ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

......

 

สรุปตอนนี้ชักสับสนในจิตใจ เพราะไม่ว่าทองจะขึ้นจะลงต้องมีธนาคารยักษ์ใหญ่เจ็งแน่นอน พอธนาคารพวกนี้ขาดทุนก็ต้องขายหุ้นขายทองอยู่ดี

 

ถือเงินสดดีกว่าแบบนี้ ดีกว่ามาสยองงง :_10

 

ถ้ามองประเด็นของโลกตอนนี้ว่าเจ้า(ของ)โลกเขาต้องการกุมอำนาจทางการเงิน

(โยกกำลังซื้อจากชาวบ้านอย่างเราๆ ไปใส่กระเป๋าพวกเขา)

สถาบันการเงินใหญ่ๆไม่น่าเจ๊งง่ายๆนะครับ เจ้าฯ เขาคุมรัฐบาลทั่วโลกอยู่ หรือถ้าเจ๊งขึ้นมา

มันก็จะมีเหตุผลของมัน และจะรวมตัวเข้ากับสถาบัีนการเงินอื่นๆ

 

อย่างเช่น MF Global ที่เจ๊งไป ถ้าดูผิวๆละก็ ไม่มีอะไรนอกจากปล้นเงินจากนักลงทุน

เข้ากระเป๋านายแบงค์ เงิน 1200 ล้านเหรียญของลูกค้าที่หายไป ก็ไม่ได้หายไปจริงๆ

เพียงแค่ย้ายเข้าไปอยู่ในกระเป๋า JP Morgue Chase แล้วก็ปล่อยซาก MF Global ให้ตายไปเท่านั้นเอง

 

ที่ผมมอง ไม่ว่ากรณี 1 หรือ 2 ในระยะนี้ ยังไงก็ไม่เจ๊ง เพราะธนาคารกลาง และรัฐบาลกลาง จะใช้เหตุการนี้สร้างความชอบธรรม

ในการพิมพ์เงิน, รีดภาษี มาเพื่ออุ้มสภาบันการเงินพวกนี้ไว้ ยกเว้นบางพวกที่อยู่นอกแก๊ง (อย่างเช่นลีแมนฯ) ก็ปล่อยให้ล้มๆไปบ้าง

 

ที่สุดแล้วก็ไม่พ้นการโยกกำลังซื้อจากชาวบ้านเข้ากระเป๋านายแบงค์

 

....

 

 

แต่ ... ตอนนี้ ผมว่าเก็บเงินสดไว้บ้างก็ดีครับ

เวลาหุ้นตก ทองตกหนักๆ จะได้มีอาวุธติดมือไว้

 

อย่าง Jim Rogers ก็บอกว่าตอนนี้เค้าถือหยวน ถือดอลล่าร์ไว้

อย่างดอลล่าร์ ตอนที่ยูโรทำท่ารวนๆ ดอลล่าร์จะแข็งขึ้นมาอย่างแรงแบบสวิสฟรังค์

 

ถ้าให้เดาต่อจากที่ Jim Rogers ว่าไว้ ตอนนั้นก็ควรขายดอลล่าร์ทิ้ง

และทองคำน่าจะโดนเหวี่ยงลงมาแรงๆอีกครั้ง ให้เอากระดาษไปแลก

 

:)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้ามองประเด็นของโลกตอนนี้ว่าเจ้า(ของ)โลกเขาต้องการกุมอำนาจทางการเงิน

(โยกกำลังซื้อจากชาวบ้านอย่างเราๆ ไปใส่กระเป๋าพวกเขา)

สถาบันการเงินใหญ่ๆไม่น่าเจ๊งง่ายๆนะครับ เจ้าฯ เขาคุมรัฐบาลทั่วโลกอยู่ หรือถ้าเจ๊งขึ้นมา

มันก็จะมีเหตุผลของมัน และจะรวมตัวเข้ากับสถาบัีนการเงินอื่นๆ

 

อย่างเช่น MF Global ที่เจ๊งไป ถ้าดูผิวๆละก็ ไม่มีอะไรนอกจากปล้นเงินจากนักลงทุน

เข้ากระเป๋านายแบงค์ เงิน 1200 ล้านเหรียญของลูกค้าที่หายไป ก็ไม่ได้หายไปจริงๆ

เพียงแค่ย้ายเข้าไปอยู่ในกระเป๋า JP Morgue Chase แล้วก็ปล่อยซาก MF Global ให้ตายไปเท่านั้นเอง

 

ที่ผมมอง ไม่ว่ากรณี 1 หรือ 2 ในระยะนี้ ยังไงก็ไม่เจ๊ง เพราะธนาคารกลาง และรัฐบาลกลาง จะใช้เหตุการนี้สร้างความชอบธรรม

ในการพิมพ์เงิน, รีดภาษี มาเพื่ออุ้มสภาบันการเงินพวกนี้ไว้ ยกเว้นบางพวกที่อยู่นอกแก๊ง (อย่างเช่นลีแมนฯ) ก็ปล่อยให้ล้มๆไปบ้าง

 

ที่สุดแล้วก็ไม่พ้นการโยกกำลังซื้อจากชาวบ้านเข้ากระเป๋านายแบงค์

 

....

