ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 2 มีนาคม 2558

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 มีนาคม 2558 16:42:14 น.

ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยมีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากที่ได้ประกาศลดดอกเบี้ยไปเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะชะลอตัว

 

 

 

ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 5.35% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.50%

 

-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 4/2557 ปรับตัวขึ้น 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 9.71 ล้านล้านเยน

 

-- เอชเอสบีซี โฮลดิงส์เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นแตะ 50.7 จาก 49.7 ในเดือนม.ค. และปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับการประเมินเบื้องต้นที่ 50.1

 

-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีใต้มียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นเวลา 35 เดือนติดต่อกันในเดือนม.ค. เนื่องจากการนำเข้าลดลงในอัตราที่รุนแรงกว่าการส่งออก ท่ามกลางราคาน้ำมันที่ต่ำลง

 

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้รายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือน เนื่องจากการชะลอตัวลงของตัวเลขการผลิตรถยนต์และเครื่องจักร

 

-- กลุ่มอุตสาหกรรมออสเตรเลียเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต เดือนก.พ.อยู่ที่ระดับ 45.4 ลดลงจากระดับของเดือนม.ค. และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตยังคงหดตัว

 

-- ผลสำรวจระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอิตาลีในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นแตะ 51.9 จาก 49.9 ในเดือนม.ค.

 

-- ผลสำรวจระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของฝรั่งเศสในเดือนก.พ.ปรับตัวลงแตะ 47.6 จาก 49.2 ในเดือนม.ค.

 

-- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเยอรมนีในเดือนก.พ.ขยับขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 51.1 จาก 50.9 ในเดือนม.ค.

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2535000 ต่อ 338 อีเมล์: preeyapan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2105620

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดลบ 4.87 จุด ปรับฐานรอข่าวดีหนุนหลังตัวเลขศก.ไม่ดี-เทรด P/E ไม่ถูก

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 มีนาคม 2558 17:22:07 น.

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1,582.14 จุด ลดลง 4.87 จุด(-0.31%) มูลค่าการซื้อขาย 61,003.09 ล้านบาท

 

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,590.02 จุด ส่วนจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,573.64 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 309 หลักทรัพย์ ลดลง 567 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 189 หลักทรัพย์

 

 

 

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้โดยรวมไม่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากประเด็นเดิมในเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังไม่ดี แม้ว่าจะมีความคาดหวังเม็ดเงินจากธนาคารกลางยุโรป(ECB)ที่จะทำ QE แต่ก็ต้องรอดูว่าเม็ดเงินจะไหลเข้ามามาก/น้อยแค่ไหน เพราะการทำ QE เม็ดเงินสามารถที่จะเข้าไปในทุกตลาดได้ทั่วโลก

 

ส่วนตลาดบ้านเราช่วงนี้คงจะเป็นลักษณะของการปรับฐานเพื่อรอข่าวดี เพราะแรงจูงใจมีไม่มากที่จะทำให้เข้ามาซื้อในตอนนี้ เพราะถ้าไม่มี ECB ทำ QE ตลาดฯก็ไม่มีปัจจัยอะไรมาหนุน ขณะที่ตลาดฯเทรดแถว 1,580 จุด คิดเป็น P/E ประมาณ 17 เท่า ซึ่งถือว่าไม่ถูก แล้วยังไม่เห็นการเติบโต(Growth)จึงทำให้หุ้นไทยมีความน่าสนใจลดน้อยลง

 

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย แต่ก็ดูดีกว่าตลาดหุ้นไทย

 

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(3 มี.ค.)นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดฯคงจะเคลื่อนไหวไม่แตกต่างจากวันนี้ โดยให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศ พร้อมให้แนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 3,496.86 ล้านบาท ปิดที่ 14.40 บาท ลดลง 0.20 บาท

 

SCN มูลค่าการซื้อขาย 2,453.12 ล้านบาท ปิดที่ 13.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.60 บาท

 

JAS มูลค่าการซื้อขาย 2,228.01 ล้านบาท ปิดที่ 8.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

 

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,682.90 ล้านบาท ปิดที่ 231.00 บาท ลดลง 2.00 บาท

 

SUPER มูลค่าการซื้อขาย 1,569.25 ล้านบาท ปิดที่ 23.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

 

อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2105648

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2558 07:50:49 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 มี.ค.2558

-- ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดที่เหนือระดับ 5,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี เนื่องจากตลาดขานรับธนาคารกลางจีนที่ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,288.63 จุด พุ่งขึ้น 155.93 จุด หรือ +0.86% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,008.10 จุด เพิ่มขึ้น 44.57 จุด หรือ +0.90% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,117.39 จุด เพิ่มขึ้น 12.89 จุด หรือ +0.61%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน หลังจากมีรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของประเทศยูโรโซนชะลอตัวลง

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.23% ปิดที่ 391.29 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,917.32 จุด ลดลง 34.16 จุด, -0.69% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 11,410.36 จุด เพิ่มขึ้น 8.70 จุด, +0.08% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,940.64 จุด ลดลง 6.02 จุด, -0.09%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามการปรับตัวลงของราคาน้ำมัน

 

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 6.02 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 6,940.64 จุด

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 4.90 ดอลลาร์ หรือ 0.40% ปิดที่ระดับ 1,208.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 10.70 เซนต์ ปิดที่ 16.451 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 4.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,189.90 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 11.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 831.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) หลังจากมีรายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากสหรัฐ และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 49.59 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 3.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) ขณะที่ยังคงมีการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐออกมาไม่สดใสนัก

