ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
moddang

ข้อคิดคำคม - เกร็ดความรู้

โพสต์แนะนำ

สารต่างๆ ในผงซักฟอก

 

 

My firstbrain (4,634 views) first post: Fri 27 May 2011 last update: Fri 27 May 2011

ผงซักฟอกเป็นสินค้า อุปโภคบริโภคที่จำเป็นอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวัน ใช้เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มต่างๆ จึงได้มีการค้นคว้าพัฒนาสูตรผงซักฟอก พร้อมกับความนิยมใช้ผงซักฟอกเพิ่มขึ้น

 

หน้าที่ 1 - สารต่างๆ ในผงซักฟอก

 

ผงซักฟอก เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวัน ใช้เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และภาชนะต่างๆ ตลอดจนเครื่องมือ เครื่องจักรกลโรงงาน แต่ที่ใช้กันมากคือ ใช้ซักล้างเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ได้มีการผลิตผงซักฟอกขึ้นใช้เป็นครั้งแรกในประเทศเยอรมนี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เนื่องจากในขณะนั้นไขวัวและน้ำมันพืชซึ่งเป็นวัตถุสำคัญในการผลิตสบู่เกิด ขาดแคลน นักวิทยาศาสตร์จึงได้คิดค้นสารสังเคราะห์ขึ้นใหม่ ต่อมาจึงได้มีการค้นคว้าพัฒนาสูตรผงซักฟอกอย่างกว้างขวาง พร้อมกับความนิยมใช้ผงซักฟอกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

ประเทศไทยโดย บริษัท หลุยส์ทีเลียวโนเวนส์ จำกัด ได้นำเข้าผงซักฟอกยี่ห้อ "แฟ้บ" จาก ต่างประเทศมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อใช้แทนสบู่ในการซักเสื้อผ้า และชำระล้างสิ่งสกปรกอื่นๆ ปรากฏว่า เป็นที่นิยมของประชาชนโดยทั่วไป เพราะสามารถชำระล้างสิ่งสกปรกได้ดีกว่าสบู่ และสะดวกในการใช้มากกว่า บริษัทผู้ผลิตแฟ้บ คือ บริษัท คอลเกตปาล์มโอลีฟ จำกัด จึงได้ตั้งโรงงานผลิต และจำหน่ายผงซักฟอกในประเทศขึ้นในปี พ.ศ.2500 และต่อมาได้มีผู้ผลิตผงซักฟอกเกิดขึ้นอีกหลายบริษัท

 

ผงซักฟอกเป็นผลิตภัณฑ์เคมี ใช้วัตถุดิบแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสูตรการผลิตของแต่ละโรงงาน และสารเคมีบางตัวอาจใช้แทนกันได้ วัตถุดิบที่ใช้ส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนประกอบของผงซักฟอกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ส่วนประกอบหลัก และส่วนประกอบที่อาจมีได้

 

 

 

ส่วนประกอบหลัก

 

1. สารลดแรงตึงผิว

เป็นพวกสารอินทรีย์ ทำหน้าที่เป็นตัวละลายไขมัน ช่วยลดแรงตึงผิวของน้ำ ทำให้น้ำซึมเข้าไปสัมผัสกับสิ่งสกปรกต่างๆ ได้ จึงสามารถชำระล้างสิ่งสกปรกออกมาได้ทั้งในน้ำกระด้างและน้ำธรรมดา สารนี้ต้องเป็นสารเคมีประเภทมีประจุลบ (anionic) ประจุบวก (cationic) หรือไม่มีประจุ (nonionic) ประเภทใดประเภทหนึ่งหรือผสมกัน ในกรณีที่เป็นสารเคมีประเภทมีประจุลบต้องไม่เป็นแอลคิลเบนซีนซัลโฟเนตที่มี โครงสร้างแบบกิ่ง (branched alkylbenzene sulphonate) ตัวอย่างเช่น โซเดียมแอลคิลอะริลซัลโฟเนต (sodium alkyl aryl sulphonate) ส่วนสารลดแรงตึงผิวประเภทมีประจุบวก เช่น เซทิลไตรเมทิลแอมโมเนียมโบรไมด์ (cetyl trimethyl ammonium bronide) และสารลดแรงตึงผิวประเภทไม่มีประจุ เช่น เอทิลินออกไซด์ คอนเดนเซต ออฟ แอลคิลแฟตตีแอลกอฮอล์ (ethylene oxide condensate of alkylfatty alcohols) สารเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำหน้าที่ชำระล้างสิ่งสกปรก

 

2. สารลดความกระด้างของน้ำ

เช่น โซเดียมไตรโพลีฟอสเฟต (sodium tripolyphosphare, STPP) โซเดียมไพโรฟอสเฟต (sodium pyrophosphate) เกลือของกรดไนทริโลไตรแอซีติค (nitrilotriacetic acid, NTA) เกลือของกรด เอทิลีนไดแอมีนเททระแอซีติก (ethylenediamine tetracctic acid, EDTA) กรดซิตริก และอนุพันธ์ของกรดซิตริก (citric acid and derivatives) ซีโอไลต์ (zeolite) สารใดสารหนึ่งหรือผสมกัน สารพวกนี้ไม่ช่วยให้สิ่งสกปรกหลุดออกจากเสื้อผ้า หรือจากของใช้โดยตรง แต่ทำหน้าที่เสริมประสิทธิภาพของสารลดแรงตึงผิวโดยทำให้น้ำเป็นด่างเหมาะแก่ การปฏิบัติงานของผงซักฟอก สารลดความกระด้างมีหน้าที่ช่วยแก้ความกระด้างของน้ำ เนื่องจากความกระด้างของน้ำจะรบกวนการทำงานของสารลดแรงตึงผิวที่จะดึงสิ่ง สกปรกออกจากผ้า นอกจากนี้ สารลดความกระด้าง ยังช่วยควบคุมสมดุลของค่าความเป็นกรดเป็นด่างให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะและคง ที่ได้ด้วย

 

2.1 สารโซเดียมไตรโพลีฟอสเฟต (STPP)

สาร STPP มีสูตรโมเลกุล NaPO วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตที่สำคัญคือ เทอร์มัล ฟอสฟอริกแอซิด และโซดาแอชเข้มข้น ปฏิกิริยาของกรดฟอสฟอริกกับโซดาแอชเข้มข้นจะให้ของผสมระหว่างโมโนและได โซเดียม ออร์โทฟอสเฟต STPP ได้จากปฏิกิริยาดีไฮเดรชัน (dehydration) ผสมระหว่างโมโน และไดโซเดียมออร์โทฟอสเฟต ที่อุณหภูมิสูง (500C) STPP ที่ผลิตได้ในประเทศไทย ใช้อุตสาหกรรมผลิตผงซักฟอกเป็นส่วนใหญ่ นอกนั้น STPP สามารถที่ใช้ในระบบเตรียมน้ำประปา อุตสาหกรรมกระเบื้องเซรามิก สารช่วยถนอมอาหารทะเล อุตสาหกรรมสี เป็นต้น

 

สาร STPP ในผงซักฟอกจะลดความกระด้างโดยดึงอนุภาคแคลเซียม (Ca)และ แมกนีเซียม (Mg) ออกจากน้ำ แคลเซียมหรือแมกนีเซียมจะเข้าแทนที่โซเดียมในโมเลกุลของ STPP ซึ่งเป็นสารลดความกระด้างที่ทำหน้าที่ได้ประสิทธิผลดี แต่สามารถก่อให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมได้ หลายประเทศมีความเห็นว่าฟอสเฟต อาจเป็นต้นเหตุทำให้เกิดปรากฎการณ์ยูโทรฟิเคชัน (eutrophication) ในแหล่งน้ำ ดังนั้น จึงได้ให้ความสนใจกับผงซักฟอกที่ไม่มีส่วนประกอบของฟอสเฟตโดยใช้สารอื่นทด แทนเป็นสารลดความกระด้าง

 

2.2 สารทดแทนสารประกอบ STPP

สารทดแทนสารประกอบ STPP มีหลายชนิด แต่มีเพียง 5 ชนิดเท่านั้นที่ใช้อยู่ในประเทศต่างๆ ในปัจจุบัน โดยใช้ในรูปของสารลดความกระด้างโดยตรงหรือเป็นสารร่วมในการลดความกระด้าง (co-builder) ได้แก่

 

