ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

แหะๆ อันนี้มันเว่อร์ไปหน่อยครับ ประมาณ 5-8 นาทีแค่นั้นแหละ แต่น้ำเชื้อเยอะได้ถึง 300 ซีซี(หรืออาจมากกว่า อะจ๊าก) :uu

อย่ามาเตะผมนะ ผมก๊อปเค้ามาอีกที แต่ว่าคุณหมอเล็กนี่รู้ลึกซึ้งจังเลยเนอะ :54 ยังไงๆ อยู่นา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Good Morning News จาก กองทุนรวม บัวหลวง

 

2 กรกฎาคม 2555

 

General News

 

• ผู้นำสหภาพยุโรปมีมติเห็นชอบหลักการต่างๆ ในการประชุมสุดยอดผู้นำ EU ที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อปลายสัปดาห์ผ่านมา ดังนี้

 

1.) จัดตั้งหน่วยงานเพื่อกำกับดูแลภาคธนาคารของยูโรโซน โดยให้ ECB เป็นแกนนำ เพื่อปูทางไปสู่การจัดตั้งสหภาพธนาคารยุโรป

 

2.) อนุมัติให้กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) และ กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) เพิ่มทุนให้กับ ธ.พาณิชย์ในยูโรโซนได้โดยตรงตั้งแต่ปีหน้า และ อนุมัติให้กองทุน EFSF/ESM แทรกแซงตลาดพันธบัตร เพื่อช่วยเหลือประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอได้

 

3.) บรรลุข้อตกลงมาตรการกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในยุโรป วงเงิน 1.20 แสนล้านยูโร รวมทั้งส่งเสริมการขยายตัวด้านการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของยุโรป

 

4.) อนุมัติมาตรการต่อต้านวิกฤต 2 ฉบับ ได้แก่ มาตรการการคลังฉบับใหม่เรื่องการสร้างวินัยด้านงบประมาณ และ มาตรการอัดฉีดเงินมูลค่า 2 แสนล้านยูโรเข้าสู่กองทุน ESM

 

• สำนักงานสถิติยุโรป รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนเดือน มิ.ย.ทรงตัวในระดับเดิมที่ 2.4% สอดคล้องกับถ้อยแถลงของผู้ว่าการ ECB ที่ว่า ไม่มีประเทศใดในยุโรปที่เผชิญภัยคุกคามด้านเงินเฟ้อ จึงเป็นไปได้ที่อาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม ECB สัปดาห์นี้

 

• สำนักงานสถิติของฝรั่งเศส รายงานว่า หนี้สาธารณะของฝรั่งเศสในไตรมาสแรกอยู่ที่ 1.789 ล้านล้านยูโร หรือ 89.3% ของ GDP ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.2%จากสิ้นปีที่แล้ว เนื่องจากหนี้ของรัฐบาลกลางและประกันสังคมเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงต้องสมทบเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือยูโรโซน ผ่าน EFSF

 

• ฌอง มาร์ค แอโร นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประกาศว่า จะลดข้าราชการลง 2.5% ต่อปีใน 3 ปีข้างหน้า ยกเว้นงานที่เกี่ยวกับความมั่นคง เช่น การศึกษา ตำรวจ และผู้พิพากษา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการควบคุมค่าใช้จ่ายและทำให้สถานะการคลังอยู่ในภาวะที่สมดุล

 

• ศาลสูงสุดของสหรัฐตัดสินให้กฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพของ บารัค โอบามา ที่บังคับให้ชาวอเมริกันทุกคนต้องซื้อประกันสุขภาพ หรือ “โอบามาแคร์” ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ (โอบามา กล่าวว่า จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนอเมริกันและลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่ กำลังเพิ่มขึ้น) ทำให้ตลาดคาดว่าเขาจะได้รับความนิยมมากขึ้นในศึกเลือกตั้งปลายปีนี้ โดย พอล ครุกแมน วิจารณ์ว่า “นี่ไม่ใช่ชัยชนะของโอบามา แต่เป็นชัยชนะของคนอมเริกันทั้งประเทศ”

 

• ก.พาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ค. ผู้บริโภคชาวสหรัฐได้ลดการใช้จ่ายลง 0.1% แม้ ว่ารายได้จะขยายตัวขึ้น 2.54 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 0.2% จากเดือนก่อนหน้า แต่เป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการลงทุนไม่ใช่จากการจ้างงาน ใน ขณะที่อัตราการออมส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 3.9% ซึ่งบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นและยังคงมีมุมมองเชิงลบกับตลาดแรง งาน

 

ฮิลลารี คลินตัน รมว. ก.ต่างประเทศสหรัฐ ประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐมีมติยกเว้นจีนและสิงคโปร์จากการคว่ำบาตรประเทศที่มีการนำเข้า น้ำมันจากอิหร่าน โดยให้เหตุผลว่าทั้งสองประเทศได้ลดการสั่งซื้อนำมันจากอิหร่านลงอย่างมาก แล้ว

 

• ธ.กลางบราซิล ลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ปีนี้ลงมาอยู่ที่ 2.5% จากเดิม 3.5% ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะวิกฤตในยุโรปและการอ่อนแรงลงทางเศรษฐกิจของจีน อันทำให้แนวโน้มกิจกรรมทางธุรกิจของบราซิลซบเซาลง

 

• รอยเตอร์ รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน (ข้อมูลชี้วัดกิจกรรมภาคโรงงาน) ในเดือน มิ.ย.เป็น 50.2 ถือเป็นอัตราขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 7 เดือน เนื่องมาจากการลดลงของยอดสั่งสินค้าจากนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่อยู่เหนือ 50 ยังบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงขยายตัว แม้ว่าอัตราการขยายจะชะลอลง

