มือใหม่หัดวิเคราะห์

[NEWS 2,613]

สวัสดีครับคุณ.. Ginger TraderJunior Alan Gejen Wann ตู้เย็น Pasaya OKorNO เด็กสยาม MegaGold meng166 deb99 เต้าหู้ และทุกท่านครับ

วันนี้มาสาย หน่อยนะครับ

กราฟรายวันตอนนี้เป็นเขียวแท่งแรกครับ

ล่าสุดราคาต่ำสุด 1274 ราคาสูงสุด1294

ราคาขณะนี้อยู่ที่ 1292.x ครับ

 

สัญญานหลักแบลคคิง ทิศทาง sideway up ครับ

RSI Price Line เส้นเขียว 46.03 วิ่งมา 49.49 ครับ

Trade Signal Line เส้นแดง 47.00 วิ่งมา 48.59 ครับอยู่ต่ำกว่า 50 ครับ

market base Line เส้นเหลือง 38.98 วิ่งมา 39.10 ครับ

เส้นแดงเพิ่มครับ

 

 

สัญญานรองQQE ทิศทาง sideway up

เส้นฟ้า 45.67 วิ่งมา 47.51 อยู่สูงกว่าเส้นประเหลืองครับ

เส้นประเหลือง 39.50 วิ่งมา 41.03 ครับอยู่ต่ำกว่าเส้นฟ้าครับ

(เส้นเหลืองถ้าคงที่นานๆ จะแสดง side way หรือกลับตัวและ

ถ้าทิศทางลงจะเด้งไปอยู่สูงกว่าเส้นฟ้าทันทีถ้าขึ้นจะลงมาต่ำกว่าเส้นฟ้าทันที)

แนวต้าน 1294 1300 1308 1321

แนวรับ 1281 1274 1260 1255

ภาพรวมๆจากสัญญานราคา sideway up ครับ

 

 

 

 

 

ขอให้โชคดีครับ

Bye

ถูกแก้ไข กรกฎาคม 19, 2013 โดย news

[deb99 290]

ขอบคุณ คุณ ginger คุณ news และทุกท่านครับ

[ginger 11,058]

สวัสดีและขอบคุณมากค่ะ ginger news bas+trader J+น้องบีม และทุกๆคน

ดีค่ะ พวงชม คิดถึงและเป็นห่วง ดูแลตัวเองดีๆนะคะ

[ginger 11,058]

รู้ก่อนรวยกว่า

[ginger 11,058]

สวัสดีครับคุณ.. Ginger TraderJunior Alan Gejen Wann ตู้เย็น Pasaya OKorNO เด็กสยาม MegaGold meng166 deb99 เต้าหู้ และทุกท่านครับ

วันนี้มาสาย หน่อยนะครับ

กราฟรายวันตอนนี้เป็นเขียวแท่งแรกครับ

ล่าสุดราคาต่ำสุด 1274 ราคาสูงสุด1294

ราคาขณะนี้อยู่ที่ 1292.x ครับ

 

สัญญานหลักแบลคคิง ทิศทาง sideway up ครับ

 

แนวต้าน 1294 1300 1308 1321

แนวรับ 1281 1274 1260 1255

ภาพรวมๆจากสัญญานราคา sideway up ครับ

สวัสดี news (รอไหวคับ) deb พวงชม ตู้เย็น .....

 

 

China Focus: ราคาเหล็กกล้าจีนร่วงอีกในเดือนมิ.ย. คาดใกล้แตะระดับต่ำสุด

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2556 15:00:00 น.

ราคาเหล็กกล้าของจีนปรับตัวลดลงอีกในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นอัตราลดลงที่น้อยกว่าเดือนก่อนหน้า

ขณะที่เดือนก.ค.ราคาเหล็กกล้าดีดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ทำให้สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีน (CISA) คาดว่าราคาเหล็กกล้าจ่อเข้าใกล้ระดับต่ำสุดแล้ว และอาจเคลื่อนไหวในระดับต่ำและผันผวนในปลายปีนี้

 

*ราคาเหล็กกล้าลดลงอีก แต่ลดลงน้อยกว่าเดือนมิ.ย.

 

ดัชนีราคาเหล็กกล้าของ CISA อยู่ที่ 98.52 ณ สิ้นเดือนมิ.ย. ลดลง 3.25% จากสิ้นเดือนพ.ค. อัตราการลดลงน้อยกว่าเดือนก่อนหน้า 0.36%

เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. 2555 พบว่าดัชนีลดลง 14.69%

หากจำแนกตามชนิดเหล็กกล้า พบว่าดัชนีราคาเหล็กกล้าแท่งขนาดยาว ลดลง 4.35% เมื่อเทียบรายเดือน อยู่ที่ 99.87 ณ ปลายเดือนมิ.ย. โดยอัตราการลดลงน้อยกว่าเดือนก่อนหน้า 1.17%

ดัชนีราคาเหล็กกล้า pate steel ลดลง 2.29% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 98.43 จุด ณ สิ้นเดือนมิ.ย. โดยอัตราการลดลงน้อยกว่าเดือนก่อนหน้า 2.29%

ราคาของเหล็กกล้าสำคัญ 8 ชนิดต่างปรับตัวลงในเดือนมิ.ย. โดยมีแค่อัตราการลดลงของราคาเหล็กลวดคาร์บอนสูงและเหล็กลวดเสริมคอนกรีตเท่านั้นที่มากกว่าเดือนก่อนหน้า

ดัชนีราคาเหล็กกล้าของ CISA เดือนมิ.ย.ปรับตัวลงต่อเนื่องสัปดาห์ต่อสัปดาห์ไปจนถึงสัปดาห์แรกของเดือนก.ค. และดีดขึ้นในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.

