ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ภปช.ชุมนุมพรุ่งนี้ต้านกลุ่มล้มล้างรัฐบาล ภาคีพลังประชาชนประกาศชุม21ต.ค.นี้ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ ต้านกลุ่มล้มล้างรัฐบาล บริเวณหน้าตลาดนัดจตุจักร ฝั่งถนนพหลโยธิน นายกฯกลับจากเยือนเอธิโอเปียทันคดีพระวิหาร โฆษกรัฐบาล คาดนายกฯเดินทางกลับไทยหลังเยือนเอธิโอเปียทัน ฟังศาลโลกตัดสินเขาพระวิหาร แนวโน้มหุ้น-ทองสัปดาห์หน้า 20 ต.ค.56 vdo.gif ตรงประเด็นข่าวค่ำ : แนวโน้มหุ้น-ทองสัปดาห์หน้า ออกอากาศ 20 ต.ค.56 สธ.พบชาวร่มเกล้าฯมีปัญหาสุขภาพจิต12ราย น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครยังอ่วม ปชป.ย้ำต้านก.ม.นิรโทษฯฉบับทะลุซอย อุทยานรื้อรีสอร์ตทับลานจ่อคิวอีก300แปลง

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับคุณ..Ginger TraderJunior Alan Gejen Wann ตู้เย็น Pasaya OKorNO เด็กสยาม MegaGold meng166 deb99 เต้าหู้ ปุยเมฆ tuktaaaa Lekk Espresso’(S) และทุกท่านครับ

กราฟรายวันตอนนี้เป็นเขียวแท่งสี่ครั:17

ล่าสุดราคาต่ำสุด 1311 ราคาสูงสุด1326

ราคาขณะนี้อยู่ที่ 1315.x ครับ

 

สัญญานหลักแบลคคิง ทิศทางsideway อัฟครับ

RSI Price Line เส้นเขียว 51.16 วิ่งมา50.62 ครับ

Trade Signal Line เส้นแดง 41.26 วิ่งมา 43.03 ครับ

market base Line เส้นเหลือง 45.11 วิ่งมา 44.65 ครับ

เส้นแดงเพิ่มครับ

 

 

สัญญานรองQQE ทิศทางsideway up

เส้นฟ้า 45.49 วิ่งมา 46.96 อยู่สูงกว่าเส้นประเหลืองครับ

เส้นประเหลือง 39.25 วิ่งมา40.72 ครับอยู่ต่ำกว่าเส้นฟ้าครับ

(เส้นเหลืองถ้าคงที่นานๆ จะแสดง side way หรือกลับตัวและ

ถ้าทิศทางลงจะเด้งไปอยู่สูงกว่าเส้นฟ้าทันทีถ้าขึ้นจะลงมาต่ำกว่าเส้นฟ้าทันที)

แนวต้าน 1323 1336 1344 1352

แนวรับ 1305 1298 1287 1274

ภาพรวมๆจากสัญญานราคาsideway up ครั

 

 

 

 

ขอให้โชคดีครับ

:bye

post-1891-0-62350800-1382315253_thumb.png

บาย

ถูกแก้ไข โดย news

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 06:36:10 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 18 ตุลาคม 2556

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 15,399.65 จุด เพิ่มขึ้น 28.00 จุด +0.18%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,914.28 จุด เพิ่มขึ้น 51.13 จุด +1.32%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,744.50 จุด เพิ่มขึ้น 11.35 จุด +0.65%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,286.03 จุด เพิ่มขึ้น 46.39 จุด +1.09%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,865.10 จุด เพิ่มขึ้น 53.12 จุด +0.60%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,622.58 จุด เพิ่มขึ้น 46.42 จุด +0.71%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,546.57 จุด เพิ่มขึ้น 27.64 จุด +0.61%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,441.19 จุด เพิ่มขึ้น 66.51 จุด +0.78%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,321.50 จุด เพิ่มขึ้น 38.40 จุด +0.73%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 14,561.54 จุด ลดลง 24.97 จุด -0.17%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,052.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.79 จุด +0.58%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,193.78 จุด เพิ่มขึ้น 5.24 จุด +0.24%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,607.83 จุด เพิ่มขึ้น 46.95 จุด +0.72%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,340.10 จุด เพิ่มขึ้น 245.22 จุด +1.06%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,799.59 จุด เพิ่มขึ้น 2.17 จุด +0.12%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,192.90 จุด เพิ่มขึ้น 6.28 จุด +0.20%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 20,882.89 จุด เพิ่มขึ้น 467.38 จุด +2.29%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) ขณะที่ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ส่วน Nasdaq ก็ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2543 เพราะได้แรงหนุนจากการรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหลายบริษัท เช่น กูเกิล จีอี และมอร์แกน สแตนลีย์ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลจีดีพีจีนที่ขยายตัวเร็วขึ้นในไตรมาส 3 ประกอบกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะชะลอการปรับลดมาตรการกระตุ้นออกไปก่อน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 28.00 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 15,399.65 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.35 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 1,744.50 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 51.13 จุด หรือ 1.32% ปิดที่ 3,914.28 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) เนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวเร็วขึ้นในไตรมาส 3 ทำให้มีความหวังว่าอุปสงค์น้ำมันจากประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่จะเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะคงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณต่อไป

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.14% ปิดที่ 100.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ตลอดสัปดาห์ราคาลดลง 1.2%

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ดีดขึ้น 83 เซนต์ หรือ 0.76% ปิดที่ 109.94 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระยะสั้นเริ่มขายทำกำไร ประกอบกับเป็นการปรับฐานลงทางเทคนิค หลังจากที่ราคาทองพุ่งแรงถึง 3.17% เมื่อวันพฤหัสบดี

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวลง 8.4 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 1,314.6 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ดี ตลอดสัปดาห์สัญญาทองคำพุ่งขึ้น 3.7%

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับลง 3.4 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 21.913 ดอลลาร์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,437.8 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 28.50 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 740.65 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจชะลอการลดวงเงินซื้อพันธบัตรออกไปก่อน หลังจากที่การปิดหน่วยงานรัฐบาลได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ และอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัว

เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 97.800 เยน จากระดับ 97.890 เยน เมื่อวันก่อน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9017 ฟรังค์ จากระดับ 0.9023 ฟรังค์

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3685 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3675 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9671 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9631 ดอลลาร์สหรัฐ

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 เมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. เนื่องจากตลาดขานรับการรายงานตัวเลขจีดีพีจีนที่ขยายตัวเร็วขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสามไตรมาส

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 46.42 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ 6,622.58 และตลอดสัปดาห์ ดัชนีเพิ่มขึ้น 2.1%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ขุนคลังสหรัฐมั่นใจเศรษฐกิจยืดหยุ่นมากพอต้านทานผลกระทบชัตดาวน์,ปัญหาหนี้

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 07:14:50 น.