 

• ประธานาธิบดี หู จิ่น เทา ประกาศในโอกาสครบรอบ 15 ปีที่อังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนจีนว่า รัฐบาลกลางจีนจะยังคงยึดมั่นในหลักการ "1 ประเทศ 2 ระบบ" ซึ่งให้ฮ่องกงมีอิสระในการปกครองตนเอง เพราะพิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกครองฮ่องกงตลอด 15 ปีที่ผ่านมา

 

• Bank of China คาดการณ์ว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่ในสกุลเงินหยวนของ ธ.พาณิชย์ของ จีนในไตรมาส 3 ปีนี้จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.5 หมื่นล้านหยวน และตลอดปีนี้จะมียอดปล่อยเงินกู้ใหม่ 8.2 ล้านล้านหยวน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่รัฐบาลจีนใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง ครึ่งแรกของปีหลายมาตรการ อันส่งผลให้ความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น

 

• ญี่ปุ่นเริ่มเปิดดำเนินการเตาปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นครั้งแรกหลัง วิกฤตการณ์นิวเคลียร์ฟูกุชิม่าเมื่อปีที่แล้ว เพื่อรับมือกับปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน แม้ว่าจะมีการประท้วงจากทั่วประเทศก็ตาม

 

• ก.เศรษฐกิจความรู้ของเกาหลีใต้ รายงานว่า เกาหลีใต้เกินดุลการค้าในเดือนมิ.ย.ถึง 4.96 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือน เนื่องจากการส่งออกกลับมาขยายตัว ในขณะที่นำเข้าลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันลดลง

 

• รอสแทม คาเซมี รมว.กระทรวงน้ำมันของอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านพร้อมเต็มที่ที่จะเผชิญหน้ากับมาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมัน อิหร่านของชาติตะวันตก (มติห้ามนำ เข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจากอิหร่านของสหภาพยุโรปมีผล 1 ก.ค. เป็นวันแรก)

 

• ก.แรงงานสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ค่าจ้างแรงงานในสิงคโปร์ในปีก่อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 6.1% แม้การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะชะลอลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการขยายตัวของผลิตภาพแรงงาน โดยลูกจ้างในภาคการเงินและภาคบริการโดยผู้เชี่ยวชาญ มีรายได้สูงสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอาชีพอื่น

 

• ธปท. แถลงว่า เศรษฐกิจเดือน พ.ค. ปรับตัวดีขึ้น

 

ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยาย 5.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเร่งผลิตรถยนต์สนองคำสั่งซื้อที่ยังอยู่ในระดับสูง

 

การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 6.6 % โดยมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในทุกหมวดสินค้า

 

การส่งออกก็ขยายตัวที่ 6.7 % ตามการฟื้นตัวของการผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์

 

อย่าง ไรก็ตาม สัญญาณการส่งออกในระยะยาวเริ่มมีแนวโน้มชะลอลง เนื่องจากคำสั่งซื้อระยะยาวของผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มสินค้า อิเล็กทรอนิกส์ลดลงจากผลกระทบของวิกฤตยุโรป ในขณะที่คำสั่งซื้อระยะสั้นยังอยู่ในระดับปกติ

 

นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจอยู่ที่ 53.8 โดยผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่าภาวะธุรกิจจะปรับดีขึ้นจากปัจจุบัน เนื่องจากต้นทุนประกอบการที่มีแนวโน้มลดลงตามแนวโน้มราคาพลังงานที่ปรับลดลง

 

Equity Market

 

• SET Index ในวันศุกร์ปิดที่ 1,172.11 จุด เพิ่มขึ้น 0.79 จุด หรือ 0.07% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 33,552.57 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,698.24 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยนักวิเคราะห์คาดว่ามีปัจจัยหนุนจากการเข้าซื้อหุ้นเพื่อทำบัญชีก่อนปิด งวดไตรมาส (window dressing )

 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังกังวลในผลการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มยุโรป ทำให้ดัชนีปรับตัวลงมาปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 1,172.11 จุด สำหรับประเด็นที่ควรติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในกลางสัปดาห์

 

• โนมูระ โฮลดิงส์ โบรกเกอร์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ได้ปรับลดเงินเดือนของผู้บริหารระดับสูง และปิดการดำเนินงานชั่วคราวในบางแผนก เนื่องมาจากการเกิดกรณีการซื้อขายหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading) ในปี 2554 ที่โนมูระเปิดโอกาสให้พนักงานของบริษัทแอบแจ้งข้อมูลแก่ลูกค้าเกี่ยวกับแผน การขายหุ้นของบริษัทอย่างน้อย 3 แห่ง ขณะที่บริษัทกำลังทำแผนการเสนอขาย (underwrite) ให้กับหุ้นดังกล่าว

 

Fixed Income Market

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยค่อนข้างทรงตัว โดยเคลื่อนไหวในช่วง -0.01% ถึง0.01% สำหรับวันนี้มีการประมูลตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือน วงเงิน 9,500 ล้านบาท

 

Guru Corner

 

• Jim Rogers :

 

“กี่ ครั้งแล้วในรอบ 3 ปี ที่ผู้นำ EU ประชุมร่วมกัน พอผลการประชุมออกมาตลาดก็กระเตื้องขึ้น พอ 2 วันหลังจากนั้นตลาดถึงจะนึกขึ้นมาได้ว่า นี่มันไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย

 

• Marc Fabers :

 

