ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

.....

หลังการนองเลือด....ถ้ากลุ่มตะวันตก..เป็นผู้ชนะ...ผู้กำหนดเกมส์ก็คือคนกลุ่มเก่าๆนั่นแหละ

 

แต่ถ้าเป็นทางเอเซียและกลุ่มต่อต้านตะวันตก.....มันก็อาจจะไม่ใช่แบบที่ผ่านมาก็ได้นะครับ...

อย่างที่ว่าไว้ในบทความ ว่า Currency ใหม่ที่ว่า ไม่ใช่สกุลเงินที่ชาวบ้านร้านตลาด จะใช้ในชีวิตประจำวัน

มันเป็นสกุลที่ ธนาคารกลาง (แบงค์ชาติ) หรือกองทุนขนาดใหญ่ ใช้ Settle ระหว่างกันเวลาเกิดการแลกเปลี่ยนสกุลเงินกัน

 

จริงๆ แล้ว Electronic Currency นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่นะครับ เฉพาะ IMF ก็มีการนำระบบนี้มาใช้พักใหญ่แล้วมั้ง เรียก SDR

http://www.imf.org/e...a/rms_sdrv.aspx

 

สกุลใหม่ที่ว่าก็น่าจะต่อยอดมาจากตรงนี้นั่นแหละครับ

ที่เขามั่นใจว่าจะออกมาแนวนี้ น่าจะเป็นเพราะ หลายๆ ประเทศที่เขาไปมีส่วนรับรู้ ก็ให้การสนุบสนุนแนวทางนี้ครับ

 

อ่านถึงตรงนี้แล้วนึกถึงข่าวที่มหาเธร์ มาพูดในไทยเรื่องเออีซี ที่ท่านแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ทองคำ เป็นเงินสกุลกลางในการแลกเปลี่ยนระหว่าง เออีซี+๓ ...

 

ส่วนตัว อ่านเรื่องเอสดีอาร์ จาก วิกิพีเดียผ่านๆแล้ว รู้สึกว่ามันเหมือนเป็นเงินเกมเศรษฐียังไงก็ไม่รู้

 

 

อย่างไรก็ตาม จากที่คุณจอห์นมาเล่าให้ฟัง ดูเหมือนว่า จิม ริคเคิรดส์ จะมองไปในทางเดียวกับมาร์ตินฯ

จิมไม่เชื่อว่าเงินหยวนจะมาเป็นเงินสำรองสกุลหลักของโลกแทนที่ดอลล่าร์ เพราะว่าจีนไม่มีตลาดพันธบัตรที่ใหญ่พอ -- เขาเชื่อว่าจีนจะพยายามผลักดันระบบในลักษณะเดียวกับ เอสดีอาร์ เพราะว่าจีนมีกำลัง(เงิน)มากพอที่จะกำหนดทิศทาของระบบได้

 

_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_

 

มาลองฟังอีก "จิม" ดูบ้าง...

 

จิม โรเจอร์ส บอกว่า

  • ทองคำ ที่ตอนนี้เริ่มหมองจากสถานะ "เซฟเฮเวน" อาจจะหล่นลงไปที่ ๙๐๐ หรือ ๑,๐๐๐ ภายใน ๑-๒ ปี
  • ในระยะยาว ทองคำจะทะลุ ๑,๙๐๐ ไปเยอะ เรื่องจากความพยายามในการลดค่าเงินของธนาคารกลางต่างๆทั่วโลก
  • อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่า ในการลงทุนนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย แม้กระทั่งทองคำ

 

 

คุณ wcg ได้อ่านเหนือกว่าวอลสตรีทหรือยังครับ เขียนไว้ได้ละเอียดทีเดียวถึงการลงทุนของสถาบัน กองทุน

 

ยังครับ แต่ถ้าคุณไมโลอ่านแล้ว และจะกรุณามาเล่าให้ฟังก็ไม่รังเกียจครับ

:uu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมก็อ่านหลายๆที่วนเวียนไปมาก็เจอพี่ทั้งในนี้ ในเฟส ในคลับของอาจารย์ทนง แล้วยังกลุ่มข่าวสารการลงทุนอีก เลยไม่แน่ใจว่าอ่านมาจากตรงไหนแต่จำได้ว่าพี่บอกเกี่ยวกับราคาทองที่จะร่วง ก่อนลุงเบนประกาศ แล้วหลังประกาศก็จะเด้งขึ้นครับ เลยบอกว่าพี่แม่นมาก :gd

 

และมีโพสต่อเนื่องเช้าวันที่20

 

 

ส้มโอมือ หอมเย็นชื่นใจ

 

 

หุ้นไทยคงเริงร่าไปได้ช่วงใหญ่ครับ เงินบาทคงแข็งต่อซึ่งส่งผลลบต่อทองคำ ส่วนทองคำเด้งมารับข่าวแล้ว จะขึ้นไปต่อหรือโดนดักทุบ ทองคำไม่เหมือนหุ้นนะ หุ้นเจ้ามือเขาปั่นสนุกสนาน ส่วนทองคำเจ้ามือเขาหาจังหวะและเวลาที่จะทุบ เงินอาจหนีจากตลาดทองคำไปหุ้นก็ได้ เพราะเวลาเป็นขาขึ้นหุ้นจะขึ้นแรงกว่าทองเยอะ

---ค่าเงินบาทน่าจะแข็งขึ้นซึ่งมีผลลบต่อทองคำ

---ตลาดหุ้นน่าจะเริงร่ามาก เงินอาจไหลจากตลาดหุ้นไปทองคำก็ได้ เพราะเมื่อเปลี่ยนเป็นขาขึ้น หุ้นน่าจะขึ้นแรงกว่าเยอะ

---ทองคำอย่าลืมนะ เจ้ามือยังหาโอกาสทุบ

ถูกใจ · · เลิกติดตามโพสต์ · แชร์ · 21 ชั่วโมงที่แล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

ยังครับ แต่ถ้าคุณไมโลอ่านแล้ว และจะกรุณามาเล่าให้ฟังก็ไม่รังเกียจครับ

:uu

รอฟังอยู่นะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Nhan Saponwatanun---- Federal Reserve Bank of St. Louis President James Bullard, a voter on policy this year who has backed record stimulus, said a small tapering of bond buying is possible next month after the Fed made a close call this week in deciding not to slow purchases.

