ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

Thanong Fanclub

 

วันนี้ เวลา 12:00

 

 

 

ยิวที่แท้มาจากใหน

 

เห็นเขียนคอมเม้นท์เยอะในเฟสนี้เรื่องคนยิวที่มีอำนาจเหนือระบบการเงินโลก และรัฐบาลสหรัฐฯในปัจจุบัน เลยอยากจะขอเขียนอธิบายหน่อยว่า พวกยิวนี้ไม่น่าจะเป็นยิวแท้ที่มาจากประเทศอิสราเอล หรือดินแดนอันศักดิ์สิทธฺ์Holy Landของปาเลสไตน์ใน ปัจจุบัน ตามเนื้อหาของพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่บอกว่าพวกยิวได้ย้ายถิ่นฐานออกกระจายไป ทั่วเริ่มต้นด้วยการตกเป็นทาสในอิยิปต์ หลังจากโดนพวกโรมันทำลาย

 

ยิวที่เป็นยิวแท้ตามพระคุมภีร์อาจจะไม่หลงเหลืออยู่ หรือน่าจะผสมปนเปไปกับชาติพันธุ์อื่นๆไปหมดแล้วตั้งแต่กว่า2,000ปีที่ผ่านมา แต่ยิวที่เรารู้เห็นในปัจจุบันเป็นยิวที่มาจากเทือกเขาคอเคซัสในเอเซียกลาง อยู่ระหว่างทะเลดำ และทะเลคาสเปียน เป็นพวกเผ่าพันธุ์เติอร์ก Turkพวกหนึ่งเรียกว่าคาซาร์ Khazars ที่มีการเป็นอยู่แบบเร่ร่อนบนหลังม้า เลี้ยงสัตว์ พวกคาซาร์นี้มีการอพยพเข้าไปในยุโรปตะวันออกจำนวนมากในศตวรรษที่12และ13 นี้เป็นคำอธิบายหลักๆ ว่าทำไมถึงมียิวมากในยุโรปตะวันออก และรัสเซีย นี้เป็นคำอธิบายว่าทำไมถึงมีประชากรยิวในยุโรปตะวันออกถึง8ล้านคนในตอนต้น ของศตวรรษที่20

 

ยิวที่อยู่ดินแดนศักดฺิ์สิทธิ์เดิมไม่น่าจะมีปริมาณมากพอที่จะย้ายไปอยู่ ยุโรปตะวันออกและไปไกลถึงรัสเซียในปัจจุบันได้ ถ้าจะมีอยู่ก็น่าจะผสมกับเผ่าพันธ์ในตะวันออกกลาง ไม่น่าจะมีพลังเดินทางได้ไกลขนาดไปถึงยุโรปได้อย่างเป็นจำนวนมากมาย

 

พวกคาซาร์กลายเป็นยิวด้วยการเข้ารีตเปลี่ยนศาสนาจูดาห์ในศตวรรษที่8 บางคนก็บอกว่าในศตวรรษที่11-12 เลยทำให้มีชีวิตอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อนผ่านศาสนาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้รวม ตัวกัน ปรากฎว่าไปอยู่ที่ใหนก็เป็นประชาชนชั้นสอง เพราะศาสนาที่แปลกแยกจากศาสนาคริสต์ของยุโรป มีโบสถ์Synagogue เป็นของตัวเอง มีการปกครองดูแลตัวเองในสังคมของยิว รวมตัวกันเป็นเครือข่ายคอยช่วยเหลือกัน และไม่เอาพวกอื่น สาเหตุอาจจะเพราะเพื่อความอยู่รอด เนื่องจากโดนกดขี่มานานไม่ว่าจะไปอยู่ที่ประเทศใหนจะมีความรู้สึกแปลกแยก เพราะศาสนาและชาติพันธุ์ ในยุโรปตะวันออก พวกยิวจึงโดนกักกันให้อยู่เฉพาะที่ เรียกว่าเก็ห์ตโต ghetto แต่ลูกหลานยิวนี้เรียนเก่ง หัวสมองเป็นเลิศ (Albert Einstein) คุมระบบเศรษฐกิจของประเทศที่ตัวเองเข้าไปปักหลักอยู่ได้ในที่สุด ผ่านกลไกเครือข่ายยิวลับๆและเหิดเผยที่คอยเกื้อกูลช่วยเหลือกัน พวกนี้เป็นพ่อค้า เป็นผู้ให้กู้เงิน (อ่านเชอร์ลอคใน เวนิชวานิชแล้วจะเห็นภาพ) เป็นหมอเป็นทนายความ เป็นศิลปิน เป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่สำคัญพวกยิวนี้มีส่วนร่วมในการต่อตั้งระบบธนาคาร (Rothschild) ที่เรารู้ในปัจจุบัน เมื่อคุมระบบธนาคารได้ ก็คุมระบบการเงินทั้งหมด ให้ไปดูรายชื่อWall Street ทั้งหลายเป็นยิวทั้งนั้น ประธานเฟดทุกคนเป็นยิวหมดไม่ว่า Alan Greenspan, Ben Bernanke หรือJanet Yellen ที่กำลังเป็นตัวเต็งคนต่อไป Larry Summers ที่เพิ่งขอถอนตัวจากการชิงชัยประธานเฟดก็เป็นยิว

