ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณค่ะคุณ news

สวัสดีค่ะทุกคน โชคดีกันถ้วนหน้านะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ขอบคุณค่ะคุณ news สวัสดีค่ะทุกคน โชคดีกันถ้วนหน้านะคะ

คะ

 

ดีค่ะ Pasaya ขอบคุณนะ ทานกลางวันกันเพื่อนๆ

 

550880_471409706233133_722585563_n.jpg

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นบ่ายนี้ ขานรับแบงก์ชาติญี่ปุ่นขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 19 กันยายน 2555 12:44:00 น.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นบ่ายนี้ เนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ตัดสินใจเพิ่มวงเงินในการซื้อสินทรัพย์เช่นเดียวกับธนาคารกลางสหรัฐ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนี MSCI Asia Pacific Index บวก 0.6% แตะ 123.86 เมื่อเวลา 13.48 น.ตามเวลากรุงโตเกียว

หุ้นเจเอฟอี โฮลดิ้งส์ บวก 2.3% หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ดำเนินการเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน ส่วนหุ้นนิสสัน มอเตอร์ บวก 3.4% ขณะที่หุ้นเจแปน แอร์ไลน์ส บวก 1.2% ในการซื้อขายวันแรกในวันนี้

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ขณะที่ปรับลดการประเมินด้านเศรษฐกิจของประเทศ

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของบีโอเจมีมติเป็นเอกฉันท์ในการขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์เป็น 80 ล้านล้านเยน จากเดิม 70 ล้านล้านเยน พร้อมคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ราว 0-0.1% สำนักข่าวเกียวโดรายงานemnb_1_370235.gif

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th

 

รมว.คลังญี่ปุ่นขานรับ BOJ ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 19 กันยายน 2555 12:00:36 น.

นายจุน อาซูมิ รมว.คลังญี่ปุ่นได้ออกมาขานรับการตัดสินใจของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่ประกาศนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยกล่าวว่า นโยบายของบีโอเจเป็นนโยบายที่ผ่อนคลายมากกว่าที่รัฐบาลคาดไว้ และเชื่อว่าจะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น

นอกจากนี้ นายอาซูมิกล่าวว่า การตัดสินใจของบีโอเจอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อพิจารณาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 2

ทั้งนี้ บีโอเจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0-0.1% ในการประชุมวันนี้ และมีมติเป็นเอกฉันท์ในการขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์เป็น 80 ล้านล้านเยน จากเดิม 70 ล้านล้านเยน นอกจากนี้ บีโอเจยังได้ปรับลดการประเมินด้านเศรษฐกิจของประเทศemnb_1_370236.gif

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th

 

การประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจไทย-เยอรมนี ครั้งที่ ๓ และ การเยือนประเทศไทยของนายแพทย์ฟิลิปป์ เริสเลอร์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเยอรมนี

ข่าวต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ -- พุธที่ 19 กันยายน 2555 11:26:22 น.

กรุงเทพ--19 ก.ย.--กระทรวงการต่างประเทศemnb_1_370236.gif

 

คณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจไทย-เยอรมนี ซึ่งเป็นกลไกในการกำหนดทิศทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ และวิชาการระหว่างไทยและเยอรมนี เห็นพ้องที่จะจัดการประชุมครั้งที่ ๓ (The Third Joint Economic Committee— JEC) ในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๕ ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานร่วมฝ่ายไทย และนายแพทย์ฟิลิปป์ เริสเลอร์ (Dr. Philippe Rosler) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเยอรมนีเป็นประธานร่วมฝ่ายเยอรมนี ซึ่งจะมีผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมการประชุมด้วย

นอกเหนือจากการกำหนดทิศทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการแล้ว ผู้แทนภาครัฐและเอกชน จะร่วมประชุมเชิงอภิปรายในสองหัวข้อคือ ๑) พลังงานเมืองอัจฉริยะ และเทคโนโลยียั่งยืน (Energy Concepts, Smart Cities and Sustainable Technology) ว่าด้วยการขยายความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจสีเขียวและการใช้พลังงานทดแทนตลอดจนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ๒) ความปลอดภัยด้านอาหาร และการขนส่งสินค้าและกระจายสินค้าอาหาร (Food Safety, Logistics and Distribution Chain) โดยให้ความสำคัญต่อแนวทางในการร่วมมือในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านมาตรฐานสินค้า ความปลอดภัยทางอาหาร รวมถึงการขนส่งและการกระจายสินค้าอาหาร อันจะช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดสหภาพยุโรป

ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายจะลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในสาขาการบริหารจัดการภัยพิบัติ (Memorandum of Understanding on a Strategic Partnership in the Field of Disaster Management) เพื่อแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นที่จะมีความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และนายแพทย์ฟลิปป์ เริสเลอร์ รองนายกรัฐมนตรีเยอรมนี จะร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในนามของรัฐบาลทั้งสองประเทศ

นายแพทย์ฟิลิปป์ เริสเลอร์จะเดินทางมาเยือนไทยในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ และเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือการสานต่อผลการเยือนเยอรมนีอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ด้วย

 

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีตอนบ่ายคะ มาอัพเดตข่าวตอนบ่าย สามีส่งมา1กราฟ19-9-2012-2.gifเริ่มเห็นแววว่าจะขึ้นไปถึงแนวต้านสีม่วงแล้วเพราะทะลุแนวต้านสีขาวที่เป็นเนคไลน์ มองแล้วสามารถขึ้นได้ถึงฟิโบ200(1794)แต่ดูแล้วน่าจะเลยไปทดสอบแนวต้านสีม่วงแน่ๆ :57 ตั้งซื้อไว้ตรงแนวต้าน1778ดันติดงั้นก็ลุ้นต่อเลยละกันให้ไปต่อให้ถึงเป้าหมาย ไปปิดที่1789-1794-1799ไปโลด :Announce " แบบนี้ทำให้คิดได้ว่าคลื่น4h1ยังไม่จบโดยที่วิ่งไซย์เวย์ตั้งแต่วันศุกร์อาจจะเป็นคลื่นย่อย1h4และกำลังวิ่งขึ้นทำ1h5เพื่อจบ4h1 "แต่ หากหลุดแนวรับเทรนเขียว หรือแนวเนคไลน์สีขาวที่หลุดขึ้นมา ผมคงต้องcutloss ออกมาตั้งสติดูสถานการณ์ใหม่อีกที :aa :21 " จบการรายงานข่าวคะ :Announce ปล.ขอให้เพื่อนๆโชคดีทุกท่านนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทุกท่านอย่าเพิ่ง สละเรือนะครับ....เจอคลื่นเล็ก ๆ น้อย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทุกท่านอย่าเพิ่ง สละเรือนะครับ....เจอคลื่นเล็ก ๆ น้อย

 

 

http://www.gcap.co.th/file_upload/analysis/pdf1348037446438454877.pdf

image-DAA4_50597305.jpg

image-74BE_50597305.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ขอบคุณคุณnews คุณgingerมากๆค่ะ:01

 

Alan โชคดี บายใจนะคะ

 

 

ราคาทองคำฮ่องกงปิดตลาดวันนี้ สูงขึ้นแตะ 16,488 HKD/tael

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 19 กันยายน 2555 17:37:21 น.

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกง เพิ่มขึ้น 168 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 16,488 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,785.39 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 18.19 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.76 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้emnb_1_370236.gif

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th

 

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 19 กันยายน 2555

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 19 กันยายน 2555 17:23:00 น.