 

 

แต่ ... ตอนนี้ ผมว่าเก็บเงินสดไว้บ้างก็ดีครับ

เวลาหุ้นตก ทองตกหนักๆ จะได้มีอาวุธติดมือไว้

 

อย่าง Jim Rogers ก็บอกว่าตอนนี้เค้าถือหยวน ถือดอลล่าร์ไว้

อย่างดอลล่าร์ ตอนที่ยูโรทำท่ารวนๆ ดอลล่าร์จะแข็งขึ้นมาอย่างแรงแบบสวิสฟรังค์

 

ถ้าให้เดาต่อจากที่ Jim Rogers ว่าไว้ ตอนนั้นก็ควรขายดอลล่าร์ทิ้ง

และทองคำน่าจะโดนเหวี่ยงลงมาแรงๆอีกครั้ง ให้เอากระดาษไปแลก

 

:)

กลัวว่าตอนนั้นกรดาษ ก็จะมีค่าแค่เศษกระดาษหนะซิครับ กระดาษก็ยังเป็นแค่กระดาษ พิมพ์ยังไงก็ได้ ที่ผมคิด ถึงทองจะถูกเหวี่ยงขั้นลงยังไง ก็ยังคงไม่บุบ สลายแค่รอเวลาที่ค่าที่แท้จริงปรากฎ ถึงตอนนี้จะเป็นดอย แต่ วันหลังอาจเป็นดอยในมหาสมุทรก็ได้

ถูกแก้ไข โดย promin

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กลัวว่าตอนนั้นกรดาษ ก็จะมีค่าแค่เศษกระดาษหนะซิครับ กระดาษก็ยังเป็นแค่กระดาษ พิมพ์ยังไงก็ได้ ที่ผมคิด ถึงทองจะถูกเหวี่ยงขั้นลงยังไง ก็ยังคงไม่บุบ สลายแค่รอเวลาที่ค่าที่แท้จริงปรากฎ ถึงตอนนี้จะเป็นดอย แต่ วันหลังอาจเป็นดอยในมหาสมุทรก็ได้

 

ครับ เห็นด้วยครับ.. (ลองถามคนที่ซื้อทองเข้าตอน 15000/บาท แล้วติดดอยสิ ว่าความรู้สึกตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันยังไง)

 

อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ การที่เจ้ามือเขาจะบิดเบือนราคาของนั้น เขาก็จะบิดเบือนได้ซักระยะหนึ่งเท่านั้น (นานหรือสั้นแล้วแต่) แต่สุดท้ายราคา/มูลค่าที่แท้จริงก็จะแสดงตัวออกมา (ลองดูธงฟ้าฯ, ราคาน้ำมัน หรือ ไม่ก็ตอนช่วงที่รัฐท่านพยายามกดราคาน้ำมันปาล์มดูสิครับ)

 

เท่าที่ฟัง/อ่าน ความคิดเห็นของแหล่งข่าวที่ เป็น gold bull/gold bug ต่างๆ พอจะจับทางได้ดังนี้

- ถ้ายังไม่มีทอง ให้เริ่มทะยอยซื้อเข้าได้แล้ว

- ถ้ามีแล้ว และมีเงินที่กันไว้สำหรับซื้อทองเข้ารายเดือน ก็ซื้อเข้าตามกำหนด

- ถ้ามีแล้ว และมีเงินก้อนเอาไว้ซื้อทองอีก รอจังหวะทองโดนทุบ แล้วค่อยซื้อเข้า

 

 

ยังไงซะ ผมก็เชื่อว่า downside สู้ upside ไม่ได้

เงินเย็นๆไม่ต้องแตะซัก 5 ปี เอามาซื้อแล้วตกก็ไม่ว่ากัน

ลองทุบดูสิ ... เดี๋ยวจะไปหามาซื้อเพิ่มอีก

:uu

 

 

ป.ล. ฟังลุงจิม คุยกับเอริค คิงวันนี้ (ฟังผ่านๆ)

ลุงเขาบอกว่า ยังไงทองคำก็มีความผันผวนสูง

แต่ถ้าดู trend ทองคำจะค่อยๆขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง

แต่บางครั้งถ้าขึ้นแรงไป ก็อาจจะโดนทุบสั่งสอนบาง

 

ประเด็นของลุงจิมก็คือ เจ้ามือไม่ต้องการเหยียบราคาทองให้มิดดินไว้ตลอดการ

แต่ต้องการให้มันค่อยๆขึ้น แต่ไม่ขึ้นแบบหวือหวาจนคนส่วนมากไหวตัวทัน

 

http://www.kingworldnews.com/kingworldnews/Broadcast/Entries/2012/3/9_Jim_Sinclair_files/Jim%20Sinclair%203%3A9%3A2012.mp3