 

ตอนนี้ในตะวันออกกลาง ความขัดแย้งระหว่างยิวและปาเลสไตน์มีปัญหาหนัก เพราะว่าพวกยิวคาซาร์ที่ว่านี้ ได้กลับไปดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อครอบครองดินแดนที่บอกว่าเป็นของชาติ พันธ์ตัวเองในสมัยโบราณกาล โดยอังกฤษและเครือข่ายยิวในยุโรปเป็นผู้ดำเนินการหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยการก่อตั้งรัฐยิว หรือประเทศอิสราเอลขึ้นมาใหม่ สหรัฐฯให้การสนับบสนุนนโยบายZionismนี้อย่างเต็มที่ ปาเลสไตน์บอกว่าเขาอยู่ที่นี่มานานหลายพันปี อยู่ดีๆจะมาไล่เขาออก ยึดดินแดนเขาไปได้อย่างไร แต่พวกยิวบอกว่าเขาเป็นเจ้าของดิแดนที่แท้จริง ถูกกดขี่ ถูกล้างเผ่าพันธุ์และถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดเมืองนานมานับพนัปี ตอนนี้ขอเอาดินแดน บ้านเก่าคืน

 

หวังว่าคงพอจะเห็นภาพแล้วนะครับ ว่าที่มาที่ไปของยิวเป็นมาอย่างไร

 

thanong

22/9/2013

 

 

 

 

 

 

 

http://www.darkmoon.me/2013/top-israeli-scientist-says-ashkenazi-jews-came-from-khazaria-not-palestine/

 

 

 

1374870_160854227444293_2038470050_n.jpg

 

22

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

2 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

ราคาทองและเงินจะพุ่งระเบิด เมื่อดอลล่าร์ถูกทิ้งเทกระจาด ระบบการเงินพัง

 

 

Paul Craig Roberts อดีตผู้ช่วยรมวคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์อย่างน่าสนใจว่าราคาทองและเงินจะพุ่งระเบิด เมื่อความมั่นใจในดอลล่าร์หมดไปและเฟดเอาดอกเบี้ยไม่อยู่

 

Paul Craig Roberts ไม่ระบุชัดว่าเหตุการณ์เลวร้ายนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่กล่าวว่าในขณะนี้ความเป็นความตายของตลาดการเงินและสถานภาพของแบงคฺ์ขึ้น อยู่กับการพิมพ์เงินQE ของเฟด เพื่อซื้อพันธบัตรและกดดอกเบี้ยให้ต่ำ และถ้าเฟดไม่ซื้อพันธบัตร ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้น ราคาของตราสารทุกอย่างที่อิงกับพันธบัตรรัฐบาลจะตก แบงค์จะเจ้งเพราะถือตราสารพวกนี้มาก และตลาดพันธบัตรจะพัง ตามมาด้วยการพังของตลาดหุ้น

 

ด้วยเหตุนี้เฟดถึงไม่สามารถที่จะหยุดQEได้ เพราะระบบการเงินทั้งหมดโดนล็อคให้ขึ้นอยู่กับเฟด และประการที่สำคัญต่อมาของกับดักอันนี้คือว่า ไม่ช้าไม่นานทั้งโลกจะสูญเสียความมั่นใจในดอลล่าร์ และจะทิ้งดอลล่าร์ จากการพิมพ์ดอลล่าร์จำนวนมากมายมหาศาลของเฟดในระดับปัจจุบันนี้

 

และเมื่อมีการทิ้งดอลล่าร์ เฟดจะคุมสถานการณ์ไม่ได้ และระบบการเงินทั้งหมดจะพังลงมา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เฟดกำลังทำอยู่ในระยะสั้นคือป้องกันไม่ให้ตลาดพังด้วยการ ทำQE คือการปั่นราคาบอนด์ให้สูงต่อไป แต่ผลกระทบของการทำเช่นนี้ คือตลาดการเงินก็จะพังอยู่ดี เมื่อผู้ถือดอลล่าร์ทิ้งดอลล่าร์

 

Paul Craig Roberts บอกว่าสำหรับระยะเวลาการพังของดอลล่าร์ หรือเมื่อถึงคราวที่เฟดเอาดอกเบี้ยไม่อยู่ยังไม่สามารถตอบได้ แต่ถ้าเป็นสมัยที่เขาทำงานอยู่กระทรวงการคลังในรัฐบาลเรแกน ดอลล่าร์คงพังไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีข้อตกลงอะไรกัน เพราะว่าสหรัฐฯได้กดดันให้ญี่ปุ่นทำQE เหมือนกันเพื่อซื้อเวลาให้กับดอลล่าร์ ลดแรงกดดันของดอลล่าร์ลง

 

