ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

 

 

จากตารางสรุปแล้วได้ตัวเลขที่น่าสนใจ 3 ตัวครับ

 

 

:excl: 1. ทองปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดไตรมาส 3 ไปถึงจุดสูงสุดไตรมาส 4 เฉลี่ยแล้วปีละ 20.7% = 1,790$

 

:excl: 2. ทองปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดไตรมาส 3 ไปถึงจุดสูงสุดไตรมาส 4 อย่างน้อยที่สุดคือ 10.6 % =1,640.2$

 

:excl: 3. ทองปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดไตรมาส 3 ไปถึงจุดสูงสุดไตรมาส 4 อย่างมากที่สุดคือ 33.5% = 1,979.81$

 

 

แปลว่า ปลายปีนี้เรามีสิทธิ์ได้เห็นช่วงราคา ตั้งแต่ 1,640-1,790-1,979 $/ozครับ!

 

1,640$ จะเท่ากับที่ราคาทองเคยทำไว้ แย่ที่สุด ( คือขึ้นเพียง 10.6% )

แต่หากเอาค่าเฉลี่ยที่ 20.7% ราคาจะเป็น 1,790$

 

 

คำถามต่อมาก็คือ ทองที่ระดับ 1,600-1,620 $ ตอนนี้

ปลายปีจะถือว่าถูกหรือแพง ??

 

มีตัวเลขอีกตัวที่น่าสนใจนั่นก็คือ “จริงอยู่ที่ไตรมาส 4 ทองขึ้นทำจุดสูงสุด แต่หลังจากนั้นมักจะลงช่วงสิ้นปี”

หากเปลี่ยนใหม่เป็นวัดจากจุดต่ำสุดไตรมาส 3 ไปถึงสิ้นปีแทน ค่าเฉลี่ยการขึ้นจะลดลงเหลือ 16.6%

นั่นเท่ากับ 1,729$ ครับ

 

 

พูดได้คำเดียวว่าบทความของคุณnext "เหนือคำบรรยายจริง ๆค่ะ" !gd !gd !gd !10 !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

dvr-16ch.png

 

 

 

 

 

:excl: มีคนเคยตำหนิ โอกาส“ทอง”(จริงๆ) ว่าแนะนำให้คนซื้อทองแบบไม่ลืมหู ลืมตา???

ผมคงต้องขอชี้แจงว่า "ไม่จริงครับ"

 

เพราะหากเป็นเช่นนั้นผมคงไม่ต้องเสียเวลามานั่งเขียนบทความยาวนานหลายเดือน เขียนหนังสือทั้งเล่ม

“เพื่ออธิบาย” เหตุและผลว่าทำไมคุณถึงควรถือครองทองคำ.......

 

เหตุผลต่างๆ เหล่านั้นล้วนยังคงอยู่ พร้อมให้คุณย้อนกลับไปอ่านได้ทุกเวลา

หรือต่อให้คุณพลาดไปแแล้วที่ผ่านมาคุณดันหลงเชื่อผมมากเกินไป ซื้อทองเข้าไปเต็มรัก(แบบไม่ลืมหูลืมตาขึ้นมาจริงๆ)

ถึงวันนี้ คุณคงรู้และเข้าใจแล้วว่า “สิ่งที่คุณตัดสินใจนั้นผิดหรือถูก”

 

 

มีคนเคยตำหนิ โอกาส“ทอง”(จริงๆ) ว่าแนะนำให้คนซื้อทองแบบไม่ลืมหู ลืมตา???