นายจาค็อบ ลิว รมว.คลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ NBC ว่า การที่สหรัฐต้องปิดหน่วยงานของรัฐเป็นเวลานานนับสัปดาห์และความเสี่ยงที่สหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้นั้น อาจสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ก็คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความยืดหยุ่นมากพอที่จะสามารถต้านทานวิกฤตการณ์ดังกล่าวได้

"เราได้เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2554 เมื่อเรามีหนี้สินใกล้ชนเพดาน ซึ่งได้สร้างความเสียหายในระดับหนึ่ง แต่เศรษฐกิจของเรามีความยืดหยุ่นเพียงพอ ผมมั่นใจว่าเศรษฐกิจของเราจะสามารถฟื้นตัวได้"

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าเดือนก.ย. 9.321 แสนล้านเยน หลังส่งออกเพิ่มเพียง 11.5%

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 07:22:04 น.

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าที่ 9.321 แสนล้านเยนในเดือนก.ย. ทำสถิติขาดดุลการค้าเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน

รายงานเบื้องต้นของกระทรวงระบุว่า ญี่ปุ่นมียอดส่งออกเพิ่มขึ้น 11.5% จากปีก่อน ในขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัว 16.5% สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th

 

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: จีดีพีจีนแข็งแกร่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 06:16:49 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) ขานรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนที่ยังคงขยายตัวได้ดีในไตรมาส 3 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.8% ปิดที่ 318.47 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2551

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,286.03 จุด เพิ่มขึ้น 46.39 จุด หรือ +1.09% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,865.10 จุด เพิ่มขึ้น 53.12 จุด หรือ +0.60% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,622.58 จุด เพิ่มขึ้น 46.42 จุด หรือ +0.71%

ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า จีดีพีจีนขยายตัว 7.8% ในไตรมาส 3 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เศรษฐกิจจีนขยายตัว 7.7% ในไตรมาสแรก และ 7.5% ในไตรมาสสอง จากอัตราขยายตัวที่ 7.9% ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว

สำหรับอัตราขยายตัวในช่วง 9 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 7.7% ซึ่งเป็นไปตามคาดเช่นกัน และสูงกว่าเป้าหมายตลอดทั้งปีของรัฐบาลที่ 7.5%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลเป็นเวลา 16 วัน อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปนานกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก

หุ้นพรูเด็นเชียล บริษัทประกันรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ พุ่ง 4.1% แตะระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี โดยธุรกิจในเอเชียสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานให้บริษัทได้ถึง 32% ในปีที่แล้ว

หุ้นแองโกล อเมริกัน ลดลง 1.4% หลังจากบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่เผยว่าการผลิตแร่เหล็กของบริษัทในเครือแห่งหนึ่งลดลง

หุ้นชินด์เลอร์ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทผลิตลิฟท์รายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 4.3% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อคืนหุ้น ขณะที่หุ้นแก๊ป เจมินิ ผู้ให้บริการด้านคอมพิวเตอร์รายใหญ่สุดของฝรั่งเศส ทะยานขึ้น 5.5% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อคืนหุ้น

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

สื่อคาดจีนขยายอายุโครงการทดลองเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ในเมืองใหญ่

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2556 15:15:27 น.

หนังสือพิมพ์ซิเคียวริตี้ส์ เดลี่ ของจีนรายงานวันนี้ว่า จีนมีแนวโน้มที่จะขยายโครงการทดลองใช้ภาษีอสังหาริมทรัพย์ของประเทศท่ามกลางการปรับตัวขึ้นของราคาบ้านในหลายเมืองในระยะนี้

รายงานระบุว่า มีการคาดการณ์มากขึ้นในเรื่องการยกระดับการควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์รวมไปถึงการกำหนดกลไกในระยะยาวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายระยะเวลาของโครงการทดทองใช้ภาษีอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกที่รัฐบาลจีนมีแนวโน้มจะนำมาใช้

นายเจีย คัง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยด้านการคลังของกระทรวงการคลังจีนกล่าวว่า เอกสารเกี่ยวกับการปฏิรูปของของรัฐบาลจีนได้กล่าวย้ำในเรื่องภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานว่า กลไกดังกล่าวได้ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

ขณะที่นายหู เจียงฮุย ประธานบริษัท bacic5i5j.com ซึ่งเป็นสื่อด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของจีนกล่าวว่า “การขยายอายุโครงการทดลองใช้ภาษีอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะไม่ถูกยกเลิก ซึ่งนอกจากจะไม่เพียงแต่ครอบคลุมไปยังเมืองต่างๆเพิ่มขึ้นแล้วยังจะแตกต่างไปจาการทดลองใช้ในเซี่ยงไฮ้และฉงฉิ่งในปัจจุบันอีกด้วย"

นายหูคาดว่า การขยายอายุโครงการทดลองจะยังครอบคลุมไปถึงบ้านมือสอง โดยกล่าวว่า “ยังมีแนวโน้มที่จะเรียกเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์จากเจ้าของที่มีบ้านหลายหลังอีกด้วย" สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง โทร.02-2535000 ต่อ 349 อีเมล์: ket@infoquest.co.th--

 

เกาหลีใต้-มาเลเซียลงนามข้อตกลงสว็อปสกุลเงินในวงเงิน 4.7 พันล้านดอลลาร์

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2556 13:36:48 น.

ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ธนาคารได้ลงนามร่วมกับธนาคารกลางมาเลเซียเป็นระยะเวลา 3 ปี ในข้อตกลงการทำสว็อปสกุลเงินในวงเงิน 4.7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อส่งเสริมการค้าและความร่วมมือด้านการเงินระหว่างทั้งสองประเทศ

แถลงการณ์ของธนาคารระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวช่วยให้เกาหลีใต้สามารถทำสว็อปสกุลเงินได้ในวงเงิน 5.0 ล้านล้านวอนสำหรับ 1.5 พันล้านริงกิตและในทางกลับกัน พร้อมกับระบุว่า ข้อตกลงสามารถขยายอายุหลังจากที่ครบกำหนดได้หากมีความจำเป็น

การทำข้อตกลงดังกล่าวเป็นความร่วมมือครั้งที่ 3 ในเดือนนี้ หลังจากที่ธนาคารได้ลงนามในวงเงิน 5.4 พันล้านดอลลาร์ร่วมกับธนาคารกลางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และในวงเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ร่วมกับธนาคารกลางอินโดนีเซีย

การลงนามดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างการเดินทางไปเยือนมาเลเซียของนายคิม ชอง ซู ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของการประชุมธนาคารกลางของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง โทร.02-2535000 ต่อ 349 อีเมล์: ket@infoquest.co.th-

อรุณสวัสดิ์ news bas deb เพื่อนๆทุกท่าน

โชคดี สบายใจ ลงทุนกำไร กำลังใจดีนะคะ

สวัสดีครับคุณ..Ginger TraderJunior Alan Gejen Wann ตู้เย็น Pasaya OKorNO เด็กสยาม MegaGold meng166 deb99 เต้าหู้ ปุยเมฆ tuktaaaa Lekk Espresso’(S) และทุกท่านครับ

กราฟรายวันตอนนี้เป็นเขียวแท่งสี่ครั:17

ล่าสุดราคาต่ำสุด 1311 ราคาสูงสุด1326

ราคาขณะนี้อยู่ที่ 1315.x ครับ

แนวต้าน 1323 1336 1344 1352

แนวรับ 1305 1298 1287 1274

ภาพรวมๆจากสัญญานราคาsideway up ครั

 

ชนะใจตน ใร้กังวล ต่อสิ่งใดๆ

 

1236143_617878874929484_1911111365_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'อภิสิทธิ์'ไม่แปลกใจรัฐบาลถอด'สุภา' "อภิสิทธิ์"ไม่แปลกใจ รัฐบาลถอด"สุภา" จากอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เหตุรับความจริงไม่ได้ 2เซียนทองมองต่าง แนวโน้มทองก่อนสิ้นปี 2 เซียนทองมองต่างแนวโน้มทองคำในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ "จิตติ" เชื่อมีโอกาสขึ้นไปแตะ 1,400 ดอลลาร์ ขณะที่ "นพ.กฤชรัตน์" มอง"ขาลง" 2 กูรูทอง จี้จัดระเบียบ 'เทรดออนไลน์' vdo.gif ผ่ามุมมอง 2 กูรูทองคำในรายการ RINGSIDE สังเวียนหุ้น ทางกรุงเทพธุรกิจทีวี ระบุได้เวลาจัดระเบียบเทรดทองออนไลน์ ไทยตอนบนฝนลดอากาศเย็น ใต้ฝนหนาแน่น 'กาเลอรีส์ ลาฟาแยต'หวนคืนจีน หลายปัจจัยหนุน'เฟด'เลื่อนหั่นคิวอีไปปีหน้า เกาะติดตลาดหุ้นโลก 21 ต.ค.56 vdo.gif

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

ผ่ามุมมอง 2 กูรูทองคำในรายการ RINGSIDE สังเวียนหุ้น ทางกรุงเทพธุรกิจทีวี ระบุได้เวลาจัดระเบียบเทรดทองออนไลน์

หลังตลาดเติบโตอย่างมากในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้เล่นในตลาดมีมาก แต่ไร้หน่วยงานกำกับดูแลการซื้อ-ขาย ผวาผู้ประกอบการฉ้อฉล ปิดหนีนักลงทุน ทำตลาดทองทั้งระบบสะเทือน

นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริประธานกรรมการกลุ่มเอ็มทีเอส แม่ทองสุก 1 ใน 7 ผู้ค้าทองรายใหญ่ของประเทศ กล่าวว่า การซื้อขายทองคำผ่านระบบออนไลน์เติบโตอย่างมากในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้หลายบริษัทที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากตลาดออนไลน์อย่างมาก ดังนั้นจึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะกรมการค้าภายใน หรือกรมการค้าต่างประเทศ เข้ามาควบคุมการเทรดออนไลน์ที่เพิ่มสูงมากขึ้นในปัจจุบัน

วิธีการคือสั่งให้มีการขึ้นทะเบียนบริษัทที่ซื้อขายทองคำผ่านระบบออนไลน์ เนื่องจากบางบริษัทไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคม จึงอาจมีการปิดบริษัทหนีนักลงทุน และสร้างผลลบต่อการลงทุนทองคำ อย่างในช่วงที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากกลุ่มบริษัทจัดตั้งการซื้อขายทองคำระบบออนไลน์ทั้งสิ้น

"เรามองว่าตอนนี้มีความจำเป็นมากที่ต้องมีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาจัดระบบระเบียบผู้ค้าทองออนไลน์ที่มีอยู่จำนวนมากให้เข้าที่เข้าทางและเป็นระบบเดียวกัน เหมือนกับที่มี ก.ล.ต. (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) คอยควบคุมหุ้นแต่ละตัว แต่ตอนนี้ทองออนไลน์ไม่มีใครควบคุมเลย วันหนึ่งหากบริษัทปิดหนีไป นักลงทุนก็ไม่สามารถไปตามเพื่อเอาผิดได้ ไม่จำเป็นต้องนำทั้ง 7,500 บริษัทที่มีอยู่มาขึ้นทะเบียนก็ได้ แค่เฉพาะออนไลน์เท่านั้น" นพ.กฤชรัตน์ ระบุ

แนะตั้งกฎกติกาในการซื้อขาย

น.พ.กฤชรัตน์ กล่าวว่า สิ่งที่จำเป็นที่สุดในตอนนี้ คือการจัดกฎกติกาในการซื้อขายของทองออนไลน์ อย่างการตั้งหน่วยงานกำกับดูแล หรือผู้ตรวจสอบที่เหมาะสม เพื่อให้ตลาดซื้อขายทองคำเป็นระดับสากลมากขึ้น เช่นเดียวกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หรือตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เป็นต้น

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาคมได้ทำหนังสือเพื่อขอเข้าพบ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาโดยตลอด เนื่องจากต้องการทราบความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องทองคำ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ค้าทองจะทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์เท่านั้น ไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริงจาก ธปท.เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งการเข้าพบผู้ว่าการ ธปท.นั้น ทางสมาคมคงไม่มีข้อเสนอใดๆ แต่ต้องการทราบถึงสิ่งที่ ธปท.มองเห็นในตลาดค้าทองปัจจุบัน ว่านโยบายใดที่ต้องการให้สมาคมทำหรือจัดการ