ถ้าประเทศอื่นๆก็พิมพ์เงิน QEของสหรัฐฯก็จะยังคงรักษาดุลภาพได้ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งประเทศอืนๆที่ทำQE จะเจอกับเงินเฟ้อในบ้านตัวเอง และจะพบว่าดอลล่าร์ที่ถืออยู่เสื่อมค่าลง ตอนนั้นระบบจะพังลงมา

 

 

thanong

22/9/2013

 

 

 

 

 

 

 

 

 

http://kingworldnews.com/kingworldnews/KWN_DailyWeb/Entries/2013/9/20_Former_US_Treasury_Official_-_Terrifying_US_Collapse_Ahead.html

 

 

 

581234_160847214111661_78677946_n.jpg

 

132

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:Announce JPMorgan Says "Buy Gold"

 

JPMorgan On Gold:

 

This week’s surprise by the Fed in not tapering their asset purchases led to a 5% rally in precious metals. In our view, the main driver of gold’s performance over the past five years has been QE. Following the 2008 crisis, the unprecedented expansion of central bank balance sheets led to fears of inflation further down the road and resulted in very strong demand for gold, a large amount of which came via ETFs.

 

20130921_gold1_0.jpg

 

As QE continued and inflation expectations remained subdued, this demand for an inflation hedge subsided, ETF positions were unwound and gold prices fell. Along with precious metals rallying, inflation breakevens widened following the Fed announcement, another indication that uncertainty around future inflation may pick up as a result of the Fed’s volte-face on tapering.

 

Additionally, positions are much cleaner now, following the unwinding of ETF positions, and physical demand from retail buyers in Asia has been very strong.

 

We open a long position in gold.

 

http://www.zerohedge...n-says-buy-gold

 

เจ้ามือลด S เพิ่ม L มา 2 อาทิตย์ติดกันแล้วครับ

 

13/9 post-23-0-23690400-1379855096_thumb.jpg

 

20/9 post-23-0-96505300-1379855127_thumb.jpg

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ คุณ MOR LEK ติดตามอ่านมาตลอดค่ะ อยากรบกวนอธิบายเรื่องการดูCot ว่าดูอย่างไรว่าขาใหญ่ทำ S หรือL มากกว่ากัน แล้วมีวิธีดูอย่างไร ความหมายเป็นเช่นไร ดูได้ที่ลิ้งค์เวปไหน ขอความรู้ เพื่อเป็นวิทยาทานด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ คุณ MOR LEK ติดตามอ่านมาตลอดค่ะ อยากรบกวนอธิบายเรื่องการดูCot ว่าดูอย่างไรว่าขาใหญ่ทำ S หรือL มากกว่ากัน แล้วมีวิธีดูอย่างไร ความหมายเป็นเช่นไร ดูได้ที่ลิ้งค์เวปไหน ขอความรู้ เพื่อเป็นวิทยาทานด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

อันที่จริงแล้ว COT อย่าไปสนใจมันมากเลยครับ ดูเคร่าๆเท่านั้นก็พอ(เพราะประกาศวันศุกร์แต่เป็นรายงานสรุปของวันอังคาร)

จากตาราง เจ้ามือ ในความหมายของฝรั่งคือ Commercial

ตรงที่ดูก็คือ Change From Reporting Period

จะเห็นว่ารายงานวันที่

13/9 commercial เพิ่ม L 7111 ลด S 5126 สัญญา

20/9 commercial เพิ่ม L3757 ลด L 11130 สัญญา

 

แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณ S ของเจ้ามือมากกว่า L เยอะมากครับ

13/9 L =184972 สัญญา S =265196 สัญญา

20/9 L =188729 สัญญา S =254066 สัญญา

 

หาดูข้อมูลได้ที่นี่ครับ http://news.goldseek.com/COT/

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

-ขอขอบคุณคุณ Mor Lek สำหรับความรู้ที่ให้ค่ะ ขอบคุณค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข้อเขียนล่าสุดของ MA ครับ

สรุปเกี่ยวกับการลงทุนทองคำตามแนวทางของ MA ได้ชัดเจนที่สุด

 

(MA เขาคิดและเชื่อแบบนี้ครับ อาจขัดแยังกับหลายกูรู อาจไม่ตรงใจ ไม่ตรงกับที่หลายๆคนเชื่อ)

 

 

Gold is a market – trade it like it is and you will make far more money than yelling, screaming, or pontificating.

ทองคำก็เป็นแค่อีกตลาดหนึ่ง ซื้อขายมันตามแบบที่มันเป็น แล้วคุณจะได้กำไรอย่างงาม หยุดร้องให้คร่ำครวญเสียที

 

 

Everything rises and falls. That’s just life.

ในชีวิตคนเรา ของทุกอย่างมีขึ้น และก็ มีลง

 

You cannot fix the value of money and then everything else floats. Do that and money cannot be fixed.