==> ผมว่าคนติยังคงอยู่และทำเป็นเฉยครับ หรือ หายหัวแต่ตัวยังอยู่ ทองขึ้นทำเป็นลืมไม่พูดเรื่องเก่า

 

:rolleyes: :rolleyes: :rolleyes:

 

สิ่งที่คุณตัดสินใจนั้นผิดหรือถูก ==> ผมว่าผมถูกครับ เก็บทองดีกว่าเก็บเงินกระดาษ เก็บในที่ลับอย่างดี ไม่รอโจรมันมาปล้นหรอกครับ

 

ขอบคุณครับสำหรับบทความ เพิ่งได้เข้ามาอ่านตามหลัง

 

เก็บทองนี้ดีจริงๆ

 

:rolleyes: :rolleyes: :rolleyes:

ถูกแก้ไข โดย 888

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คำถามต่อมาก็คือ ทองที่ระดับ 1,600-1,620 $ ตอนนี้

ปลายปีจะถือว่าถูกหรือแพง ??

คำพูดนี้มาอีกแล้ว หนาวค่ะafd371da.gifafd371da.gifem308.gifสัมมนาครั้งก่อน ก็พููดไปที และ... แล้วก็....

 

 

นาทีนี้ปัจจัยพื้นฐานของทองคำยังแกร่ง เป็นแรงหนุนให้ทองคำยืนเหนือ 1,600$ อยู่ได้

ยังไงก็แล้วแต่ ทองคำไม่ได้ขึ้นเป็นเส้นตรงนะครับ ผมเฝ้ารอการปรับฐานเพื่อหาจังหวะเติมเข้าพอร์ทอยู่

“ทองต้องลดราคาให้ผมเห็นต่อหน้าต่อตาก่อนครับ” ผมค่อยเข้าไปซื้อเพิ่ม

แต่จะให้ผมเสี่ยงโยนทองทิ้งออกไปก่อนเพื่อไปรอรับที่ราคาต่ำกว่าเดิม (Short) ......... ผมไม่ทำ

จะไม่ดื้อ ไม่มือซนแล้วค่ะ 098eb4a5.gif1b38f9e2.gifem309.gif

 

จริงอยู่ไตรมาส 3 ปีนี้ยังไม่จบ แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่า 1,483 $ น่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว พอเอาราคานี้มาคำนวณตามตัวเลขทางสถิติ เลขที่ออกคือ :excl: 1. ทองปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดไตรมาส 3 ไปถึงจุดสูงสุดไตรมาส 4 เฉลี่ยแล้วปีละ 20.7% = 1,790$ :excl: 2. ทองปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดไตรมาส 3 ไปถึงจุดสูงสุดไตรมาส 4 อย่างน้อยที่สุดคือ 10.6 % =1,640.2$ :excl: 3. ทองปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดไตรมาส 3 ไปถึงจุดสูงสุดไตรมาส 4 อย่างมากที่สุดคือ 33.5% = 1,979.81$ แปลว่า ปลายปีนี้เรามีสิทธิ์ได้เห็นช่วงราคา ตั้งแต่ 1,640-1,790-1,979 $/ozครับ! 1,640$ จะเท่ากับที่ราคาทองเคยทำไว้ แย่ที่สุด ( คือขึ้นเพียง 10.6% ) แต่หากเอาค่าเฉลี่ยที่ 20.7% ราคาจะเป็น 1,790$ เอากันง่ายๆแบบนี้แหละครับ..ผมลงทุนอะไรไม่เคยคิดสลับซับซ้อน..... :rolleyes: คำถามต่อมาก็คือ ทองที่ระดับ 1,600-1,620 $ ตอนนี้ ปลายปีจะถือว่าถูกหรือแพง ?? มีตัวเลขอีกตัวที่น่าสนใจนั่นก็คือ “จริงอยู่ที่ไตรมาส 4 ทองขึ้นทำจุดสูงสุด แต่หลังจากนั้นมักจะลงช่วงสิ้นปี” หากเปลี่ยนใหม่เป็นวัดจากจุดต่ำสุดไตรมาส 3 ไปถึงสิ้นปีแทน ค่าเฉลี่ยการขึ้นจะลดลงเหลือ 16.6% นั่นเท่ากับ 1,729$ ครับ นั่นหมายความว่า หากคุณขายทองไม่ทันช่วงพีคไตรมาส 4 ของปีนี้ ก็ไม่ต้องกังวล..รอไปถึงปลายปีต่อให้ทองย่อปรับฐาน 31 ธันวาคม 2554 ปีนี้เราอาจจะได้เห็นทองที่ระดับ 1,729$จากการคำนวณค่าเฉลี่ย....

