ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ระทึก!เพลิงไหม้ซอยปทุมวันรีสอร์ท ถ.พญาไท เสียงระเบิดดังสนั่น

blank.gif

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม

18 กรกฎาคม 2556 10:28 น. blank.gif

blank.gif blank.gif blank.gif blank.gif 556000009256001.JPEG blank.gif blank.gif blank.gif blank.gif

 

ภาพประกอบจาก Facebook "สถานี RTV1 สำนักข่าวออนไลน์ 24 ชั่วโมง"

 

 

ระทึก! เกิดเหตุเพลิงไหม้ซอยปทุมวันรีสอร์ท ถ.พญาไท มีเสียงระเบิดเป็นระยะๆ แนะหลีกเลี่ยงการจรจร เจ้าหน้าที่รุดไปสถานที่เกิดเหตุเร่งสกัดเพลิง

 

วันนี้ (18 ก.ค.)เมื่อเวลาประมาณ 09.40 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย๋ 3 ชั้นในซอยปทุมวันรีสอร์ท ถนนพญาไท แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ โดยเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็วมีเสียงระเบิดดังออกมาเป็นระยะในขณะที่การจราจรบริเวณโดยรอบติดขัดอย่างหนัก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กู้ภัยและดับเพลิงกำลังช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว

 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวด้วย ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมจนเพลิงสงบแล้ว

 

(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิด 30.93/95 แนวโน้มยังแข็งค่า จากแรงขายดอลล์

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2556 11:16:10 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ระบุว่า เงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.93/95 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.07/09 บาท/ดอลลาร์

"ข่าวจากเมื่อคืนที่ประธานเฟดออกมาบอก แม้เนื้อหาจะไม่ได้ต่างจากรอบที่แล้วมากนัก แต่มีแรงขายดอลล์ในช่วงเมื่อคืนเรื่อยมาจนถึงช่วงเช้า พอเปิดตลาดบาทก็เลยหลุด 31 บาท จากนั้นมีการ cut lost กัน บาทแข็งค่าไปค่อนข้างเร็วตอนเช้า โดยแข็งค่าสุด 30.91 บาท แต่จากนั้นก็มีการซื้อดอลล์กลับเข้ามา ล่าสุดเงินบาทอยู่ที่ 31.00 บาท/ดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว

 

emnb_1_370232.gif

นักบริหารเงิน มองการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้น่าจะไปในทิศทางที่แข็งค่า โดยให้กรอบไว้ที่ 30.90-31.10 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญสำหรับวันนี้ยังไม่มีอะไรเด่นชัดมากนัก เป็นเพียงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ เท่านั้น

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ 31.0392 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M อยู่ที่ 2.25597% และ THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.25438%

* ปัจจัยสำคัญ

- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 99.77 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเย็นวานนี้ที่ระดับ 99.63/65 เยน/ดอลลาร์

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3109 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3154/3156 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 31.0640 บาท/ดอลลาร์

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หวั่นวิกฤตการเงินโลกทำเครดิตคู่สัญญาแย่ลง กระทบต่อฐานะแบงก์ไทย สั่งแบงก์ทำรายงานผลกระทบเพิ่ม หากมีกรณีคู่สัญญามีความเสี่ยงเกิดปัญหาทางการเงินเตรียมความพร้อม อาจเพิ่มเกณฑ์สัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์รองรับปัญหาดังกล่าว

- นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองเศรษฐกิจครึ่งปีหลังชะลอตัว แนะรัฐบาลไม่ควรออกมาตรการกระตุ้น สร้างภาระหนี้ประชาชน "กิตติรัตน์" เผยหารือ "ฟิทช์ฯ" แจงโครงการลงทุน 2 ล้านล้าน ปรับสมดุลเศรษฐกิจ ด้านผลการสำรวจนักธุรกิจ พบทัศนคติด้านบวกยังไม่ดีขึ้น

- รัฐบาลปรับเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวจากเดิม 2 ล้านล้านบาท ในปี 58 เพิ่มขึ้น 10% เป็น 2.2 ล้านล้านบาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เสนอ โดยนายกฯ ได้สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำข้อมูลพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเป็น กลุ่ม ว่ากลุ่มใดท่องเที่ยวที่ไหน เลือกซื้อสินค้าและบริการประเภทใด ก่อนจัดลำดับความสำคัญและหาแนวทางส่งเสริมได้อย่างเหมาะสม เพราะต้องการให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวต่อเนื่อง

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้(17 ก.ค.) หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดอาจจะเริ่มชะลอโครงการซื้อพันธบัตร หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในปีนี้

โดยระบุว่าจะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก หากข้อมูลเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ เฟดก็จะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรให้เร็วขึ้น แต่หากข้อมูลที่ออกมาไม่สอดคล้องกับการคาดการณ์ เฟดก็อาจจะชะลอการดำเนินการดังกล่าว หรืออาจจะเพิ่มขนาดโครงการซื้อพันธบัตรในเวลานั้น

- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า เฟดจะไม่กำหนดตารางเวลาเกี่ยวกับการลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรเอาไว้ล่วงหน้า

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ร่วงลงเกินคาด อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานตัวเลขสร้างบ้านที่ซบเซาของสหรัฐ

โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 106.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ ปิดที่ 108.61 ดอลลาร์/บาร์เรล

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ร่วงลง 9.9% มาอยู่ที่ระดับ 836,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 960,000 ยูนิต ขณะที่ตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ลดลง 7.5% มาอยู่ที่ระดับ 911,000 ยูนิต ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1 ล้านยูนิต

- แบงก์ ออฟ อเมริกา รายงานว่า กำไรในไตรมาส 2 ปีนี้ ทะยานขึ้น 70% แตะระดับ 3.6 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 2.1 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีที่แล้ว เพราะได้แรงหนุนจากการปรับลดต้นทุน นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถปรับลดรายจ่ายลงราว 6% สู่ระดับ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2

ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกาได้ปรับโครงสร้างองค์กรและลดจำนวนพนักงานนับตั้งแต่นายไบรอัน มอยนิแฮน เข้าดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดเมื่อต้นปี 53 ยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริหารจัดการของธนาคารเป็นไปอย่างราบรื่น

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold Futures

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2556 09:57:37 น.

