ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

รายการ Gold Insight วิเคราะห์แนวโน้มฟิวเจอร์ส

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558

โดย ฝ่ายวิจัย บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 โดย YLG

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 17:34:59 น.

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--พีอาร์ดีดี

สภาวะตลาดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,204.09-1,212.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,500 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 150 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,650 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG15 อยู่ที่ 18,660 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 140 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,800 บาท

 

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.10 น.ของวันที่ 27/02/15)

แนวโน้มวันที่ 2 มีนาคม 2558

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างไร้ทิศทางหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นกลับมาเคลื่อนไหวเหนือโซน 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของสหรัฐ ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมกราคม ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% แต่ดัชนี CPI ทั่วไปลดลง 0.7% เนื่องจากราคาน้ำมันร่วงลง ขณะที่ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งการลดลงลงของยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ และราคาบ้านจะออกมาอย่างไม่สดใส ประกอบกับตัวเลขภาคแรงงานอย่างจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นมากเกินคาด ข้อมูลดังกล่าวราคาทองคำไว้ ทั้งนี้ ทิศทางราคาทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มจากข้อมูลการค้าของอินเดียระบุว่า การนำเข้าทองคำในเดือนมกราคมมีมูลค่า 1.56 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.41% จากเดือนธันวาคม และหากเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การนำเข้าทองของอินเดียพุ่งขึ้น 55% สู่ระดับ 57.2 ตันในเดือนมกราคม แรงซื้อทองคำที่อาจเพิ่มสูงขึ้นจากรัฐบาลกลางของอินเดียอาจจะปรับลดภาษีนำเข้าทองคำลงอีก อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำขยับขึ้นไปได้ไม่ไกลเพราะนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และ นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดอาจจะยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% เร็วกว่าที่เทรดเดอร์บางคนคาดไว้ ทางวายแอลจี มีมุมมองว่าหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,192-1,190 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,192 หรือ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณดังกล่าว และรอไปขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปหรือตามบริเวณแนวต้าน อย่างไรก็ตามวายแอลจีเน้นย้ำว่านักลงทุนระยะสั้นควรวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน

 

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,192-1,190 ดอลลาร์ต่อออน์ ได้อย่างแข็งแกร่งนักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขาย แต่ถ้าหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับดังกล่าวได้จะเห็นการดีดตัวของราคาต่อโดยประเมินแนวต้านที่ 1,215-1,225 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งบริเวณแนวต้าน 1,225 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นแนวต้านสำคัญไป หากราคาไม่สามารถผ่านไปได้น่าจะเห็นการอ่อนตัวของราคาลงของราคาทองคำโดยประเมินแนวรับที่ 1,192 หรือ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,192 (18,220บาท) 1,180 (18,030บาท) 1,165 (17,800บาท)

แนวต้าน 1,215 (18,600บาท) 1,225 (18,730บาท) 1,240 (19,110บาท)

GOLD FUTURES (GFG15)

แนวรับ 1,192 (18,450บาท) 1,180 (18,270บาท) 1,165 (18,030บาท)

แนวต้าน 1,215 (18,800บาท) 1,225 (18,960บาท) 1,240 (19,340บาท)

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2104007

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทหารยูเครนเริ่มปลดอาวุธแล้ว

http://bit.ly/1BDPynv

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปธ.เฟดแอตแลนต้าคาดเฟดมีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 19:23:20 น.

นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนต้า ระบุว่า เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงฤดูร้อนนี้ แม้เขาเสริมว่า ยังคงจำเป็นต้องเห็นตัวเลขเศรษฐกิจมากกว่านี้เพื่อสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นายเดนนิสกล่าวว่า เขายังคงเชื่อว่าในการประชุมเฟดทุกครั้งนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป เฟดมีโอกาสที่จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

 

ด้านนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. หากข้อมูลเศรษฐกิจสอดคล้องกับคาดการณ์

เขาคาดว่าตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้นจะช่วยหนุนโอกาสที่เฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจากใกล้ระดับ 0% โดยประเมินว่าภายในสิ้นปี 2558 อัตราว่างงานของสหรัฐจะลดลงมาอยู่ที่ 5%

นอกจากนี้ นายวิลเลียมส์ยังมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ และคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับที่เหมาะสมภายในสิ้นปี 2559 หลังจากที่ปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2% มาเป็นเวลาหลายปี

ทั้งนี้ ประธานเฟดซานฟรานซิสโกกล่าวว่า เดือนมิ.ย.อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เป็นทางเลือกหนึ่งในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฟดมีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินในเดือนดังกล่าวในช่วงวันที่ 16-17 มิ.ย.

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

ราคาน้ำมัน WTI บวก ขณะเบรนท์ดีดตัวเดือนนี้ครั้งแรกรอบ 5 เดือน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 20:26:42 น.

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวขึ้นในวันนี้จากแรงซื้อของนักลงทุน ขานรับแนวโน้มอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น

 

ณ เวลา 19.57 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนเม.ย.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ แตะ 49.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัว 1.40 ดอลลาร์ สู่ระดับ 61.46 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปรับตัวขึ้นในเดือนนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว

 

นายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย กล่าวเมื่อวันพุธว่า อุปสงค์น้ำมันกำลังขยายตัว และตลาดมีการปรับตัวอย่างมีเสถียรภาพ

 

นายอัล-ไนมีกล่าวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2104087

 

ฟิลิปปินส์ตกลงซื้อข้าว 2 แสนตันจากไทย, 3 แสนตันจากเวียดนาม

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 19:06:55 น.

สำนักงานอาหารแห่งชาติของฟิลิปปินส์ (NFA) แถลงในวันนี้ว่า NFA ได้ยอมรับข้อเสนอของไทยและเวียดนามในการจัดส่งข้าวจำนวน 5 แสนตันให้แก่ฟิลิปปินส์

 

NFA ยอมรับข้อเสนอจากไทยในการส่งข้าว 15% จำนวน 1 แสนตันในราคา 441 ดอลลาร์/ตัน และอีก 1 แสนตันในการส่งข้าว 25% ในราคา 421 ดอลลาร์/ตัน ขณะที่เวียดนามจะจัดส่งข้าว 3 แสนตัน โดยเป็นข้าว 15% ในราคา 442.50 ดอลลาร์/ตัน และข้าว 25% ในราคา 424.50 ดอลลาร์/ตัน

 

เจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตไทยในฟิลิปปินส์ระบุว่า ไทยไม่สามารถขายข้าวมากกว่านี้ให้แก่ฟิลิปปินส์ เนื่องจากไทยมีพันธกรณีในการขายข้าวให้แก่ประเทศอื่น เช่น จีน

 

ฟิลิปปินส์ตั้งงบประมาณซื้อข้าว 15% ที่ระดับ 442.92 ดอลลาร์/ตัน และ 425.85 ดอลลาร์/ตันสำหรับข้าว 25%

 

จำนวนข้าวราวครึ่งหนึ่งจากไทยและฟิลิปปินส์จะต้องมีการจัดส่งก่อนสิ้นเดือนมี.ค. และที่เหลือจะจัดส่งในปลายเดือนเม.ย.