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับคุณMOR LEK คุณJohncm คุณKungdy คุณwcg คุณส้มโอมือ คุณpromin และเพื่อนๆทุกคนครับ

ขอบคุณทุกข้อมูลข่าวสารครับ...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พจนานุกรมเฮฮา ภาษาคนบ้าคราบ

 

บุหรี่ : ใบยาสูบที่มีกระดาษพันอยู่โดยมีไฟติดอยู่อีกข้างหนึ่งและมีคนโง่อยู่อีกข้าง หนึ่ง

 

หย่า : Future tense ของคำว่า " แต่งงาน"

 

เลกเชอร์: ศิลปะในการถ่ายทอดข้อมูลจากกระดาษโน้ตของอาจารย์ไปยังกระดาษโน้ตของนักศึกษา โดยที่ไม่ผ่านหัวสมองของทั้ง 2 ฝ่าย

 

ประชุม: ความงุนงงของคนคนหนึ่งที่มีมากขึ้นเมื่อเหตุการณ์จบลง

 

ยินยอม : ศิลปะในการแบ่งเค้กให้ทุกๆคนโดยทำให้แต่ล่ะคนคิดว่าตนเองได้เค้กชิ้นใหญ่สุด

 

น้ำตา :พลังน้ำที่ผู้หญิงสามารถสยบความแข็งแกร่งของพลังงานแห่งความเป็นชายได้

 

พจนานุกรม : ที่เดียวที่คำว่า Success มาก่อนคำว่า Work

 

ห้องประชุม : สถานที่ซึ่งทุกๆ คนจะส่งเสียงโดยไม่มีใครฟังและไม่มีใครยอมรับอะไร

 

เจ้านาย : ใครบางคนที่ชอบมาทำงานเช้าในวันที่คุณเข้างานสายและก็มาซะสายในวันที่คุณมา เช้า

 

อาชญากร : ก็เหมือนคนเราๆ ท่านๆ นี่แหละ เพียงแต่ถูกจับได้

 

นักการทูต : คนที่บอกให้คุณไปลงนรกได้ด้วยวิธีพูดที่ทำให้คุณอยากไปแทบจะรอไม่ไหว

 

หมอ : คนที่ช่วยชีวิตคุณด้วยยาและฆ่าคุณทีหลังด้วยบิลค่ารักษา

 

ทนายความ : คนที่ยื่นมือเข้าช่วยคนทำผิดกฎหมาย อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

 

นักโฆษณา : คนที่รู้จักเลือกพูดแต่ความจริงเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการเฉพาะครึ่งที่ดี

 

นักร้องวัยรุ่น : เด็กหนุ่มสาวที่มีหน้าตาเป็นอาวุธ และเครื่องแต่งเสียงกับ sound engineer เป็นเพื่อนตาย

 

หมอดูลายมือ : คนแปลกหน้าที่สามารถจับมือแฟนคุณได้ต่อหน้าต่อตาโดยไม่โดน...

 

ข่าวลือ : สิ่งที่มีประสิทธิภาพไวกว่าแสง

 

ประสบการณ์ : ชื่อที่มนุษย์ตั้งให้กับความผิดพลาดที่ทำในอดีต

 

หาว : จังหวะเดียวในชีวิตที่ผู้ชายที่แต่งงานแล้วบางคน มีโอกาสได้อ้าปาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับท่านที่นั่งดูทองทุกวัน

 

ข้อมูลสำคัญที่ขาดหายไป....

 

ภรรยาแสนจะภูมิใจที่เห็นสามีนั่งดูทะเบียนสมรสอยู่นานแสนนาน

 

ในที่สุดก็เอ่ยปากถามสามีว่า

" ดูไม่เบื่อเลยหรือคะ "

 

สามีสุดที่รักเลยบอกว่า

 

" ไม่หรอก ผมพยายามหา

วันที่มันหมดอายุ อยู่น่ะ "

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรื่องเล่าฮาๆจาก Customer Support

 

ลูกค้า: ผมกำลังจะซื้อ windows 2000 น่ะครับ ช่วยแนะนำหน่อบครับว่าผมจะใช้ แบบ windows 2000 workstation หรือ windows 2000 server ดี

Support: คุณจะใช้เป็น server หรือเป็น workstation ล่ะครับ

ลูกค้า: เป็น server ครับ

Support: ก็คงต้องใช้ version สำหรับ server ล่ะครับ

ลูกค้า: แล้วอันไหนใช้สำหรับ server ครับ

Support: windows 2000 server ครับ

ลูกค้า: ขอบคุณครับ

Support: (-_-)!!!!!

