ่อนค่าไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค โดยเงินบาทมีความผันผวนอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวแบบผิดปกติแต่อย่างใด โดยธปท.ยังคงติดตามใกล้ชิด และคงไม่จำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษเพื่อเข้ามาดูแลกรณีบาทอ่อนค่า

 

ขณะเดียวกัน เงินทุนไหลออกในช่วงนี้ก็ไม่มีสัญญาณใดที่ผิดปกติ ส่วนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอาจมีการลดลงบ้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับการตีค่าของสกุลเงิน ส่วนดุลชำระเงินก็ยังเป็นปกติ

 

ส่วนกรณีที่ช่วงบ่ายวันที่ (15 ธ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงไปกว่า 130 จุดนั้น นายประสาร กล่าวว่า ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ได้รายงานให้ ธปท.ทราบถึงสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นร่วงแรงแล้ว โดยชี้แจงว่าในช่วงเช้าปัจจัยมาจากนักลงทุนมีความกังวลต่อราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลง เพราะส่งผลให้บริษัทที่มีรายได้จากธุรกิจพลังงานมีรายได้ลดลงด้วย ขณะที่ในช่วงบ่ายมีกระแสข่าวลือออกมา แต่โดยภาพรวมหลังปิดตลาดดัชนีหุ้นไทยก็เป็นปกติ ซึ่งเรื่องนี้ ตลท. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป

 

"มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นกับตลาดต่างๆ ทั่วภูมิภาค หลังจากระยะที่ผ่านมาตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลาดหลักของไทยต้นปี โต 20% หลังจากหุ้นตกเมื่อวานก็ยังโต 9% ถือเป็นปกติที่ปลายปีจะมีการซื้อขายเบาบาง ถ้าขยับกันทีก็มีผลกระทบแล้ว" ผู้ว่าฯ ธปท.ระบุ

 

ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าวถึงกรณีที่รัสเซียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 10.5% เป็น 17% เพื่อสกัดภาวะเงินรูเบิลอ่อนค่าว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นนโยบายในการดูแลตลาดการเงินของรัสเซีย โดยมองว่าตลาดเงินของรัสเซียไม่ได้เชื่อมโยงกับตลาดเงินของต่างประเทศมากนัก อีกทั้งเงินรูเบิลก็ไม่ได้เป็นที่นิยมของตลาดการเงินโลก ดังนั้นผลกระทบในระยะสั้นต่อไทยจึงไม่มี รวมทั้งไม่มีผลกระทบทางตรงต่อเศรษฐกิจและการค้าของไทย แต่อาจจะส่งผลกระทบในทางอ้อมต่อการท่องเที่ยวของไทยอยู่บ้างจากการที่เงินรูเบิลอ่อนค่า

 

อย่างไรก็ดี คงไม่สามารถมองข้ามเศรษฐกิจของรัสเซียได้ เพราะจะมีผลต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกจากปัญหาภูมิศาสตร์ทางการเมือง แต่ทั้งนี้เชื่อว่าจะไม่มากเท่ากับปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นที่มีการเติบโตไม่เท่ากัน และมีการใช้นโยบายทางการเงินที่แตกต่างกันไป

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 16 ธันวาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สภาพเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มยูโรกับรัสเซียนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ในขณะที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ลดลงอย่างมาก ได้ทำความเสียหายให้กับประเทศในกลุ่มยูโรและประเทศรัสเซียได้อย่างมหาศาลไม่แตกต่างกัน เพียงแต่เป็นปัญหาคนละอย่าง

 

การที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ลดลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศยูโรลดลงเข้าใกล้ศูนย์หรืออาจจะติดลบก็ได้ สถานการณ์เช่นนี้ได้สร้างความกดดันให้กับธนาคารกลางของสหภาพยุโรปเป็นอย่างยิ่ง เพราะธนาคารกลางยุโรป ตั้งเป้าว่าระบบเศรษฐกิจจะถูกกระตุ้นให้ฟื้นตัวจากมาตรการคิวอีหรือมาตรการเพิ่มปริมาณเงิน เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวลดลง เนื่องจากราคาของตราสารทางการเงินลดลง

 