ตลาด เกิดใหม่ (EM – Emerging market) มีศักยภาพและแนวโน้มเติบโตดีกว่าตลาดในประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้วทั้งหมด การลงทุนของผมส่วนใหญ่จึงอยู่ในตลาดเกิดใหม่ของประเทศในเอเชียรวมอินเดีย และแม้ว่าตลาดเหล่านี้จะตกลงเพราะผมคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่โต แต่ผมก็ไม่ได้ขายออกเพื่อถือเงินสดไว้ 100% เพราะผมไม่มั่นใจในมูลค่าของเงินสด ผมอาจจะคาดผิดว่าตลาดหุ้นทุกแห่งจะปรับตัวลง เพราะหากธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทุ่มเทเงินลงไปในระบบอย่างเต็มที่ หุ้นก็จะขึ้น ผมถึงต้องมีหุ้น แต่ก็มีเงินสดที่เก็บเอาไว้ซื้อเพื่อเพิ่มหุ้นในพอร์ต

 

ตลาด หุ้นหลายแห่งในยุโรปมีดัชนีที่ต่ำกว่าระดับต่ำสุดในเดือน มี.ค. 2009 แล้ว แม้ว่าผมยังยืนยันว่ายุโรปคือความหายนะอย่างสมบูรณ์และจะแย่ลงไปอีก แต่ในช่วงนี้ผมก็เห็นว่ามีบางบริษัทที่ดีในยุโรปที่ให้ปันผลได้ถึง 7% ซึ่งผมจะซื้อหุ้นบริษัทพวกนี้

 

ราคา อสังหาริมทรัพย์ในบางรัฐของอเมริกาไม่แพงเลย เช่นในจอร์เจีย อริโซนา เนวาดา และฟลอริดา ดังนั้น เราจึงสามารถซื้อบ้านดีๆ ในรัฐเหล่านี้ เช่นในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย หรือเมืองฟีนิกซ์ รัฐอริโซนาได้ ในราคาที่ถูกกว่าบ้านที่มีขนาดและคุณภาพเท่าบ้านในประเทศไทยในวันนี้

 

มัน ยากที่จะเชื่อมั่นในค่าของสินทรัพย์ใดในสหรัฐ แต่เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ดอลลาร์ก็ยังปลอดภัยกว่า เมื่อสภาพคล่องของโลกกำลังหดลง ดอลลาร์จึงจะยังคงมีค่าสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อ เทียบกับยูโร ดังนั้น แม้ดอลลาร์จะไม่ดี แต่ก็แย่น้อยกว่าสกุลเงินอื่น อย่างน้อยก็ชั่วขณะหนึ่ง

 

ทองคำ ไม่ใช่สินทรัพย์ลงทุนที่ดีที่สุด แต่ผมแนะนำให้กระจายการลงทุนไปในทองคำบ้าง เพราะอำนาจซื้อด้วยเงินกระดาษกำลังลดลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อธนาคารกลางต่างๆ จะพากันพิมพ์เงินใส่ระบบ ดังนั้น ผมจึงแนะนำให้ซื้อทองคำเมื่อราคาตก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อย่ามาเตะผมนะ ผมก๊อปเค้ามาอีกที แต่ว่าคุณหมอเล็กนี่รู้ลึกซึ้งจังเลยเนอะ :54 ยังไงๆ อยู่นา

 

อิอิ ไม่ต้องคิดมากเลย รีดน้ำเชื้อพ่อหมูเนี่ยมันงานรูทีน ต้องทำเกือบทุกวัน(ให้ลูกน้องทำนะ ไม่ได้ทำเอง) :047

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บาร์คเลย์ส เป็นธนาคารแห่งเดียว (ในตอนนี้) ที่ยอมรับผิดว่ามีส่วนร่วมในการควบคุมอัตราดอกเบี้ย LIBOR

เลยเป็นข่าวแรงขึ้นมานิดนึง แต่ยังมีสถาบันการเงินอื่นๆ รวมทั้ง JP MORON ที่กำลังโดนสอบสวนอยู่ด้วย

เดาไม่ถูกว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

 

ส่วนโอบามาแคร์ ต้องดูสื่อกระแสหลักนะครับ ว่าจะปั่นหัวมะกันชนไปทางไหน

กฏหมายอันนี้ ก็มีคนเชียร์อยู่ไม่น้อย เพราะค่ารักษาพยาบาลในเมืองลุงแซมนั้นแพงเหลือเกิน

โครงการประชานิยมที่เพิ่มภาระทางด้านภาษีจากผู้เสียภาษีโดยรวม มาอุ้มบริษัทประกันฯ บริษัทเจ้าของร.พ.

และเอามาอุ้มประชาชน น่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากประชาชนทั่วไปพอสมควร โดยเฉพาะมะกันชนส่วนมาก

ที่ "ติดยา" จากบริษัทยากันงอมแงมอยู่แล้ว

 

แต่ที่แน่ๆ เจ้าของกิจการไม่สนุกแน่ครับ

 

อ่านความคิดเห็นใน ซีโรเฮดจ์ มีนักบัญชีเล่าเรื่องลูกค้าของเขา ที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กให้ฟัง

รายแรกมีลูกจ้างประมาณ ๗๐ คน, อีกรายประมาณ ๕๐ กว่าคน ทั้งสองคนบอกว่า ถ้าโอบามาแคร์

ผ่านจริงๆ ถึงเวลาที่กฏหมายเริ่มใช้ เขาจะปลดคนออกให้เหลือน้อยกว่า ๕๐ คน

 

กฏหมายบังคับให้ ผู้ประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ ๕๐ คนขึ้นไป ต้องซื้อประกันให้พนักงานทุกคน

และใครก็ตามที่ไม่มีประกันสุขภาพจะต้องเสียภาษีเพิ่ม (สรุปก็คือ บังคับให้ทุกคนซื้อประกันสุขภาพนั่นเอง)

