ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ราคาน้ำมัน WTI ดีดขึ้น 51 เซนต์เช้านี้ จากแรงซื้อเก็งกำไร

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 18 กันยายน 2555 10:20:29 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 51 เซนต์ แตะที่ 97.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหนักสุดในรอบ 2 เดือน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมการผลิตในนิวยอร์ก ลดลงเหนือความคาดหมายสู่ระดับ -10.41 ในเดือนก.ย. หลังจากที่ร่วงลงกว่า 13 จุด สู่ระดับ -5.85 ในเดือส.ค.emnb_1_370236.gif

นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ก.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจจะเพิ่มขึ้น 210,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจจะเพิ่มขึ้น 820,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 1.4%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำฮ่องกงเปิดตลาดวันนี้ ลดลงแตะ 16,300 HKD/tael

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 18 กันยายน 2555 08:48:06 น.

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงร่วงลง 112 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 16,300 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,765.03 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 12.13 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.752 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้emnb_1_370236.gif

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุประวีณ์ เมฆรุ่งเรืองกุล/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

20120817_160125.jpg

20120806_175059.jpg

อัพรูปน้องบีมตอนนี้ครบ5เดือนแล้วคะ

รูปที่2ถ่ายกะคุณปู่

ถูกแก้ไข โดย Trader Junior

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อย่าหลงระเริงนะครับ...เปิด L (ต่ำ ๆ) ปลอดภัยที่สุด

สวัสดีครับ photo-thumb-6605.jpg

 

ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold Futures

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- อังคารที่ 18 กันยายน 2555 09:51:28 น.

กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

 

- ทองปรับฐานตามตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

- เงินบาททรงตัว แต่ยังมีแนวโน้มแข็งค่า

- คาดทองปรับฐานแนวรับ 1,750 ดอลลาร์

 

- การเคลื่อนไหวของราคาทองคำและราคาโลหะเงินวันแรกของสัปดาห์โดยรวมแล้วเป็นการแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังจากราคาโลหะทั้ง 2 ชนิด ปรับตัวขึ้นมาแรงในการซื้อขายสัปดาห์ก่อน และแม้ภาพเทคนิคของทั้งราคาทองคำและราคาโลหะเงินเริ่มมีสัญญาณเตือนการปรับฐาน แต่ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งจากสหรัฐและยุโรป ยังเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้นักลงทุนยังคงให้ความสนใจที่จะถือครองทองคำต่อไปemnb_1_370232.gif

- การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทซึ่งเมื่อวานนี้เริ่มเคลื่อนไหวทรงตัว หลังจากหลายวันที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน โดยเป็นผลจากการออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ รวมไปถึงมาตรการที่กลุ่มประเทศยุโรปนำมาใช้ จึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นต่อ แต่เนื่องจากเงินหลายสกุลในเอเชียแข็งค่าขึ้นมาก โดยเฉพาะค่าเงินเยนของญี่ปุ่น จึงเริ่มมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางของญี่ปุ่นอาจเริ่มเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และจะเป็นปัจจัยลบที่ทำให้ค่าเงินในเอเชียอ่อนค่าลงในช่วงสั้นๆ

- สัปดาห์นี้ประเด็นเศรษฐกิจต่างๆโดยรวมแล้วคาดว่าจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำและราคาโลหะเงินค่อนข้างน้อย และด้วยราคาทองและโลหะเงินที่ปรับตัวขึ้นมามาก จึงมีแรงขายทำกำไรกลับออกมาจนทำให้การฟื้นตัวมีกรอบจำกัด แต่ในช่วงที่ราคาปรับฐานลง การออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐและยุโรป ก็จะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามา ดังนั้นหากว่าราคาทองคำและราคาโลหะเงินปรับฐานลง ก็ยังเป็นโอกาสในการกลับเข้าซื้อเก็งกำไรการดีดตัวกลับที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อไป

- ภาพเทคนิคของราคาทองในระยะสั้นยังต้องระวังการปรับฐาน โดยมีแนวรับสำหรับซื้อเก็งกำไรอยู่ที่บริเวณ 1,750-1,755 และ 1,730-1,735 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าราคาทองจะสามารถประคองตัวเหนือแนวรับบริเวณ 1,730-1,735 ดอลลาร์ และดีดตัวขึ้นได้ต่อไป โดยมีแนวต้านของวันอยู่ที่บริเวณ 1,765 และ 1,775-1,780 ดอลลาร์ หากสามารถผ่านแนวต้านหลังขึ้นไปได้ คาดว่าราคาทองตะดีดตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,800 ดอลลาร์ต่อไป ส่วนราคาโลหะเงินยังมีแนวโน้มที่จะปรับฐานในช่วงสั้นๆ โดยมีแนวรับสำหรับกลับเข้าซื้อเก็งกำไรอยู่ที่บริเวณ 33.80-34.0 และ 33.40-33.50 ดอลลาร์ ตามลำดับ