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2104080

 

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์แทบไม่ขยับ รอสหรัฐเผยตัวเลขจีดีพีคืนนี้

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 19:59:42 น.

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวแคบในวันนี้ ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 4 ของสหรัฐ รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

 

ณ เวลา 19.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 9 จุด หรือ 0.05% ที่ระดับ 18,194 จุด

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กดิ่งลงอย่างหนัก นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานที่ซบเซาของสหรัฐยังส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ปิดในแดนลบด้วย

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ประมาณการจีดีพีประจำไตรมาส 4/2557 ครั้งที่ 2, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค.

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2104086

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10929979_804223416280268_7847448855395604539_n.jpg?oh=cbb86c197089402928a3c185e7ab9646&oe=558D4918&__gda__=1434909841_ca0d6ccc9ac24ce003b43997a42589b2

สวัสดีพี่น้อง

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดเพิ่ม $3 จากกระแสคาดเฟดไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 06:50:52 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) หลังจากที่สหรัฐเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ที่ลดลงจากประมาณการเบื้องต้น ขณะที่นักลงทุนเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะยังไม่รีบคุมเข้มนโยบายการเงิน

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3.00 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ระดับ 1,213.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับตัวลง 6.6 เซนต์ หรือ 0.40% ปิดที่ 16.558 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 12 ดอลลาร์ หรือ 1.02% ปิดที่ 1,185.60 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้น 8.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 819.50 ดอลลาร์

 

ภาวะซื้อขายได้แรงหนุนจากรายงานจีดีพีของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ โดยทางกระทรวงฯได้เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยระบุว่ามีการขยายตัว 2.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 2.6%

 

อย่างไรก็ตาม ราคาทองถูกกดดันเล็กน้อยจากรายงานผลสำรวจของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นสุดท้ายของเดือนก.พ.ขยับขึ้นสู่ระดับ 95.4 จากตัวเลขเบื้องต้นที่ 93.6 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 94.0 โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มการจ้างงานและค่าแรงที่ดีขึ้น

 

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งยังไม่มีทิศทางบวกหรือลบที่แน่นอนได้ช่วยสนับสนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจะไม่รีบร้อนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระยะนี้ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ โดยระบุว่า เฟดจะพิจารณาปัจจัยที่หลากหลายทางเศรษฐกิจเพื่อประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยกล่าวว่ากำหนดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มการปรับตัวทางเศรษฐกิจ

 

นางเยลเลนกล่าวว่า เฟดจะพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยขึ้นอยู่กับการประชุมในแต่ละครั้ง ขณะที่เฟดจะดูความคืบหน้าในตลาดแรงงาน และจับตาภาวะเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้ระดับ 2% ตามเป้าหมายของเฟด

 

นางเยลเลนยังระบุด้วยว่า คณะกรรมการเฟดมองว่าขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่ภาวะเศรษฐกิจจะหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อย่างน้อยในช่วงการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2104106

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 81.72 จุด หลังGDPสหรัฐลดลงจากประมาณการเบื้องต้น

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 06:13:57 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยข้อมูลจีดีพีไตรมาส 4 ที่ลดลงจากรายงานเบื้องต้น

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 81.72 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 18,132.70 ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.24 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 2,104.50 จุด และดัชนี Nasdaq ลบ 24.36 จุด หรือ 0.5% ปิดที่ 4,963.53 จุด

 

อย่างไรก็ดี ตลอดทั้งเดือนก.พ. ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 5.6% ซึ่งมากที่สุดในรอบ 2 ปี ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 5.5% ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2554 พร้อมทำนิวไฮได้ถึง 4 ครั้งในเดือนนี้ และ Nasdaq ทะยาน 7.1% ในเดือนก.พ.

 

โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นหลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนางเยลเลนได้กล่าวในระหว่างการเข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร ว่าคณะกรรมการเฟดมองว่าขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่ภาวะเศรษฐกิจจะหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อย่างน้อยในช่วงการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า และเฟดจะพิจารณาปัจจัยที่หลากหลายทางเศรษฐกิจเพื่อประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในขณะนี้เงินเฟ้อและการขยายตัวของค่าแรงยังต่ำเกินไปสำหรับการที่ธนาคารจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย

 

สำหรับในวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยระบุว่ามีการขยายตัว 2.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 2.6%

 

ขณะที่ผลสำรวจของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นสุดท้ายของเดือนก.พ.ขยับขึ้นสู่ระดับ 95.4 จากตัวเลขเบื้องต้นที่ 93.6 แต่ต่ำกว่าระดับ 98.1 ของเดือนม.ค.

 

ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนม.ค.อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2004 โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มการจ้างงานและค่าแรงที่ดีขึ้น

 

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 94.0 ในเดือนก.พ.

ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวขึ้น 1.7% แตะระดับ 104.2 ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ

 

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีพุ่งขึ้น 8.4% ในเดือนม.ค. โดยค่าดัชนีที่สูงกว่า 100 บ่งชี้ถึงการขยายตัว

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะเพิ่มขึ้น 2% ในเดือนม.ค.

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2104105

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับผลประกอบการสดใส

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 06:01:49 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกต่อเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) หลังจากที่แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 ในการซื้อขายเมื่อวันก่อน โดยตลาดขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดจากหลายบริษัท ซึ่งรวมถึงแอร์บัส นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐซึ่งออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 392.21 จุด สำหรับตลอดเดือนก.พ. ดัชนีพุ่งขึ้น 6.9% เพราะได้ปัจจัยบวกจากการที่กรีซบรรลุข้อตกลงความช่วยเหลือทางการเงิน และธนาคารกลางยุโรปประกาศทำ QE

 

 

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 40.86 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 4,951.48 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 74.47 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 11,401.66 จุด ดัชนี FTSE 100 ขยับลง 3.07 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 6,946.66 จุด

 

หุ้นยุโรปปรับตัวลงในช่วงแรกของการซื้อขาย โดยลดลงไปถึง 0.3% ก่อนที่จะพลิกกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวก ภายหลังจากที่มีการเปิดเผยผลสำรวจของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นสุดท้ายของเดือนก.พ.ขยับขึ้นสู่ระดับ 95.4 จากตัวเลขเบื้องต้นที่ 93.6 โดยถึงแม้ตัวเลขเดือนก.พ.ต่ำกว่าระดับ 98.1 ของเดือนม.ค. แต่ก็ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 94.0

 

ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยระบุว่ามีการขยายตัว 2.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 2.6% แต่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า GDP จะขยายตัว 2% ในไตรมาส 4

