ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ตัวเลขที่ไม่ดีนักในคืนวันศุกร์ช่วยหนุนทองมาปิดที่ระดับสูงสุดของสัปดาห์ทำให้ภาพของทองคำเป็นบวก ถ้าในสัปดาห์นี้ไม่หลุดต่ำกว่าแนวหนุนสำคัญจะขึ้นสู่แนวต้าน 1230 - 1250

ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนตัวลงอีกในเช้านี้ โดยบริเวณ 92.0 ของดัชนีค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐเป็นเป้าการลงเบื้องต้น ถ้าพิจารณาถึงปัจจัยระยะกลางถึงยาวที่ยังคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเอากันยายนนี้แล้วระดับการย่อตัวลงไม่น่าจะต่ำเกินไป จึงมองว่าบริเวณ 90 - 92 อาจเริ่มทรงตัวได้

สำหรับยิลด์บอนด์สหรัฐย่อตัวลง แต่แนวโน้มยังเป็นบวกบอกถึงมุมมองดอกเบี้ยว่าพร้อมจะปรับขึ้น ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่จะกลับมากดดันราคาทองได้ในภายหลัง

ภาพรวมราคาทองนั้นยังคงอยู่ในช่วงแนวโน้มขาลงโดยมีจุดเปลี่ยนแนวโน้มหลักที่บริเวณ 1250 1275 ในเวลานี้แต่เมื่อเวลาผ่านไปแนวนี้จะลดต่ำลง ทำให้ช่วงเวลาสำคัญจะรออยู่ปลายปี ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นแนวทางนโยบายการเงินสหรัฐน่าจะได้เห็นชัดเจนว่าขึ้นเมื่อไหร่ ขึ้นเท่าไหร่ จะทำให้ราคาทองรับรู้ข่าวร้ายไปเกือบทั้งหมดและแรงซื้อจะกลับมาได้ถือเป็น Timing ที่รอคอย

-----------------------------------------------------------------------------

ถ้ายังไม่มีปัจจัยใดมาเปลี่ยนให้ดอลล่าร์แข็งขึ้นได้ ยังให้น้ำหนักทางขึ้นกับทองมากกว่าลง การย่อตัวลงตามแรงขายทางเทคนิคจากแนวต้านต่างๆ นั้นจะเป็นจังหวะเข้าซื้อ เป็นไปตามรูปแบบการเล่นในช่วงแนวโน้มขาขึ้น(แนวโน้มระยะสั้น)

-----------------------------------------------------------------------------

สำหรับวันนี้มีแนวที่ 1215 1218 เป็นแนวหนุนเพื่อขึ้นต่อเลย การเข้าเอสจะต้องระวังแรงซื้อสวนขึ้นจากช่วงแนวราคาบริเวณนี้ แต่ถ้าลงต่ำกว่า 1210 ลงมาจะถือว่าจบรอบการขึ้นมองย่อตัวลงสู่ 1190 - 1200 ประเด็นของสัปดาห์จึงตกอยู่ที่แนวหนุน 1210 และ 1215 - 1218 ว่าจะขึ้นต่อหรือรอก่อน

ทำให้ในช่วงสั้นนั้นจะขายเมื่อมีแรงขายในภาพย่อย หลุด Support ก็เอสตาม แต่ถึงเป้าแนวรับก็ปิดดูท่าที การเข้าซื้อมองจุดแนวรับเป็นจุดที่ได้เปรียบไม่ก็รอเบรกไฮค่อยตาม ถ้าเข้าซื้อระหว่างกลางจะไม่คุ้มเสี่ยงเท่าไหร่

by Facebook.com/Wealthstation

18/5/58

 

10393913_884999991538477_2647157522708650908_n.png?oh=ebb44ac34b935e0ccf769fbc6c564341&oe=55BFEC50&__gda__=1439141690_afbb05688f688c1e68f8d7a5f5ac1096

11137143_884999994871810_5838508975023689229_n.png?oh=2ae8849891584d92ba558d1853c7b22b&oe=5604F03A&__gda__=1438767678_c1ffa835d7853093444ed74edc830587

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

เงินบาทเปิด 33.47/49 แข็งค่าจากสัปดาห์ก่อน มองกรอบวันนี้ 33.40-33.60

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 11:33:46 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.47/49 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.54/56 บาท/ดอลลาร์