 

*4 สาเหตุที่ทำให้ราคาเหล็กกล้าปรับตัวลดลง

CISA สรุปสาเหตุที่ทำให้ราคาเหล็กกล้าในจีนลดลงได้ 4 ประการ

ประการที่ 1 การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนลดลงสู่ระดับ 7.6% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งลดลง 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ส่วนจีดีพีไตรมาส 2 ของปีนี้ขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบกับการขยายตัว 7.7% ในไตรมาสแรก

การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วงครึ่งแรกของปีปรับตัวขึ้น 20.1% ลดลง 0.3% จากช่วงเดือนม.ค.-พ.ค. นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 ขณะที่การลงทุนในด้านการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้น 20.3% ลดลง 0.3% จากเดือนม.ค.-พ.ค.

ประการที่ 2 ปริมาณการผลิตเหล็กกล้ายังคงอยู่ในระดับสูงในเดือนมิ.ย. แม้มีการลดกำลังผลิตลงเล็กน้อย

กำลังการผลิตเหล็กดิบต่อวันเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1553 ล้านตันในเดือนมิ.ย. ลดลง 0.33% ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2

นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าปีก่อนถึง 4.6% ตามข้อมูลที่เปิดเผยโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS)

ประการที่ 3 ราคาวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตเหล็กกล้าต่างปรับตัวลงในเดือนมิ.ย. ทำให้การดันราคาลดลง

ราคาแร่เหล็กนำเข้าเฉลี่ยอยู่ที่ 126.8 ดอลลาร์/ตันในเดือนมิ.ย. ลดลง 4.5% จากเดือนพ.ค. ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3

ประการที่ 4 สต็อกเหล็กกล้าทางสังคมยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูงแม้ว่าจะลดลงมา 3 เดือน

สำหรับสต็อกเหล็กกล้าทางสังคมของจีนทั่วประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 15.46 ล้านตัน ณ สิ้นเดือนมิ.ย. ลดลง 6.66% จากสิ้นเดือนพ.ค. และยังสูงกว่าช่วงตันปี 30.17%

 

*คาดว่าราคาเหล็กกล้าจะไม่เพิ่มขึ้นมากนักเมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐานที่ซบเซา

CISA คาดการณ์ว่า ราคาเหล็กกล้าไม่น่าจะขึ้นมากนักจากปัจจัยพื้นฐานที่ไม่อื้ออำนวย แม้ว่าดัชนีราคาเหล็กกล้าของ CISA จะดีดขึ้นสู่ระดับ 99.14% ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.63% จากสัปดาห์ก่อนหน้า นับเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

ประเด็นแรก ภาวะอุปทานเหล็กกล้าโดยรวมยังคงมากเกินไป แม้ว่าจะมีการลดการผลิตเล็กน้อยในเดือนมิ.ย.

อีกประเด็นหนึ่งคือ การส่งออกเหล็กกล้าคาดว่าจะลดลงอีกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ ตัวเลขการส่งออกเหล็กกล้าของจีนลดลงในเดือนพ.ค.และมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน โดยการส่งออกในเดือนมิ.ย.น้อยกว่าเดือนพ.ค. 120,000 ตัน

นอกจากนี้ สต็อกเหล็กกล้ายังคงอยู่ในระดับสูง โดยสต็อก ณ สิ้นเดือนมิ.ย.สูงกว่าต้นปีอยู่ 30%

อย่างไรก็ดี CISA ระบุว่า ความต้องการเหล็กกล้าน่าจะขยายตัวต่อเมื่อมองในระยะยาว เนื่องจากมีโครงการเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นฟูชุมชนแออัด การลงทุนในภาคทางเดินรถไฟ และระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

China Today: ข่าวสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรจีนประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2556

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2556 15:35:37 น.

การประชุมว่าด้วยสถานการณ์ผลผลิตธัญพืชและน้ำมันของมณฑลเจ้อเจียง คาดว่ามณฑลเจ้อเจียง ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของจีน จะมีผลผลิตธัญพืชฤดูร้อนเพิ่มขึ้น อันเนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และนโยบายเชิงหนุนต่างๆ

ในปีนี้ พื้นที่ปลูกข้าวเบาของมณฑลเริ่มปรับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยเพิ่มขึ้น 3.7% จากปีที่ผ่านมา และคาดว่าพื้นที่ปลูกธัญพืชฤดูใบไม้ร่วงจะปรับขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน

 

- - ศูนย์ข้อมูลธัญพืชและน้ำมันแห่งชาติของจีน (CNGOIC) ระบุว่า จีนจะยังไม่นำเข้าข้าวสาลีเพิ่มขึ้นในจำนวนมาก แม้ว่าฝนที่ตกหนักในบางภูมิภาคได้ส่งผลกระทบต่ออุปทานข้าวสาลีในประเทศ

สื่อต่างประเทศบางส่วนรายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่า พายุฝนหลายลูกทำให้ผู้ประกอบการจีนหลายรายตัดสินใจนำเข้าข้าวสาลีในปริมาณมาก ขณะที่กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ปริมาณข้าวสาลีนำเข้าของจีนในปีการเก็บเกี่ยว 2556-2557 สู่ระดับ 8.5 ล้านตัน

เจ้าหน้าที่จาก CNGOIC กล่าวว่า “ยังเร็วเกินไปที่กระทรวงเกษตรสหรัฐจะคาดการณ์การนำเข้าข้าวสาลีของจีนในปีหน้า" เนื่องจากในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ จีนนำเข้าข้าวสาลีเพียง 1.18 ล้านตัน “จริงๆแล้ว จีนได้ซื้อข้าวสาลีหลายล็อตจากต่างประเทศในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. แต่การนำเข้าไม่ได้เพิ่มขึ้นชัดเจน" สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วรัญญา อุดมกุศลศรี/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

 

Analysis: พรรค LDP ของนายกฯอาเบะ มีแววคว้าชัยเลือกตั้งสภาสูงญี่ปุ่นอาทิตย์นี้

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2556 14:45:00 น.