cd08785a.gifd5f02ecd.gif70bff581.gif04a30356.gif 31 ธ.ค. 54 เจอกัน 1729 แต่ก็ยังไม่คิดปล่อยนะก๊ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตื่นขึ้นมาตกใจ ราคาที่ลุง Jim Sinclair คาดไว้ที่เดือนมกราคม 2554 ทะลุไปเรียบร้อยแล้วครับ $1,650 ตอนนี้ $1,660 ไปเรียบร้อยแล้วครับ จรวดพุ่งแรงจริงๆคืนนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธปท.ลดถือครองดอลลาร์ รับมือ ศก.USซึมยาว เผยลดสัดส่วนมาตลอด

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 สิงหาคม 2554 22:21 น. Share

 

 

 

"อัจนา ไวความดี" วิเคราะห์มาตรการสหรัฐฯ เพิ่มเพดานหนี้สำเร็จ ไม่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว ชี้อนาคตสหรัฐฯ จะพบข้อจำกัดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลฟื้นตัวยาก เผยทุนสำรองของไทยปัจจุบันเหลือเงินดอลลาร์น้อยลง เหตุทยอยลดสัดส่วนมาตั้งแต่ปี 2547

 

นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แม้สหรัฐสามารถขยายเพดานหนี้ได้อีก 2.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการบรรลุข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้นำพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน เพื่อแลกกับมุมมองเศรษฐกิจที่ดูมีความมั่นคงขึ้นและไม่ให้มีปัญหาปรับลดเครดิตสหรัฐตามมาแต่ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว เพราะในอนาคตจะเป็นการเพิ่มข้อจำกัดการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้นโยบายการเงินและนโยบายการคลังของสหรัฐได้น้อยลง ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของสหรัฐในระยะต่อไปด้วย

 

“ไม่เฉพาะสหรัฐ แต่ในกลุ่มประเทศ G3 ซึ่งรวมถึงสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นต่างก็มีอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจชะลอตัวลงจากปัญหาเชิงโครงสร้างหนี้สาธารณะเป็นหลัก และมองว่าในอนาคตโอกาสที่กลุ่ม G3 จะทำนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยลง ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญ โดยเฉพาะถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัวยากจะยิ่งไม่มีแรงกระตุ้นมากนัก” รองผู้ว่าการ ธปท.กล่าว

 

นางอัจนาเปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดปัญหาความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีผลให้มูลค่าเงินดอลลาร์น้อยลง ธปท.ได้มีการทยอยปรับลดสัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์ในทุนสำรองทางการระหว่างประเทศของไทยมาตั้งแต่ปี 2547 เช่นเดียวกับที่หลายประเทศทำกัน แต่ก็ต้องจำเป็นต้องมีเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐไว้ด้วย เนื่องจากไทยยังมีการติดต่อการค้าขาย การลงทุน รวมถึงธุรกรรมอื่นๆ ในรูปเงินดอลลาร์อยู่

 

"แม้ช่วงที่ผ่านมาเกิดปัญหาวิกฤตการเงินโลกก้นกะทะ แต่ในส่วนของเศรษฐกิจเอเชียยังขยายตัวต่อไปได้ด้วยดี แต่ในภูมิภาคนี้บางประเทศอาจมีปัญหาเรื่องอัตราเงินเฟ้อ เศรษฐกิจไทยก็เผชิญความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นที่ ธปท.ต้องดูแลเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ต้นทุนการเงินในอนาคตสูงกว่าที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกันการดำเนินนโยบายการเงินเป็นเรื่องที่มองไปข้างหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านต่างๆ ที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจ"