ปี ๒๐๑๔ เริ่มเสียที่ร้อยละ ๑ และเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงร้อยละ ๒.๕ ในปี ๒๐๑๖

 

อัตราภาษีโอบามาแคร์ ถ้ามองย้อนกลับไปในสมัยที่ลุงแซมเริ่มใช้ระบบประกันสังคมใหม่ๆ

ก็เริ่มต้นที่ร้อยละ ๑ เหมือนกัน แต่ตอนนี้กลายเป็นร้อยละ ๑๓ แล้ว (ลูกจ้างจ่ายครึ่ง นายจ้างจ่ายครึ่ง)

โดยที่เงินประกันสังคมนั้นเอาไปให้ลุงแซมใช้จ่ายมือเติบ ในขณะที่กองทุนประกันสังคมถือ "พันธบัตร"

ของลุงแซมไว้เฉยๆ เอาไปทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ โอบามาแคร์ดูในตอนแรกอาจจะดูดี แต่จากที่อ่านๆมา

น่ากลัวว่าจะเดินไปในทางเดียวกับระบบประกันสังคม

 

จริงๆแล้วปัญหาระบบรักษาคนป่วยของลุงแซมที่แพงนี่ เหตุผลใหญ่น่าจะมาจาก

เรื่องที่ประชาชนฟ้องร้องหมอได้ง่ายๆ คนหมอต้องซื้อประกันเผื่อเวลาโดนฟ้อง

กับเพราะระบบประกันสุขภาพนี่แหละ ที่ทำให้ของ/บริการแพง โดยใช่เหตุ

(ของซื้อจากร.พ. หรือได้จากบ.ประกัน มีราคา แพงกว่าของชนิดเดียวกันที่ซื้อเองจากข้างนอก)

 

 

พอดีในบทที่ 9 Improving Access to Opportunity in America หนังสือ Fault Line กล่าวถึงเรื่องนี้สั้นๆครับ

 

ขอคัดบางส่วนจากฉบับแปลของคุณสฤณี

 

- - -

 

3 ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ต้นทุนสูงขึ้น

 

ปัจจัยแรก ปัจจัยการผลิตใน US มีราคาแพงมาก เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกใน US แพงกว่า Canada ถึง 2 เท่า ความแตกต่างนี้ส่วนหนึ่งอธิบายด้วยข้อเท็จจริงว่า แพทย์ใน US ได้รับค่าตอบแทนสูงกว่า

 

ปัจจัยที่ 2 เนื่องจากแพทย์ได้รับผลตอบแทนจากการบริการที่ส่งมอบ ไม่ใช่จากผลลัพท์ (บริษัทประกันเป็นผู้จ่าย) ระบบนี้จึงชักจูงให้คนใช้บริการสุขภาพเกินจำเป็น

 

ปัจจัยที่ 3 ระบบนี้มักนำนวัตกรรมมาใช้ แม้ว่ามีหลักฐานอ่อน ว่าจะใช้ได้ผล เช่น เครื่องเร่งอนุภาคนิวเคลียร์ราคา 100 ล้านเหรียญ ใช้ในการรักษาโรคเนื้องอกในสมองและคอ (เป็นโรคที่เกิดไม่บ่อย) แต่มันยังถูกใช้ในการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากที่พบได้ทั่วไปกว่า และทำให้ได้ประโยชน์ส่วนเพิ่มน้อยมาก

 

 

ปัจจัยอีก 3 ประการ ที่เป็นเพียงปัจจัยรองที่ทำให้ต้นทุนสุขภาพใน US สูงมาก

 

1. ค่าโสหุ้ย รายการนี้ประเมินให้เที่ยงตรงยากมาก แต่รายงานประเมินฉบับหนึ่งชี้ให้เห็นว่า US ใช้เงินด้านนี้ $465 ต่อหัวในปี 2006 ขณะที่ญี่ปุ่นใช้เพียง $52 ต่อหัวชัดเจนว่าในเมื่อความแตกต่างด้านค่าใช้จ่ายสุขภาพโดยรวมระหว่าง US กับญี่ปุ่นสูงกว่าความแตกต่างของค่าโสหุ้ย 10 เท่า ค่าโสหุ้ยไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่อธิบายได้อย่างไรก็ดี มาตรฐานการปรับปรุงการใช้เงินอย่างคุ้มค่าก็สำคัญ

 

2. ประสิทธิภาพในการผ่าตัด ต้นทุนทางการแพทย์ของ รพ ใน อินเดียลดลงอย่างมากเมื่อนำเทคนิคการผลิตคราวละมากๆของอุตสาหกรรมการผิลตมาใช้ รพ ใน อินเดีย พบว่าลดอัตราการผิดพลาดได้เมื่อให้แพทย์เป็นแพทย์เฉพาะทาง ทำแต่การผ่าตัดที่คล้ายคลึงกัน ลดเวลาผ่าตัดลง การเน้นกำจัดวิธีการที่ไม่จำเป็นและใช้ทรัพยากรราคาแพงอย่างเวลาของแพทย์ให้เต็มประสิทธิภาพที่สุด ก็ช่วยได้เหมือนกัน

 

3. ความเสี่ยงที่แพทย์จะถูกฟ้อง ความเสี่ยงนี้ทำให้แพทย์แนะนำวิธีรักษาที่ช่วยป้องกันไม่ให้เขาถูกฟ้องในอนาคต แม้วิธีเหล่านั้นไม่จำเป็นต่อสุขภาพของคนไข้

ถูกแก้ไข โดย apache

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประธานแบงก์บาร์เคลย์ประกาศลาออก หลังเผชิญข่าวอื้อฉาวปั่นดอกเบี้ยปล่อยกู้ระหว่างธนาคาร

 

 

วันที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 22:54:41 น.