ก่อนหน้าที่การเลือกตั้งสมาชิกสภาสูงของญี่ปุ่นจะเปิดฉากขึ้นในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงรายหนึ่งมองว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี ซึ่งเป็นพรรคฝั่งรัฐบาล และพรรคพันธมิตรอย่างพรรคนิว โคไมอิโตะ จะได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวจะสะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังอย่างมากของประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงว่านโยบายการขยายตัวโดยผ่อนคลายทางการเงินของรัฐบาล จะส่งผลดีต่อประเทศ

ในการเลือกตั้งสภาสูงครั้งที่ 23 นั้น จะมีการเลือกตั้งสมาชิกทั้งสิ้น 121 ราย หรือจำนวนครึ่งหนึ่งของสภา ซึ่งเป็นไปตามระบบเขตเลือกตั้งและผู้แทนตามสัดส่วน

มาซาฮิโร โกโบริ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัยริตสึเมอิกัง ในทางตะวันตกของเมืองเกียวโต ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จะเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดในการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ หลังจากที่ญี่ปุ่นไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา

ศาสตราจารย์เน้นว่า นับตั้งแต่ที่มีการตั้งความหวังกันมากในหมู่ชาวญี่ปุ่นว่า รัฐบาลจะสามารถฟื้นเศรษฐกิจที่ซบเซาของประเทศ ซึ่งถดถอยมากไปกว่าเดิม หลังจากที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2554 และนโยบายเศรษฐกิจที่ถูกเรียกขานในชื่อ อาเบะโนมิคส์ ก็อาจจะทำหน้าที่เหมือนใบสั่งยาชั่วคราว ในการกระตุ้นเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจ

โกโบริ กล่าวว่า นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในปัจจุบัน ซึ่งนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีได้ผลักดันอย่างจริงจังนั้น ดูเหมือนว่า จะช่วยดึงราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้นได้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงจะยังรีรอที่จะใช้จ่ายเงิน จนกว่าประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่นักลงทุนในหุ้น จะมีมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศ

ศาสตราจารย์ กล่าวว่า ญี่ปุ่นได้เผชิญกับช่วงเวลาที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นหลายครั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนทั่วไปในประเทศ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ก็คือ ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงจะมีศรัทธาในนโยบายเศรษฐกิจล่าสุดหรือไม่

แต่ศาสตราจารย์ก็ได้เตือนว่า ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน จะให้ความสนใจมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายทางสังคมและเศรษฐกิจที่ทางพรรคแอลดีพีจะผลักดัน อาทิ การผ่อนคลายกฎระเบียบในตลาดแรงงาน และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ขณะที่ญี่ปุ่นเตรียมที่จะเข้าร่วมการเจรจาเปิดเสรีการค้าหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership: TPP)

โกโบริกล่าวว่า ยกตัวอย่างเช่น พรรคแอลดีพีและพรรคฝ่ายค้านบางพรรคอย่างพรรคเจแปน รีสตอเรชั่น พาร์ตี และพรรคยัวร์ พาร์ตี มีจุดยืนที่ชัดเจนในการสนับสนุน TPP ขณะที่ประชาชนเองก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันในประเด็นดังกล่าว โดยเฉพาะในแถบชนบท

โกโบริ กล่าวว่า การปฏิรูปรัฐธรรมนูญ จะเป็นอีกประเด็นที่สำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ และยังเป็นเรื่องที่น่าสนใจในประเด็นที่ว่า พรรคแอลดีพีจะสามารถแข่งกับพรรคฝ่ายค้านในเรื่องการทบทวนรัฐธรรมนูญเพียงบางส่วนหรือทั้งหมดได้หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ พรรคแอลดีพีประเมินว่า จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 96 ก่อน

มาตรา 96 นั้น ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะต้องริเริ่มโดยสภาไดเอ็ท หากสมาชิก 2 ใน 3 หรือทั้งหมดของสภาสูงและสภาล่างโหวตรับรอง

โกโบริ กล่าวต่อไปว่า ในขณะนี้ พรรคแอลดีพี ได้ยืนกรานในเรื่องการผ่อนคลายเงื่อนไขสำหรับการแก้รัฐธรรมนูญ ก่อนหน้าที่จะพยายามดำเนินการตามเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงมาตรา 96 ซึ่งห้ามไม่ให้ญี่ปุ่นทำสงคราม

แต่โกโบริ กล่าวว่า ความเป็นไปได้ของการดำเนินการดังกล่าวยังไม่ชัดเจน เนื่องจากนักการเมืองในระดับอาวุโส อย่างสมาชิกในพรรคพันธมิตรของแอลดีพี อย่างพรรคนิว โคไมอิโตะ ได้ออกมายอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการใดๆเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ

ประเด็นที่สำคัญอีกประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ คือ จุดยืนของทางพรรคการเมืองในเรื่องการดำเนินการของโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ท่ามกลางความกังวลเรื่องความปลอดภัย ภายหลังเกิดวิกฤตที่โรงงานนิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ซึ่งพรรคแอลดีพีต้องการที่จะเปิดโรงงานอีกครั้ง หลังจากที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เหล่านี้ถูกระงับการดำเนินการมาตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวในปี 2554

โกโบริ กล่าวว่า จำนวนที่นั่งที่พรรคแอลดีพีและพรรคฝ่ายค้านกวาดได้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจจะเป็นมาตรวัดเสียงสนับสนุนในการเปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกครั้ง

เนื่องจากแกนนำพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปไตยของญี่ปุ่น หรือดีพีเจ ต้องสูญเสียฐานคะแนนไปในการเลือกตั้งสภาล่างเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และพรรคฝ่ายค้านพรรคอื่น ยกเว้นพรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุน หรือเจซีพี ไม่สามารถนำเสนอนโยบายที่ชัดเจน เพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสมนอกเหนือจากพรรคแอลดีพีนั้น พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องได้ชัยชนะ 70-80 ที่นั่งในการเลือกตั้ง ซึ่งจะสร้างความมั่นใจว่าจะได้ครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภา

ศาสตราจารย์กล่าวว่า การยุติโครงสร้างการเผชิญหน้ากันระหว่างพรรคดีพีเจและพรรคแอลดีพี ภายหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ จะบ่งชี้ถึงการสิ้นสุดลงของรัฐสภาสองขั้วที่พรรคดีพีเจมีเสียงข้างมากในสภาสูง ส่วนพรรคแอลดีพีมีเสียงข้างมากในสภาล่าง ซึ่งสถานการณ์รัฐสภาสองขั้วเช่นนี้ ส่งผลให้การอนุมัติกฎหมายใดๆก็ตามมีความล่าช้า

 

โดย อัตสึชิ เอบิฮารา สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

 

จำนวนบริษัทล้มละลายในเกาหลีใต้ทำสถิติต่ำสุดในเดือนมิ.ย.

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2556 14:26:00 น.

ธนาคารกลางเกาหลีใต้รายงานว่า จำนวนบริษัทล้มละลายในเกาหลีใต้เดือนมิ.ย.ร่วงลงทำสถิติต่ำสุด เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ในเกาหลีใต้ได้ผ่อนคลายกฎระเบียบในการกู้ยืมเงินสำหรับธุรกิจขนาดย่อม

รายงานธนาคารกลางระบุว่า จำนวนบริษัทล้มละลายลดลง 13 รายจากเดือนก่อนหน้าเหลือ 58 รายในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ธนาคารกลางเริ่มรวบรวมข้อมูลในเดือนม.ค. 2533

ขณะที่จำนวนบริษัทจัดตั้งใหม่ลดลง 423 แห่งจากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 6,065 แห่งในเดือนมิ.ย. สัดส่วนของบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้นกิจการต่อบริษัทที่ล้มละลายอยู่ที่ 163.9 ในเดือนที่แล้ว เพิ่มขึ้นจาก 122.4 ในเดือนก่อน

อัตราส่วนการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท ซึ่งรวมถึงตั๋วสัญญาใช้เงินและเช็คนั้น อยู่ที่ 0.08% ในเดือนมิ.ย. ลดลงจาก 0.12% ในเดือนก่อนหน้า สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

[ginger 11,058]

YLG on ปรับกลยุทธ์ Gold Outlook by YLG 19/07/56

[ginger 11,058]

MTS

[ginger 11,058]

ติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://classicgoldfutures.co.th/image/strategy_analysis/filestrategy190720131650571204.pdf

รายการ Gold Insight วิเคราะห์แนวโน้มฟิวเจอร์ส วันศุกร์ ที่ 19 กรกฎาคม 2556 โดย ฝ่ายวิจัย บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

[ginger 11,058]

สวัสดีวันหยุด วันดีๆมีทุกวัน

 

เพาะเลี้ยงต้นไม้ในใจใส่ปุ๋ย รดน้ำ

 

ร้องเพลงกล่อม ต้นไร้กังวล ต้นสราญรื่นรมณ์

 

ต้นจิตรานุภาพ(เอาไว้สู้กะตัวร้ายในใจ)

 

ต้นอกาลิโก ต้น........ต้นกำลังใจ ......ต้นชนะใจตน

 

ต้นอ่อนน้อมยอมรับ ต้นปัญญา......ต้น ๙ตา ...