 

ในส่วนของข้อมูลภาคธุรกิจ หุ้นแอร์บัส กรุ๊ป พุ่ง 7.2% หลังบริษัทรายงานผลกำไรที่ปรับตัวขึ้นถึง 15% จากการส่งมอบเครื่องบินพาณิชย์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังเผยด้วยว่าจะเพิ่มการผลิตเครื่องบิน A320 เป็น 50 ลำต่อเดือนภายในปี 2560

 

หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป (IAG) พุ่งขึ้น 3.66% หลังจากบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้ 22% ซึ่งสร้างความพอใจให้กับนักลงทุน

 

ด้านลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป บวก 0.6% ภายหลังธนาคารเผยกำไรสุทธิที่ 1.499 พันล้านปอนด์ (2.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2557 ซึ่งดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับตัวเลขขาดทุนสุทธิ 802 ล้านปอนด์ในปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ธนาคารที่รัฐบาลอังกฤษถือครองหุ้นอยู่ 23.9% ยังได้ประกาศจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2551

 

ส่วนหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ (RBS) ลดลง 5.02% ซึ่งร่วงหนักสุดในรอบปี หลังจากที่มีรายงานความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสอบสวนคดีการปั่นค่าเงิน

 

สำหรับในสัปดาห์หน้า นักลงทุนจับตาการประกาศกรอบการทำงานของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ตามที่ ECB ได้เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรจำนวน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน จนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า โดยเริ่มต้นในเดือนมี.ค. ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่าระดับ 5 หมื่นล้านยูโรที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2104104

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดดีดขึ้น $1.59 หลังร่วงหนักวันก่อน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 07:46:45 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) เนื่องจากแรงซื้อทำกำไร หลังจากที่ราคาร่วงลงอย่างหนักแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่นักลงทุนมองว่า ราคาน้ำมันที่ลดลงกำลังส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมพลังงานลดการลงทุนในการผลิตน้ำมัน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 1.59 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 49.76 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับตลอดสัปดาห์ ลดลง 2.1% และเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนก.พ.

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ดีดขึ้น 2.53 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 62.58 ดอลลาร์/บาร์เรล และเพิ่มขึ้น 3.9% ในรอบสัปดาห์ ขณะที่ตลอดทั้งเดือน สัญญาเบรนท์พุ่งขึ้น 18% มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2552

 

ทั้งนี้ หลังจากที่ลดลงในช่วงตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบก็กลับมาปรับตัวขึ้นได้เป็นครั้งแรกในเดือนก.พ. โดยเฉพาะสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี

 

ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่มีอยู่สูงเกินไปได้ฉุดราคาน้ำมันให้ร่วงลงเมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 8 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ก.พ. พุ่งขึ้น 8.4 ล้านบาร์เรล แตะที่ 434.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 4 ล้านบาร์เรล และมากกว่าปีก่อนหน้านี้ถึง 71.7 ล้านบาร์เรล

 

ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 2.419 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันในรอบสัปดาห์ดังกล่าวพุ่งขึ้นแตะ 9.285 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526

 

ขณะที่ในวันศุกร์ บริษัท เบเกอร์ ฮิวส์ เปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าปริมาณการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง โดยแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่ยังคงทำงานอยู่นั้น ลดลง 43 แห่ง มาอยู่ที่ 1,267 ณ วันที่ 27 ก.พ. ซึ่งลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 12 ติดต่อกัน และลดลง 502 แห่งจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

นักลงทุนจับตาการหดตัวลงของจำนวนแท่นขุดเจาะ เนื่องจากเป็นสัญญาณหนึ่งที่สะท้อนถึงการผลิตน้ำมันที่ลดลง อันอาจหมายถึงปริมาณน้ำมันดิบที่จะเข้าสู่ตลาดน้อยลงด้วย

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า สถานการณ์อุปทานล้นตลาดคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงข้ามคืน แต่ถึงกระนั้นก็เริ่มมีสัญญาณว่าราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำกำลังทำให้หลายบริษัทชะลอการผลิต

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2104107

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'วันนี้อย่าเอาเรื่องทุกอย่างมาตีกัน ยุ่งตายเลยนะ ไม่เอา'

 

 

ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- เสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 00:00:15 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ คืนวันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558

สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกคน

 

สำหรับการดูแลเศรษฐกิจในขณะนี้นั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างเต็มที่นะครับ ในการที่จะดูแลให้ครบทุกภาคส่วน เราอาจจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ นะครับ ก็คือ ระดับประเทศ ก็ได้แก่ การค้าการลงทุน ในเรื่องของเศรษฐกิจมหภาค และก็ในระดับชุมชนนะครับ ที่เน้นกลุ่มชาวบ้าน ผู้มีรายได้น้อยต่างๆ รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบพื้นที่ของรัฐบาลที่ผ่านมานะครับ ในช่วงเวลาที่เราจำเป็นต้องเข้ามาดูแลให้มันถูกกฎหมายนะครับ บางธุรกิจที่ไม่ถูกกฎหมายเหล่านั้นต้องมีการจัดการ บริหารจัดการ แต่ทำอย่างไร จะทำให้คนที่เดือดร้อนเหล่านั้นไม่ได้รับผลกระทบ ในส่วนของการปราบปรามการผิดกฎหมายนั้น ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องนะครับ เรื่องอาชญากรรม เรื่องการบุกรุกป่า การสร้างความเดือดร้อน ผู้มีอิทธิพลต่างๆ เหล่านั้น รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยให้ฝ่ายความมั่นคงนั้นได้ไปพิจารณาดำเนินการอย่างต่อเนื่องนะครับ

 

 

 

สำหรับรถไฟความเร็วสูง นั้น หลายคนก็มีความกังวลว่าราคามันแพงเกินไปไหม ผมดูตัวอย่างจากประเทศญี่ปุ่นนะครับ ในช่วงแรกอาจจะราคาสูง คนยังใช้บริการไม่เต็มที่ เขาใช้รายได้ที่ได้มาจากการค้าขายหรือสัมปทานในตลอด 2 เส้นทางนะครับ ในการที่จะจัดทำศูนย์การค้า ทำอะไรล่ะ ทำตลาดนะครับ ที่ผมมองเห็นนะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐกับเอกชน คง

 

ไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งรับไป เพราะว่าอาจจะ

ทำให้เกิดประโยชน์ต่อชาติไม่ได้เท่าที่ควร

แล้วก็อาจจะสร้างความไม่ไว้วางใจ

กับสังคม กับประชาชนโดยรวม

ด้วยนะครับ ผมให้พิจารณา

นอกจากศูนย์การค้าอะไร

แล้วนี่ ถ้าคิดจะทำร่วมกัน ก็อาจจะให้ลงทุนในเรื่องของการจัดตั้งอาคารที่อยู่อาศัยให้กับคนที่มีรายได้น้อย สร้างตลาด สร้างอะไรต่างๆ ให้เขามีรายได้ เราจะได้ขยับขยายชุมชนเมืองที่แออัดอยู่ในขณะนี้ แล้วก็มีพื้นที่สำหรับการค้าขายให้กับประชาชนที่เราจำเป็นต้องจัดระเบียบในขณะนี้ด้วยนะครับ อันนี้มันจำเป็น นี่คือเหตุผลหลักของผม ในเรื่องของรถไฟความเร็วสูงนั้น แน่นอน การลงทุนก็ต้องสูงตามไปด้วย แต่ถ้าเรามีภาคเอกชนมาร่วมด้วยนี่ ผมคิดว่าขณะนี้ก็หลายบริษัท หรือหลายกลุ่ม นักธุรกิจขนาดใหญ่ก็ให้ความสนใจนะครับ แล้วก็พร้อมจะร่วมมือกับรัฐบาล ก็ต้องดูข้อตกลงกันให้ชัดเจนขึ้นนะครับ อย่ากังวลในเรื่องนั้น

 

ด้านกฎหมายและการป้องกันการทุจริต เช่น นโยบายเร่งรัดพิจารณากฎหมายสำคัญคดีที่สำคัญ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน

และในเรื่องที่ 5 คือ ด้านการต่างประเทศ เช่น การเตรียม มาตรการรองรับการเข้าสู่ AEC นะครับ ทั้งกฎหมาย การเชื่อมต่อเส้นทางถนนด่านศุลกากรเหล่านี้ เราก็ต้องดำเนินการด้วยนะครับ แล้วก็ในเรื่องของการติดตามความก้าวหน้าตามข้อตกลงต่างประเทศ ซึ่งบางอย่างนั้นยังไม่ได้ดำเนินการนะครับ ข้อตกลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม CLMV นะครับ ก็คือรอบบ้านเรานะครับ กับคู่เจรจาอื่นด้วยนะครับ ทั้งทวิภาคี พหุภาคี ต้องทำทั้งหมดนะครับ ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการติดตามงานเร่งด่วนทั้ง 5 ด้าน แล้วก็จัดทำแผนการขับเคลื่อนในระยะ 3 เดือน/ 6 เดือน/ 9 เดือน นะครับ ผมจะกำกับดูแลในเรื่องนี้เป็นพิเศษ

 

ในเรื่องของเรื่องศาสนา นั้น ในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ผมได้มอบหมายให้รองนายกฯ วิษณุ และรัฐมนตรี สุวพันธุ์

ได้ไปศึกษาทำความเข้าใจกับประเด็นของปัญหา แล้วใครที่เกี่ยวข้องนะครับ ผมไม่อยากเรียกว่าคู่ขัดแย้ง

 

เพราะเป็นเรื่องของศาสนา เรื่องใดที่เป็นการกระทำผิดข้อกฎหมาย เกี่ยวกับเรื่องระบบการเงิน การคลัง

หรืออะไรก็แล้วแต่ นี่ก็เป็นเรื่องของรัฐนะครับ จะต้องดำเนินการ

 

ในส่วนของทางอะไร ทางศาสนา เรื่องของพระ เรื่องของอะไรต่างๆ

ก็อาจจะต้องตั้งคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์มาช่วยดูแล ตอนนี้กำลังคิดอยู่นะครับ

ก็จะได้ช่วยการทำงานของคณะสงฆ์เดิมที่มีอยู่แล้ว ให้มีประสิทธิภาพ ได้รับความเชื่อถือ

เป็นสิ่งสำคัญนะครับ เพราะเป็นศาสนาของประเทศ

 

ปัจจุบันมีคดีความต่างๆ ที่รัฐดำเนินการอยู่แล้วนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ศาสนจักรเหล่านี้

ก็คงเป็นเรื่องที่เราต้องให้ทั้งสองฝ่ายดูแลไปพร้อมๆ กันด้วยนะครับ ก็อย่าไปก้าวก่ายซึ่งกันและกันให้มากนักนะ

 

ก็ทำให้เกิดความโปร่งใสขึ้น คิดว่าทางฝ่ายคณะสงฆ์ก็ต้องยอมรับนะครับ แล้วก็ฝ่ายประชาชน

ก็ต้องยอมรับในการพูดคุยหารือกันในเรื่องนี้นะครับ ก็มีองค์กรกำกับดูแลอยู่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ประเทศชาติก็มีอยู่หลายเรื่องนะครับ

ที่สำคัญ ที่ผมต้องรีบดำเนินการ ก็ขอความร่วมมือทุกพวกทุกฝ่ายนะครับ

ช่วยกันขจัดความขัดแย้งให้ได้ พูดจาหารือหาทางออกกัน ใครผิดก็ว่าไปนะครับ

อย่าใช้กระแส อย่าใช้การชุมนุม

อย่าใช้อะไรมาทำให้เกิดความวุ่นวายอีกก็แล้วกัน นะครับ ขอร้อง ขอร้องจริงๆ

 

ในเรื่องสิทธิมนุษยชน การแก้ปัญหาค้ามนุษย์ แล้วก็ประมง IUU นะครับ รัฐบาลให้ความสำคัญต่อปัญหานี้มากเลยนะครับ

เพราะว่ามีกำหนดเวลาที่ชัดเจน เพราะเราต้องชี้แจงเขาให้ได้แล้วก็ดำเนินการ ผลงานที่มีความก้าวหน้าให้เขาได้อย่างเป็นรูปธรรม การค้ามนุษย์และปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง เราได้มีการหารือแบบทวิภาคีนะครับ เพื่อเร่งปรับปรุงบันทึกความเข้าใจด้านแรงงานกับประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ ลาว เมียนมาร์ กัมพูชา วันนี้ก็ต้องขยายไปเวียดนามด้วยนะครับ แล้วก็เตรียมแผนระยะต่อไปด้วย จะมีการขยายขอบเขตความร่วมมือใน 4 ประเด็น คือ 1) ความร่วมมือด้านวิชาแรงงานของประเทศต่างๆ ในกลุ่มซีแอลเอ็มวี กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และไทย อันที่ 2 คือ มาตรฐานฝีมือแรงงาน อันที่ 3 การนำเข้าและส่งออกแรงงาน อันที่ 4 คือความร่วมมืออื่นๆ ซึ่งหลังจากการหารือแล้ว ก็จะเป็นการเจรจาเป็นรายประเทศ คาดว่าจะสามารถเริ่มต้นได้ในเดือนมีนาคมนี้นะครับ

 