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ได้ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของออสเตรเลียไว้ที่ AAA และความน่าเชื่อถือระยะสั้นที่ A-1+ โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ

 

-- ธนาคารกลางสเปนรายงานว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของภาคธนาคารสเปนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.ปีนี้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสเปนพุ่งขึ้นจาก 8.9% สู่ระดับ 9.86% ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1.6933 แสนล้านยูโร (ราว 2.20 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)emnb_1_370236.gif

 

-- สำนักงานสถิติของสเปน (INE) รายงานว่า คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.ค.ลดลง 2.8% จากช่วงเดือนเดียวกันในปี 2554 โดยเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน

 

-- กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนในเดือนส.ค.ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง

 

-- นายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ กล่าววานนี้ว่าการตัดสินใจของเฟดในการซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมและดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอื่นๆจะทำให้มีความมีโอกาสที่เงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้น

 

-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ขณะที่ปรับลดการประเมินด้านเศรษฐกิจของประเทศ

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของบีโอเจมีมติเป็นเอกฉันท์ในการขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์เป็น 80 ล้านล้านเยน จากเดิม 70 ล้านล้านเยน พร้อมคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ราว 0-0.1% สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

 

-- นายมาซาอากิ ชิราคาวา ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวในวันนี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะล่าช้าออกไปอีกครึ่งปี

ผู้ว่าการบีโอเจกล่าวในการแถลงข่าวว่าบีโอเจพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้มาตรการเพื่อให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคงดำเนินไปในทิศทางที่มู่งสู่การขยายตัวอย่างยั่งยืน

 

-- นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ (BofA Merrill Lynch) คาดว่าราคาทองจะแตะระดับ 2,400 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปี 2557 อันเป็นผลจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ หรือ QE3 ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

-- มูดี้ส์ อะนาลิติกส์ ระบุว่ามีความเป็นไปได้ 15% ที่สหรัฐจะเผชิญภาวะหน้าผาทางการคลัง หรือ fiscal cliff พร้อมกับเตือนว่าสถาบันการเงินต่างๆต้องดำเนินในเชิงรุกเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงในบรรยากาศที่ยังคงมีความไม่แน่นอน

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

In Focus: ภัยแล้ง-ราคาอาหารโลกพุ่ง: วิกฤตซ้ำซากที่ซ้ำเติมประชากรโลก

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 19 กันยายน 2555 14:36:00 น.

ในปัจจุบันนี้ สภาวการณ์ที่เราต้องเผชิญล้วนแล้วแต่มีความรุนแรงถึงขั้นที่เรียกได้ว่า “วิกฤต" ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการเงิน วิกฤตการเมืองและอื่นๆ แต่วิกฤตที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าส่งผลกระทบต่อปากท้องของประชาชนโดยตรงก็คือวิกฤตราคาอาหารทั่วโลก

วิกฤตอาหารโลกอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยเดิมๆ แต่ปัจจัยที่เป็นต้นตอดุเหมือนว่าจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น แม้องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุเมื่อเดือนก.ค.ว่าสถานการณ์โดยรวมด้านอุปสงค์และอุปทานในปี 2555-2556 ยังคงอยู่ในระดับที่เพียงพอ หลังจากที่ความวิตกเกี่ยวกับภาวะขาดแคลนอาหารได้ผ่อนคลายลงนับแต่ปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ราคาอาหารที่พุ่งสูงได้ก่อให้เกิดการจลาจลและการประท้วงไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากสภาพอากาศที่เลวร้ายรุนแรงในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เพาะปลูกสินค้าเกษตรที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งเผชิญกับภัยแล้งรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายทศวรรษนั้น จึงทำให้สถานการณ์อาหารโลกในปีนี้ออกอาการน่าเป็นห่วงemnb_1_370236.gif

 