“That was a borderline decision” after “weaker data came in,” Bullard said today on Bloomberg Television’s “Bloomberg Surveillance” with Tom Keene and Sara Eisen. “The committee came down on the side of, ‘Let’s wait.’”

 

ถูกต้องตาม คุณหมอเล็กเข้าใจเลยครับ ปกติประธาน FED แต่ละสาขาจะเข้าประชุม FOMC แต่คนที่มีสิทธิโหวตจะมีแค่ 5 คนจากทั้งหมด 11 สาขา ซึ่งในปี 2013 คือ สาขา นิวยอร์ค , เซนหลุยส์ , ชิคาโก , แคนซัสซิตี้ , บอสตัน

 

ส่วนปีหน้า 2014 จะเปลี่ยนเป็น นิวยอร์ค , คลีฟแลน , ฟิลาเดลเฟีย , ดัลลัส , มินิอาโพลิส

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

เมื่อวานนี้ เวลา 9:00 น.

 

 

 

ประวัติศาสตร์ย้อนรอย The Sting

 

ประวัติศาสตร์ย้อนรอยให้เราเห็นเสมอเสมอ แต่อาจจะอยู่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป สถานการณ์โลกตอนนี้คล้ายกับช่วงก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่2มาก จนน่ากลัว

 

ในปี 1913 พวกนักการเงินและอำมาตย์ยุโรป ร่วมมือกันกับJP Morgan และGoldman Sachsก่อตั้งเฟดเดอรัล รีเซร์ฟ ได้เรื่องเลยหลังจากนั้น เพราะเฟดเป็นเครื่องมือในการสร้างฟองสบู่การเงินที่ไร้เทียมทาน เฟดเดอรัล รีเซร์ฟมีการพิมพ์เงินดอลล่าร์ที่หนุนด้วยทอง มากกว่าปริมาณทองที่สำรองดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมา ดอลล่าร์กระดาษไหลไปกลายเป็นเครดิตของระบบธนาคารกลายทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ ทั้งการเงินและหุ้น เสร็จแล้วเฟดก็ชักเงินกลับเอาดื้อๆทำให้ตลาดพังcrashในปี1929ก่อให้เกิดThe Great Depression และลากเอาทั้งยุโรปและเศรษฐกิจทั้งโลกรวมทั้งประเทศสยามลงเหวไปด้วย

 

ช่วงนั้นคนเลยไม่เชื่อมันดอลล่าร์ที่ยังหนุนด้วยทองอยู่ ไม่เหมือนตอนนี้ที่เป็นดอลล่าร์กงเต๊กไม่ได้หนุนด้วยทรัพย์สินอะไรเลย เลยเอาดอลล่าร์ไปแลกทองกับเฟดที่ได้พิมพ์ดอลล่าร์มากกว่าทองคำสำรองที่มี อยู่ เฟดย่ำแย่โดยดูเหมือนว่าตั้งใจ เพราะว่าสามารถทำให้ตัวเองกลายเป็นแบงค์ที่ใหญ่เกนไปที่จะล้มToo Big Too Fail ได้ รัฐบาลต้องเข้ามาอุ้ม ปี1933 ประธานาธิบดีรุสเวลท์เป็นเด็กดีออกกฎหมายยึดทองประชาชนเพื่ออุ้มเฟด โดยเอาทองที่ยึดมาไปให้เฟดทั้งหมด เพื่อไม่ให้เฟดล้มจากการไถ่ถอนทองgold run เฟดเลยรวยทั้งขึ้นทั้งล่อง สร้างฟองสบู่ให้พรรคพวกรวบ เวลาล้มก็ล้มบนฟูก มีเด็กดีอย่างรุสเวลท์ปล้นทองจากประชาชนให้มาค้ำฐานะการเงินอีก รวย2เด้ง

 

โลกาภิวัฒน์เกิดแล้วในช่วงนั้นเพราะการค้าโลกรุ่งเรืองและดำเนินไปผ่านเงิน ปอนด์ที่เป็นเงินสกุลหลักของโลก แต่เงินปอนด์ตอนนั้นกำลังแกว่งมีปัญหา ในปี1931อังกฤษออกจากมาตรฐานทองคำgold standard เพราะว่าเศรษฐกิจตกต่ำ คนเอาปอนด์ไปแลกทองกันมาก เพราะไม่เชื่อมั่นในปอนด์ อังกฤษเลยเบี้ยวด้วยการออกจากมาตรฐานทองคำและลดค่าเงินปอนด์ นับว่าเป็นการจุดปะทุสงครามค่าเงิน ประเทศอื่นๆทั้งยุโรปไม่ว่าเยอรมัน ฝรั่งเศสต้องเข้าสู่สงครามค่าเงินด้วย สยามก็มีปัญหาว่าจะลดค่าเงิน หรือไม่ลดค่าเงิน จะคงมาตรฐานทองคำ หรือจะบริหารการเงินอย่างดี มั่วนัวเนียกันไปหมด เพราะตอนนั้นยังไม่มีใครรู้เรื่องการเงิน หรือสงครามการเงิน คิดว่าแค่เป็นเรื่องนำเข้าส่งออก และภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาแค่นั้น

 

ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าสหรัฐฯกำลังเจอThe Great Depression ช่วงต้น1930s ปรากฎว่าทองคำจากเอเซียและทั่วโลก ถูกโอนย้ายมาฝากที่สหรัฐฯอเมริกา ทองแคนาดา ทองอังกฤษ ทองจีน ทองสยาม ทองกัวเตมาลา ทองมาเลย์เซีย ทองอินเดียเดินทางด้วยเรือข้ามน้ำข้ามมหาสมุทรมาฝากที่อเมริกา ทั้งๆที่อมเริกาตอนนั้นเหมือนกับว่า Lehman Brothersล้มไปแล้ว แต่เราเอาเงินไปฝากกับแบงค์นี้ หรือให้เขากู้ เหมือนกับเอาอ้อยไปฝากกับช้าง เอาลูกกวางไปฝากถ้ำเสือ

