ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

วิเคราะห์หุ้นรายวันกับ บล กสิกรไทย

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

7-1-2013-3.gifลงมาย้ำเเนวเนคไลน์สีขาวตามทฤษฏี แถวๆ1651-1650 ถ้าไม่หลุดตรงนี้แปลว่าอันนี้ของจริงเป้าหมายปลายทางเบาะๆ 1680-1690 แต่ถ้าหลุดตรงนี้cutlossได้เลย แล้วไปลุ้นแถว1615-1600-1589 :aa

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ช่วง "เขียวยกแผง"

สัมภาษณ์นักวิเคราะห์ประจำวัน กับคุณประกิต สิริวัฒนเกตุ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์เทคนิค ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส

และกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ กับคุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ. YLG บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส

Length: ‎16:55

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

Larry Winget

At the end of the day, if you smile more than you're frowning, if you laughed more than I've cried [...]

 

then it was a good day.

 

 

196906_452927808094279_828169475_n.jpg

ดีจ้า ปีใหม่ จิตใจเบิกบาน ร่างกายแข็งแรง สมองใสปิ๊ง

ทำอะไร ที่ไหน เวลาใดก็สนุกได้

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 7 มกราคม 2556

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 17:00:00 น.

โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะยังไม่มีการสร้างโรงงานใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะต้องการมุ่งเน้นการลงทุนในโรงงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม โตโยต้ายังคงวางแผนสร้างโรงงานในประเทศไทย และอินโดนีเซียในปี 2556

-- นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ประเด็นสำคัญอันดับแรกของคณะรัฐบาลผสมชุดใหม่ จะต้องเป็นการเรียกความไว้วางใจจากประชาชนด้วยการฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่กำลังประสบปัญหาemnb_18_18900.gif?493691366emnb_1_370236.gif

-- หนังสือพิมพ์จุงอัง อิลโบ รายงานว่า นางปาร์ค กึน เฮ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้จะเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภาคม เพื่อจัดการประชุมสุดยอดทวิภาคีกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา

รายงานระบุ "ปาร์ค กึน เฮ ได้เลือกให้อเมริกาเป็นสถานที่แรกในการเดินทางเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ เนื่องจากการเป็นพันธมิตรของเกาหลีใต้ และอเมริกา"

-- คณะกรรมการบาเซิลฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคาร ได้ปรับกฎระเบียบว่าด้วยสัดส่วนการสำรองสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องตามเกณฑ์ (LCR) โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือธนาคารต่างๆให้สามารถอยู่รอดได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

การปรับเปลี่ยนดังกล่าวซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเกณฑ์บาเซิล 3 นั้น รวมถึงการขยายขอบเขตสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและการตรวจสอบบางประการเกี่ยวกับอัตราเงินทุนไหลเข้าและไหลออก เพื่อให้สามารถสะท้อนถึงประสบการณ์จริงในการรับมือกับภาวะวิกฤตได้ดียิ่งขึ้น

-- นายโยชิฮิเดะ สึกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ระบุว่า นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะไม่เข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจโลกประจำปี ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ช่วงปลายเดือนนี้

-- สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในของรัฐบาลญี่ปุ่นในวันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาเรื่องการจัดตั้งงบประมาณพิเศษสำหรับปีงบประมาณ 2555 คิดเป็นมูลค่าราว 12 ล้านล้านเยน (1.362 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลงอยู่ในขณะนี้

-- ข้อมูลจากสมาคมผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์แห่งเกาหลีใต้ (KAIDA) ระบุว่า ยอดขายรถยนต์นำเข้าในเกาหลีใต้ทะยานขึ้น 24.6% ในปีที่แล้ว จากอุปสงค์รถยนต์แบรนด์หรูจากต่างประเทศที่แข็งแกร่ง อานิสงค์จากการลดภาษีบริโภค และข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐและยุโรป

-- สมาคมผู้ค้ายานยนต์ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดขายยานยนต์ใหม่ ซึ่งไม่นับรวมรถขนาดเล็กในปี 2555 ขยายตัวถึง 26.1% จากระดับปีที่แล้ว แตะ 3,390,274 คัน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของรัฐบาล

-- กระทรวงเศรษฐกิจความรู้เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ว่า มูลค่าคำสั่งซื้อที่บริษัทเกาหลีใต้ได้รับจากโรงงานในต่างประเทศปรับตัวลงในปีที่แล้วเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากอุปสงค์ที่อ่อนแอในตะวันออกกลาง ซึ่งเกิดจากความไม่สงบทางการเมืองในภูมิภาค

บริษัทเกาหลีใต้ได้รับคำส่งซื้อจากโรงงานอุตสาหกรรมในต่างประเทศเป็นมูลค่า 6.476 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2555 ลดลง 0.3% จากปี 2554 ซึ่งทำสถิติสูงสุดไว้ที่ 6.498 หมื่นล้านดอลลาร์

-- ไชน่า เนชั่นแนล โกลด์ กรุ๊ป คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่ที่สุดของจีนเปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทในปี 2555 แตะระดับ 1.006 แสนล้านหยวน (1.6 ล้านดอลลอร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 27.1% จากปี 2554

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th

 

ราคาทองคำฮ่องกงปิดตลาดวันนี้ พุ่งขึ้นแตะ 15,388 HKD/tael

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 16:48:03 น.

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงพุ่งขึ้น 120 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 15,388 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,666.71 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 13.21 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้

emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ศศิประภา อัครภูติ/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th-

 

บริษัททองคำยักษ์ใหญ่ของจีนเผยยอดขายพุ่ง 27% ในปี 55

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 16:03:13 น.

ไชน่า เนชั่นแนล โกลด์ กรุ๊ป คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่ที่สุดของจีนเปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทในปี 2555 แตะระดับ 1.006 แสนล้านหยวน (1.6 ล้านดอลลอร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 27.1% จากปี 2554

รายงานประจำปีของบริษัทระบุว่า กำไรของบริษัทอยู่ที่ 4.45 พันล้านหยวน ลดลง 55 ล้านหยวนเมื่อเทียบรายปี ขณะที่สินทรัพย์รวมของบริษัท ณ สิ้นปี 2555 มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.5 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 1.15 หมื่นล้านหยวนจากปีก่อนหน้า

ณ สิ้นปี 2555 ปริมาณทองคำสำรองของบริษัทแตะระดับ 1,758 ตัน เพิ่มขึ้น 374 ตันจากปีก่อนหน้า ขณะที่ทองแดง โมลิบดีนัม และเหล็กก็มีปริมาณมากที่สุดในประวัติการณ์ที่ 10.97 ล้านตัน 2.07 ล้านตัน และ 10,000 ตัน ตามลำดับ สำนักข่าวซินหัวรายงานemnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วรัญญา อุดมกุศลศรี/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Asia Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียประจำวันที่ 7 มกราคม 2556

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 15:40:37 น.

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้ขยับลงเล็กน้อย หลังจากที่หุ้นบริษัทเหมืองอ่อนตัวลง แม้ว่า ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐจะขยายตัวมากกว่าคาดการณ์ แต่ก็ไม่สามารถดึงตลาดหุ้นออสเตรเลียให้ปรับตัวสูงขึ้น

ดัชนี S&P/ASX 200 ขยับลง 6.50 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 4,717.30 จุด และดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดวันนี้ที่ 4,738.10 จุด ลดลง 4.80 จุดemnb_1_370235.gif

-- ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปิดอ่อนแรงลงในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังมีรายงานข่าวว่าศาลจีนได้สั่งปรับบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และบริษัทแอลจี ดิสเพลย์ ฐานร่วมกันกำหนดราคาสินค้า

ดัชนีเวทเต็ดปิดปรับลง 50.90 จุด หรือ 0.66% ที่ระดับ 7,788.09

-- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไร ท่ามกลางมุมมองที่ว่าตลาดกำลังอยู่ในภาวะร้อนแรงจนเกินไป หลังจากที่ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 22 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปรับตัวลง 89.10 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 10,599.01 จุด

-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหลักทรัพย์ลาวปิดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี LSX Composite Index ปิดบวก 11.20 จุด หรือ 0.91% ที่ 1,243.25 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 7,250 หุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 43 ล้านกีบ (ราว 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ)

-- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้ขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ตลาดให้ความสนใจกับนโยบายของรัฐบาลจีนภายใต้การนำของนายสี จิ้นผิง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตบวก 8.37 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 2,285.36 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นบวก 12.40 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 9,108.47 จุด