คุณไม่สามารถกำหนดมูลค่าของเงินตรา (Money) แล้วให้ของอย่างอื่นมีราคามูลค่าลอยตัวได้หรอก

เพราะหากคุณทำเช่นนั้น ก็เท่ากับมูลค่าของเงินของคุณไม่ได้คงที่อยู่ใช่ไหมหละ

 

 

When gold was money, it rose in value only when the economy crashed and declined in purchasing power with rising inflation, It had to or else it was not money.

ตอนที่เราเคยใช้ระบบเงินตราที่มีทองหนุนหลัง มูลค่าของเงินตรา(ทองคำ) จะขึ้นเมื่อเศรษฐกิจเข้าสู่วิกฤต

แต่จะด้อยค่าลง เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น

(ดังนั้นหมายความว่าความเชื่อเรื่องทองคำจะราคาขึ้นเพราะเงินเฟ้อ จึงเป็นความเชื่อที่ผิด)

 

 

Today, gold is a commodity and a hedge neither against the dollar or inflation – but the collapse in the systemic monetary system

ทุกวันนี้ บทบาทของทองคำคือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์

การลงทุนทองคำ ไม่ใช่เพื่อการป้องกันความเสี่ยง (Hedge) ต่อ US$ ดอลลาร์ หรือ เงินเฟ้อ

 

แต่

 

เป็นการป้องกันความเสี่ยง (Hedge) ต่อ การล่มสลายของระบบเงินตราลงทั้งระบบ

 

 

but all tangible assets perform that function.

Gold is movable where as real estate is not.

 

แต่ อย่าลืมว่า Tangible Assets ชนิดอื่่นๆ ก็ทำหน้าที่อย่างเดียวกันกับทองด้วย (

ข้อดีของทองคือเราสามารถแบกมันไปไหนต่อไหนกับเราได้ แต่ที่ดินไม่ใช่

 

 

 

http://armstrongeconomics.com/2013/09/23/forbes-reveals-study-that-gold-does-not-rise-during-times-of-inflation/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากครับคุณ johncm

ได้ความรู้+ภาษาแถมด้วย

 

ตอนที่เราเคยใช้ระบบเงินตราที่มีทองหนุนหลัง มูลค่าของเงินตรา(ทองคำ) จะขึ้นเมื่อเศรษฐกิจเข้าสู่วิกฤต

แต่จะด้อยค่าลง เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น

(ดังนั้นหมายความว่าความเชื่อเรื่องทองคำจะราคาขึ้นเพราะเงินเฟ้อ จึงเป็นความเชื่อที่ผิด)

 

 

อันนี้เพิ่งรู้ แปลกดีครับ ทำไมจึงสลับกับปัจจุบันล่ะครับ

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จากที่อ่านเหมือนจะหมายความว่าเมื่อสมัยที่ทองเป็นเงินน่าจะหมายถึงยุคที่ใช้เหรียญทองมั๊งครับ When gold was money แล้วเงินเฟ้อยุคนั้นคงเกิดจากการผลิตเหรียญทองออกมาเป็นจำนวนมาก ค่าในเงิน(ทองแท้ๆ)ก็เลยลดลง เหมือนกับภาวะเงินเฟ้อจากการพิมพ์เงินในปัจจุบัน เหมือนผู้เขียนจะสื่อว่าทองเองก็ไม่ต่างจากเงินกระดาษหรอกไม่ได้มีค่าที่ตายตัวจนจะเอามาหนุนค่าเงินให้เกิดความมั่นคงได้เพราะทองก็ขุดขึ้นมาเรื่อยๆมีอุปสงค์อุปทานเหมือนกัน (ตามความคิดผมเองจากที่อ่านนะครับ ผิดถูกขออภัย)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

22 กันยายน เวลา 22:00 น.

 

 

 

ปี2014 สหรัฐฯอาจต้องทำQEเพิ่มเป็นเท่าตัว ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงhyperinflationกำลังคอยอยู่

 

Egon von Greyerz ผู้ก่อตั้งMatterhorn Asset Management แห่ง Switzerland พูดแม่นมากว่าเฟดจะไม่ปรับลด QE และแถมทำนายว่าในปี2014 เฟดจะเพิ่มปริมาณการทำQEอีกเป็นเท่าตัว ก่อนที่จะพิมพ์เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆเป็น$1ล้านล้าน แล้วก็$10ล้านล้าน เพราะสหรัฐฯกำลังเดินทางไปสู่ความหายนะของภาวะเงินเฟ้อแบบเอาไม่อยู่ hyperinflation ค่าเงินดอลล่าร์จะตกเอาๆ และจะผลทำให้ตลาดการเงินโลกปั่นป่วนและโกลาหลแบบสุดๆ

 

Greyerzอธิบายว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะสหรัฐฯมีหนี้มากมายมหาศาลถึง$220ล้านล้าน หรือหนี้ที่อยู่นอกงบประมาณ ยังไม่นับหนี้ในงบประมาณอีก$16.7ล้านล้านที่จะต้องมีถกกันทางการเมืองเพื่อ การยกเพดานหนี้จำนวนนี้อีก ในขณะที่ตัวเลขการว่างงานที่แท้จริงอยู่ที่23%