 

ช่วงนั้นอังกฤษเป็นจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่ตกดิน มีส่วนสำคัญในการล้มระบบการปกครองการเมืองทั่วโลก อันนำไปสู่การขนย้ายทองgold transfer จากประเทศอาณานิคมทั่วโลกไปยังสหรัฐฯที่อังกฤษคุมอยู่ฝ่านFederal Reserve พอย้ายทองได้หมด สงครามโลกครั้งที่2 ถึงได้เกิดในยุโรปปี1939 เหมือนกับรู้ว่าเก็บทองปลอดภัยที่สุดคือต้องเก็บที่อเมริกาในตอนนั้น เพราะว่ายุโรปเป็นสมรภูมิของสงคราม อเมริกาเป็นประเทศประชาธิปไตย ใจซื่อมือสะอาดประเทศต่างๆเลยหลงเชื่อเอาทองไปฝาก แล้วก็จูบลาทองตัวเองไปตลอดกาลKiss the gold goodbye เพราะว่าทองคำสำรองทั้งหมดทั่วโลกไหลเข้าไปสู่มือของพวกที่อยู่ข้างหลังเฟด

 

เป็นการปล้นทองที่มโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ให้ดูหนังเรื่องThe Sting ประกอบ Paul Newmanรับบทอังกฤษ Robert Redfordรับบทอเมริกัน

 

รบไปรบมาถึงปี1945สหรัฐฯและอังกฤษชนะสงคราม อันนำไปสู่อำนาจอันเกรียงไกรที่เหนือระบบโลกของแองโล อเมริกันในตอนนี้เพราะว่าทองคำทั้งหมดในโลกนี้เอาไปกองที่Fort Knox และFederal Reserveที่นิวยอร์ค เพื่อหนุนดอลล่าร์ที่อังกฤษดันให้เป็นเงินสกุลหลักของโลก พวกนอเมริกันตอนนั้นโง่ๆไม่รู่เรื่องอะไร โดนจัดฉากทั้งนั้น เสร็จแล้วก็ตั้งWorld Bank/IMF คุมการเงินโลกโดยให้ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก อังกฤษยอมถอยไปอยู่ข้างหลังสหรัฐฯ และเงินปอนด์ยอมเป็นเงินสกุลรองจากดอลล่าร์ตีคู่กันไป แล้วก็ตั้งUnited Nations พร้อมๆกันเพื่อคุมการเมืองโลกให้อยู่ในระบบจักรวรรดินิยมแองโกล อเมริกัน (ดูเอาแองโกลมาก่อนอเมริกัน) คุมทั้งทุน คุมทั้งอำนาจก็ยึดโลกได้ทั้งใบ

 

หลังจากนั้นก็ค่อยๆปล่อยให้ประเทศอาณานิคมทั้งหลายให้หลงดีใจว่าได้รับ อิสรภาพจากการปล้นการกดขี่ จากการยึดเอาทรัพยากรธรรมชาติ จากการผนวกเอาที่ดินไป แล้วก็ต้อนประเทศโลกที่สาม ที่สี่นี้เข้าคอกใหม่ที่ดูเนียนกว่าคือการเป็นสมาชิกของWorld Bank/IMF และUN ภายใต้ระเบียบโลกใหม่ ที่จะเป็นการล่าอาณานิคมรอบสองผ่านการเงินและ เศรษฐกิจต่อไป และสิ่งนี้ได้ดำเนินมาถึงทุกวันนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรจากลัทธิล่าอาณานิคมในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา

พอได้รับอิสระภาพจากลัทธิล่าอาณานิคม ได้เป็นสมาชิกWorld Bank/IMF UN ก็หลงดีใจคิดว่าประเทศตัวเองมีศักดิ์มีศรีทัดเทียมนานาประเทศทั่วโลกภายใต้ เสรีนิยมประชาธิไตย สิทธิเสรีภาพที่ทัดเทียมกัน โดยหารู้ไม่ว่ากำลังโดนปล้นโดยThe Sting ภาค 2

 

 

เย็นๆจะมาเขียนต่อ โปรดติดตาม เพราะว่า มันกำลังมา

 

thanong

20/9/2013

 

 

 

62453_160396977490018_925027964_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

เมื่อวานนี้ เวลา 16:00 น.

 

 

 

2. ประวัติศาสตร์ย้อนรอย The Sting

 

 

ประวัติศาสตร์การเงินของตอนต้นศตวรรษที่21นี้ ดูแล้วคล้ายๆกันกับช่วงThe Great Depression เมื่อช่วงก่อนสงครามโลกครั้ง2อย่างมาก เพราะว่าช่วง1920sถือได้ว่าเป็นThe Roaring Twenties หรือยุคบูมของเศรษฐกิจและตลาดการเงิน ผู้ที่มีบทบาทสูงสุดในการสร้างฟองสบู่ และทำลายฟองสบู่ของตลาดการเงินและตลาดหุ้นของสหรัฐฯอเมริกาในช่วงนี้คือ Lord Montagu Norman ผู้ว่าการของ Bank of England โดยมีลูกน้องชื่อBenjamin Strongที่ฝังตัวอยู่ที่ New York Federal Reserve Bank เป็นสายคอยรับคำสั่ง

 