ในเรื่องความก้าวหน้าในการดำเนินงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นะครับ วันนี้ได้พิจารณาร่างกฎหมายทั้ง คสช., ครม. และ สนช. เสนอเอง รวม 88 ฉบับแล้วนะ อันนี้เป็นกฎหมายที่เสนอเข้าไปแล้วผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการแล้ว เห็นควรประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป 63 ฉบับ ที่เหลือก็ยังคาอยู่ในการพิจารณานะครับประมาณ 20 กว่าฉบับ แล้วก็ยังมีเตรียมการเสนอเข้าไปใหม่อีก ถ้าไม่ทันก็ไปเสนอต่อ เมื่อไรก็เมื่อนั้นนะ แต่วันนี้ก็จะเร่งรัดที่จำเป็นออกมาก่อน เพื่อให้มันแก้ปัญหาประเทศชาติให้ได้ ก็อย่ามาคิดว่าทำเพื่อไปปิดกั้นใคร รังเกียจรังงอนใครนะ ไม่ใช่หรอก ทำไม่ได้หรอก ผมไม่ใช่คนคิดแบบนั้นเลย ผมรับผิดชอบทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ผมก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน

 

วันนี้ผมมาเพื่อหยุดความขัดแย้ง ให้ความเป็นธรรม ใช้หลักนิติธรรมนะ เพราะงั้นจะบอกว่า เอ๊ะ ทำไม่ต้องดำเนินคดีนี้

ก็ทำความผิดกันหรือเปล่าล่ะ ถ้าทำความผิดก็ต้องเข้ามากระบวนการยุติธรรม แล้วก็ต่อสู้กัน ก็แค่นั้นเอง

จะเห็นว่าวันนี้ก็มีคดีหลายคดี ก็มีทุกพวกทุกฝ่ายเข้ามา ก็ไปสู้คดีกันให้ได้แล้วกันนะครับ

คราวนี้ก็กำลังผลักดันต่อนะครับเรื่องกฎหมายสำคัญอีกหลายอันนะ พันธสัญญา ข้อตกลงการค้า

 

ผมบอกแล้วไงว่า ถ้าเราจะทำให้ประเทศชาติเราเข้มแข็ง มันจะต้องมีกฎหมาย มันจะต้องมีกติกา ที่จะอำนวยความสะดวกทั้งในเรื่องการค้าของต่างประเทศ แล้วก็ของคนไทยด้วย ที่ไม่เสียเปรียบนะครับ

แล้วคนไทยต้องมีมาตรการในการป้องกันสินค้า การทุ่มสินค้าของต่างประเทศเหมือนกัน ดังนั้น

การสร้างความเข้มแข็งมีหลายมิตินะครับ ในเรื่องของการแก้ปัญหาความเดือดร้อนแล้วก็การเดินหน้าประเทศขับเคลื่อนนี่

รัฐบาลทำอย่างต่อเนื่องนะครับ กับ คสช.ด้วยนะ

 

คสช. นี่เป็นต้นกำเนิดนะ ที่เราบอกว่าคำว่า 5 สาย จริงๆ แล้วมาจาก คสช.หมด เพราะงั้น คสช.จะต้องรับรู้รับทราบ

แล้วก็เห็นด้วยทุกอย่างนะ ทั้งรัฐบาล สปช. สนช. เห็นด้วยว่าควรดำเนินการ

แต่จะดำเนินการอย่างไร ก็เป็นเรื่องของคณะทำงาน อนุกรรมาธิการต่างๆ ก็ไปพิจารณามานะครับ

แก้ไขกันตรงไหนก็ว่ามา แต่ผมจะไม่ให้แนวทางว่า เอ้อ ไปกำจัดใคร

ไปดำเนินการกับใครเป็นพิเศษ ไม่มี ไม่เคยทำนะ ก็เป็นเรื่องของการพิจารณามานะครับ ก็เป็นกลไกปกติอยู่แล้ว

 

เรื่องความก้าวหน้าในการดำเนินงานของสภาปฏิรูปนี่ ก็ได้เรียนไปแล้วว่า 18 คณะนะ ก็ให้ส่งความคิดเห็นและข้อเสนอแนะไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดนั่นที่ปฏิรูปนั่น ยังไม่มีผลทางปฏิบัติเลยนะ เขาเพียงแต่คิดกันขึ้นมาว่า เอ๊ะ มันจะไปยังไงในวันหน้า ก็เดี๋ยวไปหารือกันอีกครั้ง อย่าเพิ่งไปวิตกกังวล ต้องคณะโน้น คณะนี้ ต้องยุบคณะนี้ตั้งคณะโน้น อะไรเป็น มันวุ่นไปทั้งหมดเลย ผมว่าความตั้งใจของสภาปฏิรูปเขาก็ดีนะ ตั้งใจ แต่วิธีการว่าจะทำเมื่อไร เดี๋ยว คสช.ดำเนินการ ว่าจะตัดทอนกันตรงไหน ตรงไหนระยะที่ 1 ระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ใช่ไหม อย่าไปกังวล ทุกคนกังวลไปหมดเลย สรุปว่าที่เราทำดีๆ นี่ไม่ได้ฟัง ไปฟังที่ตัวเองไม่ชอบ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ชอบยังไม่เกิดเลย เข้าใจไหม สภาปฏิรูปพูดมา หรือ สนช.ทำกฎหมาย อันไหนยังไม่เสร็จก็ยังไม่เกิด ปฏิรูปอันไหนยังไม่มีบังคับตามกฎหมายก็ทำไม่ได้อยู่แล้วนะ ร่างรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ผ่านความเห็นชอบของทุกคณะเลย แล้วมันจะไปกลัวอะไรล่ะตรงนี้ เดี๋ยวมาดูกันนะ ท้ายที่สุดก็ต้องมาคุยกัน เอ๊ะ แล้วมันจะไปกันยังไง วันนี้อย่าเอาเรื่องทุกอย่างมาตีกันในเรื่องที่เราต้องแก้ปัญหาประเทศ เศรษฐกิจ การเมือง ความปลอดภัย การท่องเที่ยว รายได้ประเทศ อย่าเอามาตีกันทั้งหมด ยุ่งตายเลยนะ ไม่เอา

 

กรอบการปฏิรูป วันนี้ก็มีตั้ง "36 วาระการปฏิรูป" กับอีก "7 วาระการพัฒนา" ไม่ว่าจะเป็นระบบแรงงานต่างชาติ, การพัฒนาภาคการผลิต การเกษตร-อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว, บริการ, ระบบโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน, การพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ, เหล่านี้เป็นเรื่องที่เขาคิดต่อจากที่ทำอยู่ขณะนี้ วันนี้เราเริ่มต้นทั้งหมด นโยบายรัฐบาลเขาก็มาขัดกับที่รัฐบาลทำวันนี้ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะรัฐบาลนี้เป็นคนดำเนินการอยู่ ทุกเรื่องเลยเราทำอยู่แล้ว แต่เขาก็ต้องคิดว่า ต่อไปจะเป็นยังไง พัฒนากันต่อก็เรื่องอนาคตนะ เอาตอนนี้ฟังรัฐบาลอย่างเดียวแล้วกัน ไปก่อนได้ไหม สิ่งสำคัญก็เรื่องของการปรับ ปลูกฝังทัศนคติ ด้านสิทธิมนุษยชนบ้าง ด้านความโปร่งใส-คุณค่าความเป็นมนุษย์-สำนึกจิตสาธารณะ ดูแลเรื่องสตรี เด็ก คนชรา ผู้สูงวัย ผู้ด้อยโอกาส อะไรเหล่านี้นะ