:rolleyes: ไนทริโลไตรแอซิติก

สารไนทริโลไตรแอซิติกเป็นสารประกอบอินทรีย์ วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตได้แก่ แอมโมเนีย ฟอร์มาลดีไฮด์ กรดไฮโดรไซยานิก อนุมูลความกระด้าง (Ca, Mg) ในน้ำ จะถูกเปลี่ยนกับเกลือไตรโซเดียมของสาร NTA ทำให้ลดความกระด้างของน้ำลง ซึ่งจะทำหน้าที่ได้ดีในสภาวะน้ำที่เป็นด่าง ราคาของสาร NTA แพงกว่า STPP ประมาณร้อยละ 50 แต่ใช้ปริมาณน้อยกว่า

 

:huh: ซิเทรต

ซิเทรตเป็นเกลือของกรดซิตริก (citric acid) เป็นสารประกอบอินทรีย์ ข้อเสียของสารซิเทรตในการใช้เป็นสารลดความกระด้าง คือ ประสิทธิภาพจะลดลงที่อุณหภูมิสูง นอกจากนี้ ซิเทรตยังมีประสิทธิภาพต่ำในการลดความกระด้างที่เกิดจากอนุมูลแคลเซียม เมื่อเทียบกับความกระด้างที่เกิดจากอนุมูลแมกนีเซียม อย่างไรก็ดี ซิเทรตยังใช้เป็นสารลดความกระด้างในหลายๆ ประเทศ โดยเป็นส่วนประกอบในผงซักฟอกที่ใช้ซักล้างที่อุณหภูมิต่ำ โดยที่อเมริกามีการใช้ซิเทรตในน้ำยาซักฟอก สำหรับผงซักฟอกในประเทศไทย ไม่นิยมใช้สารประกอบนี้ เพราะมีราคาแพง ในด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีรายงานที่แสดงถึงความเป็นพิษของซิเทรตต่อสุขภาพ และเนื่องจากเป็นสารที่ย่อยสลายทางชีวภาพได้ จึงสามารถถูกกำจัดในระบบบำบัดน้ำเสียได้ (ถ้ามี)

 

B) เกลือของกรดโพลิคาร์บอกซีลิก (polycarboxylic acid PCA)

โพลิคาร์บอกซีเลต เป็นเกลือโพลิเมอร์ของกรด ซึ่งได้แก่ กรดอะคริลิก (acrylic acid) กรดมาลีอิก (maleic acid) สมบัติในการลดความกระด้างขึ้นอยู่กับขนาดของโพลิเมอร์ กลไกในการลดความกระด้างของ PCA เป็นแบบ electrostatic binding และ site binding ในกลไกแรก อนุมูลประจุตรงข้ามจะถูกตรึงโดยสภาพประจุไฟฟ้ารอบๆ โมเลกุลของโพลิเมอร์ ในขณะที่กลไกที่สองจะลดความกระด้างเนื่องจาก active site ของอนุมูลโพลิเมอร์รวมกับอนุมูลประจุตรงข้าม โดยเฉพาะอนุมูลที่มีขนาดใหญ่กว่า จะรวมกันได้ดีขึ้น (Ca > Li > Na > K)

 

PCA ใช้ในปริมาณต่ำเมื่อเทียบกับสารทดแทนอื่นโดยให้สมบัติเท่ากัน ส่วนใหญ่นิยมใช้เป็นสารลดความกระด้างร่วม ทั้งนี้เนื่องจากราคาที่สูงและย่อยสลายทางชีวภาพได้ยาก สำหรับในเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเป็นพิษนั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัด เนื่องจากมีข้อมูลการวิจัยไม่พอที่จะสรุปได้

 

:lol: ฟอสฟอเนต

ฟอสฟอเนตเป็นเกลืออยู่ในกลุ่มของ กรดฟอสฟอนิก (phosphonic acids) ซึ่งมีสารฟอสฟอรัสและไนโตรเจน มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ มีสมบัติและราคาแพงเช่นเดียวกับ PCA ย่อยสลายยาก ปัจจุบันมักใช้เป็นสารร่วมลดความกระด้าง รายงานในเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเป็นพิษยังมีอยู่น้อยเช่นเดียว กัน

 

:) ซีโอไลต์

สารซีโอไลต์เป็นผลึกอนินทรีย์ของอะลูมิโนซิลิเคต ซี่งมีพื้นที่ผิวภายในสูงมากเมื่อเทียบกับพื้นที่ผิวภายนอก สังเคราะห์ขึ้นโดยเลียนแบบดินขาว (kaolin clay) ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ประกอบด้วย 1 โมลของโซเดียม 1 โมลของอะลูมินา 2 โมเลกุลของซิลิกา และ 4.5 โมลของน้ำสารซีโอไลต์ สามารถลดความกระด้างของน้ำ โดยวิธีการแลกเปลี่ยนประจุเช่นเดียวกับสาร STPP โดยที่แคลเซียม (Ca) และแมกนีเซียม (Mg) จะแลกเปลี่ยนประจุกับโซเดียมในสารทั้งสอง

 

ได้มีการศึกษาทางด้านประสิทธิภาพของการลดความกระด้างในน้ำ ระหว่างซีโอไลต์และ STPP พบว่า เวลาที่ใช้ในการลดปริมาณแคลเซียมในน้ำอุณหภูมิต่ำของซีโอไลต์นานกว่า STPP ประมาณ 3 เท่า กล่าวคือ ซีโอไลต์ใช้เวลา 3 นาที ในขณะที่ STPP ใช้เวลา 1 นาที ซีโอไลต์เมื่อเทียบกับสารทดแทนอื่นๆ ในปริมาณเดียวกันจะมีความสามารถในการลดความกระด้างได้ต่ำกว่า และจะลดความกระด้างที่เกิดจากอนุมูลแคลเซียมได้ดีกว่าที่เกิดจากอนุมูล แมกนีเซียม ขนาดของซีโอไลต์มีผลต่อประสิทธิภาพการลดความกระด้างเช่นกัน ซีโอไลต์ควรมีขนาดเล็กกว่า 10 ไมโครเมตร เพื่อที่จะให้เกิดการแลกเปลี่ยนประจุได้เร็วขึ้น และลอดผ่านเส้นใยของเยื่อผิวได้ จึงจะทำให้ผงซักฟอกมีประสิทธิผลสูง สำหรับการใช้สารลดความกระด้างในประเทศไทย ได้มีการนำซีโอไลต์มาใช้ทดแทน STPP ในสูตรบางส่วน

 

ขอขอบคุณข้อมูลจากMy firstbrain

 

 

หมายเหตุ งานเขียนชิ้นนี้ ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดย ลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน ที่ให้เกียรตินำเผยแพร่ผ่าน วิชาการ.คอม เรามีความยินดีและอนุญาตให้ทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา เท่านั้น กรุณาให้เกียรติผู้เขียน โดยอ้างชื่อผู้เขียนและแหล่งข้อมูลทุกครั้งที่ทำการเผยแพร่ต่อ ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อในสื่อที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจก่อนได้รับอนุญาต ขอขอบคุณที่ร่วมกันช่วยสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งปัญญา

 

สงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต ครีเอทีฟคอมมอนส์ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย.

ท่านสามารถนำเนื้อหาในส่วน บทความ ไปใช้ แสดง เผยแพร่ โดยต้องอ้างอิงที่มา ห้ามใช้เพื่อการค้าและห้ามดัดแปลง

 

 

Credit : วิชาการดอดคอม

 

http://www.fwdder.com/topic/338164

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เกี่ยวกับน้ำปัสสาวะ & การเก็บที่ถูกต้อง

 

 

ช่วยอาจารย์ตอบนิดนึง

 

การเก็บฉี่ ก็เหมือนกับการเก็บส่งตรวจ คือเก็บช่วงกลางๆ เพราะเป็นช่วงที่คาดว่าน่าจะสะอาด เพราะต้นๆ หรือท้ายๆ อาจได้ของแถมมาด้วย เช่น มูก หรือเลือดที่มันอยู่บริเวณนั้น ประมาณนี้นะคะ อย่าคิดมาก ทฤษฎีมันว่าอย่างนั้น

 

 

ไปอ่านหรือได้ข้อมูลจากทีไหนจำไม่ได้แล้ว ประมาณนี้นะคะ

 

เปรียบเหมือนกับเป็นการให้ วัคซีนแก่ร่างกาย เพราะมันเป็นสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ร่ายกายก็จะพยายามสร้างภูมคุ้มกันให้เกิดขึ้น เพื่อต่อต้านเชื้อโรคที่เข้าไปในร่างกาย แต่ฉี่ไม่ได้เป็นเชื้อโรค เป็นแต่ ส่วนเกินที่ร่างกายไม่ต้องการและพยายามขจัดออกไป เอาสั้นๆประมาณนี้นะคะ