การที่อัตราเงินเฟ้อต่ำลงเข้าใกล้ศูนย์ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเศรษฐกิจของยุโรปกำลังเคลื่อนเข้าไปสู่ภาวะเงินฝืดเข้าไปทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกรีซ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส และสเปนนักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า การที่อัตราเงินเฟ้อในยุโรปลดลง ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ธนาคารกลางยุโรป ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ได้ก่อให้เกิดการ "คาดหมาย" หรือ "Expectation" ว่าเศรษฐกิจของยุโรปน่าจะแย่กว่าที่คิดหรือคาดเอาไว้ ความคาดหมายดังกล่าวก็ยิ่งจะทำให้การลงทุนและการใช้จ่ายเพื่อบริโภคของครัวเรือนชะลอตัวลงไปอีก พร้อม ๆ กันนั้นอัตราดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มจะลดลงไปอีก ถ้าหากราคาน้ำมันและสินค้าอื่นยังอ่อนตัวลงไปอีกจนอยู่ระหว่าง 60 ถึง 70 เหรียญต่อบาร์เรล อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มยุโรปอาจจะต่ำกว่า 0.5 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ในปีหน้านี้ ซึ่งไม่ใช่สัญญาณของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป สิ่งที่วิตกกันก็คือ เศรษฐกิจของยุโรปอาจจะดื้อยา และอาจจะไม่ฟื้นตัวภายในระยะเวลาอันใกล้แบบเดียวกับญี่ปุ่น แต่ในระยะยาวการที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว น่าจะมีส่วนช่วยหยุดยั้งการทรุดตัวของเศรษฐกิจไม่ให้ไหลลงต่อไปได้

 

ขณะที่เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรยังไม่มีทีท่าให้เห็นว่าจะฟื้นตัวในเวลาอันใกล้นี้ เศรษฐกิจของรัสเซียกลับมีทีท่าว่าจะทรุดตัวลง จากการที่ราคาน้ำมันลดลงต่ำสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา และเนื่องจากรัสเซียเป็นประเทศที่ส่งออกพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ข่าวการลดลงของราคาน้ำมันและราคาพลังงาน รวมทั้งการประกาศคว่ำบาตรของกลุ่มประเทศยุโรปในเขตยูโร อันสืบเนื่องมาจากการผนวกแคว้นไครเมียเข้ากับรัสเซีย และการสู้รบกันในยูเครน อันเป็นเหตุให้รัสเซียต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล รวมทั้งเกิดความแตกตื่นเงินไหลออกเป็นจำนวนมาก ทำให้ค่าเงินรูเบิลลดค่าลงกว่าร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อค่าเงินรูเบิลตกลงอย่างรวดเร็วอย่างนี้ เงินก็ยิ่งไหลออก ค่าเงินรูเบิลก็อาจจะร่วงต่อ

 

เมื่อค่าเงินรูเบิลทรุดลงอย่างแรงเช่นนี้ ก็ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ประเทศในเขตยูโรกำลังวิตกและกลัวภาวะเงินฝืดหรือ "Deflation" รัสเซียกลับมีอัตราเงินเฟ้อสูงถึงร้อยละ 9 ต่อปี

 

ประธานาธิบดีปูติน ประกาศเลื่อนแผนการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการ เช่น โครงการวางท่อส่งก๊าซไปยังยุโรปตอนใต้ โครงการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออก จากกลางมอสโกไปยังเมืองกาซาน

 

เศรษฐกิจของรัสเซียนั้นต้องพึ่งพาการส่งออกน้ำมันเป็นอย่างมาก เพราะน้ำมันมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 60 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด การที่ราคาน้ำมันลดต่ำกว่า 70 เหรียญต่อบาร์เรลจึงมีผลกระทบต่อค่าเงินรูเบิลอย่างรุนแรง

 

ที่เคยคาดการณ์โดยกระทรวงพัฒนาการเศรษฐกิจว่าเศรษฐกิจของรัสเซียจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2 ในปีหน้า ต้องทบทวนเพราะกลายเป็นว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะหดตัวร้อยละ 0.8 ในขณะที่สถาบันเอกชนคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจรัสเซียปีหน้าจะหดตัวถึงร้อยละ 2 หลายคนกำลังติดตามดูว่ารัสเซียจะดำเนินการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์เศรษฐกิจและการเงินของตนอย่างไร ไม่ว่าราคาน้ำมันจะหยุดไหลลงหรือยังจะไหลลงต่อไป

 

