ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ราคาทองคำฮ่องกงเปิดตลาดวันนี้ ลดลงแตะ 11,460 HKD/tael

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 09:51:29 น.

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 20 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 11,460 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,239.66 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 2.16 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วรัญญา อุดมกุศลศรี/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์จีนอ่อนตัว หลังแบงก์ชาติจีนอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 10:16:05 น.

อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ของจีนร่วงลงในวันนี้ ขณะที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้น ภายหลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินด้วยวงเงินทั้งสิ้น 5 แสนล้านหยวน หรือ 8.1 หมื่นล่านดอลลาร์ เพื่อรับมือกับภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศ

อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ระยะเวลา 1 ปี ของจีนอ่อนตัวลงถึง 0.07% แตะระดับ 3.46% ในเซี่ยงไฮ้

เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีนได้เริ่มจัดสรรเงินให้กับธนาคารรายใหญ่ของจีน 5 ราย รายละ 1 แสนล้านหยวนผ่านการปล่อยสินเชื่อตามมาตรฐานของธนาคารกลางจีนระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวจะสามารถนำไปใช้ได้จนถึงเดือนม.ค. เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดก่อนหน้าที่จะถึงช่วงวันหยุดในเทศกาลตรุษจีนปีหน้า

(เพิ่มเติม) ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินเข้าระบบ 8.1 หมื่นล้านดอลล์ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 10:13:17 น.

ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบวงเงิน 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 5 แสนล้านหยวน โดยเงินเหล่านี้ได้มีการอัดฉีดเข้าไปยังธนาคารรายใหญ่ของรัฐบาลจำนวน 5 รายของจีน เพื่อรับมือกับภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศ

โดยการอัดฉีดเงินครั้งนี้ จะอยู่ในรูปแบบของการปล่อยเงินกู้ระยะเวลา 3 เดือน ประเภทดอกเบี้ยต่ำให้กับธนาคารเหล่านี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารกลางจีนลง 0.5%

ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางจีนครั้งนี้ถือเป็นการใช้มาตรการแบบเจาะกลุ่ม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางจีนได้อภิปรายกันเกี่ยวกับการผ่อนปรนนโยบายเป็นวงการ อาทิ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่เจ้าหน้าที่บางคนเกรงว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจจะทำให้กระแสเงินกู้ในระบบมีปริมาณสูงเกินไปและอาจจะยิ่งทำให้ปัญหาหนี้สินของจีนทวีความรุนแรงขึ้นมาได้ โดยท้ายที่สุด ปัญหาเหล่านี้ก็จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนจะอัดฉีดเงิน 1 แสนล้านหยวน ให้กับธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า, ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์, อะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ ไชน่า, แบงก์ ออฟ ไชน่า และแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ ผ่านทางการปล่อยเงินกู้มาตรฐานของธนาคารกลางจีน

ธนาคารกลางจีนคาดว่า จะดูแลให้ธนาคารรายใหญ่เหล่านี้ปล่อยสินเชื่อให้กับภาคส่วนที่รัฐบาลจีนมองว่ามีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ อาทิ ภาคที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชน ธุรกิจภาคเอกชนและธุรกิจขนาดเล็ก

การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบของธนาคารกลางจีนครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจจีนหลายรายการที่ได้มีการเปิดเผยไปเมื่อเร็วๆนี้ ล้วนบ่งชี้ถึงภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

เมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า ตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนในเดือนส.ค.ร่วงลง 14% เมื่อเทียบรายปี แตะระดับ 7.2 พันล้านดอลลาร์ โดยเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องหลังจากที่หดตัวลง 17% ในเดือนก.ค.

ส่วนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบปีต่อปีในเดือนส.ค. ลดลงจากระดับ 9% ในเดือนก.ค.

ในการเปรียบเทียบเป็นรายเดือน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.หดตัวลง 0.2% จากเดือนก.ค. ส่วนในช่วง 8 เดือนแรกของปี ยอดรวมผลผลิตภาคอุตสาหกรรมมูลค่าเพิ่มขยายตัว 8.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

เงินบาทเปิด 32.20/22 แข็งค่าเล็กน้อย คาดวันนี้แกว่งกรอบแคบ รอผล FOMC-กนง.

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 09:35:11 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.20/22 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.23/25 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทคงยังแกว่งอยู่ในกรอบแคบ โดยนักลงทุนยังติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ในระหว่างวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะมีการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ในประเทศไทยวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) โดยตลาดคาดว่ารอบนี้ กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม

"วันนี้คาดว่าเงินบาทคงแกว่งในกรอบ เพราะต้องรอดูผลการประชุมทั้ง FOMC และ กนง.ในบ้านเราด้วย" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.30 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.22/24 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 107.11 เยน/ดอลลาร์

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2952/2954 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2953 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ 32.2660 บาท/ดอลลาร์

- ครม.ผ่านร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นิติบุคคล ตามที่ คสช.เห็นชอบก่อนหน้า มีผลบังคับใช้หลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ส่วนภาษีมรดก "ประยุทธ์" บอกไม่จำเป็นต้องรีบ ยันผู้มีรายได้น้อยไม่เดือดร้อน

- นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังนำเงินกู้จากโครงการไทยเข้มแข็งที่ยังไม่ได้ใช้อีก 1.5 หมื่นล้านบาท ไปปรับใช้กับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจด้านต่างๆ ของรัฐบาลเบื้องต้นจะเป็นโครงการที่ช่วยเหลือคนจนและผู้มีรายได้น้อย เพื่อกระจายเงินไปยังเศรษฐกิจฐานรากให้มากขึ้น

- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้(16 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าทำกำไรจากการทะยานขึ้นในช่วงที่ผ่านมาของดอลลาร์ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มต้นการประชุมนโยบายการเงินที่มีระยะเวลา 2 วัน ทั้งนี้ FOMC จะเปิดเผยแถลงการณ์เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมในช่วงบ่ายวันพุธตามเวลาสหรัฐ หลังจากนั้นนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด จะเปิดเผยการประเมินและคาดการณ์ทางเศรษฐกิจล่าสุด ซึ่งอาจจะแสดงถึงการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐ

- เงินดอลลาร์สหรัฐได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเป็นเวลา 9 สัปดาห์ติดต่อกัน จากคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดกันไว้ แต่นักลงทุนบางรายเชื่อว่าดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นมากเกินไป จึงได้เทขายทำกำไรก่อนการประชุมเฟด

- ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนส.ค.ลดลงแตะ 51.1 จาก 51.7 ในเดือนก.ค. ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนส.ค.ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากระดับ 9% ในเดือนก.ค.

- ไชน่า อินเตอร์เนชันแนล แคปิตอล คอร์ปอเรชัน (CICC) คาดว่ามีความเป็นไปได้มากที่ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือปรับลดสัดส่วนการสำรองสภาพคล่อง (RRR) ในไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลงอย่างมาก โดย CICC ได้คงคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนว่าจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 7.3% ในไตรมาส 3 และคาดว่าจีดีพีของจีนจะเผชิญแรงกดดันอย่างหนักในไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอลง

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

ZEW เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเยอรมนีปรับตัวลงในเดือนก.ย.