"ที่ผ่านมาเราไม่เคยทราบข้อเท็จจริงอะไรเลยจาก ธปท. ทุกอย่างเราทราบจากข่าวทั้งหมด ดังนั้นเราจึงอยากเข้าไปพบ เพื่อถามว่ามีนโยบายอะไรให้เราทำ ให้เราแก้ไข แต่ขอเข้าพบมานานแล้วก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ จนกระทรวงพาณิชย์เข้ามาแสดงความต้องการที่จะจัดระเบียบร้านทอง" นายจิตติ กล่าว

ด้านนายพรชัย สุดายุวร เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า เมื่อเราทำหนังสือไปยัง ธปท. แต่ไม่มีการตอบรับ ทางกระทรวงพาณิชย์ก็เรียกทางสมาคมเข้าไปหารือเพื่อจะให้ขึ้นทะเบียนร้านทองพอดี ซึ่งเราก็เห็นด้วยตรงจุดนี้ แต่เห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องขึ้นทะเบียนทั้ง 7,500 แห่ง เพราะบริษัทใน 7,500 แห่ง บางส่วนก็เป็นสมาชิกของสมาคมอยู่แล้ว และทำธุรกิจมานานหลายสิบปี เชื่อถือได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากกระทรวงพาณิชย์มีความพร้อมในเรื่องบุคลากรที่จะแจ้งหลักเกณฑ์การจัดระเบียบ และขึ้นทะเบียนไปยังร้านค้าต่างจังหวัดได้ด้วยทางสมาคมก็ยินดี และเชื่อว่ากรณีนี้จะไม่เป็นเรื่องไฟไหม้ฟางเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพราะผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจะเป็นวงกว้างมากกว่าในอดีต เนื่องจากมูลค่าตลาดทองคำในปัจจุบันถือว่าสูงมาก

"อย่างแรกก่อนที่จะจดทะเบียน กระทรวงพาณิชย์ต้องบอกหลักเกณฑ์ก่อนเลยว่าใครต้องจด ทำอย่างไรบ้าง แล้วถ้ากำลังคนพอ กระทรวงก็ทำทั้ง 7,500 รายเลยก็ได้" นายพรชัย ระบุ

เทรดเป็นดอลล์ป้องกันเก็งกำไรค่าเงิน

ส่วนการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทจากการซื้อขายทองคำนั้น นพ.กฤชรัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการเก็งกำไรในตลาดซื้อขายทองคำหรือไม่ แต่ตัวเลขของ ธปท.ที่ระบุมาผ่านสื่อก็แสดงให้เห็นว่ามีการเก็งกำไรในตลาดทองคำจริง ซึ่งเราคงปฏิเสธไม่ได้ และเชื่อว่าตัวเลขของ ธปท.ซึ่งเป็นหน่วยงานใหญ่น่าจะมีความน่าเชื่ออยู่แล้ว ดังนั้นการที่จะป้องกันการเก็งกำไรเงินบาทจากการซื้อขายทองคำที่ดีที่สุด คือ การซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์แทนเงินบาท เพื่อขจัดปัญหาเรื่องการเก็งกำไร

ทั้งนี้ ข้อดีของการซื้อขายในรูปแบบเงินดอลลาร์จะขยายตลาดทองคำของไทยให้เป็นศูนย์กลางการซื้อขายในระดับอาเซียน รับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ได้ด้วย แต่หากยังต้องซื้อขายในรูปแบบเงินบาท การขยายตลาดทองคำของบ้านเราก็จะยากยิ่งขึ้น

"การซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์มันมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย และตัดปัญหาเรื่องเก็งกำไรค่าเงินบาทไปได้เลย ผมมองว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราต้องปรับเปลี่ยน หากยังย่ำอยู่กับที่ ตลาดทองคำบ้านเราก็ยังอยู่แค่ในบ้านเรา ไม่ได้พัฒนาไประดับอาเซียนเสียที ซึ่งอย่างแรกที่ต้องทำ คือ ธปท.ควรไปแก้กฎหมายซึ่งใช้มาตั้งแต่ 75 ปีที่แล้ว ที่กำหนดว่าสินค้าที่ซื้อขายในประเทศไทยจะต้องซื้อขายเป็นสกุลเงินบาท แต่ยุคนี้มันเป็นยุคใหม่แล้ว จะไม่เปลี่ยนแปลงบ้างหรือ" นพ.กฤชรัตน์ ตั้งคำถาม

อย่างไรก็ตาม มองว่า ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องหันกลับมามองในเชิงของภาพใหญ่และถอยตัวเองออกมา ซึ่งหลายประเทศในโลกได้แก้ไขกฎหมายและมีการซื้อขายทองคำเป็นสกุลดอลลาร์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ หากประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่เออีซีก็จะต้องมีการปรับตัวด้วย

ยันผู้ค้าทองไม่มีการเก็งกำไรค่าเงิน

ขณะที่ นายพรชัย มองว่า การเปิดซื้อขายทองคำด้วยเงินดอลลาร์ จะเป็นการปล่อยให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาแทรกแซงตลาดทองคำได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากกับธุรกิจของคนไทย ประเด็นสำคัญคือทางสมาคมมั่นใจว่าตลาดการซื้อขายของคำในประเทศไทยไม่มีการเก็งกำไรค่าเงินบาทแน่นอน เพราะเป็นการซื้อขายทองคำจริง ได้ทองคำจริง ไม่ใช่การซื้อขายในกระดาษเพื่อการเก็งกำไร

"หากปล่อยให้มีการซื้อขายในรูปแบบดอลลาร์ วันหนึ่งต่างชาติก็จะเข้ามาแทรกแซงได้ บริษัทที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือบริษัทของไทย หากต้องการซื้อขายแบบดอลลาร์ก็ไปเล่นตลาดสปอต ไปเก็งกำไรในโกล์ดฟิวเจอร์ ไม่ใช่ตลาดทองคำที่มีการซื้อจริงขายทองจริงอย่างของเรา" นายพรชัย กล่าว

Tags : ราคาทองเทรดทองออนไลน์RINGSIDE สังเวียนหุ้นกรุงเทพธุรกิจทีวี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