 

ทั้งนี้ แม้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่มองว่านักลงทุนต่างชาติไม่ได้พิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเป็นปัจจัยหลักของเงินทุนไหลเข้า แต่น่าจะเกิดจากพื้นฐานเศรษฐกิจและแนวโน้มค่าเงินมากกว่า

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพิ่งได้อ่านบทความใหม่จาก Zerohedge เขียนโดย Eric Sprott เรื่อง

 

The Real Banking Crisis

 

http://www.zerohedge.com/news/eric-sprott-real-banking-crisis-global-depositor-bank-runs-and-why-gold-going-much-higher-resul

หากพอเข้าใจภาษาอังกฤษ แนะนำให้อ่านกันครับ เห็นภาพเลยว่าปัญหา ฺBanking Sector ที่กำลังเกิดและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจะส่งผลอย่างไร

ผมแปลสรุปคร่าวๆ นะครับ

 

Sprott%20Q.jpg

รูปนี้มาจากบทความครับ เขาแสดงให้เห็นว่า มีความกังวลของ ECB เรื่องความมั่นใจของนักลงทุน/ ผู้ฝากเงิน กันธนาคาร ที่จะทำการฝากเงินกับธนาคารในยุโรปต่อไปหรือไม่

และ มีแนวโน้มจะถอนเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น โดยเฉพาะทองหรือโลหะเงิน หรือไม่

 

ผู้ฝากเงินในยุโรป กำลังต้องชั่งใจว่าจะฝากเงินกับสถาบันการเงินต่อไป หรือจะถอนเงินไปฝาก/ลงทุน/ซื้อสินทรัพย์ อื่นๆ ที่เสี่ยงน้อยกว่า

ECB ถึงตอนนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ แต่ดูแล้วสถานการณ์กำลังลำบากไปเรื่อยๆ เพราะผู้ฝากเงินกับธนาคารต่างๆ ในยุโรปได้ถอนเงินออกจากบัญชีมากขึ้นเรื่อย

ทำให้สถานการณ์ดูไม่สู้ดีนัก

 

ธนาคารกลางและรัฐบาลทุกแห่ง จะทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันเหตุการณ์การตื่นถอนเงินจากธนาคาร เพราะเพื่อคืนเงินฝากให้ลูกค้า ทำให้ธนาคารอาจต้องขายสินทรัพย์ เงินลงทุน ฯลฯ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ามูลค่า สินทรัพย์ เงินลงทุน ฯลฯ ที่ถูกบันทึกในบัญชี มีการบันทึกค่าสูงกว่าความเป็นจริงมาก (และนำปัญหาอื่นๆ ตามมา)

 

 

ตัวอย่างเช่นวิกฤตการเงินที่ ไอซ์แลนด์ ในปี 2008 ประชาชนแห่ถอนเงินจากธนาคาร Landbanki ซึ่งเป็นธนาคารสัญชาติอังกฤษ

ธนาคารจึงปิดการทำธุรกรรม online ทั้งหมดทำให้ลูกค้าชาวอังกฤษในธนาคารนั้นกว่า 300000 บัญชีไม่สามารถถอนเงินได้

รัฐบาลอังกฤษเลยอายัดทรัพย์ของธนาคาร Landbanki ในอังกฤษเป็นการตอบโต้

ในปี 2008 เงินโครนาของไอซ์แลนด์ เสื่อมค่ากว่า 58% หากเลือกได้คุณคงไม่อยากถือบัญชีเงินฝากสกุลโครน่าแน่ๆ

 

ไอร์แลนด์ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน ครั้งแรกต้นปี 2009 และครั้งต่อมาปลายปี 2010

และในเดือน พ.ค. 2011 ที่ผ่านมาประชาชนถอนเงินจากระบบเงินฝากไปกว่า 9%

เพราะเหตุการณ์นี้ ECB ต้องช่วยเหลือสภาพคล่องแก่ระบบธนาคารของไอร์แลนด์ไปแล้วกว่า 103 พันล้านยูโร

