ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

thaipr.jpg

สรุปภาวะตลาด Futures By GT Wealth Management 20 มิ.ย. 57 (ภาคบ่าย)

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2557 17:20:13 น.

กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--GT Wealth Management

ดัชนี SET50 ปรับขึ้น 3.16 จุด ปิดที่ระดับ 984.82 จุด โดยดัชนียังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆตลอดทั้งวัน หลังจากที่ขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุนดัชนีบวกกับยังมีแรงขายจากต่างชาติกดดัน ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวยืนเหนือระดับ US$1,300 ได้อีกครั้ง จากนโยบายการเงินของ FED ที่ยังคงมีแนวโน้มผ่อนคลายบวกกับสถานการณ์ความตึงเครียดในอิรักที่ยังหนุนสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ(Gold Futures) ทั้ง 2 ขนาดสัญญา มีปริมาณการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 15,199 สัญญา

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี SET50 (SET50 Index Futures) มีปริมาณการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 79,472 สัญญา

ภาวะการซื้อขายระหว่างวัน คุณภัทริกา สมคะเน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่าดัชนี SET50 ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุน ขณะที่ Single Stock Futures หุ้น TRUE ยังคงมีการ Tradeมากที่สุด ด้าน Gold Futures ปรับขึ้นตามราคาทองคำในตลาดโลกที่สามารถกลับมายืนเหนือระดับแนวต้านสำคัญ US$1,300 ได้อีกครั้ง จากการแถลงของนางเจเน็ต เยลเลนหลังการประชุม FOMC ที่ยังคงดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป บวกกับสถานการณ์ความรุนแรงในอิรักที่หนุนสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ

 

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 20 มิถุนายน 2557 โดย YLG

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2557 17:17:00 น.

กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--PRDD

สภาวะตลาดวันที่ 20 มิถุนายน 2557 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,306.70-1,321.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM14 อยู่ที่ 20,190 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 510 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,760 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVM14 อยู่ที่ 640 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 640 บาท

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.08 น. ของวันที่ 20/06/14)

แนวโน้มวันที่ 23 มิถุนายน 2557

สถานการณ์ความไม่สงบโดยกลุ่มกบฏในอิรัก และธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐประจำปี 2557 ลง หนุนราคาทองคำให้การพุ่งทะยานขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่มีคำสั่งซื้อชดเชยการทำชอร์ตเซลเข้ามา หลงัจาก ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ส่งที่ปรึกษาด้านการทหาร 300 คน ไปยังอิรักและประกาศความพร้อมที่สหรัฐจะดำเนินการโจมตีทางอากาศแบบตั้งเป้าหมายเฉพาะเจาะจง เพื่อต่อสู้กับกลุ่มกบฏรัฐอิสลามแห่งอิรั หรือ ISIL ซึ่งโรงกลั่นน้ำมันในอิรักถูกปิดล้อมอยู่ ขณะที่กองทัพของรัฐบาลอิรักพยายามต้านทานกลุ่มกบกฎ ถ้าหากโรงกลั่นแห่งนี้ปิดทำการต่อไป เนื่องจากสถานการณ์ยืดเยื้อ รัฐบาลอิรักจำเป็นต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดน้ำมันตึงตัวมากยิ่งขึ้น และ ดันราคาทองคำขยับขึ้นได้ต่อ ขณะที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) เปิดเผยว่ามีกองกำลังรัสเซียจำนวนหลายพันนายประจำการอยู่ที่ชายแดนฝั่งตะวันออกของยูเครน แม้รัสเซียและยูเครนมีแผนหยุดยิงเพื่อยุติการสู้รบของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนผู้ฝักใฝ่รัสเซียก็ตาม แต่ยังคงเกิดการสู้รบกันอย่างดุเดือดดำเนินไปเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในภาคตะวันออกของยูเครน ทั้งนี้ รัฐบาลยูเครนเปิดเผยว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดน เสียชีวิตไปราว 300 ราย ขณะที่ทหารของฝ่ายรัฐบาลเสียชีวิต 7 นาย การสู้รบครั้งใหม่เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนผู้ฝักใฝ่รัสเซียปฏิเสธ ที่จะวางอาวุธตามแผนสันติภาพ 14 ขั้น ซึ่งตลาดทองคำกำลังจับตาประเด็นวิกฤติยูเครน ซึ่งในระยะสั้นยังคงเป็นปัจจัยบวกหนุนให้มีแรงซื้อรับอย่างต่อเนื่องเมื่อราคาอ่อนตัวลง ทั้งนี้ ความวิตกที่ว่ารัสเซียอาจจะบุกยูเครนและอาจถูกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากชาติตะวันตกเพิ่มเติม ประกอบกรณีพิพาทเรื่องราคาก๊าซรัสเซีย ซึ่งทำให้ยูเครนระงับการจ่ายค่าก๊าซ ส่งผลให้รัสเซียยุติการส่งก๊าซ ปัจจัยทั้งมวลได้เป็นแรงหนุนการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และส่งผลบวกต่อแนวโน้มทิศทางราคาทองคำฃ

