ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

เผยแพร่เมื่อ 2 ก.ย. 2013

 

License to Kill? UK approved sale of nerve gas chemicals to Syria

 

British firms recently sold Syria chemicals which can be used to make nerve gas - the agent allegedly used during last month's deadly attack near Damascus. It's been revealed that London granted export licences last January, when Syria was already ravaged by civil war. RT's Sara Firth reports.

 

 

ออกมาบอกแบบนี้เพราะหาเรื่องจะบุกหรือเปล่าหว่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอความรู้ครับ

 

การเปรียบเทียม หมากรุกกับโป๊กเกอร์ มันหมายความว่ายังไงหรอครับ

 

หมากรุก ต้องวางแผนในการเล่นเพื่อใช้หมากที่มีทั้งหมดให้เกิดประโยชน์

 

โป๊กเกอร์ เน้นการบลัฟ และใช้ดวงเอาส่วนนึง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ4 ชั่วโมงที่แล้ว ·

 

 

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

 

3 กันยายน 2556

 

General News

----------------

 

• ดัชนี PMI ยูโรโซนเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 51.4 จุด จาก 50.3 จุดในเดือน ก.ค. เป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการผลิตยูโรโซน แต่ภาคเอกชนยังลังเลที่จะจ้างงานเพิ่ม แสดงว่าต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าที่จะฟื้นตัวจนทำให้ตลาดแรงงานขยายตัวอย่าง ยั่งยืนได้

 

• ดัชนี PMI ภาคการผลิตเยอรมนีเดือน ส.ค. ขยายตัวสูงสุดใน 2 ปี จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ บ่งชี้ว่าภาคการผลิตจะช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสนี้

 

• ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอังกฤษเดือน ส.ค. ขยายตัวมา 5 เดือนติดต่อกัน และมียอดสั่งซื้อใหม่กับผลผลิตพุ่งขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 20 ปี เพิ่มความหวังว่าอังกฤษกำลังฟื้นตัว

 

• สหรัฐฯ อาจโจมตีซีเรียในสุดสัปดาห์นี้หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีของ สหประชาชาติออกจากซีเรียเรียบร้อยแล้ว ขณะที่รัสเซียจะขอให้มีการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น 15 ประเทศในสุดสัปดาห์นี้เช่นกันเพื่อชะลอการดำเนินการทางทหารใดๆ ต่อซีเรีย

 

นอกจากนี้ ผู้นำตุรกีเห็นว่าการใช้กำลังทหารโจมตีซีเรียจะไม่ช่วยแก้ไขและจะยิ่งทำให้ ปัญหารุนแรงขึ้นอีก แต่เรียกร้องให้ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ลี้ภัยออกจากประเทศในทันที

 

• จีน แสดงการต่อต้านการคอรัปชั่นในประเทศอย่างจริงจัง ล่าสุดทางการจีนได้ทำการสอบสวน เจียง เจ๋อหมิน หัวหน้าคณะกรรมการการกำกับดูแลภาครัฐ ซึ่งถูกสงสัยว่าทำผิดวินัยอย่างรุนแรง

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก Nomura เชื่อว่า ในระยะสั้น ข่าวคอรัปชั่นจะเป็นปัจจัยลบต่อจีนในช่วง 6-12 เดือนต่อจากนี้ แต่จะเป็นผลดีต่อจีนในระยะยาวเนื่องจากแสดงให้เห็นว่าผู้นำคนใหม่ของจีน กำลังดำ เนินตามแนวทางที่ถูกต้อง และเป็นการสร้างอำนาจเพื่อการปฎิรูปประเทศอย่างจริงจัง

 

• ราคาบ้านในเมืองใหญ่ของจีนพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือน ส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ค. บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงขยายตัวเนื่อจากาคาที่ดินฟื้นตัว ทำให้คนทั่ว ไปไม่สามารถซื้อได้ แม้มีการควบคุมอย่างเข้มงวดในตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นเวลาเกือบ 4 ปี

 