นอกจากการประกาศเลื่อนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่แล้วรัสเซียคงจะไม่สามารถใช้นโยบายเพิ่มปริมาณเงินเข้าไปในระบบอีก หากทำเช่นนั้นค่าเงินรูเบิลก็คงจะตกต่อไปอีก จึงเหลือเพียงนโยบายการคลังเท่านั้นที่จะพยุงค่าเงินรูเบิลไว้ได้ มิฉะนั้นรัสเซียก็จะมีปัญหาแบบเดียวกับกรีซ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส และสเปน

 

นโยบายการคลังที่ว่าก็คือการตัดงบประมาณรายจ่ายลง ลดการขาดทุนโดยปิดหน่วยงานบางแห่งที่ขาดทุน ยอมให้รัฐวิสาหกิจบางแห่งที่ประสบการขาดทุนล้มหายตายจากไป ลดการจ้างงาน โครงการสวัสดิการหลายอย่าง เช่น โครงการเพิ่มอัตราการเกิด โครงการเพิ่มอายุเฉลี่ยของประชากร โครงการเพิ่มงานต่าง ๆ อาจจะประสบปัญหาจากความจำเป็นที่ต้องตัดงบประมาณลง

 

สถานการณ์ดังกล่าวย่อมก่อให้เกิดภาวการณ์ว่างงานเกิดขึ้นอันตรายจากการรวมกลุ่มกันประท้วง เกิดการเดินขบวนและส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลประธานาธิบดีปูตินเป็นอย่างมาก

 

สถานการณ์ที่ปล่อยให้ราคาน้ำมันลงของสหรัฐอเมริกากับซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ทำให้นึกถึงการที่สหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดีเรแกน ทำการประชาสัมพันธ์ว่าจะพัฒนาอาวุธทางอวกาศ ทำให้ประธานาธิบดีกอร์บาชอฟ แห่งรัสเซียต้องทำตาม การแข่งขันกันสร้างแสนยานุภาพทางอวกาศที่เรียกกันว่า "Star War" ทำให้สหรัฐอเมริกาและรัสเซียต้องทุ่มงบประมาณมหาศาล เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาอาวุธทางอวกาศ ทั้งประธานาธิบดีเรแกนและกอร์บาชอฟ ต่างทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อการแข่งขันในสงครามอวกาศ เศรษฐกิจของสหรัฐและสหภาพโซเวียตย่ำแย่ ขาดดุลมหาศาล ค่าเงินดอลลาร์ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเงินมาร์กเยอรมันและเงินตราสกุลอื่น ๆ แต่ในที่สุดเศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตล้มละลายก่อน และในที่สุดก็เป็นจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และค่ายคอมมิวนิสต์ในที่สุด

 

มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐอาจจะร่วมมือกันถล่มราคาน้ำมันลง ขณะที่สหรัฐนั้นสามารถผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพียงพอในการใช้ในประเทศ และกำลังพัฒนาอุตสาหกรรมเคมีขนาดใหญ่จากการได้เปรียบ ที่มีพลังงานราคาถูก สหรัฐอเมริกาคงอยู่ในฐานะที่ไม่เดือดร้อนอะไรมาก

 

แต่ขณะเดียวกันการที่ที่ประชุมประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือกลุ่มโอเปกนำโดยซาอุดีอาระเบียลงมติปฏิเสธข้อเสนอของเวเนซุเอลา ที่ให้ประเทศในกลุ่มโอเปกลดการส่งออกน้ำมันดิบลง อันเป็นเหตุให้ราคาน้ำมันร่วงลงต่ำกว่าบาร์เรลละ 70 เหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มจะลดลงไปอีก

 

ซาอุดีอาระเบียประกาศว่า แม้ราคาน้ำมันดิบจะลดลงไปถึงบาร์เรลละ 60 ดอลลาร์ ซาอุดีอาระเบียก็ยังอยู่ได้ แต่ประเทศที่อาจจะเดือดร้อนมากคงจะเป็นประเทศอิหร่าน ซึ่งเป็นคู่แข่งของซาอุดีอาระเบียในตะวันออกกลาง

 

หากราคาน้ำมันดิบยังคงลดลงต่อไป และอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าบาร์เรลละ 70 ดอลลาร์เป็นเวลานาน คงจะเกิดความกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อำนาจต่อรองของประเทศที่ส่งออกน้ำมันคงจะน้อยลง