 

มันเป็นกระแสโลกนะครับ จะต้องพัฒนาให้สอดคล้องกัน อันนี้ก็ปฏิรูปค่อยว่ากัน เราก็เริ่มต้นหลายเรื่องทั้งหมดนี่ ทำมาทั้งหมดอ่ะนะ บางอย่างก็ทำมาแล้ว บางอย่างก็ไม่เคยทำ วันนี้รัฐบาลทำไปแล้ว ฟังตรงนี้ดีกว่า ฟังว่ารัฐบาลพูดอะไรแล้วนี่มาคุยกับรัฐบาลนะครับ ในเรื่องของปฏิรูประยะยาวทำอะไรไปคุยกับเขาโน่น กฎหมายอยากจะแก้ ไม่เห็นด้วย ก็ไปคุยกับคณะกรรมาธิการ ทำไม ถ้าเราเอาทุกอย่างมารวมกันนะไปไม่ได้ซักอันนะ หัดเข้าหาช่องทางที่มันถูกต้อง แล้วบางทีไปพูดในสื่อ ผมฟังแล้วก็เอ้ ทำไมเขาไม่เข้าใจเรานะ บางทีพูดคนละเรื่องนะ หลายรายการนะ หลายรายการหลายช่องซึ่งยังมีปัญหาอยู่นะ ซึ่งผมคงต้องเรียกมาพูดคุยนะ ไม่ได้เป็นการปิดกั้นท่าน แต่เวลาเอานักวิชาการ หรือเอาใครไปพูดมันพูดคนละเรื่อง มันพูดในสิ่งที่ไม่ใช่นะ ที่ไม่ตรงอ่ะนะเป็นเรื่องของอนาคตด้วยอะไรด้วยมาพูดมันยังไม่ใช่ วันนี้ผมอยากให้ทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนประเทศดีกว่ามั้ง สร้างความปรองดอง สร้างความอะไรให้ได้ อะไรเป็นเรื่องของแต่ละพวก แต่ละฝ่าย ก็ปล่อยเขาทำไปซิ ตอนท้ายสรุปมาว่ากันอีกทีอย่ามาตีกันได้ไหม?

 

ต่อไป เรื่องความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็เกือบจะได้ข้อยุติ ก็เดือนกันยา.มั้ง ต้องมากันอีกที ผ่าน ครม. คสช. อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็อาจจะต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชนเพิ่มเติมอะไรทำนองนี้ แต่ทุกอย่าง คสช.เป็นผู้ตัดสินใจ ว่ามันจะเดินยังไง รัฐบาลหน้าจะต้องเป็นยังไง แต่ทั้งนี้เราก็จะไม่ออกนอกกรอบของประชาธิปไตยจนเกินไป แต่ทุกคนต้องเข้าใจว่ามันเป็นสถานการณ์ไม่ปกตินะ ถ้าทุกคนเรียกร้องประชาธิปไตย แล้วทุกอย่างกลับมาแบบเก่า มันทุกอย่างก็แบบเก่าหมด แล้วจะทำทำไม มันก็ต้องยอมรับกันบ้าง ผมไม่ได้ไปปิดกั้นใครอยู่แล้วนะ กฎหมายก็คือกฎหมาย ผิดก็คือผิด เพราะงั้นเนื้อหาอะไรที่เขาทำขณะนี้ก็มีเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์นะภาคที่ 1 และประชาชนใช่ไหมครับ อันที่ 2 ภาคที่ 2 ว่าด้วยผู้นำการเมืองที่ดี สถาบันการเมือง และระบบผู้แทนที่ดี ภาคที่ 3 ว่าด้วยเรื่องของหลักนิติธรรม ระบบศาล และองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และในส่วนสุดท้าย ภาค 4 จะเป็นเรื่องของการกำหนดแนวทางในการปฏิรูปประเทศ การสร้างความปรองดอง และการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมนะครับ

 

ซึ่งปัจจุบันนั้นก็คณะกรรมาธิการก็รายงานว่าเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว กำลังพิจารณาเนื้อหารายมาตรา เหลือส่วนสำคัญในภาค 2 เกี่ยวกับผู้นำการเมืองที่ดีและระบบผู้แทนที่ดี และเนื้อหาส่วนอื่นอีกเล็กน้อยนะครับ เมื่อเสร็จแล้วก็ สปช., ครม. และ คสช. ต้องดูอีกครั้ง ถ้ามีอะไรแก้ไข ก็ต้องส่งกลับไปอีก ไปให้คณะกรรมาธิการแก้ไขตามที่เห็นสมควร แล้วก็เสนอ สปช.ให้เห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ทั้งฉบับ แล้ว คสช.หรือรัฐบาลก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นลำดับต่อไป อันนี้เป็นขั้นตอนที่มันมีอยู่ตั้งหลายขั้นตอนนะ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปเดือดร้อนมากนักนะ ทุกคนก็ต้องยอมรับว่าเอ๊ะ ที่ผ่านมามันมีปัญหาอะไร ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องตรงไหน อะไรที่ทำแล้วทำให้บ้านเมืองเสียหาย ก็ต้องแก้ไขซิ ถ้าคิดว่าตัวเองหรือใครจะเข้ามาแก้ปัญหาของเราก็ต้องแก้ไข ไม่ใช่ต้านทั้งหมด แล้วจะกลับไปแบบเก่า ย้อนไปโน่น ไปนี่ ผมว่าวันนี้มันต้องทำเพื่อวันนี้ และเพื่ออนาคตนะ

 