• การใช้จ่ายด้านเงินทุนของภาคเอกชนญี่ปุ่นไตรมาส 2 ปีนี้เพิ่มขึ้น 0.02% มาอยู่ที่ 8.31 ล้านล้านเยน (84.29 พันล้านดอลลาร์) หลังจากลดลง 3.9% ในไตรมาสก่อนหน้า

 

• นักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่น มีแนวโน้มคงนโยบายเงินตราแบบผ่อนปรนไว้เช่นเดิมเพื่อรับมือกับภาวะเงินฝืด สำหรับการประชุมด้านนโยบายในวันพุธที่ 4 ก.ย.นี้ คาดว่าการประชุมจะเน้นไปที่การลงทุนด้านเงินทุนและค่าแรง เพื่อประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น

 

• อัตราเงินเฟ้อเกาหลีใต้เดือน ส.ค.อยู่ที่ 1.3% ชะลอลงจาก 1.4% ในเดือนก่อน และอยู่ในระดับ 1% มา 10 เดือนติดต่อกัน หลังราคาอาหารในกลุ่มผัก/ลไม้เพิ่มขึ้น ส่วนราคาเครื่องสำอางลดลง 15% และราคาสินค้าอุตสาหกรรมรวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงและอาหารแปรรูปลดลง 0.2

 

• GDP ไตรมาส 2 ของอินเดียขยายตัวเพียง 4.4% ชะลอมากที่สุดนับแต่ปี 2009 จากความผันผวนของค่าเงินรูปีซึ่งอ่อนค่าลงมา 16% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังเกิดภาวะเงินทุนไหลออกและขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

ทั้งนี้ บีเอ็นพีพาริบาส์ คาดว่า ธ.กลางอินเดียอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากขึ้นมาแล้วในเดือน ก.ค. เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินรูปี

 

• ดัชนี PMI ภาคการผลิตอินเดียหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่งในเดือน ส.ค. บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ตกต่ำมากขึ้น

 

• อินเดียเตรียมสั่งผู้ให้บริการปั๊มน้ำมันภายในประเทศปิดให้บริการในเวลากลาง คืน ซึ่งแผนดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการรัดเข็มขัดที่ทางการอินเดียได้วาง แผนเอาไว้

 

• ยอดขาดดุลการค้าของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2.31 พันล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ค. อันเนื่องจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมากเกินคาด โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซ

 

• ก.พาณิชย์ รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้น 1.59% จากปีก่อน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่ม 1.82% ขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค. 56) อยู่ที่ 2.47% ซึ่งเป็นผลจากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ก.พาณิชย์ คาดว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซ PG าทางด่วนและค่าไฟฟ้าจะกระทบอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีเพิ่มขึ้นอีก 0.1%

 

• กรุงเทพโพลล์ รายงานผลสำรวจว่า ...

 

นักเศรษฐศาสตร์กว่า 65.5% เห็นว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงปี 57-63 มีโอกาสจะขยายตัวเฉลี่ยน้อยกว่า 5.63% ต่อปี (อัตราการขยายตัวเฉลี่ยในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา)

 

อีก 57.4% มองว่ามีโอกาสมากกว่าครึ่งที่จะขยายตัวเฉลี่ยน้อยกว่า 4% และจะทำให้หนี้สาธารณะต่อGDP เกิน 50%

 

นักเศรษฐศาสตร์มากถึง 90.2% เชื่อว่ามีโอกาสมากกว่าครึ่งที่รัฐบาลในช่วงปี 60-63 จะใช้งบประมาณแบบขาดดุลเหมือนเดิม

 

Equity Market

----------------

 

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)

-----------------------------------------

นักลงทุนสถาบัน + 797.74

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ + 935.69

นักลงทุนต่างชาติ - 1,409.89

นักลงทุนทั่วไป - 323.54

 

• SET Index ปิดที่ 1,323.70 จุด เพิ่มขึ้น 29.40 จุด หรือ +2.27% มูลค่าซื้อขาย 34,212.63 ล้านบาท จากปัจจัยบวกเรื่องดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนขยายตัวดีกว่าที่คาด ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดเอเชียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะอยู่ใน ทิศทางที่ดี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังรอความคืบหน้าตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ซึ่งหากออกมาดีจะส่งผลให้ FED ลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน(QE) ภายในเดือนนี้

