ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

สวัสดีค่ะ... ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วมาอ่านข่าวกันดีกว่าค่ะ ^^

MTS Gold Morning News 13/05/56..... มาแล้ววววว

 

* เมื่อวันศุกร์นายเบน เบอร์นันเก ประธานเฟดไม่ได้กล่าวถึงมุมมองนโยบายการเงินหรือมุมมองเศรษฐกิจแต่อย่างใด.....

* วันศุกร์ SPDR ขายออก 2.53 ตัน ปัจจุบันคงทองคำที่ระดับ 1,051.65 ตัน...

* นักลงทุนในทองคำเพิ่มสถานะ Short Position 6.4% เมื่อเทียบกับระยะมากกว่าสัปดาห์ก่อนหน้า...

* สถานะ Long Position สุทธิทั้งฟิวเจอร์สและออพชั่นลดลง 10%....

* เช้านี้ สกุลเงินเยนอ่อนค่าฝ่าแนว 102 เยน/ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง...

* ดูเหมือนว่าในสัปดา์ห์นี้ราคาทองคำจะถูกกดดันในทิศทางขาลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์...

* วันนี้จะเป็นวันแรกของการเริ่มต้น "เทศกาลซื้อทองคำ" ของอินเดีย (Akshaya Tritiya)....

 

ฯลฯ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลลาร์อ่อนแรงเล็กน้อยหลังพุ่งเหนือ 102 เยนครั้งแรกในรอบ 55 เดือนเช้านี้

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2556 10:42:31 น.

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยในการซื้อขายเช้านี้ที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวจากแรงเทขายทำกำไร ภายหลังดอลลาร์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 102 ดอลลาร์ในช่วงเช้า ซึ่งทำสถิติใหม่รอบ 4 ปี 7 เดือน ภายหลังผู้นำทางการเงินกลุ่มประเทศ G7 ไม่ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการอ่อนค่าของเงินเยน

เมื่อเที่ยงวันนี้ตามเวลาในญี่ปุ่น ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 101.88-10.90 เยน เมื่อเทียบกับ101.59-101.69 เยนที่ตลาดโตเกียวและ 101.36-101.38 เยนเมื่อเวลา 17.00 น. ในวันศุกร์

ทางด้านยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.2972-1.2975 ดอลลาร์ และ 132.17-132.20 เยน เมื่อเทียบกับ 1.2985-1.2995 ดอลลาร์ และ 132.20-132.30 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 1.3035-1.3037 ดอลลาร์ และ 132.13-132.17 เยนที่ตลาดโตเกียวในเย็นวันศุกร์ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ราคาน้ำมัน WTI ร่วง 90 เซนต์ หลังโอเปคเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย.

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2556 10:28:10 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนมิ.ย.ร่วงลง 90 เซนต์ แตะที่ 95.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ หลังจากมีรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ได้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน

รายงานระบุว่า กลุ่มโอเปคสามารถผลิตน้ำมันได้ 30.46 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเม.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 30.18 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมี.ค. และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

 

emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"ประสาร" เซ็ง "คลัง" เปิดหน้าไพ่ 4 มาตรการลับ เผยทานข้าวกับ "โต้ง" กร่อย

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤษภาคม 2556 10:56 น.

blank.gif TabOver.gif

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

556000005939201.JPEG

blank.gif blank.gif

 

"ประสาร" เซ็ง "คลัง" เปิดหน้าไพ่ 4 มาตรการลับแก้ค่าเงินบาท กังวลถูกนักเก็งกำไรจับไต๋ไพ่ใบสุดท้าย ต้องลดดอกเบี้ย ตามแนวทางที่รัฐได้ตั้งธงเอาไว้ ย้ำชัด ดอกเบี้ยที่ 2.75% ไม่ทำร้ายใคร แต่อัตราแลกเปลี่ยนอาจจะมีส่วนบ้าง แต่ทำไมมองเป็นเรื่องใหญ่ พร้อมแจงกรณีนายกฯ ให้ข่าว "กิตติรัตน์" ทานข้าวด้วยกัน สยบเกาเหลา ไม่ทำสถานการณ์ดีขึ้น เพราะอีกฝ่ายยังใช้จุดยืนเดิมให้ลดดอกเบี้ย 1% ทำการเจรจากร่อย

 