นอกจากนี้ธนาคารกลางไอร์แลนด์ก็ช่วยเหลือสภาพคล่องอีก 55.7 พันล้านยูโร

ซึ่งยังไม่พอต่อความต้องการของระบบธนาคาร ที่ต้องการเงินเสริมสภาพคล่องอีกกว่า 24 พันล้านยูโร

 

กรีซก็เช่นเดียวกัน

เม็ดเงินหายไปจากระบบเงินฝากธนาคารของกรีซไปแล้วกว่า 8% ในปีนี้ ซึ่งอัตราเร่งในการถอนเงินเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค. และ มิ.ย.

เช่นเดียวกับไอร์แลนด์ ECB ต้องช่วยเหลือสภาพคล่องแก่ระบบธนาคารของกรีซไปแล้วกว่า 100 พันล้านยูโรในปี 2010

และอีก 103 พันล้านยูโรในปี 2011 จนถึงขณะนี้

 

เราไม่มีตัวเลขของสเปน และอิตาลี

แต่เชื่อว่ารัฐบาลของประเทศเหล่านี้ก็กำลังพยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้เช่นกัน (บทความ Mr. Weigand ที่ผมโพสท์เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาแสดงว่าระบบธนาคารในอิตาลีเริ่มมีปัญหา)

หากอิตาลีมีปัญหาจะแก้ได้ลำบากกว่ามาก เพราะตัวเลขหนี้ของอิตาลี ขนาด 1.8 ล้านล้านยูโร มีปริมาณมากกว่าหนี้ของกรีซ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส และ สเปน รวมกัน

 

ระบบธนาคารของ Italy และ Spain นั้นใหญ่เกินไปที่จะปล่อยให้ล้ม (too big to fail)

ในขณะเดียวกันก็ ใหญ่เกินไปที่จะช่วยได้ (too big to bail-out)

ดังนั้นอนาคตของสหภาพยุโรป จึง ขึ้นอยู่กัับสภาพเศรษฐกิจ และ ความมั่นคงของระบบธนาคารของ Italy และ Spain

 

ปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศเหล่านี้คือต้นเหตุของปัญหาของระบบธนาคารในสหภาพยุโรป

เพราะธนาคารเหล่านี้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ซึ่่งเคยถูกพิจารณาว่าไม่มีความเสี่ยง ในปริมาณมาก

ในสถานการณ์ปกติ หากลูกค้าถอนเงินปริมาณมากๆ ธนาคารก็จะขายพันธบัตรที่ถืออยู่ เพื่อนำเงินมาให้แก่ลูกค้าที่ถอนเงินได้

แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน พันธบัตรรัฐบาลของประเทศเหล่านี้มีมูลค่าลดลง ปริมาณคนซื้อก็น้อย ปัญหาเหล่านี้ซ้ำเติมทำให้สภาพคล่องธนาคารมีปัญหา

นอกจากนี้การขายพันธบัตรของธนาคารเหล่านี้ ก็ไปซ้ำเติมปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศนั้นๆ ให้เลวร้ายลงไปอีก

 

จากแบบสอบถามข้างบน ทำให้เชื่อได้ว่าประชาชนในประเทศในยุโรปปัจจุบันจำนวนมากขึ้นเืรื่อยๆ ได้ถอนเงินฝากออกจากระบบธนาคารในประเทศเสี่ยง / ออกจากยุโรป ไปลงทุนในภูมิภาคอื่น / สินทรัพย์อื่นๆ โดยเฉพาะทอง และ โลหะเงิน

เชื่อว่าการกระทำเช่นนี้จะดำเนินต่อไป และมีมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ ผกผันกับสภาพปัญหาในระบบธนาคาร และ ปัญหาหนี้สาธารณะในประเทศยุโรปที่จะเลวร้ายลง

 