 

 

Support: คุณใช้สายโทรศัพท์กับโมเดมร่วมกันหรือเปล่าครับ

ลูกค้า: ใช่ครับ บ้านผมมีโทรศัพท์สายเดียว (ตามด้วยเสียงโมเดมพยายามหมุนโทรศัพท์ ตู่ดตู่ดตู๊ดตู๊ดตู่ดตู่ดตู๊ด)

Support: เอ่อ... ทำอย่างนี้ไม่...

ลูกค้า: นี่ไงครับ หน้าจอมันขึ้นว่า no dial tone

Support: นั่นเป็นเพราะว่าเรากำลังใช้สายคุยโทรศัพท์กันอยู่น่ะครับ คุณต้อง...

ลูกค้า: ไม่ใช่ ไม่ใช่ ผมทำงี้ทุกทีแหละ บางทีก็ต้องหมุนเป็นสิบหนแน่ะกว่าจะติด

Support: ไม่ได้หรอกครับ เราใช้สายคุยโทรศัพท์กันอยู่น่ะครับ โทรยังไงก็ไม่มีทางติดหรอกครับ

ลูกค้า: สงสัยสายคุณนั่นแหละไม่ว่างมากกว่า ทำเป็นแก้ตัวยังโง้นยังงี้ ผมเปลี่ยนไปใช้เจ้าอื่นดีกว่า

Support: (+ O +)!!

 

เจอลูกค้าแบบนี้บ่อยๆๆๆๆๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณไสยขเมร (น่ากลัวจริงๆ) เอาไปทำกับ ขาใหญ่ดูท่าจะดีเนอะ

 

บังเอิญเพื่อนผมมันไปเขมรมา

เลยได้ของดีมาอย่างนึง(อย่างที่เราทราบกันดีว่าเขมร มีไสยศาสตร์ที่น่ากลัว)

นั้นคือวิธีจัดการกับคนที่เราเกลียดครับ

1. ไปนำรูปของคนๆนั้นมาจะสีหรือขาวดำก็ได้(แต่ขอแบบปัจจุบันไม่เกิน 3 เดือน)

2. ไปนำจานสังกะสี(สังกะสีเท่านั้น)ไปวางไว้ในป่าช้า วางหงาย 3 คืน แล้ว

วางคว่ำ 3 คืน

3. นำรูปคนที่เราเกลียดใส่ลงไปในจานแล้วถุยน้ำลายใส่หนึ่งทีแล้วเทน้ำผึ้งเดือนห้า(เดือ

นห้าเท่านั้น)ใส่ลงไป

แล้วเอาด้ามขวานลงไปคนสัก 3 รอบ

4. นำจานที่ใส่น้ำผึ้งกับรูปไปให้หมาเลีย(ให้เลียจนน้ำผึ้งหมด)อย่าให้รูปหายนะ

5. นำจานใส่น้ำผึ่งเดือนห้าอีกครั้ง(แต่ไม่ต้องใส่รูปลงไป

เก็บไว้)แล้วนำไปวางขวางหน้าประตูบ้านมันไว้

6. สุ่มดูมันและถือรูปมันไว้ในมือ

7. พอจังหวะที่มันมาเจอจานน้ำผึ้งวางอยู่และกำลังก้มลงหยิบจาน

ก็ให้เราดูรูปให้แน่ใจ แล้ว "กระโดดออกไปฟันด้วยขวานที่หัว"แล้วมันก็จะตาย...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Chris Martenson คุยกับ Robert Mish ผู้ค้าโลหะมีค่า เหรียญหายาก นาฬิกา ฯลฯ ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมากว่า 40 ปี (ทันตอนฟองสบู่พองในช่วง 1970 และแตกในปี 1980) มีประเด็นน่าสนใจดังนั้

  • ใน scale 1-10 (10=ฟิงสบู่เต่งเต็มที่ ใกล้แตก) ตอนนี้ เราอยู่แค่เบอร์ 2
  • ในช่วงฟองสบู่เบ่งบาน Mish ถึงกับต้องแบ่งลูกค้าเป็นสองแถว แถวขายของให้เข้าก่อน เพื่อที่จะได้มีของขายคนที่เข้ามาซื้อ
  • ส่วนมากในทุกวันนี้ คนเข้ามาขายของอย่างเดียวเสียมากกว่า
  • Mish มองว่าโลหะเงินมี upside มากกว่าทองเยอะ
  • อเมริกาืที่เคยเป็นชาติของคนที่อดออม Mish บอกว่า ตอนนี้กลับกลายเป็นชาติที่คนเอาของเก่าที่สะสมไว้มาขาย ลูกค้าที่ซื้อของของเขาในตอนนี้ กลับเป็นคนที่อพยพเข้ามาในอเมริการุ่นแรก/รุ่นที่สอง เช่น จีน อินเดีย ที่เอาเงินที่เหลือใช้ทุกเดือนมาซื้อทองคำเก็บสะสบไว้
  • ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งของเขา คือคนที่มีเงินถุงเงินถัง แต่ก็ไม่ใช่คนอเมริกันอีก หากแต่เป็นคนต่างชาติที่หาซื้อของในประเทศตัวเองไม่ได้ ต้องมาหาซื้อจากอเมริกากลับไป ตอนนี้ทองคำเป็นสินค้าส่งออกสินค้าหนึ่งของอเมริกา