 

• ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ระดับ 22,175.34 จุด เพิ่มขึ้น 443.97 จุด หรือ +2.04% หลังเศรษฐกิจส่งสัญญาณการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยดัชนี PMI เดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจจีนอาจพ้นจุดต่ำสุดแล้ว

 

Fixed Income Market

------------------------

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วง -0.03% ถึง +0.02% ด้วยมูลค่าซื้อขายรวม 53,143.05 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลตั๋วเงินคลัง อายุ 1 / 3 / 6 เดือน วงเงินรวม 83,000 ล้านบาท

 

Gold Corner

-------------

 

• จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากนักลงทุนไม่ตอบรับข้อเสนอของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่ตัดสินใจโจมตีซีเรีย แต่คำตัดสินใจดังกล่าวต้องขึ้นอยู่กับสภาคองเกรสให้เป็นผู้พิจารณา โดยมีกำหนดเปิดสภาในวันที่ 9 กันยายนนี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าสภาคองเกรสอาจมีมติไม่ใช้มาตรการดังกล่าวเนื่อง จากสมาชิกในสภาและคนทั่วไปไม่นิยมความรุนแรง จึงกดดันให้นักลงทุนขายทำกำไรออกมา แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกเรื่องตัวเลขดัชนีภาคการผลิตจีน(PMI) ออกมาดีขึ้นในรอบ 16 ปี

 

Guru Corner

--------------

 

• Nouriel Roubini เตือนว่านักลงทุนอาจมีความคิดในแง่ดีเกินไปเกี่ยวกับการตัดสินเรื่องการขยาย เพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐที่จะมีขึ้นในเดือนกันยายนนี้ เพราะนักลงทุนอาจคิดว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี โดยไม่เกิด Default และรัฐบาลไม่สั่นคลอน แต่ความเป็นจริงการตัดสินใจเรื่องการขยายเพดานหนี้สาธารณะนั้นมีความเสี่ยง สูงต่อความสั่นคลอนของพรรครัฐบาลของ Obama เนื่องจากพรรคริพับลิกันอาจไม่เห็นด้วยจนทำให้ไม่ผ่านกฏหมายการขยายเพดาน หนี้ออกไปได้ง่ายๆ

 

Hot Issue

----------

 

• Businessinsider ให้เหตุผล 3 ข้อว่าทำไมรัสเซียต้องคอยให้ความช่วยเหลือซีเรียมาโดยตลอดในช่วงที่มีความ ขัดแย้งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการให้อาวุธสงครามและเงินสด ซึ่งได้แก่

 

1. Strategic : เนื่องจากซีเรียมีท่าเรือ Tartus ซึ่งเป็นฐานทัพนานาชาติแห่งเดียวที่อยู่ภายนอกของอดีตสหภาพโซเวียต

 

2. Financial : มูลค่าที่รัสเซียมีการพึ่งพาทางเศรษฐกิจกับซีเรียสูงถึง 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการขายอาวุธให้กับซีเรียเป็นมูลค่าสูงกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

 

3. Philosophical : ความพยายามใดๆที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง ย่อมสิ้นสุดด้วยความวุ่นวาย โดยรัสเซียพร้อมที่จะต่อต้านต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งเห็นได้จากเหตุการณ์ในอิหร่าน ลิเบีย และอียิปต์ เป็นต้น

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ2 ชั่วโมงที่แล้ว ·

 

 

เรื่องที่ต้องอ่าน จากท่านขุนน้อย ไทยโพสท์

---------------------------------------------

 

หลังจากที่ประธานาธิบดีผิวสี จอมลื่นไหลอย่าง บารัค โอบามา ท่านตัดสินใจโยนขี้ไปให้รัฐสภา คำถามในเรื่องสหรัฐจะบุกหรือไม่บุกซีเรีย จึงกลายมาเป็นคำถามยอดฮิต ที่พอจะเอามาพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างกำลังรอๆ ว่า ระหว่างตำรวจกับม็อบยางพารา ใครจะบุกใครกันแน่!!!