กลยุทธ์การลงทุน เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่า หากราคาทองคำยังสามารถยืนเหนือ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคาทองคำเริ่มกลับมามีแรงซื้อจนเกิดการดีดตัวขึ้น ราคาทองคำอาจจะขยับขึ้นสู่แนวต้านในบริเวณ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป โดยหากราคาสามารถยืนเหนือแนวต้านได้มั่นคงราคาก็พร้อมขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,327-1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ในระยะสั้น หากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ซึ่งการอ่อนตัวลงของของราคาไม่ควรหลุดระดับ 1,300-1,295 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,300 (19,950บาท) 1,285 (19,720บาท) 1,276 (19,580บาท)

แนวต้าน 1,320 (20,260บาท) 1,327 (20,370บาท) 1,337 (20,520บาท)

GOLD FUTURES (GFM14)

แนวรับ 1,300 (20,060บาท) 1,285 (19,830บาท) 1,276 (19,690บาท)

แนวต้าน 1,320 (20,370บาท) 1,327 (20,480บาท) 1,337 (20,630บาท)

SILVER FUTURES (SVM14)

แนวรับ 20.35 (631 บาท) 20.10 (623 บาท) 19.70 (610 บาท)

แนวต้าน 20.90 (649 บาท) 21.15 (657 บาท) 21.50 (668 บาท)

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 20 มิถุนายน 2557

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2557 17:18:07 น.

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐเตรียมตัวส่งที่ปรึกษาด้านการทหารมากกว่า 300 คนไปยังประเทศอิรัก โดยมีเป้าหมายที่จะเพื่อฝึกฝน แนะนำ และสนับสนุนกองทัพอิรักในการต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรง

-- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ตั้งความหวังว่า ทางการยูเครนจะยุติเหตุรุนแรงและเริ่มการเจรจาในระดับประเทศได้โดยเร็ว

-- กลุ่มต่อต้านการทำสงครามในลอสแองเจลิส ได้ประกาศแผนจัดการชุมนุมทั่วประเทศเพื่อต่อต้านการทำสงครามครั้งใหม่ที่อาจเกิดขึ้นกับอิรักในช่วงสุดสัปดาห์นี้

กลุ่ม ANSWER (Act Now to Stop War and End Racism) ในลอสแองเจลิส เปิดเผยว่าการชุมนุมต่อต้านการทำสงครามนั้น จะถูกจัดขึ้นทั่วสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยจะมีการแสดงจุดยืนทั่วประเทศในวันเสาร์ที่กำลังจะถึง

-- กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีนรายงานว่า อุตสาหกรรมโทรคมนาคมของจีนมีมูลค่าทางธุรกิจ 7.1406 แสนล้านหยวนในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2557 ซึ่งเพิ่มขึ้น 15.4% เมื่อเทียบรายปี

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเยอรมนีในเดือนพ.ค. ลดลง 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และลดลง 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเท่าเดิมเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย. และลดลง 0.7% จากเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

หอการค้าไทยชี้สัญญาณศก.เริ่มฟื้นหลังคสช.เข้ามาบริหาร คาด GDP โต 2-3%

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2557 17:22:54 น.

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 1 เดือนของการบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ทำให้เศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะชาวนาได้รับเงินที่ค้างจากโครงการรับจำนำข้าว 92,000 ล้านบาทอย่างรวดเร็ว อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยปรับตัวดีขึ้นในรอบหลายเดือน

ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ 2% แสดงให้เห็นถึงช่วงขาขึ้นของเศรษฐกิจโดยไม่ต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งต่างจากในช่วงต้นปีที่สถานการณ์การเมืองยังไม่ชัดเจน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดต่ำสุดในรอบ 150 เดือน ซึ่งในปีนี้ ศูนย์พยากรณ์ฯ ยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 2-3%

"ในปีนี้ยังคงประเมินอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 2-3% แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมองว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้เพียง 1.5% เพราะศูนย์ฯ มองว่าจะมีเงินจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณล้างท่อปี 57 การปล่อยสินเชื่อของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเพื่อ SMEs จะทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้น มีการอนุมัติโครงการลงทุนของบอร์ดบีโอไอ รวมถึงชาวนาได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวหมดแล้ว คาดว่าในช่วงกลางเดือนก.ค.นี้ จะประเมินภาวะเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง" นายธนวรรธน์ กล่าว

ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศเริ่มเชื่อมั่นไทยมากขึ้น หลังจากได้รับการชี้แจงจาก คสช.แล้ว ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเสนอให้ คสช.นั้น หอการค้าไทยและองค์กรภาคธุรกิจ 7 องค์กรอยู่ระหว่างระดมความเห็น คาดว่าจะสามารถนำเสนอต่อ คสช.ได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะรวมถึงการเสนอแนวทางดูแลพืชเกษตรหลัก เช่น ข้าว, อ้อย, ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง ส่วนยางพาราจะต้องใช้เวลาในการศึกษาอีกระยะ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องปรับโครงสร้างหลายส่วน

"หอการค้าไทยยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 2.5% ส่วนจากการพูดคุยกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้ลงทุนต่างชาติแล้ว และสถาบันการจัดอันดับในต่างประเทศ ก็ยังไม่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทย" นายอิสระ กล่าว

อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิด32.43/48ทรงตัว ค่าเงินบาทปิดตลาด 32.43-32.48 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัว คาดสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหว 32.40-32.50 บาทต่อดอลลาร์ ชี้ต่างชาติเริ่มเชื่อมั่นไทยหลังคสช.ชี้แจง ประธานหอการค้าไทยเผยต่างชาติเริ่มเชื่อมั่นไทยหลังคสช.เดินหน้าชี้แจงระบุ ศก.เริ่มฟื้นคาดจีดีพีโต2-3% หุ้นไทยปิดบวก5.38จุด หุ้นไทยปิดบวก 5.38 จุด ที่ 1,467.29 จุด คาดสัปดาห์หน้าแกว่งจำกัด จับตาแผนศก.คสช.กรอบ 1,440-1,480 จุด สรุปภาวะซื้อขายตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย 20-6-57 vdo.gif 'วิชัย-เสี่ยยักษ์'เข้าถือหุ้นTWZรวม27% การลงทุนกองทุนอสังหาฯ vdo.gif เจาะหุ้นเด่นภาคบ่าย 20-6-57 vdo.gif

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

 

ข่าวยอดนิยม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Ausiris Trading Ideas Gold Futures วันที่ 20 มิ.ย 57

Gold Spot:

- ส่งทหารเข้าอิรัก /ทองขึ้นทันควัน

- อยู่ฝั่งซื้อกอดแน่นๆ / อาจลดความเสี่ยง แบ่งกำไรออกบ้าง

Gold Spot

กรอบ 1295 - 1335

แนวต้าน 1321 1330 1335

แนวรับ 1310 1300 1295

Gold Futures

กรอบ 19800 - 20250

แนวต้าน 20050 20150 20250

แนวรับ 20000 19900 19800

Strategy

- ระยะยาวสลับหน้าถือ Long / cut loss 1295

- ระยะสั้นถือถือ Long GF10M14 ต่อ / ราคาย่อลงไม่หลุด 1310 - เพิ่มสถานะได้ / Cut loss หากราคาหลุด 1300

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า รับคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐจะสูงขึ้นอีก

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2557 08:13:49 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐอาจจะปรับตัวสูงขึ้นอีก หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.13 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 101.94 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8957 ฟรังค์ จากระดับ 0.8942 ฟรังค์ แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.0756 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.0823 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3593 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3608 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.7011 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.7042 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.9385 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9403 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้นอีก หลังจากหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตรารวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2556 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.จะอยู่ที่ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน ปรับตัวขึ้น 0.3% มากสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2554

นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อที่การปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจะทำให้เฟดยังคงดำเนินการปรับลดสัดส่วนการซื้อพันธบัตรรายเดือนต่อไปอีก หลังจากที่การประชุมครั้งล่าสุดนั้น เฟดมีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับลด QE ไปจนจบโครงการในปีนี้

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 25.62 จุด รับเฟดเดินหน้าตรึงดบ.ต่ำ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2557 06:33:38 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินด้วยการส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่าเป้าหมายของเฟด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,947.08 จุด เพิ่มขึ้น 25.62 จุด หรือ +0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,368.04 จุด เพิ่มขึ้น 8.71 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,962.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.39 จุด หรือ +0.17%

ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.4% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.3%

ทั้งนี้ เนื่องจากทางการสหรัฐไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันศุกร์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กจึงยังคงรับปัจจัยบวกจากการตัดสินใจของคณะกรรมการเฟดที่ระบุว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2% ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเฟดช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกัน 6 วันทำการ โดยดัชนี S&P 500 และดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ เฟดยังได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกล่าวว่า "การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันมีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวขึ้น และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวขึ้นปานกลาง" นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดยังมีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับลด QE ไปจนจบโครงการในปีนี้

หุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มผู้ผลิตวัสดุ ปรับตัวสูงขึ้นและเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นด้วย

หุ้นเน็ทฟลิกซ์ หุ้นเทลซา มอเตอร์ และหุ้นทริปแอดไวเซอร์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.5% เพราะได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้

หุ้นออราเคิล คอร์ปอเรชัน พุ่งขึ้น 3.98% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ต่อหุ้นในไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 80 เซนต์ และรายได้รวม 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: สถานการณ์รุนแรงอิรัก หนุนทองปิดบวก 2.5 ดอลลาร์

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2557 07:21:41 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงในอิรักยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 2.5 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ 1,316.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 3.34%

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 30.1 เซนต์ ปิดที่ 20.949 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 17.2 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,457.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 16.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 822.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2%

นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์รุนแรงในอิรัก โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐเตรียมตัวส่งที่ปรึกษาด้านการทหารมากกว่า 300 คนไปยังประเทศอิรัก โดยมีเป้าหมายที่จะเพื่อฝึกฝน แนะนำ และสนับสนุนกองทัพอิรักในการต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรง หลังจากที่ก่อนหน้านี้โอบามาได้สั่งให้กองกำลังทหารกว่า 275 นายของสหรัฐจะเข้าประจำการในอิรัก เพื่อให้การสนับสนุนด้านความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่สหรัฐในสถานทูตอเมริกาประจำกรุงแบกแดด

อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ANSWER (Act Now to Stop War and End Racism) ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านการทำสงครามในสหรัฐได้ประกาศแผนจัดการชุมนุมทั่วประเทศเพื่อต่อต้านการทำสงครามครั้งใหม่ที่อาจเกิดขึ้นกับอิรักในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยกลุ่ม ANSWER ระบุว่า "เมื่อไม่นานมานี้ประชาชนชาวสหรัฐเพิ่งได้เฉลิมฉลองจุดจบของสงครามอิรักที่ใช้งบประมาณมหาศาล เพียงเพื่อเผชิญกับเหตุการณ์ดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐเริ่มพิจารณาการโจมตีทางอากาศ อีกทั้งยังได้ส่งนาวิกโยธินไปกว่า 275 รายไปยังกรุงแบกแดด"

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 83 เซนต์ หลังสหรัฐเตรียมส่งจนท.ทหารไปอิรัก

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2557 07:50:03 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐประกาศว่า สหรัฐเตรียมตัวส่งที่ปรึกษาด้านการทหารมากกว่า 300 คนไปยังประเทศอิรักซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของกลุ่มโอเปค ขณะที่สถานการณ์ในอิรักยังคงทวีความรุนแรงในขณะนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ ปิดที่ 107.26 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 25 เซนต์ ปิดที่ 114.81 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังคงได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์รุนแรงในอิรัก โดยเฉพาะเมื่อประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐประกาศว่า สหรัฐเตรียมตัวส่งที่ปรึกษาด้านการทหารมากกว่า 300 คนไปยังประเทศอิรัก โดยมีเป้าหมายที่จะเพื่อฝึกฝน แนะนำ และสนับสนุนกองทัพอิรักในการต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรง

โอบามายังกล่าวอีกว่า สหรัฐพร้อมดำเนินการทางการทหารที่ "กำหนดเป้าหมายไว้อย่างแน่นอนแล้ว" หากสหรัฐตัดสินใจว่าปฏิบัติการภาคพื้นดินเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องกลุ่มหัวรุนแรงของรัฐอิสลามในอิรักและรัฐเลแวนต์ รุกคืบเข้ามาในอิรักและกำลังคุกคามกรุงแบกแดด เมืองหลวงของประเทศ หลังเข้ายึดเมืองโมซูล และเมืองไทกรีต เมืองสำคัญ 2 เมืองในอิรักเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

นอกจากนี้ โอบามาเปิดเผยว่า นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐจะออกเดินทางในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อไปประชุมในตะวันออกกลางและในยุโรป เพิ่อหารือกับพันธมิตรของสหรัฐถึงสถานการณ์ในอิรัก สำนักข่าวซินหัวรายงาน

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในอิรักอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอิรักเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ในกลุ่มโอเปค รองจากซาอุดิอาระเบีย โดยสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า อิรักสามารถผลิตน้ำมันได้สูงถึง 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูท่าทีของสหรัฐต่อไปหลังจากประธานาธิบดีโอบามาประกาศว่าจะส่งที่เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาทางทหาร 300 คนเข้าไปในอิรัก

ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

  • บทความ : “ปฎิรูปพลังงาน” …อีกบทพิสูจน์ที่ท้าทายของคสช.
     
     
     
    ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- เสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2557 06:00:00 น.
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าวินาทีนี้ ถนนทุกสายต่างโฟกัสไปที่กระแส “ปฎิรูปพลังงาน” ที่กำลังอยู่ในมือของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. )เพื่อลุ้นให้คสช.ทุบโต๊ะ หลังความพยายามของหลายกลุ่มหลายฝ่ายที่ฉวยจังหวะจุดพลุและนำเสนอข้อมูลด้านพลังงานของประเทศให้ คสช.ได้พิจารณาจนถึงขั้นที่ว่าหากคสช.รื้อและปฏิรูปพลังงานสำเร็จจะสามารถคืนความสุขให้คนไทยได้ใช้พลังงานราคาถูก และราคาน้ำมันจะลดลงอย่างน้อยลิตรละ 10 บาทกันเลยทีเดียว
    ไล่มาตั้งแต่เครือข่ายปฎิรูปพลังงานเครือข่ายเอ็นจีโอที่จุดพลุเสนอให้คสช.รื้อระบบสัมปทานปิโตรเลียมใหม่ยกระบิ โดยระบุว่าประเทศไทยเป็นแหล่งพลังงาน มีปริมาณสำรองน้ำมันและแก๊สจำนวนมหาศาลพอ ๆ กับตะวันออกกลางถึงขั้นระบุว่า “ประเทศไทยคือดินแดนซาอุแห่งเอเชีย” แต่ที่ผ่านมาภาครัฐไม่ได้พัฒนาอย่างจริงจัง เพราะระบบผูกขาดโดยกลุ่มทุนการเมืองไม่กี่กลุ่ม และยังคงมีความพยายามจะประเคนสัมปทานขุดเจาะน้ำมันให้ต่างชาติอยู่อย่างต่อเนื่อง
    ยังมีข้อเสนอของประธานผู้ตรวจการแผ่นดินที่จุดพลุให้คสช.ยุบเลิกกองทุนน้ำมัน หรือปรับปรุงบทบาทอำนาจหน้าที่ของกองทุน ที่อ้างว่าถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง จนบิดเบือนโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั้งระบบ
    ก่อนจะมาถึงบทสรุปที่ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องให้คสช.เข้ามาสังคายนาระบบสัมปทานปิโตรเลียมใหม่ยกกระบิ โดยยกเลิกระบบแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างรัฐกับเอกชนหรือที่เรียกว่า “Thailand3” ที่เชื่อว่าประเทศชาติได้ผลประโยชน์น้อยนิด ไปสู่ระบบ “แบ่งปันผลผลิตหรือ PSC” ตามรอยเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนที่ล้วนใช้ระบบนี้ รวมถึงการพยายามหยิบยกราคาน้ำมันของประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียที่ใช้ระบบ PSC มาเปรียบเทียบให้เห็นว่าราคาน้ำมันถูกกว่าเราเป็นเท่าตัว
    งานนี้เล่นเอาประชาชนคนไทยที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อนถึงกับหูผึ่งตื่นตะลึงในข้อมูลที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน!
    ขณะที่ “กลุ่มปฎิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยื่น” ที่มี “ดร.ปิยะสวัสดิ์ อัมระนันทน์” อดีต รมต.พลังงานเป็นประธานก็นำเสนอข้อเท็จจริงอีกด้านให้ทุกฝ่ายได้ตระหนัก โดยหนึ่งในกลุ่มปฏิรูปพลังงานดังกล่าวคือนายบรรยง พงษ์พานิชประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเกียรตินาคิน และอดีตผู้บริหาร บงล.ภัทรได้สะท้อนข้อมูลอีกด้านตี “ระบบสัมปทานหรือแบ่งปันผลผลิต”ดี(Concession vs Production Sharing ContractsinหรือPSC)ตอบโต้เครือข่ายเอ็นจีโอ
    โดยนายบรรยงได้สะท้อนข้อมูลในอีกด้านว่า การที่เครือข่ายเอ็นจีโอระบุว่าประเทศเพื่อนบ้านล้วนใช้ระบบ PSC ขอให้ดูต่ออีกนิดว่าแล้วผลที่ได้เป็นอย่างไร? มาเลเซียที่ชอบหยิบยกมาอ้างกันว่าดีนักนั้น ก็มีคำถามเรื่องความโปร่งใสกับเรื่องการเอื้อประโยชน์ทางเชื้อชาติ(Bumiputra Favoritism) ส่วนอินโดนีเซียอีกประเทศที่ใช้ระบบ PSC ซึ่งเครือข่ายเอ็นจีโอเทิดทูนกันนักหนาว่าเป็นระบบที่ทำให้ประชาชนใช้พลังงานราคาถูกแสนถูกนั้น เมื่อกลางปีที่แล้วรัฐบาลอินโดนีเซียต้องใช้ยาแรงปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซินจากลิตรละ 20 บาท ดีเซลลิตรละ 18 บาทไปถึง 15 และ 14 บาทต่อลิตร ทำให้เกิดประท้วงวุ่นวายไปครึ่งค่อนประเทศ
    “ถามว่า ที่เขาสามรารถขายน้ำมันราคาถูกได้เพราะความสำเร็จของระบบ PSC หรือไม่? คำตอบคือ เปล่าเลย แต่เป็นเพราะรัฐอุดหนุน(Subsidy)พลังงานอย่างมหาศาล ปีหนึ่งๆ เกิดการสูญเสียมหาศาล นี่เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดตลอดมา ลองเข้าไปใน Google แล้วหา
    "Fuel Subsidy in Indonesia"ดู จะมีบทความเป็นร้อยและร้อยทั้งร้อยระบุว่า เป็นเรื่องสุดห่วย ถ่วงความเจริญทุกๆด้าน แต่ที่แย่กว่านั้น อินโดนีเซีย จากที่เคยเป็นประเทศในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือ OPEC ที่เคยส่งออกน้ำมัน แต่จากนโยบายบิดเบือนกลไกราคาน้ำมันนี้ได้ทำให้สถานะของอินโดนีเซียจากที่เคยเป็นประเทศส่งออกน้ำมันวันละประมาณ 1,000,000 บาร์เรลในช่วงปีค.ศ. 1980s กลายสภาพมาเริ่มนำเข้า ในปี 2003 จนปัจจุบันต้องนำเข้าประมาณ 300,000 บาร์เรลต่อวัน ต้องลาออกจาก OPEC มาหลายปีแล้ว ส่วนที่เคยขุดหาผลิตได้วันละ 1.5 ล้านบาร์เรล ก็เหลือแค่วันละ 900,000 บาร์เรลเท่านั้น