 

 

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเสริมก็แล้วกัน วิธีการเก็บฉี่ส่งตรวจที่ถูกต้อง ทำไม ...เพราะอะไรจะได้หายสงสัย

 

 

http://webboard.mthai.com/7/2007-04-29/318579.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กล้วยหอมยอดผลไม้มหัศจรรย์

 

1185784.jpg

 

กล้วยหอม มีดีมากกว่า “ของกล้วยๆ”

 

 

 

เห็นกล้วยสีเหลืองอร่าม ขนาดกำลังพอดีคำ เสมือนได้กลิ่นชวนเชิญให้อยากปอกกินดีแท้ หลายๆ คนอาจจะพอทราบสรรพคุณของกล้วยหอมมาบ้างแล้ว แต่คิดว่าคงรู้ไม่มากเท่าที่เรานำมาสาธยายในวันนี้เป็นแน่

 

กล้วยหอมมีสารน้ำตาลอยู่ 3 ชนิดคือ ซุคโคส ฟรุคโตสและกลูโคส (sucrose, fructose and glucose) รวมทั้งเส้นใยอาหารมันจะให้พลังงานแก่ร่างกายพร้อมนำไปใช้ทันทีเลยครับ

 

เขาวิจัยมาแล้วว่ากล้วยหอม 2 ใบให้พลังงานเพียงพอให้เราทำงานถึง 90 นาที ไม่ต้องสงสัยเ ลยนะครับ ..นักกีฬาระดับโลกถึงชอบกินกล้วยหอมกันนัก(เคยเห็นในสนามเทนนิส….พอพักเบรค บางคนหยิบกล้วยหอม มากัดกินสัก 2-3 คำ)ยังไม่หมดนะ….เจ้ากล้วยยังมีคุณอนันต์ป้องกันโรคภัยและภาวะต่าง ๆของร่างกายได้อีกด้วย…มาดูกันครับ

 

ความเศร้าซึม

จากการสำรวจและวิจัยไต่ถามพร้อมสุ่มตัวอย่างจากคนไข้ ที่ป่วยเป็นโรคเศร้าซีมพบว่าส่วนใหญ่จะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้กินกล้วยหอม เพราะว่ามัน tryptophan ซึ่งเป็นกรดอะมิโนโปรตีนชนิดหนึ่งซึ่งร่างกายสามารถแปลงเป็น serotonin สารกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์สดใสและมีความสุขมากยิ่งขึ้น

 

PMS (premenstrual syndrome)

สำหรับสุภาพสตรีแล้วก่อนที่จะมีประจำเดือน อารมณ์จะหงุดหงิดง่าย ไม่อยู่กับร่องรอยและก่อให้เกิดสภาวะต่อร่างกาย.เช่ นปวดท้อง ปวดหัว…ฯลฯ รีบกินกล้วยหอมซะดี ๆ…..ยาแก้ปวดลืมไปได้เลย….มันสามารถป้องกันได้นะจ๊ะ……..

 

โรคโลหิตจาง ( Anemia)

ธาตุเหล็กในกล้วยหอมสามารถที่จะกระตุ้นร่างกายให้ผลิ ต Hemoglobin ( ฮีโมโกลบิน) ในกระแสโลหิตช่วยหยุดยั้งภาวะโลหิตจางได้ แต่คงไม่ช่วยแก้โรคทรัพย์จางได้หรอกนะ….ฮ่า… (โรคนี้ผมเป็นบ่อย ๆ…..หุ…หุ…)

 

ความดันโลหิต ( Blood Pressure)

กล้วยหอมมีเกลือโปแตสเซียมเหลืองอยู่เยอะ เป็นตัวช่วยความดันเลือดจนกระทั่ง US Food and Drug Administrationอนุมัติให้กล้วยหอมยอดผลไม้มีส่วนช่วยลดภาวะความเสี่ยงความ ดันได้จริง

 

เสริมสร้างพลังสมอง ( Brain Power)

ที่อังกฤษในแค้วน Middlesex มีนักเรียนจำนวน 200 คนจาก Twickenham school อ้างว่าพวกเขาสอบผ่านเพราะได้กินกล้วยหอมเป็นอาหารเช้ารวมทั้งกินอีกนิด หน่อยในตอนมื้อเที่ยงเพื่อทำให้สมอง สดชื่นเขาได้วิจัยพบว่าโปแตสเซียมในกล้วยช่วยนักเรียนให้ตื่นตัวอยู่เสมอ

 

อาการท้องผูก ( Constipation)

เส้นใยอาหารในกล้วยหอมช่วยทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกาย ทำงานได้ดี

 

เมาค้าง ( Hangovers)

วิธีแก้เมาค้างที่เร็วและดีอีกวิธีหนึ่งก็คือกินกล้ว ยหอมปั่น banana milkshake โดยการใส่น้ำผึ้งลงไปด้วย (ฮ่า…..ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย…ต้องลองแน่ๆ…) ด้วยสรรพคุณของน้ำผึ้งและสารวิตามินในกล้วยจะช่วยให้ ปรับระดับน้ำตาลในเส้นเลือด และทำให้กระเพาะอาหารอยู่ในสภาวะที่พร้อมทำงานได้เร็วขึ้น……

 

จุกเสียดแน่นท้อง ( Heartburn)

กล้วยหอมมีสารลดกรดตามธรรมชาติอยู่ ดังนั้นการกินกล้วยก็จะช่วยให้ลดอาการดังกล่าว

 

Morning Sickness

ไม่รู้ว่าจะแปลว่าอะไรดีนะ…อาการงี่เง่าตอนเช้าเช่นไม่อยากจะตื่นบ้าง…ฯลฯ ถ้าเรากินกล้วยหอมสักคำ 2 คำระหว่างมื้อเช้า เที่ยงหรือเย็นมันจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและแก้อาการดังกล่าว ในตอนเช้าได้

 

บรรเทาแผลยุงกัด

ก่อนที่จะใช้ยาทา ลองใช้เปลือกกล้วยหอมด้านในถูบริเวณที่ถูกยุงกัด จะช่วยลดอาการคันหรือบวมได้…..คนส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นจริง ๆ

ระบบประสาท ( Nerves)

วิตามินบีที่มีอยู่มากในกล้วยหอมจะช่วยลดความเครียด….อ่อนล้าได้

อ้วนจากทำงานมากเกินไป

ที่สถาบันจิตวิทยาในออสเตรียได้ศึกษาและพบว่า ความเครียดจากที่ทำงานทำให้คนกินช็อกโกแล็ตและพวกโปเ ต้โต้ชิปส์มากเกินไป ทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น จากที่กล่าวมาแล้วถ้ากินกล้วยหอมสักเล็กๆ น้อยๆประมาณทุกๆ 2 ชม. มันจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและลดการอยากกินของจุกจิก

แผลในลำไส้และกระเพาะอาหารรวมทั้งผิวหนังพุพองเป็นแผล ( Ulcers)

สารและเส้นใยในกล้วยหอมช่วยให้การย่อยอาหารของลำไส้เล็กดีขึ้นรวมทั้งกรด ต่างๆ ที่มีอยู่ทำให้มีการเคลือบผิวของกระเพาะ ลดการเป็นแผลในกระเพาะได้

ปรับระดับอุณหภูมิในร่างกาย ( Temperature Control)

ในประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรที่มีอากาศร้อน ผู้คนชอบกินกล้วยหอมดับร้อนกันครับ และเชื่อว่ามันเป็นผลไม้เย็นฉ่ำชนิดหนึ่ง อย่างเช่นในไทยมีความเชื่อกันว่าผู้หญิงท้องควรกินกล้วยหอมเป็นประจำเพื่อ เด็กที่เกิดมาจะมีอารมณ์เยือกเย็นเช่นดังป๋าคูล เป็นต้น…… so cool….

 

ลดความอยากสูบบุหรี่

สำหรับท่านที่ต้องการเลิกบุหรี่กล้วยหอมอาจช่วยท่านได้เพราะมีวิตามิน B6, B12 โปแตสเซียมและแม็กนีเซียมที่มีอยู่มากจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วจากการขาด สารนิโคตินเปรียบ

 

!031 คุณค่าทางอาหาร

เทียบกับแอปเปิลแล้ว

 

กล้วยหอมมีโปรตีนมากกว่า 4 เท่า

มีคาร์โบไฮเดรทมากกว่า 2 เท่า

ฟอสฟลอรัสมากกว่า 3 เท่า

วิตามินเอและธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่า

วิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆมากกว่า 2 เท่า

ดังนั้นจากที่ฝรั่งเคยพูดกันว่า

‘An apple a day keeps doctor away.’