-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดเกือบทรงตัว เนื่องจากนักลงทุนปลีกตัวนอกตลาด จากวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการที่อ่อนแอของภาคเอกชนในไตรมาส 4 ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ขณะที่เงินวอนอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดปรับตัวลง 0.03% หรือ 0.69 จุด แตะที่ 2,011.25 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายปานกลาง 532 ล้านหุ้น มูลค่า 3.94 ล้านล้านวอน (3.71 พันล้านดอลลาร์) โดยมีหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในสัดส่วน 395 ต่อ 392

-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้แทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยยังอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือนซึ่งทำไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และทรัพยากรจีน

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งลดลง 1.34 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 23,329.75 จุด หลังจากเคลื่อนไหวระหว่าง 23,254.23-23,402.45 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 8.128 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 1.049 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th-

 

  • ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ กระดาน-เอ ปิดตลาด 2,392.59 บวก 8.40 จุด
  • ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ กระดาน-บี ปิดตลาด 255.95 บวก 8.46 จุด
  • ดัชนีหั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาด 23,329.75 ลบ -1.34 จุด
  • ดัชนีหั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดภาคเช้า 23,294.58 ลบ -36.51 จุด
  • ตลาดทองฮ่องกง (เย็น) ซื้อขายที่ 1,661.40 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ดัชนี KOSPI หุ้นเกาหลีใต้ ปิดตลาด 2,011.25 ลบ -0.69 จุด
  • ดัชนีนิกเกอิ หุ้นโตเกียว ปิดตลาด 10,599.01 ลบ -89.10 จุด
  • ดัชนีหั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาด 23,294.58 ลบ -36.51 จุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิจัยกสิกรฯ คาดกนง.นัดแรกปีนี้คงดบ.นโยบายที่ 2.75% ติดตามผลกระทบนอกปท.

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 17:37:48 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) นัดแรกของปีนี้ ในวันที่ 9 ม.ค.56 มีโอกาสที่ กนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% เพื่อรักษาแรงส่งของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จากเหตุผลที่สำคัญ 4 ประการ ดังนี้

1. บรรยากาศเศรษฐกิจโลกปรับตัวไปในทิศทางเชิงบวกมากขึ้น โดย ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจประเทศแกนหลักของโลกเริ่มปรากฏสัญญาณในเชิงบวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน และสหรัฐฯemnb_18_18900.gif?1880285030emnb_1_370232.gif

สำหรับจีนนั้น ข้อมูลภาคการผลิตได้เริ่มกลับมาบ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรมการผลิตอีกครั้ง นอกจากนี้ ข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์คงทิศทางการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มของทางการจีนที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 53 ซึ่งปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ที่ดีขึ้น ผนวกกับแนวนโยบายของผู้นำใหม่ของจีนที่ยังคงสืบสานนโยบายที่คล้ายคลึงเดิม น่าจะเป็นตัวหนุนให้เศรษฐกิจจีนสามารถจะขยายตัวต่อเนื่องในปีนี้ และไม่น่าจะเกิดภาวะถดถอยรุนแรง

ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เห็นการฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น โดยการจ้างงานในปี 55 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 150,000 ตำแหน่ง อีกทั้งกิจกรรมในภาคอสังหาก็มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นมาก นอกจากนี้ ข้อตกลงในการบรรเทาผลกระทบจากภาวะหน้าผาทางการคลังที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 56 จากการผ่านร่างกฎหมายเพื่อเลี่ยงภาวะ Fiscal Cliff โดยสภาคองเกรสของสหรัฐฯ น่าจะช่วยลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจออกนอกเส้นทางการขยายตัวลง ซึ่งปัจจัยบวกนี้น่าจะช่วยผ่อนคลายความกังวลต่อแนวโน้มการส่งออกไทยในช่วงเดือนอันใกล้นี้ได้