 

เอาเป็นว่าไม่ว่าจะโดยรัฐสภาหรือโดยตัวประธานาธิบดีก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากประเทศที่พยายามดำรงลักษณะความเป็นจักรวรรดินิยมมาโดยตลอดอย่าง สหรัฐ เกิดบรรลุโมกขธรรม หรือบรรลุสัมโพธิญาณใดๆ ขึ้นมาก็แล้วแต่ เกิดไม่คิดจะบุกซีเรีย หรือยืดเวลาการบุกออกไปเป็นเดือนๆ ปีๆ แล้วละก็ สิ่งที่จะปรากฏตามมาต่อความเป็นอภิมหาอำนาจสูงสุดของสหรัฐก็คงหนีไม่พ้นไป จากความเสื่อมในสายตาของชาติพันธมิตร ไม่ว่าในแง่ใดแง่หนึ่งก็ตาม

 

เนื่องจากความเป็นจักรวรรดินิยมใดๆ ก็แล้วแต่มันแทบไม่ต่างอะไรไปจากการขี่หลังเสือ โอกาสที่จะลงจากหลังเสือโดยไม่ให้เสือขบหัวออกจะยากลำบากเอามากๆ มีแต่ต้องห้อตะบึงไปจนทั้งเสือทั้งคนขี่หมดเรี่ยว หมดแรง โทรมลงไป ด้วยกันทั้งคู่...

 

โดยเฉพาะถ้าหากชาติพันธมิตรรายสำคัญในตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบีย ที่ไม่เพียงแต่หวังจะให้สหรัฐบุกซีเรียเท่านั้น แต่ยังหวังให้ลุยทะลุไปถึงอิหร่าน ไปทุบโรงงานนิวเคลียร์ ไปลดอิทธิพลของพวกอิหม่ามชีอะห์ที่เป็นหอกข้างแคร่ของพวกสุหนี่และลัทธิวาฮ์ ฮะบีมาโดยตลอด เกิดความรู้สึกถึงความเสื่อมเหล่านี้ ความเป็นจักรวรรดินิยมของสหรัฐก็อาจต้องเจอกับภาวะแบบที่นาย ชาร์ลส์ ดับเบิลยู ฟรีเมน อดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐประจำซาอุดีอาระเบีย และอดีตประธานสภานโยบายด้านตะวันออกกลาง (Middle East Policy Council) เคยตั้งเป็นข้อสังเกตเอาไว้ว่า...

 

“สิ่งสำคัญที่ประเทศซาอุดีอาระเบียได้สร้างเอาไว้อย่างชนิดต้องจดจารึกเป็น ประวัติศาสตร์ก็คือการยืนหยัด ยืนกราน ที่จะซื้อขายน้ำมันของพวกเขาด้วยเงินสกุลดอลลาร์ เพราะฉะนั้นรัฐบาลของเราจึงยังคงสามารถพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาซื้อน้ำมันได้ เรื่อยๆ โดยอาศัยความได้เปรียบที่ประเทศอื่นไม่ได้มีเหมือนเรา

 

แต่ด้วยการปรากฏตัวขึ้นมาของเงินสกุลอื่น และด้วยสัมพันธภาพอันตึงเครียด (หรือด้วยความเสื่อม) ระหว่างเรากับประเทศนี้ซึ่งนับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมกังวลว่าในอีกไม่นานไม่ช้า พวกเขาอาจไม่คิดที่จะทำสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อประชาชน (หรือรัฐบาล) ในซาอุดีอาระเบียต่างร้องถามขึ้นมาว่า ทำไมเราจะต้องใจดีกับพวกอเมริกันถึงขนาดนั้น”

 

พูดง่ายๆ ว่าถ้าหากรัฐบาลซาอุฯ ที่เคยหวังจะอาศัยไหว้วานให้จิ๊กโก๋อย่างสหรัฐไปช่วยถีบใครต่อใคร เกิดความรู้สึกว่ารัฐบาลสหรัฐชักใจไม่ถึง หรือไม่มีบารมีพอที่จะคุมปากซอย ท้ายซอย ได้อีกต่อไป แทนที่จะยอมเป็นมือเป็นตีนให้กับอภิมหาอำนาจสูงสุดรายนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันก็อาจก่อให้เกิดความคิดใหม่ๆ แบบที่นาย วิลเลียม อิงดาลห์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง “A Century of War: Anglo American Oil Politic and the New World Oder” ได้เคยสรุปเอาไว้ว่า ...