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 08:46:33 น.

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศในเดือนก.ย.ลดลงแตะ 6.9 จาก 8.6 ในเดือนส.ค. ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจเยอรมนีที่อ่อนแอ

ดัชนีความเชื่อมั่นที่ย่ำแย่ลง บ่งชี้ถึงจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจภูมิภาคยูโรโซน รวมทั้งผลกระทบจากการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในเดือนก.ย.จะลดลงแตะ 5.0

สำหรับดัชนีภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันในเดือนก.ย.ลดลงอย่างมากสู่ระดับ 25.4 จาก 44.3 ในเดือนส.ค.

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ZEW กล่าวว่า บรรยากาศทางเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอนอย่างมาก ขณะที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับผลกระทบจากการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในยูโรโซนก็ยังคงน่าผิดหวัง

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $1.6 หลังดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐทรงตัว

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 07:33:26 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้ผลิตทรงตัวในเดือนส.ค. ซึ่งช่วยลดน้ำหนักของกระแสคาดกาณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่เร็วเกินคาด ขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณใดๆเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันพุธนี้หรือไม่

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 1,236.7 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 10.1 เซนต์ ปิดที่ 18.721 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,367.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 7.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 844.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญนั้น ทรงตัวในเดือนส.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%

อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กค่อนข้างบางเบา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาดูผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold Futures

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 09:53:45 น.

กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

- ทองปิดทรงตัวรอผลประชุมเฟด

- SPDR ถือทองลดลง 4.18 ตัน

- ค่ำนี้คาดเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย แต่อาจส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

รายงานดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐเดือนสิงหาคมทรงตัว เทียบกับผลสำรวจ 0.1% และในวันนี้จะมีการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนสิงหาคมของสหรัฐซึ่งผลสำรวจประเมินว่าจะขยายตัว 0.1% เท่ากับเดือนก่อนหน้า ส่วนรายงานดัชนีที่อยู่อาศัยผลสำรวจประเมินว่าจะขยายตัวขึ้นจาก 55 จุด ในเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 56 จุด ในเดือนกันยายน นักลงทุนต่างยังรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้

การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่จะทราบผลการประชุมในช่วงเช้าของวันพฤหัส ถ้าพิจารณาจากราคาทองคำที่ปรับตัวสะท้อนการคาดการณ์ว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ไปพอสมควร หากหลังการประชุมกลับยังไม่มีสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ย ก็จะส่งผลให้ราคาทองเริ่มฟื้นตัวกลับ หรือหากมีการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ย ก็อาจส่งผลให้ราคาทองปรับตัวลงต่อ แต่คาดว่าจะมีกรอบค่อนข้างจำกัด

ภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในทางเทคนิคซึ่งในการซื้อขายเมื่อวานนี้ราคาทองคำสามารถยุติการทำจุดต่ำสุดใหม่ในระหว่างวันได้ จึงเป็นสัญญาณการฟื้นตัวกลับ โดยคาดว่าราคาทองจะปรับตัวขึ้นไปยังแนวต้านบริเวณ 1,247-1,250 ดอลลาร์ ได้ต่อไป แต่กรณีที่ราคาทองไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 1,225 ดอลลาร์ ก็จะเป็นสัญญาณขายกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 1,200 และ 1,180 ดอลลาร์ ต่อไป

ภาพเทคนิคของราคาโลหะเงินซึ่งปรับตัวลงติดต่อกันหลายวันเริ่มมีสัญญาณซื้อเก็งกำไรการดีดตัวกลับ แต่หากไม่สามารถประคองตัวเหนือแนวรับบริเวณ 18.40-18.50 ดอลลาร์ ได้ ควรระวังแรงขายที่คาดว่าจะมีกลับออกมา

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนต.ค.57

Close chg. Support Resistance

18,970 -80 18,850/18,750 19,150/19,250

คาดว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในกรอบแคบ และอาจฟื้นตัวขึ้นไปยังแนวต้านบริเวณ 1,247-1,250 ดอลลาร์ ซึ่งที่ระดับแนวต้านบริเวณนี้ ควรระวังแรงขายที่อาจมีกลับออกมา การเก็งกำไรในระยะสั้นยังคงสามารถเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรในช่วงที่ราคาทองอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,225-1,230 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,220 ดอลลาร์

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 09:49:58 น.

กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--MTS Gold Group

ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,236 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,232 เหรียญ/ออนซ์ (22.30 น.) ค่าเงินบาทปิด 32.25 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,850 บาท กับ 18,950 บาท และกลับมาปิดที่ 18,850 บาท กับ 18,950 บาท

ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 384 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 2,205 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 3.97% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 1.9 % GFV14 ปิด 18,970 บาท และ GFZ14 ปิด 19,030บาท GF10V14 ปิดที่ 18,970 บาท GF10Z14 ปิดที่ 19,030 บาท

สัญญา Comex ลดลง 1.6 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,236.7 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 1.96 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 94.88 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 784.22 ตัน (ขายออก 4.18 ตัน)

ข่าวที่สำคัญ

เมื่อคืนนี้ ทองคำได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐอเมริกา โดยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนสิงหาคมออกมาทรงตัว จึงลดความวิตกกังวลจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ดี ปริมาณการซื้อขายในตลาดทองคำยังคงเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนเฟดจะเปิดเผยการประชุมในคืนนี้

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ยังคงคาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน รวมถึงแสดงความคิดเห็นที่บ่งชี้ต่อระยะเวลาการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ เฟดอาจประกาศสิ้นสุด QE ในเดือนหน้า หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯส่วนใหญ่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ทองคำได้รับแรงกดดันจากปริมาณความต้องการทองคำในเอเชียที่ยังคงซบเซา เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคคาดหวังและรอคอยให้ราคาปรับตกกว่านี้

นายเควิน กราดี้ ประธานบริษัท Phonenix Futures and Options กล่าวว่า ปริมาณการทำ Short Covering ในตลาดทองคำยังเบาบาง ซึ่งหากราคาทองคำสามารถกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้ จะส่งผลให้เกิดการกลับเข้าซื้อที่แข็งแกร่ง

SPDR เทขายทองคำออก 4.18 ตันเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันเหลือการถือครองที่ระดับ 784.22 ตัน

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เนื่องจากนักลงทุนทำการเทขายทำกำไร จากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ในช่วง 9 สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงทำการเทขายก่อนทราบผลการประชุมเฟด ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าขึ้น 1.2961 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2937 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.15 เยน/ดอลลาร์ จากเดิม 107.20 เยน/ดอลลาร์

เมื่อคืนนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐฯทรงตัวในเดือนส.ค. ลดลงสู่ระดับ 0.0% แสดงให้เห็นว่าแรงกดด้านเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มลดน้อยลง และอาจทำให้เฟดพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ หลังจากเฟดเปิดเผยแถลงการณ์หลังการเสร็จสิ้นการประชุมในคืนนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด จะเปิดเผยการประเมินและคาดการณ์ทางเศรษฐกิจล่าสุดในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.45น. (ตามเวลาไทย) ซึ่งอาจจะแสดงถึงการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐ

นายจอห์น ฮิลเซนรัส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ WallStreet Journal กล่าวว่า เฟดอาจจะยังไม่ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวาระนี้

อดีตรัฐมนตรีการคลังรัสเซีย กล่าวว่า เศรษฐกิจรัสเซียมีความเสี่ยงจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถขยายการลงทุนได้อย่างเพียงพอ เพราะได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนสิงหาคมของอังกฤษขยายตัว 1.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ตลาดการเงินยังคงจับตาการลงประชามติเกี่ยวกับการแยกตัวเป็นอิสระของสกอตแลนด์ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 ก.ย.