 

จีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อเป็นวัตถุดิบจีนจึงน่าจะได้ประโยชน์จากการลดลงของราคาพลังงาน เศรษฐกิจของจีนที่เริ่มชะลอตัวน่าจะได้อานิสงส์จากการลดราคาของน้ำมันเป็นอย่างมาก อาจจะไม่น้อยกว่าผลประโยชน์จากการค้นพบเทคโนโลยีในการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดานของสหรัฐอเมริกาฐานะของจีนจึงน่าจะดีขึ้น

 

การเมืองที่อ่าวเปอร์เซียก็น่าจะเปลี่ยนไป สหรัฐอเมริกาคงจะลดความสำคัญของตะวันออกกลางลง และคงเกี่ยงให้จีนเข้ามามีบทบาทในการรักษาเสถียรภาพในบริเวณนี้ ภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ถดถอย ราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตร ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง น่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของประเทศต่าง ๆ เปลี่ยนไปอย่างมาก แต่จะเปลี่ยนไปอย่างไร มีผลต่อบ้านเราขนาดไหน ต้องดูกันต่อไป

 

โลกเราก็เป็นอย่างนี้ไม่มีอะไรแน่

 

ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ (วันที่ 16 ธันวาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประเด็นข่าวด้านล่างนี้ อาจไม่ใช่เรื่องจริง ที่ว่า รัสเซียจะขายทองคำสำรองออกมา เพราะว่า ปัจจุบันรัสเซียกระอักจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง เพราะผูกติดกับค่าเงินดอลล์สหรัฐฯ และสกุลเงินรูเบิล จองผูกกับค่าเงินดอลล์ ถ้ารัสเซียประกาศเปลี่ยนนโยบาย หันมาใข้ทองคำเป็นทุนสำรอง ขายทิ้งดอลล์สหรัฐฯ ล่ะก็ ผลจะออกมาทิศทางตรงข้ามเลยนะเนี่ย จะกลายเป็น สงครามค่าเงิน เชียวล่ะ แต่ปัจจุบันอันใกล้ คงยัง คงต้องคุยเจรจากันก่อน ไม่งั้น เจ๊งกันทั้ง 2 ฝ่าย

 

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า รัสเซียอาจจะขายทองคำสำรอง หลังจากสกุลเงินรูเบิลร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธตามเวลาสหรัฐ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 13.4 ดอลลาร์ หรือ 1.11% ปิดที่ระดับ 1194.3 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 81.1 เซนต์ ปิดที่ 15.752 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 18.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1196.5 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 18.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 784 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า รัสเซียอาจจะขายทองคำสำรอง หลังจากสกุลเงินรูเบิลร่วงลงอย่างหนัก โดยค่าเงินรูเบิลร่วงลงอย่างหนักถึง 19% สู่ระดับ 80.10 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเวลา 13.14 น.ตามเวลามอสโคเมื่อวานนี้ เพราะได้รับแรงกดดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ทางการรัสเซียจะประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน หลังจากที่การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับ 17% ไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้

 

นักวิเคราะห์กังวลว่า การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของรัสเซียที่ต้องพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน โดยในปีนี้ ธนาคารกลางรัสเซียได้ใช้เม็ดเงินไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสกัดการร่วงลงของสกุลเงินรูเบิล ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะบีบให้รัสเซียต้องขายทองคำสำรอง

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 17 ธันวาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับป๋า

 

ขอบคุณนะครับ บ่น ๆ จัดเต็มเช่นเคย

 

อากาศหนาว ๆ มาหน่อยแล้ว รักษาสุขภาพนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประเด็นข่าวด้านล่างนี้ อาจไม่ใช่เรื่องจริง ที่ว่า รัสเซียจะขายทองคำสำรองออกมา เพราะว่า ปัจจุบันรัสเซียกระอักจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง เพราะผูกติดกับค่าเงินดอลล์สหรัฐฯ และสกุลเงินรูเบิล จองผูกกับค่าเงินดอลล์ ถ้ารัสเซียประกาศเปลี่ยนนโยบาย หันมาใข้ทองคำเป็นทุนสำรอง ขายทิ้งดอลล์สหรัฐฯ ล่ะก็ ผลจะออกมาทิศทางตรงข้ามเลยนะเนี่ย จะกลายเป็น สงครามค่าเงิน เชียวล่ะ แต่ปัจจุบันอันใกล้ คงยัง คงต้องคุยเจรจากันก่อน ไม่งั้น เจ๊งกันทั้ง 2 ฝ่าย