ต่อไปคงจะต้องเปลี่ยนเป็น

‘A banana a day keeps doctor away.’ ซะแล้วมั๊ง…..

 

ถ้ามันไม่ใช่เป็นการเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อโปรโมต พ่อค้ากล้วยหอมแล้ว

ผมว่ากล้วยหอมเนี่ยมันแจ่มจริง ๆ….

ถ้าต่อไปมันแพงมากก็ไม่ต้องกินมันหรอกครับ

(ผมว่ากล้วยน้ำว้าก็มีประโยชน์ต่อร่างกายมากนา…. กินมันทั้ง 2 อย่างแหละดีที่สุด)

 

อ้อ…แถมท้ายอีกอย่างหนึ่งรองเท้าหนัง ถ้าอยากขัดให้มันวาวแบบเร็ว ๆ

ก็เอาเปลือกกล้วยหอมด้านในถูรองเท้าไปเลย

เสร็จแล้วเอาผ้าแห้งเช็ดขัดออก…รองเท้าจะมันแผล็บเลย….

 

 

แหล่งที่มา :

- อีเมล์ฟอร์เวิร์ด (-`๏’- มิสเกรนเจอร์ -`๏’-)

- http://bananasweb.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กล้วยหอมยอดผลไม้มหัศจรรย์

 

 

เอามาฝากครับ tongue.gif

กล้วยหอม ให้โทษได้อย่างไร??

มาถึงตรงนี้ท่านๆคงจะนึกสงสัยว่า "เอ๊ะ!! กล้วยหอมมีดีซะขนาดนี้ ทานแล้วมันจะเกิดผลเสียได้ยังไง" มันจะไม่เกิดผลเสียหรอกครับ หากท่านบริโภคอย่างถูกวิธี เพราะกล้วยหอมนั้นจัดว่าเป็นผลไม้ฤทธิเย็นมีรสหวาน อย่างพวก ทุเรียน ขนุน ผลไม้รสหวานเหล่านี้เราอย่าได้ริอาจรับประทานตอนหิวเป็นอันขาด ยิ่งหิวจัดๆเนี่ยยิ่งต้องระวังใหญ่ เพราะผลไม้รสหวานพวกนี้หากทานเข้าไปตอนหิวมันจะสร้างแก๊สขึ้นในกระเพาะได้รวดเร็วมาก แล้วแก๊สที่ว่ามันก็จะวิ่งไปตามจุดต่างๆของร่างกาย หลอดเลือด เส้นประสาทก็ถูกลม ถูกแก๊สพวกนี้ กดทับ ตีบตัน ทำงานได้ไม่สะดวกจนเป็นเหตุให้อาการปวด และ โรคต่างๆตามมากันเป็นแถว

ยิ่งอากาศร้อนๆแบบนี้หลายท่านใช้วิธีแช่ผลไม้หวานๆตุนไว้ในตู้เย็น เผื่อเวลาร้อนๆ หรือ ท้องว่างจะได้นำออกมารับประทานให้สดชื่น แจ่มใสกัน นี่แหละคับตัวปัญหา ผลไม้รสหวาน แช่เย็นๆแบบนี้ หากทานตอนหิวจัดแถมช่วงอากาศร้อนๆในเมืองไทยแบบนี้ ตาย! ครับ ตาย! หลายท่านบอกว่าก็เห็นนักกีฬาต่างชาติเค้าทานกันตอนช่วงพักกันยกใหญ่ เพราะกล้วยหอมมันให้พลังงานได้รวดเร็ว แล้วทำไมเค้าไม่เห็นเป็นอะไรเลย? ก็แหม่ ฝรั่งเค้าไม่เป็นไรหรอกครับ ก็โดยธรรมชาติแล้วกระเพาะอาหารของพวกเค้านั้นแข็งแรงกว่าพวกเราคนไทยมาก แถมอากาศบ้านเมืองเค้าก็ไม่ได้ร้อน (ถึงร้อนมาก) แบบบ้านเราไช่ไหมครับ กล้วยหอมที่ทานเข้าไปก็ยังไม่ทันได้สร้างแก๊สก็โดนดึงไปเป็นพลังงานซะแล้ว โดยเฉพาะพวกกีฬาหนักๆอย่าง เทนนิส ฟุตบอล แบบเนี้ยคงย่อยไปหมดแล้ว แต่พนักงานออฟฟิส มนุษย์เงินเดือน นี่สิคับทำงานหนักจนไม่มีเวลาออกไปหาอะไรทาน จนต้องพึ่งกล้วยหอม (แช่เย็น) ประทังชีวิตไปก่อน แถมไม่ได้ไปออกแรงทำอะไรหนักๆอีก แบบนี้ก็ไม่รอดสิครับ แล้วก็บ่นปวดนั้นปวดนี่ สุดท้ายก็บอกว่า "สงสัยกระดูกทับเส้น" น่าสงสารเจ้ากระดูกเนอะโดนกล่าวโทษตลอด เอาหละรู้อย่างนี้แล้วไม่ต้องไปโทษดินโทษฟ้า โชคชตากลั่นแกล้งกันให้ช้ำใจ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวท่านเองหละคับ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมซะใหม่ ทานอาหารให้ตรงเวลา ทานอาหารที่มีประโยช์นให้ครบห้าหมู่ กล้วยหอมจริงๆแล้วทานเช้าลูก เย็นลูก ก็เพียงพอแล้วคับ เพราะหากทานอาหารครบห้าหมู่แล้ว ก็จะได้พลังงานจากตรงนี้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้วหละครับ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ :lol: นึกแล้วเชียว อิอิ...ที่ผู้สูงอายุบางท่านบอกว่าทานไม่ดี ทานแล้วเป็นลม ก็คงประมาณใช่ใหมคะ

 

 

ช่วยบอกสมการความหิวหน่อยได้ใหมคะ ทำให้เกิดแกสเร็วได้อย่างไรคะ อยากรู้จิงๆนะคะ ไม่ได้ล้อเล่น

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ :lol: นึกแล้วเชียว อิอิ...ที่ผู้สูงอายุบางท่านบอกว่าทานไม่ดี ทานแล้วเป็นลม ก็คงประมาณใช่ใหมคะ

 

 

ช่วยบอกสมการความหิวหน่อยได้ใหมคะ ทำให้เกิดแกสเร็วได้อย่างไรคะ อยากรู้จิงๆนะคะ ไม่ได้ล้อเล่น

 

อิอิ นึกไม่ออกเหมือนกันครับ รู้แต่ว่ากินตอนท้องว่างเป็นลมแน่ๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นานาสาระกับประโยชน์ของเปลือกผลไม้

 

 

 

เปลือกของผลไม้มีประโยชน์มากมาย นอกเหนือจากรับประทานเข้าไปแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆได้อีกด้วย Kanzuksa.com รวบรวมข้อมูลมานำเสนอ ลองมาดูกันว่าเปลิกของผลไม้อะไรบ้างที่มีประโยชน์...

1-74.jpg

 

 

 

- เปลือกมังคุด [อ้างอิง1]

 

เปลือกมังคุดก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้ท้องเสีย แก้ท้องร่วงเรื้อรัง ถ่ายเป็นมูกเลือด โดยการใช้เปลือกสดหรือเปลือกแห้งฝนกับน้ำรับประทานหรือจะใช้เปลือกแห้งต้มกับน้ำรับประทานก็ได้ผลเช่นเดียวกัน

 

 

:blush: การนำไปใช้ประโยชน์

 

ปัจจุบันวงการเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดได้ให้ความสนใจนำสารสกัดจากเปลือกมังคุดไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สบู่เปลือกมังคุด ที่ช่วยดับกลิ่นเต่า ช่วยบรรเทาโรคผิวหนัง รักษาสิวฝ้า ซึ่งใช้ได้ผลดีและเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เมื่อได้ลิ้มรสของเนื้อในของมังคุดอย่างอิ่มเอมแล้วก็อย่าได้ทิ้งขว้างเปลือกมังคุดให้เป็นขยะเน่าเหม็นโดยเปล่าประโยชน์เลย เปลือกมังคุดยังมีสรรพคุณในการสมานแผล ช่วยให้แผลหาเร็ว เช่นใช้รักษาบาดแผลผุพอง แผลเน่าเปื่อย แผลเป็นหนอง โดยการใช้เปลือกมังคุดฝนกับน้ำปูนใสทาบริเวณแผล น้ำต้มเปลือกมังคุดแห้งต้มน้ำล้างแผลใช้แทนการด้วยน้ำยาล้างแผลหรือด่างทับทิมได้ด้วย