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า จีนกำลังจัดเตรียมงบประมาณ 5 หมื่นล้านหยวน (8.14 หมื่นล้านดอลลาร์) สำหรับการฟื้นสภาพคล่องแก่ภาคธนาคารขนาดใหญ่ภายในประเทศ 5 แห่ง

นอกจากนี้ CICC (China International Capital Corporation) คาดการณ์ว่า จากสภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว จึงอาจส่งผลให้ไตรมาสที่ 4 ประจำปีนี้ GDPจีนจะเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอลง และมีความเป็นไปได้ว่าธนาคารจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือปรับลดสัดส่วนการสำรองสภาพคล่อง (RRR) ในไตรมาสที่ 4 นี้

สถานการณ์ในยูเครนคลี่คลายขึ้น หลังรัฐสภายูเครน เปิดเผยว่า มีการอนุมัติข้อเสนอสถานะพิเศษแก่พื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนเป็นเวลา 3 ปี และกฎหมาย 2 ฉบับ ( 1.สัมปทานแก่กลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดน และ 2.ให้อิสระมากขึ้นแก่พื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน) รวมถึงกฎหมายนิรโทษกรรมแก่กลุ่มกบฎที่ถูกจับกุมตัว แต่ไม่ได้ครอบคลุมถึงผู้ที่ก่ออาชญากรรมที่รุนแรงแต่อย่างใด

ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยว่า การส่งกองทัพเข้าประจำการในไครเมีย ถือเป็นความสำคัญในการจัดการทางทหารและการเมืองในไครเมีย ซึ่งสถานการณ์ในยูเครนยังคงมีความซับซ้อนอยู่มาก แต่ไม่ได้มีการคุกคามยูเครนแต่อย่างใด

เมื่อวานนี้ นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลจัดประชุมพิเศษเกี่ยวกับแนวทางการจัดการกับการคุกคามของกลุ่มกบฎ IS โดยเน้นเกี่ยวกับมาตรการและวิธีการป้องกันการเติบโตของกลุ่ม IS ในอนาคต

เมื่อคืนนี้ดัชนีดาวโจนส์ปิดสูงขึ้น +0.59% ที่ระดับ 17,131.97 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระหว่างวัน เพราะได้รับแรงหนุนจากการแสดงความเห็นของ นายจอห์น ฮิลเซนรัส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ WallStreet Journal ที่แสดงความเห็นว่า เฟดอาจจะยังไม่ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวาระนี้

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวการออกหุ้น IPO ของบริษัทอาลีบาบาอย่างใกล้ชิดในสัปดาห์นี้ หลังจากมีรายงานว่าอาลีบาบา ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน ได้ปรับเพิ่มช่วงราคาหุ้น IPO เป็น 66-68 ดอลลาร์/หุ้น จากระดับ 60-66 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งการปรับเพิ่มช่วงราคาดังกล่าว จะทำให้อาลีบาบาสามารถระดมทุนได้สูงสุดถึง 2.18 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านการออกหุ้น IPO ซึ่งสูงกว่าสถิติสูงสุดที่บริษัทวีซ่าเคยทำไว้ที่ 1.97 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2008 โดยอาลีบาบาจะเปิดตัวสินค้าในตลาด Options วันที่ 29 ก.ย.นี้

นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย ประเมินว่า การที่ตลาดทรุดตัวลงช่วงท้ายตลาดวานนี้ อาจจะมาจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับ Capital Gain Tax รวมไปถึงการต่ออายุ LTF ที่ยังไม่ชัดเจน และราคาของหุ้นไทยที่ตลาดมี P/E สูงถึง 16 เท่า ซึ่งหากมีคนขายนำออกมาก็จะทำให้นักลงทุนเกิดความตกใจแล้วขายตาม ๆ กันออกมาก็ได้

เมื่อวานนี้ ครม. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ที่พิจารณาแล้วจำนวน 21 ฉบับ รวมถึงร่าง พ.ร.ฏ. ที่ คสช.เห็นชอบแล้ว 6 ฉบับ เพื่อดำเนินการส่งให้ สนช.พิจารณาต่อ

ขณะที่ สนช. มีมติผ่านร่างพิจารณางบประมาณปี 2558 จำนวน 6 กระทรวง โดยเน้นไปยังการแก้ปัญหาของกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้สอดคล้องนโยบายของรัฐบาล รวมถึงเรื่องการบริหารจัดการข้าว และการบริหารจัดการน้ำ

นอกจากนี้ ครม. มีมติเห็นชอบแต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีและเลขานุการรัฐมนตรี รวมถึงผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีจำนวน 17 กระทรวง 35 ราย

ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวาน

- Core PPI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.2% ตัวเลขจริงออกมาอยู่ที่ระดับ 0.1%

- PPI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขจริงออกมาอยู่ที่ระดับ 0.0%

- TIC Long-Term Purchases ตัวเลขเดิมออกมาอยู่ที่ระดับ -18.7B ตัวเลขจริงออกมาอยู่ที่ระดับ -18.6B

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้

- CPI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขคาดการณ์ออกมาอยู่ที่ระดับ 0.1%

- Core CPI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขคาดการณ์ออกมาอยู่ที่ระดับ 0.2%

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 1,233-1,240 เหรียญ โดยมีบางช่วงมี Technical Rebound ขึ้นไปจากข่าวเรื่องของยูเครน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นตามที่คาด อันได้แก่ PPI กับ TIC Long Term Purchases และเมื่อวานนี้ SPDR ทำการเทขายทองคำต่อเนื่องอีกอีก 4.18 ตัน เหลือการถือครองเพียง 784.22 ตัน โดยที่ตลาดภาพรวมยังคงจับตาการประชุม FOMC ในวันนี้ และการแถลงของเยลเลนในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.45น. ตามเวลาไทย ขณะที่คืนนี้มีการประกาศ CPI ที่คาดว่าเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรที่ระดับ 1.2954 ดอลลาร์/ยูโร และเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนจะอยู่ที่ระดับ 107.20 เยน/ดอลลาร์