อย่างที่ทราบกันใครมีอำนาจเหนือปริมาณเงิน หรือmoney supplyจะเป็นเจ้าพ่อตัวจริง เสียงดังจริง เพราะอำนาจในการคุมปริมาณเงินนี้ผ่านกลไกระบบธนาคารกลางที่สัมพันธ์กับระบบ ธนาคารและระบบตลาดเงิน ตลาดทุนของเอกชนนี้ สามารถทำให้ขยายตัวให้เกิดภาวะฟองสบู่ในระบบการเงินและเศรษฐกิจได้ และในทางกลับกันทำให้เกิดการหดตัวหรือทำให้ฟองสบู่แตกในระบบการเงินและ เศรษฐกิจได้เช่นเดียวกัน ทั้งLord Montegu Norman และBenjamin Strongสร้างสภาพคล่องในระบบการเงินสหรัฐฯให้หุ้นและการเงินเป็นฟองสบู่ใน ช่วงต้น1920s พอบูมถึงจุดสูงสุดแล้ว Lord Montegu Normanในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี1929สั่งถอนเงินปอนด์ของอังกฤษที่ฝังตัวอยู่ ในตลาดนิวยอร์คกลับลอนดอนทันที ผลก็คือหุ้นของนิวยอร์คร่วงเหมือนใบไม้ร่วง ตลาดพังถล่มทลาย

 

เศรษฐีอเมริกันล้มละลายกันเป็นแถว มหาเศรษฐีJoseph Kenedy พ่อของประธานาธิบดีเคเนดี้ผู้ยิ่งใหญ่หวุดหวิดหมดตัวไปกับตลาดหุ้นcrash ปี1929 เพราะว่าก่อนตลาดพังไม่นาน เขาให้เด็กขัดรองเท้าที่นิวยอร์ค เด็กขัดรองเท้าบอกว่าตอนนี้ใครๆก็รวยหุ้นทั้งนั้น ทุกคนที่เขารู้จักซื้อหุ้นแล้วรวยกันหมด พอขัดรองเท้าเสร็จJoseph Kenedyรีบสั่งขายหุ้นหมดพอร์ตเลย เขาเล่าให้ฟังทีหลังว่า เมื่อเด็กขัดรองเท้าบอกว่าซื้อหุ้นแล้วรวยเร็ว เขารู้ทันทีว่าฟองสบู่ตลาดกำลังจะแตกแล้ว

 

ญี่ปุ่นก็โดนCentral Plannerสร้างฟองสบู่ตั้งแต่ปี1986ทำให้ที่ดินโตเกียวแพงที่สุดในโลกเกือบจะ ขายกันเป็นตารางนิ้ว แล้วปี1990ฟองสบู่ก็แตก ตอนนี้ญี่ปุ่นก็ยังไม่ฟื้น และถูกเลี้ยงไข้ให้อยู่ในอาการโคม่ามาตลอด แม้ว่าเวลาจะผ่านไปแล้ว23ปี ประเทศไทยโดนสร้างฟองสบู่ต้นปี1990sผ่านการเปิดเสรีการเงินทำให้เกิดภาวะฟอง สบู่การเงินและเศรษฐกิจ ก่อนที่พวกCentral Planner สั่งโจมตีค่าบาทและถอนเงินดอลล่าร์กลับอย่างปัจจุบันทันด่วน ทำให้เศรษฐกิจไทยฟัง กลายเป็นตำนานของต้ำยำกุ้งในปี1997 อินโดเนเซีย เกาหลีใต้และเอเซียโดนหางเลขไปหมด ในปี1998 รัสเซียก็โดนถล่มค่าเงินในลักษระเดียวกัน ทุนสำรองระหว่างประเทศหมดไป$240,000ล้านอย่างรวดเร็ว จนรัสเซียต้องผิดชำระหนี้

 

ย้อนกลับไปหลังกรพังของตลาดนิวยอร์คปี1929 อังกฤษตามมาซ้ำเติมในเดือนกันยายน (เลข9 หุหุหุ) ของปี 1931 ด้วยการประกาศสงครามการเงินผ่านการล้มระบบgold standardคือเบี้ยวไม่ให้คนสามารถเอาปอนด์ไปแลกทองได้ อังกฤษลดค่าเงินปอนด์ล้มระบบมาตรฐานทองคำ ทั้งๆที่ตอนนั้นอังกฤษเป็นศูนย์กลางการเงินของโลก เมื่อศูนย์กลางการเงินของโลก ล้มโต๊ะเองทำให้ประเทศทั่วโลกต่างระส่ำระสาย หาหลักค่าเงินตัวเองไม่ได้ หลังจากที่ผูกเงินกับทองมานาน ราคาสินค้าของประเทศต่างๆแพง ในขณะที่ของอังกฤษถูกกว่า อันมีผลทำให้ทุกประเทศต้องทะยอยลดค่าเงินแข่งกับปอนด์

 

ในสยามประเทศ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่7 ทรงพยายามที่จะประณีประนอมการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ อันเกิดมาจากการพังของตลาดนิวยอร์คในปี1929 ตามมาด้วยการราดน้ำมันเข้ากองเพลิงของอังกฤษด้วยการลดค่าปอนด์ เบี้ยวทองในระบบมาตรฐานทองคำ คณะอภิมนตรีที่ถวายงานพระเจ้าแผ่นดินเหมือนคณะรัฐมนตรีที่ทำงานให้นายก รัฐมนตรีในตอนนี้ไม่อยู่ในฐานะที่จะเข้าใจในสงครามการเงิน ที่ก่อโดยศูนย์กลางการเงินของโลกที่นิวยอร์คและลอนดอนควบคู่กัน เลยเถียงกันไปเถียงกันมา แก้ปัญหาแบบผิดๆถูกๆ เพราะไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง ที่ปรึกษาอังกฤษ และฝรั่งชาติต่างๆ ก็ให้คำปรึกษาเสี้ยมไปเสี้ยมมายิ่งทำให้งงหนักไปอีก รัชกาลที่7ตอนนั้นยอมรับจุดอ่อนของพระองค์ว่าไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจที่ สลับซับซ้อนเพราะพระองค์เรียนหนังสือมาทางสายทหารมาตลอด และไม่เคยคิดว่าจะได้มาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน นอกจากจะเผชิญกัยสงครามการเงินจากข้างนอก พระองค์ก็ต้องรับแรงกดดันของพวกผู้ก่อการปฏิวัติเพื่อล้มล้างระบอบกษัตริย์ ในขณะที่สายตาทุกคนสนใจแต่การเปลี่ยนแปลงระบบการปแครองในช่วงนั้น ทองคำสยามที่ใช้หนุนเงินบาทมาตลอดโดนขายออกมาเกลี้ยงพระคลัง แล้วให้บาทมาอิงกับปอนด์ที่แกว่งไปแกว่งมาแทนในช่วงที่ระบบการเงินโลกที่ วิกฤติมากที่สุด สยามโดนปล้นทองแบบแนบเนียนมาก

 

 

thanong

20/9/2013

 

 

http://tarpley.net/online-books/against-oligarchy/british-financial-warfare-1929-1931-33-how-the-city-of-london-created-the-great-depression/

 

 

 

1235982_160449807484735_1369161071_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

เมื่อวานนี้ เวลา 16:00 น.