Bangkok--18 Jul--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

- ทองร่วงหลังทราบคำแถลงประธานเฟด

- SPDR ถือทองลดลง 1.5 ตัน

- ระวังแรงขายหากหลุดแนวรับ 1,260 ดอลลาร์

- ราคาทองคำและโลหะเงินเคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัวในการซื้อขายช่วงกลางวัน ก่อนที่ในการซื้อขายช่วงค่ำได้เริ่มมีแรงขายกลับออกมาจนราคาโลหะทั้ง 2 ชนิดปรับตัวลงค่อนข้างแรง โดยคาดว่าเป็นการขายทำกำไรหลังจากทราบคำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต

emnb_18_18900.gif?758282307emnb_1_370232.gif

- ราคาทองปรับตัวลงหลังจากนักลงทุนต่างประเมินว่าในการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐต่อสภาคองเกรสจะมีสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการผ่อนคลายทางการเงินในลักษณะเดียวกับการแถลงครั้งหลังสุด แต่ในการแถลงเมื่อคืนนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐไม่ได้กล่าวในลักษณะที่ชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลาในการผ่อนคลายทางการเงิน จึงทำให้มีแรงขายทำกำไรกลับออกมา

- ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่าการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงหลังจากนี้ ไม่ได้กำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนเกี่ยวกับการผ่อนคลายทางการเงิน โดยจะพิจารณาจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเป็นสำคัญ หากรายงานออกมาดีหรือสอดคล้องกับที่ประเมินไว้ ก็อาจมีการลดปริมาณการซื้อพันธบัตรลง และจะมีการเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรหากรายงานออกมาแย่กว่าที่ประเมิน

- ภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคาทองเริ่มมีสัญญาณอ่อนตัวหลังจากราคาทองไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ และกรณีที่ราคาอ่อนตัวลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,270 ดอลลาร์ คาดว่าจะมีแรงขายออกมามากและราคาจะปรับตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1,245-1,250 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านของวันอยู่ที่บริเวณ 1,290 และ 1,300 ดอลลาร์ ตามลำดับ

- มีแรงขายออกมามากหลังจากราคาโลหะเงินอ่อนตัวลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 19.50 ดอลลาร์ และยังมีแนวโน้มที่ราคาจะอ่อนตัวลงต่อ และกรณีที่ไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 19.0 ดอลลาร์ ได้ คาดว่าจะมีแรงขายกลับออกมามาก จนราคาปรับตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 18.50-18.60 ดอลลาร์ ต่อไป

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนส.ค.56

Close chg. Support Resistance

18,980 -70.00 18,800/18,650 19,000/19,150

 

ราคาทองดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มมีแรงขายกลับออกมา โดยราคากลับลงมาเคลื่อนไหวที่แนวรับบริเวณ 1,275 ดอลลาร์ จึงยังสามารถเลือกเปิดสถานะซื้อเก็งกำไร โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,260-1,265 ดอลลาร์

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนส.ค.56

Close chg. Support Resistance

610 - 600/590/550 630/690/710/725

 

ราคาโลหะเงินดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 20.20-20.30 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวลง และแรงขายที่มีออกมามากกดดันให้ราคากลับลงมาเคลื่อนไหวที่แนวรับซึ่งเป็นจุดปิดสถานะตัดขาดทุนการถือครองฝั่งซื้อบริเวณ 19.20 ดอลลาร์ หากราคาอ่อนตัวลงต่ำกว่าแนวรับนี้ควรปิดสถานะซื้อออกไปก่อน หรืออาจกลับมาเลือกเก็งกำไรฝั่งขาย โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนการถือครองฝั่งขายอยู่ที่บริเวณ 19.50 ดอลลาร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบุญบาปหนา! ศิษย์ธรรมกายโดนครหา “ฉ้อโกงหมื่นล้าน!!!”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.ibizchannel.com/

 

นักลงทุนยังเลี่ยงเข้าตลาดทอง แม้ราคาใกล้จุดต่ำสุด 3 ปี

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

 

18 กรกฎาคม 2556 10:07 น. blank.gif นักลงทุนกำลังรอให้ราคาทองมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะกลับเข้าตลาด ถึงแม้ว่าความกังวลเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะนี้ช่วยส่งเสริมความน่าดึงดูดใจของทองในระยะยาวก็ตาม

ราคาทองดิ่งลง 200 ดอลลาร์/ออนซ์ในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ในเดือน มิ.ย. โดยร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีที่ 1,180 ดอลลาร์ ในวันที่ 28 มิ.ย. โดยก่อนหน้านั้นราคาทองได้ทรุดตัวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปีสำหรับช่วงเวลา 2 วันในเดือนเม.ย. โดยดิ่งลงจากระดับ 1,560.74 ดอลลาร์ในวันที่ 11 เม.ย. สู่ 1,336.04 ดอลลาร์ ในวันที่ 15 เม.ย.

