ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอขอบคุณทุกข่าวสารที่เป็นประโยชน์ค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาพจากลุงจิม

 

ฮิปโป = หนี้

ขา = เศรษฐกิจโลกตะวันตก

 

http://www.jsmineset...ews-today-1216/

post-2564-0-67974300-1339616638.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่รู้ว่าตอนนี้พอจะหาข้อมูลได้จากที่ไหนบ้างเรื่อง Bank Holiday ว่ามีแบงค์ไหนของประเทศไหนหยุดไปแล้วบ้างครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่รู้ว่าตอนนี้พอจะหาข้อมูลได้จากที่ไหนบ้างเรื่อง Bank Holiday ว่ามีแบงค์ไหนของประเทศไหนหยุดไปแล้วบ้างครับ

 

เท่าที่อ่านเจอตอนนี้ก็มีแต่ BNI (ใหญ่เป็นอันดับ4ของอิตาลี่)ครับ นอกนั้นมีแต่ bank run ในหลายประเทศ

ส่วนในเมกาก็ถูกปิดเกือบทุกอาทิตย์ (อาทิตย์ที่แล้วรู้สึกจะอีก 4 ธนาคาร)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

In physical stories, last week Kazakhstan decided that it would have foreign reserves equal to 14-15% in gold. They announced a purchase of 22 tonnes of gold from local producers which would allow their reserves to rise to the above figure. Today, they upped that figure by announcing plans to buy a further 4.5 tonnes of gold. Their reserves will now have 20% in gold as they are cutting their holdings on the ailing euro.

 

 

http://harveyorgan.blogspot.com/

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความเห็นส่วนตัวผมนะครับ คิดว่าพวกหัวหน้าใหญ่ (เหมือนในการ์ตูน) ที่คอยชักใยอยู่ด้านหลังคงวางแผนไว้หมดแล้ว รอแค่กดระเบิดเวลาว่าจะช้าหรือเร็ว แต่ผมคิดว่า น่าจะช้าทำให้คนสับสนว่าจะแก้ไขอย่างไร ประวิงเวลาไปเรือย ๆ จนเกือบถึงเลือกตั้งของอเมริกา (ประมาณว่า กลุ่มหัวหน้าใหญ่ เป็นเครือข่ายพวกพ้องเดียวกัน)แล้วแต่จะให้ใครเป็นหุ่นเชิด

ปล. ผมคงดูการ์ตูนมากไป หรือไม่ก็อินกับข่าวสารมากไปหน่อยนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

OANDA (ตลาด forex) ประกาศไม่รับเทรดค่าเงินจนถึงวันอาทิตย์

เนื่องจากความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้

 

http://www.zerohedge...nalysts-foresee

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คาดว่าใกล้จะเข้าจุดระเบิดเร็ว ๆ นี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เท่าที่อ่านเจอตอนนี้ก็มีแต่ BNI (ใหญ่เป็นอันดับ4ของอิตาลี่)ครับ นอกนั้นมีแต่ bank run ในหลายประเทศ

ส่วนในเมกาก็ถูกปิดเกือบทุกอาทิตย์ (อาทิตย์ที่แล้วรู้สึกจะอีก 4 ธนาคาร)

แล้วไม่รู้ว่า bank run ในยุโรปตอนนี้มีที่ไหนบ้างครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แล้วไม่รู้ว่า bank run ในยุโรปตอนนี้มีที่ไหนบ้างครับ

ที่มากๆก็ 3 ประเทศครับ

There are silent runs on banks in Spain, Greece and Italy. The Bank of Italy authorized the suspension of payments by Bank Network Investments Spa (BNI) without communicating anything to depositors. The BNI, a large Italian bank, suspended operations and clients with bank accounts could not write checks, pay bills, make mortgage payments, use ATMs or debit and credit cards.

 

The European Union is making preparations to contain the effects of panic if Greece was to exit from the Euro. Among the measures they are considering imposing are a limit on the amount of money that can be withdrawn from cashpoints or ATMS, imposing border checks and introducing currency controls to stop a flight of capital from countries.