ส่วนประเด็นสุดท้าย ที่ทำให้อยากมาเล่าให้เพื่อนๆฟังในนี้คือ

  • รูปแบบของโลหะมีค่าที่ถืออยู่ มีความสำคัญ -- Mish เล่าว่า ในช่วงที่ราคาดีๆ คนก็จะขายของเยอะ และซื้อเยอะ ถ้าเงิน/ทอง อยู่ในรูปเหรียญ หรือแท่ง ที่เป็นที่ต้องการ ก็จะขายได้ราคาค่อนข้างดี แต่ถ้าเป็นเศษเหรียญเก่าๆ ช้อนเงิน ช้อนทอง ฯลฯ ที่ไม่มีใครซื้อ เขาจะต้องส่งไปหลอมเป็นแท่งมาขาย ซึ่งถ้าโรงหลอมหลอมให้ไม่ทัน (เคยต้องรอถึงสองเดือนในช่วงฟองสบู่ 1980) เขาก็จำเป็นต้องกดราคา เพื่อป้องกันความเสี่ยงเวลาราคาตลาดเปลี่ยนแปลง ซึ่งบางครั้งโดนกดถึง 30% เลยทีเดียว

ที่ผมมองก็คือ ตลาดทองคำในไทย อาจจะไม่มีผลกระทบในรูปแบบนี้มากนัก เพราะค่อนข้างมีมาตรฐาน มีสมากั๊กช่วยกำหนดราคากลางไว้ และตลาดมีขนาดใหญ่มาก ตั้งแต่แม่ค้า ยันคนร่ำรวยระดับแนวหน้า

 

แต่ตลาดโลหะเงินในไทย ผมยังนึกเกมไม่ออก เพราะไม่รู้จักตลาดนี้ดีพอ ถ้าในช่วงที่ฟองสบู่ใกล้แตก เม็ดเงินเป็นที่ต้องการของคนทั่วไป ก็น่าจะปล่อยของได้ราคาดีพอควร แต่ถ้าไม่มีการซื้อจากมวลชนทั่วไป นึกไม่ออกเลย ว่าแต่ละร้านที่บอกว่ายังไงก็รับซื้อคืน จะกดราคาเราสักแค่ไหน

 

ไม่ได้จะกล่าวหาใครที่ทำธุรกิจค้าโลหะเงินอยู่นะครับ ผมเพียงแค่มองว่ามันเป็นประเด็นที่สำคัญ และมีความเป็นไปได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อได้ฟังประเด็นการกดราคาซื้อคืนที่ Robert Mish พูด . . .

 

ป.ล. ตลาดโลหะมีค่าในอเมริกา ไม่มีสมาคมฯกำหนดราคากลางนะครับ ส่วนมากราคาซื้อขายก็อิง spot เหมือนบ้านเรา แต่ค่าพรีเมี่ยมจะมาก/น้อย แค่ไหน แล้วแต่เจ้า

 

http://media.chrismartenson.com/audio/robert-mish-2012-3-9.mp3

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปว่าแม้แต่ในอเมริกาเอง คนของเค้าก็ยังซื้อ/ขายทองแท่งตามราคาspotเป๊ะๆไม่ได้ อยากรู้จังพรีเมี่ยมของที่นั่นเทียบกับสมาคมบ้านเราจะเป็นยังไง

 

เคยคิดจะลองซื้อเม็ดเงินเก็บ แต่เห็นส่วนต่างราคาที่รับซื้อเข้า/ขายออก(คิดเป็น%) ยังห่างกับทองอยู่มาก บางทีขึ้นมากๆส่วนต่างกลับขยายไกลออกไปอีก เลยตัดสินใจซื้อทองเก็บต่อไปดีกว่า

ถูกแก้ไข โดย Winger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Chris Martenson คุยกับ Robert Mish ผู้ค้าโลหะมีค่า เหรียญหายาก นาฬิกา ฯลฯ ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมากว่า 40 ปี (ทันตอนฟองสบู่พองในช่วง 1970 และแตกในปี 1980) มีประเด็นน่าสนใจดังนั้