2. พัฒนาการของเศรษฐกิจไทยให้ภาพการขยายตัวที่ดีขึ้นตามลำดับ และเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล ทั้งนี้จากตัวเลขเศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ย.55 บ่งชี้ถึงแรงส่งของการขยายตัวของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกที่รวมและไม่รวมทองคำที่กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ฟื้นตัวขึ้น นอกเหนือไปจากการขยายตัวที่เร่งขึ้นของการใช้จ่ายในประเทศ ส่วนการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อทั่วไปจาก 2.74% ในเดือนพ.ย.55 มาอยู่ที่ 3.63% ในเดือนธ.ค.นั้น ส่วนหนึ่งสะท้อนผลของฐานและการทะยานขึ้นของราคาอาหารสดจากสภาวะอากาศแปรปรวน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยชั่วคราว

"เมื่อมองไปในไตรมาสแรกของปี 56 มีความเป็นไปได้ที่ภาคการส่งออกไทยน่าจะทยอยฟื้นตัวชัดเจนขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณบวกของเศรษฐกิจต่างประเทศ และแรงส่งจากทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรบางตัวที่เริ่มผงกหัวชัดเจนขึ้น ซึ่งเมื่อผนวกกับความต่อเนื่องของการใช้จ่ายในประเทศ ตามแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐที่ยังคงประสิทธิผลอยู่ ก็น่าจะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของทั้งไตรมาสแรกของปี 56 ยังคงภาพของการฟื้นตัวไว้ได้" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

3. สถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศที่ประคองตัวได้ดังกล่าว น่าจะทำให้ ธปท.สามารถตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้ เพื่อรอความชัดเจนทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม ก่อนเลือกทิศทางนโยบายดอกเบี้ยที่เหมาะสมต่อไป โดยปัจจัยติดตามที่สำคัญในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ ยังพุ่งเป้าหมายไปที่สหรัฐฯ โดยเฉพาะในประเด็นความชัดเจนของรายละเอียดการปรับลดรายจ่ายทางการคลัง เพื่อหลีกเลี่ยงเงื่อนไขการปรับลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติที่ได้รับการต่ออายุจากสิ้นปี 55 ไปจนถึงเดือนก.พ.56 รวมถึงทางออกของปัญหาหนี้สาธารณะที่จะชนเพดาน (Debt Ceiling) ในเงื่อนเวลาที่ไล่เลี่ยกัน

นอกจากนี้ ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ในยุโรป อาทิ การเลือกตั้งของอิตาลีในเดือนก.พ.56 และแนวทางการเยียวยาภาคการธนาคารของสเปนที่ค่อนข้างอ่อนแอ เนื่องจากอาจมีนัยต่อความเชื่อมั่นของตลาดต่อการแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้ยูโรโซนในภาพรวม

4. ผลต่ออัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่อาจมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ผนวกกับเงินฝากที่ไหลเข้าสู่ระบบธนาคารพาณิชย์มากในช่วงปลายปี 55 น่าจะทำให้การแข่งขันด้านราคาของเงินฝากพิเศษค่อนข้างนิ่งในช่วง 1-2 เดือนนี้

อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่จะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันด้านราคาเงินฝากของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในช่วงต่อจากนั้น คงขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าในการปล่อยสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้หรือไม่และเพียงใด

ทั้งนี้ หากภาวะเศรษฐกิจเอื้ออำนวย ธุรกิจลูกค้าสินเชื่อเดินหน้าต่อไปได้ และกิจกรรมการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคยังมีความต่อเนื่อง ก็น่าจะผลักดันให้ความต้องการสินเชื่อขยายตัวในเกณฑ์ดี ซึ่งคงสนับสนุนให้กิจกรรมการดึงเงินฝากคึกคักขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรัฐบาลสามารถเดินหน้าโครงการลงทุนต่างๆ ได้ตามที่คาดหมายไว้ ซึ่งหมายความว่าภาพการแข่งขันด้านราคาของผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษมีโอกาสที่จะชัดเจนมากขึ้นตามไปด้วย

"การที่เศรษฐกิจโลกมีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น และแรงส่งเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี น่าจะส่งผลให้ ธปท.สามารถใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการติดตามผลกระทบและต่อภาพที่ชัดเจนขึ้นจากความไม่แน่นอนที่ยังมีอยู่ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ Fiscal Cliff และสถานการณ์ในยุโรป" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

วิจัยกสิกรฯ คาดกนง.นัดแรกปีนี้คงดบ.นโยบายที่ 2.75% ติดตามผลกระทบนอกปท.