เรื่องการขับเคลื่อนข้าราชการ ในแต่ละจังหวัดและท้องถิ่น ต้องขอร้องนะ ขอร้องอย่าให้ผมต้องไปใช้อำนาจอะไรมากมายเลย ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เป็นกลไกหลักนะครับในการขับเคลื่อนงานนโยบายทุกนโยบายนะครับ แล้วก็ทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่มีตัวแทนของทุกกระทรวงไปอยู่ที่จังหวัดด้วย ทุกคนจะต้องร่วมมือกับผู้ว่าฯ ไม่งั้นก็ทั้งหมดนะ ต้องรับผิดชอบ แก้ปัญหา เอาปัญหามาขับเคลื่อน บูรณาการแผนงานโครงการนโยบาย ในลักษณะของ ก.น.จ.ด้วยนะครับ มีทั้ง ฟังก์ชั่น งบประมาณ บูรณาการจังหวัด มีทั้งของท้องถิ่นด้วย อะไรด้วยนะ แล้วก็มีงบที่เร่งด่วน รัฐบาลก็อัดฉีดลงไปอีก นั้นแหละทุกงบแหละ ผู้ว่าฯ ต้องไปดู ทำดีก็ได้ดีนะครับ เพราะงั้นตั้งแต่ระดับปลัด/อธิบดีสำนักลงไป ในระดับของบังคับบัญชา ไปถึงผู้ว่าฯ นายอำเภอ หัวหน้าหน่วยงาน ทุกคนต้องทุ่มเทนะครับ ทุ่มเทเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ อย่าให้มีหนังสือเรียกร้องมา วันนี้ผมรับมาเยอะมาก เดี๋ยวจะสอบสวนเป็นรายๆ ไปนะ ทำไมต้องกลัว ทำดีไม่ต้องกลัว ทำให้เร็ว ช้าก็โดน ทุจริตก็โดน เอางี้แล้วกันนะ ไม่งั้นไม่เกิด ใครไปเรียกร้อง ส่งชื่อมา ผมจะสอบสวนพักราชการทันที

 

เรื่องความเข้มแข็ง อปท. วันนี้ปัญหาทางเทคนิคและทางธุรการ เรื่องกฎระเบียบ ขั้นตอนต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป บางครั้งรูปแบบของเอกสารต่างๆ บางทีทำไม่สมบูรณ์ นี่ผมให้กระทรวงมหาดไทยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงบประมาณ ไปชี้แจง ไปเปิดอบรมซิว่า ทำไงเขาจะเข้มแข็งขึ้น อบต. อบจ. กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, ไปสัมมนากันซะที สัมมนาเรื่องอื่นๆ เยอะแยะแล้ว

 

ไอ้สัมมนาเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพนี่ บอกเขาเลยว่าการบริหารราชการแผ่นดินเป็นอย่างนี้ รัฐบาลเป็นอย่างนี้ กระทรวงเขาทำงานอย่างนี้ ลงมาข้างล่างก็ต้องทำแผนงานให้สอดคล้องกันอย่างไร อะไรจะสอดคล้อง อะไรจะประสานกัน มันจะสอดประสานกันยังไง ต้องไปสอนแบบนี้นะ สัมมนาเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้ตั้งนาน แล้ววันนี้ก็ยังไม่เข้มแข็งเรื่องการจัดทำแผนงาน ที่ดีๆ เยอะเยอะมาก แต่ที่ไม่ดีทำให้ช้าไง ที่ยังไม่พร้อม ทุกคนผมว่าดีหมด แต่ไม่พร้อม แล้วผู้มีอิทธิพลอย่าให้มีนะ ก็อย่าไปเป็นกรรมการเอง อนุมัติเอง แล้วก็ประกอบการเอง ต้องไม่มีแล้ว มีไม่ได้ มีก็มีปัญหา ห้ามเลยนะ ต่อไปนี้ แผนงานของรัฐนี่ถ้าเป็นเจ้าของ มันไปทำไม่ได้โดยเฉพาะท้องถิ่นนะ ก่อส้งก่อสร้างมันเสียหายไปหมด ไปหาบริษัทอื่นมา เดี๋ยวเรื่องการทำงานเหล่านี้นะ มันมี พ.ร.บ.เรื่องข้อมูลใช่ไหม การให้ข้อมูลผมสั่งสำนักงบประมาณไปแล้ว ว่าให้เอาออกเว็บไซต์ทั้งหมดว่างบประมาณรัฐบาลเป็นยังไงขณะนี้ ออกไปยังไง ไปที่ไหนบ้าง งบบริหารจัดการน้ำ งบถนน งบอะไร ไปเปิดดูในเว็บไซต์ของสำนักงบประมาณ กับเว็บไซต์ ของรัฐบาล ท่านจะได้รู้ว่าเขาจะเกิดที่ไหนบ้าง แล้วท่านจะได้ไปเตรียมการประมูล จัดซื้อจัดจ้าง นี่ผมให้แล้วนะ ให้ข้อมูลแล้ว อย่าหาว่าปิดบัง ผมไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้ว เพราะงั้นให้บริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพนะ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น เทศบาล ช่วยกันแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนนะครับ

 

การอบรมดูงานต่างประเทศ วันนี้ผมไม่ให้ไปนะ ไม่อยากให้ไปดูงานต่างประเทศ เว้นไปติดต่อราชการไปประชุมนี่ได้ ผมว่าถ้าจะไปดูงานต่างประเทศจัดประชุมในประเทศไทย สัมมนาประเทศไทย แล้วเชิญคนที่จะไปดูมาบรรยาย ใช้งบประมาณถูกกว่านะ หรือเอาภาพยนตร์ เอาวีดิทัศน์ เอาอะไรมาดู เอาตำรา เอาเอกสารมาดู ผมว่าความรู้เราเยอะแยะไป มันอยู่ที่ว่าทำได้หรือเปล่า ตั้งใจจะทำไหม เท่านั้นแหละ ไปหาวิทยากรมาบรรยายในประเทศไทย ต้นทุนที่ถูกกว่า ไปดูงานไว้วันหลัง มีรัฐบาลเลือกตั้งแล้วค่อยไปดู ผมไม่รู้..ไม่เกิดประโยชน์ ไม่ให้ไป แล้วก็ขอชื่นชมนะครับเขาจะได้ ถ้าใครทำอย่างนี้อยู่แล้ว ก็เวลาเขามาเขาจะได้มาเห็นประเทศไทยด้วยเลยไง วิทยากรเขาจะได้มาเห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างที่สื่อโซเชียลมีเดียบางสื่อ บางคน บางรายสื่อออกไป ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เขามาจะได้ชื่นชมนะ

 

อยากให้ทุกคนบันทึกไว้ด้วยนะปีนี้ จากปีนี้ ปีหน้า ปีต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงครบ 88 พรรษาแล้ว สมเด็จทรง 84 นะครับ อีกหลายพระองค์ก็ครบ 60 นะ ปีนี้ก็สมเด็จพระเทพรัตนฯ 60 ถ้าทำถวายนี่ เอาแค่ 4 พระองค์ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ก็อีก 3 ปี ถ้าทำครบพระองค์ก็ 4 อย่างแล้วนะ ถวายพระองค์ละอย่าง แต่ผมว่าทำได้มากกว่านั้นนะ อย่างที่ผมกำลังพยายามทำอยู่นี่ ผมทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ทุกเรื่องนะก็ต้องทำนะ ได้แค่ไหนก็ต้องทำ ต้องอดทนนะ

 