 

Share

 

 

ซี เอ็นเอ็นรายงานว่า นาย มาร์คัส อาร์เจียส ประธานธนาคารบอร์ดของบาร์เคลย์ ธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งเมืองผู้ดีอังกฤษได้ ประกาศลาออกจากตำแหน่งจากข่าวอื้อ ฉาวเรื่องการปั่น อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร ณ ตลาดลอนดอน หรือ "LIBOR" ในช่วงปี 2551-2552

 

ในแถลงการณ์ที่นายอาร์เจียสส่งถึงตลาดหลักทรัพย์ของอังกฤษระบุว่า ข่าวอื้อฉาวสร้างผลเสียหายร้ายแรงต่อชื่อเสียงของธนาคาร

 

นาย อาเจียส กล่าวว่า "ในฐานะที่เป็นประธานของธนาคาร ผมมีหน้าที่ปกป้องชื่อเสียงของธนาคาร อย่างไรก็ดี ขอให้เรื่องดังหล่าวจบลงไปพร้อมกับผม และผมต้องรับผิดชอบนี้โดยการลาออก"

 

โดย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารถูกปรับ 450 ล้านดอลลาร์ จากฝ่ายกำกับดูแลของอังกฤษและสหรัฐ หลังจากได้ธนาคารได้รายงานการทำรายการซื้อขายที่ตั้งใจปกปิดเกี่ยวกับอัตรา ดอกเบี้ยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ LIBOR

 

หน่วย งานกำกับดูแลทางการเงินของอังกฤษได้กล่าวว่า ต้องเพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายเพื่อควบคุมการกระทำในทางที่ผิด ในขณะที่ เมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางของอังกฤษ ได้โจมตีวัฒนธรรมองค์กรของธนาคารในแดนผู้ดี โดยได้พูดถึงสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมากในอุตสาหกรรมนี้ คือใช้วิธีการหลอกหลวงเพื่อทำเงิน

 

นายอาร์เจียสยังคงอยู่ในตำแหน่งประธานในระหว่างที่คณะกรรมการของธนาคารสรรหาบุคคลมาแทนตำแหน่งของเขา

ด้าน ประธานกรรมการบริหารอย่างนายบ๊อบ ไดมอนด์กำลังเผชิญกับเสียงเรียกร้องให้ลาออกเช่นกัน โดยคาดว่านายไดมอนส์และอาเจียสจะปรากฏตัวก่อนคณะกรรมาธิการของรัฐสภาอังกฤษ ในสัปดาห์นี้เพื่อเผชิญกับการตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ (ที่มา:ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

....

 

ปัจจัยที่ 2 เนื่องจากแพทย์ได้รับผลตอบแทนจากการบริการที่ส่งมอบ ไม่ใช่จากผลลัพท์ (บริษัทประกันเป็นผู้จ่าย) ระบบนี้จึงชักจูงให้คนใช้บริการสุขภาพเกินจำเป็น

 

....

 

The Real Crash ของ Peter Schiff ก็พูดถึงปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาคนป่วยของอเมริกา

ที่เทียบกับ GDP แล้ว สูงกว่าประเทศอื่นๆไว้มาก

 

Peter Schiff ชี้ให้เห็นประเด็นหลักๆก็คือเรื่องประกันนี่หล่ะครับ ทั้งประกันจากเอกชน และประกันจากรัฐบาล

ที่ทำให้ผู้รับบริการไม่จำเป็นต้องรู้ราคาที่แท้จริงในการรักษา เพราะบริษัทประกันเป็นคนจ่าย บ.ประกัน กับร.พ.

จะตั้งราคากันอย่างไรก็ได้

 

เขายังบอกต่อว่า เมื่อโอบามาแคร์ เริ่มใช้งานจริง ต้นทุนในการประกันสุขภาพจะสูงกว่านี้อีกมาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทำความรู้จักดอกเบี้ยไลบอร์

  • 04 กรกฎาคม 2555 เวลา 21:59 น. |

 

 

 

12Share

ซีเอ็นเอ็นมันนี่ เผยแพร่คำอธิบายเกี่ยวกับปัญหาการปลอมแปลง ไลบอร์ของธนาคารบาร์เคลย์ ในอังกฤษ

เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นมันนี่ ได้เผยแพร่คำอธิบายเกี่ยวกับปัญหาการปลอมแปลง การส่งรายงานจัดทำดอกเบี้ยเรียกเก็บระหว่างธนาคารในตลาดลอนดอน (ไลบอร์) ของธนาคารบาร์เคลย์ ในอังกฤษ ซึ่งกำลังกลายเป็นประเด็นร้อนและได้รับการจับตามองจากสื่อต่างประเทศในขณะ นี้ ให้ทราบถึงที่มาและที่ไป รวมไปจนถึงผลกระทบที่มีต่อผู้คนทั่วโลก

ไลบอร์ คืออะไร

33DB6026839746E3A138CAF18D933EF2.jpg

ไลบอร์ หรือชื่อเต็มว่า อัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บระหว่างธนาคารในตลาดลอนดอน (London Interbank Offered Rate) เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ถูกใช้อ้างอิงในการกู้ยืมระหว่างธนาคารและถูกนำไปอ้าง อิงในหลายประเทศทั่วโลก