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 17:37:48 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) นัดแรกของปีนี้ ในวันที่ 9 ม.ค.56 มีโอกาสที่ กนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% เพื่อรักษาแรงส่งของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จากเหตุผลที่สำคัญ 4 ประการ ดังนี้

1. บรรยากาศเศรษฐกิจโลกปรับตัวไปในทิศทางเชิงบวกมากขึ้น โดย ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจประเทศแกนหลักของโลกเริ่มปรากฏสัญญาณในเชิงบวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน และสหรัฐฯemnb_18_18900.gif?1880285030emnb_1_370232.gif

สำหรับจีนนั้น ข้อมูลภาคการผลิตได้เริ่มกลับมาบ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรมการผลิตอีกครั้ง นอกจากนี้ ข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์คงทิศทางการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มของทางการจีนที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 53 ซึ่งปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ที่ดีขึ้น ผนวกกับแนวนโยบายของผู้นำใหม่ของจีนที่ยังคงสืบสานนโยบายที่คล้ายคลึงเดิม น่าจะเป็นตัวหนุนให้เศรษฐกิจจีนสามารถจะขยายตัวต่อเนื่องในปีนี้ และไม่น่าจะเกิดภาวะถดถอยรุนแรง

ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เห็นการฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น โดยการจ้างงานในปี 55 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 150,000 ตำแหน่ง อีกทั้งกิจกรรมในภาคอสังหาก็มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นมาก นอกจากนี้ ข้อตกลงในการบรรเทาผลกระทบจากภาวะหน้าผาทางการคลังที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 56 จากการผ่านร่างกฎหมายเพื่อเลี่ยงภาวะ Fiscal Cliff โดยสภาคองเกรสของสหรัฐฯ น่าจะช่วยลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจออกนอกเส้นทางการขยายตัวลง ซึ่งปัจจัยบวกนี้น่าจะช่วยผ่อนคลายความกังวลต่อแนวโน้มการส่งออกไทยในช่วงเดือนอันใกล้นี้ได้

2. พัฒนาการของเศรษฐกิจไทยให้ภาพการขยายตัวที่ดีขึ้นตามลำดับ และเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล ทั้งนี้จากตัวเลขเศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ย.55 บ่งชี้ถึงแรงส่งของการขยายตัวของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกที่รวมและไม่รวมทองคำที่กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ฟื้นตัวขึ้น นอกเหนือไปจากการขยายตัวที่เร่งขึ้นของการใช้จ่ายในประเทศ ส่วนการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อทั่วไปจาก 2.74% ในเดือนพ.ย.55 มาอยู่ที่ 3.63% ในเดือนธ.ค.นั้น ส่วนหนึ่งสะท้อนผลของฐานและการทะยานขึ้นของราคาอาหารสดจากสภาวะอากาศแปรปรวน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยชั่วคราว

"เมื่อมองไปในไตรมาสแรกของปี 56 มีความเป็นไปได้ที่ภาคการส่งออกไทยน่าจะทยอยฟื้นตัวชัดเจนขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณบวกของเศรษฐกิจต่างประเทศ และแรงส่งจากทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรบางตัวที่เริ่มผงกหัวชัดเจนขึ้น ซึ่งเมื่อผนวกกับความต่อเนื่องของการใช้จ่ายในประเทศ ตามแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐที่ยังคงประสิทธิผลอยู่ ก็น่าจะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของทั้งไตรมาสแรกของปี 56 ยังคงภาพของการฟื้นตัวไว้ได้" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

3. สถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศที่ประคองตัวได้ดังกล่าว น่าจะทำให้ ธปท.สามารถตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้ เพื่อรอความชัดเจนทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม ก่อนเลือกทิศทางนโยบายดอกเบี้ยที่เหมาะสมต่อไป โดยปัจจัยติดตามที่สำคัญในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ ยังพุ่งเป้าหมายไปที่สหรัฐฯ โดยเฉพาะในประเด็นความชัดเจนของรายละเอียดการปรับลดรายจ่ายทางการคลัง เพื่อหลีกเลี่ยงเงื่อนไขการปรับลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติที่ได้รับการต่ออายุจากสิ้นปี 55 ไปจนถึงเดือนก.พ.56 รวมถึงทางออกของปัญหาหนี้สาธารณะที่จะชนเพดาน (Debt Ceiling) ในเงื่อนเวลาที่ไล่เลี่ยกัน