 

"ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทเหวี่ยงค่อนข้างแรง เด้งขึ้นไปแถวๆ 33.60 ก็มีแรงขายก็ย่อลงมา Low แถวๆ 33.40 ต้นๆ ช่วงนี้เหวี่ยงค่อนข้างเยอะ มีทั้งแรงซื้อแรงขายรออยู่แถวแนวรับแนวต้าน" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 33.40-33.60 บาท/ดอลลาร์ โดยมองว่าตัวเลข GDP ของสภาพัฒน์ที่จะประกาศในช่วงเช้าวันนี้ อาจจะไม่ได้สำคัญอะไรมาก

 

"คาดว่าวันนี้แถวๆ 33.60 วันนี้น่าจะยังอยู่" นักบริหารเงิน กล่าว

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 33.4750 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(15 พ.ค.) อยู่ที่ 1.37745% ส่วน THAI BAHT FIX 6M(15 พ.ค.) อยู่ที่ 1.41402%

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.70 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ปิดที่ระดับ 119.73 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1422 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 1.1354 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 33.5690 บาท/ดอลลาร์

 

- สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 1 และแนวโน้มปี 2558

 

- หุ้นไทยมีโอกาสไปต่อ วงการเชื่อจีดีพีประเทศไตรมาสแรกดีกว่าที่ภาครัฐคาดการณ์ แถมผลสรุปรายงานประชุมเฟดชี้ชัดยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยสนับสนุน แต่ "มูดี้ส์" ชี้เศรษฐกิจไทยยังขาลง เตือนของปลอม การขยายตัวต่ำสุดในภูมิภาค และยังไม่พบการฟื้นตัวที่แท้จริง โบรกฯ เชื่อสัปดาห์นี้รีบาวนด์ต่อแนะนำกลยุทธ์ช่วงนี้แค่เก็งกำไรเล่นรอบระยะสั้น

 

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานยอดการใช้เช็ค ดราฟต์ ตั๋วแลกเงิน ที่ ธปท. ให้บริการแก่ธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้งระบบทั่วประเทศ ล่าสุด ณ สิ้นเดือน เม.ย.ปีนี้ ทั้งระบบมีปริมาณเช็คเรียกเก็บทั้งสิ้น 5.9 ล้านใบ มูลค่า 3.1 ล้านล้านบาท ลดลง 1.07 ล้านใบ หรือ 15.32% และ 3.15 แสนล้านบาท หรือ 9.32% ตามลำดับเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในจำนวนนี้มีปริมาณเช็คคืนไม่มีเงินหรือเช็คเด้ง 6.55 หมื่นใบ มีมูลค่า 9,400 ล้านบาท ลดลง 9,913 ใบ หรือ 13.14% และ 1,340 ล้านบาท หรือ 12.48% ตามลำดับ

 

- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics)ระบุจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีมติหั่นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องในรอบประชุมวันที่ 11 มีนาคม และ 29 เมษายน ที่ผ่านมา เป็นการตัดสินใจเลือกที่จะผ่อนปรนนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อีกนัยหนึ่งเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาและหมายรวมถึงในระยะหลายไตรมาสข้างหน้า อาจมีแนวโน้มชะลอตัวมากกว่าที่เคยประเมินไว้ ซึ่งนั่นย่อมกระทบความกังวลต่อกำลังซื้อ การจับจ่ายใช้สอย และผลการดำเนินงานของภาคธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

- นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่าสั่งให้กรมสรรพากรเข้มงวดการเก็บภาษีนิติบุคคลรอบครึ่งปี ซึ่งจะเริ่มมีการจ่ายกันเดือนส.ค. นี้เป็นต้นไป เพื่อให้การเก็บภาษีของกรมเพิ่มขึ้น หลังจากที่ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมากรมสรรพากรเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหลายหมื่นล้านบาท

 