 

As well as limiting cash withdrawals and imposing capital controls, they have discussed suspending the Schengen Agreement, which allows for visa-free travel among 26 countries, including most of the EU, though not Britain and Ireland.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

copyโพสของคุณjohnมาฝากครับ

Johnny Pereira

 

 

วันหยุดระทึกขวัญ

 

เริ่ม มีบริษัท Fxtrade (ซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา) ประกาศงดธุรกรรมช่วงวันหยุดแล้ว โดยให้เหตุผลว่าอาจมีความผันผวนรุนแรงช่วงวันหยุด

 

หมายความว่า เขาคาดการณ์ว่าอาจมีการประกาศใดๆ ในช่วงวันหยุดนี้ (หรือวันหยุดสัปดาห์ต่อๆไป) จากประเทศใดๆ หรือกลุ่มประเทศใดๆ ในการแก้ปัญหาวิกฤตรอบนี้ และจะกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยนอย่างรุนแรง

 

เขา ยังแนะนำให้ลูกค้า ลดสถานะการเปิดสัญญา (open interest) ให้ลดน้อยที่สุดในช่วงวันหยุดด้วยครับ ลองพิจารณาดูนะครับ สถานการณ์เข้าด้ายเข้าเข็มมากๆ แล้ว ใครไม่อยากเสี่ยงก็พิจารณาลดพอร์ต (หุ้น gf ฯลฯ) ลง ไม่ถือข้ามช่วงวันหยุดนะครับ

 

http://www.zerohedge...nalysts-foresee

 

Johnny Pereira ถ้าตามที่ broker นี้เขาเตือนลูกค้าเข้าก็วันอาทิตย์ 17 มิ.ย. นี้ครับ อาจเกิดสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์ไหนก็ได้ครับ (เวลามีมาตรการต่างๆ พวกธนาคารจะประกาศช่วงวันหยุด ให้ตลาดวิเคราะห์ผลกระทบช่วงวันหยุด ตลาดจะไม่ผันผวนมากนักครับ) เพราะสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ มีเวลาอย่างมากไม่เกิน 3 เดือน (ตามโซรอส หากตามZerohedge ก็ให้แค่ 2 เดือน) หากแก้แบบขอไปทีแบบที่ผ่านมา ผลของการช่วยเหลือไม่พอที่จะทำให้สถานการณ์สงบลงได้เท่าไหร่ครับ half life ของมาตรการต่างๆ มันหดลงทุกที เรื่องหุ้นไทย ก็ต้องดูกันไปครับว่าสิ่งที่จะ เกิดคืออะไร กรีซเลิกใช้เงินยูโร หรือ ยกเลิกเงินยูโร หรือ ยูโรโซนประกาศทำ QE หรือ ฯลฯ มีทางเป็นไปได้เยอะ จะบวกหรือลบคงเดายากครับ แต่ที่แน่ๆ ความผันผวนรุนแรงจะตามมา ใครไม่อยากเสี่ยง หรือแบกรับความเสี่ยงไม่ได้ ก็อย่าถือหุ้นข้ามช่วงวันหยุดครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

copyมาฝากครับ

 

แบ็งค์ รัน ( Bank run ) คือ การที่ลูกค้าจำนวนมากแห่ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของตน โดยเชื่อว่าธนาคารล้ม เมื่อผู้คนทราบข่าวก็ยิ่งเกิดความกลัว ตื่นตระหนก ทำให้ยิ่งแห่ไปถอนเงินกันใหญ่ ธนาคารก็สูญเสียความมั่นคง แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับหลายๆธนาคาร เป็น แบ็งค์ แพนิค ( Bank panic ) มันก็จะกระทบกระเทือนไปทั้งระบบ เกิดเป็นวิกฤตเศรษฐกิจได้

 

ประเด็น : การเกิด “Bank Run” ครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยเกิดจากสาเหตุใด

เริ่มต้นที่ประเทศไทยในเดือนกรกฎาคมปี 2540 หลังจากนั้นการตื่นตระหนกเกี่ยวกับระบบการเงินได้เกิดขึ้นอย่าง

ต่อเนื่อง และรุกรามไปยังประเทศอื่นๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เสือเศรษฐกิจ” ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งได้แก่

ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น

ในเงินตรา ตลาดหลักทรัพย์และระบบธนาคารของประเทศเหล่านี้ ซึ่งได้เติบโตอย่างรวดเร็วมากติดต่อกันมาเป็นเวลา

หลายปี ในเดือนตุลาคม ฮ่องกง ซึ่งเป็นเสาหลักของความเข็มแข็งทางการเงินของภูมิภาคยังโอนเอนได้รับผลกระทบ

มีหลายๆ คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์บอกว่าสิ่งที่เห็นเป็นเหมือนการเกิด bank runs ที่ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ

และเกิดอย่างต่อเนื่อง – เป็นเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อผู้ฝากเงินตกอกตกใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของเงินที่ฝากไว้ และ

รีบเร่งเข้าไปถอนเงินฝากคืน นักลงทุนเริ่มการถอนเงินจากธนาคารในประเทศไทยก่อน และนำเอาออกจากประเทศ

ไทย ต่อจากนั้นก็เป็นการถอนเงินจากธนาคารและนำเงินออกจากประเทศมาเลเซีย และต่อไปยังประเทศอื่นๆ ใน

ภูมิภาคความหายนะอย่างใหญ่หลวงทางการเงินเหล่านี้ทำให้ประเทศต่างๆ ทั้งภูมิภาคต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ

ที่สาหัสมาก ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการด้วยกัน

ประการแรก ธนาคารจำนวนมากเริ่มจะล้ม และจะทำให้ผู้ฝากเงินจำนวนมากได้รับความเสียหาย ในระบบ

เศรษฐกิจแบบเสรีนิยม มีธุรกิจต่างๆ เกิดขึ้นใหม่ และเลิกกิจการได้ในแต่ละวัน และไม่มีผู้ใดนอกจากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดจะ

สังเกตเห็นหรือรับรู้ เมื่อกิจการใดกิจการหนึ่งล้มละลายต้องเลิกกิจการไป เจ้าของกิจการ หรือผู้ถือหุ้นก็จะสูญเสียเงิน

และคนงานก็จะตกงานไป ทั้งนี้อาจมีข้อยกเว้นสำหรับกิจการขนาดใหญ่ และทุกอย่างก็สิ้นสุดลง

แต่สำหรับธนาคารแล้ว สถานการณ์ที่แตกต่างไป ถ้าเราทำกับธนาคารเหมือนกิจการอื่นๆ ผู้ฝากเงินก็จะ

เสียเงินไป เมื่อใดก็ตามที่ธนาคารต้องเลิกกิจการ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เลวร้ายมากแล้ว แต่อันตรายที่แท้จริง จะเกิดขึ้นเมื่อ

เกิด bank run กับธนาคารใดธนาคารหนึ่ง ด้วยเหตุผลที่เราจะได้เรียนกันในบทนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ธนาคาร

อื่นๆ ที่เหลืออีกเกือบทั้งหมด จะไม่สามารถคงอยู่ต่อไปได้ และจะถูกบังคับให้ต้องปิดบริการไปด้วยเช่นกัน

ที่เลวร้ายกว่าคือ โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรง ถ้าครอบครัวหนึ่งได้ยินว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างๆ นั้น สูญเสีย

เงินที่อดออมมาทั้งชีวิตไป เพราะว่าธนาคารที่เขาฝากเงินต้องเลิกกิจการ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ครอบครัวที่ได้ยิน

เรื่องนั้น จะรีบเดินทางไปยังธนาคารของตัวเองและรีบถอนเงินฝากของตัวเอง เหตุการณ์นี้คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ใน

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2540 และ 2541 ความตระหนกตกใจนี้เป็นโรคติดต่อขยายจากประเทศหนึ่งไปยัง