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงมาตรการลับดูแลเงินทุนไหลเข้าที่ ธปท. เสนอไป โดยยอมรับว่า บางมาตรการต้องขอกระทรวงการคลังให้เป็นความลับ เพราะจริงๆ แล้ว มาตรการทั้ง 4 อันนี้ เราตั้งใจเหมือนไพ่ ที่ถือไว้ในมือ ที่กะวางในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ไม่ได้ตั้งใจแบไพ่ออกมา เพราะพอแบออกมา ทุกคนมองไปที่มาตรการเข้ม ทั้งที่จริงบางจังหวะไม่จำเป็นต้องใช้ตัวเข้ม เมื่อเราออกไพ่แรก คนจะเกรงว่าไพ่ที่เหลือจะมีอะไร แต่พอเราเปิดหมด เขาก็จะมองไพ่ใบสุดท้ายแทน

 

สำหรับการปรับลดดอกเบี้ยของประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ เวียดนาม ออสเตรเลีย มีเหตุผลเฉพาะของแต่ละประเทศ ขณะที่มาเลเซียกลับคงดอกเบี้ย ทั้งที่ผ่านการเลือกตั้งมา ทำให้ค่าเงินริงกิตแข็งค่ามากกว่าเงินบาท แต่จะไม่เป็นแรงกดดันต่อการตัดสินใจในการประชุม กนง.ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะสามารถอธิบายได้ในเชิงที่เศรษฐกิจเหล่านั้นชะลอตัวลง จะเข้ากรอบของ กนง.ที่จะใช้การตัดสินใจจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยในโอกาสข้างหน้าว่า จะโตตามศักยภาพหรือไม่ พิจารณาตัดสินใจในแนวทางที่เหมาะสม เชื่อถือและอธิบายได้ไม่การันตี กนง.ร่วมประชุมวันนี้ทุกคน

 

ส่วนการนัดหมายหารือกันในวันนี้ คงตอบไม่ได้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะไปทุกคนหรือไม่ เพราะตอนแรกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิปฏิเสธว่า ไม่ไป แต่เห็นติดต่อกัน ก็ไม่แน่ใจว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะเป็นการตัดสินใจแต่ละท่านเอง มีมาถามผมว่าจะเป็นอะไรมั้ย ก็จะให้ความร่วมมือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่กรรมการท่านระวัง เพราะไม่อยากให้ภาพออกมาว่าถูกกดดันทางการเมือง โดยมองว่ารัฐบาลต้องการให้ภาพดูดี

 

นายประสาร ยอมรับว่าได้หารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึง 2 ครั้ง แต่พอคุยกันเรื่องดอกเบี้ยกับเงินบาทความเห็นไม่ตรงกัน การรับประทานอาหารครั้งหลัง เป็นเรื่องต่อเนื่องจากที่คุยที่อินเดีย ช่วงที่ไปประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารเอเชีย มีโอกาสเจอนายกิตติรัตน์ เลยขอเวลาพบ เพื่อหารือมาตรการต่างๆ ท่านก็ถามว่าจะกลับไทยเมื่อไหร่ แล้วค่อยคุยกันต่อ จึงเป็นที่มาของการทานข้าวร่วมกัน

 

นายประสาร ยอมรับว่า ครึ่งชั่วโมงแรกก็คุยกันไปด้วยดี เพราะคุยเรื่องกีฬา แต่หลังๆพอคุยเรื่องนโยบาย บรรยากาศตึงเครียดขึ้น เพราะยังมีปมเรื่องดอกเบี้ย ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่าง เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังอยากเห็นดอกเบี้ยนโยบายลดลง 1% ตามจุดยืนของฝ่ายรัฐบาล

 

นายประสาร ยืนยันว่าดอกเบี้ยที่ 2.75% ไม่ทำร้ายใคร แต่อัตราแลกเปลี่ยนอาจจะมีส่วนบ้าง แต่ทำไมมองเป็นเรื่องใหญ่ ผมมองไม่ออก โดยหลักการในการดูแลเรื่องนี้มี 3 ตัวใหญ่ ดอกเบี้ยเป็นหนึ่ง ที่เหลือคืออัตราแลกเปลี่ยน และการบริการจัดการเงินทุน ช่วง 12-13 ปีที่ผ่านมา เราวางน้ำหนักว่า เอาดอกเบี้ย พยายามดูดุลยภาพในประเทศ ถ้าเศรษฐกิจประเทศไม่ดี ไม่โตตามศักยภาพ ดอกเบี้ยต้องผ่อน แต่ถ้าโต ก็อย่าผ่อนจนเกิดเงินเฟ้อ แล้ววางอัตราแลกเปลี่ยนยืดหยุ่น เพื่อวางดุลยภาพระหว่างเรากับต่างประเทศ