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำยังคงเป็นลักษณะ Technical Rebound ตามที่ได้วิเคราะห์ไปเมื่อวานนี้แล้ว โดยราคามีการ Rebound ทดสอบ 1,240 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวต้านแรก โดยภาพรวม ในระยะในสั้นกราฟรายวันยังคงเป็นภาพการขายเกิน (Oversold) โดยที่เริ่มมีการ Rebound บ้างเล็กน้อย ในวันนี้คาดว่า ทองงคำจะมีแนวรับ 1,230 เหรียญ และแนวต้าน 1,240 เหรียญ โดยแนะนำเก็งกำไรกรอบแคบ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรตามการแกว่งและขายบริเวณแนวต้านสำคัญ และซื้อปิดกลับเมื่อราคาอ่อนตัว

- นักลงทุนที่ถือ Long Position และ นักลงทุนที่ถือ Short Position

เก็งกำไรในกรอบแคบ ตามการแกว่งของตลาด โดยราคารอผลการประชุมเฟดคืนนี้

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ทำกำไรในระยะสั้น และมีการลงทุนในทิศทางแนวโน้มขาลง

Gold Futures V14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,800 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,000 บาท

Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,950 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,150 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

5 ปัจจัยก่อนลงทุน 17-9-57 vdo.gif Money Wise ช่วง FIVE FACTORS : วิเคราะห์ 5 ปัจจัยก่อนลงทุนเช้าวันนี้ "NOW26" 17-9-57 หุ้นเช้าเปิดบวก7.58จุด หุ้นเช้าเปิดบวก 7.58 จุด ขานรับเฟดยังไม่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย โบรกฯ คาดดัชนีเคลื่อนไหวสลับบวก-ลบ ชี้กลุ่มฟื้นฟูเป้า'แบ็คดอร์' วงการโบรกเกอร์คาด "แบ็คดอร์ ลิสติ้ง" ได้รับความสนใจสูง เหตุประหยัดเวลาปรับโครงสร้างธุรกิจ-ค่าใช้จ่าย เงินบาทเปิด32.20/22แข็งค่า คาดหุ้นเช้าลุ้นรีบาวน์ ทองแท่งขายออก18,950ไม่เปลี่ยนแปลง เกาะติดหุ้นโลก 17-9-57 vdo.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณพรรณงาม อารยวุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวโน้ม ราคาทองคำและปัจจัย ที่ทำให้ราคาทองคำผันผวน The Profit ช่อง Amarin TV ในวันพุธที่ 17 กันยายน 2557

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Asia Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียประจำวันที่ 17 กันยายน 2557

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 16:12:00 น.

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวลงในวันนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากการเทขาย ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเสร็จสิ้นลงในวันนี้

ดัชนีนิกเกอิลดลง 22.86 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 15,888.67 จุด

-- ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้ร่วงลง เนื่องจากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มแบงก์ชั้นนำของออสเตรเลียจากนักลงทุนต่างชาติ

ดัชนี S&P/ASX 200 ปรับตัวลง 38.10 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 5,407.30 จุด ส่วนดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดวันนี้ที่ 5,411.40 จุด ลดลง 34.80 จุด หรือ 0.64%

-- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น ภายหลังจากที่ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตบวก 11.34 จุด หรือ 0.49% ปิดที่ 2,307.89 จุด

-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.96% ตามการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ ซึ่งบดบังความวิตกกังวลเกี่ยวกับมติอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ ตามเวลาไทย ขณะที่เงินวอนแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปรับตัวขึ้น 19.69 จุด ปิดที่ 2,062.61 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายปานกลาง 346.8 ล้านหุ้น มูลค่า 3.49 ล้านล้านวอน (3.37 พันล้านดอลลาร์) โดยมีหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในสัดส่วน 489 ต่อ 320

-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดทะยานขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 240.40 จุด หรือ 1.00% ปิดวันนี้ที่ 24,376.41 จุด

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

ตลาดหุ้นเกิดใหม่ดีดตัวขึ้น ขานรับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 15:27:25 น.

ตลาดหุ้นเกิดใหม่ดีดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 สัปดาห์หลังจากปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการที่จีนอัดฉีดเงินหนุนภาคธนาคาร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

ดัชนี MSCI Emerging Markets Index เพิ่มขึ้น 0.7% แตะที่ 1,061.57 เมื่อเวลา 13.50 น. ตามเวลาฮ่องกง

หุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ และหุ้นอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า พุ่งขึ้น 1.6% ในตลาดหุ้นฮ่องกง ขณะที่หุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ดีดขึ้น 1.4% เช่นเดียวกับกลุ่มหุ้นอื่นๆของเกาหลีใต้ที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์

สกุลเงินรูปีของอินเดีย และเงินริงกิตของฟิลิปปินส์แข็งค่าขึ้น 0.2% เทียบดอลลาร์สหรัฐ

ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับตัวขึ้น หลังจากรัฐบาลจีนประกาศอัดฉีดเงิน 5 แสนล้านหยวน (8.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับธนาคารรายใหญ่ที่สุด 5 แห่งของจีน

ขณะเดียวกัน นักลงทุนกำลังจับตาแถลงการณ์นโยบาย และการคาดการณ์เศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วรัญญา อุดมกุศลศรี/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

นายกฯ เตรียมเยือนต่างประเทศ พ.ย.ประเดิมกลุ่มอาเซียน,เล็งจัด ครม.นกขมิ้น

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 16:04:20 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีกำหนดการเดินทางไปเยือนต่างประเทศในเดือน พ.ย.นี้ โดยเริ่มจากกลุ่มประเทศอาเซียนก่อน แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดว่าจะเดินทางไปเยือนประเทศใดเป็นประเทศแรก ส่วนการเดินทางไปเยือนประเทศในยุโรปและสหรัฐนั้นก็มีการเชิญเข้ามาเช่นกัน แต่อาจเดินทางไปร่วมประชุมในเวทีต่างๆ

ส่วนการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลในต่างประเทศนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็น น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดัตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โดยมีการประสานงานกับต่างประเทศเพื่อให้ส่งตัวกลับมาดำเนินคดี คงต้องใช้ระยะเวลา และความจริงแล้วก็ไม่ต้องการใช้ความรุนแรง แต่อยากให้คนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกลับมาประเทศไทยเพื่อพูดคุยกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ อาจใช้รูปแบบค่ำไหนนอนนั่น เบื้องต้นได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงทุกแห่งลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชนก่อน และหากมีความพร้อมก็จะเดินทางไปทันที

"ภาคอีสานก็ไปหมด ผมเชื่อว่าคนไทยก็ไม่ใจร้ายกับผม ไม่มีใครคิดร้ายกับผม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งดำเนินการจัดหารถโดยสารประจำทาง NGV เพื่อมาวิ่งให้บริการประชาชน ส่วนรูปแบบการจัดหานั้นต้องดูแลเรื่องความโปร่งใสเป็นสำคัญ

อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

จีนอัดเงิน 500 ล้านหยวน พยุงธนาคารชั้นนำ5แห่ง หวั่น ศก.ทรุด

ข่าวต่างประเทศ RYT9.COM -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 15:26:35 น.