นอกจากนี้ ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ในยุโรป อาทิ การเลือกตั้งของอิตาลีในเดือนก.พ.56 และแนวทางการเยียวยาภาคการธนาคารของสเปนที่ค่อนข้างอ่อนแอ เนื่องจากอาจมีนัยต่อความเชื่อมั่นของตลาดต่อการแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้ยูโรโซนในภาพรวม

4. ผลต่ออัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่อาจมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ผนวกกับเงินฝากที่ไหลเข้าสู่ระบบธนาคารพาณิชย์มากในช่วงปลายปี 55 น่าจะทำให้การแข่งขันด้านราคาของเงินฝากพิเศษค่อนข้างนิ่งในช่วง 1-2 เดือนนี้

อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่จะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันด้านราคาเงินฝากของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในช่วงต่อจากนั้น คงขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าในการปล่อยสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้หรือไม่และเพียงใด

ทั้งนี้ หากภาวะเศรษฐกิจเอื้ออำนวย ธุรกิจลูกค้าสินเชื่อเดินหน้าต่อไปได้ และกิจกรรมการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคยังมีความต่อเนื่อง ก็น่าจะผลักดันให้ความต้องการสินเชื่อขยายตัวในเกณฑ์ดี ซึ่งคงสนับสนุนให้กิจกรรมการดึงเงินฝากคึกคักขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรัฐบาลสามารถเดินหน้าโครงการลงทุนต่างๆ ได้ตามที่คาดหมายไว้ ซึ่งหมายความว่าภาพการแข่งขันด้านราคาของผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษมีโอกาสที่จะชัดเจนมากขึ้นตามไปด้วย

"การที่เศรษฐกิจโลกมีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น และแรงส่งเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี น่าจะส่งผลให้ ธปท.สามารถใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการติดตามผลกระทบและต่อภาพที่ชัดเจนขึ้นจากความไม่แน่นอนที่ยังมีอยู่ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ Fiscal Cliff และสถานการณ์ในยุโรป" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

thaipr.jpg

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 7 มกราคม 2556 โดย YLG

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 16:54:31 น.

กรุงเทพฯ--7 ม.ค.--PRdd

สภาวะตลาดวันที่ 7 มกราคม 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,652.93 — 1,662.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG13 อยู่ที่ 24,080 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 180 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 23,900 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVG13 อยู่ที่ 923 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 26 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 897 บาทemnb_18_18900.gif?2074084743emnb_1_370232.gif

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.25 น.ของวันที่ 07/01/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

แนวโน้มวันที่ 8 มกราคม 2556

ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยที่ 153,000 ตำแหน่งในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา โดยนักเศรษฐศาสตร์แห่งสถาบันนโยบายเศรษฐกิจกล่าวว่า วิกฤตแรงงานสหรัฐอาจจะยืดเยื้อนานถึงอีกใน 9 ปีข้างหน้า หากอัตราการขยายตัวของการจ้างงานยังอยู่ในระดับปัจจุบัน ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคมยังอยู่ในระดับที่ไม่มากพอที่จะกดดันอัตราการว่างงานในสหรัฐให้ลดลง โดยอัตราการว่างงานในเดือนธันวาคมมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นที่ระดับ 7.8 % โดยอัตราดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากระดับ 7.7 % ซึ่งบ่งชี้ถึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังคงชะลอตัว เป็นปัจจัยบวกหนุนให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้น หลังจากราคาทองคำอ่อนตัวลงจากความวิตกกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยุติหรือชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ลงในปีนี้ โดยก่อนหน้านี้ราคาทองคำได้ดิ่งลงทดสอบระดับราคา 1,625 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประกอบกับนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น เมื่อคณะกรรมาธิการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รายงานว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์และผู้จัดการกองทุนได้เพิ่มสถานะซื้อสุทธิสัญญาและออปชั่นทองคำในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2555 แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าราคามทองคำจะสามารถดีดตัวกลับขึ้นมาได้บ้างก็ยังคงมีแรงขายออกมา ในเบื้องต้นทางวายแอลจีประเมินแนวรับบริเวณ 1,645 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้ยังมีโอกาสทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,667 - 1,679 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถยืนได้มีแนวโน้มที่ราคาทองคำจะอ่อนลงเพื่อปรับฐานราคาอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,645 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งแนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะสั้น ซึ่งราคาทองคำอาจมีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นไปได้ทดสอบแนวต้าน โดยหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,667 - 1,679 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ราคาทองคำอาจมีย่อตัวลงมาเพื่อสร้างฐานของราคาอีกครั้ง ซึ่งราคาทองคำยังคงมีการแกว่งตัวอยู่และยังคงแนะนำลงทุนระยะสั้นโดยให้รอจังหวะซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,645 (23,720บาท) 1,638 (23,620บาท) 1,625 (23,430บาท)