 

ณ ปัจจุบัน จะอย่เย็นเป็นสุข

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองคำปิดบวก $8.7

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2556 07:52:35 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) โดยสัญญาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ปีนี้ เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.68% แตะที่ 1,292.9 ดอลลาร์/ออนซ์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 7.1 เซนต์ ปิดที่ 19.46 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1431.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 16.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 749.75 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.25 ดอลลาร์

สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลงแตะระดับ 82.606 ในวันศุกร์ จากระดับ 82.783 ของวันพฤหัสบดี

นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อนค่า จากแรงขายทำกำไร

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2556 08:27:01 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวานนี้

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 100.24 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 100.5 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9413 ฟรังค์ จากระดับ 0.9454 ฟรังค์

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3136 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3105 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.5262 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5217 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.9193 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9169 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนเทขายทำกำไรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนมองว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐอาจจะทำให้เฟดชะลอการใช้มาตรการ QE ในปีนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 13 ก.ค. ร่วงลง 24,000 ราย สู่ระดับ 334,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 345,000 ราย

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียระบุว่า ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นแตะระดับ 19.8 ในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2554 จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 12.5

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองคำปิดบวก $8.7

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2556 07:52:35 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) โดยสัญญาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ปีนี้ เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.68% แตะที่ 1,292.9 ดอลลาร์/ออนซ์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 7.1 เซนต์ ปิดที่ 19.46 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1431.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 16.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 749.75 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.25 ดอลลาร์

สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลงแตะระดับ 82.606 ในวันศุกร์ จากระดับ 82.783 ของวันพฤหัสบดี

นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 4.80 จุด ตลาดผิดหวังผลประกอบการบริษัทเทคโนฯ

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2556 07:05:35 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยี รวมถึงไมโครซอฟท์ และกูเกิล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,543.74 จุด ลดลง 4.80 จุด หรือ -0.03% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,692.09 จุด เพิ่มขึ้น 2.72 จุด หรือ +0.16% ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,587.61 จุด ลดลง 23.67 จุด หรือ -0.66%

 

 

เนื่องจากสหรัฐไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในวันศุกร์ นักลงทุนจึงหันมาให้ความสนใจกับรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง

หุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลง 11.40% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิ 4.97 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ขาดทุน 492 ล้านดอลลาร์ อย่งไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้

หุ้นกูเกิลร่วงลง 1.55% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้น 19% ในไตรมาส 2 แตะระดับ 1.411 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาดเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากผลประกอบการของบริษัท เจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) โดยจีอีเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 อยู่ที่ 3.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแม้ว่าลดลง 8% จากไตรมาส 2 ปีที่แล้ว แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด และช่วยหนุนหุ้นจีอีพุ่งขึ้น 4.61%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ได้ปรับปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจาก “เชิงลบ" มาอยู่ที่ “มีเสถียรภาพ" พร้อมยืนยันอันดับเครดิตของรัฐบาลสหรัฐที่ AAA

มูดีส์ปรับเพิ่มแนวโน้มดังกล่าวหลังจากประเมินว่าแนวโน้มหนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐมีความคืบหน้าสอดคล้องตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้เมื่อเดือนส.ค.2554 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มูดีส์ให้แนวโน้ม “เชิงลบ" แก่สหรัฐ

ทั้งนี้ ยอดขาดดุลงบประมาณสหรัฐได้ลดลง และคาดว่าจะยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แม้ว่าขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐได้ชะลอลงในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีความคืบหน้ามากกว่าหลายประเทศที่มีอันดับเครดิตที่ AAA และมีความยืดหยุ่นต่อการปรับลดรายจ่ายขนานใหญ่ของรัฐบาล ดังนั้น สัดส่วนหนี้สินต่อจีดีพีของรัฐบาลสหรัฐจนถึงปี 2561 จะมีการลดลงมากกว่าที่มูดีส์ได้ประเมินไว้เมื่อตอนที่ให้แนวโน้มเชิงลบแก่สหรัฐ

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

นักวิเคราะห์ชี้ความคืบหน้าการระดมทุนในอิตาลี,สเปนช่วยคลายวิตกเฟดยกเลิกQE

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2556 23:02:32 น.

นักวิเคราะห์จากคอมเมิร์ซแบงก์ระบุว่า อิตาลีและสเปนกำลังเป็นผู้นำในเรื่องการระดมทุนของรัฐบาล เนื่องจากทั้งสองประเทศช่วยคลายความวิตกกังวลที่ว่า การปรับลดขนาดของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในสหรัฐจะมีผลกระทบต่ออุปสงค์ในพันธบัตรของทั้งสองประเทศ

รายงานระบุว่า จนถึงขณะนี้ อิตาลีและสเปน ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 และ 4 ของยูโรโซน สามารถระดมทุนได้ 80% และ 66% ของจำนวนเงินทุนที่ต้องการตามลำดับ

 

ทั้งนี้ อิตาลีและสเปนได้ฉวยโอกาสในช่วงวิกฤติหนี้สินซึ่งนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่รวดเร็วขึ้น เนื่องจากปริมาณเงินสดส่วนกลางจำนวนมากได้ไปกระจุกตัวอยู่ที่หนี้สินที่ได้รับการจัดอันดับในระดับสูง ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรปได้ให้คำมั่นว่าจะซื้อพันธบัตรของประเทศที่ขอรับความช่วยเหลือจากธนาคาร ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในการซื้อหนี้สินที่ได้รับการจัดอันดับที่ต่ำกว่า

อิตาลีซึ่งมียอดหนี้สาธารณะจำนวน 2 ล้านล้านยูโร สามารถระดมทุนได้ 80% ของเป้าหมายจำนวน 1.86 แสนล้านยูโร หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตการเมืองเมื่อเดือนมี.ค.ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนขาดความมั่นใจในประเทศ

ในขณะเดียวกัน สเปนสามารถระดมทุนได้ 66% ของเป้าหมายจำนวน 1.21 แสนล้านยูโร ซึ่งสอดคล้องกับความคืบหน้าในปีก่อน รายงานระบุ

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง โทร.02-2535000 ต่อ 349 อีเมล์: ket@infoquest.co.th--

 

 

ไอเอ็มเอฟชี้ความวุ่นวายในตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2556 22:28:11 น.

แถลงการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก่อนการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศจี 20 ที่จะมีขึ้นในมอสโคระบุว่า ความวุ่นวายในตลาดการเงินโลกในขณะนี้มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า เศรษฐกิจโลกอาจจะขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าคาดการณ์ อันเป็นผลมาจากช่วงระยะเวลาของการชะลอตัวในยุโรป ในขณะที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีความเสี่ยงในเรื่องการชะลอตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ ความเสี่ยงในเรื่องเสถียรภาพทางการเงินยังเพิ่มความวิตกกังวลให้กับทั้งประเทศอุตสาหกรรมและประเทศตลาดเกิดใหม่

การยกเลิกนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ และนโยบายการเงินที่ไม่ปกติในที่สุดในประเทศอุตสาหกรรมจะเพิ่มความท้าทายให้กับประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการที่เร็วเกินไปหรือมีการสื่อสารที่ไม่ดีพอ

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง โทร.02-2535000 ต่อ 349 อีเมล์: ket@infoquest.co.th--

[ginger 11,058]

ศูนย์วิจัยกสิกร คาด ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า เคลื่อนไหว 30.90-31.30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ หุ้นผันผวนจับตา Fund Flow

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยถึง แนวโน้มค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 22-26 ก.ค. ว่า อาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.90-31.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยคงต้องจับตากระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ และผลการเลือกตั้งวุฒิสภาในญี่ปุ่น ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่-บ้านมือสอง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. รวมถึง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ทั้งนี้ ตลาดการเงินไทย จะกลับมาเปิดทำการตามปกติในวันอังคารที่ 23 ก.ค.2556 หลังจากที่ปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา

ส่วนตลาดหุ้นไทย มองว่า ดัชนียังคงผันผวน และมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ อย่างไรก็ตาม ต้องจับตารายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐด้วยเช่นกัน โดยบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,468 และ 1,464 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่า จะอยู่ที่ 1,522 และ 1,534 จุด ตามลำดับ

Tags : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย • ค่าเงินบาท

[ginger 11,058]

สภาพัฒน์ ยังไม่ปรับประมาณการจีดีพีปี 56 ขอดูตัวเลขไตรมาส 2 ก่อน ระบุตัวเลข 4.2% ของธปท. คือระดับต่ำสุด

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐเลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้เปิดเผยว่า ในการปรับประมาณการตัวเลขทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2556 นี้ ทางสภาพัฒน์ จะยังไม่มีการปรับประมาณการในขณะนี้ แม้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับจีดีพี เหลือเพียง 4.2% ในปีนี้ และการส่งออกเหลือเพียง 4% ในปีนี้ เนื่องจากทางสภาพัฒน์ จะขอติดตามดูตัวเลขในไตรมาสที่ 2 และเดือนมิถุนายนก่อน ว่าผลจะออกมาเช่นไร เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในการปรับประมาณการทางเศรษฐกิจ โดยยืนยัน อัตราตัวเลขที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดลงเหลือ 4.2% นั้น เท่ากับระดับต่ำสุดของทางสภาพัฒน์

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง ทางภาครัฐจะเร่งผลักดันการอุปโภคบริโภคในประเทศ แทนค่าการส่งออกที่ชะลอตัวลง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีภาวะที่ชะลอลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากหมดมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ โครงการรถคันแรก ที่ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น จนดันให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มตัวสูงขึ้น แต่เชื่อว่า ในอนาคตหลังจากผ่านโครงการนี้ไปแล้ว หนี้ครัวเรือนจะกลับสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม ทางภาครัฐจะเร่งผลักดันโครงการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อเป็นการผลักดันและกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง พร้อมกันนี้ จะมีการจัดโซนนิ่งการเกษตร เพื่อให้มีการปลูกพืชให้เหมาะสมตามแหล่งที่ต่างๆ และเร่งผลักดันหลังสต็อกข้าวของรัฐบาลมีมาก รวมไปถึง ราคาในตลาดโลก อาจจะไม่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 1-2 ปีนี้ พร้อมมองว่า หากมีการระบายข้าวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ก็จะช่วยผลักดันการส่งออกได้พอสมควร

Tags : อาคม เติมพิทยาไพสิฐ • สภาพัฒน์ • จีดีพี • ธปท.

คนสำคัญของจีนประกาศแล้วว่า เศรษฐกิจมังกรยักษ์แม้จะชะลอตัวลงบ้าง แต่จะไม่มี hard landing

เป็นคำปลอบใจสำหรับคนที่หวั่นไหวว่าหากเศรษฐกิจจีนเกิดอาการโซซัดโซเซ, ทั้งโลกก็จะต้องเดือดร้อนกันไปทั่ว

 

แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของจีน โหลวจี่เหว่ย (楼继伟) ประกาศที่วอชิงตัน สัปดาห์ที่ผ่านมาว่ายังไง ๆ เศรษฐกิจก็แข็งแกร่งพอสมควร และการที่อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจต้องชะลอตัวลงบ้างก็เป็นความจำเป็นเพื่อจะได้มีการ“ปรับโครงสร้าง” ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมของจีน

รัฐมนตรีคลังคนนี้บอกว่า ผู้นำจีนกำลังต้องการเน้น “คุณภาพ” มากกว่า “ปริมาณ”

 