iqe7567d75cad0643ee5317c871a407808.jpg

ดูรูปทั้งหมด

ธนาคารกลางของจีน ยื่นมือเข้าช่วยเหลือสภาพคล่องของธนาคารชั้นนำในประเทศ 5 แห่ง โดยตั้งวงเงิน 500 ล้านหยวน หวังให้เศรษฐกิจฟื้นตัว

สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า การส่งอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง ต่ำกว่ามาตรฐาน ในวันพุธ มีรายงานด้วยว่า ผู้บริหารธนาคารจีน ระบุว่า โดยคาดว่าจะเป็นกอารอัดฉีดเม็ดเงินในรูปแบบของสินเชื่อเข้าไปในธนาคารชั้นนำ 5 แห่ง เป็นเงิน 100 ล้านหยวน/ธนาคาร

ทั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ภาคส่งออกในภาคอุตสาหกรรมโรงงานขยายตัวได้ และเศรษฐกิจจีนกำลังเสี่ยงต่อการชะลอตัวอย่างน่าเป็นห่วง

รัสเซียส่งกองกำลังหนุนพื้นที่ไครเมียและภาคใต้

ข่าวต่างประเทศ RYT9.COM -- พุธที่ 17 กันยายน 2557 12:02:35 น.

นายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เผยว่า รัสเซียเตรียมส่งทหารไปยังเขตกครองตนเองไครเมียและภาคใต้ของรัสเซียเพิ่มขึ้น เนื่องจากวิกฤตการณ์ในยูเครนเลวร้ายลง และกองกำลังต่างชาติในพื้นที่ใกล้เคียงมีจำนวนมากขึ้น

นาย ชอยกู กล่าวอีกว่า สถานการณ์ทางการทหารและการเมืองในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซียเปลี่ยนแปลงไปมากตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ และรัสเซียกังวลอย่างยิ่งที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ขยายอิทธิพลไปยังยุโรปตะวันออกมากขึ้น

อินโฟเควสท์ โดย ณัฐชญา อัครยรรยง/ฐณฐ ธาระศัพท์ โทร.02-2535000 อีเมล์: thanat@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

AEC in Focus: ระบบภาษี เรื่องต้องรู้เมื่อคิดลงทุนในพม่า

ข่าวหุ้น-การเงิน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า -- จันทร์ที่ 1 กันยายน 2557 16:10:27 น.

หลังจากการเปิดประเทศ พม่าก็หวนคืนสู่เวทีนานาชาติอีกครั้ง พร้อมประตูการลงทุนที่เปิดกว้างมากขึ้น ดังเห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลพม่าเร่งปรับปรุงกฎหมายการลงทุนให้เอื้อต่อการลงทุนจากต่างชาติ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานให้มีความทันสมัย เพื่อปูทางสู่ความเป็นสากล และ

ตอบรับความต้องการลงทุนจากนักลงทุนทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะนักลงทุนสำคัญลำดับต้นๆ ในพม่าอย่างจีน ไทย ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งล้วนมีส่วนในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจต่างๆ ในพม่า ไม่ว่าจะเป็นด้านเกษตรและเกษตรแปรรูป ประมงและแปรรูป การท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง และอื่นๆ อีกมาก อันจะนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต และสอดรับกับแผนพัฒนาประเทศของพม่าปี 2555-2559 ที่ตั้งเป้าขยายตัวไว้ร้อยละ 7.7 ต่อปี

การจะเข้าไปลงทุนในพม่า สิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ คือ ระบบภาษี เนื่องจากภาษีถือเป็นต้นทุนสำคัญประการหนึ่งที่นักลงทุนต้องแบกรับในการประกอบธุรกิจ ล่าสุดในเดือนมีนาคม 2557 รัฐบาลพม่าได้อนุมัติให้มีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดบางประการเกี่ยวกับภาษี อาทิ หมวดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และหมวดภาษีการค้า ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2557 ทั้งนี้ ภาษีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในพม่าที่ควรทราบ มีดังนี้

ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Tax) พม่าเรียกเก็บภาษีดังกล่าวในอัตราร้อยละ 25 สำหรับบริษัทที่จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด รวมทั้งมีผู้ถือหุ้นเป็นชาวต่างชาติบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งอยู่ภายใต้ Myanmar Companies Act, Myanmar Foreign Investment Law ขณะที่สาขาของบริษัทจะเสียภาษีในอัตราร้อยละ 35 จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าอัตราภาษีที่แตกต่างกันส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ในพม่า เลือกที่จะจัดตั้งบริษัทใหม่มากกว่าการเปิดเป็นสาขา

นอกจากนี้ รัฐบาลพม่าให้สิทธิพิเศษด้านภาษีภายใต้ Myanmar Foreign Investment Law เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ อาทิ

- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในช่วง 5 ปีแรกของการดำเนินโครงการ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ Myanmar Investment Commission (MIC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการลงทุนในพม่า

- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากการนำผลกำไรกลับไปลงทุนใหม่ภายใน 1 ปี

- ธุรกิจส่งออกได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 ของกำไรที่ได้จากการส่งออก

- ได้รับสิทธิ์ในการหักลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา

- MIC อาจพิจารณายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับโครงการลงทุนในพื้นที่ห่างไกลและยังไม่พัฒนา

นอกจากนี้ การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone) ยังจะได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีตาม Special Economic Zone Law 2014 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2557 อาทิ

ทั้งนี้ การบังคับใช้กฎหมาย Special Economic Zone Law 2014 ส่งผลให้กฎหมาย Special Ecmic Ze Law 2011 และ Dawei Special Economic Zone Law 2011 ถูกยกเลิก

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2557 พม่าปรับปรุงอัตราภาษีประเภทดังกล่าว จากเดิมที่เก็บในอัตราก้าวหน้าเพิ่มขึ้นขั้นละร้อยละ 1 ของรายได้สุทธิก่อนหักภาษี เป็นร้อยละ 5 และอัตราสูงสุดเพิ่มจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 25 อย่างไรก็ตาม ชาวต่างชาติที่ไม่มีถิ่นพำนักในพม่า (Non-Resident Foreigner) หรือชาวต่างชาติที่ทำงานในพม่าน้อยกว่า 183 วันในแต่ละปี ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราร้อยละ 35 ทั้งนี้ รายละเอียดของอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีดังนี้

รายได้สุทธิ (จ๊าต) อัตราภาษี (ร้อยละ)

ไม่เกิน 2,000,000 0

2,000,001 - 5,000,000 5

5,000,001 - 10,000,000 10

10,000,001 - 20,000,000 15

20,000,001 - 30,000,000 20

มากกว่า 30,000,000 25

ที่มา : Deloitte

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) ชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในพม่า และไม่มีถิ่นพำนักในพม่า จะถูกเรียกเก็บในอัตราแตกต่างกัน ดังนี้

ประเภทของภาษี ชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในพม่า ชาวต่างชาติที่ไม่มีถิ่นพำนักในพม่า

(ร้อยละ) (ร้อยละ)