 

ส่วนการเคลื่อนย้ายเงินทุน ปล่อยให้เคลื่อนเสรี เพราะประเทศยังต้องการเงินทุน แต่ในสภาพความเป็นจริง สามารถผสมผสานเข้ากันได้ ถ้าสหรัฐ หรือญี่ปุ่น หันมาปั๊มเงินแบบนี้ อัตราแลกเปลี่ยนก็ไม่สามารถปล่อยให้สุดขั้วได้ เราจึงหันมาปรับอีก 2 ขั้วได้ ทีนี้ดอกเบี้ยทำหน้าที่สำคัญคือ ดูแลดุลยภาพในประเทศ ต้องยอมรับว่าความต้องการในประเทศค่อนข้างจะเข้มแข็งมาก จากการขยายตัวของสินเชื่อโตถึง 10 % สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ หนี้ครัวเรือนกระโดดขึ้นมาเกือบ 80% ของจีดีพี

 

คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะระวังเรื่องนี้มาก จนกระทั่งปัจจัยเหล่านี้อ่อนลง จึงจะเป็นตัวปรับตัวหนึ่ง ไม่งั้นต้องมาอาศัยการควบคุมเงิน มีตั้งแต่เบาไปหาหนัก แต่มีจุดอ่อนของมันคือ การออกแบบมาใช้จะยากกว่าอีก 2 ตัว และบางตัวทำจะมีผลทางจิตวิทยาในตลาดการเงิน ต้องระวังรอบคอบ

 

นายประสาร ย้ำว่าการใช้ดอกเบี้ยเพื่อวัตถุประสงค์หนึ่งคือ ดูแลเสถียรภาพในประเทศ ถ้าจะหันมาใช้เพื่อดูแล 2 วัตถุประสงค์ ทำไม่ได้ แล้วจะเสีย เดิมวาง ดอกเบี้ยให้ดูแลเสถียรภาพในประเทศ และวางอัตราแลกเปลี่ยนให้ยืดหยุ่นเป็นตัวดูแลระหว่างประเทศ แต่บทเรียนช่วงสงกรานต์ที่เงินบาทแข็งไปชนขอบ แล้วมีเรื่องเตือนใจว่า นักลงทุนที่เข้ามาอาจจะไม่รู้ว่าชนขอบแล้ว เราก็บอกแนวทางเตือน ที่ให้สัมภาษณ์ว่าเงินบาทแข็งเกินพื้นฐาน ไม่ใช่ว่าพูดไม่มีความหมายอะไร เขาก็ต้องระวัง อย่าหวังว่าจะแข็งกว่านี้ แต่กลุ่มหนึ่ง ถึงอย่างไรก็เข้ามาเพราะรู้ว่าเศรษฐกิจเข้มแข็ง เอาเงินไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะที่รัฐบาลประกาศว่าจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจจะโต 5% เจ้าของเงินก็ยิ่งสบาย เอื้อให้เขาเอาเงินมาลงทุน การใช้อัตราแลกเปลี่ยนอาจจะมีข้อจำกัด จึงหันมาดูเรื่องควบคุมเงิน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายการคุยอย่างมีสุข คลื่นวิทยุครอบครัวข่าว 10 Jan 2013 By classicgoldfutures

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

202412.jpg

 

ช่าวเย็นค่ะ โชคดี มีความสุขนะคะ

 

ราคาทองคำฮ่องกงปิดตลาดวันนี้ ร่วงลงแตะ 13,333 HKD/tael

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2556 17:24:00 น.

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงร่วงลง 187 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 13,333 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,442.08 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ร่วงลง 20.23 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.76 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้

 

emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ศศิประภา อัครภูติ/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 13 พฤษภาคม 2556

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2556 17:00:37 น.

--สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเหนือระดับ 102 เยนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2551 ในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ หลังจากมีรายงานว่ารมว.คลังกลุ่มประเทศ G7 ไม่ได้วิพากษ์วิจารย์นโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบเชิงรุกของญี่ปุ่น ในระหว่างการประชุมที่ประเทศอังกฤษเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

--การประชุมรมว.คลังกลุ่มประเทศ G7 ระยะเวลา 2 วันซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยนายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษได้ออกแถลงการณ์สรุปผลการประชุมต่อสื่อมวลชนดังต่อไปนี้

 

emnb_1_370236.gif

ที่ประชุม G7 ลงมติว่า -- จะไม่กำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ

-- ยังไม่จำเป็นต้องมีแผนการสร้างความแข็งแกร่งด้านการคลังในระยะกลางที่น่าเชื่อถือ

-- การสร้างความแข็งแกร่งด้านการคลังควรเอื้อต่อการขยายตัว

-- แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่ม G7 ยังคงไม่เท่าเทียบกัน

-- ผลักดันมาตรการรับมือกับภาคธนาคารที่ประสบปัญหา โดยไม่ต้องผลักภาระให้กับประชาชนผู้เสียภาษี

-- ยอดอนุมัติสินเชื่อบ้านของออสเตรเลียปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปีในเดือนมี.ค. หลังจากที่ธนาคารกลางออสเตรเลียได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อดึงดูดผู้ที่สนใจซื้อบ้าน

สำนักงานสถิติเปิดเผยว่า ปริมาณสินเชื่อที่ได้มีการอนุมัติให้กับผู้ที่ต้องการสร้างหรือซื้อบ้านและอพาร์ทเมนท์ เพิ่มขึ้น 5.2% จากสถิติเดือนก.พ.ซึ่งขยายตัว 2.1%

-- สำนักงานปริวรรตเงินตราจีน (SAFE) เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า จีนจะทำให้กฎระเบียบการจัดการปริวรรตเงินตรามีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อสร้างภาวะแวดล้อมการลงทุนที่สะดวกมากขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

ทั้งนี้ SAFE ได้ออกแนวทางปฏิบัติฉบับใหม่ ซึ่งจะชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการด้านปริวรรตเงินตราสำหรับนักลงทุนต่างชาติ และยกเลิกเอกสารข้อกำหนดบางส่วนที่จำกัดการลงทุนโดยตรงของต่างชาติ

-- สำรวจจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนามาตรฐานในการดำรงชีพ (the Research Institute for Advancement of Living Standards) ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ประมาณ 1 ใน 3 ของพนักงานบริษัทเอกชนวิตกกังวลว่าจะตกงาน

สถาบันวิจัยฯดำเนินการสำรวจผ่านทางอินเทอร์เน็ตในช่วงต้นเดือนเม.ย. โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 2,000 คน มีอายุระหว่าง 20- 60 ปีต้นๆ ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณมหานครโตเกียว และเขตคันไซโดยเฉพาะเมืองโอซะกะ

จากผลสำรวจพบว่า 34.6% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกกลัวว่าจะตกงาน ขณะที่ 18.9% คิดว่าเงินเดือนของตนจะเพิ่มขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้า

-- สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การซื้อขายหุ้นไอพีโอของจีนอาจจะถูกเลื่อนออกไปจนกว่าจะถึงไตรมาสที่ 3 เนื่องจากแนวโน้มของเศรษฐกิจที่ซบเซา และความจำเป็นในการกำหนดกรอบกลไกเกี่ยวกับหุ้นไอพีโอของจีนใหม่

-- เศรษฐกิจฮ่องกงขยายตัว 2.8% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาสแรก และหากเทียบเป็นรายไตรมาส จีดีพีขยายตัวประมาณ 0.2%

นางเฮเลน ชาน นักเศรษฐศาสตร์ของรัฐบาลกล่าวว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้แรงหนุนหลักจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ปัจจัยภายนอกยังเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจโลกที่ไม่มีเสถียรภาพ

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนเม.ย.ขยายตัว 9.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี

อัตราการขยายตัว ซึ่งทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ขยายตัวขึ้นจากระดับ 8.9% ในเดือนมี.ค.

-- กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า รายได้ทางการคลังของจีนในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบรายปี แตะ 1.14 ล้านล้านหยวน (1.8366 แสนล้านดอลลาร์)

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

จีนเล็งควบคุมการผลิตในอุตสาหกรรมที่มีกำลังการผลิตส่วนเกิน

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2556 17:15:38 น.