2เซียนทองมองต่าง แนวโน้มทองก่อนสิ้นปี

โดย : สิรี โอศิริ

news_img_537723_1.jpg

 

2 เซียนทองมองต่างแนวโน้มทองคำในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ "จิตติ" เชื่อมีโอกาสขึ้นไปแตะ 1,400 ดอลลาร์ ขณะที่ "นพ.กฤชรัตน์" มอง"ขาลง"

แนวโน้มราคาทองในช่วงครึ่งปีหลัง 2 เซียนทองคำของเมืองไทยมีมุมมองที่แตกต่างกัน โดย นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดีนายกสมาคมค้าทองคำ ประเมินว่า ราคาทองคำในขณะนี้ยังมีความผันผวนสูง แนะนำให้ลงทุนระยะสั้น โดยเชื่อว่าในช่วง 2 เดือนที่เหลือ ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นเหนือ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ อย่างไรก็ตาม หากราคาทองปรับลดลงก็เชื่อว่าไม่น่าจะหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดแล้ว

ขณะที่ นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริประธานกรรมการกลุ่มเอ็มทีเอส แม่ทองสุก ประเมินว่า ราคาทองคำในขณะนี้ยังเป็นขาลงและมีความผันผวนสูง โดยเชื่อว่าราคาทองมีโอกาสหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากสหรัฐยังไม่มีความชัดเจนว่าการแก้ไขปัญหาเพดานหนี้จะลุล่วงได้จริง รวมถึงมาตรการคิวอี (ผ่อนปรนเชิงปริมาณ) ของสหรัฐที่ยังไม่มีความชัดเจน

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้น เพราะการซื้อขายทองคำในปัจจุบันเป็นลักษณะการลงทุนมากกว่าการออม

Tags : ราคาทองจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดีนพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ข่าวยอดนิยม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.naewna.com/local/73637

 

 

1380169_630110597039736_598995430_n.jpg

20 ต.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีแถลงการณ์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เรื่องพระอาการประชวรของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ขณะประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ฉบับที่ 4 ความว่า ทรงมีความดันพระโลหิตลดต่ำลง และอัตราการเต้นของพระหทัยผิดปกติตั้งแปต่ตอนบ่าย ผลตรวจพระโลหิตพบว่า เม็ดพระโลหิตขาวเพิ่มสูงขึ้น เกล็ดพระโลหิตลดต่ำลง และมีความผิดปกติของการแข็งตัวของพระโลหิต

ผลการตรวจกานทำงานของพระยกนะ (ตับ) พบความผิดปกติเพิ่มขึ้น พระโลหิตจมีภาวะเป็นกรด ผลการตรวจภาพรังสีความคิวเตอร์ที่พระอุระ (อก) และพระนาภี (ท้อง) ไม่พบการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ คณะแพทย์ได้ปรับเปลี่ยนพระโอสถปฏิชีวะนะถวาย กับถวายสารน้ำ รวมทั้งถวายพระโอสถเพิ่มความดันโลหิต และควบคุมการเต้นของพระหทัย ทั้งนี้คณะแพทย์และพยาบาลได้เฝ้าถวายการตรวจและติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด

แนวหน้า

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธรรมะอินเทรนด์ ธรรมะออนไลน์

โครงการ ผ้าป่ามหากุศล ช่วยคนตาบอดทั้งแผ่นดิน

 

เชิญชวนร่วมบริจาคเงิน ให้โอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อขยายโอกาสด้านการศึกษาแก่เด็กตาบอด ซื้อเครื่องเล่นซีดีเพื่อเปิดหนังสือเสียง

 

จากที่เรารู้กัน อาชีพที่คนตาบอกสามารถทำได้ ก็มีทางเลือกที่ไม่มาก และการที่พวกเค้าจะดูแลตัวเองได้ดีเหมือนคนปกติก็คงเป็นไปไม่ได้ จึงมีโครงการทำบุญครั้งใหญ่ ที่พวกเราสามารถยื่นมือไปช่วยให้ชีวิตคนตาบอดได้ดีขึ้น เงินที่น้อยนิดสำหรับเราอาจเป็นเงินที่มากพอสำหรับพวกเขาเหล่านี้ก็ได้ อย่ารอช้าสำหรับการทำบุญเลย

 

ร่วมบริจาค ติดต่อหรือสอบถามได้ที่ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย (สบท.) Thailand Association of the Blind (T.A.B.)

สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย

http://www.tabod.com/

 

ร่วมบริจาค ผ้าป่ามหากุศล 86 พรรษา เพื่อคนตาบอดทั้งแผ่นดิน

http://donation.tab.or.th/

 

อนุโมทนาที่ช่วยแชร์แบ่งปันส่งต่อข่าวนี้

 

 

1380551_546228072128695_1321552079_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"เวิลด์แบงก์-เอดีบี"เตือนโลกเสี่ยงวิกฤติรอบสอง สหรัฐไฟเขียวเพิ่มเพดานหนี้ แค่ซื้อเวลา

แม้สหรัฐจะผ่านวิกฤติขยายเพดานหนี้ออกไปชั่วคราวได้ และไม่ทำให้สหรัฐเกิดภาวะผิดนัดชำระหนี้ และถูกปรับลดเครดิตประเทศ แต่สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐก็ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไปว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด จะปรับลดมาตรการคิวอีจำนวนเท่าไหร่และเมื่อไหร่ เมื่อถึงตอนนั้นตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกจะได้รับผลกระทบอย่างไร

นางสาวกิริฎา เภาพิจิตร เศรษฐกรอาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก มองว่า ข้อตกลงระหว่างพรรครีพับลิกันและดีโมแครตในวันที่ 17 ที่ผ่านมาให้ผ่านกฎหมายงบประมาณปี 2557 และกฎหมายการขยายเพดานหนี้สาธารณะช่วงสั้นๆ ที่ผ่านมาไม่เป็นตามการคาดหมายของประธานาธิบดีบารัก โอบามา เพราะเพดานหนี้ไม่ได้รับการขยายอย่างเต็มที่ ดังนั้นความผันผวนจะยังคงมีอยู่ในระยะอีก 4 เดือนข้างหน้า จนกว่าจะถึงเดือน ก.พ. ปีหน้าตามกรอบที่กำหนด เป็นเพียงการซื้อเวลาเท่านั้น