 

ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา ค่าเงินดอลล่าร์ตกไปแล้ว3% Greyerzเชื่อว่าค่าเงินดอลล่าร์จะตก50% เมื่อเทียบกับเงินกระดาษสกุลอื่นๆ แม้ว่าเงินกระดาษทั้งหลายก็เป็นขยะทั้งนั้น หนี้ของสหรัฐฯไม่มีทางจ่ายคืนได้ด้วยเงินที่มาจากรายได้ที่แท้จริง แต่ต้องจ่ายด้วยการพิมพ์เงินอย่างเดียว และจะทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาอื่นๆที่จะตามมา เพราะค่าดอลล่าร์ที่ตกจะทำให้ราคาสินค้าและบริการแพงขึ้นไปเรื่อยๆ ปัญหาจะถูกซ้ำเติมโดยที่คนที่ถือดอลล่าร์จะทิ้งดอลล่าร์ รวมทั้งขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อันจะทำให้เฟดยิ่งจะต้องพิมพ์เงินเพิ่ม ดอลล่าร์ยิ่งจะดิ่งเหวเร็วขึ้น และดอกเบี้ยจะทะยานสูงในช่วงนี้ ระหว่างเงินกระดาษทั้งหลายดลล่าร์จะเป็นแชมป์ดิ่งนรก รองลงมาก็คือเงินเยนของญี่ปุ่น

 

Greyerzกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อถึงจุดนั้นรัฐบาลสหรัฐฯจะออกกฎเผด็จการคุมเข้ม ไม่ให้คนโอนดอลล่าร์ออกนอก หรือซื้อเงินสกุลอื่นๆ จะโอนทองคำหรือทรัพย์สินมีค่าอื่นๆก็ไม่ได้ เงินบำนาญของประชาชนอาจจะถูกบังคับโอนเข้ามาเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลไม่ให้ ตลาดพันธบัตรรัฐบาลล้ม แต่มาตรการเหล่านี้จะไม่เป็นผล หลายๆประเทศจะได้รับผลกระทบที่เลวร้าย อันจะนำไปสู่ลัทธิเผด็จการและการจราจลทางสังคมและการเมือง โดยสถานการณ์จะเริ่มเลวร้ายหนักเริ่มตั้งแต่ปี2014เป็นต้นไป

 

ที่สำคัญพวกที่ทุบราคาทอง คงจะทำได้อีกไม่นาน หลังจากนั้นราคาทองและเงินsilverจะพุ่งอย่างรวดเร็ว

 

thanong

22/9/2013

 

 

 

 

 

 

http://kingworldnews.com/kingworldnews/KWN_DailyWeb/Entries/2013/9/20_Man_Who_Predicted_No_Fed_Tapering_Now_Says_To_Expect_Chaos.html

 

 

 

1374272_160941857435530_551970570_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

เมื่อวานนี้ เวลา 12:00 น.

 

 

 

เวปzerohedge.com เอารายการBusiness Talkที่ผมร่วมสัมภาษณ์นายMarc Faberไปลง พร้อมกับให้เครดิตเราอย่างดี

 

ดังระดับโลกไปแล้วเชียวเรา เพราะว่าzerohedgeเป็นเวปการเงินสวนกระแสหลักที่ดังที่สุดในโลกในเวลานี้

 

แหมวันนี้มีความสุขจริงๆ

 

 

http://www.zerohedge.com/news/2013-09-22/marc-faber-feds-neo-keynesian-clowns-are-holding-world-hostage

 

Thanong

23/9/2013

 

 

 

1374859_161083707421345_1060225876_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แมร์เคิลชนะขาดขึ้นนายกฯสมัย3ชี้งานหนักชวนคู่แข่งฟอร์มรัฐบาล blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กันยายน 2556 22:37 น.

 

 

 

blank.gif

 

เอเจนซีส์ - อังเกลา แมร์เคิล เผชิญความท้าทายสำคัญในการชักชวนคู่แข่งพรรคกลาง-ซ้ายมาร่วมฟอร์มรัฐบาล ภายหลังพรรคอนุรักษ์นิยมของเธอเก็บชัยชนะยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ และส่งให้แมร์เคิลกลายเป็นผู้นำทรงอิทธิพลที่สุดของยุโรป

 

แม้แต่ศัตรูทางการเมืองยังยอมรับว่า แมร์เคิล ว่าที่นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 ของเยอรมนี เป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกของประเทศนับจากวิกฤต หนี้ยูโรโซนระเบิดขึ้นในปี 2010

 

ขณะที่หนังสือพิมพ์เมืองเบียร์ต่างพากันยกย่องว่า ผลการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (22) เป็นชัยชนะส่วนตัวของแมร์เคิลอย่างแท้จริง

 