ภาษีดอกเบี้ย 0 15

ภาษีค่าภาคหลวง (Royalty) 15 20

Payment for purchase of 2 3.5

goods and services

ที่มา : Deloitte

ภาษีการค้า (Commercial Tax) เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากธุรกิจนำเข้าสินค้า ผลิตสินค้า การค้าและบริการ โดยมีอัตราภาษีอยู่ที่ร้อยละ 5-100 ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าและบริการ สำหรับธุรกิจทั่วไป อาทิ ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ธุรกิจบันเทิง โรงแรม ร้านอาหาร และการพิมพ์ จะเก็บในอัตราร้อยละ 5 ขณะที่ ธุรกิจขายไม้ที่มีมูลค่าหรือผลิตภัณฑ์ไม้ อยู่ที่ร้อยละ 25 (ปรับลดจากร้อยละ 50) หยกและหินที่มีค่าอยู่ที่ร้อยละ 15 (ปรับลดจากร้อยละ 30) ทั้งนี้ ภาษีดังกล่าวได้รับการยกเว้นในธุรกิจบริการบางประเภท อาทิ เช่าบ้าน จอดรถ ประกันชีวิต การศึกษา ธนาคาร และการขนส่งสินค้า เป็นต้น

พม่ามีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายบ่อยครั้ง โดยนอกจากการปรับปรุงกฎหมายด้านภาษีดังที่ ได้กล่าวมาแล้ว พม่ายังเตรียมประกาศใช้กฎหมายลงทุนฉบับใหม่ในปี 2558 ซึ่งเป็นการควบรวมกฎหมาย Myanmar Foreign Investment Law และกฎหมาย Myanmar Citizens Investment Law เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างนักลงทุนท้องถิ่นและนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับปรุงกฎหมายอื่นๆ อีก ในอนาคต ดังนั้น ผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนในพม่าจึงควรศึกษาและติดตามประเด็นเรื่องกฎหมาย อย่างใกล้ชิด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จต่อไป

Disclaimer : ข้อมูลต่าง ๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด

--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กันยายน 2557--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บัวหลวงมั่นใจสินเชื่อปีนี้โต4%ตามเป้า "โฆสิต" มั่นใจสินเชื่อรวมปีนี้โต 4% ตามเป้า ระบุแนวโน้มหนี้ NPL เพิ่มขึ้นแต่ไม่น่าห่วง สบน.เตรียมออกพันธบัตร3.8หมื่นลบ. สบน.เตรียมออกพันธบัตรออมทรัพย์ปี 58 วงเงิน 3.8 หมื่นล้านบาท พร้อมกู้เงินแบงก์แทนการออกบอนด์ 5 หมื่นล้านบาท เจาะหุ้นเด่นภาคบ่าย 17-9-57 vdo.gif Money Wise ช่วงพลิกเกม เจาะกลยุทธ์การลงทุนหุ้นเด่นภาคบ่าย สดตรงจากนักวิเคราะห์ "NOW26" 17-9-57 ทิศทางตลาดอนุพันธ์ภาคบ่าย 17-9-57 vdo.gif มติเอกฉันท์กนง.คงดอกเบี้ย2% สรุปภาวะซื้อขายหุ้นไทยภาคเช้า 17-9-57 vdo.gif 'สุพันธุ์'คาดศก.ปีหน้าขยายตัว4.5%

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม

ก็เพราะมัน 'ยาก' จึงยิ่งต้องทำให้สำเร็จ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

พอรัฐบาลนายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันว่าจะยกเครื่องกฎหมายภาษี เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับสังคมไทยมากขึ้น

 

โดยเฉพาะจะลงมือเก็บภาษีมรดกและทรัพย์สิน รวมถึงภาษีที่ดินอย่างจริงจัง ก็มีเสียงเตือนมาจากบางวงการ

เป็นเสียงเตือนว่าเรื่องภาษีทรัพย์สิน มรดก และที่ดินนั้น เป็นเรื่องคนรวย และคนรวยในเมืองไทยเป็นคนมีอิทธิพล มีบารมี หากมีกฎหมายใหม่กระทบถึงผลประโยชน์ของพวกเขา ก็ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขกติกาได้ เพราะคนรวยย่อมจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ของตน จึงจะต้องมีการคัดค้านต่อต้าน

และเชื่อกันต่อในสังคมไทยว่า ถ้าคนรวยคนมีอิทธิพลไม่ยอมให้แก้ไขอะไร ใครขืนพยายามจะทำอย่างนั้นก็จะอยู่ไม่ได้ ไม่ว่าจะมีอำนาจตามกฎหมายเพียงใดก็ตาม

ส่วนอีกด้านหนึ่งคือ ความพยายามของรัฐบาลคุณประยุทธ์ ที่จะปรับแก้แนวทาง “ประชานิยม” เพื่อไม่ให้รัฐบาลเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้ในทางที่เอาใจคนบางกลุ่มบางก้อน เพียงเพื่อหวังสร้างความนิยมชมชอบทางการเมืองให้กับตนและพวกตนเพื่อจะได้อยู่ในอำนาจนาน ๆ

มาตรการ “ประชานิยม” หลายเรื่องทำให้เกิดการบิดเบือนความเป็นจริง เช่น โครงการจำนำข้าว หรือ “รถยนต์คันแรก” หรือแจกเงินให้แต่ละตำบลไปทำโครงการของตนเอง โดยไม่มีการประเมินว่าเป็นประโยชน์กับท้องถิ่นจริงหรือไม่

หรือการอุดหนุนราคาสินค้าบางประเภทเช่น น้ำมัน และเชื้อเพลิง จนทำให้ราคาผิดไปจากที่เป็นจริง และสร้างความเคยชินกับ “ของถูก” จนไม่สามารถจะแก้ไขอะไรได้ แต่ทำให้เกิดภาระทางการเงินให้กับงบประมาณจนท้ายสุดก็กลับมากระเทือนประชาชนทั่วไป

ว่ากันว่าหากรัฐบาลไหนคิดจะเลิกเงินอุดหนุนอย่างนี้ ชาวรากหญ้าและชนชั้นกลางก็จะไม่พอใจ เพราะได้รับของถูกของฟรีจนชิน หากรัฐบาลเลิกนโยบาย “ลด แลก แจก แถม” ก็จะถูกต่อต้านจากคนจำนวนมาก จนอยู่ไม่ได้เช่นกัน

แปลง่าย ๆ มีค่านิยมในสังคมว่า ทั้งคนรวยและคนจน ต่างก็ต้องการจะให้รัฐบาล “อุ้ม” เอาไว้เพื่อความสุขสบายระยะสั้นและเฉพาะกลุ่มของตนโดยไม่สนใจว่าการดำเนินนโยบายที่ผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่ถูกต้องเช่นนี้ จะมีผลทางลบต่อบ้านเมืองในระยะกลางและระยะยาวหรือไม่

ในภาวะปกติที่นักการเมืองปกครองบ้านเมือง นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะนักเลือกตั้งที่หวังจะชนะการเลือกตั้งคราวหน้า แต่ไม่ได้มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหา ก็ไม่กล้าที่จะ “ปฏิรูป” บ้านเมืองอย่างจริงจัง