ราคาทองดีดกลับขึ้นมาได้บ้างหลังการร่วงลง 2 ครั้งดังกล่าว โดยราคาทองลดช่วงติดลบได้ราวครึ่งหนึ่งหลังการดิ่งลงในช่วงกลางเดือนเม.ย. และพุ่งขึ้นกว่า 100 ดอลลาร์หลังการร่วงลงรอบ 2 อย่างไรก็ดีนักลงทุนกังวลกับการที่ราคาทองไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

การดิ่งลงของราคาทองมีสาเหตุมาจากแรงเทขายของนักลงทุนสถาบัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี เฟดพยายามลดกระแสคาดการณ์ในเรื่องนี้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ นโยบายการเงินก็ยังคงอยู่ในภาวะผ่อนคลายมากเป็นพิเศษทั่วโลก, ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันอีกครั้ง, นักลงทุนยังคงกังวลกับวิกฤติหนี้ยูโรโซน และวิตกต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีน

ปัจจัยเหล่านี้ช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้แก่ทอง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทองอยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 3 ปี อย่างไรก็ดี กลุ่มกองทุนยังคงกังวลต่อการลงทุนในทอง

นายเรมี อาเจโวล ผู้จัดการกองทุนชโรเดอร์ส ไดเวอร์ซิฟายด์ โกรท ฟันด์ กล่าวว่า "ทองได้รับผลกระทบชั่วคราวในระดับหนึ่ง โดยนักลงทุนหลายคนสูญเสียความเชื่อมั่นในทองไปแล้ว และความผันผวนของราคาทอง โดยเฉพาะในเดือนเม.ย.ก็ได้ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากออกไปอยู่นอกตลาด"

"ทองเริ่มมีความน่าดึงดูดอีกครั้งเมื่อราคาเข้าใกล้ 1,200 ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เราไม่มีความมั่นใจในการเพิ่มการลงทุนในทองในช่วงนี้ แม้ราคากำลังเข้าใกล้ระดับที่น่าสนใจ แต่เรายังคงรอให้มีปัจจัยสำคัญบางตัวที่จะกระตุ้น การลงทุนในทอง" นายอาเจโวลกล่าว ขณะที่ราคาทองสปอตอยู่ที่ 1,286.15 ดอลลาร์ในช่วงบ่ายวันนี้

กองทุน ETF ขายทองออกมาเป็นจำนวนมาก โดยกองทุน ETF ปรับลดปริมาณการถือครองทองลง 579 ตันเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีนี้ และถือครองทองในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีในขณะนี้ และปัจจัยนี้ก็ส่งผลให้ผู้จัดการกองทุนหลายแห่งตัดสินใจไม่กลับเข้ามาลงทุนในทอง

นายเปา โมริลลา-ไกเนอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทลอนดอน แอนด์ แคปิตัล กล่าวว่า "ผมต้องการเห็นอัตราการขายทองของกองทุน ETF เข้าสู่เสถียรภาพ หลังจากกองทุน ETF ระบายทองออกมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์"

ราคาทองเคยพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินในปี 2008 โดยนักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะเครื่องรักษามูลค่าที่ปลอดภัย และฐานะเครื่ืองมือประกันความเสี่ยงในระบบ

ราคาทองพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดที่ 1,920.30 ดอลลาร์ในวันที่ 6 ก.ย. 2011โดยได้รับแรงหนุนจากการดิ่งลงอย่างรุนแรงของดอลลาร์, จากความอ่อนแอของตลาดหุ้น และจากความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางหลายแห่งในการอัดฉีดสภาพ คล่องเข้าสู่ตลาดการเงิน

นายโมริลลา-ไกเนอร์กล่าวว่า "ถ้าหากคุณต้องการทำประกันเพื่อรับมือกับ การผ่อนคลายเชิงปริมาณในประเทศพัฒนาแล้ว หรือรับมือกับปัญหาด้านเงินเฟ้อหรือปัญหาด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจในสหรัฐ ผมก็คิดว่าทองเป็นเครื่องมือ ทำประกันที่มีราคาถูกมากสำหรับปัญหาเหล่านี้"

"เราปรับลดปริมาณการลงทุนในทองลงในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา และขณะนี้เราก็กำลังรอให้ความผันผวนลดลง ก่อนที่จะเข้าซื้อทองอีกครั้ง"

บริษัทลอนดอน แอนด์ แคปิตัลได้ปรับลดสัดส่วนการลงทุนในทองลงสู่ระดับต่ำกว่า 20 % ในปัจจุบัน จากระดับราว 60 % ในช่วงปลายปี 2012ส่วนกองทุนทรัพยากรธรรมชาติของเจพีมอร์แกน ได้ปรับลดสัดส่วนการลงทุน ในโลหะมีค่าสู่ 17.4 % ภายในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. จาก 28.1 % ในช่วงสิ้นปี 2012

นางนิโคล เวทิส ผู้จัดการพอร์ทลงทุนของลูกค้าในกองทุนทรัพยากร ธรรมชาติของเจพีมอร์แกน กล่าวว่า "การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ และมีสัญญาณเล็กๆที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจใน สหรัฐ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และมีความเป็นไปได้ในการปรับลดขนาด QE ลง ซึ่งภาวะแวดล้อมเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคขัดขวางราคาทองไม่ให้พุ่งขึ้น"

กองทุนของนายอาเจโวลปรับลดสัดส่วนการถือครองทองลงจากระดับราว 4 % ในช่วงต้นปีนี้ สู่ระดับ 0-0.5 % ในปัจจุบัน ขณะที่บริษัทแบริง แอสเซท แมเนจเมนท์ ปรับลดสัดส่วนการลงทุนในทองลงจากระดับเกือบ 20 % ในช่วงสิ้นปีที่แล้ว สู่ระดับใกล้ 10 % ในปัจจุบัน