พรรคคริสเตียน เดโมเครติค ยูเนียน (ซีดียู) ของแมร์เคิล และพรรคคริสเตียน โซเชียล ยูเนียน (ซีเอสยู) ซึ่งเป็นพรรคพี่พรรคน้องกับซีดียู กวาดคะแนนทั้งสิ้น 41.5% สูงสุดนับจากปี 1990 และขาดเพียง 5 ที่นั่งในการครองเสียงข้างมากเด็ดขาดครั้งแรกในสภาล่าง หรือบุนเดสแท็ก ในรอบครึ่งศตวรรษ

 

ขณะที่พรรคโซเชียล เดโมแครต (เอสพีดี) ที่แมร์เคิลเคยดึงมาร่วมรัฐบาลในสมัยแรกระหว่างปี 2005-2009 นั้น ได้คะแนน 25.7% ดีขึ้นกว่าผลงานเลวร้ายที่สุดในยุคหลังสงครามนั่นคือในครั้งการเลือกตั้งปี 2009 เพียงเล็กน้อย

 

“เราได้รับสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของอังเกลา แมร์เคิล" ปีเตอร์ อัลไมเออร์ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและพันธมิตรใกล้ชิดของแมร์เคิล ประกาศทางทีวี และเสริมว่า สิ่งสำคัญคือการมีเสียงข้างมากอย่างมีเสถียรภาพ

 

นอกจากสามพรรคที่กล่าวมา ยังมีพรรคกรีนส์ที่ได้คะแนน 8.4% ลดฮวบจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และมีอีกเพียงพรรคเดียวที่ได้เข้าสู่สภาล่างคือ พรรคเลฟต์ที่ได้คะแนน 8.6% ส่วนฟรี เดโมแครตส์ (เอฟพีดี) ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันและชูนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจ ได้คะแนนไม่ถึง 5% ซึ่งเป็นเกณฑ์ต่ำสุดในการเข้าสู่สภา จึงจะไม่ได้รับการจัดสรรที่นั่งในสภาเลย

556000012603201.JPEG พรรคอนุรักษ์นิยมของนางอังเกลา แมร์เคิล เก็บชัยชนะยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ blank.gif หลังจากได้คะแนนเลือกตั้งย่ำแย่ที่สุดจากการร่วมรัฐบาลครั้งก่อน ในคราวนี้เอสพีดีอาจลังเลที่จะเป็นพันธมิตรกับแมร์เคิลอีก เว้นแต่จะมีรางวัลใหญ่เป็นกระทรวงสำคัญมาล่อใจ เช่น กระทรวงการคลัง ซึ่งจะเท่ากับเป็นการยุติบทบาทของวูล์ฟกัง ชอเบิล ขุนคลังปัจจุบันวัย 71 ปีที่ได้รับการนับถืออย่างกว้างขวาง

 

นอกจากนั้น นโยบายค่าแรงขั้นต่ำและขึ้นภาษีคนรวยที่เอสพีดีลุยหาเสียง ล้วนถูกแมร์เคิลต่อต้าน กระทั่งมานูเอล ชเวซิก รองประธานพรรคกลาง-ซ้ายพรรคนี้เอ่ยปากว่า การตั้งรัฐบาลผสมกับซีดียูเป็นไปได้ยากมาก แถมผู้เชี่ยวชาญยังฟันธงว่า แม้เอสพีดีตกปากรับคำเข้าร่วมรัฐบาล ก็อาจใช้เวลาเจรจากับแมร์เคิลนานเป็นเดือน และถือเป็นการฟอร์มรัฐบาลที่ยากที่สุดในยุคหลังสงครามเลยทีเดียว

 

ผลลัพธ์คือ การตัดสินใจเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปของสหภาพการธนาคารยุโรป และการสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมแก่กรีซและอาจรวมถึงโปรตุเกสหยุดชะงัก

 

กระนั้น โพลที่ออกมาบ่งชี้ว่า คนเยอรมันต้องการรัฐบาลที่เป็นการจับมือกันระหว่างพวกกลาง-ขวา กับกลาง-ซ้าย เช่นเดียวกับพันธมิตรในยุโรปของเบอร์ลินที่หวังว่า เอสพีดีอาจทำให้แนวทางของแมร์เคิลที่มุ่งเน้นการรัดเข็มขัดสำหรับสมาชิกยูโร โซนที่มีปัญหาผ่อนคลายลงบ้าง

 

หากเอสพีดีไม่ยอมเจรจาด้วย แมร์เคิลอาจหันไปหาพรรคกรีนส์แทน แต่ก็เช่นเดียวกัน เพราะรีเนต คูนาสต์ สมาชิกระดับนำของพรรคสิ่งแวดล้อมรายนี้บอกว่า นึกภาพไม่ออกว่า กรีนส์จะร่วมรัฐบาลกับแมร์เคิลได้อย่างไร

 

ขณะเดียวกัน พรรคอัลเทอร์เนทีฟ ฟอร์ เยอรมนี (เอเอฟดี) ที่เคลือบแคลงในแนวทางเงินสกุลเดียวและได้เข้าสู่สภาครั้งแรก ประกอบกับกระแสต่อต้านการอุ้มสมาชิกขี้โรคในยูโรโซน อาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการดำเนินนโยบายเกี่ยวกับยุโรปของแมร์เคิล