 

เพราะเปลือกมังคุดนี้มีสารแทนนิน (Tannin) และสารแซนโทน (Xanthone) ที่มีชื่อเรียกเฉพาะชื่อเดียวกับมังคุดว่า สารแมงโกสติน (mangostin) สารแทนนินมีฤทธิ์สมานแผลช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น สารแมงโกสตินมีฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบ และต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง สารแซนโทนในเปลือกมังคุดยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังและกลากได้อีกด้วย

 

 

B) มังคุดรักษาสิวได้ด้วย [อ้างอิง 2]

 

สูตรเด็ดสิว คัดลอกมาจาก ชีวจิต ฉบับ 16 มิถุนายน 2550

 

สิวเป็นโรคผิวหนังที่มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย อาทิ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความผิดปกติของต่อมไขมัน การอุดตันของรูขุมขน รวมถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งทำให้มีการอักเสบแบบเรื้อรัง หรือมีโอกาสเป็นๆหายๆได้บ่อยครั้ง

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัลลิกา ชมนาวัง ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำวิจัยเรื่อง "โครงการสมุนไพรเพื่อใช้รักษาสิว" โดยศึกษาจากสมุนไพรจำนวน 19 ชนิด อาทิ ฟ้าทลายโจร สะเดา ช่อระอา มังคุด พญายอ กระเจี๊ยบ..... มาทดสอบฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อสิวได้และยังออกฤทธิ์ต้านเชื้อสิวอักเสบได้ดี นอกจากนี้ยังพบว่า สารสกัดมังคุดช่วยลดรอยแผลเป็นของสิวอักเสบสูงถึงร้อยละ 77.8

 

:D ผลการวิจัยดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากเปลือมังคุดมีศักยภาพที่จะสามารถนำมาศึกษาต่อยอดเพื่อพัฒนาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ ในการป้องกันและรักษาสิวอักเสบได้

 

 

 

;) สูตรโลชั่นแต้มสิวเปลือกมังคุด

 

ส่วนผสม เปลือกมังคุดสด 10 ผล, ดินสอพอง 1 ช้อนชา

 

วิธีทำ >>>>

 

1. ล้างเปลือกมังคุดให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปใส่ในเครื่องคั้นน้ำผักผลไม้ จะได้น้ำเปลือกมังคุดเข้มข้น

2. ผสมดินสอพองในน้ำเปลือกมังคุด กะให้เหลวเล็กน้อย

 

วิธีใช้ >>>>

 

หลังล้างหน้าทุกครั้ง แต้มหัวสิบด้วยโลชั่นเปลือกมังคุด จะทำให้สิวยุบลงใช้เป็นประจำ เช้า เย็น และ ก่อนนอน

 

เคล็ดลับ >>>>

 

เปลือกมังคุดควรเลือกที่สุก มีเนื้อนิ่มเล็กน้อย จะได้น้ำมาก หากมีเปลือกมังคุดปริมาณมาก

สามารถนำไปตากแห้งแล้วบดเป็นผงเวลาใช้ให้ต้มกับน้ำเล็กน้อย กรองเอากากออก จะได้น้ำเปลือกมังคุดเข้มข้น

 

 

 

 

- เปลือกแอ๊ปเปิ้ล เชื่อว่ามีผลในการต่อต้านมะเร็ง ตามที่นักวิจัยพบว่าเปลือกของแอ๊ปเปิ้ลแดงผลหนึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่าวิตามินซี 820 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ได้จากน้ำส้มคั้นถึง 2 ควอตช์ เลยทีเดียว

 

img14.jpg

 

- เปลือกมันฝรั่ง อุดมไปด้วยใยอาหาร (fiber) ธาตุเหล็ก โปแตสเซียม และวิตามินบี มากกว่าที่ได้จากเนื้อมันเสียอีก เมื่อเทียบปริมาณเท่า ๆ กันแล้ว

 

 

c1-d0-b9-d2-c7-small.jpg

 

 

 

- ผิวส้ม มะนาว หรือมะกรูด มีสาร ดี-ไลโมนีน (น้ำมันหอมระเหยชนิดหนึ่ง) เทอปีน เฮสเพอริดีน (ยาป้องกันการตกเลือดโดยลดความเปราะของเส้นเลือด) คูมาริน (สารต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย) และแคโรทีนอยด์ (สารสีเหลืองช่วยต้านอนุมูลอิสระ) ซึ่งดีต่อสุขภาพ

 

sss1_2.jpg

 

 

 

-เปลือกส้ม [อ้างอิง 3]

 

ถ้าการทำงานในทุกๆ วันทำให้กำลังรู้สึกเครียดหรือเมื่อยล้าและอยากหาสิ่งที่ช่วยผ่อนคลาย เปลือกส้มช่วยท่านได้..โดยการนำเปลือกส้มมาคั้นหรือบีบเอาน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ในเปลือกส้ม นำมาดมกลิ่น หรือใช้นวดตามร่างกาย ซึ่งน้ำมันหอมระเหยจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนและช่วยกระตุ้นระบบประสาทได้

 

:P ประโยชน์ของเปลือกส้มยังไม่หมดเพียงเท่านี้!!!

 

...เพราะเปลือกส้มยังมีคุณสมบัติช่วยทำให้สิวที่รังควานใบหน้าของสาว ๆ ยุบสลายได้อย่างดีทีเดียวเพียงแค่นำเปลือกส้มที่ไม่ใช้ไปล้างน้ำสะอาด บดให้ละเอียดๆ แล้วผสมกับน้ำเพียงเล็กน้อยนำไปแต้มสิว ทิ้งไว้สัก 20 -30 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น เพียงเท่านี้สิวที่ผุดอยู่บนใบหน้าก็จะค่อย ๆ ยุบหายไป ใบหน้าของคุณก็จะกลับมาใสปิ๊งเหมือนเดิมค่ะ

หน้าหนาวนี้สำหรับสาวๆหรือชายหนุ่มที่มีลักษณะผิวดังต่อไปนี้ตั้งใจฟังให้ดีๆ เพราะจะมีเคล็ดที่ไม่ลับมากฝากกัน!! เริ่มต้นกันด้วยใครที่มีผิวที่แห้ง แตก หรือลอกเป็นขุย ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินไปซื้อครีมทาผิว แพงๆกันอันต่อไปแล้วค่ะ เพียงแค่นำเปลือกส้มมาบดให้ละเอียดจึงนำไปใช้แทนสบู่แล้วตามด้วยการอาบน้ำสะอาดเป็นเสร็จพิธี เพียงแค่นี้ก็สามารถดูแลผิวด้วยสูตรสำเร็จที่เราทำเองได้ที่บ้านโดยไม่ต้องเสียสตางค์แพงๆไปทำ สปาตามร้านให้ยุ่งยากอีกต่อไป

รู้ไว้ใช่ว่า!!! ส้มยังเป็นยาสมุนไพรบำรุงร่างกายได้ชั้นเยี่ยมโดยที่ไม่ต้องหาให้มันยุ่งยาก เพียงแค่เรามีผลส้มสด 100 กรัมก็ จะมีสารเบต้าแคโรทีน ถึง82 ไมโครกรัม และวิตามินซี 42 มิลลิกรัมที่เพียงพอต่อร่างกายคนเราต้องการต่อวัน และสารเหล่านี้ก็ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ได้ด้วยคะ ส่วนของเปลือกผลแห้งจะมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วย ซิตรัล ( CITRAL ) เจอรานิออล ( GERANIOL ) และ ไลนาโลออล ( LINALOOL ) น้ำมันหอมระเหยเหล่านี้จะสามารถสกัดออกมาเพื่อใช้แต่งกลิ่นยาและมีฤทธิ์ขับลม ส่วนเปลือก ผลที่แห้งเมื่อนำมาจุดไฟจะมีกลิ่นหอมและสามารถไล่ยุงได้ดีอีกด้วย