ชี้สหรัฐเพิ่มเพดานหนี้แค่ซื้อเวลา

นางสาวกิริฎา กล่าวด้วยว่าการเพิ่มเพดานหนี้ช่วงสั้นๆ เป็นเพียงการซื้อเวลาเท่านั้น สหรัฐยังมีปัญหาอีกมาก เพราะรัฐบาลใช้จ่ายเกินตัวมาเป็นระยะเวลานาน ฉะนั้นปัญหาจึงยังไม่หมดไปในเร็วนี้ รอบที่แล้วปัญหาวิกฤติหนี้แฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นหนี้ภาคเอกชนมีขนาด 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่รอบหนี้เป็นวิกฤติหนี้ภาครัฐซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ ชนเพดาน 100% ของจีดีพีอนึ่ง วิกฤติหนี้แฮมเบอร์เกอร์ ทำให้เกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า 5.17 แสนล้านดอลลาร์

"สหรัฐคงเล่นเกมการเมืองกันต่อไปเท่ากับการพิมพ์เงิน หมายถึงมีคิวอี (นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน) ดังนั้น จะลดขนาดของคิวอีได้ก็ต่อเมื่อมีข้อตกลง (เพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ) ที่ชัดเจนหลังเดือน ก.พ.ปีหน้า" นางสาวกิริฎากล่าว

การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐเพื่อใช้จ่ายใน 2 ประเด็นหลักคือ เงินประกันสุขภาพ "โอบามาร์แคร์" และดอกเบี้ยตั๋วเงินคงคลังที่จะถึงกำหนดชำระ ซึ่งส่วนใหญ่ถือโดยสถาบันการเงิน และธนาคารกลางหลายประเทศ หากตั๋วเงินคลังไม่ได้รับเงินจ่ายค่าดอกเบี้ย สถานะความน่าเชื่อถือจากเดิมที่ถือว่าเป็นตราสารที่ปลอดความเสี่ยง "Risk Free" เป็นตราสารที่มีความเสี่ยง หากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้จะทำให้มูลค่าของตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรลดลง ย่อมส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อระบบการเงิน สถาบันการเงิน และธนาคารกลางของโลก หากมูลค่าหลักทรัพย์ลดลงจะทำให้ทรัพย์สินของสถาบันการเงิน จะไม่สามารถปล่อยสินเชื่อภาคธุรกิจและภาคเอกชนได้

หวั่นสหรัฐผิดนัดจ่ายหนี้ก่อวิกฤติรอบใหม่

"ระยะสั้น ถ้าสหรัฐผิดนัดชำระหนี้จริง จะทำให้เศรษฐกิจโลกซบเซา แย่พอๆ กับวิกฤติหนี้แฮมเบอร์เกอร์ปี 2551 หรืออาจจะมากกว่า"

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2557 น่าขยายตัวดีกว่าปีนี้ที่คาดว่าจะโตประมาณ 2% เศษเล็กน้อย ด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นคาดว่าจะขยายตัว 6% ในปีนี้ และ 6.2% ในปีหน้า ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของจีดีพีของไทยต่ำสุดเมื่อเทียบกับอาเซียนด้วยกัน โดยคาดว่าจะโต 4% ในปีนี้และ 4.5%ในปีหน้า การส่งออกไทยคาดว่าจะขยายตัว 2.5% ในปีนี้ และประมาณ 5% ในปีหน้า

นางสาวกิริฎา กล่าวว่า ความเชื่อมโยงเข้าด้วยกันระหว่างเศรษฐกิจโลก เอเชีย และไทย มีทั้งในด้านการค้าขายระหว่างกัน และภาคธุรกิจการเงิน ดังนั้นไทยจึงไม่อาจจะรับมือต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรูปแบบเดิม คือเป็นไปตามแนวโน้มของโลกได้อีกต่อไป ประเทศไทยจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการพัฒนาสินค้าส่งออกที่สามารถขายได้แม้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซา เช่น สินค้าไฮเทค อย่างไรก็ดี ไทยต้องคำนึงด้วยว่าตลาดหลักยังอยู่ที่สหรัฐ เพราะนอกจากจะมีรายได้ต่อประชากรต่อปีมากกว่าจีน 5 เท่าแล้ว ยังเป็นสังคมผู้บริโภค มูลค่าการบริโภคของสหรัฐมีสัดส่วน 70% ของจีดีพี ขณะที่จีนมีสัดส่วน 50%

เอดีบีแนะศก.ไทยลดพึ่งส่งออกลดเสี่ยง

นางลัษมณ มองว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกไปสหรัฐลดลงและหันไปส่งออกที่จีนเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นความเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจเอเชียกับสหรัฐ แต่ขณะนี้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว มาจากการส่งออกและการเกินดุลการค้าลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไปด้วย หากเศรษฐกิจไทยยังพึ่งพิงการ ส่งออกไปเรื่อยๆ จะทำให้เพิ่มความเสี่ยงจากการเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจเอเชีย เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย

ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยคือต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจแท้จริงของตัวเองให้ได้ ขณะที่ภาคการเงินก็เช่นกัน เมื่อเศรษฐกิจเชื่อมโยงกัน จึงทำให้เกิดการไหลเวียนของเงินทุนจากเศรษฐกิจ 3 ส่วน

"ศักยภาพของเศรษฐกิจอาเซียน จีน เกาหลี และญี่ปุ่น นั้น ในทศวรรษหน้าเชื่อว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกจะมาอยู่ที่เอเชีย ซึ่งทำให้เอดีบีให้ความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะการกับรวมกลุ่มของอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี "

จับตาผลกระทบสหรัฐลดคิวอีปีหน้า

ขณะที่ผลกระทบจากมาตรการคิวอีของสหรัฐต่อเศรษฐกิจไทยนั้น ภาครัฐต้องมองไว้เป็นบทเรียน และต้องดูโครงสร้างเศรษฐกิจอาเซียนรวมถึงประเทศไทยเอง และทำให้สามารถเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตได้อย่างยั่งยืน ในส่วนของภาคการผลิตต้องทำให้ผลิตภัณฑ์หรือสินค้ามีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งขณะนี้ก็มีแนวโน้มที่ญี่ปุ่นจะเข้ามาลงทุนในภาคบริการ การเงิน และประกันภัยมากขึ้น ซึ่งไทยจะประโยชน์จากจุดนี้ได้อย่างไร