ประเทศอื่น เมื่อนักลงทุนพยายามปกป้องตัวเองและนำเงินออกจากประเทศ ตัวอย่างอีกเรื่องคือ เมื่อรัสเซียไม่

สามารถจะชำระคืนเงินที่กู้มาบางจำนวน/รายการได้ในเดือนสิงหาคม 2541 ความตระหนกตกใจก็แพร่ขยายไปทั่ว

ทวีปอเมริกาใต้ และแม้แต่ในตลาดการเงินในอเมริกาบางแห่งก็ถูกกระทบเช่นกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

GT Gold Bullion

เอาข่าวมาให้อีก วันนี้เน้นๆ......เลย ^w^

ธปท.สกัดเก็งกำไรทอง หวั่นเล่นสั้นกระทบค่าบาท เผย4เดือนแห่นำเข้าทองคำ1.4แสนล้าน

แบงก์ชาติเกาะติดข้อมูลซื้อขายทองใกล้ชิด จับตาเก็งกำไรระยะสั้นพุ่งหวั่นกระทบค่าบาท เรียกสมาคมผู้ค้าทองเข้าหารือ 2 รอบ เผยข้อมูลเดือน ม.ค.-เม.ย. นำเข้าทองแตะ 187 ตัน มูลค่ารวม 1.4 แสนล้าน หรือ 60% ของปี 2554 นักวิเคราะห์ชี้สถานการณ์วิกฤตยุโรป-สหรัฐกดดันให้ราคาผันผวนหนัก ทำให้นักลงทุนเปลี่ยนพฤติกรรมหันเล่นเก็งกำไรระยะสั้น 1-2 วันมากขึ้น

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลกรมศุลกากร พบว่าปริมาณนำเข้าทองคำที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้พบว่ามีการนำเข้ารวมสูงถึง 187.36 ตัน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของตัวเลขนำเข้าปี 2554 ที่การนำเข้าทองคำอยู่ที่ 312.11 ตัน ขณะที่ปี 2553 ปริมาณนำเข้าอยู่ที่ 196.68 ตันทั้งหากคิดเป็นมูลค่านำเข้าทองคำพบว่าในปี 2553 มูลค่านำเข้าอยู่ที่ 240,545 ล้านบาท ขยายตัว 96.12% ปี 2554 มูลค่านำเข้า 487,165 ล้านบาท ขยายตัว 97.84% และเดือน ม.ค.-เม.ย. 2555 มูลค่านำเข้า 140,540 ล้านบาท

 

จับตานำเข้าทองพุ่งกดดันค่าบาท

 

เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.มีการจับตาการนำเข้าทองคำอย่างใกล้ชิดมากขึ้น หลังจากในช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลง ทำให้คนไทยบางกลุ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันไปลงทุนในทองคำมากขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 และส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและความผันผวนของค่าเงิน ดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเช่นกัน

 

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธปท. จึงได้เข้ามาเก็บข้อมูลและติดตามการซื้อขายอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อดุลการชำระเงินและอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งที่ผ่านมาได้หารือกับสมาคมผู้ค้าทองคำเพื่อสอบถามถึงวัตถุประสงค์การนำเข้าทองคำพบว่าเป็นไปเพื่อการเก็งกำไรมากขึ้น ต่างจากอดีตที่นำเข้ามาเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอัญมณีเป็นหลัก

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนถือว่า ธปท.สามารถที่จะเข้าไปดูแลได้ แต่กรณีทองคำ ธปท.ยังไม่มีแนวคิดเข้าไปคุมเข้ม หรือแทรกแซงการซื้อขาย แต่อยู่ในชั้นการเก็บข้อมูลเท่านั้น คาดว่าหลายประเทศก็มีปัญหาคล้ายกับประเทศไทย

 