นอกจากนี้การศึกษาทางการแพทย์ ของทีมวิจัยของเภสัชกรในอังกฤษ พบว่าสารในเปลือกส้มมีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะในเปลือกส้มเขียวหวานจะมีฤทธิ์ช่วยต้านทานมะเร็งบางอย่างได้ โดยสาร “ซาลเวสตรอล คิว 40” ใน เปลือกส้มเขียว-หวาน สามารถทำลายเซลล์มะเร็งที่มีส่วนประกอบของเอนไซม์ “พี 450 ซีวายพี 1 บี 1” ลงได้ ซึ่งการค้นพบ ในครั้งนี้อาจนำไปสู่แนวทางใหม่ในการบำบัดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งทรวงอก ปอด ต่อมลูกหมาก และรังไข่ ได้ต่อไปในอนาคต

 

ดร.ฮูน แอล.ตัน ผู้เชี่ยวชาญเคมีด้านยาได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สารซาลเวสตรอล อาจช่วยให้เกิดกลไกอย่างใหม่ในการใช้โภชนาบำบัดต้านมะเร็ง แต่อย่างไรก็ตาม อาหารสมัยใหม่นั้นได้ทำลายซาลเวสตรอลให้หมดลงไป เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่กินเปลือกผลไม้กันอีกต่อไปแล้ว และนี่!!!จึงอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่พบว่ามีมะเร็งบางอย่างเกิดขึ้นมากในคนเรา

ตามสภาพสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่มี่ทั้งอากาศเป็นพิษและน้ำเน่าเสีย ทำให้เกิดมลพิษต่างๆอยู่รอบตัวเรามากขึ้นทุกวันและเป็นที่น่ายินดีอีกครั้งหนึ่งของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tlemcen ในอัลจีเรีย ได้พบว่าเปลือกส้มเป็นตัวช่วยทำให้สภาพน้ำดีขึ้น ในการศึกษาระดับห้องทดลอง ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเปลือกส้มมีศักยภาพที่จะดึงสีออกจากของเหลวในความเข้มข้นที่หลากหลาย ซึ่งเปลือกส้มมีราคาถูกและมีอยู่มากมาย ซึ่งสามารถลดต้นทุนการบำบัดน้ำเสีย และยังสามารถดึงสารอะไรก็ตามที่เป็นอันตรายที่อยู่ในของเสียออกมาได้

 

 

สมัยนี้จะรับประทานเปลือกผลไม้ชนิดไหน ก็ต้องล้างทำความสะอาดให้ดีค่ะ เพราะสารยาฆ่าแมลงที่ติดอยู่ตามผิวของเปลือกผลไม้ อาจตกค้างในร่างกายได้เช่นกัน!!!

 

 

 

http://www.kanzuksa.com/Radio.asp?data=265

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุึณครับ คุณมดแดง ประโยชน์เพียบจริงๆ

 

ที่บ้านปลูก ส้มจีนแบบที่รับประทานทั้งเปลือกได้ครับ ไม่รู้มีประโยชน์แบบนี้หรือเปล่า

แต่ที่แน่ๆ เปลือกออกหวานเนื้อเปรี้ยวสะใจเลยครับ :ph34r: :lol:

ถูกแก้ไข โดย itums

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไปเจอประสบการณ์ตรง จากผู้ที่ใช้ เลยเข้ามาหาข้อมูล

 

 

กินน้อยหน่าอย่าทิ้งเมล็ด

 

พูดถึงน้อยหน่า คงเป็นผลไม้โปรดของหลาย ๆ คน เนื่องจากมีรสหวานอร่อย แต่บางคนบอกว่ามีแต่เมล็ดไม่น่าทานสักนิด

 

น้อยหน่า มีชื่อเรียกได้หลายอย่าง เช่น น้อยแน่ มะแน่ มะโอจ่า ลาหนัง สุดแล้วแต่จะเรียก "แต่มันก็คือน้อยหน่าลูกสีเขียว ๆ นี่ล่ะค่ะ น้อยหน่าเป็นพืชยืนต้นใบเดี่ยวติดกับลำต้น ใบรูปรีปลายแหลมหรือมน ดอกเล็ก 4 กลีบ สีเหลืองอมเขียว กลิ่นหอม ลูกกลม มีตุ่มนูนรอบผล เนื้อสีขาว รสหวาน เม็ดสีดำ ใช้เมล็ดปลูก พบได้ทั่วไป น้อยหน่าเป็นผลไม้รสหวาน มีแป้งมากและยังมีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้

 

ส่วนที่ใช้เป็นยาคือ ใบสดและเมล็ด ใช้รักษาโรคกลาก เกลื้อน และฆ่าเหา ซึ่งจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่า น้ำคั้นและน้ำมันคั้นจากเมล็ดและใบมีฤทธิ์ฆ่าเหาได้ จึงแนะนำใช้เป็นยาฆ่าเหาสำหรับเด็กจะได้ผลดีมาก และประหยัดค่าใช้จ่าย

 

 

ถ้าหากรู้ว่าตัวเองเป็นเหาหรือผู้อื่น เป็น ให้ลองเอาเมล็ดน้อยหน่าประมาณ 10 เมล็ด หรือใบสดประมาณ 1 กำมือ ตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำมะพร้าว 1-2 ช้อนโต๊ะ ขยี้ให้ทั่วศีรษะแล้วใช้ผ้าคลุมโพกศีรษะไว้ ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วสระผมให้สะอาด แต่ระวังอย่าให้เข้าตา เพราะจะทำให้แสบตาและตาอักเสบได้ สรรพคุณดีขนาดนี้ ไม่ลองไม่รู้

น้ำยาเมล็ดน้อยหน่า ฆ่าเหาได้ถึง 98% ในเวลา 2 ชั่วโมง กลายเป็นภูมิปัญญา ที่เหมาะกับสังคมชนบท เพราะน้อยหน่าหาง่าย ปลูกแทบทุกครัวเรือน (และเหาก็หาง่าย แทบทุกครัวเรือนเช่นกัน) น้อยหน่าเป็นพืชที่นิยมปลูกทั่วเมืองไทยและปลูกมากเป็นพิเศษทางภาคอีสาน เด็กชอบน้อยหน่าเพราะมีน้ำตาลผลไม้มาก ลูกสุกๆ หวานจัด กินแล้วให้พลังงานรวดเร็ว มีแรงไปวิ่งตะลอนๆ ตามเพื่อนต่อไป

 

อันที่จริง นอกจากน้ำตาล น้อยหน่ายังมีสารอาหารหลายชนิด มีแคลเซียมบำรุงกระดูก และวิตามินซีอยู่ในปริมาณพอควร ไม่มีเบต้าแคโรทีนเหมาะจะกินเสริมกับผลไม้ชนิดอื่น เพื่อความหลากหลาย

 

ผลไม้เหม็นเขียวลูกหน้าชังชนิดนี้ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนไทย จนนึกเอาว่า น้อยหน่าเป็นผลไม้ไทย บางคนไปเห็นชาวออสเตรเลียปลูกน้อยหน่า ทึกทักเอาว่า เขาแอบขโมยพันธุ์ไม้เมืองไทยไปปลูก

 

ไม่ใช่สักหน่อย น้อยหน่าเป็นผลไม้ต่างประเทศที่นำเข้าเมืองไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา เชื่อว่า น้อยหน่ามีถิ่นกำเนิดอยู่แถวอเมริกากลาง ชาวโปรตุเกสได้นำน้อยหน่ามาปลูก ในอินเดียเมื่อหลายร้อยปีก่อน ต่อมาจึงเดินทางเข้าสู่สยามประเทศ บันทึกทูตชาวฝรั่งเศส ที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้กล่าวถึง น้อยหน่าไว้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2230-2231 ในระยะแรกปลูกกันแถบลพบุรี อยุธยา ทุกวันนี้น้อยหน่าพันธุ์ดี ของลพบุรีมีชื่อว่า " น้อยหน่าพระที่นั่งเย็น " หรือ " น้อยหน่าพระนารายณ์ "

 

B) ชาวพื้นเมืองอเมริกากลางเรียกน้อยหน่าว่า แอนโนน่า (Annona) ซึ่งแผลงมาเป็นน้อยหน่า ตามลิ้นคนไทย แต่ชื่อที่เป็นมาตรฐานสากล (ชื่อวิทยาศาสตร์) คือ Annona squamosa Linn ในวงศ์ Annonaceae ฝรั่งเรียกน้อยหน่าว่า Sugar Apple หรือ Sweet sop

 

น้อยหน่ามีญาติพี่น้องทั่วโลกราว 50 ชนิด แต่ที่รับประทานได้มีเพียง 5 ชนิด คือ น้อยหน่า น้อยโหน่ง ทุเรียนน้ำ ชิริโมยา (เป็นน้อยหน่าพันธุ์ที่นิยมทั่วโลก) และอิมาลาซึ่งปลูกมากในอเมริกากลาง