ดังนั้น จึงไม่ต้องห่วงว่าเศรษฐกิจจีนจะร่อนลงแบบ “กระแทกพื้น” (hard landing) ซึ่งจะมีผลทางเลวร้ายไปสู่เศรษฐกิจทั่วโลกด้วย

ภาษาที่นักเศรษฐศาสตร์ใช้กันในเรื่องนี้มีทั้ง soft landing, hard landing และ crash landing

เป็นการอธิบายถึงความรุนแรงของการที่เศรษฐกิจประเทศใดจะร่วงลงมาอย่างไร ตั้งแต่"เบา" "แรง" ไปจนถึงการ "โหม่งโลก" เหมือนการนำเครื่องบินลงสู่พื้น ซึ่งอยู่ที่ความรู้ความสามารถของตัวนักบินเอง และสภาพอากาศแวดล้อมรวมไปถึงความร่วมมือของผู้โดยสารทั้งลำด้วย

แปลว่าทุกปัจจัยล้วนมีความสำคัญต่อการประคองให้เศรษฐกิจค่อย ๆ ลดความสูงเพื่อแตะพื้นได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย

รัฐมนตรีคลังจีน บอกว่า ที่เขามั่นใจเพราะการใช้จ่ายของผู้บริโภคคนจีนเข้มแข็งขึ้น และอุตสาหกรรมภาคบริการก็พัฒนาขึ้นตามลำดับ อีกทั้งอัตราคนว่างงานก็ไม่สูง และอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับที่ควบคุมได้

เขาคาดการณ์ว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนปีนี้น่าจะอยู่ที่ 7.5% และในไตรมาสแรกก็ทำได้ 7.7% ขณะที่หกเดือนแรกของปีอยู่ที่ต่ำกว่า 7.7% เล็กน้อย

ใครจะห่วงเรื่องสหรัฐฯ เลิกการฉีดเงินเข้าระบบหรือที่เรียกว่า QE แต่รัฐมนตรีจีนท่านนี้บอกว่าไม่น่ากังวลเพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯได้แสดงอาการฟื้นขึ้นตามลำดับมา 40 เดือนต่อเนื่องกันแล้ว

“ดังนั้น จีนจึงเข้าใจและสนับสนุนการที่สหรัฐฯจะพิจารณาค่อย ๆ ลด QE และเพราะจีนยังไม่ได้เปิดเสรีเรื่องเงินทุนไหลเข้าออกอย่างเต็มที่นัก เราก็เชื่อว่าผลพวงจากนโยบายเรื่องนี้ของสหรัฐฯต่อจีนก็ไม่น่าจะรุนแรงนัก” นายโหลว บอก

แกบอกด้วยว่า แม้หากอัตราเติบโต GDP หรือผลผลิตมวลรวมของจีนจะลดลงไปถึงระดับ 6.5% เขาก็ยังเชื่อว่าจีนจะสามารถรองรับผลที่ตามมาได้เพราะนายกฯหลี่เค่อเฉียง กำลังประกาศแนวทางการ “ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่”

 

“เราไม่คิดว่าอัตราโตที่ 6.5-7% จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเรา” รัฐมนตรีคลังจีนยืนยัน

แปลว่าผู้นำจีนอาจจะกำลังเตรียมตัวเตรียมใจให้อัตราโตค่อย ๆ ลดลงเพื่อแยกการเติบใหญ่ที่ไม่มีคุณภาพจากที่มีคุณภาพเพื่อปรับให้เศรษฐกิจจีน “ยั่งยืน” กว่าที่เป็นอยู่ และหลีกเลี่ยงการหล่นกระแทกพื้นอย่างที่ทั้งโลกกลัวกัน

ผู้เชี่ยวชาญจีนอย่าง คุณธนากร เสรีบุรี รองประธานเครือซีพี ที่เกาะติดชีพจรของจีนตลอดเวลาบอกเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาว่า การที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวที่ 7.7% เป็นเรื่อง “ปกติ” และไม่ย่ำแย่

คุณธนากร บอกว่า “จีนเหมือนคนหนุ่มกำลังโต มีโอกาสขยายอีกมาก เศรษฐกิจชะลอตัวเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะโตแบบไม่มีเบรก” และอีกสองปี จีนก็จะ “แกร่งกว่าเดิม” ด้วยซ้ำไป

เริ่มมีคนเรียกแนวทางนี้ของจีนว่าเป็น “Li-conomics” อันหมายถึงการปรับโครงสร้างเพื่อเน้นคุณภาพและสร้างความทัดเทียมระหว่างประชาชนกลุ่มต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนที่แท้จริง

ไม่เพียงแค่ไม่ “กระแทกพื้น” เท่านั้น แต่ยังต้องประคองให้ผ่านการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่นี้ให้มีรอยขีดข่วนให้น้อยที่สุดด้วย

Tags : รมต. คลังจีน • เศรษฐกิจจีน

[ginger 11,058]

ศิษย์ธรรมกายใช้วิชามาร โกงหมื่นล้านสหกรณ์คลองจั่น อ้าง “หญิงหน่อย” คุ้มกะลาหัว ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นและพวก จะสามารถทำธุรกรรมอำพรางยักยอกเอาเงินสหกรณ์ไปกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท โดยไม่มีการดำเนินการใดๆ ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ตรวจพบความผิดปกติของงบการเงินของสหกรณ์แห่งนี้ และแจ้งให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ หน่วยงานที่กำกับดูแลได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยตลอด

[ginger 11,058]