  • ใน scale 1-10 (10=ฟิงสบู่เต่งเต็มที่ ใกล้แตก) ตอนนี้ เราอยู่แค่เบอร์ 2
  • ในช่วงฟองสบู่เบ่งบาน Mish ถึงกับต้องแบ่งลูกค้าเป็นสองแถว แถวขายของให้เข้าก่อน เพื่อที่จะได้มีของขายคนที่เข้ามาซื้อ
  • ส่วนมากในทุกวันนี้ คนเข้ามาขายของอย่างเดียวเสียมากกว่า
  • Mish มองว่าโลหะเงินมี upside มากกว่าทองเยอะ
  • อเมริกาืที่เคยเป็นชาติของคนที่อดออม Mish บอกว่า ตอนนี้กลับกลายเป็นชาติที่คนเอาของเก่าที่สะสมไว้มาขาย ลูกค้าที่ซื้อของของเขาในตอนนี้ กลับเป็นคนที่อพยพเข้ามาในอเมริการุ่นแรก/รุ่นที่สอง เช่น จีน อินเดีย ที่เอาเงินที่เหลือใช้ทุกเดือนมาซื้อทองคำเก็บสะสบไว้
  • ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งของเขา คือคนที่มีเงินถุงเงินถัง แต่ก็ไม่ใช่คนอเมริกันอีก หากแต่เป็นคนต่างชาติที่หาซื้อของในประเทศตัวเองไม่ได้ ต้องมาหาซื้อจากอเมริกากลับไป ตอนนี้ทองคำเป็นสินค้าส่งออกสินค้าหนึ่งของอเมริกา

ส่วนประเด็นสุดท้าย ที่ทำให้อยากมาเล่าให้เพื่อนๆฟังในนี้คือ

  • รูปแบบของโลหะมีค่าที่ถืออยู่ มีความสำคัญ -- Mish เล่าว่า ในช่วงที่ราคาดีๆ คนก็จะขายของเยอะ และซื้อเยอะ ถ้าเงิน/ทอง อยู่ในรูปเหรียญ หรือแท่ง ที่เป็นที่ต้องการ ก็จะขายได้ราคาค่อนข้างดี แต่ถ้าเป็นเศษเหรียญเก่าๆ ช้อนเงิน ช้อนทอง ฯลฯ ที่ไม่มีใครซื้อ เขาจะต้องส่งไปหลอมเป็นแท่งมาขาย ซึ่งถ้าโรงหลอมหลอมให้ไม่ทัน (เคยต้องรอถึงสองเดือนในช่วงฟองสบู่ 1980) เขาก็จำเป็นต้องกดราคา เพื่อป้องกันความเสี่ยงเวลาราคาตลาดเปลี่ยนแปลง ซึ่งบางครั้งโดนกดถึง 30% เลยทีเดียว

ที่ผมมองก็คือ ตลาดทองคำในไทย อาจจะไม่มีผลกระทบในรูปแบบนี้มากนัก เพราะค่อนข้างมีมาตรฐาน มีสมากั๊กช่วยกำหนดราคากลางไว้ และตลาดมีขนาดใหญ่มาก ตั้งแต่แม่ค้า ยันคนร่ำรวยระดับแนวหน้า

 

แต่ตลาดโลหะเงินในไทย ผมยังนึกเกมไม่ออก เพราะไม่รู้จักตลาดนี้ดีพอ ถ้าในช่วงที่ฟองสบู่ใกล้แตก เม็ดเงินเป็นที่ต้องการของคนทั่วไป ก็น่าจะปล่อยของได้ราคาดีพอควร แต่ถ้าไม่มีการซื้อจากมวลชนทั่วไป นึกไม่ออกเลย ว่าแต่ละร้านที่บอกว่ายังไงก็รับซื้อคืน จะกดราคาเราสักแค่ไหน

 

ไม่ได้จะกล่าวหาใครที่ทำธุรกิจค้าโลหะเงินอยู่นะครับ ผมเพียงแค่มองว่ามันเป็นประเด็นที่สำคัญ และมีความเป็นไปได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อได้ฟังประเด็นการกดราคาซื้อคืนที่ Robert Mish พูด . . .

 

ป.ล. ตลาดโลหะมีค่าในอเมริกา ไม่มีสมาคมฯกำหนดราคากลางนะครับ ส่วนมากราคาซื้อขายก็อิง spot เหมือนบ้านเรา แต่ค่าพรีเมี่ยมจะมาก/น้อย แค่ไหน แล้วแต่เจ้า

 

http://media.chrismartenson.com/audio/robert-mish-2012-3-9.mp3

 

ขอแจมความเห็นด้วยครับ ไม่ใช่ผู้เชียวชาญแค่แลกเปลี่ยนความเห็นนะ

 

---ในช่วงฟองสบู่เบ่งบาน Mish ถึงกับต้องแบ่งลูกค้าเป็นสองแถว แถวขายของให้เข้าก่อน เพื่อที่จะได้มีของขายคนที่เข้ามาซื้อ

 

--- สถานการณ์แบบนี้ของขาดตลาดครับ ของขาดตลาดคนขายไม่น่าจะมีปัญหานะเพราะคนอยากซื้อมากกว่าขาย คนซื้อซิมีปัญหาคือเข้าแถวตั้งนานแล้วยังไม่ได้ซื้อเลย จะปิดร้านก่อนถึงคิวฉันมั้ย ดังนั้นกรณีเงินเม็ดไม่น่ามีปัญหาในการขายคืน