"ทองคำเป็นสินทรัพย์ในทุนสำรองและเกี่ยวข้องกับเงินตราต่างประเทศสูง เพราะหลังจากค่าเงินสกุลหลัก ๆ เริ่มไม่มีเสถียรภาพ นักลงทุนก็หันมาสนใจถือทองคำมากขึ้น และคนไทยก็ซื้อขายกันเยอะ ที่ผ่านมา ธปท.ได้หารือกับผู้ค้าทองคำเพื่อดูว่าเป็นการนำเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์ใด แต่ถ้าถึงชั้นว่าต้องดำเนินการอะไร ธปท. ถึงจะหารือกับกระทรวงการคลัง" นายประสารกล่าว

 

ส.ผู้ค้าทองหารือ ธปท. 2 รอบ

 

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตั้งแต่ที่ราคาทองคำมีความผันผวนหนักในปีที่แล้วจนถึงขณะนี้ ธปท.ได้เชิญสมาคมเข้าหารือแล้ว 2 ครั้ง เนื่องจาก ธปท.มีความเป็นห่วงว่าปริมาณนำเข้าทองที่เพิ่มขึ้นจะกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะการเก็งกำไรระยะสั้น ธปท. จึงอยากทราบถึงข้อมูลการนำเข้าหรือส่งออกทองคำมากขึ้น

 

"เราก็ยืนยันว่าตลาดเก็งกำไรเมืองไทยยังน้อยอยู่ เพราะคนที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นการลงทุนซื้อขายทองจริงเพื่อลงทุนระยะยาว ต่างกับการซื้อขายที่ตัวเลขหรือการเก็งกำไรผ่านการซื้อขายทองคำล่วงหน้า เพราะฉะนั้นก็ไม่น่าเป็นห่วงมาก อยู่ในขอบเขตที่ดูแลได้ และเชื่อว่าไม่มีนัยสำคัญต่ออัตราแลกเปลี่ยน" นายจิตติกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากสมาคมผู้ค้าทองระบุว่า จากปริมาณการนำเข้าที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่งบอกถึงดีมานด์ในตลาดทองที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากแรงซื้อทองคำของนักลงทุนในช่วงที่ราคาทองปรับตัวลดลง เพราะเชื่อว่าปลายปีราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

นักลงทุนแห่เก็งกำไรทองเพ่มขึ้น

 

นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดเก็งกำไรทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากความผันผวนของราคาทองคำเป็นหลัก ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ราคาขึ้นลงแรงราว 500-900 บาทภายใน 1-2 วัน ทำให้นักลงทุนเปลี่ยนพฤติกรรม จากที่เคยลงทุนยาว 1-3 เดือน เปลี่ยนมาลงทุนระยะสั้นมากขึ้น เป็นการเล่นระยะสั้นหนึ่งสัปดาห์หรือเร็วสุดคือ 1-2 วัน เพื่อป้องกันความเสี่ยง

 

"ตอนนี้ตลาดเก็งกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนักลงทุนหันมาเล่นสั้น เหมือนต่างประเทศที่ตลาดเก็งกำไรล่วงหน้าใหญ่มาก เพราะทองปีนี้ผันผวน ซึ่งเมื่อก่อนราคาทองเคลื่อนไหวช้าขึ้นลงคิดเป็นเดือน แต่ตอนนี้ขึ้น 1-2 วันก็ลงแล้ว ก็ทำให้นักลงทุนบางส่วนก็ไปลงทุนอย่างอื่น ๆ อาทิ น้ำมันต่าง ๆ หรือไปซื้อเก็งกำไรทองคำมากขึ้น ส่วนแนวโน้มราคาทองคำปีนี้เชื่อว่ามีโอกาสได้เห็นลงไปจุดต่ำสุดที่ 1,400-1,500 เหรียญต่อออนซ์ได้" นายบุญเลิศกล่าว

 