เพราะขาดสิ่งที่เรียกว่า political will หรือความกล้าหาญทางการเมือง

และขาดสิ่งที่เรียกว่า “สำนึกทางการเมือง” ในอันที่จะยกเครื่องประเทศชาติเพื่อก้าวผ่านค่านิยมและวิถีปฏิบัติเก่า ๆ ที่ทำให้บ้านเมืองไม่อาจจะพัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศได้

ในเมื่อพลเอกประยุทธ์ประกาศว่า ที่อาสามาทำงานครั้งนี้ก็เพื่อที่จะใช้อำนาจทางการเมือง “ยกเครื่อง” ประเทศชาติอย่างจริงจัง โดยไม่กลัวว่าจะเสียคะแนน หรือจะถูกคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งต่อต้านหรือโค่นจากอำนาจ

การต่อต้านคอร์รัปชันก็เป็น “เรื่องยาก” อีกเรื่องหนึ่งที่คนทั่วไปในสังคมไทยมองว่า หากปราบปรามการโกงกินในวงการเมืองและราชการอย่างจริงจัง ก็จะกระทบกระเทือนคนมีอิทธิพล ใครที่หาญกล้ามาทำเรื่องนี้ก็เสี่ยงที่จะถูกต่อต้านเช่นกัน

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของ “ความมุ่งมั่นทางการเมือง” ที่ต้องมาจากความเด็ดขาดในการสร้างชาติ หากนายกฯประยุทธ์ อาสามาด้วยการรับปากประชาชนส่วนใหญ่ว่า จะผลักดันให้ประเทศชาติพ้นจากภาวะล้าหลังและอิทธิพลอันไม่เหมาะควรแล้วไซร้ ก็ต้องยืนหยัดในการที่จะต้องเดินหน้าแก้ไขกฎหมายและความไม่ชอบมาพากลอย่างไม่หวั่นกลัวอิทธิพลใด ๆ

เพราะหากท่านทำจริง จะมีแรงสนับสนุนจากคนทั้งประเทศ

หากท่านไม่ทำจริง ท่านก็จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่า เป็นอีกหนึ่งคนที่รับปากแต่ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

สรุปแล้วเพราะบ้านเมืองตกอยู่ในภาวะย่ำแย่มาช้านาน การแก้ปัญหาที่หยั่งรากลึกมาช้านานจึงเป็นเรื่อง “ยาก”

และเพราะมัน “ยาก” จึงต้องทำ

เพราะถ้ามัน “ง่าย” คนอื่น ๆ คงแก้ปัญหาได้หมดแล้ว และบ้านเมืองคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพที่เห็นอยู่ในวันนี้

Tags : รัฐบาลนายกฯประยุทธ์ปฏิรูปภาษีภาษีมรดกและทรัพย์สินภาษีที่ดินแก้ประชานิยม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2557 07:42:21 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 17 ก.ย.2557

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,156.85 จุด เพิ่มขึ้น 24.88 จุด หรือ +0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,562.19 จุด เพิ่มขึ้น 9.43 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,001.57 จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด หรือ +0.13%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ธนาคารกลางทั่วโลกจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.5% ปิดที่ 344.39 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,431.41 จุด เพิ่มขึ้น 22.26 จุด หรือ +0.50% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,661.50 จุด เพิ่มขึ้น 28.57 จุด หรือ +0.30% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,780.90 จุด ลดลง 11.34 จุด หรือ-0.17%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนจับตาการแถลงมติที่ประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการทำประชามติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระของสกอตแลนด์ โดยตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟด

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 11.34 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 6,780.90 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 94.42 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 8 เซนต์ ปิดที่ 98.97 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยมติการประชุมภายหลังจากตลาดปิดทำการแล้ว

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 80 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,235.90 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.3 เซนต์ ปิดที่ 18.734 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 5.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,362.2 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 5.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 839.05 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรในเดือนหน้า

ค่าเงินยูโรร่วงลงเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2919 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2961 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นที่ 1.6292 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6280 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 108.00 เยน เทียบกับระดับ 107.15 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9380 ฟรังค์ จาก 0.9326 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9004 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9094 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,156.85 จุด เพิ่มขึ้น 24.88 จุด +0.15%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,562.19 จุด เพิ่มขึ้น 9.43 จุด +0.21%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,001.57 จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด +0.13%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,780.90 จุด ลดลง 11.34 จุด -0.17%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,661.50 จุด เพิ่มขึ้น 28.57 จุด +0.30%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,431.41 จุด เพิ่มขึ้น 22.26 จุด +0.50%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,195.17 จุด เพิ่มขึ้น 61.77 จุด +0.68%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,888.67 จุด ลดลง 22.86 จุด -0.14%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,062.61 จุด เพิ่มขึ้น 19.69 จุด +0.96%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,411.40 จุด ลดลง 34.80 จุด -0.64%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,407.30 จุด ลดลง 38.10 จุด -0.70%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,307.89 จุด เพิ่มขึ้น 11.34 จุด +0.49%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,231.84 จุด เพิ่มขึ้น 51.50 จุด +0.72%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,376.41 จุด เพิ่มขึ้น 240.40 จุด +1.00%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,188.18 จุด เพิ่มขึ้น 57.68 จุด +1.12%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,843.78 จุด ลดลง 3.52 จุด -0.19%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,296.48 จุด เพิ่มขึ้น 23.86 จุด +0.73%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,631.29 จุด เพิ่มขึ้น 138.78 จุด +0.52%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า หลังเฟดยันยุติซื้อพันธบัตรในเดือนหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2557 07:39:03 น.

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรในเดือนหน้า

ค่าเงินยูโรร่วงลงเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2919 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2961 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นที่ 1.6292 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6280 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 108.00 เยน เทียบกับระดับ 107.15 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9380 ฟรังค์ จาก 0.9326 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9004 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9094 ดอลลาร์

เฟดเสร็จสิ้นการประชุมกำหนดนโยบายเมื่อคืนนี้ โดยมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% พร้อมยืนยันว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไปเป็นระยะเวลานาน หลังจากยุติโครงการซื้อพันธบัตร

ขณะเดียวกัน เฟดระบุว่าโครงการซื้อพันธบัตรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น จะสิ้นสุดลงในเดือนหน้า

นอกจากนี้ ดอลลาร์ได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านในสหรัฐในเดือนก.ย. พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2548 ส่งสัญญาณว่าการสร้างบ้านจะดีดตัวขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะ 59 ในเดือนก.ย. จาก 55 ในเดือนส.ค.