 

“พวกประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซีย) ต่างรู้สึกเต็มกลืนมานานเต็มทีสำหรับการกำหนดราคาน้ำมันของตัวเองเป็นเงิน สกุลดอลลาร์ และเริ่มคิดว่าหากยังมัวหวาดกลัวต่อการเผชิญหน้า การตอบโต้แก้เผ็ดจากสหรัฐ พวกเขาก็คงต้องขาดทุนต่อไปเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่มีแต่จะอ่อนลงๆ เมื่อเทียบกับเงินตราสกุลอื่น และเมื่อเทียบกับทองคำ”

 

ข่าวลือในช่วงเดือนตุลาคมปี ค.ศ.2009 ว่าด้วยกรณีที่บรรดาผู้นำของกลุ่มประเทศอ่าวฯ ไม่ว่าจะเป็นซาอุฯ บาห์เรน โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้จัดการประชุมอย่างลับๆ ร่วมกับรัสเซีย จีน รวมทั้งญี่ปุ่น เพื่อที่จะหารือถึงความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนระบบการซื้อ-ขายน้ำมันโดยใช้ เงินดอลลาร์เป็นหน่วยชำระทางบัญชี มาเป็นการใช้ระบบตะกร้าเงินกันแทนที่ มันอาจกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้!!!

 

และถ้าหากมันเป็นจริงขึ้นมาตามนั้น นั่นย่อมทำให้อนาคตของเงินดอลลาร์สหรัฐย่อมต้องเป็นไปตามที่ผู้ปล่อยข่าวลือ อย่าง นาย โรเบิร์ต ฟิกส์ นักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ชาวอังกฤษที่คลุกคลีอยู่ตะวันออกกลางมานานกว่า 30 ปี ได้จั่วหัวเอาไว้ในรายงานในหนังสือพิมพ์ ดิอินดิเพนเดนต์ นั่นแหละว่า The Demise of the Dollar หรืออวสานของเงินดอลลาร์ และนั่นอาจทำให้เกิดฉากสถานการณ์จำลองอย่างที่ศาสตราจารย์ อัลเฟรด แมคคอย แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน ได้วาดเอาไว้ก่อนล่วงหน้าว่า...

 

“เงินดอลลาร์ที่เคยแพร่สะพัดไปยังซีกโลกต่างๆ จะหวนกลับมาสู่ประเทศเป็นสายๆ และด้วยค่าเงินเท่าที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดในมือชาวอเมริกันแต่ละราย จะถูกนำไปใช้เพื่อแลกมากับน้ำมันแค่ไม่กี่ลิตร และแล้วระบบเศรษฐกิจทั้งระบบของอเมริกาจึงถึงกาลอัมพาต เมื่อการทะเลาะเบาะแว้งกับชาติพันธมิตรสิ้นสุดลง พร้อมๆ กับแรงกดดันอันท่วมทับปานขุนเขา

 

ท้ายที่สุด...กำลังทหารสหรัฐที่เคยกระจัดกระจายอยู่ทุกซีกโลกก็จะต้องถอน กำลังกลับมาอย่างเงื่องหงอย และอีกไม่กี่ปีนับจากนั้น จักรวรรดิอเมริกาอันเคยมั่งคั่ง ยิ่งใหญ่ มาหลายต่อหลายศตวรรษ ก็จะตกอยู่ในภาวะล้มละลาย เข็มนาฬิกาแห่ง ศตวรรษของชาวอเมริกันเคลื่อนสู่ช่วงเวลาเที่ยงคืน”

 