การจัดทำดอกเบี้ยไลบอร์ จะคำนวนทุกวันทำการออกมาในรูปของสกุลเงินสำคัญ 10 สกุลของโลก โดยคำนวนตามระยะเวลา 15 ประเภท ตั้งดอกเบี้ยระยะเวลาข้ามคืน ไปจนถึง 1 ปี ตามปกติแล้ว ไลบอร์จะถูกกำหนดโดยสมาคมธนาคารของอังกฤษ ซึ่งจะมีการสอบถามไปยังธนาคารชั้นนำราว 7 – 18 ถึงอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารจะต้องจ่ายเพื่อกู้ยืมเงิน ภายในระยะเวลาหนึ่ง และในรูปสกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่ง จากนั้นข้อมูลที่ได้จะถูกรวบรวมและนำไปประเมินโดย ทอม์สัน รอยเตอร์ส เพื่อประเมินค่าดอกเบี้ยมาตรฐานกลางออกมา และนำไปใช้เป็นอัตราดอกเบี้ยไลบอร์

อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารในรูปแบบเดียวกันนี้ งมีใช้ในประเทศอื่นๆ เช่นเดียวกัน อาทิเช่น อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารโตเกียวของญี่ปุ่น หรือเรียกอีกชื่อว่า ทิบอร์ หรือของยุโรปก็จะเรียกว่า ยูริบอร์

การส่งผลต่อผู้บริโภค

ลิบอร์ คือมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยที่สำคัญที่สุดของโลก เพราะถูกนำไปใช้อ้างอิงและเกี่ยวพันกับทุกๆ ธุรกรรมทางการเงิน โดยคาดว่าเกี่ยวข้องกับการกู้ยืมทั่วโลกในสัดส่วนถึงราว 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 300 ล้านล้านบาท) ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต สินเชื่อรถยนต์ เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และดอกเบี้ยบ้านแบบลอยตัว เออาร์เอ็ม นอกจากนี้ ยังเกี่ยวข้องกับการซื้อขายอนุพันธุ์ซึ่งคาดว่ามีมูลค่าถึง 350 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.085 หมื่นล้านล้านบาท)

ทั้งนี้ อีกตัวอย่างที่เห็นชัดว่าจะกระทบต่อผู้คนเช่นไรก็คือ หากอัตราดอกเบี้ยไลบอร์ปรับตัวสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ทุกๆ คนจะต้องชำระก็จะต้องเพิ่มสูงขึ้นตาม

แต่หากอัตราดอกเบี้ยไลบอร์ปรับตัวลดลง ผู้กู้ยืมก็จะได้ประโยชน์เพราะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่ถูกลง ทว่าหากนักลงทุนนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวม หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญ ที่มีตราสารหนี้ผูกติดกับดอกเบี้ยไลบอร์ จะเสียผลประโยชน์ เพราะจะได้ดอกเบี้ยผลตอบแทนน้อยลง

ความวุ่นวายจากกรณีบาร์เคลย์ส

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารเพื่อการลงทุน บาร์เคลย์ส แคปปิตอล (บีซีเอส) ของอังกฤษ ได้ถูกคณะกรรมการตลาดซื้อขายล่วงหน้า (ซีเอฟทีซี) ของสหรัฐ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และคณะบริหารการเงินของรัฐบาลอังกฤษ ปรับเป็นเงิน 453 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.39 หมื่นล้านบาท) หลังจากที่ บาร์เคลย์ส ให้การรับสารภาพว่า เคยจัดส่งรายงานการจัดทำดอกเบี้ยเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดเรตไลบอร์ ให้ตํ่าเกินกว่าความเป็นจริงในอดีต

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปี 2548 - 2551 โดยเทรดเดอร์ของบาร์เคลย์ส ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งรายงานการ จัดทำดอกเบี้ยไลบอร์ ให้ส่งรายงานดอกเบี้ยในอัตราที่ตํ่ากว่าความเป็นจริง เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับธนาคารเอง และยังเปิดเผยอีกว่า ยังมีธนาคารรายใหญ่อื่นๆ อีก ที่สมรู้ร่วมคิดกันกระทำการเหมือนกัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีรูปแบบคล้ายคลึงกับ การใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหุ้น (อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง) โดยเมื่อนักเล่นหุ้นล่วงรู้ข้อมูลก่อนว่าหุ้นที่ถืออยู่จะเปลี่ยนแปลงไปเช่น ไร นักเล่นหุ้นคนดังกล่าวก็จะสามารถสร้างผลกำไร หรือตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเพื่อหลบเลี่ยงผลกระทบที่ไม่ดีซึ่งจะเกิดขึ้นใน อนาคตได้

เหตุดังกล่าวยังเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี 2551 - ต้นปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่วิกฤตการณ์ทางการเงินโลกกำลังถึงจุดวิกฤตหนัก โดยบาร์เคลย์ส ได้ส่งอัตราดอกเบี้ยไลบอร์ตํ่าเกินกว่าความเป็นจริงเพื่อสร้างผลกำไรให้กับ ธนาคาร และบาร์เคลย์ส ยังเกรงว่าหากส่งรายงานอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไป จะถูกตลาดและนักลงทุนมองทันทีสถานะของธนาคารไม่มีความมั่นคง

ไม่ใช่ บาร์เคลย์ส เท่านั้นที่เกี่ยวพันกับการพยายามตบแต่งดอกเบี้ย แต่ยังมีการสงสัยกันว่าธนาคารอื่นๆ อาจมีส่วนรู้เห็นกับการจัดทำอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวด้วย ซึ่งได้แก่ ดอยซ์แบงก์ รอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (อาร์บีเอส) เครดิตสวิส ซิตี้ กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนของทางการในแต่ละประเทศ