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1188 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1193 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5365 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5434 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.15 เยน เทียบกับระดับ 119.68 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9596 ฟรังก์ จาก 0.9542 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7769 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7811 ดอลลาร์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,288.63 จุด เพิ่มขึ้น 155.93 จุด +0.86%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,008.10 จุด เพิ่มขึ้น 44.57 จุด +0.90%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,117.39 จุด เพิ่มขึ้น 12.89 จุด +0.61%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,940.64 จุด ลดลง 6.02 จุด -0.09%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,410.36 จุด เพิ่มขึ้น 8.70 จุด +0.08%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,917.32 จุด ลดลง 34.16 จุด -0.69%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,926.30 จุด เพิ่มขึ้น 27.80 จุด +0.47%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,958.90 จุด เพิ่มขึ้น 30.10 จุด +0.51%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,601.36 จุด ลดลง 20.74 จุด -0.22%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,826.88 จุด เพิ่มขึ้น 28.94 จุด +0.15%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,996.81 จุด เพิ่มขึ้น 11.01 จุด +0.55%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,336.28 จุด เพิ่มขึ้น 25.98 จุด +0.78%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,773.92 จุด เพิ่มขึ้น 43.35 จุด +0.56%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,887.44 จุด เพิ่มขึ้น 64.15 จุด +0.26%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,477.83 จุด เพิ่มขึ้น 27.54 จุด +0.51%

 

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,817.13 จุด ลดลง 4.08 จุด -0.22%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,403.89 จุด เพิ่มขึ้น 1.03 จุด +0.03%

 

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 29,459.14 จุด เพิ่มขึ้น 97.64 จุด +0.33%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2105773

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงขายทำกำไร ฉุดทองคำปิดร่วง 4.90 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2558 07:49:01 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 4.90 ดอลลาร์ หรือ 0.40% ปิดที่ระดับ 1,208.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 10.70 เซนต์ ปิดที่ 16.451 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 4.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,189.90 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 11.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 831.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากข้อมูลแรงงานที่ซบเซาและกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลอินเดียยังคงตรึงภาษีการนำเข้าทองคำไว้ที่ระดับ 10% ซึ่งตรงข้ามกับที่เทรดเดอร์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าอินเดียจะปรับลดภาษีนำเข้าทองคำ

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2105772

 

11042663_895480527215565_8949337151336191506_n.jpg?oh=b7d1d473521225f9a6d871d43550bb5f&oe=557F984D&__gda__=1434409980_192da26af5fc4e82b4be65de5ced4201

ขอนอนตรงนี้ล่ะอุ่นจายยย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 17 เซนต์ หลังการผลิตน้ำมันสหรัฐสูงขึ้น

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2558 07:35:55 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (3 มี.ค.) หลังจากมีรายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากสหรัฐ และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 49.59 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 3.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ก.พ.พุ่งขึ้นแตะระดับ 9.285 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526 ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 8.4 ล้านบาร์เรล แตะที่ 434.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 4 ล้านบาร์เรล

 

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือนก.พ.ของกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 30.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้น 130,000 บาร์เรล แตะที่ 9.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตในเดือนก.พ.ลดลงแตะ 52.9 จาก 53.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 1 ปี

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2105768

 

สินค้าไทยไปอียูแย่แบกขาดทุน1.8หมื่นล. กกร.ห่วงส่งออกเจอศึกหนัก

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2558 06:00:00 น.

กกร.ทำใจเตรียมหั่นเป้าส่งออกต่ำกว่า 3.5% หลังเศรษฐกิจโลกถดถอย ค่าเงินบาทแข็ง สรท. คาดไตรมาสแรกติดลบ 2% เหตุออเดอร์ลด สินค้าไทยเริ่มตกรุ่น ขาดการพัฒนา ล่าสุดค่าเงินยูโรร่วง ส่งออกไปอียูขาดทุนเดือนละ 6 พันล้านบาท คาดไตรมาสแรกติดลบ 1.8 หมื่นล้านบาท วอนรัฐผลักดันการส่งออกเป็นวาระแห่งชาติ

 

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 3 มีนาคมนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สอท. หอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทยซึ่งจะหารือถึงภาวะเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะภาคการส่งออก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวดี รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทของไทยยังแข็งค่า จึงเป็นไปได้สูงที่จะลดเป้าหมายการส่งออก จากเดิมที่คาดว่าขยายตัว 3.5% ส่วนจะเหลือเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาร่วมกัน พร้อมกันนี้จะหารือความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันของภาคเอกชนไทยด้วย

 

 

 

“ตอนนี้ที่เป็นห่วงคือการส่งออก เพราะยังได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทของไทยยังแข็งค่า เมื่อเทียบกับภูมิภาค ซึ่งในที่ประชุมกกร.ก็จะมาคุยกันว่า กระทบต่อความสามารถแข่งขันของผู้ประกอบการไทยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งมีแนวโน้มต้องปรับเป้าหมายลดลง ส่วนการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขณะนี้ยังมองไว้ที่เป้าหมายเดิม ขยายตัว 3.5% แต่จะปรับเป้าหรือไม่ ก็ต้องดูในที่ประชุมร่วม 3 สถาบันอีกครั้ง ปัจจัยสำคัญที่สุดในการพิจารณาคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การเบิกจ่ายงบประมาณ การดำเนินโครงการต่างๆ และที่สำคัญคือการผลักดันราคาสินค้าเกษตร ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้อีกมาก” นายสุพันธุ์ กล่าว