นายไคลฟ์ เบอร์สโตว์ ผู้จัดการกองทุนของแบริงกล่าวว่า "ความผันผวนของราคาทองส่งผลให้การเข้าซื้อทองในระดับปัจจุบันเป็นเรื่องที่ยากลำบากแต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันในระดับเศรษฐกิจมหภาคอาจจะทำให้แนวโน้มของทองเปลี่ยนแปลงไป" และเขากล่าวเสริมว่า "เราคาดว่าราคาทองมีแนวโน้มปรับขึ้น แต่จะเป็นการขยับขึ้นอย่างเชื่องช้าเป็นเวลายาวนาน"

เนื่องจากแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐ, แนวโน้มอัตราการเติบโตทาง เศรษฐกิจของจีน และแนวโน้มของเสถียรภาพในยุโรป ยังคงไม่มีความชัดเจน นักลงทุนจึงไม่แน่ใจว่า ตลาดหุ้นจะยังคงพุ่งขึ้น, ราคาทองจะยังคงร่วงลง และ ดอลลาร์จะยังคงแข็งค่าขึ้นต่อไปในปีนี้หรือไม่ ซึ่งถ้าหากยังไม่มีความชัดเจน ในเรื่องเหล่านี้ นักลงทุนก็อาจจะลดการลงทุนในทอง และหันไปซื้อหุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น น้ำมัน

หลังจากทองเคยเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของนักลงทุนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ราคาทองก็จะไม่ได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนในระยะนี้

นายชาร์ลส์ มอร์ริส จากบริษัทเอชเอสบีซี โกลบัล แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า "ดอลลาร์จะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในอนาคต, อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้น และตลาดหุ้นสหรัฐจะชะลอตัวลงในช่วงที่ีมีคำสั่งขายเข้ามาในตลาดทองมากเกินไป"

นายมอร์ริสกล่าวเสริมว่า "ผมคาดว่าตลาดทองจะเริ่มเข้าสู่ภาวะกระทิงรอบ ใหม่ภายในปีหน้า แต่ผมไม่มีแผนที่จะเข้าซื้อทองในขณะนี้"

( ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)

 

T.Thammasak

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รบ.กรีซผ่านกฎหมาย “ลอยแพ” พนักงานรัฐ 25,000 ตำแหน่งปลดล็อกเงินกู้ EU-IMF

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

 

18 กรกฎาคม 2556 07:08 น. blank.gif 556000009250301.JPEG

 

รัฐสภากรีซลงมติผ่านร่างกฎหมายเพื่อปลดล็อกเงินช่วยเหลือ 7,000 ล้านยูโรจากอียูและไอเอ็มเอฟ ซึ่งจะมีผลทำให้พนักงานรัฐ 25,000 ตำแหน่งต้องถูกลอยแพ

 

blank.gif รอยเตอร์ - รัฐบาลกรีซผ่านร่างกฎหมายปลดล็อกเงินช่วยเหลือ 7,000 ล้านยูโรจากสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งจะมีผลให้พนักงานรัฐต้องตกงานนับหมื่นๆคน วานนี้(17) ขณะที่ชาวกรีซหลายพันออกมาประท้วงต่อต้านที่หน้าอาคารรัฐสภาในกรุงเอเธนส์

 

การลงมติครั้งนี้ถือเป็นบททดสอบที่หนักหนาสาหัสสำหรับรัฐบาลผสมโดยการนำของนายกรัฐมนตรี อันโตนิส ซามาราส ซึ่งเพิ่งจะเสียแนวร่วมอย่างพรรคประชาธิปไตยฝ่ายซ้ายไปกับกรณีการปิดสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้ขณะนี้รัฐบาลมีเสียงเกินครึ่งของสภาเพียง 5 ที่นั่ง

 

หลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา สมาชิกรัฐสภา 153 จากทั้งหมด 293 คนที่เข้าประชุม ลงมติผ่านร่างกฎหมายซึ่งมีความจำเป็นต่อการที่กรีซจะปลดล็อกเงินกู้เกือบ 7,000 ล้านยูโรจากอียูและไอเอ็มเอฟ

 

ร่างกฎหมายดังกล่าวจะมีผลให้พนักงานรัฐราว 25,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูและตำรวจเทศบาล ถูกลอยแพอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งทำให้ชาวกรีซออกมาเดินขบวนและนัดหยุดงานต่อต้านตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ระหว่างที่มีการลงมติ ผู้ประท้วงราว 5,000 คนที่ชุมนุมอยู่รอบอาคารรัฐสภาต่างร้องตะโกน “เราไม่ยอมจำนน ทางเลือกเดียวคือต้องสู้” ทว่าจำนวนผู้ประท้วงยังถือว่าน้อยกว่าเมื่อช่วงปีที่แล้ว

 

“ผมทำงานมา 12 ปี แต่พวกเขากลับมาไล่ออกในคืนเดียว... ถ้าพวกเขามีสมองสักนิด ก็ควรจะปฏิเสธเงื่อนไขกู้ยืม และนำกฎหมายบางมาตรามาพิจารณาเสียใหม่” พาตรา ฮัตซีฮาราลัมปุส เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนแห่งหนึ่งกล่าวทั้งน้ำตา

 