- ส่งออกรถยนต์-ชิ้นส่วน พยุงยอดผลิต กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. ระบุไตรมาสแรก ส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นทุกเดือน เช่นเดียวกับตลาดชิ้นส่วนฯ ขณะศักยภาพส่งออกชิ้นส่วนไทยยังแกร่ง หลังไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิต รถคุณภาพสูงอาเซียน ตลาดอาฟเตอร์มาเก็ตไทย เป็นศูนย์กลางส่งอะไหล่ ตามฐานการผลิตรถซีบียู อย่างน้อยรุ่นละ15 ปี

 

- ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐได้หนุนคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนมิ.ย.ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ค.) ท่ามกลางความวิตกที่ว่าการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาอาจจะส่งผลให้มีการผลิตเพิ่มมากขึ้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดปรับตัวลง 19 เซนต์ แตะที่ 59.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดเพิ่มขึ้น 11 เซนต์ ที่ 66.81 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ค.) เนื่องจากดอลลาร์ร่วงลง ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ ซึ่งทำนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเลื่อนการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไป สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดบวก 10 เซนต์ หรือ 0.01% ที่ 1,225.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2161690

 

'สภาพัฒน์'หั่นจีดีพีหั่นเหลือ3-4% หลังประเมินส่งออกไม่เข้าเป้า

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 12:01:00 น.

18 พ.ค.8/ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/58 ขยายตัว 3% ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/57 เนื่องจากการบริโภคเอกชนดีขึ้นต่อเนื่อง และการลงทุนภาครัฐขยายตัวสูงขึ้นตามการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้น

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)ของไทยในปี 58 เหลือโต 3-4% จากเดิมคาด 3.5-4.5% เนื่องจากคาดว่าส่งออกน่าจะขยายได้ตัวได้เพียง 0.2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั้งปีนี้มีโอกาสหดตัวถึงขยายตัวในช่วง -0.3 ถึง +0.7%

 

ส่วนสาเหตุที่ปรับลดคาดการณ์จีดีพี เนื่องจากการส่งออกไม่ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจภายนอก แต่การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งที่ผ่านมา ถือว่าช่วยสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจได้นอกเหนือจากนโยบายการคลัง ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าและเป็นประโยชน์ต่อภาคการส่งออกตั้งแต่ไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป

 

สภาพัฒน์ ระบุว่าการขยายตัวของจีดีพี ในปีนี้มีปัจจัยสนับสนุนจาก (1) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (2) การใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ในภาวะที่ความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี (3) การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี (4) การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และ (5) ราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเพิ่มอำนาจซื้อและเอื้ออำนวยต่อการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง

 

แต่ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การอ่อนค่าของเงินยูโรและเงินเยน และความตกต่ำของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกยังเป็นข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้การส่งออก อุปสงค์ภาคเอกชนและเศรษฐกิจในภาพรวมขยายตัวได้ต่ำกว่าที่ได้ประมาณการไว้ และทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวมยังไม่สามารถกระจายตัวทั่วถึงทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจโดยเฉพาะเกษตรกร และภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตรและการส่งออก

 

ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัว 0.2% การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัว 2.3% และ 6.2% ตามลำดับ อัตราเงินเฟูอทั่วไปอยู่ในช่วง (-0.3) -0.7% และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 3.9% ของจีดีพี

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/nnd/2161746

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สภาพัฒน์ มอง ศก.-ส่งออกตั้งแต่ Q2/58รับประโยชน์จากรัฐเร่งใช้งบ-บาทอ่อน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 12:46:33 น.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เชื่อว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยปัจจัยที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเป็นปัจจัยที่ต่อเนื่องจากไตรมาส 1/58 และไตรมาส 4/57 นั่นคือมาตรการของภาครัฐโดยเฉพาะการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมา 2 รอบในช่วงเดือนธ.ค.57 และเดือนเม.ย.58 โดย ประกอบกับการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงติดต่อกันถึง 2 ครั้งมาเหลือ 1.50% ซึ่งจะช่วยทำให้นโยบายการเงินสามารถเข้ามาประคองและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจได้นอกเหนือจากการใช้นโยบายการคลังอย่างเดียว และจะมีผลให้ค่าเงินบาทเข้ามาเป็นตัวช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยได้มากขึ้น โดยเฉพาะภาคการส่งออก

 

 

 

"ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของเราอ่อนค่าลง โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการส่งออกได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป" นายอาคม ระบุ

 