    แล้วไทยเราจะเจริญรอยตามเขาหรือไม่?
    กับข้อมูลที่ว่าไทยเป็นซาอุแห่งเอเซีย ดั่งข้อมูลที่เครือข่ายเอ็นจีโอ หรือกลุ่ม 40 สว.ในอดีตตีฆ้องร้องป่าวกันมาโดยตลอด จนทำเอาประชาชนคนไทยฝันเคลิ้ม เชียร์ให้ คสช.รีบขุดขึ้นมาใช้โดยไวนั้น บรรยงได้ตั้งข้อกังขาว่า หากเรามีปริมาณสำรองน้ำมันและแก๊สมากมายมหาศาลขนาดนั้นจริง จะเอาระบบสัมปทาน แบ่งปันผลผลิต แบ่งอัตรากำไรหรือระบบอะไรก็คงไม่มีใครว่า แต่หากไม่มีอยู่จริง ...นั่นคือความเสี่ยงของประเทศที่กำลังจะเอาไปผูกติดกับข้อมูลที่ “ไม่มีอยู่จริง”
    แต่ไม่ว่าจะอย่างไรผู้ลบริหารธนาคารเกียรตินาคิดที่ถือเป็นกูรูด้านเศรษฐศาสตร์และพลังงานระบุว่ายังมีเรื่องสำคัญที่รัฐบาล คสช.ต้องเร่งตัดสินใจยิ่งกว่าเพราะในปี 2565 และ2566 สัญญาสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมตามพ.ร.บ.ปี 2514 กำลังจะหมดลง หากรัฐและกระทรวงพลังงานไม่เตรียมการจัดหาพลังงานสำรองเพิ่มตั้งแต่วันนี้
    กว่าจะรู้ตัวว่าเรากำลังเผชิญวิกฤติพลังงานอาจไม่ทันการแล้ว “อย่าได้คิดว่าอีกตั้งเกือบ 10 ปี ยังมีเวลา เพราะธุรกิจผลิตปิโตรเลียม ไม่เหมือนการลงทุนด้านอื่น เพราะต้องลงทุนเพิ่มในการขุดเจาะอยู่เสมอ ยิ่งแหล่งน้ำมันในบ้านเราเป็นแหล่งเล็กๆ ยิ่งต้องลงทุนต่อเนื่อง....คงไม่มีใครเสี่ยงทำถ้าไม่เห็นอนาคตที่ชัดเจนว่าจะเอายังไง”
    ส่วนเรื่องผลประโยชน์ของประเทศนั้น ถ้ายังเชื่อว่า ระบบ Thailand3 ให้ผลประโยชน์แก่ประเทศชาติน้อย คสช.ก็สั่งการให้แก้ไข ให้มีการเพิ่มผลประโยชน์ให้แก่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นค่าภาคหลวง,ภาษีเงินได้,หรือแม้แต่ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ ไปในอัตราที่เหมาะสม....คงไม่มีบริษัทผู้รับสัมปทานรายเดิมปฏิเสธ เพราะทุกรายก็พูดอยู่เสมอว่ายินดีทำเพื่อชาติ นี่เป็นเวลาพิสูจน์ความจริงใจของบริษัทในธุรกิจปิโตรเลียมเช่นกัน
    สอดคล้องกับข้อมูลของจากกระทรวงพลังงานนั้นต่างยืนยันมาโดยตลอดว่าบ้านเราไม่ได้มีปริมาณสำรองน้ำมันหรือปิโตรเลียมมากมายจนได้ชื่อว่าซาอุแห่งเอซียแต่อย่างใด เรามีปริมาณสำรองก๊าชในอ่าวไทยไปได้อีกเพียง 6- 7 ปีเท่านั้นจากปริมาณสำรองที่พบ 9.04 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ส่วนคอนเดนเสทมีประมาณ 216 ล้านบาร์เรล เหลือใช้ได้อีกประมาณ 6 ปี ขณะที่น้ำมันดิบนั้น หากไม่มีการสำรวจขุดเจาะเพิ่มเติมหรือพบแหล่งใหม่ๆ ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่มี 232 ล้านบาร์เรลจะหมดไปภายในระยะ 4-5 ปีจากนี้เท่านั้น
    อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนวาทะกรรมในเรื่องของการ “ปฏิรูปพลังงาน”จะยังเป็นเผือกร้อนที่ คสช.ยังไม่สามารถจะผ่าทางตันลงไปได้ แม้พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช.ผู้กำกับดูแลงานด้านนโยบายเศรษฐกิจจะเปิดเวทีรับฟังข้อมูลจากทุกภาคส่วนไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเคาะโต๊ะหาบทสรุปที่ลงตัวได้
    ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะข้อเท็จจริงในเรื่องของโครงสร้างพลังงานในบ้านเราไม่ใช่สูตรสำเร็จทางคณิตศาสตร์ที่ 1+1 เป็น 2 หาก คสช.ตัดสินใจผิดพลาดย่อมเสี่ยงต่อการเอาอนาคตของประเทศมาเป็นหนูทดลองเอาทุกเมื่อ!
    อีกประเด็นที่อยากฝาก คสช. นั่นคือควรจะใช้เวลาช่วงปลอดการเมืองแบบนี้ เดินหน้าเร่งเจรจาจัดหาแหล่งพลังงานใหม่ ๆ โดยเฉพาะการหาทางพัฒนาพื้นที่ทับซ้อน “ไทย-กัมพูชา”ที่คาราคาซังมานานเพราะมีการดึงไปเป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันเหมือนพื้นที่ทับซ้อนไทย- มาเลเซีย (JDA) ด้วยสถานะของรัฐบาล คสช.และเป้าหมายที่ชัดเจนในการปฏิรูปประเทศของรัฐบาล คสช.นั้นประชาชนคนไทยเชื่อว่า หากคสช.ออกหน้าเจรจาเคลียร์ปัญหาเองตัดนักการเมืองออกไป คงคลายความกังวลไปได้ว่า ระดับ“บิ๊กตู่”ไม่มีวัน ถูกคนดูไบชี้นำ หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนแน่ เพราะคสช.เน้นประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ!
    อนันตเดช พงษ์พันธุ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กังวลไฟสงครามตะวันออกลุกลามอิรักดันราคาน้ำมัน-ทองพุ่ง