"ช่วงที่ผ่านมาเมื่อมีข่าวว่าสหรัฐจะลดคิวอีก็เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในเอเชียหลายประเทศรวมถึงไทย ซึ่งเอดีบีคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในเรื่องคิวอี หลังเดือนก.พ.ปีหน้า เพราะจะมีผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก เนื่องจากกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวจริงหรือไม่ ซึ่งรวมถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจเอเชีย เศรษฐกิจจีน และเศรษฐกิจอาเซียนที่ผูกพันกันทั้งด้านการค้าและการลงทุน" นางลัษมณย้ำ

เชื่อสหรัฐดิ้นรักษาเรทติ้ง-เพิ่มเพดานหนี้ถาวร

นางลัษมณ ชี้ว่า กรณีที่สหรัฐอาจจะผิดนัดชำระหนี้ และส่งผลให้เงินดอลลาร์มีปัญหาเสื่อมค่าลงไป เชื่อว่าจะทำให้ตลาดเงินตลาดทุนในเอเชียปั่นป่วนตามไปด้วย หลังจากจะขยายวงไปกระทบต่อระบบสถาบันการเงินต่างๆ ในเอเชียทั้ง จีน และญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าหนี้สหรัฐ ก็จะถูกกระทบ สถาบันการเงินที่สนับสนุนเจ้าหนี้สหรัฐ โดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อมั่น ซึ่งจะอันตรายมาก เพราะผลที่เกิดขึ้นจะร้ายแรงมากขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าสหรัฐต้องพยายามหาทางขยายเพดานหนี้ให้ได้และรักษาอันดับเรทติ้งเอาไว้ในระดับที่ดีต่อไปให้ได้

สำหรับบทบาทของหยวนนั้น คงต้องใช้เวลาอีกระยะ เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจจีนแม้เปิดกว้างมากขึ้นแต่ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ทำให้ค่าเงินหยวนยังไม่สะท้อนความเป็นตัวตน เนื่องจากรัฐบาลจีนยังไม่ได้เปิดเสรีอย่างจริงจัง

"ทางออกของภาคธุรกิจไทยในการรับมือกับการลดคิวอีของสหรัฐนั้น อยากให้มองในระยะไกล เนื่องจากได้เผชิญสถานการณ์ความผันผวนมาระยะหนึ่งแล้ว จึงต้องมองไปข้างหน้า นอกเหนือจากการประกันความเสี่ยงทางการเงินแล้ว ยังต้องทำให้ธุรกิจอยู่อย่างยั่งยืน ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ทำให้สินค้ามีคุณภาพ ขณะเดียวกันก็ควรเพิ่มการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว พม่า กัมพูชา ที่เป็นประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติ แรงงานราคาถูก และเป็นประตูเชื่อมโยงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านและตลาดโลก" นางลัษมณย้ำ

Tags : วิกฤติเศรษฐกิจเวิลด์แบงก์ธนาคารโลกเอดีบีเพดานหนี้สหรัฐเฟดคิวอี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

บทวิเคราะห์ Derivative Daily Comment ประจำเช้าวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 มาแล้วค่ะ

โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

- Gold ภาพกราฟทางเทคนิคส่งสัญญาณบวก เมื่อราคาทะลุผ่านเส้น down trend line ขึ้นมา วันนี้มีแนวรับบริเวณ 1,310/1,300 แนวต้านบริเวณ 1,325/1,338 แนะนำ Trading Long เมื่อราคาอ่อนตัว SET50 วันศุกร์ปิดตลาดดี วันนี้มีลุ้นปรับตัวขึ้น แต่ต้องดูแรงซื้อหนุน หากมีเข้ามาจะดันดัชนีขึ้นได้แรง แต่หากไม่มี ให้ระวังแรงขาย

 

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://classicgoldfutures.co.th/image/strategy_analysis/filestrategy21102013926111360.pdf

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามในวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 มาแล้ว ดังนี้ค่ะ

 

1.ดุลการค้า เดือน ก.ย.(Japan)

- ประกาศเวลา 09:00 น.

- การประกาศตัวเลขสร้างผลกระทบในระดับต่ำ

- ตัวเลขที่ประกาศ-1.09 T

- ตัวเลขที่ประกาศครั้งก่อนหน้า

 

2.ดัชนีกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค.(Japan)

- ประกาศเวลา 11:30 น.

- การประกาศตัวเลขสร้างผลกระทบในระดับต่ำ

- ตัวเลขที่คาดการณ์ +0.3 %

- ตัวเลขที่ประกาศครั้งก่อนหน้า +0.5 %

 

3.ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน ต.ค.(Germany)

- ประกาศเวลา 13:00 น.

- การประกาศตัวเลขสร้างผลกระทบในระดับปานกลาง

- ตัวเลขที่คาดการณ์ +0.1 %

- ตัวเลขที่ประกาศครั้งก่อนหน้า -0.1 %

 

4.ยอดขายบ้านมือสอง เดือน ก.ย.(US)

- ประกาศเวลา 21:00 น.

- การประกาศตัวเลขสร้างผลกระทบในระดับปานกลาง

- ตัวเลขที่คาดการณ์ 5.31 M

- ตัวเลขที่ประกาศครั้งก่อนหน้า 5.48 M

 

4.ยอดสต็อกน้ำมัน รายสัปดาห์(US)

- ประกาศเวลา 21:30 น.

- การประกาศตัวเลขสร้างผลกระทบในระดับต่ำ

- ตัวเลขที่คาดการณ์ +3.4 M

- ตัวเลขที่ประกาศครั้งก่อนหน้า +6.8 M

 

 

1391708_712523825442637_485353363_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคมครับ พบกับบทวิเคราะห์เช้านี้กันครับ

Daily Report 21-10-2013

: ทองปิดบวกสัปดาห์ก่อนหลังปิดลดลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์

: คาดทองยังมีแนวโน้มฟื้นตัว

: สัปดาห์นี้ติดตามรายงานจ้างงานสหรัฐ

- ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์แรกหลังจากปรับตัวลดลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองแกว่งตัวขึ้นลงผันผวนตอบรับการแก้ไขปัญหาทางการคลังของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งในท้ายที่สุดรัฐบาลและฝ่ายค้านของสหรัฐตกลงที่จะเพิ่มเพดานหนี้และงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวไปจนถึงต้นปีหน้า