 

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนต.ค.55

 

Close chg. Support Resistance

26,100 +60 26,000/25,850 26,250/26,350

 

 

ราคาทองอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,750 ดอลลาร์ หลังจากตลาดอนุพันธ์ของไทยปิดทำการ ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวกลับลดช่วงการติดลบลง การเก็งกำไรระยะสั้นยังสามารถเลือกเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการดีดตัวกลับ โดยมีแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,750-1,755 ดอลลาร์ และมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,735-1,740 ดอลลาร์

 

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนต.ค.55

 

Close chg. Support Resistance

1,070 - 1,060/1,050 1,075/1,080/1,090

 

 

ราคาโลหะเงินดีดตัวขึ้นจากจุดปิดสถานะซื้อตัดขาดทุนบริเวณ 33.70-33.80 ดอลลาร์ ขึ้นมาได้ จึงยังสามารถถือครองสถานะซื้อเก็งกำไรต่อไป โดยในระหว่างวันยังสามารถเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรในช่วงที่ราคาปรับฐานเข้าใกล้แนวรับที่บริเวณ 33.70-33.80 ดอลลาร์ โดยมีแนวรับบริเวณ 33.30-33.50 ดอลลาร์ เป็นจุดปิดสถานะตัดขาดทุนหากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
20120817_160125.jpg 20120806_175059.jpg อัพรูปน้องบีมตอนนี้ครบ5เดือนแล้วคะ รูปที่2ถ่ายกะคุณปู่

20120817_160125.jpg

20120806_175059.jpg

minicute206.gif นู๋บีม ตาแป๋ว แข็งแรง ซนๆนะคนดี

คุณปู่หล่อเหมือนบาสเลย

ขอบใจเอ๋

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศมาตรการพิมพ์เงินออกมาซื้อพันธบัตรเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 13 กันยายน (QE3) ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นดีใจ

 

และปรับตัวขึ้นกว่า 1.5% ทั้งนี้เพราะมาตรการที่ประกาศเกินความคาดหมายของตลาด คือ เฟดประกาศว่าจะซื้อ MBS (หลักทรัพย์ที่มีบ้านเป็นหลักประกัน) เดือนละ 40,000 ล้านบาทเริ่มต้นวันที่ 14 กันยายนเป็นต้นไปและคงดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับต่ำไปจนถึงกลางปี 2015 ที่สำคัญคือ จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างยิ่ง (highly accommodative) และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วก็จะยังดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไปอีกนาน (considerable time after economic recovery strengthens) เป็นที่เข้าใจว่านโยบายทุ่มเงินอย่างไม่จำกัดจำนวนจะดำเนินต่อเนื่องจนกระทั่งการว่างงานปรับตัวลงเหลือ 7% หรือต่ำกว่านั้น มาตรการ QE3 นี้นักวิเคราะห์บางคน บอกว่าน่าจะเรียกว่า “QE infinity” มากกว่า เพราะไม่มีการกำหนดขอบเขตแต่อย่างใด และ Bank of America-Merrill Lynch คาดการณ์ว่าขั้นต่อไปเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอีกเดือนละ 45,000-60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป แปลว่า เฟดจะพิมพ์เงินเข้าระบบเดือนละเกือบ 100,000 ล้านเหรียญอย่างต่อเนื่องถึงปี 2015 คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งใหญ่กว่า QE1 และ QE2 รวมกัน

 