ภัยพิบัติธรรมชาติที่นับวันทวีความรุนแรง

สภาพอากาศที่แห้งแล้งในสหรัฐดูเหมือนจะมีความรุนแรงสูงสุดในช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา โดยรายงานของสำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) ซึ่งเปิดเผยในช่วงกลางเดือนก.ค.ระบุว่า สหรัฐกำลังเผชิญกับภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2499 และรายงานของ NOAA ยังเปิดเผยว่าดัชนี้ชี้วัดบ่งชี้ว่าภัยแล้งในปี 2555 มีลักษณะคล้ายกับเหตุภัยแล้งในทศวรรษที่ 1950 ซึ่งแผ่ปกคลุมพื้นที่เป็นวงกว้างและรุนแรงถึงแม้ว่าจะไม่ยาวนานก็ตาม

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ศูนย์บรรเทาภัยแล้งแห่งชาติของสหรัฐก็เปิดเผยรายงานติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ซึ่งระบุว่า สหรัฐกำลังเผชิญกับภัยแล้งครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 โดย 2 ใน 3 ของประเทศกำลังเผชิญกับความแห้งแล้งอย่างรุนแรง โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ณ วันที่ 17 ก.ค. 64% ของพื้นที่ติดต่อกันในสหรัฐกำลังประสบกับภัยแล้งอย่างรุนแรง หลังมีสภาพอากาศแห้งแล้งติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10 ขณะเดียวกันรายงานแสดงให้เห็นว่า พื้นที่ 42% กำลังเผชิญกับภัยแล้งที่ร้ายแรงเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่กว่า 80% ของผิวดินมีความแห้งอย่างผิดปกติ

นายทอม วิลแซค รัฐมนตรีเกษตรของสหรัฐกล่าวในงานแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า 78% ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดของสหรัฐได้ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และ 77% ของพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองที่กำลังเติบโตก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ 38% ของข้าวโพดยังถูกจัดอันดับให้มีภาวะการเติบโตที่แย่ถึงแย่มาก ในขณะที่ 30% ของถั่วเหลืองได้รับการจัดอันดับภาวะเติบโตในเกรดเดียวกัน นายวิลแซคระบุว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อผลผลิตและราคา ซึ่งอาจนำไปสู่ราคาอาหารขยับสูงขึ้นในปี 2556

 

พื้นที่ประสบภัยแล้งขยายวงกว้าง

นับแต่นั้นมาสหรัฐก็ได้มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปลายเดือนก.ค. หน่วยข้อมูลภัยแล้งของสหรัฐรายงานว่า พื้นที่กว่า 70% ในรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐกำลังประสบกับภาวะแห้งแล้งอย่างรุนแรง พร้อมระบุว่า อิลลินอยส์เป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภัยแล้งครั้งนี้ พร้อมทั้งเสริมว่า ภัยแล้งในพื้นที่ตอนกลางของสหรัฐกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีสัญญาณใดๆบ่งบอกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

ต่อมาในช่วงต้นเดือนส.ค. กระทรวงเกษตรสหรัฐได้ประกาศรายชื่อเขตพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติเพิ่มอีก 44 เขตใน 12 รัฐ เนื่องจากเกิดความเสียหายและสูญเสียทรัพย์สินจากภาวะแล้งและอุณหภูมิที่พุ่งสูง ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงนี้กินพื้นที่ตั้งแต่แคลิฟอร์เนียและขึ้นเหนือไปยังนิวยอร์กและได้สร้างความเสียหายอย่างมากแก่ผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งรวมถึงข้าวโพด ถั่วเหลือง พืชอาหารสัตว์ และทุ่งหญ้าปศุสัตว์ นับว่าเป็นภัยคุกคามต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรสำหรับสหรัฐซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตธัญพืชและเนื้อสัตว์รายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่ข้อมูลจากศูนย์เฝ้าระวังภัยแล้งของสหรัฐว่า 66% ของพื้นที่เพาะปลูกและ 73% ของพื้นที่ปศุสัตว์ในประเทศกำลังอยู่ในภาวะแล้ง และเมื่อกลางเดือนส.ค. กระทรวงเกษตรของสหรัฐ ประกาศเพิ่มพื้นที่ประสบภัยแล้งเบื้องต้นอีก 172 เขต ใน 15 รัฐ เนื่องจากมีความเสียหายอันเนื่องมาจากภัยแล้งและอากาศที่ร้อนเกินไป