 

นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า จะหารือถึงความคืบหน้าการเพิ่มขีดความสามารถของไทย หลังจากที่ได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานไปเมื่อเร็วๆนี้ เพราะขณะนี้เป็นช่วงเวลาดีที่จะปรับเปลี่ยนกฎระเบียบต่างๆ ให้มีการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะขั้นตอนการขอใบอนุญาตต่างๆ หากเรายังช้าอาจทำให้สูญเสียโอกาสทางการค้าได้

 

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขีดความสามารถของไทยเช่น เกษตรกรซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพมากในอาเซียน แต่ขณะนี้ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนมีการเร่งพัฒนาศักยภาพ ดังนั้นเกษตรกรไทยเอง ก็ต้องเร่งพัฒนาเช่น การนำนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาปรับใช้ หากไม่ปรับตัว เมื่อมีการเปิดประชาคมอาเซียน (เออีซี) เราอาจเสียโอกาสทางการแข่งขันได้

 

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกไทยที่มีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) สินค้าไปตลาดยุโรปขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้วเฉลี่ย 6,000 ล้านบาทต่อเดือน จากค่าเงินสกุลยูโรอ่อนค่าลง 20% เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะเซ็นสัญญาล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน หรือ 1 ไตรมาส จึงไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ ขณะเดียวกันยังพบว่าในไตรมาสที่ 2 และ 3 ลูกค้าจากยุโรปเริ่มขอลดราคาสินค้า 10-15% ในกรณีที่มีการซื้อขายด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการซื้อขายด้วยเงินสกุลยูโรไม่ได้มีการเจรจาขอลดราคาเพราะค่าเงินยูโรอ่อนค่าอยู่แล้ว

 

“ผู้ประกอบการไทยที่เซ็นสัญญาซื้อขายด้วยเงินยูโรหากรวมไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ขาดทุนรวม 18,000 ล้านบาท เพราะเมื่อแลกมาเป็นเงินไทย หรือเงินสกุลสหรัฐก็จะมีมูลค่าน้อย ส่วนผู้ที่ทำสัญญาซื้อขายด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรกยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ในไตรมาส 2-3 จะเริ่มกระทบเพราะลูกค้าขอให้ลดราคาตามค่าเงินยูโรที่อ่อนตัว 10-15% หากรายใดต้องการประคองตลาดก็ต้องยอมเจ็บตัว แต่ถ้ารับไม่ไหวก็ต้องทิ้งแล้วหาตลาดใหม่” นายวัลลภ กล่าว

 

การส่งออกของไทยในไตรมาสแรกของปี 2558 มีแนวโน้มติดลบ 2% จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ โดยเฉพาะตลาดส่งออกหลักของไทย ทั้งจีน ญี่ปุ่น และยุโรป ประกอบกับค่าเงินยุโรปอ่อนค่าลง 20% และจากการที่ไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP ทำให้โอกาสส่งออกไปยุโรปทั้งในรูปของเงินยูโร หรือดอลลาร์สหรัฐยากขึ้น อีกทั้งค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่ากว่าประเทศอื่นในภูมิภาคบั่นทอนขีดความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทย

 

“สรท.ยังคงเป้าการส่งออกทั้งปี 2558 อยู่ที่ 1.1-1.5% โดยจะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและประเมินยอดการส่งออกเป็นประจำทุกไตรมาส แต่ยังคาดหวังว่านโยบายการลงทุนของภาครัฐจะกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึง

 

เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว จะส่งผลดีต่อการส่งออก” นายวัลลภ กล่าว

ส่วนภาคเอกชนต้องหาตลาดใหม่โดยเฉพาะอาเซียนและการค้าชายแดน ขณะเดียวกันก็ต้องการให้ภาครัฐผลักดันการส่งออกให้เป็นวาระแห่งชาติ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนให้เหมาะสมเพื่อให้ผู้ส่งออกแข่งขันได้ เนื่องจากประเทศคู่แข่งค่าเงินอ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์

 

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งออกกล่าวว่า สินค้าอุตสาหกรรมของไทยส่วนใหญ่เป็นการรับจ้างผลิตให้กับบริษัทข้ามชาติ การส่งออกจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับบริษัทแม่ จึงน่าเป็นห่วงในเรื่องของการลงทุนที่เริ่มมีการกระจายความเสี่ยงโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าไปสร้างฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน สินค้าส่งออกของไทยจำนวนมากเริ่มตกรุ่น ขาดการพัฒนาและมีมูลค่าต่ำ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างเวียดนาม

 

ภาครัฐควรเพิ่มขีดความสามารถการส่งออกของไทยทั้งการหาตลาดใหม่พัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ นวัตกรรมวิทยาศาสตร์เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และการสร้างฐานข้อมูลเดิม ข้อมูลใหม่นำมาใช้วิเคราะห์ทางการค้าเพื่อให้เกิดประโยชน์

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/nnd/2105885

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินหยวนอ่อนค่าแตะ 6.1543 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2558 08:42:42 น.