 

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า รัสเซียอาจจะขายทองคำสำรอง หลังจากสกุลเงินรูเบิลร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธตามเวลาสหรัฐ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 13.4 ดอลลาร์ หรือ 1.11% ปิดที่ระดับ 1194.3 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 81.1 เซนต์ ปิดที่ 15.752 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 18.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1196.5 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 18.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 784 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า รัสเซียอาจจะขายทองคำสำรอง หลังจากสกุลเงินรูเบิลร่วงลงอย่างหนัก โดยค่าเงินรูเบิลร่วงลงอย่างหนักถึง 19% สู่ระดับ 80.10 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเวลา 13.14 น.ตามเวลามอสโคเมื่อวานนี้ เพราะได้รับแรงกดดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ทางการรัสเซียจะประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน หลังจากที่การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับ 17% ไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้

 

นักวิเคราะห์กังวลว่า การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของรัสเซียที่ต้องพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน โดยในปีนี้ ธนาคารกลางรัสเซียได้ใช้เม็ดเงินไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสกัดการร่วงลงของสกุลเงินรูเบิล ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะบีบให้รัสเซียต้องขายทองคำสำรอง

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 17 ธันวาคม 2557)

 

 

กำลังอยากจะถามความเห็นป๋าพอดีขอรับ ว่าอีแบบนี้จะส่งผลให้รัสเซียขายทองคำสำรองออกมาหรือเปล่า

 

แอบหวั่นใจเล็กๆ :_cd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมครั้งที่ 8/2557 วันที่ 17 ธันวาคม ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปีมีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ต่อปี โดย 2 เสียงข้างน้อยเห็นว่าควรลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพื่อเพิ่มแรงสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแรง

 

"กรรมการส่วนใหญ่ประเมินว่านโยบายการเงินปัจจุบันยังผ่อนปรนเพียงพอต่อ เศรษฐกิจที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวในปี 58 และสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว อย่างไรก็ดี กรรมการ 2 ท่านเห็นว่าควรผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มแรงสนับสนุนต่อ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงกว่าคาด ในสภาวะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นและเงินเฟ้อยัง อยู่ในระดับต่อต่อเนื่อง"นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) กล่าว

 

สำหรับประเด็นที่คณะกรรมการฯ ให้ความสำคัญในการตัดสินนโยบาย มีดังนี้ เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/57 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่คาด โดยการฟื้นตัวยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ และมีการใช้จ่ายในประเทศของภาคเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก สำหรับปี 58 เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่อัตราการเติบโตจะต่ำกว่าประมาณการครั้งก่อน เพราะแรงกระตุ้นจากการใช้จ่ายภาคการคลังน้อยกว่าคาด ส่งผลต่อากรลงทุนภาคเอกชนที่ส่วนใหญ่ยังรอความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐ

 

นอกจากนี้ การฟื้นตัวของภาคการส่งออกสินค้ามีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่ นอนเพิ่มขึ้น ขณะที่การท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่าปกติ

 

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงตามราคาพลังงาน และคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งตามราคาน้ำมันโลก ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงเล็กน้อยตามแรงกดดันจากด้านอุปสงค์ที่ลดลง จากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า แต่สถียรภาพเศรษฐกิจการเงินโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยความเสี่ยงสะสมจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาระยะหนึ่งยังอยู่ในวง จำกัด

 

ส่วนในระยะต่อไป กรรมการเห็นสอดคล้องกันว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับที่ผ่อนปรน เพื่อช่วยประคองให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็งขึ้น ซึ่งปัจจัยที่สำคัญอีกประการคือการเร่งรัดการใช่จ่ายภาครัฐให้เป็นไปตามเป้า หมาย

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 17 ธันวาคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัวเลขเดาทองของฝรั่งเดาทองรายอาทิตย์ ดึงมาดู

 

LONG GOLD above 1209 SL 1206 TP 1231-1248-1256

SHORT GOLD below 1202 SL 1205 TP 1191-1182-1168-1156

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...