ด้วยเหตุนี้ ถ้าไม่ต้องการให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปในรูปนี้ สุดท้าย ไม่ว่าจะโดยรัฐสภาหรือโดยตัวประธานาธิบดี อเมริกาคงหนีไม่พ้นที่จะต้องหาทางบุกซีเรียจนได้

 

แต่บุกแล้วมันจะทำให้สถานการณ์ของตัวเองดีขึ้นหรือเลวลงนั่นคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

แต่ที่แน่ๆ ก็คือ มันย่อมส่งผลให้สถานการณ์ของโลกทั้งโลกมีแต่ต้องเลวร้ายตามไปด้วยอย่างมิอาจ หลีกเลี่ยงได้เลย เพราะไม่เคยมีสงครามใดๆ ในโลกนี้ที่มันสามารถนำมาซึ่งสันติภาพอันมั่นคงยั่งยืนถาวร มีแต่ยิ่งนำมาซึ่งสงครามอันไม่รู้จักจบจักสิ้น

 

จนทำให้คำว่าสันติภาพมีความหมายไปในทำนองที่ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านได้ให้คำนิยามเอาไว้นั่นแหละว่า ....

 

“คือสันติภาพเพื่อเตรียมการรบครั้งใหญ่ ยิ่งยืดเวลาออกไปยาวนานเพียงใด ก็ยิ่งจะมีการรบใหญ่ตามมาเบื้องหลังเพียงนั้น...”

 

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Plato (อีกครั้ง)...

 

“Only the dead have seen the end of war. มีแต่คนตายเท่านั้นที่มีโอกาสได้เห็นอวสานแห่งสงคราม”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินเฟ้อ ชีวิตไม่เฟ้อ

 

เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนผมเริ่มลงทุนใหม่ๆ ไฟแรง ผมได้แนะนำคนรู้จักคนหนึ่ง(อายุเกิน 60 ปี) ให้ลงทุนเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ

เขาตอบว่า เงินเฟ้อไม่มีผลต่อเขาเพราะ เขาใช้วิธีลดสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิตลง อาจจะมากกว่าอัตราเงินเฟ้อเสียอีก

ตอนนั้นผมฟังแล้วก็ผ่านเลยไป

 

ตอนนี้นึกถึงเรื่องนี้แล้วก็พบว่ามีบางอย่างน่าสนใจแฝงอยู่

นั่นก็คือ ในขณะที่เราพยายามลงทุนเอาชนะเงินเฟ้อ มีบางวิธีที่คนในสมัยก่อนทำกันเป็นปกติแม้จะไม่เป็นที่ชอบใจของทุนนิยมนัก

ก็คือ วิธีอนุรักษ์นิยม มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย

 

คนเมืองในปัจจุบันจะไม่ยอมเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หรือยอมมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำลง เพราะมีสื่อสินค้าให้ได้ดูได้เห็นอยู่ตลอด

มักจะใช้วิธีทางเพิ่ม คือ เพิ่มหนี้ เพิ่มรายได้ เพิ่มผลตอบแทนการลงทุน ฯลฯ ซึ่งก็เป็นแนวทางของระบบทุนนิยม

 

แต่การมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำลงในเวลาลำบาก มิใช่เรื่องแย่ แต่เป็นการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมอย่างเหมาะสมกลมกลืนต่างหาก บางอย่างเป็นการลดความยุ่งยากซับซ้อนในชีวิตลง

ถ้าเราลดอะไรบางอย่างที่ไม่จำเป็นลง โดยไม่ต้องไปวิ่งหารายได้อื่นมาชดเชย อาจทำให้คุณภาพชีวิตเราดีกว่า มานั่งปวดหัวหาทางเพิ่มรายได้

(อยากใช้คำคุณเม่าอินเวสเตอร์ว่า ดีต่อสุขภาพจิตอย่างมีนัยยะสำคัญ)

แถมบางเรื่องยังให้มุมมองใหม่ๆ ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าเดิม

 

วิธีนี้ถูกเมินโดยนักธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ รัฐบาล ทั้งหลายว่าทำให้เงินฝืด ไม่มีสภาพคล่อง