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- เสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2557 06:00:00 น.

นักวิชาการอิสระ กังวลเหตุการณ์สหรัฐฯส่งทหารช่วยเหลืออิรักสู้กับกลุ่มหัวรุนแรง ดันราคาน้ำดิบในตลาดโลกขึ้น พบ “ดูไบ”ขึ้นไปอยู่ระดับ 110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แล้ว ด้าน นายกสมาคมค้าทองคำ ยอมรับทองพุ่งมีสิทธิกลับไปแตะที่บาทละ2.3หมื่นบาทอีก

มีรายงานข่าวจาก กระทรวงพลังงานแจ้งว่า ขณะนี้ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) พยายามส่งสัญญาณขอให้ที่ประชุม คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธาน พิจารณาปรับลดเงินที่จะนำส่งเข้า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แทนการปรับขึ้นราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นจากปัญหาการสู่รบภายในประเทศอิรัก จนทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันแต่ละชนิดลดต่ำลงมากจากปกติควรมีราคาเฉลี่ยระดับ 1.50 บาทต่อลิตร

สำหรับค่าการตลาด ณ วันที่ 20 มิ.ย. และเป็นข้อมูลที่แจ้งอย่างเป็นผ่านเว็บไซต์ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)ระบุว่า ค่าการตลาด หรือกำไรต่อลิตร ของน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 0.6126 บาทต่อลิตร เบนซิน 95 อยู่ที่ 0.8854 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์95 อยู่ที่ 0.6644 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์91 อยู่ที่ 0.7033 บาทต่อลิตร อี20 อยู่ที่ 1.0525 บาทต่อลิตร และอี85 อยู่ที่ 6.3442 บาทต่อลิตร

"ค่าการตลาดดังกล่าวแม้จะอยู่ระดับต่ำกว่าราคาเฉลี่ยที่ผู้ค้าควรได้รับ แต่หากพิจารณาค่าการตลาดตั้งแต่วันที่ 1 - 19 มิถุนายน 2557 จะพบว่า เฉลี่ยแล้วยังใกล้เคียงกับระดับ 1.50 บาทต่อลิตร ดังนั้นเชื่อว่า กบง.จะยังไม่มีการประชุมเพราะต้องขอสัญญาณอนุมัติจาก พล.อ.อ.ประจิน ในฐานะประธาน กบง.ก่อน ประกอบกับเรื่องด่วนของคสช.ในเวลานี้คือการดูแลค่าครองชีพประชาชน"รายงานข่าวระบุ

นายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลายปตท.กล่าวว่า ขณะนี้ค่าการตลาดที่ปตท.ได้รับต่ำมาก โดยเฉพาะดีเซลอยู่ระดับเฉลี่ย 0.40 บาทต่อลิตรเท่านั้น ซึ่งดีเซลถือเป็นน้ำมันที่ใช้เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ และกลุ่มเบนซินระดับ 0.70 บาทต่อลิตร จากปกติทั้งหมดควรได้เฉลี่ย 1.50 บาทต่อลิตร โดยสาเหตุที่ค่าการตลาดต่ำกว่าราคาที่แจ้งผ่านเว็ปไซต์สนพ.เนื่องจากในสนพ.เป็นราคาของกรุงเทพฯและปริมณฑล ขณะที่อัตราการที่ปตท.คำนวณเป็นการคิดราคาจากการจำหน่ายทั่วประเทศที่จะต้องบวกค่าขนส่งเพิ่มด้วย

นายมนูญ ศิริวรรณ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) และนักวิชาการอิสระ กล่าวว่า จากปัญหาการเมืองภายในประเทศของอิรักทำให้ราคาน้ำดิบดูไบขึ้นไปอยู่ระดับ 110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอีกเนื่องจากสถานการณ์คงความขัดแย้ง ดังนั้นหากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจนค่าการตลาดตกต่ำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปล่อยให้ราคาจำหน่ายเป็นไปตามกลไกตลาด ตามต้นทุนที่แท้จริง เพื่อไม่เป็นภาระต่อผู้ประกอบการ

มีรายงานแจ้งว่า สำหรับสถานการณ์การสู้รบในอิรัก นอกจากส่งผลต่อราคาน้ำมันแล้วจะส่งผลต่อราคาทองด้วย โดยราคาทองคำแท่ง ขายที่บาทละ 20,150 บาท ทองรูปพรรณขายที่ 20,550 บาท ปรับขึ้น 450 บาท

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ และประธานห้างขายทองจินฮั้วเฮง กล่าวว่า สาเหตุราคาทองคำในประเทศ ในวันที่ 20มิ.ย.2557 ปรับขึ้น 450 บาท นั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 1,312 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิรักมากขึ้น เมื่อมีข่าวว่าสหรัฐอเมริกาจะส่งทหารเข้าไปช่วยอิรัก หลังจากถูกกลุ่มหัวรุนแรงโจมตี ซึ่งหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นราคาทองมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก ประกอบกับความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงไม่คลี่คลาย