นายกรัฐมนตรี ซามาราส ยังได้ประกาศลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 23% เหลือเพียง 13% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กรีซเริ่มเผชิญวิกฤตหนี้สินเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อบรรเทาความโกรธแค้นของประชาชนที่เริ่มจะรับไม่ได้กับมาตรการรัดเข็มขัดเข้มงวด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เร่งกู้โบกี้ตกรางเปิดวิ่งสายเหนือเที่ยงนี้

  • 18 กรกฎาคม 2556 เวลา 09:09 น. |

 

C76DB4182856474598A58D6B66512FDD.jpg

 

เจ้าหน้าที่เร่งกู้โบกี้รถไฟตกรางที่แพร่คืบหน้า70% คาดเปิดวิ่งสายเหนือเที่ยงนี้

 

นายสมชาย คงชื่นสิน ผู้อำนวยการศูนย์ภาคเหนือ ฝ่ายเดินรถไฟ เปิดเผยว่า การกู้ขบวนรถไฟตกรางที่หลักกิโลเมตรรถไฟที่ 541/11 เขต ต.ไทรย้อย อ.เด่นชัย จ.แพร่ มีความคืบหน้าไปแล้วมากกว่า70% ขณะนี้ได้ทำการยกโบกี้ ตู้โดยสารรถไฟ ที่ตกราง นำไปไว้ริมทางรถไฟ และซ่อมแซมรางรถไฟที่ชำรุด คาดว่า จะเปิดเส้นทางเดินรถไฟสายเหนือ ได้ในเวลาประมาณไม่เกิน 12.00 น. วันนี้ และตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กองทุนบัวหลวงมองเศรษฐกิจในภูมิภาคสำคัญของโลก

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

 

18 กรกฎาคม 2556 12:38 น.

blank.gif blank.gif คอลัมน์บัวหลวง Money Tips

โดยทีมจัดการกองทุนบัวหลวง

 

กองทุนบัวหลวงมองสหรัฐอเมริกา

 

การส่งสัญญาณลดปริมาณเงินซื้อพันธบัตร (Tapering) ของ FED ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market, EM) จากทิศทางการเคลื่อนย้ายของเงินทุน (เกิด Risk off sentiment) ทั้งตลาดค่าเงิน บอนด์ และตลาดหุ้น ซึ่งเคยเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากในช่วงที่สภาพคล่องล้นระบบ

 

สิ่งที่ต้องจับตามองในอนาคตคือ แผนการเริ่มดูดเงินกลับของ FED และสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

 

นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการค้นพบ Shale gas ที่ทำให้สหรัฐฯ ลดการนำเข้าน้ำมันได้ ได้ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหากับประเทศกลุ่ม EM ที่กู้ยืมเงินในสกุลดอลลาร์หรือที่ขาดดุลการค้าระดับสูงได้ เช่น อินโดนีเซีย และอินเดีย เป็นต้น

 

กองทุนบัวหลวงมองยุโรป

 

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยังคงดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่องเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่ม โดย ECB กำลังพิจารณาทั้งมาตรการพื้นฐาน เช่น อัตราดอกเบี้ย และมาตรการพิเศษอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการต่างๆ จะส่งผลให้มีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้นในตลาดการเงิน และอาจเข้ามาลงทุนในตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าอย่างไทยได้

 

อย่างไรก็ดี เสถียรภาพทางการเมืองของกลุ่มประเทศยูโรโซนอาจส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงิน เนื่องจากนักลงทุนกังวลถึงการสานต่อนโยบายและการปฏิรูปเศรษฐกิจ

 

กองทุนบัวหลวงมองญี่ปุ่น

 

ญี่ปุ่นใช้นโยบายภาครัฐและนโยบายการเงินของธนาคารกลางมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกล้าที่จะเพิ่มปริมาณเงินในระบบเป็น 2 เท่าภายใน 2 ปี และรัฐบาลยังตั้งงบใช้จ่ายตรงนี้ไว้อีกประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ญี่ปุ่นมี GDP ประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อให้เงินเหล่านี้ไม่ถูกเก็บไว้ในระบบธนาคาร รวมถึงต้องการเพิ่มความสามารถการแข่งขันให้บริษัทญี่ปุ่นในเวทีโลก และเสริมศักยภาพให้ญี่ปุ่นในด้านต่างๆ เช่น การปฏิรูปตลาดแรงงาน การหาฐานการผลิตใหม่ เป็นต้น

 

ผลจากนโยบาย Abenomics (นโยบายการเงินและนโยบายการคลัง ที่เน้นในการส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนของญี่ปุ่นที่ซบเซามากว่ายี่สิบปี จากการผลักดันและดำเนินการในรัฐบาลที่สองของชินโซ อะเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพคล่องในเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น กระตุ้นให้เกิดความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและผู้บริโภค และทำให้มีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากญี่ปุ่นกระจายการลงทุนมายังแถบเอเชียสูงขึ้น

 

สำหรับไทยจะได้ประโยชน์โดยตรงในแง่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียน เนื่องจากในประเทศญี่ปุ่นเองยังมีปัญหาด้านโครงสร้างสาธารณูปโภค โดยเฉพาะด้านพลังงานที่ไม่เพียงพอ (หลังจากเกิดปัญหาพลังงานนิวเคลียร์) ขณะที่ไทยมีวงจร supply chain ที่ครบครันแล้ว

 

กองทุนบัวหลวงมองจีน

 

จีนกำลังปรับตัว จากก่อนหน้าที่รัฐบาลเร่งให้เกิดการลงทุนจนเป็น Over investment เกิดปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ รัฐบาลจีนจึงหันมาเน้น Domestic demand และการเติบโตแบบยั่งยืน

 