แต่เหมาะกับคนทั่วไปที่สามารถอยู่กับเงินกระดาษได้โดยไม่ถูกครอบงำ

 

จริงแท้เลยครับ

และนักลงทุนที่ฉลาดและมีความสุขในชีวิต เขาทำทั้งสองวิธี และยังมีเหลือแบ่งปันคนอื่นอีกด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://manager.co.th...D=9560000110933

 

กองโจรคืบหน้าไปอีกหนึ่งก้าวกับโครงการปลดปล่อยซีเรีย

โดยข้อตกลงที่กำลังคุยกันอยู่ในตอนนี้ จะใช้เวลาปลดปล่อยอย่างน้อย ๖๐ วัน แต่ไม่เกิน ๙๐ วัน

 

ที่ผ่านมา กองโจรนี้ไม่ค่อยจะรักษาเวลาได้สักเท่าไหร่ ปลดปล่อยเสร็จแล้ว ติดใจ มักจะไม่ค่อยยอมกลับบ้าน

 

 

 

 

เสียงตอบรับจากสมาชิกกองโจรบางส่วน

 

post-2564-0-03358400-1378273044_thumb.jpg

 

 

 

ส่วนเลขาฯสหประชาชาด ออกมาบอกว่า

การลงมือกับซีเรียโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสภาความมั่นคง หรือเพื่อการป้องกันตัว

เป็นเรื่องผิดกฏหมายนะจ๊ะ

http://www.huffingtonpost.com/2013/09/03/us-strike-syria-_n_3861209.html

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนวโน้มซีเรียเป็นไงบ้าง ดูเหมือนเมกาอยากจะบุกเต็มแก่

จะมีรายการหาเหตุมาสนับสนุนไหม คราวเกาหลีเหนือก็เหมือนยอมจีนไปหนนึงแล้ว

หากคราวนี้ยอมรัสเซียอีก

จะเหลือเครดิตอะไรไปบลัฟคนอื่นอีก

 

คุณ wcg มาโพสพอดีเลย กำลังเหงาๆ หาอะไรอ่านอยู่ครับ :rolleyes:

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนวโน้มซีเรียเป็นไงบ้าง ดูเหมือนเมกาอยากจะบุกเต็มแก่

จะมีรายการหาเหตุมาสนับสนุนไหม คราวเกาหลีเหนือก็เหมือนยอมจีนไปหนนึงแล้ว

หากคราวนี้ยอมรัสเซียอีก

จะเหลือเครดิตอะไรไปบลัฟคนอื่นอีก

 

คุณ wcg มาโพสพอดีเลย กำลังเหงาๆ หาอะไรอ่านอยู่ครับ :rolleyes:

 

อยากบุกหรอครับ ผมกลับดูว่าโอบาม่าไม่อยากบุกยังไงก็ไม่รู้สิครับ

เตะถ่วงไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็โยนไปให้สภาตัดสินแล้วทั้งๆ ที่สามารถ

สั่งบุกเองได้ เพราะ โอบาม่า เค้ามีอำนาจสั่งบุกโดยไม่ผ่านสภาแท้ๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อยากบุกหรอครับ ผมกลับดูว่าโอบาม่าไม่อยากบุกยังไงก็ไม่รู้สิครับ

เตะถ่วงไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็โยนไปให้สภาตัดสินแล้วทั้งๆ ที่สามารถ

สั่งบุกเองได้ เพราะ โอบาม่า เค้ามีอำนาจสั่งบุกโดยไม่ผ่านสภาแท้ๆ

 

ถ้าให้เดา ... ถึงจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จอยากบุกแค่ไหน แต่ถ้ากระแสในเมืองลุงแซม และกระแสโลกต้านทานแรงพอ การบุกรุกโดยไม่มีความชอบธรรมที่เพียงพอ ก็อาจจะเป็นหอกมาจิ้มตัวเองได้ในสายตาของสาธารณะ ~~ อีกอย่าง ถ้าไม่อยากรบจริง คงไม่ส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินไปรอไว้แถวๆนั้น

 