China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนปรับตัวลง 0.30% แตะที่ 6.1543 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 2% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

 

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2105984

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2558 08:24:43 น.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ ขานรับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.1% แตะที่ระดับ 146.31 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,910.52 จุด เพิ่มขึ้น 83.64 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,628.06 จุด เพิ่มขึ้น 26.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,002.50 จุด เพิ่มขึ้น 5.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,416.56 จุด เพิ่มขึ้น 12.67 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,820.43 จุด เพิ่มขึ้น 3.30 จุด

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2105957

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายการ Gold Insight วิเคราะห์แนวโน้มฟิวเจอร์ส

วันอังคารที่ 3 มีนาคม 2558

โดย ฝ่ายวิจัย บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

 

 

ข่าวการเมือง มติคณะรัฐมนตรี -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2558 17:35:28 น.

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

 

 

 

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องดังต่อไปนี้

 

1. แก้ไขเพิ่มเติมลักษณะต้องห้ามของผู้บริหาร (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 8 ตรี (5)) จากเดิมที่กำหนดว่า “ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกไม่ว่าจะได้รับโทษจำคุกจริงหรือไม่ เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือพ้นโทษหรือพ้นระยะเวลาการรอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษ แล้วแต่กรณีเกินห้าปี” เป็น “ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ” เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกับลักษณะต้องห้ามของข้าราชการพลเรือ (ร่างมาตรา 3)

 

2. แก้ไขเพิ่มเติมลักษณะต้องห้ามของพนักงานรัฐวิสาหกิจ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 9 (5)) จากเดิมที่กำหนดว่า “ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกไม่ว่าจะได้รับโทษจำคุกหรือไม่ เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือพ้นโทษหรือพ้นระยะเวลาการรอลงโทษหรือรอการกำหนดโทษ แล้วแต่กรณีเกินห้าปี” เป็น “ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ หรือพ้นโทษแล้วเกินห้าปี” เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกับลักษณะต้องห้ามของข้าราชการพลเรือนที่จะต้องได้รับโทษจำคุกจริงและเพื่อให้พนักงานรัฐวิสาหกิจที่พ้นโทษแล้วเกินห้าปี สามารถกลับเข้าทำงานได้ (ร่างมาตรา 4)

 

3. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 16 โดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายแทนนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ในปัจจุบัน (ร่างมาตรา 5)

 

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มีนาคม 2558--

 

ADVERTISEMENT

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/cabt/2106670

 

ร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524

 

 

ข่าวการเมือง มติคณะรัฐมนตรี -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2558 17:04:54 น.

เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้การประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2558 พ.ศ. ....

 

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้การประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ โดยให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนแล้วดำเนินการต่อไปได้

 

 

 

มท. เสนอว่า

1. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 มอบหมายให้ กค. และ มท. รับความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เสนอให้มีการจัดทำราคาปานกลางของที่ดินขึ้นใหม่ เพื่อใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่คราวต่อไป นั้น ซึ่งปัจจุบันการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมินราคาที่ดินและอัตราภาษีบำรุงท้องที่ให้เหมาะสมแก่สภาพการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างหลักเกณฑ์และอัตราการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ดังนั้น เพื่อให้การจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2558 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยให้ มท. จัดทำราคาปานกลางของที่ดินขึ้นใหม่เพื่อนำไปใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559

 

2. โดยที่มาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดราคาปานกลางของที่ดินสำหรับการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2529 กำหนดให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง ฑ.ศ. 2524 ซึ่งใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2529 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2530 และในปีต่อ ๆ ไป ตามที่จะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนด ดังนั้น หากไม่สามารถประกาศให้นำราคาปานกลางที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ได้ทันภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2558 จะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดินและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยการนำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 ซึ่งใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2557 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ.2558 ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้ร่วมรักษาการตามพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ.2508 ได้เห็นชอบในหลักการของร่างพระราชกฤษฎีกาแล้ว

 

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา

1. พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป

2. กำหนดให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 ซึ่งใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2557 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2558

 

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มีนาคม 2558--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/cabt/2106621

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิด หรือ บางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดราชบุรี พ.ศ. ....

 

 

ข่าวการเมือง มติคณะรัฐมนตรี -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2558 17:30:04 น.

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้

 

 

 

มท. เสนอว่า

1. เดิมได้มีประกาศระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดราชบุรีลงวันที่ 3 เมษายน 2556 มีผลใช้บังคับเป็นการชั่วคราวมีกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2556 ซึ่งครบกำหนด 1 ปี แล้วเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ประกอบกับเมื่อยังไม่ได้ดำเนินการออกกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิด หรือบางประเภทในท้องที่จังหวัดราชบุรีตามประกาศกระทรวงมหาดไทยภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปีดังกล่าว จึงมีผลทำให้ประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวเป็นอันยกเลิก ทั้งนี้ ตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522

 

2. แต่โดยที่ มท. พิจารณาแล้วเห็นว่า พื้นที่บางส่วนในจังหวัดราชบุรีตามประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้างต้น สมควรกำหนดเป็นบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทต่อไป เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการควบคุมความหนาแน่นของอาคาร จึงสมควรกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งคณะกรรมการควบคุมอาคารได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วและจังหวัดราชบุรีได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ด้วยแล้ว

 

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง

1. กำหนดให้การคำนวณพื้นที่ใช้สอยอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง ให้คำนวณเฉพาะพื้นที่อาคารที่ใช้ประโยชน์เพื่อประกอบกิจการพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งเท่านั้น

 