 

องค์กรระหว่างประเทศร่วมส่งสัญญาณเตือน

ในช่วงเดือนก.ย.นี้ หลายองค์กรได้ออกมาระบุถึงความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตราคาอาหารจากภัยแล้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชากรทั่วโลก โดยล่าสุดเ องค์การสหประชาชาติ (UN) แนะประเทศทั่วโลกจับตาราคาอาหารโลกต่อไป พร้อมหาแนวทางสกัดไม่ให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นมากจนเกินไป แม้ราคาอาหารโลกยังคงที่ในเดือนส.ค. แถลงการณ์ของ UN มีขึ้นภายหลังองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เปิดเผยดัชนีราคาอหาร (FPI) ประจำเดือนส.ค. ซึ่งระบุว่าราคาอาหารในเดือนส.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ค.

ในเดือนส.ค. ดัชนี FPI ซึ่งเป็นมาตรวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตระกร้าอาหาร 55 ชนิดทั่วโลก ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ นม น้ำตาล และธัญพืชนั้น เฉลี่ยอยู่ที่ 213 จุด ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ค. หลังจากที่ดัชนี FPI ในเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 6% ซึ่ง FAO ระบุว่า ราคาที่สูงขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากผลผลิตข้าวโพดได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงในสหรัฐ เนื่องจากภัยแล้งที่ยืดเยื้อทำให้ราคาข้าวโพดสูงขึ้นเกือบ 23%

ทางด้านออกซ์แฟม ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลกที่ต่อสู้กับความยากจน ได้เตือนว่าราคาผลผลิตที่เป็นอาหารหลักของประชากรอาจจะพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัวภายในช่วง 20 ปีข้างหน้าจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของสภาพอากาศ โดยผลการศึกษาวิจัยในนามของออกซ์แฟมระบุว่า ภัยแล้งหรือคลื่นความร้อนที่รุนแรงในช่วงฤดูร้อนของสหรัฐในปีนี้ ส่งผลให้มีการประเมินว่าราคาข้าวโพดในปี 2573 อาจจะพุ่งสูงกว่าในปี 2553 อยู่ถึง 177% และราคาข้าวสาลีจะทะยานขึ้น 120% รายงานระบุอีกว่าผลกระทบของสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งรวมถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้นและปริมาณฝนที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น จะส่งผลกระทบต่อราคาพืชผลด้านอาหารเพียง 30-50% เท่านั้น แต่คาดว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายและรุนแรงจะส่งผลกระทบในระยะยาวมากกว่าต่อราคาอาหารหลักของประชากรโลก ออกซ์แฟมระบุว่า ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในสหรัฐในปี 2555 แสดงให้เห็นว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายรุนแรงจะส่งผลให้ราคาอาหารผันผวนรุนแรงตามไปด้วย

ส่วนธนาคารโลกเตือนว่าราคาอาหารทั่วโลกพุ่งขึ้น 10% ในช่วงเดือนก.ค. ราคาพืชผลบางประเภทได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากภัยแล้งที่เกินคาดคิดในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญ โดยเฉพาะสภาพอากาศที่ร้อนจัดในสหรัฐ ขณะที่รายงานเกี่ยวกับราคาอาหารล่าสุดของธนาคารโลกระบุว่า ตั้งแต่เดือนมิ.ย.ถึงเดือนก.ค. ราคาข้าวโพดและข้าวสาลีเพิ่มขึ้นประเภทละ 25% และราคาถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น 17% ราคาอาหารโลกที่พุ่งสูงได้สร้างความกังวลแก่ประเทศที่เผชิญกับปัญหาความยากจนอยู่แล้ว โดยในกลุ่มประเทศที่ยากจนที่สุด ซึ่งประชาชนใช้จ่ายเงิน 2 ใน 3 ของรายได้ต่อวันไปกับอาหารนั้น ราคาที่เพิ่มสูงขึ้นคือภัยคุกคามต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและเสถียรภาพของสังคม

นายจิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลกได้แถลงไว้เมื่อปลายเดือนก.ค.ว่า "เมื่อราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้นมาก ประชาชนก็จะแก้ไขปัญหาโดยการให้ลูกออกจากโรงเรียนและบริโภคอาหารที่ถูกลง คุณค่าทางโภชนาการน้อยลง ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบระยะยาวอย่างใหญ่หลวงทั้งทางด้านสังคม ร่างกายและจิตใจของเด็กๆหลายล้านคน"

 

เวทีโลกถกแนวทางที่ยั่งยืน

จากสภาวการณ์สภาพอากาศที่แปรปรวนรุนแรงและการปรับตัวสูงขึ้นของราคาอาหารในปีนี้ ได้นำไปสู่วาระการประชุมที่มักถูกรวมไว้ในระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญๆระดับโลก นั้นก็คือประเด็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งเป็นความพยายามที่จะร่วมกันรับมือกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งวางแผนที่เป็นรูปธรรมในอนาคต

ในการประชุมประจำปีกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในระหว่างวันที่ 2-9 ก.ย.ที่ประเทศรัสเซียนั้น ความั่นคงทางด้านอาหารนับเป็นหนึ่งในประเด็นหลักซึ่งที่ประชุมให้ความสนใจ โดยบรรดารัฐมนตรีพาณิชย์เอเปกได้เรียกร้องไม่ให้ประเทศต่างๆใช้วิธีการระงับการส่งออก เพราะจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาที่เกิดขึ้นให้ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากสมาชิกกลุ่มเอเปกหลายประเทศต้องพึ่งพาการนำเข้าอาหารเป็นหลัก ในขณะที่บรรดาผู้นำเอเปกก็ได้หารือในเรื่องการเพิ่มผลผลิตอาหาร การเพิ่มการลงทุนในด้านเกษตรกรรม รวมทั้งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆทางด้านการเกษตรเพื่อช่วยเพิ่มผลผลิต

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมเศรษฐกิจโลก หรือเวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัม ที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน ได้มีการหารือกันเพื่อพยายามหาแนวทางสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับปริมาณอาหารที่ยั่งยืนในโลกที่กำลังมีจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น และระบุถึงความจำเป็นในการเพิ่มศักยภาพการผลิตของเกษตรกรรายย่อย โดยการจัดสรรความช่วยเหลือทางการเงินและเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรเพาะปลูกผลผลิตด้านอาหารต่อไปโดยได้ผลตอบแทนมากขึ้นจากราคาอาหารโลกที่พุ่งสูง ควบคู่กับการทำให้ประชาชนตื่นตัวและตระหนักว่าอาหารไม่ได้มาจากชั้นวางของตามห้างสรรพสินค้า แต่มาจากพื้นที่เกษตรและมาจากเกษตกร และผู้นำภาครัฐบาลก็ต้องดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกีดกันทางการค้า โดยเรียกร้องให้มีการสร้างความมั่นใจว่าการค้าโลกยังคงเปิดกว้างและไม่จำกัดการส่งออกสินค้าเกษตร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆและประชากรที่ยากจน ซึ่งเผชิญความยากลำบากอยู่แล้วจากราคาอาหารที่พุ่งสูง

 

จะเห็นได้ว่าประเด็นราคาอาหาร และอุปสงค์-อุปทานในตลาดโลกดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ผู้นำทั่วโลกไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป พร้อมกันนั้นก็ต้องร่วมกันหาแนวทางสู่ทางออกที่ยั่งยืนในการบรรเทาและป้องกันมิให้วิกฤตอาหารโลกที่รุนแรงเกิดซ้ำรอยขึ้นอีก เพราะคงไม่อาจปฏิเสธคำพูดที่ว่า “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง" ซึ่งเมื่อประเทศมีความมั่นคงทางอาหาร ประชาชนสามารถมีอาหารบริโภคอย่างเพียงพอ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่จะมีกำลังขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆที่จะนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

--อินโฟเควสท์ โดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 19 กันยายน 2555 โดย YLG

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 19 กันยายน 2555 17:16:03 น.