--- ของแพงแสดงว่ามีคนอยากซื้อมากกว่าขาย(การขายจะง่ายกว่าเยอะ) ปี2000ตอนโลหะเงินประมาณ4เหรียญ ผมว่าขายคืนยากกว่าตอนนี้ที่โลหะเงิน34เหรียญนะ

 

--แต่ถ้าเป็นเศษเหรียญเก่าๆ ช้อนเงิน ช้อนทอง ฯลฯ ที่ไม่มีใครซื้อ เขาจะต้องส่งไปหลอมเป็นแท่งมาขาย ซึ่งถ้าโรงหลอมหลอมให้ไม่ทัน (เคยต้องรอถึงสองเดือนในช่วงฟองสบู่ 1980)

 

---เป็นผมถ้าโรงหลอมหลอมไม่ทันแล้วผมเป็นผู้ซื้อเข้าร้าน เงินผมต้องรอถึง2เดือนกว่าจะได้ของมาขายต่อ ผมก็กดมากซิให้คุ้มกับเงินที่นอนรอ ถ้าผมมีเงินสดซื้อของพร้อมขายได้100กิโลแต่คนรอคิดซื้อเยอะมาก แค่30นาทีของหมดแล้ว ผมรีบเอาเงินสดไปซื้อของห้างใหญ่ทันทีหรือรีบซื้อคืนจากคนมาขาย ในเวลา10ชั่วโมงที่เปิดร้านถึงผมมีเงินซื้อของเข้าร้านได้100กิโล แต่เงินหมุนเวียนเร็วมากผมอาจขายได้1000กิโลต่อวัน 2เดือนผมกำไรเท่าไหร่ ใครจะเอาเงินสดไปนอนรอกับของ2เดือนถึงขายได้แค่ครั้งเดียว ยกเว้นกดให้คุ้มค่าการรอคอย

 

 

---เคยอ่านเรื่องเล่าเมื่อประมาณสามสิบกว่าปีที่แล้วช่วงที่ทองและโลหะเงินบูมมากๆ คนที่พอดูโลหะเงินเป็นไปตามบ้านชาวบ้านเพื่อขอซื้อเครื่องใช้เงิน(คุณแม่ผมที่สมุทรปราการยังขายเข็มขัดเงินกับขันเงินให้กับคนที่มาขอซื้อเลย) บางคนไปตามร้านขายเครื่องเงิน ซื้อมาอย่างละชิ้นแล้วรีบทดสอบ%เงิน ชิ้นไหน%เงินสูงคุ้มค่าในการซื้อไปขายโรงหลอมยกทั้งหมดที่มีเลย

โรงหลอมช่วงนั้นทำงาน24ชั่วโมงเพราะความต้องการซื้อเยอะมาก(โรงหลอมทำงาน24ชั่วโมง แสดงว่าของที่หลอมเสร็จพร้อมขายต่อมีคนต้องการซื้อมากกกก ถึงต้องทำงาน24ชั่วโมง ถ้าไม่มีความต้องการซื้อของจากโรงหลอมเยอะจะทำงาน24ทำไม)

 

---ความเห็นส่วนตัวถือของพร้อมขายทันทีเป็นพอ ช่วงราคาแพงไม่ต้องกลัวขายไม่ได้ แต่ต้องขายก่อนตลาดวายนะ เมื่อตลาดวายแล้วถึงราคาลงมามากแล้วก็อาจจะขายยาก ตอนนี้ของพร้อมขายคือเงินเม็ดก็เก็บเป็นเงินเม็ด ถ้าอนาคตของพร้อมขายเปลี่ยนเป็นเงินแท่งแล้วก็หาจังหวะดีๆเปลี่ยนมาถือเงินแท่งแทน ถือของพร้อมขายและหาจังหวะขายออกก่อนตลาดวายเป็นพอ

 

---ช่วงทีมีคนมาหาซื้อโลหะเงินตามบ้าน ช่วงนั้นผมอายุน่าจะ10ขวบต้นๆ ยังไม่รู้อะไรและเขามาหาซื้อตอนปีไหนก็ไม่ชัดเจน

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปว่าแม้แต่ในอเมริกาเอง คนของเค้าก็ยังซื้อ/ขายทองแท่งตามราคาspotเป๊ะๆไม่ได้ อยากรู้จังพรีเมี่ยมของที่นั่นเทียบกับสมาคมบ้านเราจะเป็นยังไง

 

เคยคิดจะลองซื้อเม็ดเงินเก็บ แต่เห็นส่วนต่างราคาที่รับซื้อเข้า/ขายออก(คิดเป็น%) ยังห่างกับทองอยู่มาก บางทีขึ้นมากๆส่วนต่างกลับขยายไกลออกไปอีก เลยตัดสินใจซื้อทองเก็บต่อไปดีกว่า

 