ทั้งนี้มาตรการ QE ที่ทำมาในอดีตนั้น ทำให้งบดุลของธนาคารกลางสหรัฐขยายตัวจาก 900,000 ล้านเหรียญมาเป็น 2,800,000 ล้านเหรียญในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา (ขณะที่งบดุลของอีซีบีเพิ่มจาก 1.1 ล้านล้านยูโรมาเป็น 3.1 ล้านล้านยูโรในช่วงเดียวกัน) ทั้งนี้หนี้ของธนาคารกลางนั้นส่วนใหญ่ก็คือธนบัตร (เงิน) ที่พิมพ์ออกมาสู่ระบบเศรษฐกิจนั่นเอง ซึ่งมาตรการคิวอีถือว่าเป็นมาตรการที่เป็นมิตรกับนักลงทุนมากที่สุด เพราะการที่ธนาคารกลางซื้อพันธบัตรคุณภาพดีออกจากมือของประชาชนนั้น ย่อมเป็นการผลักดันให้ประชาชนมีเงินที่จะนำไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ดังนั้นนักลงทุนจึงมองว่าเมื่อมีข่าวร้ายว่าเศรษฐกิจทรุดตัวลง (เช่น การว่างงานเพิ่มขึ้น) แทนที่จะกลัวว่าผลประกอบการของบริษัทจะตกต่ำลง ก็จะมองว่าธนาคารกลางจะต้องเพิ่มมาตรการคิวอีเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าราคาหุ้นจะไม่ตกมีแต่ขึ้น คือ เชื่อว่า Bad news is good news เพราะเมื่อมีข่าวร้ายในเชิงของปัจจัยพื้นฐานก็จะมีมาตรการคิวอี (ข่าวดี) ออกมาพยุงหุ้น เพราะธนาคารกลางสหรัฐสรุปว่าการพยุงหุ้นคือกลไกที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจนั่งเอง

 

สภาวการณ์เช่นนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ย่อมมีความพึงพอใจอย่างมากและเกือบทุกคนจะสนับสนุนมาตรการคิวอีอย่างไม่มีเงื่อนไข น้อยคนที่จะมองต่างมุมจากธนาคารกลางของสหรัฐหรืออีซีบี แต่ผมได้พบบทความที่มองต่างมุม 2 บทความซึ่งขอนำมาสรุปให้อ่านในครั้งนี้ครับ

 

บทความแรกเขียนโดย Ruchir Sharma หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาคของกองทุน Morgan Stanley ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Financial Times วันที่ 10 กันยายน 2012 สรุปว่าการพิมพ์เงินออกมาเป็นจำนวนมากทำให้เงินทะลักไปสู่การเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาอาหารและราคาน้ำมัน เห็นได้จากตาราง 1

 

ปัญหาคือเมื่อคิวอีทำให้ราคาสินค้าปรับตัวขึ้น กำลังซื้อของประชาชนก็ลดลง แปลว่าคิวอีจะไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวแต่อย่างใด ตัวอย่างเช่นหากคิวอี 3 ผลักดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับสูงขึ้นเกินกว่า 120 เหรียญต่อบาร์เรลก็จะทำให้ผู้บริโภคต้องใช้เงินเพื่อซื้อน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนเกินกว่า 6% ของรายได้ ซึ่งการศึกษาในอดีตพบว่าที่ระดับดังกล่าวผู้บริโภคจะเริ่มลดการบริโภคสินค้าอื่นๆ ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงในกลางปี 2010 และ 2011 นอกจากนั้นก็ยังพบว่าเมื่อราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น 20 เหรียญต่อบาร์เรล จีดีพีสหรัฐจะลดลง 0.3% และเงินเฟ้อจะปรับเพิ่มขึ้น 0.3%

 

ที่สำคัญคือคิวอีนั้นกระทบคนจนมากกว่าคนรวย เพราะสัดส่วนของรายจ่ายของคนจนที่ต้องนำไปใช้ในการซื้ออาหารและพลังงานนั้นสูงกว่าสัดส่วนของคนร่ำรวยอย่างมาก (ตาราง 2)

 

นอกจากนั้นคนที่รวยที่สุด 10%ของประเทศก็ยังถือหุ้นมากถึง 75% ของหุ้นทั้งหมดอีกด้วย กล่าวคือมาตรการคิวอีนั้นช่วยคนรวยและทำให้คนจนลำบากมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

นาย Sharma สรุปว่าธนาคารกลางสหรัฐกำลังพยายามฝืนธรรมชาติในการใช้คิวอีมาอุ้มเศรษฐกิจไม่ให้ตกต่ำอย่างรุนแรง กล่าวคือโดยปกติแล้วเมื่อเศรษฐกิจเผชิญกับวิกฤติทางการเงิน เศรษฐกิจจะตกต่ำอย่างรุนแรงและใช้เวลา 7 ปีกว่าจะฟื้นตัว (เช่นกรณีของไทยในปี 1997 ซึ่งกว่าทุกอย่างจะเข้าสู่สภาวะปกติก็ต้องใช้เวลา 5-6 ปี) แต่ธนาคารกลางสหรัฐพยายามอุ้มให้เศรษฐกิจตกต่ำเล็กน้อยเพียง 1 ปี แต่ก็ส่งผลให้เกิดความบิดเบือนและเกิดผลกระทบข้างเคียงดังกล่าว