อื้อฉาวแค่ไหน

แอนดริว โล ศาสตราจารย์ด้านการเงินแห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสซาจูเซ็ตส์ (เอ็มไอที) กล่วว่า ถึงแม้เรื่องดังกล่าวอาจจะดูเล็กน้อย เมื่อเทียบกับคดีการฉ้อโกงและการทุจริตในประวัติศาสตร์ทางการเงิน แต่ทว่าเมื่อดูถึงความสำคัญของไลบอร์ ที่ถูกใช้อ้างอิงในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงการสมรู้ร่วมคิดกันของบริษัทและธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่ง เรื่องดังกล่าวจึงเป็นที่ได้รับความสนใจ จนนำไปสู่การประกาศลาออกของผู้บริหารระดับสูงภายในบริษัทและธนาคารที่เกี่ยว ข้อง รวมถึงการดำเนินคดี และการออกกฏหมายด้านการเงินให้เข้มงวดรัดกุมมากขึ้น

ล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา บ๊อบ ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) และเจอร์รี เดล มิสซิเออร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของธนาคารบาร์เคลย์ส ได้ประกาศลาอออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นภายหลังจากที่ มาคุส อากวิส ประธานธนาคารบาร์เคลย์ส ประกาศลาออกไปก่อนหน้านั้นเพียง 1 วัน ทำให้ขณะนี้มีผู้บริหารระดับสูงของบาร์เคลย์ส ลาออกไปแล้วถึง 3 ราย

ปัจจุบัน บาร์เคลย์ส กำลังถูกกดดันจากหลายฝ่ายอย่างหนัก โดยเฉพาะในแวดวงนักการเมืองของอังกฤษ ซึ่งล่าสุดนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน และจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังของอังกฤษ ประกาศว่าจะดำเนินการสอบสวนกับเหตุอื้อฉาวที่เกิดขึ้น ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมธิการในรัฐสภาให้ทำหน้าที่สอบสวนเรื่องดังกล่าว

ขณะที่นักค้าหุ้นและนักลงทุนจำนวนมาก ได้ยื่นฟ้องในคดีแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากการที่ธนาคารรายใหญ่ ทำการปลอมแปลงอัตราดอกเบี้ยไลบอร์ ซึ่งปัจจุบันมีธนาคารที่ตกเป็นจำเลยฟ้องร้อง คือ แบงก์ ออฟ อเมริกา ซิตี้กรุ๊ป เอชเอสบีซี เจพีมอร์แกน และเครดิตสวิส

ความคืบหน้าล่าสุด

ภายหลังจากไดมอน ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของบาร์เคลย์ส ไดมอนมีกำหนดการที่จะต้องเข้าให้ปากคำกับคณะกรรมธิการในรัฐสภาของอังกฤษ เกี่ยวกับเรื่องอ้อฉาวที่เกิดขึ้น ก่อนที่คณะกรรมาธิการจะดำเนินการสอบสวนในเชิงลึกต่อไป

นอกจากที่อังกฤษแล้ว ในประเทศอื่นๆ ก็มีการสอบสวนด้วยเช่นกัน อาทิ ในสหรัฐ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมเตรียมที่จะดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวใน ทางคดีอาญาแล้ว ด้านสวิสเซอร์แลนด์ และแคนาดา ก็เตรียมที่จะดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

http://www.posttoday...%B8%A3%E0%B9%8C

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ

 

มันดูน่ากลัวมาก ในปัจจุบันจริยธรรมของคนลดลงมากจริง ๆ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนใครจะเดือดร้อนไม่ใส่ใจ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ

 

มันดูน่ากลัวมาก ในปัจจุบันจริยธรรมของคนลดลงมากจริง ๆ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนใครจะเดือดร้อนไม่ใส่ใจ

 

อาจจะฟังดูแรงไปหน่อย แต่ แมกซ์ ไคเซอร์ พูดมาหลายครั้งแล้วว่า

ต้องเริ่มจับนายแบงค์มาแขวนคอได้แล้ว

 

ล่าสุด เขาได้เปรียบเทียบสิ่งที่เดวิด คาเมรอน นายก อังกฤษ พูดไว้ได้เห็นภาพชัดทีเดียว

 

เมื่อปีที่แล้วที่เกิดการประท้วงในอังกฤษ ที่มีเด็กอายุ ๑๑-๑๒ ปีเข้าไปขโมยน้ำจากร้านต่างๆ

คาเมรอนบอกว่า "ถ้าคุณโตพอที่จะทำผิด คุณก็โตพอที่จะโดนลงโทษ" เขายังบอกด้วยว่า เด็กพวกนี้

ควรจะถูกจับเข้าคุก

 

สำหรับในกรณีบาร์คเลยส์ในตอนนี้ คาเมรอนบอกว่า "คุณควรจะแสดงให้เราเห็น ว่าคุณจะแสดงความรับผิดชอบ

อย่างไร ในสิ่งที่คุณทำลงไป"

 

ขโมยน้ำจากร้าน ความเสียหายคงไม่ถึงหมื่นปอนด์ กับร้านที่โดนขโมย

แต่ฮั้วอัตราไลบอร์ ความเสียหายนั้นสูงกว่ามหาศาล เพราะเป็นอัตราดอกเบี้ย

ที่สถาบันการเงินต่างๆใช้อ้างอิงทั่วโลก

 

แต่ท่านนายกบอกว่า ถ้าขโมยน้ำ "ต้องจับเข้าคุก"

แต่ถ้าฮั้วลิบอร์ "คุณควรแสดงความรับผิดชอบ"

 

แมกซ์ ไคเซอร์ เคยประชดไว้หลายทีแล้ว

ว่าเดวิด คาเมรอน ควรให้ใบอนุญาตในการเปิดธนาคาร ให้กับเด็กที่ไปขโมยของจากร้านเหล่านั้น