 

แม้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะส่งให้แมร์เคิลเป็น 1 ในผู้นำไม่กี่คนของยุโรปที่อยู่รอดจากวิกฤตหนี้ หลังจากผู้นำอีก 19 คนหลุดตำแหน่งนับจากต้นปี 2010 นั้น ทว่า แมร์เคิลยังต้องเผชิญความท้าทายสำคัญมากมายไล่ตั้งแต่การเปลี่ยนจากการใช้ พลังงานนิวเคลียร์มาสนับสนุนการพึ่งพาอาศัยพลังงานหมุนเวียน จนถึงการกำหนดวิสัยทัศน์สำหรับยูโรโซน

 

แม้นำพาเศรษฐกิจเยอรมนีฟื้นตัวและลดอัตราว่างงานลงอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้คะแนนนิยมของแมร์เคิลพุ่งเสียดฟ้า แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังห่วงว่า เศรษฐกิจเมืองเบียร์อาจเสียศูนย์ หากไม่มีการปฏิรูปและขาดแผนการริเริ่มใหม่เพื่อหลีกหนีวิกฤตประชากร

 

แมร์เคิลรับรู้ปัญหาดี ระหว่างแถลงทางทีวีพร้อมกับผู้นำพรรคอื่นๆ เธอบอกว่า สี่ปีข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความท้าทายทั้งในประเทศ ในยุโรป และทั่วโลก

 

“แต่เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้สี่ปีต่อไปเป็นช่วงเวลาแห่งความสำเร็จสำหรับเยอรมนี”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

....

เวปzerohedge.com เอารายการBusiness Talkที่ผมร่วมสัมภาษณ์นายMarc Faberไปลง พร้อมกับให้เครดิตเราอย่างดี

 

ดังระดับโลกไปแล้วเชียวเรา เพราะว่าzerohedgeเป็นเวปการเงินสวนกระแสหลักที่ดังที่สุดในโลกในเวลานี้

 

แหมวันนี้มีความสุขจริงๆ

....

 

คุณทนงสุดยอดจริงๆ นอกจากจะได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ของจริง ระดับ มาร์ค ฟาเบอร์ แล้ว ยังได้ลงในซีโร่เฮดจ์อีกด้วย

 

ทั้งหมดมี ๓ คลิป ความยาวรวมประมาณ ๕๐ นาที แนะนำให้ชมให้จบ ด้วย ๒ เหตุผลหลักครับ

  1. แม้ว่ามาร์ค ฟาเบอร์ จะมีช่องข่าวดังๆทั่วโลกสัมภาษณ์ แต่มีไม่กี่ครั้งที่แกจะมีเวลาพูดถึง ๕๐ นาที แบบไม่ต้องระมัดระวังคำพูด/ความคิดเห็น และไม่โดนพิธีกรตัดบทอีกด้วย
  2. แม้ว่าจะสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ แต่ผู้ดำเนินรายการทั้ง ๒ ท่าน แปลสรุปภาษาไทยให้ตลอด

ป.ล.

  • ที่เคยคุยกันว่าเมืองไทยมีสิทธิ์โดน "ไซปรัส" หรือเปล่า มาร์ค บอกว่า แกมีเงินเก็บไว้ในเมืองไทยด้วย, ชมว่า ธปท. เป็นธนาคารกลางที่ใช้ได้, มองว่าธ.พาณิชย์ในไทย ปลอดภัยกว่าพวกธนาคารระดับโรคทั้งหลาย, และในหลายๆประเทศ มีสภาพแย่กว่าไซปรัสเสียอีก
  • จากที่สังเกตดู แกฟังภาษาไทยที่พิธีกรพอรู้เรื่อง และพูดไทยได้บ้าง ... ฮาสุดคือแกรู้แม้กระทั่งคำว่า "พิมพ์เงิน"
  • ขอบคุณคุณส้มโอมือที่เอามาฝากครับ

ป.ล. ๒ (เพิ่มเติมครับ)

ถ้าเอาตามที่มาร์ค ฟาเบอร์ แนะนำในรายการของคุณทนง ต้องแบ่งสินทรัพย์เป็น ๕ ส่วนครับ

 

- เงินสด ร้อยละ ๒๕

- ทองคำ/โลหะเงิน ร้อยละ ๒๕

- หุ้น ร้อยละ ๒๕

- พันธบัตร(เอกชน) ร้อยละ ๒๕

- อสังหาฯ ร้อยละ ๒๕

 

รวมแล้วได้ ๑๒๕% แต่ไม่เป็นไร เพราะแกใช้วิธีบริหารเงินแบบรัฐบาลทั่วโลก (ฮา)

แกบอกว่าสินทรัพย์อะไรก็เสี่ยงทั้งนั้นในตอนนี้ แต่สิ่งที่แกแนะนำคือการกระจายความเสี่ยงตามสูตรข้างบน