แนวโน้มราคาทองจึงมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านแรกที่ 1,375 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และหากผ่านไปได้จะขึ้นทดสอบที่ 1,390 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และอาจจะมีแนวโน้มทะลุเกิน 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากสถานการณ์ตึงเครียดทั้งสองเหตุการณ์ความรุนแรงยิ่งขึ้นอีก

ส่วนราคาทองคำในประเทศ นายจิตติ มองว่ามีโอกาสเกิน 23,000 บาท หากราคาทองในตลาดโลกเกิน 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และค่าเงินบาททรงตัวอยู่ที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งค่าเงินบาทเป็นปัจจัยสำคัญต่อราคาทองในประเทศ หากเงินบาทแข็งค่า 1 บาท ทองคำจะถูกลง 600-700 บาท

นายจิตติ ยังกล่าวด้วยว่า ราคาทองคำได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2556 ที่ระดับราคา 1,170 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังมีข่าวสหรัฐประกาศทยอยยกเลิกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง หรือ QE ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำในปีนี้อยู่ประมาณ 1,170 - 1,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ดังนั้น จึงแนะนำนักลงทุนให้ลงทุนระยะสั้น เพื่อเก็บกำไรในจังหวะที่ราคาทองปรับขึ้น ซึ่งอาจจะกำไรประมาณ 300-400 บาท แต่สามารถทำกำไรได้หลายรอบ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10474760_520384624762969_7742952802093867197_n.jpg

วันหยุดยังขยัน อ่านเจอรัยเนี่ย

สวัสดี deb wann news TraderJunoir meng เพื่อนๆพี่น้อง คุณๆทุกท่าน

แนวโน้มราคาทอง vdo.gif แนวโน้มราคาทองคำ ช่วงตรงประเด็นข่าวค่ำ "NOW26" 20-6-57 สรุปภาพรวมตลาดหุ้น 20-6-57 vdo.gif สรุปภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้น ช่วงตรงประเด็นข่าวค่ำ "NOW26" 20-6-57 ทอท.ตั้ง'ประสงค์ พูนธเนศ'เป็นปธ.คนใหม่ บอร์ดการท่าอากาศยาน มีมติตั้ง "ประสงค์ พูนธเนศ" เป็น ประธานกรรมการคนใหม่มีผล 20 มิ.ย. พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติขาย364ลบ. Money Wise COMMODITIES 20-6-57 vdo.gif เงินบาทปิด32.43/48ทรงตัว ชี้ต่างชาติเริ่มเชื่อมั่นไทยหลังคสช.ชี้แจง

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

 

 

ข่าวยอดนิยม

 

"เปโตร โปโรเชนโก"เผยแพร่แผนสันติภาพ 14 ข้อ หวังควบคุมการก่อเหตุไม่สงบทางภาคตะวันออกของประเทศ

 

นายโปโรเชนโกเปิดเผยแผนดังกล่าวเมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) หลังจากสนทนาทางโทรศัพท์ 2 ครั้ง ในช่วง 3 วัน กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย รวมทั้งได้เชิญผู้นำชุมชนในกรุงเคียฟและนักธุรกิจจากภาคตะวันออกมาหารือ เพื่อขอให้สนับสนุนแนวทางของเขาในการยุติการสู้รบที่ทำให้พลเรือนและนักรบของทั้งรัฐบาลและกลุ่มแยกดินแดนเสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 365 คน

สื่อยูเครนเผยแพร่สำเนาเอกสารที่ประธานาธิบดีโปโรเชนโกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ โดยมีเนื้อหาเรียกร้องให้กลุ่มแยกดินแดนปลดอาวุธโดยทันที และเปิดทางให้หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นกลับเข้าทำงานตามปกติ ขณะที่เขาจะกระจายอำนาจการปกครองผ่านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ จะไม่ตั้งข้อหาอาญากับนักรบแยกดินแดนที่ไม่ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง จะตั้งเขตรับประกันให้นักรบรับจ้างชาวยูเครนและรัสเซียเดินทางออกจากพื้นที่ขัดแย้ง แผนสันติภาพนี้จะมีผล 10 วันหลังการประกาศ แต่ไม่ระบุถึงการหยุดยิงฝ่ายเดียวโดยทันทีเป็นการชั่วคราวตามที่เขารับปากไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน

ด้านทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแถลงว่า ผู้นำยูเครนได้แจ้งให้ผู้นำรัสเซียทราบแล้วเรื่องประเด็นหลักในแผนควบคุมสถานการณ์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ประธานาธิบดีปูตินได้ให้ความเห็นไปหลายเรื่อง และย้ำว่ายูเครนจะต้องยุติปฏิบัติการทางทหารโดยทันที ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดียูเครน แถลงว่า ผู้นำยูเครนได้กล่าวกับผู้นำรัสเซียว่า หวังว่าผู้นำรัสเซียจะสนับสนุนแผนสันติภาพนี้

Tags : เปโตร โปโรเชนโกยูเครน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...