จากนี้ไปคาดว่าจีนไม่น่าจะมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว รวมถึงไม่มีโครงการเร่งการลงทุนจากภาครัฐซึ่งเป็นปัจจัยหลักต่อการเติบโตของเศรษฐกิจตลอดช่วงที่ผ่านมา

 

ซึ่งการชะลอตัวของจีนจะกระทบการส่งออกของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้าสำคัญที่สุดของไทย (สัดส่วน 10-12% ของการส่งออก) และยังเป็นคู่ค้าสำคัญของประเทศในกลุ่ม ASEAN (ไทยส่งออกไป ASEAN 9 ในสัดส่วน 20-25% ของการส่งออก) อีกด้วย

 

นอกจากนี้ การที่จีนเป็นผู้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์จำนวนมากนั้น เมื่อจีนใช้วัตถุดิบดังกล่าวลดลง ก็จะเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้

 

ในอนาคตความเสี่ยงของจีนยังคงเป็นแนวทางการแก้ปัญหา Shadow Banking ที่ขึ้นอยู่กับทางการจีนว่าจะมีมาตรการที่เข้มข้นมากน้อยเพียงใด และจะควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในวงจำกัดได้หรือไม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

iBiz - Manager Online - ก.ล.ต.ลงดาบอดีตผจก.กองทียูโดม หลังบริหารผิดกฎปลอมแปลงเอกสาร

 

 

Asia Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2556

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2556 16:23:44 น.

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ปรับตัวขึ้นในช่วงแรกของการซื้อขาย เนื่องจากการแสดงมุมมองเศรษฐกิจที่เป็นบวกของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ

ดัชนี S&P/ASX 200 บวก 11.70 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 4,993.40 จุด ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดวันนี้ที่ 4,976.90 จุด เพิ่มขึ้น 10.40 จุด หรือ0.21%

 

--ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการในวันนี้ โดยนิกเกอิปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากนักลงทุนผ่อนคลายความวิตกกังวล หลังจากแถลงการณ์ของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้กระตุ้นให้เกิดภาวะปั่นป่วนในตลาดการเงิน

ดัชนีนิกเกอิปิดพุ่งขึ้น 193.46 จุด หรือ 1.32% แตะที่ 14,808.50 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.

 

--ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้ร่วงลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการควบคุมอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยราคาบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้น

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วง 21.52 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 2,023.40 จุด

 

--ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.64% จากแรงเทขายของนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่าการลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์จะเกิดขึ้นตามทีกำหนดไว้ภายในปลายปีนี้ ขณะที่เงินวอนอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปรับตัวลง 12.01 จุด ปิดที่ 1,875.48 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายปานกลาง 374.9 ล้านหุ้น มูลค่า 3.42 ล้านล้านวอน (3.05 พันล้านดอลลาร์) โดยมีหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในสัดส่วน 463 ต่อ 317

 

-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องการใช้มาตรการควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังมีรายงานว่าราคาบ้านในจีนปรับตัวสูงขึ้น

ดัชนีฮั่งเส็งลดลง 26.65 จุด หรือ 0.12% ปิดวันนี้ที่ 21,345.22 จุด

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ศศิประภา อัครภูติ/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

 

Xinhua's Interview: ผู้เชี่ยวชาญ IMF มั่นใจศก.จีนไม่เผชิญฮาร์ดแลนดิ้ง

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2556 14:43:23 น.

นายมาร์คัส รอดลาวเออร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียและแปซิฟิคของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีนยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีการชะลอตัวให้เห็นอยู่บ้าง และเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะไม่เผชิญกับภาวะฮาร์ดแลนดิ้ง

แม้ว่าเศรษฐกิจจีนได้ชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา แต่ก็ขยายตัวในอัตรา 7.5% ในไตรมาสสอง ซึ่ง "เราเห็นว่าตัวเลขดังกล่าวมีความสอดคล้องกับเป้าหมายที่รัฐบาลได้กำหนดไว้"

emnb_18_18900.gif?518140321emnb_1_370236.gif

ข้อมูลทางการเผยจีนมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลง จาก 7.7% ในไตรมาสแรก มาอยู่ที่ระดับ 7.5% ในไตรมาสสอง สอดคล้องกับเป้าหมายการขยายตัวทั้งปีที่รัฐบาลได้กำหนดขึ้น ซึ่งจะทำให้ปีนี้กลายเป็นปีที่เศรษฐกิจมีการชะลอตัวมากที่สุดในช่วงสองทศวรรษ

หากพิจารณาจากข้อมูลดังกล่าว นายรอดลาวเออร์เผยว่า เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงเนื่องจากการส่งออกที่หดตัวลง โดยกล่าวว่า "เห็นได้ชัดว่า อุปสงค์การส่งออกจากประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าที่อ่อนแรงลง เป็นปัจจัยชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจจีน"

ในขณะเดียวกันเขาชี้ว่า มีการคาดการณ์ถึงแรงกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลงในระดับหนึ่ง เมื่อรัฐบาลจีนได้ออกมายุติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่ได้ดำเนินนโยบายดังกล่าวอย่างหนักเมื่อก่อนหน้านี้ โดยได้ขยายลงทุนและสินเชื่อเพิ่มขึ้น

แม้ว่าตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบันจะไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงมากนักเมื่อเทียบกับตัวเลขสองหลักก่อนเกิดวิกฤติทางการเงินขึ้น แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานโลก และที่สำคัญไปกว่านั้น ตัวเลขดังกล่าวนับเป็นอัตราที่มีความยั่งยืนในระยะกลาง อีกทั้งยังส่งสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม

นายรอดลาวเออร์ระบุว่า จีนได้กลายเป็นประเทศเศรษฐกิจสำคัญในเศรษฐกิจโลก และยังเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักที่จะส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเอเชีย และทั้งโลก ดังนั้น จีนจึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด และ "หากมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในจีน ตลาดทั่วโลกจะได้รับผลกระทบกันไปตามๆกัน"

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

รมว.คลังเยอรมนีเยือนเอเธนส์วันนี้ท่ามกลางการคุ้มกันแน่นหนา หลังสภากรีซผ่านแผนรัดเข็มขัด

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2556 16:39:00 น.

เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 4,000 นายเข้าประจำการเพื่อดูแลความเรียบร้อยในระหว่างการเยือนกรุงเอเธนส์ของนายโวลฟ์กัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนีในวันนี้ ขณะที่รัฐบาลกรีซออกคำสั่งห้ามเดินขบวนประท้วงในเมืองหลวง ภายหลังรัฐสภากรีซมีมติผ่านร่างมาตรการรัดเข็มขัดชุดใหม่เมื่อคืนนี้

นายชอยเบิลมีกำหนดเข้าพบนายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราส และเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของกรีซคนอื่นๆ ในระหว่างการเดินทางเยือนในวันนี้ ซึ่งถือเป็นการเยือนกรีซครั้งแรกของนายชอยเบิลนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินเมื่อปลายปี 2552

ทั้งนี้ รัฐสภากรีซเห็นชอบมาตรการชุดใหม่ซึ่งเปิดทางให้หน่วยงานภาครัฐสามารถปลดและย้ายเจ้าหน้าที่ได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจุดชนวนให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่รอบใหม่ โดยสหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของกรีซ 2 แห่งไม่มีแผนที่จะประท้วงในวันนี้ แต่คาดว่าแรงงานระดับท้องถิ่นจะก่อการประท้วงในช่วงบ่ายวันนี้ตามเวลากรีซ

emnb_18_18900.gif?187285495emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จีน: สินค้าโภคภัณฑ์เกษตรเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ขณะนลท.รอดูสถานการณ์

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2556 16:09:03 น.

สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรจีนมีการเคลื่อนไหวภายในกรอบแคบๆ และปิดตลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยวันนี้ จากสภาพการซื้อขายที่นักลงทุนต่างหยุดรอดูท่าที โดยไม่มีประเด็นเรื่องนโยบายหรือโครงสร้างอุปสงค์อุปทานพื้นฐานมากระตุ้น

หลังจากที่สัญญาถั่วเหลืองที่ตลาด CBOT ปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ สัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดต้าเหลียนขยับลง 0.39% ปิดที่ 4,634 หยวน/ตัน ขณะที่สัญญากากถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค.ปิดสูงขึ้น 0.37% ที่ระดับ 3,295 หยวน/ตัน

 

emnb_1_370236.gif

สัญญาถั่วเหลืองที่ตลาด CBOT ปรับตัวลดลง เนื่องด้วยสภาพอากาศที่คาดว่าจะมีฝนตกมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูกถั่วเหลือง

นักวิเคราะห์คาดว่า สภาพอากาศที่เป็นใจในพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองของสหรัฐ อีกทั้งยอดนำเข้าถั่วเหลืองที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 จะส่งผลต่อราคาผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง

สัญญาน้ำมันปาล์มที่ตลาดต้าเหลียนปรับตัวเพิ่มขึ้นพอสมควร โดยสัญญาน้ำมันปาล์มส่งมอบเดือนม.ค. ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.32% ที่ 5,642 หยวน/ตัน ด้านสัญญาน้ำมันถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. ปิดสูงขึ้น 0.39% ที่ 7,272 หยวน/ตัน

สัญญาน้ำมันปรุงอาหารฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่มีการปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามปริมาณสินค้าในสต็อกที่มีอยู่มากนั้น ไม่สอดคล้องกับอัตราการบริโภคที่อยู่ในช่วงซบเซา ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จำกัดการปรับเพิ่มของราคา

สัญญาน้ำตาลส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดเจิ้งโจวปิดเพิ่มขึ้น 0.54% ที่ 4,842 หยวน/ตัน หลังจากที่ได้ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งปีที่ 4,792 หยวน/ตัน เมื่อวานนี้

ส่วนราคาน้ำตาลที่ผลิตในประเทศนั้นมีการปรับราคาในระดับที่สูงกว่าน้ำตาลนำเข้า จึงทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดการนำเข้าน้ำตาลในจีนจะยังคงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ย. จากแรงซื้อเก็งกำไร

สัญญาฝ้ายส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดเจิ้งโจวปิดเพิ่มขึ้น 0.23% แตะ 19,880 หยวน/ตัน ส่วนดัชนีราคาฝ้ายแห่งชาติจีน หรือ CCIndex 328 ซึ่งบ่งชี้ราคาเฉลี่ยเส้นใยมาตรฐานในจีน ขยับลง 3 หยวน อยู่ที่ระดับ 19,260 หยวน/ตัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

ญี่ปุ่นเผย ผลผลิตเหล็กกล้าดิบขยับขึ้น 1.2% ในช่วงครึ่งปีแรกนี้

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2556 15:00:00 น.