เพราะเขาเชื่อว่า เด็กพวกนั้นจะทำงานได้ดีพอๆกับนายแบงค์ของสถาบันการเงินใหญ่ๆทีเดียว

 

เทรี่ บูล แขกรับเชิญใน ไคเซอร์ รีพอร์ต ตอนล่าสุด ยังบอกด้วยว่า ปัญหาเงินที่เสียพนันของ JP MORON นั้น

ยังมีอีกมาก เพียงแต่ใช้เทคนิคทางบัญชี ว่าจะนำเข้ามารายงานเมื่อไหร่ (มองดูแล้ว เหมือนกับระเบิดเวลาเลย)

 

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ คุณ WCG

 

มีบทความดี ๆ มาฝากให้เสมอ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำขึ้นๆลงๆแบบนี้อย่าพึ่งถอดใจไปนะครับ สุดสัปดาห์นี้ออกไปพักผ่อน รับอากาศสดชื่นๆเข้าปอด

อย่างที่ลุงจิมว่าบ้างก็ดี

 

เมื่อวันที่ ๔ ลุงจิมก็ยังออกมานั่งยัน นอนยัน ยืนยัน เหมือนเดิม ว่ายังไงราคาก็ไปแตะที่ ๓๕๐๐ เหรียญสหรัฐแน่ๆ

และยังบอกต่อว่า หน้าที่ของแกในตอนนี้ คือการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของทองคำเมื่อทองคำทะลุ ๓๕๐๐

(แกมองว่าทองคำน่าจะแตะ ๓๕๐๐ ภายใน ๑ ถึง ๓ ปี -- ไม่รู้ว่า ๘๐๐๐ ของผมเมื่อไหร่จะมาถึง)

 

อีกข่าวหนึ่งที่น่าสนใจจาก ซีโรเฮดจ์ ก็คือ

จากในช่วงสัปดาห์ก่อนๆที่ระบบคอมพิวเตอร์ของ อาร์บีเอส ที่มีปัญหา ทำให้ทำธุรกรรมไม่ได้

ดูเหมือนว่าตอนนี้ SBERBANK ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ก็มีปัญหาขัดข้องทางเทคนิคเช่นเดียวกัน

ตอนนี้บัตรทั้งหมดที่ออกโดยธนาคาร ไม่สามารถใช้งานได้เลย

http://www.zerohedge...card-operations

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอาไงดีเนี่ย

 

 

อีกจิม (จิม โรเจอร์ส) บอกว่า

 

"ผมไม่เคยเห็นสินทรัพย์อะไรในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นมาถึง ๑๑ ปี โดยไม่มีการปรับฐาน" (อันนี้ผมเห็นด้วย)

"การปรับฐานเป็นเรื่องปกติ และเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น" (อันนี้ผมก็เห็นด้วย)

"ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่การปรับฐานจะจบลง แต่จากประสบการของผม การปรับฐานนั้นมักจะลงไปถึงร้อยละ ๓๐-๔๐" (อันนี้ผมชักเริ่มขาสั่น)

 

ถ้านับร้อยละ ๔๐ จากตอนที่ทำราคาสูงสุด ก็หมายความว่า ทองจะอยู่ที่ ๑๑๕๔ เหรียญสหรัฐ/ออนซ์!!!!!

:_09

 

จิม โรเจอร์ส ยังบอกต่อว่า

 

"ถ้ามันหล่นมามากๆ ผมหวังว่าผมจะฉลาดพอที่จะซื้อเข้าเพิ่ม และยังไงผมก็จะไม่ขายของ

ที่มีอยู่ออกแน่ๆ เพราะผมคิดว่าทองจะขึ้นไปสูงกว่านี้อีกมากในทศวรรษต่อไป"

(ประโยคหลังนี่ ทั้งสองจิมเห็นเหมือนกัน)

 

ที่มา : http://www.moneynews.com/StreetTalk/Rogers-gold-correction-1/2012/07/06/id/444557

จาก : http://sgtreport.com/2012/07/rogers-correction-may-take-gold-below-1200/

 

ส่วน จอห์น แฮทาเวย์ คุยกับ เอริค คิง ล่าสุด

จอห์นบอกว่า การปรับฐานดูเหมือนจะจบลงแล้ว

 

http://kingworldnews.com/kingworldnews/KWN_DailyWeb/Entries/2012/7/6_Hathaway_-_The_Lengthy_10_Month_Correction_In_Gold_Is_Over.html

 

อีกจอห์น (จอห์น วิลเลียมส์) เมื่อประมาณ สองสัปดาห์ก่อน ได้คุยกับ เทิร์ด เฟอร์กูสัน

จอห์นเป็นเจ้าของเวบ "ชาโดว์สแตต" ที่ทำตัวเลขสถิติ แบบที่ไม่ได้ "นวด" ออกมาขาย เพื่อให้เทียบกับรัฐบาล

เขาบอกว่า ตัวเลขการจ้างงาน หรืออัตราเงินเฟ้อในแต่ละไตรมาสนั้น ถ้ามองเป็นรายไตรมาส จะไม่เห็นอะไรชัดเจน

เพราะมีปัจจัยที่มีผลกระทบมาก ให้ดีจะต้องดูเป็นแนวทางแบบต่อเนื่อง (ดังนั้น การที่ตัวเลขอะไรออกมาที แล้ว

ตลาดก็มีผลกระทบนั้น เป็นเรื่องทางจิตวิทยาล้วนๆ

 

http://www.tfmetalsreport.com/podcast/3976/tfmr-podcast-24-econ-101-john-williams

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...