ขณะที่นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ปริมาณนำเข้าทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าตั้งแต่ต้นปีการนำเข้าทองคำเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ธปท.จึงติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดว่าความต้องการที่เพิ่มขึ้นเป็นดีมานด์แท้จริงของนักลงทุน หรือเป็นการเก็งกำไรในระยะสั้น ๆโดยความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นปีนี้เกิดขึ้นทั้ง 2 กรณี ทั้งจากความต้องการของนักลงทุนต้องการซื้อทองคำมากขึ้น เพราะปัจจุบันราคาทองคำปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนอาจซื้อเพื่อต้องการเก็งกำไรในระยะยาวได้ ขณะที่ความผันผวนของราคาทองคำที่มากขึ้น ก็ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดเก็งกำไรทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันความเสี่ยง

 

แนวโน้มราคาทองคำต่อจากนี้เชื่อว่าผันผวนต่อเนื่อง แต่ยังคงมองไปถึงสิ้นปีว่าทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นสู่ระดับเดียวกับปีก่อนที่ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และระหว่างทางอาจปรับตัวลดลงสู่จุดต่ำสุด 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ด้วย 2 สาเหตุ คือปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะวิกฤตการเงินยุโรป สเปน กรีซ ซึ่งนักลงทุนกำลังจับตาว่ากลางปีนี้จะมีมาตรการ QE3 หรือไม่ หากมีมาตรการดังกล่าว อาจทำให้ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกราว 100-200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดเงินมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้มาตรการ operation twist จะทำให้สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจลดลง เพราะธนาคารทุกแห่งจะมีการควบคุมนโยบายทางการเงิน โดยเฉพาะเงินกู้ หรือการลดเครดิต ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนเริ่มมีความกังวลในการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น จนอาจมีผลต่อการถอนเงินลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและสินทรัพย์ต่าง ๆ อาทิ ทองคำ มาซื้อดอลลาร์เก็บไว้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงได้ ทำให้ราคาทองคำลดลงจากความกังวลดังกล่าวราว 100-200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้

 

วิกฤตยุโรป-สหรัฐทำทองผันผวน

 

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การที่งบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ไม่ได้ขยายตัวมากคือ อยู่ที่ระดับ 2.8 ล้านล้านเหรียญมาเป็นเวลาปีเศษแล้ว เป็นตัวชี้หนึ่งที่บอกว่าราคาทองคำอาจไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากไปกว่าที่เคยขึ้นไปสูงสุด และแม้การด้อยค่าของเงินสกุลหลัก ๆ จะทำให้มีแนวโน้มว่าธนาคารกลางแต่ละประเทศจะยังทยอยซื้อทองคำเข้าเป็นสินทรัพย์ในทุนสำรองระหว่างประเทศก็ตาม แต่วิกฤตในยุโรปจะเป็นอีกแรงกดดันที่ทำให้การซื้อทองคำของธนาคารกลางจะไม่หนุนให้ราคาทองคำขึ้นไปไกล เพราะก่อนหน้านี้ที่สถาบันการเงินยุโรปไม่มีปัญหา นักลงทุนได้มีการกู้เงินไปลงทุนทองจำนวนมาก แต่ก็มีการเรียกเงินกู้เหล่านั้นกลับแล้วในช่วงที่ระบบธนาคารมีปัญหา

 

"ตลาดทองคำเสพติด QE ไปแล้ว ถ้าเฟดไม่ทำ QE งบดุลไม่ขยายก็ชี้ว่าการจะคาดหวังว่าราคาทองจะขึ้นมาก ๆ ก็น้อยลง และวิกฤตยุโรปยังเข้ามากดดันอีก เพราะพอแบงก์ในยุโรปดึงเงินกลับเพราะตัวเองมีปัญหา เงินร้อนที่นักลงทุนกู้มาลงทุนในทองคำก็น้อยลงไปด้วย"

 

นายกอบสิทธิ์กล่าวว่า ราคาทองคำจะยังผันผวนไปกับข่าวทั้งในสหรัฐและยุโรป จะสร้างความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยนรวมถึงค่าเงินบาท โดยทั้งราคาทองคำและอัตราแลกเปลี่ยนจะกลับมาเคลื่อนไหวตามความต้องการที่แท้จริงก็ต่อเมื่อการแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่มีทางออกที่ชัดเจน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณสำหรับข้อมูล ขอรับ :01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...