 

สายพันธุ์พืชจำพวกน้อยหน่าจะมีเอกลักษณ์ที่ผล ผลของพืชจำพวกน้อยหน่า มีลักษณะคล้ายหัวใจบันทึกสมัยโบราณเคยเรียกน้อยหน่าว่า ลูกหัวใจวัว

 

น้อยหน่าหนึ่งผล มีเนื้อและเมล็ดมากมาย เพราะมันเป็นผลไม้จำพวกผลกลุ่ม คือมีหลายรังไข่ รังไข่แต่ละอันจะเจริญเป็นผลย่อย ติดอยู่บนฐานเดียวกัน เปลือกแต่ละผล ย่อมหลอมรวมเข้าเป็นผืนเดียวกันคลุมด้านนอก ส่วนเนื้อน้อยหน่าก็คือเนื้อของรังไข่ ที่เจริญขึ้นมานั่นเอง

 

สาย พันธุ์น้อยหน่าในไทย มีหลายชนิด แต่ที่นิยมบริโภคในปัจจุบันคือ น้อยหน่าหนัง ซึ่งเป็นสายพันธุ์มาจากเวียดนาม นำเข้ามาปลูกครั้งแรกที่อุบลราชธานีในปี พ.ศ.2475

 

ยังมีพืชในสกุลนี้อีกสองสองชนิดที่คล้ายน้อยหน่า คือน้องโหน่ง ซึ่งมีผลโตกว่าน้อยหน่า หนังสีน้ำตาลแดงหรือชมพูเวลาสุก เนื้อเป็นสีขาว รสชาติออกทางมันไม่ค่อยหวาน คุณค่าทางอาหารคล้ายกัน แต่มีวิตามินเอสูงกว่า ปลูกประปรายทางภาคอีสานและกลาง และอีกชนิดหนึ่งคือทุเรียนน้ำ ปลูกมากทางภาคใต้ ทุเรียนน้ำมีผลใหญ่ที่สุด ในบรรดาพืชจำพวกน้อยหน่า บางครั้งผลหนักกว่า 2 กิโลกรัม ดูคล้ายขนุนลูกเล็กๆ ผลสุกสีเขียวปนน้ำตาลอ่อน เนื้อหวานอมเปรี้ยว วิตามินซีสูง นิยมคั้นน้ำดื่มชุ่มคอ

 

ในใบและเมล็ดน้อยหน่า มีสารเคมีชื่อ Anonaine เด็ดใบมาตำให้แหลก คลุกกับน้ำมันพืชใช้พอกหัวฆ่าเหาได้ดี แต่ต้องระวังไม่ให้เข้าตาจะเกิดอาการอักเสบ ฤทธิ์ฆ่าเหาเกิดจากสาร Anonaine ในใบและเมล็ด นอกจากนี้ในส่วนเมล็ดยังมีน้ำมัน อยู่ประมาณ 45% ประกอบด้วยกรดอินทรีย์อัลกาลอยด์เรซิน สเตียรอยด์ และอื่นๆ อีกหลายชนิด

 

ดังนั้น กินน้อยหน่าอย่าทิ้งเมล็ด ลองตรวจดูผมลูกๆ เห็นเหาละก้อ ไม่ต้องซื้อหายาฝรั่งราคาแพง จัดการเลย ด้วยกระบวนท่า เมล็ดน้อยหน่า อาละวาดพิฆาตเหา

 

 

 

สงวนลิขสิทธิ์โดย @ เว็บไซต์สมุนไพรดอทคอม (www.samunpri.com)

 

 

 

เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ !031

 

 

http://medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/annona.html

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

internet tv

 

 

เคยสงสัยคำๆนี้ ของ sony แต่ได้ไปสอบถามพนักงานขาย อธิบายมาซะจุใจ พอเข้าใจ แต่ยังไม่คิดซื้อ

 

แต่วันนี้มาอ่านเจอ google tv มันก็คงคล้ายๆกัน

 

 

Google TV คืออุปกรณ์ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android เช่น เดียวกับ Apple TV แต่แตกต่างกันก็คือเจ้าของเท่านั้นเอง เป้นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกับ TV ดังนั้น Goole TV จึงไม่ใช่ TV นั่นเอง แต่เชื่อมต่อกับ TV ยี่ห้อ Sony และอุปกรณ์ของ Logitech TV บางรุ่นอาจมี Google TV ฝังในตัวเลยก็ได้

 

อยากรู้จัก หน้าตา Google TV แล้วใช่หรือไม่ครับ

 

 

http://www.youtube.com/watch?v=pGBMFxN_eys&feature=player_embedded

 

 

 

เมื่อ google TV เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ ทำให้สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้ใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์

 

* Search ค้นหาข้อมูลได้จาก TV

* ค้นหาข้อมูลบนเว็บ

* ใช้โทรศัพท์ iPhone มาเป็น รีโมทคอนโทรล

* สั่งงานได้ด้วยเสียง และ รีโมทคอนโทรล

* ชมวีดีโอบน Youtube

* สร้าง TV Playlist

 

 

Introducing Google TV

 

 

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กิน “น้ำผึ้ง” ไม่แก่ แถมได้ประโยชน์

http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000079533

 

 

หลายคนคงรู้กันดีว่า “น้ำผึ้ง” เป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์มากมาย แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย ซึ่ง “108 เคล็ดกิน” ก็อยากจะมาเตือนความจำกันเสียหน่อยว่ามีอะไรบ้าง

 

ใน “น้ำผึ้ง” อุดมไปด้วยวิตามินบี และ วิตามินซี และยังมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับที่มีอยู่ในผักใบเขียว นอกจากนี้ก็ยังมีแร่ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม และเกลือแร่ ที่ร่างกายต้องการ น้ำผึ้งมีคาร์โบไฮเดรตสูง แต่มีโปรตีนและไขมันในปริมาณน้อย ซึ่งก็อยู่ในรูปของกรดอะมิโนและกรดไขมันที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที

 

ความหวานในน้ำผึ้งนั้นมีน้ำตาลที่ถูกย่อยมาแล้วโดยเอนไซม์ในตัวผึ้ง ให้มีขนาดของโมเลกุลเล็กลงมาแล้วหนึ่งรอบ ทำให้เมื่อเรากินเข้าไป ร่างกายของเราจึงสามารถดูดซึมได้ทันที จึงมีประโยชน์กับคนเรา โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาในการย่อยอาหาร

 

และที่สำคัญ “น้ำผึ้ง” ยังช่วยในการชะลอความแก่ ซึ่งถูกค้นพบโดยนักวิจัยจากประเทศนิวซีแลนด์ ที่พบว่าน้ำผึ้งนั้นมีคุณสมบัติในการต่อสู่กับความชราได้ทั้งในเรื่องของ ความจำเสื่อม และความวิตกกังวล โดยมีการทำการทดลองกับหนู 2 กลุ่ม หนูกลุ่มแรกเลี้ยงด้วยอาหารที่มีน้ำผึ้ง 10% และซูโครส 8% อีกกลุ่มหนึ่งเลี้ยงด้วยอาหารที่ไม่มีน้ำตาลเลย เป็นเวลา 12 เดือน โดยใช้แบบทดสอบที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อวัดเรื่องความวิตกกังวลกับความจำใน เรื่องระยะทาง

 

ผลปรากฏว่า หนูที่เลี้ยงด้วยน้ำผึ้ง มีความวิตกกังวลน้อยกว่า และมีความจำเกี่ยวกับระยะทางดีกว่าอีกกลุ่ม จึงมีผลสรุปว่า น้ำผึ้งน่าจะมีประโยชน์ในการลดความวิตกกังวลและปรับปรุงความจำได้ในระหว่าง ที่ชรา โดยน้ำผึ้งอาจเข้าไปกระตุ้นความทรงจำ เนื่องจากมีแอนตี้ออกซิเดนท์ ซึ่งป้องกันเซลล์ในร่างกายถูกทำลาย ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออีกด้วย

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

(คลิปฯ) ต่างชาติทึ่ง สะพานข้ามทะเลยาวที่สุดในโลก จีนสร้าง 4 ปีเสร็จ

 

554000008695701.JPEG

 

ไกลสุดสายตาขอบฟ้าคาบสมุทรฯ สะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก ชิงเต่าไห่วาน (ภาพเอเยนซี)

 

 

เอเยนซี - เทเลกราฟ สื่อต่างประเทศรายงาน ความพร้อมเปิดสะพานข้ามทะเลที่ได้ชื่อว่ายาวที่สุดในโลก และใช้เวลาสร้างเพียง 4 ปี

 

สื่อต่างประเทศกล่าว เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ว่า เป็นเรื่องปกติสำหรับการเดินทางคมนาคมข้ามแม่น้ำหรือทะเลโดยสะพาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการข้าม แต่สำหรับสะพานชิงเต่าไห่วานของจีนนี้ จะต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมง นับเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลกเวลานี้ (42.5 กม.) ยาวกว่าสะพาน Lake Pountchartrain Causeway ในมลรัฐหลุยส์เซียน่า สหรํฐฯ กว่า 4 กม. (38.35 กม.)