 

 

 

3. ประวัติศาสตร์ย้อนรอย The Sting

 

การพังทะลายของตลาดหุ้นนิวยอร์คปี1929 และการซ้ำเติมของอังกฤษด้วยการลดค่าเงิน พร้อมกับการเบี้ยวทอง เอาปอนด์ออกจากมาตรฐานทองคำในปี1931 เป็นตัวฉุดทำให้ยุโรปเกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซาอย่างรุนแรงตามมา เพราะว่ายุโรปแย่อยู่แล้ว และยังไม่ฟื้นจากหลังสงครามโลกครั้งที่1 ที่มีการรบกันระหว่างปี1914-1918 และทำให้ภูมิภาคอื่นของโลกได้รับผลกระทบด้วย โดยเฉพาะเอเซียแถบบ้านเรา ที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอำนาจซ้ำเติมให้วิกฤติหนักยิ่งขึ้น โดยระบบกษัตริย์และระบบขุนนางเป็นเป้าของการถูกทำลาย เพื่อทำให้ประเทศต่างๆอ่อนแอลง แล้วจะได้สร้างชนชั้นผู้ปกครองขึ้นมาใหม่ เป็นพวกขุนศึกและพ่อค้าที่มีสายสัมพันธ์กับพวกล่าอาณานิคมภายใต้หน้ากากของ ประชาธิปไตย เสรีนิยม สิทธิส่วนบุคคล เพื่อง่ายต่อการปกครอง และง่ายต่อการปล้นทองและปล้นทรัพยากรธรรมชาติต่อไป ผ่านการให้สัมปทานฝรั่งและการค้าและการเงินเสรี

 

จากจุดนั้นเป็นหัวเชื้อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่2 (1939-1945) การทำลายการเงินและเศรษฐกิจและการก่อสงครามโลกเป็นการรีเซ็ทระบบ ทำให้เกิดการทำลายและการสร้างฐานอำนาจใหม่ของกลุ่มแองโกล อเมริกันที่สามารถครอบงำระบบโลกได้เบ็ดเสร็จมากยิ่งขึ้น ผ่านระบบธนาคารกลางของเฟดและแบงค์ออฟอิงแลนด์ ผ่านสถาบันการเงินระหว่างประเทศคือ World Bank/IMF และฺBank for International Settlements ผ่านระบบการเมืองระหว่างประเทศคือ UN, NATO, ผ่านระบบการเงินเอกชนนำโดยWall Street ที่นิวยอร์คและแบงค์อังกฤษที่ลอนดอน และผ่านบรรษัททั้งหลายที่อยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆตลาดหุ้น ตลาดทุนและระบบการเงินและเศรษฐกิจโลก ความร่ำรวยบยโลกนี้อยู่ในมือคนไม่กี่กลุ่ม

 

เหตุการณ์ยังดำรงมาจนถึงทุกวันนี้ จนกระทั่งก้าวเข้ามาในศตวรรษที่ 21 เกิดเหตุการณื9/11 ในปี2001 และวิกฤติการเงินWall Streetในปี2008 ที่ดูเหมือนว่าเป็นการเอาหนังม้วนเก่ามาฉายใหม่ เพื่อเป็นการรีเซ็ทระบบโลก คราวนี้จะเอาทั้งใบให้จบม้วนเดียวไปเลยเชียวนะพ่อคุณ

 

thanong

20/9/2013

 

 

 

12088_160453144151068_1689992358_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

เมื่อวานนี้ เวลา 21:00 น.

 

 

 

4. ประวัติศาสตร์ย้อนรอย The Sting

 

โลกเข้าสู่ศตวรรษที่21 ได้ปีเดียวเป็นเรื่องเลย เกิดเหตุ 9/11ปี2001 ทำให้สหรัฐฯเริ่มก่อสงครามกับอัฟกานิสถานทันที ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะรีเซ็ทตะวันออกกลาง รื้อฟื้นอาณาจักดรบาบิโลนโบราณ นายพล Wesley Clark บอกว่าสหรัฐฯมีแผนที่จะล้ม7 ประเทศในตะวันออกกลางภายใน5ปี คือIraq, Syria, Lebanon, Lybia, Somalia, Sudan และ Iran ตอนนี้สงครามกำลังชะงักที่ซีเรียอยู่ ยังไม่แน่มาจะเดินหน้าอย่างไร เพราะว่าถ้าเกิดสงครามซีเรีย รัสเซีย อิหร่านและจีน หรือไม่ก็อินเดียจะเข้ามาร่วมวงแน่นอนและจะทำให้สงครามขยายวง กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่3ได้

 