2. กำหนดห้ามก่อสร้างอาคารพาณิยชกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งที่มีพื้นที่ใช้สอยอาคารรวมกันเพื่อประกอบกิจการในอาคารหลังเดียวกันหรือหลายหลังตั้งแต่ 200 ตารางเมตร ในท้องที่จังหวัดราชบุรี เว้นแต่พื้นที่บริเวณตามกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลหลุมดิน ตำบลโคกหม้อ ตำบลเจดีย์หัก ตำบลพงสวาย ตำบลหน้าเมือง ตำบลบ้านไร่ และตำบลดอนตะโก อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี พ.ศ. 2547 กฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลท่าผา ตำบลลาดบัวขาว ตำบลปากแรต ตำบลเบิกไพร ตำบลบ้านโป่ง ตำบลสวนกล้วย ตำบลหนองกบ ตำบลหนองอ้อ และตำบลนครชุมน์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. 2547 และกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลสร้อยฟ้า ตำบลตาคต ตำบลบ้านเลือก ตำบลโพธาราม ตำบลท่าชุมพล ตำบลบ้านฆ้อง ตำบลคลองข่อย และตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี พ.ศ. 2547

 

3. กำหนดให้ภายใต้บังคับของข้อ 2 ภายในพื้นที่เขตเทศบาลจำนวน 49 ท้องที่ ห้ามก่อสร้างอาคาร พาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค่าส่งที่มีพื้นที่ใช้สอยอาคารรวมกันเพื่อประกอบกิจการในอาคารหลังเดียวหรือหลายหลังตั้งแต่ 200 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 1,000 ตารางเมตร เว้นแต่จะเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด

 

4. กำหนดให้ภายใต้บังคับของข้อ 2 และข้อ 3 ห้ามมิให้ก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งที่มีพื้นที่ใช้สอยอาคารรวมกันเพื่อประกอบกิจการในอาคารหลังเดียวกันหรือหลายหลังเกิน 1,000 ตารางเมตร เว้นแต่จะเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด

 

5. กำหนดห้ามมิให้ดัดแปลงหรือเปลี่ยนการใช้อาคารใด ๆ ให้เป็นอาคารชนิดหรือประเภทที่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4 ภายในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดในข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4

 

6. กำหนดให้อาคารที่มีอยู่แล้วในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดตามข้อข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4 ก่อนหรือในวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ แต่ห้ามดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารดังกล่าวให้เป็นอาคารชนิดหรือประเภทที่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4

 

7. กำหนดให้อาคารที่ได้รับใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายเฉพาะว่าด้วยกิจการนั้น ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ และยังก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารไม่แล้วเสร็จ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ แต่จะขอเปลี่ยนแปลงการอนุญาต หรือการแจ้งให้เป็นการขัดต่อกฎกระทรวงนี้ไม่ได้

 

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มีนาคม 2558--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/cabt/2106657

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลอ่าวลึกเหนือ ตำบลอ่าวลึกใต้ ตำบลเขาใหญ่ ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่

 

 

ข่าวการเมือง มติคณะรัฐมนตรี -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2558 17:28:09 น.

เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลอ่าวลึกเหนือ ตำบลอ่าวลึกใต้ ตำบลเขาใหญ่ ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และตำบลมะรุ่ย ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา พ.ศ. ....

 

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลอ่าวลึกเหนือ ตำบลอ่าวลึกใต้ ตำบลเขาใหญ่ ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และตำบลมะรุ่ย ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา พ.ศ. ....ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

 

 

 

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา เป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงชนบท กบ. 1002 ในท้องที่ตำบลอ่าวลึกเหนือ ตำบลอ่าวลึกใต้ ตำบลเขาใหญ่ ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และตำบลมะรุ่ย ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา มีส่วนแคบที่สุดสองร้อยเมตรและส่วนกว้างที่สุดห้าร้อยเมตร

 

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มีนาคม 2558--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/cabt/2106654

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จัดอีกดอกแจ้งเอาผิด'ธัมมชโย' 'พุทธะอิสระ'บุกบก.ป.แจ้งเท็จแต่งเลียนสงฆ์ฉ้อโกงหลอกลวงปชช. พ่วงเจ้าคณะปทุม-มส.

 

 

ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2558 00:00:53 น.

"หลวงปู่พุทธะอิสระ" จัดหนักอีกดอก บุกแจ้งกองปราบดำเนินคดี "ธัมมชโย" ฐานความผิดแจ้งความเท็จ แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ฉ้อโกงหลอกลวงประชาชน หลังไม่ทำตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช ต้องอาบัติปาราชิก แถมพ่วงเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และ มส.ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ ด้าน "รองโฆษกอัยการ" เตรียมทำหนังสือขออัยการสูงสุดตรวจสำนวน "พชร" อดีต อสส.สั่งถอนฟ้องคดีพระธัมมชโยปี 49 ทางด้าน ป.ป.ง.รับลูก "ไพบูรณ์" เดินหน้าเอาผิดทางแพ่งและยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องรับเงินยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ เร่งตรวจสอบศาสนสถานธรรมกาย ส่วนปลัดเกษตรฯ จี้วัดพระธรรมกายเร่งคืนเงินบริจาคกว่า 800 ล. ขณะที่ "แม่โจ้โพล" ชี้สาเหตุทำลายศาสนาพุทธ พระทำตัวไม่เหมาะ-บิดเบือนคำสอน

 

 

 