แนวต้าน 1,667 (24,040บาท) 1,679 (24,210บาท) 1,689 (24,350บาท)

GOLD FUTURES (GFG13)

แนวรับ 1,645 (23,960บาท) 1,638 (23,860บาท) 1,625 (23,680บาท)

แนวต้าน 1,667 (24,280บาท) 1,679 (24,460บาท) 1,689 (24,600บาท)

SILVER FUTURES (SVG13)

แนวรับ 29.80 (914บาท) 29.45 (903บาท) 29.20 (896บาท)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Precious Metals Futures By GT Wealth Management 7 ม.ค. 56 (ภาคบ่าย)

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 17:54:34 น.

กรุงเทพฯ--7 ม.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำยังคงปรับตัวลงระหว่างวันเหนือระดับ US$1,650 โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า FED จะมีการดำเนินนโยบาย QE ต่อไปหลังจากที่ตัวเลขอัตราการว่างงานออกมาน่าผิดหวัง ขณะที่ประเด็นสำคัญทางฝั่งเอเชียนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาเรื่องการจัดตั้งงบประมาณพิเศษสำหรับปีงบประมาณ 2555 คิดเป็นมูลค่าราว12ล้านล้านเยน (1.362 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลงอยู่ในขณะนี้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้นใกล้ระดับ 30.45 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ SPDR รายงานการถือครองทองคำที่ระดับ 1,342.09 ตัน เพิ่มขึ้น 1.81 ตันemnb_18_18900.gif?832153025emnb_1_370232.gif

โกลด์ฟิวเจอร์วันนี้

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2556 (GFG13) ปิดที่ระดับ 24,100 บาท ปริมาณการซื้อขาย 5,098สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2556 (GFJ13) ปิดที่ระดับ 24,260 บาท ปริมาณการซื้อขาย 1,423 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2556 (GFM13) ปิดที่ระดับ 24,380 บาท ปริมาณการซื้อขาย 608 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ขนาด 10 บาท (GF10G13) ปิดที่ระดับ 24,100 ปริมาณการซื้อขาย 11,346 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2556 ขนาด 10 บาท (GF10J13) ปิดที่ระดับ 24,250 ปริมาณการซื้อขาย 3,557 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2556 ขนาด 10 บาท (GF10M13) ปิดที่ระดับ 24,370บาท ปริมาณการซื้อขาย 1,022สัญญา

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์วันนี้

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2556 (SVG13) ปิดที่ระดับ 923 ปริมาณการซื้อขาย 7 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2556 (SVJ13) ปิดที่ระดับ 928 ปริมาณการซื้อขาย 19 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2556 (SVM13) ปิดที่ระดับ 930 ปริมาณการซื้อขาย 41 สัญญา

ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 23,121สัญญา

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าการผ่านกฎหมายหลีกเลี่ยง Fiscal Cliff จะผ่านพ้นไป แต่มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงการเลื่อนเวลาการตัดลดรายจ่ายออกไปอีก 2 เดือนเท่านั้น ดังนั้นในช่วงเวลา 2 เดือนนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงเผชิญความเสี่ยงเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้และตัดลดรายจ่ายในอนาคต ซึ่งประเด็นนี้จะกลับมากดดันสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ขณะที่คณะกรรมการ FED เริ่มมีการแตกเสียงในความเห็นของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา FED มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบแข็งกร้าวส่งผลกระทบต่องบดุลของ FED ในช่วงที่ผ่านมา

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

TEL : 02-673-9911

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณ ginger สำหรับข้อมูลข่าวสารค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...