 

สะพานชิงเต่าไห่วานนี้ ที่ทอดผ่านอ่าวเจียวโจวทางชายฝั่งตอนใต้ของคาบสมุทรซานตง ได้ผ่านการตรวจสอบ การก่อสร้างจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และกำลังเตรียมส่งมอบโครงการเป็นลำดับต่อไป เพื่อเปิดให้ใช้บริการในเร็วๆนี้ มีความยาว 42.5 กม. (26.4 ไมล์) มีความกว้าง 35 เมตร แบ่งเป็น 8 ช่องทางวิ่ง และคาดว่าจะรองรับรถยนต์ในแต่ละวันมากถึง 30,000 คัน ช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางของรถยนต์นับล้านๆ ระหว่างชิงเต่า กับ หวงเต่าได้มากกว่า 40 นาที และลัดกว่าเส้นทางเดิม 31 กม.

 

รายงานข่าวกล่าวว่า ความยาวของสะพานแม้ว่าจะน่าทึ่งแล้ว แต่การทำสถิติก่อสร้างด้วยการใช้เวลาเพียง 4 ปีนี้ยิ่งน่าทึ่งกว่ามาก ด้วยคนงานก่อสร้างมากถึง 10,000 คน ใช้ปริมาณคอนกรีตกว่า 2.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และเหล็กน้ำหนักรวมกว่า 450,000 ตัน สร้างเสาคานในทะเลรับน้ำหนักสะพาน 5,000 ต้น รองรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวขนาด 8 แมกนิจูด พายุไต้ฝุ่น หรือการพุ่งชนของเรือที่มีน้ำหนัก 300,000 ตัน อีกทั้งรับประกันอายุการใช้งานนาน 100 ปี โดยใช้งบประมาณในการลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านหยวน(ราว 1,540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) นับเป็นเทคโนโลยีการออกแบบ และเป็นงานสร้างที่น่าทึ่งแห่งศตวรรษใหม่ทีเดียว

 

post-21-030075100 1309764360.jpg

 

 

(แผนที่แสดงสะพานเชื่อมระหว่างชิงเต่า - หวงเต่า ความยาว 42.5 กม. - ภาพเอเยนซี)

 

 

Amazing engineering feat: World's longest sea bridge opened in China

 

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทอดไข่เจียวให้น่ากิน

 

omelet.jpg

 

ไข่เจียวอาหารประจำชาติชนิดหนึ่ง เมนูยอดนิยม ทำง่าย แต่น้อยคนที่จะทำออกมาแล้วดูน่ารับประทานและอร่อย วันนี้มีเคล็ดลับมาฝาก

 

ไข่เจียวฟู ๆ ดูน่ารับประทาน แต่มีพ่อครัวแม่ครัวมือใหม่หลายคน ที่ทำออกมาแล้วดูแฟบ แถมยังไม่อร่อย ไม่ต้องกังวลไป เดลินิวส์ออนไลน์ มาช่วยแล้ว

 

การทอดไข่เจียวให้น่ารับประทานนั้น ต้องเริ่มจากขั้นตอนการปรุงและตีไข่ โดยตอกไข่ใส่ถ้วยปรุงให้เรียบร้อย แล้วบีบน้ำมะนาว ลงไป 2-3 หยด และตีไข่ให้เข้ากัน ทอดลงในน้ำมันร้อน ก็จะได้ไข่เจียวที่ฟูและนุ่ม

 

อีกวิธีหนึ่ง เมื่อตีไข่จนขึ้นฟูแล้ว ใส่น้ำมันลงกระทะ รอน้ำมันเดือด ๆ ใช้ตะหลิวตักน้ำมันขึ้นมาหน่อย ใส่ลงไปในชามไข่ จากนั้น ค่อยนำไข่ลงไปเจียวในกระทะ

 

อีกเคล็ดลับหนึ่งคือ ให้ใช้หม้อแทนกระทะในการทอด วิธีนี้สามารถกำหนดรูปร่างของไข่ให้ฟูและหนาได้ตามความต้องการ โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมในการทอดไข่ให้ฟู คือ ใช้ไฟแรง แต่ไม่ถึงกับแรงจัด และน้ำมันต้องมากพอ การตีไข่ เมื่อตีเสร็จแล้ว อย่าวางทิ้งไว้ รีบเอาลงกระทะเลย เพราะฟองอากาศจะได้ยังแฝงตัวอยู่ในเนื้อไข่ ไม่ลอยขึ้นมาจนหมด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

PLANKING.... :unsure:

 

 

คำๆนี้ปัจจุบันได้ยิน ได้เห็นกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น ในหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ และแน่นอนทางอินเตอร์เน็ท นัยว่าหมายถึงการทำตัวนอนคว่ำแข็งกระด้าง บนพื้นบ้าง บรรไดบ้าง ม้านั่งบ้าง ฯลฯ ในที่สาธารณะ แล้วถ่ายรูปส่งไปลงตามสื่อต่างๆ upload ในอินเตอร์เน็ท ให้เห็นกันไปทั่ว คิดว่าเท่ เจ๋ง เป็นที่ฮือฮามากในขณะนี้ แต่หารู้ไม่ว่า จริงๆแล้ว มีคนให้ความหมายของมัน เป็นดังนี้

 

 

P = Paradox ผิดมนุษย์

 

L = Lying ท่านอน

 

A = Activities กิจกรรม

 

N = Non Sense ไร้สาระ

 

K = Kids เด็ก

 

I = Idiot ปัญญาอ่อน

 

N = Ninny คนไม่เต็มเต็ง

 

G = Guy คนเหล่านั้น

 

 

รวมความทั้งหมด คำว่า PLANKING แปลว่า

 

กิจกรรมท่านอนที่ผิดมนุษย์และไร้สาระ ของบรรดาเด็กปัญญาอ่อนไม่เต็มเต็ง

 

ได้รับแล้วช่วยส่งต่อด้วยนะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SSD 512 GB สวย น่าสน..

 

 

บริษัท Victorinox ผู้ผลิตมีดพับอเนกประสงค์ระดับโลกแบบที่เราคุ้นเคยกันดีตัวจริงเสียงจริงเผย โฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขาที่มีชื่อว่า Secure SSD ซึ่งจะจับเอา SSD หรือ Solid State Disk ความจุถึง 256GB มาใส่ไว้ในมีดพับสวิสขนาดไม่ได้ใหญ่ไปกว่า Thumbdrive ทั่วไปเลยแม้แต่น้อย

 

a.jpg

 

โดยด้านนอกฝาพับของ Secure SSD นั้นก็จะเป็นหน้าจอแบบ e-Paper ความละเอียด 96*46 พิกเซลสำหรับแสดงสถานะทั่วไปของไดรฟ์ ขณะที่ภายในตัวเครื่องก็ได้จะมีฟีเจอร์เข้ารหัสข้อมูลเพื่อความปลอดภัย รวมถึงสามารถรองรับได้ทั้งรูปแบบการเชื่อมต่อแบบ USB และ eSata ได้อีกด้วย นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้งานอุปกรณ์อื่นๆที่มีมาให้ตามมาตรฐานของมีดพับสวิส ไม่ว่าจะเป็นมีด, กรรไกร หรือตะไบเล็บได้ตามปกติ

 

 

b.jpg

 

SSD Secure รุ่น 128GB และ 256GB เตรียมที่จะออกวางจำหน่ายแล้วในเดือนมีนาคมนี้ ขณะที่รุ่น 512GB เองก็เตรียมมาต่อคิวจ่อรอลงแผงช่วงครึ่งปีหลังด้วยเช่นกัน

 

 

ที่มา : http://hitech.sanook.com/gadget-ssd-ความจุ-512gb-ในทรงมีดพับสวิสจาก-victorinox-931771.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...