แจ้งจับ "ธัมมชโย" แต่งกายเลียนแบบสงฆ์

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 2 มี.ค.58 ที่กองปราบปราม พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.พัฒนพงษ์ ศิริเจริญนำ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หรือนายไชยบูลย์ สุทธิผล ในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานในประการที่อาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย, แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ หรือนักบวชในศาสนาโดยมิชอบ และข้อหาฉ้อโกง โดยหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความซึ่งควรแจ้ง โดยการหลอกลวงนั้นได้มาซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 208 และ 341 ตามลำดับ

 

นอกจากนี้ได้แจ้งความให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับเจ้าคณะปกครอง คือเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานในประการที่อาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 และ 157 ตามลำดับ และดำเนินคดีกับมหาเถรสมาคมฐานไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ซึ่งบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 15 (ตรี) คือไม่ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม ไม่รักษาหลักพระธรรมวินัย

 

ย้ำต้องปาราชิกตามพระลิขิต

หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวต่อว่า อาตมามาแจ้งความดำเนินคดีธัมมชโย หรือนายไชยบูลย์ จากกรณีที่ธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิกตามพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.42 แต่ยังคงแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ฉ้อโกงประชาชน หลอกเอาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ส่วนตน โดยเจ้าคณะปกครองและกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กลับเพิกเฉย ไม่ปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ แต่มหาเถรสมาคมกลับหลีกเลี่ยงที่จะสั่งธัมมชโยให้สึก โดยแค่เรียกทรัพย์สินคืน แล้วอ้างว่าไม่เจตนา ต่อมาก็มีการคืนตำแหน่งการปกครองให้แก่ธัมมชโย จนต่อมาในปี 2554 ธัมมชโยยังบังอาจขอพระราชทานสถาปนาเลื่อนสมณศักดิ์ ระดับพระราชาคณะชั้นเทพ การกระทำดังกล่าวจึงเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ละเมิดพระธรรมวินัย และบิดเบือนพระธรรมวินัย

 

ยก 8 คำสอนพุทธองค์

หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวอีกว่า การที่มหาเถรสมาคมบังอาจนำรายชื่อบุคคลที่ไม่ใช่พระ ไปเพ็ดทูลต่อเบื้องสูง ถือเป็นการหมิ่นประมาทเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกด้วย ซึ่งเป็นรายละเอียดในคดีที่จะนำเสนอ แต่มีสิ่งที่อยากวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของมหาเถรสมาคมและเจ้าคณะปกครอง รวมทั้งวัดพระธรรมกาย ได้กระทำถูกต้องตามพระธรรมวินัยหรือไม่ ซึ่งพระพุทธเจ้าได้วางหลักการไว้ ดังนี้ พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสสอนพระนางปชาบดี ความว่า ผู้ปฏิบัติพระธรรมวินัยต้องเป็นไปเพื่อ 1.เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด 2.เป็นไปเพื่อความไม่ประกอบทุกข์ 3.เป็นไปเพื่อไม่สะสมพอกพูนกองกิเลส ก็ลองไปดูรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ว่ามีรถหรูกี่คัน กรรมการ มส.มีเงินกันเท่าไหร่ กี่ร้อยล้านบาท ลองไปดูว่านั่นถูกธรรมวินัยหรือไม่

 

หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวต่อว่า 4.เป็นไปเพื่อความอยากน้อย การกระทำของวัดพระธรรมกายในทุกวันนี้ ไม่มีอะไรที่ถูกธรรมวินัยเลย กลับกลายเป็นตรงกันข้ามตลอดเวลา แต่ทาง มส.ก็ละเลยเพิกเฉยที่จะบังคับให้เป็นไปตามตามหลักพระธรรมวินัย 5.เป็นไปเพื่อความสันโดษ พระเจ้าที่รับจ้างธัมมชโยมาเดินธุดงค์แบบนี้มันไม่ถูกต้อง แถมยังบิดเบือน และทำลายอริยวินัย เพราะการธุดงค์เป็นวัตรพิเศษเฉพาะของผู้ที่ต้องการบรรลุธรรม ไม่ใช่ของผู้ที่ต้องการโฆษณาตัวเองเพื่อหาลาภ 6.เป็นไปเพื่อความไม่คลุกคลีในหมู่คณะ 7.เป็นไปเพื่อความพากเพียร เพื่อความพ้นทุกข์ก็ไม่ได้ มส.ไม่เคยพากเพียรตรงนี้เลย มีแต่จะทำยังไงให้ได้ยศมากขึ้นได้ลาภเยอะขึ้น และ 8.เป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย ก็เลี้ยงไม่ง่ายเลยเพราะนั่งรถหรูๆ กัน แพงกว่าชาวบ้านที่ให้ข้าวกินอีก รวมสรุปแล้วก็คือมหาเถรสมาคม และสังฆมณฑลในปัจจุบัน ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักตัดสินพระธรรมวินัยเลย

 

มอบตัวที่ถูกแจ้งความละเมิดกฎอัยการศึก

หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวด้วยว่า นอกจากแจ้งความดำเนินคดีกับ พระธัมมชโย เจ้าคณะปกครอง และกรรมการมหาเถรสมาคมแล้ว อาตมาได้เข้ามอบตัวกรณีคณะนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตอุบลราชธานี เข้าแจ้งความว่า หลวงปู่พุทธะอิสระกระทำการขัดขืนกฎอัยการศึก ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

 