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10696211_725895610799558_593898956309389791_n.jpg?oh=75cabe0fd7ce4435c0323d5dbe050a7b&oe=54CCA988&__gda__=1422672053_a0e19b6b1c1bd5d4898398417194be0c

สวัสดึยามเช้า news TraderJunior wann deb jee goldleng facebook tnew papon Espresso Magagold

Alan ตังเม อยากเล่นด้วยคน น้อย พวงชม เด็กสยาม ... FEE .... ... โชคดี บายใจนะคะ

ข่าวหุ้น-การเงินล่าสุด »

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดลบ 80 เซนต์ ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2557 07:26:10 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยมติการประชุมภายหลังจากตลาดปิดทำการแล้ว

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 80 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,235.90 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.3 เซนต์ ปิดที่ 18.734 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 5.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,362.2 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 5.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 839.05 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟด โดยมติการประชุมจะมีการเผยแพร่หลังจากตลาดทองคำปิดทำการแล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด

นักลงทุนยังคงติดตามดูสถานการณ์ในสกอตแลนด์อย่างใกล้ชิด โดยสกอตแลนด์จะมีการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชในวันที่ 18 ก.ย.นี้

ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยหนุนราคาทองคำ แต่นักวิเคราะห์มองว่าผลการลงประชามติของสกอตแลนด์ยังไม่เป็นที่แน่นอน โดยผลสำรวจความคิดของ Survation ซึ่งจัดทำให้กับแคมเปญ Better Together ระบุว่า ผู้โหวต "No" มีสัดส่วน 54% และ "Yes" มีสัดส่วนอยู่ที่ 46% โดยไม่รวมผู้ที่ยังไม่ติดสินใจ

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 46 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่ง

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2557 06:55:33 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 94.42 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 8 เซนต์ ปิดที่ 98.97 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังจาก EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ก.ย. พุ่งขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 362.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.2 ล้านบาร์เรล

ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวลดลง 357,000 บาร์เรล สู่ระดับ 20 ล้านบาร์เรล

ส่วนต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล แตะ 210.7 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 279,000 บาร์เรล สู่ระดับ 127.8 ล้านบาร์เรล น้อยว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันร่วงลง 0.9% สู่ระดับ 93.0% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.7%

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด และยังคงยืนยันว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนดก็ตาม

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-25350

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 46 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่ง

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2557 06:55:33 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 94.42 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 8 เซนต์ ปิดที่ 98.97 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังจาก EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ก.ย. พุ่งขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 362.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.2 ล้านบาร์เรล

ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวลดลง 357,000 บาร์เรล สู่ระดับ 20 ล้านบาร์เรล

ส่วนต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล แตะ 210.7 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 279,000 บาร์เรล สู่ระดับ 127.8 ล้านบาร์เรล น้อยว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันร่วงลง 0.9% สู่ระดับ 93.0% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.7%

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด และยังคงยืนยันว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนดก็ตาม

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-25350

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 24.88 จุด รับเฟดเดินหน้าตรึงดบ.ต่ำ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2557 06:23:04 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,156.85 จุด เพิ่มขึ้น 24.88 จุด หรือ +0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,562.19 จุด เพิ่มขึ้น 9.43 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,001.57 จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด หรือ +0.13%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% และยังคงยืนยันว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนดก็ตาม

นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน

ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกรงของสหรัฐ โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะ 59 ในเดือนก.ย. จาก 55 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีระดับที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้สร้างบ้านที่มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาด มีจำนวนมากกว่าผู้ที่มีมุมมองในเชิงลบ

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวลง 0.2% ในเดือนส.ค. ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ส่งสัญญาณว่าแรงกดดันเงินเฟ้อในสหรัฐบรรเทาเบาบาง ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่จำเป็นต้องเร่งปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย

หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านพุ่งขึ้นขานรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งของสหรัฐ โดยนำหุ้นเลนนาร์ คอร์ป ทะยานขึ้น 5.8%

หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับขึ้น 0.36% หุ้นปิโตรบาส ดีดขึ้น 0.57% ส่วนหุ้นแอปเปิล ขยับขึ้น 0.7% หุ้นยาฮูลดลง 0.3%

ส่วนหุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.5% จากข่าวที่ว่าไมโครซอฟท์ตกลงเข้าซื้อกิจการบริษัท Mojang AB ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟท์และเป็นผู้ผลิตเกมชื่อดังอย่าง Minecraft มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

07:33 ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 11.34 จุด ก่อนตลาดรู้ผลการประชุมเฟด ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เ…

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

news_img_604649_1.jpg

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 18 กันยายน 2557 07:00

คนสกอตมีรายได้/หัวสูงกว่าคนในสหราชอาณาจักร

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_605522_1.jpg

คนสกอตมีรายได้ต่อหัวสูงกว่าคนในสหราชอาณาจักรมาก เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ฝ่ายสนับสนุนการแยกดินแดนหยิบยกมาพูดถึง

และอ้างว่าสกอตแลนด์ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอังกฤษอีกต่อไป

โดยพรรคแห่งชาติสกอตแลนด์ หรือ เอสเอ็นพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลสกอต ได้นำข้อมูลที่โออีซีดีเปิดเผยไปเมื่อเดือนมีนาคมมาวิเคราะห์แล้วพบว่า สกอตแลนด์มีจีดีพีต่อหัว ประมาณ 23,300 ปอนด์ ซึ่งสูงกว่าดินแดนอื่นในสหราชอาณาจักรถึง 2,300 ปอนด์ หรือเกือบ 2 แสนบาท ทำให้สกอตแลนด์เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 14 ในโออีซีดี ขณะที่อังกฤษอยู่ที่อันดับ 18

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาสกอตแลนด์ประสบภาวะถดถอย ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงไปอย่างมาก แต่ฝ่ายสนับสนุนการแยกตัวอ้างว่าสกอตแลนด์จะฟื้นตัวเร็วขึ้นหากไม่ต้องอยู่ใต้ร่มเงาของอังกฤษต่อไป โดยคณะที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลสกอตแลนด์ ที่มีนักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลอย่าง นายโจเซฟ สติกลิทซ์ รวมอยู่ด้วย เสนอแนะว่าให้หันไปใช้นโยบายเศรษฐกิจที่จำเป็นต่อคนในท้องถิ่นเพื่อกระตุ้นการเติบโต เช่น ใช้นโยบายภาษีที่เอื้อต่อการส่งออกในภาคที่สำคัญ ๆ อย่าง น้ำมัน วิสกี้ ก๊าซ และการท่องเที่ยว

Tags : สกอต เกาะติดหุ้นโลก 18-9-57 vdo.gif Morning News : เกาะติดหุ้นรอบโลก "NOW26" 18-9-57 ยันโบรกเกอร์ไทยฐานะแกร่ง ก.ล.ต. ยันโบรกเกอร์ไทยฐานะแกร่ง รองรับหุ้นร่วง 15% ติดต่อกันได้ 5 วัน สรุปภาพรวมตลาดหุ้น 17-9-57 vdo.gif สรุปภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้น ช่วงตรงประเด็นข่าวค่ำ "NOW26" 17-9-57 แนวโน้มราคาทอง vdo.gif 'วรพล'ประสานตลท.เข้มหุ้นขึ้นผิดปกติ ก.ล.ต.เล็งเสนอให้อำนาจสั่งฟ้องคนปั่นหุ้น สศค.คาดเศรษฐกิจปีหน้าโต4-5%

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...