พระเณรลูกศิษย์“สมีคำ”ทยอยออกจากวัดเถื่อน – ร้านขายวัตถุมงคล“ไอ้คำ”ปิดตาย

พระเณรลูกศิษย์“สมีคำ” ทยอยออกจากวัดเถื่อนขันติธรรมกลับวัดต้นสังกัด หลังคณะสงฆ์ จ.ศรีสะเกษ มีคำสั่งให้พระภิกษุสามเณรทุกรูปย้ายกลับไปวัดต้นสังกัดเดิม เผยคัดเลือกเหลือพระจำพรรษาอยู่เพียง 5 รูป พร้อมพระผู้ใหญ่ศรีสะเกษ ล่าสุดวัดเถื่อนสุดเงียบเหงาร้านขายวัตถุมงคล“ไอ้คำ” และร้านค้าต่างๆ ปิดตาย

[ginger 11,058]

สวัสดีค่ะ

 

 

กฟน.แจ้งงดจ่ายไฟในกทม.-นนทบุรี

• 21 กรกฎาคม 2556 เวลา 07:21 น.
  

 

 

กฟน.แจ้งงดจ่ายไฟฟ้าชั่วคราวในพื้นที่กทม.-นนทบุรี เพื่อพัฒนาและบำรุงรักษาระบบจ่ายกระแสไฟฟ้า

การไฟฟ้านครหลวง แจ้งว่า มีความจำเป็นต้องทำงานเกี่ยวกับสายป้อนไฟฟ้าแรงสูง ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาและบำรุงรักษาระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน การไฟฟ้านครหลวงจึงจำเป็นต้องงดจ่ายกระแสไฟฟ้าชั่วคราวบางพื้นที่

 

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556

 

กรุงเทพมหานคร เวลา 07.30 น.-15.30 น.

- ถนนเลียบคลองภาษีเจริญ (ฝั่งทิศเหนือ) ตั้งแต่แยกในซอยเพชรเกษม 81 ถึงคลองศรีสำราญ

เวลา 08.30 น.-15.30 น.

- หน้าปั๊มบางจากใกล้ซอยลาดพร้าว 84 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม

- หมู่บ้านรุ่งกิจ 4 (ซอยร่มเกล้า 54 ) และหมู่บ้านรุ่งกิจ 5 (ซอยร่มเกล้า 56)

 

นนทบุรี เวลา 08.30 น.-15.00 น.

- ถนนรัชดาภิเษก (ฝั่งทิศใต้) ตั้งแต่ถนนกำแพงเพชร 6ถึงคลองประปาประชาชื่น

- ถนนนนทบุรี 1 ตั้งแต่หน้าวัดแจ้งศิริสัมพันธ์ ถึงแยกสะพานพระนั่งกล้า

 

เวลา 08.30 น.-15.30 น.

- คลองตาคล้าย ถึงคลองเจ็ก ฝั่งวัดคลองตาคล้ายถนนบางกรวย – ไทรน้อย

- ตั้งแต่ถนนบ้านละหาร ถึงบ้านลำโพธิ์ แยกจากถนน 345 ถึงหมู่บ้านบัวทองธานี 3 พาร์ควิลล์

 

สมุทรปราการ เวลา 08.00 น.-15.00 น.

- ตั้งแต่ปากซอยรัตนราช 1 ถึงเต็นท์ขายรถ

post today

[ginger 11,058]

โลกอึ้งรัสเซียหยุดกว้านซื้อทองคำ

• 21 กรกฎาคม 2556 เวลา 07:43 น. |
  

 

 

โลกประหลาดใจธนาคารกลางของรัสเซียหยุดก้วานซื้อทองคำกระทันหันเป็นครั้งแรกในรอบ9เดือน

สำนักข่าวข่าวต่างประเทศ รายงานง่า ธนาคารกลางรัสเซียไม่ได้กว้านซื้อทองคำมาถือครองเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายน แม้ราคาทองคำในตลาดโลกล่าสุดจะร่วงลงไปมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นระดับราคาต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอย่างยิ่ง หลังจากที่รัสเซียทำการกว้านซื้อทองคำเพิ่มอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

 

ข้อมูลจากเว็บไซต์ของธนาคารกลางแดนหมีขาว (http://www.cbr.ru) ระบุว่า ทองคำสำรองที่รัสเซียถือครองไว้ล่าสุดในเดือนมิถุนายนยังคงอยู่ที่ระดับ 32 ล้านทรอยออนซ์ (1 ออนซ์ =31.1034 กรัม) ซึ่งเท่ากับในเดือนพฤษภาคม

 

นางเอลวิรา ซาคิปซาดอฟนา นาบิอุลลินา ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซีย ยัง ไม่ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลว่า เพราะเหตุใด การกว้านซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 9 เดือนของรัสเซีย จึงสิ้นสุดลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทั้งที่ รัสเซียกลายเป็นผู้กว้านซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างข้อมูลของตนว่า ครั้งสุดท้ายที่แบงก์ชาติของรัสเซียไม่ยอมซื้อทองคำมาถือครองเพิ่มเติมนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายนปี 2012 เลยทีเดียว

 

ข้อมูลล่าสุดในเดือนกรกฎาคมจากสภาทองคำโลก (ดับเบิลยูจีซี) ซึ่งมีฐานอยู่ในสหราชอาณาจักร ระบุว่ารัสเซียถือเป็นประเทศที่มีทองคำสำรองอยู่ในความครอบครองมากเป็นอันดับที่ 8 ของโลก ด้วยปริมาณทองคำทั้งสิ้น 996.1 ตัน