(คสช.) ฉบับที่ 7/2557 เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง ห้ามมิให้มั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และคุกคามมหาเถรสมาคม (มส.) หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า เดินทางมามอบตัวในฐานะคณะนิสัย มจร.วิทยาเขตอุบลราชธานี แจ้งดำเนินคดีไว้ กล่าวหาว่าอาตมาละเมิดกฎอัยการศึก และคุกคามมหาเถรสมาคมและพระพุทธศาสนา ตามประกาศ คสช.ที่ 7/2557 เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง อาศัยอำนาจตามมาตรา 8 และ 11 พ.ร.บ.กฎอัยการศึก แม้ข้อหานี้ขาดองค์ประกอบความผิดเพราะต้องชุมนุมกันเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง ก่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน แต่เพื่อไม่ให้ คสช.ต้องลำบากใจ และเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าสองมาตรฐาน อาตมาจึงแสดงความจำนงที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวนเอง ส่วนมูลเหตุคงมาจากที่ได้เดินทางไปวัดปากน้ำ ซึ่งวันนั้นมีผู้มาถวายสังฆทาน จึงเป็นเหตุให้มีการกล่าวอ้างเพื่อแจ้งความดำเนินคดี

 

ตรวจสำนวนถอนฟ้อง "ธัมมชโย" ปี 49

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบสำนวนคดีที่นายพชร ยุติธรรมดำรง อดีตอัยการสูงสุด เคยมีคำสั่งถอนฟ้อง พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาทรัพย์สินไปเป็นของตนโดยทุจริต เมื่อปี 2549 ว่า เนื่องจากคดีนี้มีสื่อมวลชนและประชาชนให้ความสนใจสอบถามกันเข้ามามาก โดยภายในวันที่ 3 มี.ค. ตนจะนำเสนอเรื่องนี้ต่อนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เพื่อขออนุญาตตรวจดูสำนวนคดีก่อนที่จะมีการชี้แจงในรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้เมื่อตรวจดูสำนวนแล้วก็จะทราบถึงเหตุผลในคำสั่งของอดีตอัยการสูงสุด เพราะก่อนการจะลงนามในครั้งนั้น จะต้องมีการอธิบายถึงเหตุผลในคำสั่งที่ออกไป

 

เมื่อถามถึงกรณีที่ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบกรณีอัยการสูงสุด เคยมีคำสั่งถอนฟ้องคดีพระธัมมชโย ในปี 2549 นายโกศลวัฒน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือจากผู้ตรวจการแผ่นดินในกรณีดังกล่าว มาถึงอัยการแต่อย่างใด

 

ขณะที่นายวันชัย สร้อยทอง อัยการอาวุโส อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และอดีตประธานคณะทำงานอัยการคดีฟ้องธัมมชโย กล่าวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์รายละเอียดในเรื่องการถอนฟ้องปี 2549 โดยระบุว่า ตนเป็นข้าราชการประจำการให้ข่าวจะต้องมีขั้นตอน

 

ป.ป.ง.รับไม้ตามยึดทรัพย์ธรรมกาย

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ป.ป.ง.) กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ภายหลังที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ร่วมหารือกับ ป.ป.ง.เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ป.ป.ง.พร้อมดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่แนะนำให้ ป.ป.ง.ดำเนินคดีทางแพ่ง และอายัดทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้รับเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงินพบมีการสั่งจ่ายเช็คไปยังเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย 8 ฉบับ จำนวนเงินกว่า 348 ล้านบาท สั่งจ่ายบัญชีวัดธรรมกาย 6 ฉบับ จำนวน 436 ล้านบาท และจ่ายให้พระลูกวัดหรือปลัดวิจารณ์อีก 119 ล้านบาท

 

สำหรับกรณีศาสนสถานที่วัดพระธรรมกายอ้างว่านำเงินที่ได้รับบริจาคจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ไปก่อสร้างในที่ธรณีสงฆ์นั้น พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ป.ป.ง.จะตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับศาสนสถานดังกล่าวว่าตั้งอยู่ที่ธรณีสงฆ์จริงหรือไม่ โดย ปปง.ต้องรอเวลาตรวจสอบสักระยะเพราะวัดพระธรรมกายมีพื้นที่กว้างขวาง ต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจอย่างละเอียดก่อนนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมเพื่อพิจารณา

 

กษ.จี้ "ธรรมกาย" เร่งคืนเงิน 800 ล.

นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือเยียวยาสมาชิกสหกรณ์เครคิตยูเนี่ยน คลองจั่น ว่า ขณะนี้รอเงินบริจาคจากวัดพระธรรมกาย ที่ทางวัดหรือลูกศิษย์ น่าจะนำมาคืนโดยเร็ว ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะคืนเงินให้เท่าไหร่ แต่ถ้าได้เงินส่วนนี้มา จะเร่งมาจัดสรรเฉลี่ยให้กับผู้เดือดร้อนทุกราย โดยไม่มีการเลือกรายใหญ่หรือรายย่อยก่อน ในส่วนขั้นตอนดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่นนั้น ระหว่างนี้ต้องรอศาลล้มละลายกลาง ได้เปิดการสอบสวนพยานและเจ้าหนี้ให้ครบทุกปาก ต้องใช้เวลาทั้งเดือน มี.ค.จนถึงเดือน พ.ค. ซึ่งสหกรณ์เจ้าหนี้หลายแห่งยังไม่ยินยอมให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ เข้าสู่แผนฟื้นฟู เพราะกลัวลดยอดหนี้ โดยต้องเรียกไปเจรจาในศาลทุกฝ่าย