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จากที่อ่านเหมือนจะหมายความว่าเมื่อสมัยที่ทองเป็นเงินน่าจะหมายถึงยุคที่ใช้เหรียญทองมั๊งครับ When gold was money แล้วเงินเฟ้อยุคนั้นคงเกิดจากการผลิตเหรียญทองออกมาเป็นจำนวนมาก ค่าในเงิน(ทองแท้ๆ)ก็เลยลดลง เหมือนกับภาวะเงินเฟ้อจากการพิมพ์เงินในปัจจุบัน เหมือนผู้เขียนจะสื่อว่าทองเองก็ไม่ต่างจากเงินกระดาษหรอกไม่ได้มีค่าที่ตายตัวจนจะเอามาหนุนค่าเงินให้เกิดความมั่นคงได้เพราะทองก็ขุดขึ้นมาเรื่อยๆมีอุปสงค์อุปทานเหมือนกัน (ตามความคิดผมเองจากที่อ่านนะครับ ผิดถูกขออภัย)

 

 

ตามงานเขียนของ MA ที่เขาอ้างอิงในบทความอื่นๆ (เท่าที่ผมได้ติดตามมา)

 

ตรงนี้น่าจะทั้งสองส่วนเลยครับ คือ ทั้งที่ใช้เหรียญทองคำ ในยุคโรมัน

ซึ่งประวัติศาสตร์ก็พิสูจน์ว่าระบบเหรียญทองคำนี้ำล้มเหลว

(จากน้ำมือของกษัตรย์ผู้ปกครองหลายๆพระองค์ต่อเนื่องกัน ทำ (คล้ายๆ) นโยบายประชานิยมนี่แหละครับ)

 

รวมถึงยุคที่กำหนด Fixed อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างทองคำกับ US$ (ซึ่งโดยนัย ก็มีความหมายว่า ทองคำ คือเงินตรา)

จากประวัติศาสตร์ระบบนี้ก็ได้รับการพิสูจน์เช่นเดียวกันว่าไม่สามารถดำรงอยู่ได้

(จากน้ำมือไอ้กัน ที่พิมพ์กระดาษออกมามากกว่า ปริมาณทองที่มีอยู่)

 

ปัจจัยที่ทำให้ทองคำไม่สามารถเป็นเงินตราได้

1. Supply ทองคำ มีผลต่อราคาทอง

2. ความยืดหยุ่น ในบางเงื่อนไข เราต้องการเพิ่มปริมาณเงินในระบบ และ ในบางเงื่อนไขเราต้องการดูดซับปริมาณเงินออกจากระบบ

การใช้ทองคำเป็นเงินตรา ทำให้ควบคุม/จัดการตรงนี้ได้ยากมาก

3. นักการเมืองไม่เอาด้วย เพราะเขาจะพิมพ์เงินออกมาใช้ตามอำเภอใจไม่ได้อีก

4. ยุ่งยากเกินไป ในการหาหน่วยงานกลางมาควบคุม ตรวจสอบปริมาณทองคำสำรองของแต่ละประเทศ

สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม มีการโกง และ พิมพ์เงินเกินปริมาณสำรองกันอีก

ฯลฯ

 

ดังนั้น MA จึงมั่นใจว่า ทองคำไม่ใช่คำตอบ สำหรับการเป็น เงินตรา ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตามงานเขียนของ MA ที่เขาอ้างอิงในบทความอื่นๆ (เท่าที่ผมได้ติดตามมา)

 

ตรงนี้น่าจะทั้งสองส่วนเลยครับ คือ ทั้งที่ใช้เหรียญทองคำ ในยุคโรมัน

ซึ่งประวัติศาสตร์ก็พิสูจน์ว่าระบบเหรียญทองคำนี้ำล้มเหลว

(จากน้ำมือของกษัตรย์ผู้ปกครองหลายๆพระองค์ต่อเนื่องกัน ทำ (คล้ายๆ) นโยบายประชานิยมนี่แหละครับ)

...

 

ใช่ครับ แนวของมาร์ติน เขาจะยกตัวอย่างเรื่องการ "ลดค่า" เงินที่หนุนด้วยทองคำในสมัยกรีกโรมันให้ดู

สมัยนั้น พอผู้ที่เรืองอำนาจเริ่มมีทองคำไม่พอต่อการเลี้ยงทหาร, ก่อสงคราม ฯลฯ เขาก็ค่อยๆแอบเจือปนโลหะ ชนิดอื่นๆเข้าไปในเหรียญทองคำ แรกๆใส่ไปนิดหน่อยเห็นไม่ชัด ต่อไปเริ่มใส่เยอะขึ้นเรื่อยๆจนเจ๊งไปในที่สุด

 

สรุปก็คือ ต่อให้ทองคำพิมพ์ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นสกุลเงินหลัก อยู่ภายใต้การควบคุมของคนใดคนหนึ่ง ที่สุดแล้วก็เจ๊งเพราะการพิมพ์เงินได้เหมือนกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...