ครับ ในอเมริกานี่ถ้าไม่มีร้านที่รู้จักกันให้ซื้ิอจริงๆนี่ค่าพรีเมี่ยมโหดกว่าเมืองไทยสุดๆครับ

หลายๆครั้งที่มีคนแซวสมาคมว่ากั๊กราคา (ผมก็ชอบแซว) ผมลองเทียบราคาซื้อ/ขาย จากเวบ/ร้านดังๆ

รวมค่าส่ง ฯลฯ แล้ว .... สมาคมของเรานี่ถือว่ายังกั๊กได้ห่างชั้นมาก

 

ส่วนตัวผมก็ซื้อเม็ดเงิน และเงินแท่งเก็บไว้บ้างนะครับ เพราะมอง upside ของมันไว้เยอะมาก

เพียงแต่ที่เอามาเล่านี่เล่าให้เป็นอุทาหรณ์เท่านั้นเองครับ ว่าคนที่ผ่านมาในอดีต (Mish)

เจออะไรบ้างในช่วงที่ราคาเป็นฟองสบู่ใกล้แตก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

.....

 

---เป็นผมถ้าโรงหลอมหลอมไม่ทันแล้วผมเป็นผู้ซื้อเข้าร้าน เงินผมต้องรอถึง2เดือนกว่าจะได้ของมาขายต่อ ผมก็กดมากซิให้คุ้มกับเงินที่นอนรอ ถ้าผมมีเงินสดซื้อของพร้อมขายได้100กิโลแต่คนรอคิดซื้อเยอะมาก แค่30นาทีของหมดแล้ว ผมรีบเอาเงินสดไปซื้อของห้างใหญ่ทันทีหรือรีบซื้อคืนจากคนมาขาย ในเวลา10ชั่วโมงที่เปิดร้านถึงผมมีเงินซื้อของเข้าร้านได้100กิโล แต่เงินหมุนเวียนเร็วมากผมอาจขายได้1000กิโลต่อวัน 2เดือนผมกำไรเท่าไหร่ ใครจะเอาเงินสดไปนอนรอกับของ2เดือนถึงขายได้แค่ครั้งเดียว ยกเว้นกดให้คุ้มค่าการรอคอย

 

.......

---ความเห็นส่วนตัวถือของพร้อมขายทันทีเป็นพอ ช่วงราคาแพงไม่ต้องกลัวขายไม่ได้ แต่ต้องขายก่อนตลาดวายนะ เมื่อตลาดวายแล้วถึงราคาลงมามากแล้วก็อาจจะขายยาก ตอนนี้ของพร้อมขายคือเงินเม็ดก็เก็บเป็นเงินเม็ด ถ้าอนาคตของพร้อมขายเปลี่ยนเป็นเงินแท่งแล้วก็หาจังหวะดีๆเปลี่ยนมาถือเงินแท่งแทน ถือของพร้อมขายและหาจังหวะขายออกก่อนตลาดวายเป็นพอ

 

เห็นด้วยครับ ที่ Mish กดราคาขายนั้น ผมไม่ได้ต่อว่าเขานะครัีบ เข้าใจตรรกะที่เขา และที่คุณส้มโอมืออธิบายชัดเจนเลย

เพียงแต่เป็นการชี้ให้เห็นว่า ในช่วงที่ของเปลี่ยนมือเร็ว จะต้องถือของที่เป็นที่้ต้องการของตลาด ไม่งั้นจะโดนกดราคาเวลาขาย

ซึ่งสำหรับตลาดโลหะเงินในเมืองไทยนั้น ต้องคอยหาความรู้ จับตามองเหมือนกัน ว่าการแลกเปลี่ยน จะเปลี่ยนจากเม็ดเงิน

เป็นรูปแบบอื่นหรือเปล่า

 

ยังไงของจริงก็คือของจริง ต่อให้เก็บเป็นเงินในรูปที่ไม่มีใครเอา ค่าก็ไม่ถึง 0 หรอก

แต่ถ้าถือเงินกระดาษในสกุลที่ไม่มีใครเอา ค่าอาจจะถึง 0 ได้ง่ายๆ :D

 

งานอดิเรกของ Mish คือเหรียญ มันมีเรื่องเรา ประวัติศาสตร์อยู่ในตัวของมันเองที่คอยให้เราศึกษา

เขาแซว Chris ตอนก่อนจบรายการว่า ถ้าเก็บเงินกระดาษไว้ คงศึกษาอะไรมากไม่ได้ เพราะมันจะเปื่อยหมดเสียก่อน

 

ป.ล. Mish บอกว่า สมัยก่อนนั้นไม่ค่อยมีการซื้อเพื่อเก็งกำไร ทำให้ไม่ค่อยมีคนผลิตเหรียญออกมาขายมากเหมือนสมัียนี้

ช่วงฟองสบู่ปี 80 หาของจากร้านส่งไม่ได้เลย ต้องซื้อจากคนขาย มาขาย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...