และเป็นสาเหตุที่จะทำให้ราคาทอง และ โลหะเงิน มีราคาสูงขึ้นต่อไปอีกไกล

 

 

 

 

 

ขอบคุณครับ ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ต่อนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประโยคเดิมครับ kung's indicator ไม่เชื่อก็อยู่เฉยๆ แต่ห้ามสวน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปธน.รัสเซียจวกสหรัฐฯเป็น “กาฝาก” ของเศรษฐกิจโลก

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 สิงหาคม 2554 03:32 น. Share

 

 

 

นายกรัฐมนตรี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวหาสหรัฐฯในวันจันทร์(1)ว่า กำลังจับจ่ายใช้สอยเกินกว่าที่ทำมาหาได้ “เสมือนกับเป็นกาฝาก” ของเศรษฐกิจโลก นอกจากนั้นเขายังบอกด้วยว่า การที่เงินดอลลาร์อเมริกันอยู่ในฐานะครอบงำการเงินโลกอยู่ในเวลานี้ ก็เป็นภัยคุกคามตลาดการเงิน

 

“พวกเขากำลังจับจ่ายใช้จ่ายเกินกว่าที่พวกเขาทำมาหาได้ และกำลังโยกย้ายน้ำหนักส่วนหนึ่งของปัญหาของพวกเขามายังเศรษฐกิจโลก” ปูตินบอกกับบรรดาเยาวชนกลุ่ม “นาชิ” ที่เป็นพวกสนับสนุนวังเครมลิน ในระหว่างที่เขาเดินทางมาเยี่ยมเยาวชนเหล่านี้ ณ ค่ายฤดูร้อนริมทะเลสาบเซลิเกอร์ ซึ่งอยู่ห่างเป็นระยะทางขับรถราว 5 ชั่วโมงจากกรุงมอสโก

 

“พวกเขากำลังใช้ชีวิตเสมือนกับเป็นกาฝากโดยอาศัยเศรษฐกิจโลก และการที่เงินดอลลาร์ของพวกเขาอยู่ในฐานะผูกขาด” ปูตินกล่าวปราศรัยกับพวกเยาวชนในที่ประชุมกลางแจ้ง ในบรรยากาศที่ดูเหมือนกับการรณรงค์หาเสียงก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งรัฐสภาและประธานาธิบดีรัสเซียในปีหน้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1657.50 มาแล้วค่ะ กลุ่มใจเหมือนคุณหมอเล็กเลยว่าจะขายตอนไหนดี คงต้อง

ปรึกษาคุณใหญ่ 555

ถูกแก้ไข โดย nicole 101

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1657.50 มาแล้วค่ะ กลุ่มใจเหมือนคุณหมอเล็กเลยว่าจะขายตอนไหนดี คงต้อง

ปรึกษาคุณใหญ่ 555

 

http://www.youtube.com/watch?v=mQOV9jNxScQ&feature=player_detailpage

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ คุณJohnCM และ คุณส้มโอมือ สำหรับข่าวด้วยค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

TUESDAY, AUGUST 2, 2011

 

Soros is Wrong - The Gold is going to $2000/oz

Michael Lewis of Deutsche Bank : Gold price seem to go up when the dollar is falling it goes up when the dollar is rising , people buy it on inflation protection and they buy on deflation protection it is almost in any economical environement it seems to go up , the environment for us is negative the real interest rates are weak , all of this is very favorable to Gold and think we are still going to go up I think the bubble number is beyond $2000/oz so we do have another 20 to 30 percent to go

http://goldbasics.bl...-to-2000oz.html

 

 

555 มีกัดด้วยbiggrin.gif

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Italy Calls "Financial Stability Meeting"; Spain PM Delays Vacation to "Closely Watch Economic Indicators";

http://globaleconomi...ty-meeting.html

 

ไม่ช่วยหรือช่วยไม่ไหวงานนี้ทองก็ขี่จรวดอีกล่ะครับท่านcool.gif

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...