ปี2008 เกิดวิกฤติการการเงินสหรัฐฯ เลห์แมน บราเธอรส์ล้ม ทำให้ระบบการเงินสหรัฐฯพังและลากสหรัฐฯยุโรปลงเหวไปด้วย การล่มสลายของระบบการเงินในปีนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ Alan Greenspan ประธานเฟดคนที่มาก่อนหน้าเบน เบอร์แนงกี้ดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำเพื่อสร้างฟองสบู่การเงิน ท่าทางจะทำอย่างจงใจเสียด้วย เพราะว่าเกิดฟองสบู่ดอทคอมช่วงต้นทศวรรษที่1990s ตามมาด้วยฟองสบู่อสังหาฯ ซึ่งเริ่มปริแตกปี2007 ก่อนที่ระบบการเงินจะพังในปี2008 และต้องไม่ลืมว่า Robert Rubin และLarry Summers มีบทบาทสูงในสมัยประธานาธิบดีคลินตันในการเลิกGlass Steagall Act ในปี1999 ทำให้แบงค์สามารถทำธุรกรรมการปล่อยกู้ วานิชธนกิจ ประกันภัย โดยไม่มีกำแพงเมืองจีนขวางกันเหมือนแต่เดิม ทำให้แบงค์สร้างฟองสบู่การเงินลูกโตมโฬาร รวมทั้งตลาดตราสารอนพันธ์ที่ตอนนี้มีมูลค่าตามตัวเลข$1,000ล้านล้าน Greenspanเคยบอกว่า ไม่มีใคร รวมทั้งตัวเขาเองรู้ว่าฟองสบู่การเงินเกิดขึ้นในเศรษฐกิจหรือเปล่า จะรู้ได้ว่าฟองสบู่มีจริงก็ต่อเมื่อฟองสบู่นั้นแตกแล้ว ดูเขาพูดก็แล้วกัน

 

เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าThe Roaring Twenties หรือฟองสบู่เกิดขึ้นจากการปั่นสภาพคล่องของธนาคารกลางเฟดในช่วง1920s ก่อนที่ตลาดหุ้นนิวยอร์คจะพังปี 1929ทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงThe Great Depression คล้ายกับฟองสบู่ที่Greenspanสร้างเมื่อต้น1990s แล้วตลาดก้พังปี2008 The Great Depression ทำให้ยุโรปพังไปด้วยก่อให้เกิดหัวเชื้อสำหรับสงครามโลกครั้งที่2 เลแมน บราเธอร์สพังก็ได้ลากยูโรโชนลงไปด้วย ตอนนี้ยังไม่ฟื้นกันเลย กรีซและไซปรัสเหมือนเป็นไก่ที่โดนเชือดให้ลิงดู เพื่อว่าทุกประเทศจะต้องยอมสละทิ้งอำนาจอธิปไตยเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งของ การรวมตัวกันของสหภาพยุโรป กลายเป็นสหรัฐแห่งยุโรป คล้ายๆกันกับสหรัฐอเมริกา หมายความว่าต่อไปจะไม่มีประเทศกรีซ หรือโปรตุเกสอีก แต่จะกลายเป็นรัฐๆหนึ่งในสหรัฐแห่งยุโรป จะเป็นการรีเซ็ททวีปยุโรปทั้งทวีป ทำได้ไม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง

 

ส่วนที่สหรัฐฯก็มีความพยายามจะรีเซ็ทเหมือนกัน โดยประธานาธิบดีโอบามาด้วยการล้มเฟด พิมพ์ดอลล่าร์ใหม่โดยกระทรวงการคลังเพื่อล้างหนี้และเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

 

จะเห็นได้ว่าตะวันออกกลาง ยุโรปและสหรัฐฯเป็นเป้าของการโดนรีเซ็ท ส่วนเอเซียยังไม่ชัด เพราะว่าจีนและรัสเซียกำลังเป็นผู้นำในการสร้างระเบียบโลกใหม่ที่ไม่เอา ดอลล่าร์อยู่ผ่านกลุ่มบริกส์และกลุ่มที่อยู่ในเขตยูเรเซีย

 

หลังThe Great Depressionปี1929อีก10ปี ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่2 ระหว่าง1939-1945 หลังเลแมน บราเธอรส์ล้มปี2008 โลกเราระส่ำระสาย ตอนนี้ปี2013แล้ว เรากำลังจะเดินตามรอยประวัติศาสตร์เดิมหรือเปล่าเพื่อเข้าสู่สงครามโลก

 

 

thanong

20/9/2013

 

 

 

 

1014382_160492554147127_46572047_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Bank of International Settlements (BIS): The most powerful bank in the world announces the crash

 

Posted on September 19, 2013 by David

 

Translated from the original German article:

caruana-1024x708.jpg

The Spaniard Jaime Caruana is the Chief of the secretive Bank for International Settlements (BIS). The BIS fears that central banks are no longer able to avoid the crash in the global debt crisis. Ben Bernanke has supplied the evidence on Wednesday. (Photo: Reuters)

The Bank for International Settlements (BIS) is the current situation on the financial markets as worse than before the Lehman bankruptcy. The warning of the BIS could be the reason why the U.S. Federal Reserve decided to continue indefinitely to print money: Central banks have lost control of the debt-tide and give up.

The decision by the U.S. Federal Reserve to continue indefinitely to print money (here ) might have fallen on “orders from above”.

Apparently, the central banks dawns that it is tight.

Very narrow.

The most powerful bank in the world, the Bank for International Settlements(BIS) has published a few days ago in its quarterly report for the possible end of the flood of money directly addressed – and at the same time described the situation on the debt markets as extremely critical. The “extraordinary measures by central banks” – aka the unrestrained printing – had awakened in the markets the illusionthat the massive liquidity pumped into the market could solve the fundamental problems (more on the huge rise in debt - here ).

This clear words may have meant that Ben Bernanke and the Federal Open Market Committee, the Fed got cold feet. Instead, as expected, which is now formally announcing the end of the flood of money, the Fed has decided to just carry on as before.