หนังสือพิมพ์อีโคโนมิก อินฟอร์เมชั่น เดลี่ รายงานโดยอ้างบุคคลวงในรายหนึ่งว่า จีนกำลังพิจารณามาตรการลดกำลังผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่มีกำลังผลิตส่วนเกิน ประกอบด้วย ภาคเหล็กกล้า อลูมิเนียม ปูนซีเมนต์ และการต่อเรือ

แหล่งข่าวซึ่งไม่เปิดเผยนามระบุว่า รัฐบาลจะจำกัดการอนุมัติการก่อสร้างสายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และเพิ่มบทลงโทษสำหรับโครงการก่อสร้างที่ไม่ได้รับการอนุมัติ

 

emnb_1_370236.gif

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะปรับปรุงมาตรฐานการใช้พลังงาน การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และสินเชื่อเครดิตสำหรับโครงการใหม่ๆ

รายงานระบุว่า คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) และกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศได้ดำเนินการวิจัยและสำรวจมาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อให้ได้มาซึ่งมาตรการแก้ไขปัญหากำลังผลิตส่วนเกินที่เรื้อรังมานาน

"ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ บริษัทจำนวนมากได้สร้างสายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในขณะที่ยังไม่ปิดสายการผลิตเดิมที่ล้าสมัย" แหล่งข่าวอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินทวีความรุนแรงมากขึ้น

กำลังการผลิตส่วนเกินทำให้หลายภาคอุตสาหกรรมเข้าใกล้ภาวะขาดทุน โดยข้อมูล ณ สิ้นสุดไตรมาสแรกระบุว่า อัตราส่วนหนี้ต่อสินทรัพย์ของภาคเหล็กกล้าแตะที่ 61.52% ขณะที่ยอดการผลิตเหล็กดดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 2.132 ล้านตัน/วัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดสถิติใหม่ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดตลาดลบ 4.75 จุด พักฐานขายทำกำไรตามตปท.สภาพคล่อง-ลดดอกเบี้ยยังหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2556 17:20:43 น.

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,617.73 จุด ลดลง 4.75 จุด(-0.29%) มูลค่าการซื้อขาย 42,757 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนกรอบสลับบวกและลบตลอดวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,625.64 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,608.59 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 247 หลักทรัพย์ ลดลง 398 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 127 หลักทรัพย์

 

emnb_1_370235.gif

นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ตลาดพักฐานช่วงสั้นโดยขายทำกำไรออกมาหลังจากดัชนีปรับขึ้นมาเหนือ 1,600 แต่ยังมีปัจจัยเรื่องสภาพคล่องและการปรับลดดอกเบี้ยในต่างประเทศเป็นประเด็นที่หนุนอยู่

ทิศทางพรุ่งนี้คล้ายต่างประเทศที่อยู่ในช่วงปรับฐานช่วงสั้นเช่นกันหลังปรับขึ้นมามากแล้ว และยังไม่มีประเด็นใหม่เข้ามาเพิ่ม ส่วนการประชุมนัดพิเศษของกระทรวงคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องค่าเงินบาทยังไม่มีมาตรการใด ๆ ออกมา แต่คิดว่าสุดแล้วก็คงหนีการลดดอกเบี้ยไม่ได้ เพราะธนาคารกลางหลายประเทศปรับลดดอกเบี้ยลงกันถ้วนหน้า ประเทศไทยก็คงจะสวนกระแสไม่ได้ และหากไม่มีปัจจัยแข็งแกร่งพอดัชนีอาจจะยืนอยู่ยาก

"ดัชนีขึ้นมายืน 1,600 แล้วถ้ายังไม่มีปัจจัยที่ Strong พอดัชนีจะยืนอยู่ยาก ตอนนี้ขึ้นมาด้วยเรื่องสภาพคล่อง ขณะที่เรื่องดอกเบี้ยก็อาจจะช่วยได้บางกลุ่ม แต่หุ้นใหญ่อย่างพลังงานก็อาจจะชะลอตามเศรษฐกิจโลก แม้ปรับขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่ก็จะถูกขายทำกำไร ส่วนหุ้นที่ PE สูงอย่างโรงพยาบาลบางตัวก็แพง เรามองเป็นหุ้นรายตัวมากกว่า เน้นหุ้นที่ PE ต่ำ มี Upside สูง เช่น ASK CK เป็นต้น"นางภรณี กล่าว

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,683.44 ล้านบาท ปิดที่ 42.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,589.43 ล้านบาท ปิดที่ 9.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 2,302.86 ล้านบาท ปิดที่ 86.00 บาท ลดลง 2.50 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,435.15 ล้านบาท ปิดที่ 9.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,335.59 ล้านบาท ปิดที่ 281.00 บาท ลดลง 6.00 บาท

อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...