สำหรับวันอาทิตย์นี้เป็นวันสุดท้ายนะครับที่มี ตลาดกล้วยไม้ ตลาดน้ำข้างทำเนียบรัฐบาล แต่บอกแล้วว่าจะขยายอย่างอื่นต่อไปนะครับ ก็ให้คึกคักไปเรื่อยๆ มีความสุขนะ อย่าติติงนักเลย บางคนก็บอกว่าเอ๊ะ มันไม่ใช่ของจริงมาแล้ว ผมไม่รู้คนเหล่านี้คิดอะไรไม่รู้ ไม่คิด ติเป็นอย่างเดียวนะ คนอื่นเขาสนใจก็ไม่สนใจ ไม่ชอบก็อย่ามาเท่านี้เองนะ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนนะครับ หน่วยงานของรัฐที่ให้การสนับสนุน ทั้งภาคประชาชน เอกชนด้วยนะครับ

 

นอกจากนั้นแล้ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้หาที่ให้ตลาดกล้วยไม้ไปอยู่ที่ตลาด อ.ต.ก.นะครับ เป็นการถาวรข้างทำเนียบฯ

 

นี่ก็จะเปลี่ยนวิถีมาเป็นการจัดงาน ข้าววิถีไทย หรืออื่นๆ อีกต่อไปนะครับ ใน 5 มีนาคม ถึง 5 เมษายน เดือนหนึ่ง หลักก็จะโปรโมตข้าวไทย จากภาคต่างๆ นะครับ การแสดงต่างๆ วัฒนธรรมพื้นบ้านซึ่งหาดูได้ยาก ก็มีประโยชน์กับการท่องเที่ยวด้วยนะครับ ผู้ปกครองพาลูกหลานมาด้วยนะ มาชมการละเล่น การแสดงพื้นบ้านนะครับ มาซื้อของที่มีคุณภาพ ราคาก็ต้องเป็นธรรมนะครับ แล้วก็เรียนรู้วิถีชีวิตของพี่น้องชาวนา เกษตรกรซึ่งมีรายได้น้อย ให้เขาเกิดความภาคภูมิใจว่าเขาเป็นกระดูกสันหลังของชาตินะครับ ของเรามาเป็นเวลายาวนานนะ ช่วยเขา ช่วยเขาหน่อย ช่วยกันซื้อ ช่วยกันอุดหนุนนะครับ

 

แล้วก็มีตลาดนัดศิลปะด้วยนะ สนับสนุนให้จิตรกร ศิลปิน นักประดิษฐ์ไทย มีพื้นที่การแสดง จำหน่ายงานศิลปะควบคู่ไปกับตลาด เอาเล็กๆ มาได้ไหม ใหญ่ๆ ก็มี เล็กๆ ก็ได้ ไปทำมา จะได้ซื้อง่ายๆ ของแพงก็มี ของถูกก็มี แต่เป็นจากประชาชนนะ ห้างร้านบริษัทไม่ต้องมา อยากให้เป็นตลาดของประชาชน

 

ช่วยกันน้อมนำธรรมะ อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนานะครับ 3 ประการของพระพุทธเจ้านะ

เราศาสนาพุทธนี่สื่อพระพุทธเจ้า คำสอนท่านมีอยู่แล้วนะ 84,000 พระธรรมขันธ์ อะไรนั่นแหละนะ

เคยเรียนกันมาแล้ว ศึกษากันมาแล้วนะ

หลักๆ สำคัญได้แก่ ไม่ทำความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ทำจิตใจให้หมดจดบริสุทธิ์ผ่องใส

มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตนะครับ

 

แล้วก็ยึดแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในเรื่องของความพอเพียงนะ ก็เพื่อความเจริญและรุ่งเรืองแก่ตนเองและครอบครัว

ของสังคมและของประเทศไทยนะครับ

ขอให้ทุกคนมีความสุขนะครับ พักผ่อนให้มีความสุขนะครับ ปลอดภัยทุกคนนะครับ

 

สวัสดีครับ ขอบคุณครับ

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2104258

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดี wann deb meng เพื่อนๆ พี่น้องนักลงทุน

 

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทเปิด 32.36/36 อ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์กลับมาแข็งค่า

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 มีนาคม 2558 09:36:28 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.36/36 อ่อนค่าจากปิดตลาดช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 32.35/36 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่า

 

"หลังเปิดตลาดเงินบาทอ่อนค่าตามภูมิภาคไปยืนอยู่เหนือ 32.40 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์กลับมาแข็งค่า" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 32.30-32.40 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.82 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 119.28 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1175 ดอลลาร์/ยูโร อ่อนค่าจากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1222 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 32.3730 บาท/ดอลลาร์

 

- นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในระยะต่อไปมองว่าระดับหนี้ครัวเรือนน่าจะทรงตัวจากระดับปัจจุบัน ซึ่งสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ 84.74% ล่าสุดไตรมาส 3 ของปี 57 โดยขณะนี้เริ่มเห็นการขยายตัวหนี้ครัวเรือนปรับตัวดีขึ้นเห็นได้จากอัตราการขยายตัวสินเชื่อชะลอลง ประกอบกับเมื่อภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นในระยะต่อไปจะช่วยให้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนดีขึ้น

 

- PwC เผยแนวโน้มดิจิตอลแบงกิ้งโตเร็ว แบงก์ตื่นปรับตัวนำระบบ Omni Channel มาใช้รองรับ คาดปี 59 ปริมาณธุรกรรมการเงินผ่านสมาร์ทโฟนโตถึง 64% เตือนหากไม่ปรับตัวเสียลูกค้า-เน้นความปลอดภัยป้องกันโจรกรรม

 

- "สนพ." เตรียมเปิดเวทีรับฟังความเห็นแผน PDP 2015 ภายในมี.ค.นี้ เผยแผนใหม่มุ่งลดสัดส่วนก๊าซฯผลิตไฟจาก 67% เหลือ 35-40% ในช่วง 10 ปีสุดท้ายของแผน เพิ่มถ่านหินเป็น 25% ดันนิวเคลียร์ไว้ท้ายแผนเพื่อความมั่นคงและเบรกค่าไฟแพงจากการใช้ LNG ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น เอกชนขู่อนาคตค่าไฟแพงผลักดันย้ายฐานซบเพื่อนบ้าน

 

- เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือน ก.พ.เพิ่มขึ้นแตะ 50.7 จาก 49.7 ในเดือน ม.ค. และปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับการประเมินเบื้องต้นที่ 50.1

 

- China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนปรับตัวลง 0.38% แตะที่ 6.1513 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

 

- ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกโดยมีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากได้ประกาศลดดอกเบี้ยไปเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะชะลอตัว ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 5.35% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.50% เนื่องจากอนาคตของเศรษฐกิจจีนเริ่มมีความไม่แน่นอนอันเนื่องมาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศขยายตัว 7.4% ในปี 2557 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี สภาพเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะชะลอตัวส่งผลให้ธนาคารกลางจีนตัดสินใจประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี

 

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2105101

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...