(ถ้าเข้าใจไม่ผิด ตามรัฐธรรมนูญของเขา สภาคองเกรสเท่านั้น ที่มีอำนาจประกาศสงครามได้ ส่วนใครอยากจะไปถล่มใครโดยใช้สีข้างประกาศว่าเป็นการกระทำเพื่อสันติภาพก็อีกเรื่องหนึ่ง)

 

สมัยก่อนมีแต่สื่อตลาด การสร้างภาพ และความชอบธรรมในการกระทำการ สามารถทำได้โดยงาย แต่ตอนนี้อินเทอร์เน็ตทำให้คนสามารถรับฟังข่าวสารจากหลายแหล่ง และสามารถตัดสินใจเองได้ ... ดังนั้นความสามารถในการสร้างความชอบธรรมแบบเบ็ดเสร็จโดยสื่อในมือ สามารถทำได้ยากลง ... การใช้สีข้างโดยการให้สภาคองเกรสยอมรับ จึงเป็นเครื่องมือช่วยสร้างความชอบธรรม และน่าเชื่อถืออีกทางหนึ่ง

 

นักวิแคะหลายคนถึงได้มองว่ากฏหมาย(โสภา/พิพา)ที่อ้างเรื่องลิขสิทธิ์ ที่ให้อำนาจเบ็ดเสร็จกับรัฐ ในการยุติการให้บริการ/เข้าถึง อินเทอร์เน็ต นอกจากจะใช้รัฐเป็นเครื่องมือในการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนที่เป็นเจ้าของสื่อระดับโรคแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่รัฐสามารถใช้ตัดการเข้าถึงสื่อ/แหล่งข่าวที่รัฐไม่ชอบใจได้

 

 

 

 

 

.. ตัวอย่าง ..

มาดูการรายงานข่าวของสำนักข่าวระดับโรค ที่ได้รับการยอมรับ มีมาตรฐาน เป็นที่น่าเชื่อถือ รายงานข่าวสงคราม "สดจากซาอุ" เมื่อปีค.ศ ๑๙๙๐

http://www.youtube.com/watch?v=jTWY14eyMFg

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การแล่นกองเรือรบน่าจะมีค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย อะไรจะคุ้มกับการลงทุนบลัฟ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สิงคโปร์สูญเสียจีดีพีที่เพิ่มขึ้นไปร้อยละ ๘๗ เพื่อสู้กับแท่นพิมพ์ของธ.กลางลุงแซม

  • ในรอบปี ๒๐๑๒-๒๐๑๓ สิงคโปร์มีตัวเลขจีดีพีเพิ่มขึ้น ๑๑,๕๐๐ ล้านเหรียญสิงคโปร์
  • รายงานประจำปีของธ.กลางสิงคโปร์ (ครบรอบปี ๓๑ มี.ค. ๒๐๑๓) แจ้งว่าธ.กลางขาดทุนถึง ๑๐,๒๐๐ ล้านเหรียญสิงคโปร์
  • ผู้เขียนบทความบอกว่า เนื่องจากเศรษฐกิจสิงคโปร์นั้นขึ้นกับการค้าขายเป็นหลัก จึงทำให้ธ.กลางต้องต่อสู้ ไม่ให้ค่าเงินแข็งเกินไปเมื่อเทียบกับเงินลุงแซม และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ธ.กลาง ต้องสูญเงินไปกว่า ๑๐,๒๐๐ ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือคิดเป็น ~ร้อยละ ๘๗ ของจีดีพีที่เพิ่มขึ้นมา เพื่อปกป้องค่าเงินของตัวเอง

http://www.sovereign...bernanke-12665/

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อยากบุกแต่ไม่อยากรับเดี่ยว เลยโยนคลี่ำไปให้สภามีส่วนร่วมด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

post-2564-0-24383100-1377673482.jpg

 

ลองเปลี่ยนคำพูดดู

 

although i don't want to invade syria

americans don't want to invade syria

wall street don't want to invade syria

but .... want to invade syria

so i need to invade syria

 

จุดๆๆ เติมเอาเองนะครับ :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...