สมาพันธ์เหล็ก และเหล็กกล้าญี่ปุ่น (JISF) เปิดเผยว่า ผลผลิตเหล็กกล้าดิบในช่วงครึ่งปีแรก(เดือนม.ค.- มิ.ย.) ของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น 1.2% จากปีก่อนหน้า แตะที่ 54.71 ล้านตัน

JISF ระบุว่า ผลผลิตเหล็กกล้าธรรมดาที่ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมทั่วไปซึ่งรวมถึงตัวถังรถยนต์ เพิ่มขึ้น 3.4% สู่ระดับ 42.76 ล้านตัน

ขณะที่ผลผลิตเหล็กกล้าชนิดพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์จำพวกชิ้นส่วนรถยนต์ ร่วงลง 6% แตะที่ 11.95 ล้านตัน

ในเดือนมิ.ย. ญี่ปุ่นผลิตเหล็กกล้าดิบได้เพิ่มขึ้น 0.9% จากปีก่อนหน้า แตะที่ 9.28 ล้านตัน และเป็นการปรับตัวขึ้นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน เช่นเดียวกับผลผลิตเหล็กกล้าธรรมดาที่ขยับขึ้น 1.5% สู่ 7.23 ล้านตัน ส่วนผลผลิตเหล็กกล้าชนิดพิเศษ ปรับตัวลง 1.1% แตะที่ 2.05 ล้านตัน โดยร่วงลงเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

emnb_18_18900.gif?1618525905emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วรัญญา อุดมกุศลศรี/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 18 กรกฎาคม 2556 โดย YLG

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2556 16:54:25 น.

กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--PRdd

สภาวะตลาดวันที่ 18 กรกฎาคม 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,274.78—1,282.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ13 อยู่ที่ 18,940 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 110 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,050 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVQ13 อยู่ที่ 610 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 610 บาท

emnb_18_18900.gif?2136442248emnb_1_370232.gif

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.04 น.ของวันที่ 18/07/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

แนวโน้มวันที่ 19 กรกฎาคม 2556

การแถลงการณ์ต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงสร้างความผันผวนต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งนายเบอร์นันเก้ย้ำว่าไม่มีการกำหนดแผนการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างตายตัว แม้ว่าเขายังคงยึดกรอบเวลาในการปรับลดโครงการซื้อพันธบัตร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มปรับลดโครงการซื้อพันธบัตรลงในช่วงปลายปีนี้ แต่ทั้งนี้ยังเปิดช่องให้มีการเปลี่ยนแปลงแผนหากแนวโน้มเศรษฐกิจผันแปรไป ซึ่งการแกว่งตัวของราคาทองคำดีดตัวขึ้นในช่วงแรกและมีการอ่อนตัวในช่วงต่อมา นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงกดดันจากรายงาน Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั่วสหรัฐ ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวในอัตราเล็กน้อยถึงปานกลางในเดือนมิถุนายน และต้นเดือนกรกฎคม ขณะที่ภาคการผลิตมีการขยายตัว ทั้งนี้โรงงานต่างๆ ในหลายเขตจาก 12 เขตของเฟดรายงานยอดสั่งซื้อใหม่,การส่งออกและการผลิตที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆ ซึ่งดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญ ประกอบกับนายจอห์น พอลสัน เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็น กองทุน ETF ทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกองทุนดังกล่าวมูลค่าลดลงไปแล้วกว่าครึ่งในช่วงต้นปีนี้ ส่งผลให้ความน่าสนใจใจในการเข้าลงทุนทองคำลดลงเคลื่อนไหวของราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวผันผวนซึ่งลงทุนควรติดตามข่าวสารและทิศทางราคาอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้นักลงทุนสามารถติดตามการประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อแผนการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)และการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำนักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้นโดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,264 หรือ 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรกซึ่งราคาจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไป และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,294 หรือ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,264 (18,550บาท) 1,254 (18,400บาท) 1,242 (18,230บาท)

แนวต้าน 1,294 (18,990บาท) 1,300 (19,080บาท) 1,307 (19,180บาท)

GOLD FUTURES (GFQ13)

แนวรับ 1,264 (18,700บาท) 1,254 (18,550บาท) 1,242 (18,370บาท)

แนวต้าน 1,294 (19,140บาท) 1,300 (19,230บาท) 1,307 (19,330บาท)

SILVER FUTURES (SVQ13)

แนวรับ 19.05 (598 บาท) 18.75 (589 บาท) 18.20 (572 บาท)

แนวต้าน 19.95 (626 บาท) 20.30 (637 บาท) 20.65 (648 บาท)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประชานิยมรถคันแรกพ่นพิษ!ยึดแล้ว300คัน ประชานิยมรถคันแรกเริ่มแผลงฤทธิ์! ไฟแนนซ์ยึดคืนแล้วเกือบ 300 คัน "สมาคมธุรกิจเช่าซื้อ"บอกจิ๊บจ๊อยเทียบยอดขอใช้สิทธิ์ 1.2 ล้านคัน สรุปภาวะซื้อขายตลาดหุ้นไทย 18 ก.ค.56 vdo.gif สรุปภาวะซื้อขายตลาดหุ้นไทย 18 ก.ค.56 แนวโน้มการลงทุนพรุ่งนี้ ติดตามได้ใน Market Wise เมย์แบงก์กิมเอ็งคาดจีดีพีปีนี้อยู่ระดับ4.5% เมย์แบงก์กิมเอ็ง คาดจีดีพีปีนี้อยู่ระดับ 4.5% แนะรัฐเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ คงเป้าดัชนีปีนี้ที่ 1,550 จุด ปชป.งัดข้อ'ปลัดไอซีที'แจงงบกระทรวง สั่งอัพเกรดวธ.เป็นกระทรวงสังคมกึ่งศก. 'จาตุรนต์'เบรกซื้อแท็บเล็ตป.1ข้อมูลส่อพิรุธ 'เฉลิม'แนะพท.ไม่ดันกม.ปรองดองหาเสียงยาก

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...