 

อีกบทความหนึ่งเขียนโดยนาย Peter Fisher หัวหน้าฝ่ายการลงทุนในตราสารหนี้ของกองทุน BlackRock ลงใน Financial Times เช่นกัน กล่าวตำหนิวิธีคิดของธนาคารกลางสหรัฐว่าการพิมพ์เงินออกมากดดอกเบี้ยลงให้ต่ำทั้งดอกเบี้ยระยะยาวและดอกเบี้ยระยะสั้นนั้นจะไม่ได้ทำให้เกิดการปล่อยสินเชื่อเพิ่ม (ซึ่งจะถูกนำไปลงทุนฟื้นเศรษฐกิจ) แต่อย่างใดเพราะหากคนให้กู้ได้ดอกเบี้ยต่ำเพียง 1-1.5% (พันธบัตร 5-10 ปี) ก็จะทำให้คนไม่อยากปล่อยกู้ กล่าวคือจะต้องตอบให้ได้ว่าหากผลตอบแทนจากการปล่อยกู้ต่ำแล้ว ทำไมจึงจะมีการปล่อยกู้มากขึ้น? ทั้งนี้ทาง Fisher กลับมองว่าเมื่อธนาคารกลางสหรัฐเข้าไปซื้อพันธบัตรมาเก็บเอาไว้เป็นจำนวนมากทำให้พันธบัตร (สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยสุด) ราคาสูงมาก (ดอกเบี้ยต่ำมาก) นักลงทุนที่มีเงินอยู่ในมือก็จะไม่กล้าซื้อพันธบัตรราคาแพงดังกล่าว เพราะกลัวว่าราคาพันธบัตรจะปรับลดลงในอนาคต (เพราะดอกเบี้ยจะต้องปรับขึ้นกลับไปสู่ระดับปกติ) คนที่คาดการณ์เช่นนั้นก็จะยอมถือเงินเอาไว้ (เก็บซุกใต้หมอน) ดีกว่านำเอาเงินไปลงทุนที่มีความเสี่ยง กล่าวคือมาตรการคิวอีของธนาคารกลางสหรัฐอาจกำลังนำไปสู่กับดักสภาพคล่อง (liquidity trap) ก็ได้ หมายความว่าธนาคารกลางสหรัฐพิมพ์เงินเข้าไปเท่าไหร่ประชาชนก็จะเก็บเงินกองเอาไว้เฉยๆในปริมาณที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ได้นำเอาไว้ใช้ทำประโยชน์แต่อย่างใด

 

หากจะนำเอามาโยงกับประเทศไทยผมก็ขอกล่าวถึงบทความของดร.บัณฑิต นิจถาวรที่ลงในกรุงเทพธุรกิจเมื่อ 10 กันยายน ซึ่งแสดงความกังวลว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทย “ขณะนี้ขยายตัวจากการเร่งตัวของการใช้จ่ายที่มาจากการสร้างหนี้ (debt-driven spending-led economy)” ดังนั้นนโยบายการเงินจะต้องนำปัจจัยนี้มาพิจารณาในการกำหนดทิศทางดอกเบี้ย ทั้งนี้ ดร.บัณฑิตกล่าวต่อไปว่า “อัตราดอกเบี้ย ณ ระดับปัจจุบันไม่ได้เป็นข้อจำกัดต่อการใช้จ่ายในประเทศ” และสรุปว่า “ในทุกวิกฤติที่เกิดขึ้นในโลกต้นเหตุจะเหมือนกัน คือมาจากการก่อหนี้ที่เกินพอดี”

 

ผมเห็นด้วยกับดร.บัณฑิตและมีประเด็นเพิ่มเติมว่ามาตรการกดดอกเบี้ยลงให้ต่ำ (ทั้งดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะยาว) ของสหรัฐอเมริกาและยุโรปอย่างต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 2-3 ปีข้างหน้านั้นย่อมจะเป็นสิ่งที่จะท้าทายประเทศไทยอย่างมาก เพราะเรากำลังเห็นต่างชาติเพิ่มการถือครองพันธบัตรรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างมาก (เงินทุนไหลเข้า) ในขณะเดียวกันธนาคารพาณิชย์ของไทยก็ได้เริ่มกู้ยืมเงินจากต่างประเทศแล้ว

Tags : ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

 

http://www.bangkokbiznews.com/home/details/business/ceo-blogs/supavut/20120917/470177/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99-(QE)-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90.html

ถูกแก้ไข โดย thekopkkn

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โอบามาสร้างความเชื่อมั่นแก่ทูตสหรัฐหลังเกิดการต่อต้านชาวอเมริกัน

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 18 กันยายน 2555 11:32:50 น.

โฆษกประจำทำเนียบขาวรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังเอกอัครราชทูตของสหรัฐประจำสถานทูตสหรัฐหลายแห่งในภูมิภาคอาหรับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น หลังเกิดเหตุจราจลประท้วงต่อต้านชาวอเมริกันครั้งล่าสุดภายในภูมิภาคดังกล่าวemnb_1_370236.gif

โฆษกประจำทำเนียบขาว นายจอช เอิร์นเนสท์ แถลงว่า ประธานาธิบดีโอบามาได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังเอกอัครราชทูตประจำสถานทูตสหรัฐที่ตั้งอยู่ในซูดาน, ตูนีเซีย, ลิเบีย และเยเมน เพื่อแจ้งให้บรรดานักการทูตทราบว่า โอบามาคำนึงถึงพวกเขา พร้อมสร้างความเชื่อมั่นว่าความปลอดภัยของเอกอัครราชทูตสหรัฐนั้นมี "ความสำคัญมากที่สุด"

"นี่เป็นสิ่งที่เขาคิด แม้ว่าเขากำลังมีความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับในฐานะผู้ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัยก็ตาม" นายเอิร์นเนสท์กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่เมืองซินซินนาติ รัฐโอไฮโอ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การต่อต้านชาวอเมริกันที่เกิดขึ้นในภูมิภาคอาหรับเมื่อเร็วๆนี้นั้น เป็นผลมาจากภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาดูหมิ่นศาสดาคนสำคัญของศาสนาอิสลาม

ในวันนี้ บรรดาผู้ต่อต้านและผู้ประท้วงติดอาวุธได้บุกเข้าไปสถานกงสุลสหรัฐที่ตั้งอยู่ที่เมืองเบงกาซี ประเทศลิเบีย และได้ยิงถล่มอาคารของสถานทูตสหรัฐ ซึ่งเป็นเหตุให้นายคริส สตีเว่นส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำลิเบีย และเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตอีก 3 คนเสียชีวิต

ชาวมุสลิมผู้ประท้วงต่อต้านยังได้บุกเข้าไปในสถานทูตสหรัฐในอียิปต์, เยเมน, ตูนีเซีย และซูดานด้วยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่อพยพออกจากซูดานและตูนีเซียแล้ว

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุประวีณ์ เมฆรุ่งเรืองกุล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

20120817_160125.jpg

20120806_175059.jpg

minicute206.gif นู๋บีม ตาแป๋ว แข็งแรง ซนๆนะคนดี

คุณปู่หล่อเหมือนบาสเลย

ขอบใจเอ๋

อิอิ สามีบอกว่าให้อัพเดตเรื่อยๆคะ จะได้เห็นพัฒนาการน้องบีมไปด้วยกัน ช่วยกันลุ้นช่วยกันเชียร์ วันนี้กลับบ้านตอนเที่ยงหลังจากลุ้นกันมาหลายวันน้องบีมก็คว่ำเองได้แล้ว(อิอิ) :uu หัวเราะกันทั้งบ้านเลย :Announce

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สามีส่งกราฟภาคบ่ายคะบอกว่า"18-9-2012-2.gifตอนนี้ทองเหมือนจะลงสุดแล้วเนื่องจากรายสิบห้านาทีเกิดไดเวอร์จิ้นกลับตัวขึ้น ตอนนี้ลุ้นว่าจะเล่นตามเส้นขาวรีบาวทำ2ย่อยหรือBย่อย อาจขึ้นมาแค่แนวต้านสีฟ้าหรือแถวๆ1765ขึ้นไป แต่ไม่เกิน1777 หรือว่าจะเล่นตามเส้นม่วงแถวๆแนวต้านกราฟรายวันที่ให้ไว้เมื่อศุกร์ที่แล้วแถวๆ 1800 " :aaจบการรายงานข่าวคะ :Announce

ขอให้เพื่อนๆโชคดีทุกท่านนะคะ :bye

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายการเงินทองต้องรู้ 5 Sep 2012 By classicgoldfutures

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

YLG

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...