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--PRdd

 

สภาวะตลาดวันที่ 19 กันยายน 2555 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,765.09 — 1,778.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV12 อยู่ที่ 26,070 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 150 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 25,920 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVV12 อยู่ที่ 1,071 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 11 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 1,075 บาทemnb_1_370232.gif

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.03 น.ของวันที่ 19/09/12)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 20 กันยายน 2555

แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ (BofA Merrill Lynch) คาดเป้าหมายราคาทองคำระยะ 6 เดือนไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และคาดว่าราคาทองคำจะแตะระดับ 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2557 อันเป็นผลจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ หรือ QE3 ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พร้อมระบุว่าราคาทองคำไม่มีแนวโน้มจะร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงทศวรรษหน้า โดยมีแรงหนุนจากกลุ่มผู้ซื้อในตลาดเกิดใหม่ สร้างมุมมองเชิงบวกให้กับตลาดทองคำ ขณะที่ความวิตกกังวลที่ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งวิกฤตหนี้ยุโรปที่ยังคงยืดเยื้อ จะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง ยังคงฉุดการขยายตัวอุปสงค์ในตลาดทองคำให้หดตัวลง ประกอบกับราคาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่อ่อนตัวลง จากกระแสข่าวที่ ซาอุดิอาระเบียวางแผนที่จะปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันให้อยู่ในระดับสูงสุด เพื่อหนุนอุปทานพลังงานโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยืนยันว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐยังคงหารือกันเกี่ยวกับการระบายน้ำมันดิบออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรอง(SPR) เมื่ออุปทานตึงตัวส่งผลให้ในระยะสั้นเมื่อราคาทองคำขยับตัวขึ้นก็ยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมา เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่า ต้องรอดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่าจะสามารถยืนในบริเวณ 1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งหรือไม่ หากสามารถยืนได้ประเมินว่าราคาทองคำจะขยับขึ้นชนแนวต้านในโซน 1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวรับ 1,762 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวของราคาทองคำ

กลยุทธ์การลงทุน ราคาทองคำพยายามสร้างรูปแบบการเคลื่อนไหวลักษณะ Sideway Up โดยนักลงทุนสามารถซื้อและขายทำกำไรในกรอบราคา สำหรับนักลงทุนที่มีทองคำในมือ แนะนำให้ทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นและไม่ผ่านแนวต้าน 1,783 หรือ 1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคามีการย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,762 หรือ 1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยรักษาระดับไว้ได้ก็เป็นจุดที่เข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจากการดีดตัวของราคา ซึ่งวายแอลจี มีมุมมองว่าราคาทองคำยังอยู่ในช่วงปรับฐานของราคาแนะนำให้นักลงทุนเล่นในกรอบและให้รอจังหวะเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปบริเวณแนวต้าน

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,762 (25,670บาท) 1,754 (25,550บาท) 1,745 (25,420บาท)

แนวต้าน 1,783 (25,980บาท) 1,790 (26,080บาท) 1,805 (26,300บาท)

 

GOLD FUTURES (GFV12)

แนวรับ 1,762 (25,900บาท) 1,754 (25,780บาท) 1,745 (25,650บาท)

แนวต้าน 1,783 (26,210บาท) 1,790 (26,310บาท) 1,805 (26,530บาท)

 

SILVER FUTURES (SVV12)

แนวรับ 34.00 (1,049บาท) 33.55 (1,035บาท) 33.10 (1,021บาท)

แนวต้าน 35.25 (1,087บาท) 35.65 (1,100บาท) 36.30 (1,120บาท)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...