- หลังจากรัฐบาลสหรัฐมีเงินงบประมาณในการบริหารประเทศ หน่วยงานภาครัฐหลายแห่งที่ปิดทำการไปตั้งแต่ต้นเดือนก็จะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในสัปดาห์นี้ และจะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐซึ่งไม่ได้มีการรายงานตามกำหนดในช่วงต้นเดือน โดยรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกันยายนจะมีการรายงานในช่วงค่ำของวันอังคารและเป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ

- การเคลื่อนไหวของราคาทองในสัปดาห์นี้คาดว่าจะลดความผันผวนลงจากสัปดาห์ก่อน แต่ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อจากการคาดการณ์เรื่องการผ่อนคลายทางการเงินของรัฐบาลสหรัฐที่จะมีการประชุมในช่วงปลายเดือน ซึ่งมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐคงยังไม่มีการปรับลดปริมาณการผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมครั้งนี้ รวมทั้งในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในเดือนธันวาคม

- ภาพเทคนิคของราคาทองในภาพรวมยังเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง แต่ในระยะสั้นยังมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยในวันศุกร์ราคาทองปรับตัวลดลงจากระดับปิดของวันพฤหัส แต่ยังไม่ทำให้ภาพการฟื้นตัวในระยะสั้นเสียไป หากราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ คาดว่ายังเป็นระดับแนวรับที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามา โดยมีแนวต้านของวันอยู่ที่บริเวณ 1,330 และ 1,350 ดอลลาร์

- ราคาโลหะเงินปิดตลาดทรงตัวที่แนวต้านบริเวณ22.0 ดอลลาร์ และยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ หากราคาอ่อนตัวลงมาที่แนวรับบริเวณ 21.50-21.60 ดอลลาร์ ยังเป็นระดับที่สามารถกลับเข้าซื้อเก็งกำไร และหากราคากลับขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 22.0 ดอลลาร์ ได้ คาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 22.50 และ 23.0ดอลลาร์ ได้ต่อไป

https://www.facebook.com/photo.php?v=597290540317516&set=vb.177704882276086&type=2&theater

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณพรรณงาม อารยวุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับแนวโน้ม ราคาทองคำและปัจจัย ที่มีผลทำให้ราคาทองคำขึ้นและลง พร้อมทั้งคำแนะนำสำหรับการลงทุน ในรายการ Stock in Trend ทางเว็บไซต์ efinancethai.com ในวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556

 

โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

- ในช่วงนี้มองว่าราคาสร้างฐานและสามารถปรับตัวขึ้นไปได้ โดยแนวโน้มมีโอกาสขึ้นต่อ แต่ในช่วงระยะสั้นก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นบ้างจากรงขายทำกำไร โดยกรอบในสัปดาห์ให้ไว้ที่ 1290-1340 เหรียญ โดยมีแนวต้านสัปดาห์ที่ 1330/1340 เหรียญ แนวรับในสัปดาห์ที่ 1310/1300/1290 เหรียญ ส่วนแนวต้านระหว่างวันให้ที่ 1310/1300 เหรียญ แนวรับระหว่างวันที่ 1325/1338 เหรียญ

คำแนะนำให้ Trading Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

- สำหรับทองคำแท่ง แนวรับที่ 19360/19220 บาท แนวต้านที่ 19590/19780 บาท สำหรับ GFV แนวรับที่ 19380/19240 บาท แนวต้านที่ 19610/19880 บาท โดยกลยุทธ์การลงทุนใน Gold Futures ให้ Trading Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

- ประเด็นในบ้านเราให้ติดตามแนวโน้มค่าเงินบาท โดยดูว่าค่าเงินบาทอาจจะมีโอกาสอ่อนตัวลงมาได้ เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองที่เข้ามามีผลกระทบ แต่อาจจะอ่อนไม่มากนักเนื่องจากค่าเงินดอลล่าร์ที่อ่อนค่าอยู่ในขณะนี้

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นบ่ายวันนี้ รับกระแสคาดเฟดคงมาตรการ QE ต่อไป

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 12:31:05 น.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นบ่ายวันนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป

ดัชนี MSCI Asia Pacific บวก 0.2% แตะ 143.76 เมื่อเวลา 12.10 น.ตามเวลากรุงโตเกียว

หุ้นแคนนอน บวก 1.1% หลังจากที่เงินเยนอ่อนค่าลง ส่วนหุ้นเนเวอร์ คอร์ป พุ่ง 5% ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ภายหลังจากที่เคบี อินเวสท์เมนท์ แอนด์ ซิเคียวริตีส์ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาของบริษัท ส่วนหุ้นแควนตัส แอร์เวย์ส ร่วง 4.6%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

(แก้ไข) ราคาทองคำฮ่องกงเปิดตลาดวันนี้ เพิ่มขึ้นแตะ 12,250 HKD/tael

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 11:52:57 น.

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวขึ้น 2 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 12,250 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,326.8 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.22 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ศศิประภา อัครภูติ/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

 

ภาวะตลาดทองเอเชีย: สัญญาทองปรับขึ้น $3.2 ขณะจับตาประชุมเฟด,ข้อมูลศก.สหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 11:50:21 น.

สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่พุ่งขึ้นเกือบ 4% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เงินเยนที่อ่อนค่าก็ได้ช่วยหนุนราคาทอง รวมถึงตลาดหุ้นด้วย

เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ตามเวลาประเทศไทย สัญญาทองส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาด COMEX ดีดตัวขึ้น 3.2 ดอลลาร์ แตะที่ 1,317.8 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากปรับตัวลง 8.4 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 1,314.6 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันศุกร์ อย่างไรก็ดี ตลอดสัปดาห์สัญญาทองคำพุ่งขึ้น 3.7%

หลังจากที่สัญญาทองร่วงลงในช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว จากความเป็นไปได้ที่ว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐจะอนุมัติข้อตกลงเพื่อยุติการชัตดาวน์และช่วยให้ประเทศรอดพร้นจากการผิดนัดชำระหนี้ แต่ในช่วงท้ายสัปดาห์ ราคาทองพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐได้รับความเสียหายจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วน

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างก็จับตาดูการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 29-30 ต.ค. รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะทยอยรายงานอีกครั้งหลังจากที่ต้องเลื่อนการเปิดเผยออกไป อันเนื่องมาจากปัญหาชัตดาวน์

กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดจะรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ในวันอังคารที่ 22 ต.ค.นี้

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...