 

"มูลหนี้ 1.5 หมื่นล้านบาท เข้าสู่แผนฟื้นฟู แต่ศาลจะวินิจฉัย ทั้งการลดหนี้ลงไปและควรมียอดหนี้เท่าไหร่ ต้องแยกเป็นเงินกู้และวงเงินที่ใช้ในการทำธุรกิจที่สามารถหารายได้มาคืนผู้ถือหุ้น หลังจากศาลเรียกเจ้าหนี้ไปสอบให้ครบ ปลายเดือน พ.ค. น่าจะตัดสินได้ว่าศาลจะให้สหกรณ์เครคิตยูเนียนฯ เข้าสู่แผนฟื้นฟูหรือไม่"นายชวลิต กล่าว

 

พระทำตัวไม่เหมาะ-บิดเบือนคำสอน

ผศ.ดร.สมเกียรติ ชัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร หรือแม่โจ้โพล คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยฯ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของพุทธศาสนิกชน จำนวน 1,250 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15-28 ก.พ.58 ที่ผ่านมา ในหัวข้อ "พุทธศาสนาในสังคมไทยปัจจุบัน" เนื่องจากศาสนาพุทธซึ่งถือเป็นศาสนาที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 96.40 นั้น มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ตามสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ค่านิยมและศรัทธาที่เปลี่ยนไปของคนในสังคม ดังจะเห็นได้จากข่าวสารในปัจจุบันที่มักพบปัญหาพระสงฆ์กระทำผิดวินัยของสงฆ์จนต้องอาบัติปาราชิก หรือการต้องโทษร้ายแรงของสงฆ์ หรือการถูกมารศาสนาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ หาผลประโยชน์จากจีวร จนนำไปสู่ความกังวลของคนไทยว่าศาสนาพุทธเริ่มเสื่อมถอย การสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวันสำคัญทางศาสนา พฤติกรรมของชาวพุทธต่อการทำกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนา และความคิดเห็นของชาวพุทธต่อการเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนา สรุปผลได้ดังนี้

 

จากการสอบถามชาวพุทธต่อความรู้และความเข้าใจในวันมาฆบูชา พบว่าร้อยละ 69.90 บอกทราบความสำคัญ ร้อยละ 47.19 สามารถบอกความสำคัญถูกต้อง, ร้อยละ 52.81 บอกความสำคัญไม่ถูกต้อง อีกร้อยละ 30.09 ไม่ทราบความสำคัญของวันดังกล่าว เมื่อสอบถามถึงความถี่ในกิจกรรม ทำบุญ ตักบาตร ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา พบว่า ร้อยละ 53.01 บอกทำกิจกรรมเท่าเดิม รองลงมา ร้อยละ 27.08 ทำกิจกรรมลดลง เนื่องจากติดภารกิจประจำวันทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมดังกล่าวได้ และมีเพียงร้อยละ 19.91 ที่ทำกิจกรรมเพิ่มมากขึ้น ส่วนปัจจัยที่ส่งผลทำลายความเลื่อมใส ศรัทธาพุทธศาสนา พบว่า ร้อยละ 60.36 บอกว่า พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ที่ทำลายความเสื่อมใสมากที่สุด รองลงมา ร้อยละ 21.45 บอกการบิดเบือนหลักธรรมคำสอนของศาสนา และร้อยละ 18.18 บอกการหาผลประโยชน์จากวัด องค์กรทางศาสนาที่ทำลายความศรัทธา ตามลำดับ

 

จากการสอบถามสิ่งที่คนไทยควรยืดปฏิบัติเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต พบว่า อันดับที่ 1 ร้อยละ 56.60 ได้แก่ การถือศีล 5 อันดับที่ 2 ร้อยละ 54.98 ได้แก่ การมีสติ สมาธิ อันดับที่ 3 ร้อยละ 50.12 การมีความกตัญญู กตเวที และจากการสอบถามข้อเสนอแนะในการทำนุบำรุงพุทธศาสนาและการฟื้นวิถีชาวพุทธ พบว่า ร้อยละ 61.61 บอกว่า ควรมีการส่งเสริมการจัดกิจกรรม ประชาสัมพันธ์ด้านพุทธศาสนาให้เพิ่มมากขึ้น รองลงมา ร้อยละ 18.75 บอกว่า สถาบันหลักต้องปลูกฝังพุทธศาสนาให้เยาวชนตั้งแต่เด็ก และร้อยละ 19.64 ต้องการให้มีการจัดระเบียบพระสงฆ์ให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พุทธศาสนิกโดยทั่วไป ขณะเดียวกันได้มีประชาชนเดินทางไปไหว้พระและเวียนเทียนเพื่อเป็นสิริมงคล ในการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา ประจำปี 2558 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 ก.พ.-4 มี.ค. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

 

บรรยายใต้ภาพ

พบกองปราบ...พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อมอบตัวในข้อหาขัดขืนกฎอัยการศึกและคุกคามมหาเถรสมาคม และขอให้ ตร.กองปราบดำเนินคดีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

 

ADVERTISEMENT

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/bmnd/2106005

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปตท.ปรับขึ้นเบนซินทุกชนิด60สต เว้นE85-ดีเซลคงเดิมมีผลพรุ่งนี้

http://www.naewna.com/business/147391

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...