 

http://ncrenegade.com/editorial/bank-of-international-settlements-bis-the-most-powerful-bank-in-the-world-announces-the-crash/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านแล้วครับ สนุกมากกว่าหนังสือการลงทุนทั่วไป ผู้เขียน คือ ปีเตอร์ ลินซ์ ผู้จัดการกองทุนใหญ่(น่าจะที่สุด) ในเมกา

เนื้อหาเยอะอยู่ แต่พอจะสรุปได้ว่า

 

คนทั่วไปมีโอกาสดีกว่าผู้จัดการกองทุนทั้งหลาย เพราะมีความคล่องตัว ไม่ต้องถูกบังคับโดยเจ้านาย ระบบการทำงาน และเจ้าของเงินที่เขารับจัดการให้ เช่น พวกกองทุนเกษียณอายุของบ.ต่างๆ

 

คนทั่วไปสามรารถสังเกตการขยายตัวของธุรกิจและเริ่มเข้าซื้อได้ก่อนกองทุนทั้งหลาย

เมื่อกองทุนทั้งหลายเข้ามาแย่งกันซื้อ ราคาก็สูงไปมากแล้ว

 

แต่การเข้าซื้อนอกจากสังเกตการขยายตัวของกิจการที่สัมผัสได้ในชีวิตประจำวันของเราแล้วก็ต้องมีศึกษากิจการต่อด้วย แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากวุ่นวายมากอย่างที่คิด

 

อยากให้อ่านเองมากว่าเพราะผู้เขียน เขียนได้มีรสชาติเหมือนหนังสืออ่านเล่นเลย

ผมสรุปแล้วมันจืดชืดยังไงไม่รู้ :blush:

 

ปล. จากที่ผมคุยกับคุณ wcg ผมว่าลักษณะนิสัยคุณ wcg น่าจะเหมาะกับการลงทุนแนวนี้นะ ถ้าพอจะอ่านงบได้ เพราะใจเย็น อดทน ข้อมูลแน่นปึ๊ก

 

แต่ก็อย่างที่เคยโพสว่า ส่วนหนึ่งของความมั่งคั่งของเมกามาจากการสูบทรัพยากรของประเทศอื่น อาจเอาวิธีที่ใช้ได้ในเมกาไปใช้ในตลาดอื่นไม่ได้ทั้งหมด

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

...

คนทั่วไปมีโอกาสดีกว่าผู้จัดการกองทุนทั้งหลาย เพราะมีความคล่องตัว ไม่ต้องถูกบังคับโดยเจ้านาย ระบบการทำงาน และเจ้าของเงินที่เขารับจัดการให้ เช่น พวกกองทุนเกษียณอายุของบ.ต่างๆ

 

คนทั่วไปสามรารถสังเกตการขยายตัวของธุรกิจและเริ่มเข้าซื้อได้ก่อนกองทุนทั้งหลาย

เมื่อกองทุนทั้งหลายเข้ามาแย่งกันซื้อ ราคาก็สูงไปมากแล้ว

 

แต่การเข้าซื้อนอกจากสังเกตการขยายตัวของกิจการที่สัมผัสได้ในชีวิตประจำวันของเราแล้วก็ต้องมีศึกษากิจการต่อด้วย แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากวุ่นวายมากอย่างที่คิด

 

อยากให้อ่านเองมากว่าเพราะผู้เขียน เขียนได้มีรสชาติเหมือนหนังสืออ่านเล่นเลย

ผมสรุปแล้วมันจืดชืดยังไงไม่รู้ :blush:

 

ปล. จากที่ผมคุยกับคุณ wcg ผมว่าลักษณะนิสัยคุณ wcg น่าจะเหมาะกับการลงทุนแนวนี้นะ ถ้าพอจะอ่านงบได้ เพราะใจเย็น อดทน ข้อมูลแน่นปึ๊ก

 

...

 

ขอบคุณสำหรับพรีวิวหนังสือเล่มนี้ครับ

:01

 

ออกมาแนว "วีไอ(จริงๆ)" แบบนี้ไม่แปลกใจเลยที่ดร.นิเวศน์นำมาแปล ตอนนี้หนังสือในคิวอ่านเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีเวลาว่างเลย ไว้ผ่านร้านหนังสือจะหามาวางไว้ในคิวอีกเล่ม ขอบคุณที่แนะนำครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แบบนี้จะเรียกว่าท่านปธน.ลุงแซมออกมา "ส่งสัญญาณ" หรือเปล่าครับ?

  • ที่นี่คือเมืองลุงแซม พวกเราไม่ใช่พวกกระจอก ประเทศนี้ไม่เบี้ยวหนี้ เราไม่ใช้เงินเกินตัว เราเป็นรากฐานของการลงทุนทั่วโลก ทั้งโลกนั้นจับตามองเรา เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจโลกจะมีเสถียรภาพ เราจะเบี้ยวหนี้ไม่ได้

wcg แปลไทย เป็นไทยอีกที

  • ประเทศนี้ไม่เบี้ยวหนี้ :: แต่พิมพ์เงินปลอมมาจ่ายหนี้แทน
  • เราไม่ใช้เงินเกินตัว :: บัตรเครดิตเราเพิ่มวงเงินได้ไม่จำกัด นี่ก็จะเต็มอีกแล้ว ต้องเพิ่มอีกซักครั้งแล้วหล่ะ
  • ทั้งโลกนั้นจับตามองเรา :: กรูมีเศรษฐกิจโลกเป็นตัวประกันนะเฟ้ย
  • เราจะเบี้ยวหนี้ไม่ได้ :: เพิ่มวงเงินเถอะนะ อย่ามาขัดขาผมเรื่องขึ้นวงเงินบัตรเครดิตเลย อย่าให้เศรษฐกินมันมาพังตอนผมเรืองอำนาจ เข้าใจ๊?

http://www.zerohedge...deadbeat-nation

http://www.youtube.com/watch?v=WkL4_O5GRl0

 

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

 

เพิ่มเติมครับ

 

ชาวไทยอย่าเอามาตรฐานการศึกษาเราไปเทียบกับที่อื่น แล้วย้อนกลับมากดตัวเราเองเลยครับ

คนอื่นเขาก็ไม่ได้เจ๋งกว่าเราไปซักเท่าไหร่หรอก ทุกที่ มีดี มีแย่ เหมือนๆกัน

 

มีคนไปสัมภาษณ์นักศึกษา มหา'ลัยแคลิฟอร์เนียใต้ ในหัวข้อ "คุณคิดว่าปธน.ลุงแซมสมควรได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพหรือเปล่า? ถ้าใช่ เพราะอะไร?"

 

คำตอบที่ได้รับคือ

  • สมควร แต่ไม่รู้เหตุผลหรอก
  • สมควร เพราะฉันชอบคนๆนี้
  • สมควร เพราะเขาเป็นคนดี
  • สมควร เพราะผมเคารพในนโยบายการต่างประเทศของเขา
  • สมควร เพราะเขาช่วยคนไปทั่วโลก (ช่วยถล่มเขานี่นับหรือเปล่า)

เด็ดสุด ...

  • ถาม : มีคนเทียบปธน.คนนี้พยายามก่อสงครามกับซีเรีย กับบุชที่ก่อสงครามกับอิรัก คุณมองว่าต่างกันอย่างไร?
  • ตอบ : ฉันไม่ชอบบุช

http://www.youtube.com/watch?v=bwhPVeTjq1U

http://www.maxkeiser.com/2013/09/great-brand-terrrible-president-usc-students-say-obama-deserves-peace-prize-cant-say-why/

 

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

  • ที่นี่คือเมืองลุงแซม พวกเราไม่ใช่พวกกระจอก ประเทศนี้ไม่เบี้ยวหนี้ เราไม่ใช้เงินเกินตัว เราเป็นรากฐานของการลงทุนทั่วโลก ทั้งโลกนั้นจับตามองเรา เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจโลกจะมีเสถียรภาพ เราจะเบี้ยวหนี้ไม่ได้

wcg แปลไทย เป็นไทยอีกที

  • ประเทศนี้ไม่เบี้ยวหนี้ :: แต่พิมพ์เงินปลอมมาจ่ายหนี้แทน
  • เราไม่ใช้เงินเกินตัว :: บัตรเครดิตเราเพิ่มวงเงินได้ไม่จำกัด นี่ก็จะเต็มอีกแล้ว ต้องเพิ่มอีกซักครั้งแล้วหล่ะ
  • ทั้งโลกนั้นจับตามองเรา :: กรูมีเศรษฐกิจโลกเป็นตัวประกันนะเฟ้ย
  • เราจะเบี้ยวหนี้ไม่ได้ :: เพิ่มวงเงินเถอะนะ อย่ามาขัดขาผมเรื่องขึ้นวงเงินบัตรเครดิตเลย อย่าให้เศรษฐกินมันมาพังตอนผมเรืองอำนาจ เข้าใจ๊?

 

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

 

แปลได้เก่งครับ หรือพูดอีกแบบก็คือคนพูดเจ๋งมาก พูดแล้วดูดี คนทั่วไปอ่านนัยที่ซ่อนเร้นไม่ออก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทวีศักดิ์ อัศวแสงรัตน์

7 ชั่วโมงที่แล้ว

 

กราฟทองเดย์ตอนนี้เป็นรูปแบบแพทเทิร็น ไบกอน ครับ คือกราฟฆ่าแมงเม่า สังเกตุว่า ยังไม่มีการทำนิวไฮด์ และก็ยังไม่มีนิวโลว์เช่นกัน

แต่การสวิงของราคาลักษณะที่เกิดขึ้น 2-3มานี้ไม่ปกติครับ วันนึงขึ้น 60 เหรียญ และอีกวันทุบ 40 เหรียญ มีไม่บ่อยครั้งหรอกครับ

ส่วนนึงเกิดจากการ roll over ของผู้เล่นตลาดโลก ในสัญญาเดือนกันยาที่ใกล้จะหมดอายุ มาเป็นสัญญาเดือนใหม่

แต่ที่สำคัญเลยคือ รูปแบบนี้คือคนกำลังไม่มั่นใจ ครับ

 

ทางที่ดีควรรอดูความชัดเจนก่อน ตลาดไร้เทรนครับ เล่นเก็งข่าวอย่างเดียว ไร้นิวไฮด์ ไร้นิวโลว์ แต่สวิงกันรุนแรง เสี่ยงเกินไปครับ

 

เราเล่นเอาตังค์ นะครับ ไม่เล่นแบบตาดีได้ ตาร้ายเสีย ไม่เอา ไม่เสี่ยง

ตลาดมีเทรน = ความเสี่ยงน้อย โอกาสกำไรมาก

ตลาดไม่มีเทรน = ความเสี่ยงมาก โอกาสกำไรน้อย

 

ตลาดมีเทรน = มีนิวไฮด์ นิวโลว์ รูปแบบชัดเจน

ตลาดไร้เทรน = sideway หรือ สวิงขึ้นลงรุนแรง แต่ไม่มีนิวไฮด์ ไม่มีนิวโลว์ รูปแบบไม่ชัดเจน

 

สรุป เล่นสั้น รอบนี้ หลุด 1319* ลงมา s ได้ครับ เพราะถ้าจะทำขาขึ้น ต้องไม่มาลักษณะนี้

แต่ถ้ายังไม่หลุด 1319* อยู่นิ่ง ๆ รอดูก่อน หากยืนอยู่และมีสัญญาณกลับตัว ให้รอ L สวนกลับอีกรอบครับ

 

คร่าว ๆ คืนนี้ก่อน ไว้พรุ่งนี้ จะอ่านกราฟจากหลาย ๆ ระบบ มาฝากอีกรอบครับ

1238870_669058703104466_1929068815_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตามนี้เลยครับ

http://www.federalre...mccalendars.htm

 

คุณ wcg ครับ ประชุมเดือน ต.ค. มันไม่มี statement press conference หมายถึงว่าเป็นการประชุมเหมือน เม.ย. พ.ค. ก.ค. หรือเปล่าครับ

ทำนองเป็นการประชุมย่อยหรือเปล่าครับ

 

จากกรุงเทพธุรกิจ ลงคำให้สัมภาษณ์ของประธานสาขาเซนหลุยส์ในแนวบวก

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/foreign/20130922/531471/%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89QE%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%94.html

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...