อย่างไรก็ดี มองว่าในปี 58 ภาคการส่งออกอาจจะยังไม่ได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่นักจากเศรษฐกิจภายนอก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างสินค้า ปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตและการออกแบบให้มีความทันสมัยมากขึ้นและเป็นที่ต้องการของตลาดโดยรวม รวมทั้งการแสวงหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งการที่สภาพัฒน์ปรับลดการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้ลงเหลือ 0.2% จากเดิม 3.5% นั้นให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ซึ่งมีผลทำให้ต้องปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงเหลือ 3.0-4.0% จากเดิมที่ 3.5-4.5% ด้วย

 

นายอาคม กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นฝ่ายรับมาตลอดในเรื่องของนโยบายการเงิน โดยที่ผ่านมาไทยปล่อยให้ประเทศอื่นเป็นฝ่ายอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทย ดังนั้นจึงทำให้ในช่วงที่ผ่านมาค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ามากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งในเอเชีย โดยเฉพาะปีที่ผ่านมาเงินบาทแข็งกว่าเงินยูโร 18% และแข็งค่ากว่าเงินเยน 14% แต่โดยรวมแล้วแข็งค่ากว่าประเทศคู่ค้า 8.6% ดังนั้นการที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก็จะมีผลในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนให้อ่อนค่าลง

 

ทั้งนี้ แม้การใช้นโยบายการคลังผ่านงบประมาณในปี 58 และงบกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งรวมแล้วจะถือว่าเป็นงบประมาณก้อนใหญ่ แต่สิ่งที่เราอยากเห็นคือการใช้นโยบายการเงินเข้ามาช่วย เพราะจากการปรับลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และทำให้ประชาชนเกิดความต้องการใช้สินค้ามากขึ้น ซึ่งจะมีผลทำให้อัตราเงินเฟ้อค่อยปรับเพิ่มขึ้นไม่ติดลบต่อเนื่องเช่นที่ผ่านมา

 

"(การลดดอกเบี้ย)มาช้าดีกว่าไม่มา อานิสงค์ช่วยในเรื่อง Demand side และความกังวลเรื่องดัชนีราคาผู้บริโภค ช่วยทำให้เกิดความต้องการใช้สินค้ามากขึ้น เงินเฟ้อจะขยับขึ้นมา ไม่ติดลบต่อเนื่อง ช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย สร้างความมั่นใจในการใช้จ่าย...การลดดอกเบี้ย 2 รอบติดกันเพียงพอต่อเศรษฐกิจในขณะนี้หรือไม่นั้น คงตอบแทนกนง.ไม่ได้ แต่ที่ผ่านมา กนง.บอกว่าถึง floor แล้ว แต่ก็ยังลดลงมาต่ำกว่า floor แสดงว่ายังมีกั๊กไว้ส่วนหนึ่ง ขณะนี้การเติบโตใน GDP ของไทยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาถือว่าน้อยมาก ไม่เพียงพอในการสร้างรายได้ให้ประชาชน" นายอาคม ระบุ

 

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/กษมาพร/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2161762

 

(เพิ่มเติม) รมว.คลัง มั่นใจ GDP ไทยปีนี้ยังโตได้ถึง 3.7% แม้สภาพัฒน์ปรับลดคาดการณ์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 13:35:25 น.

นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ยังมั่นใจว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 58 จะสามารถขยายตัวได้ 3.7% ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดการณ์ไว้ แม้ว่าวันนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)หรือสภาพัฒน์ ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ทั้งปีนี้ลงมาเหลือเติบโต 3-4% จากเดิมคาดเติบโตราว 3.5-4.5%

 

 

 

รมว.คลัง กล่าวว่า การที่สภาพัฒน์ปรับลดตัวเลข GDP ลงต่างจากประมาณการของกระทรวงการคลังเล็กน้อย ซึ่งยังไม่มีความกังวลมากนัก เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ผ่านพ้นช่วงครึ่งปีแรก ยังต้องรอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอีกสักระยะ โดยการลงทุนขนาดกลางและขนาดใหญ่ของภาครัฐก็เริ่มทยอยออกไปบ้างแล้ว ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจได้ส่วนหนึ่ง

 

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณที่ค้างอยู่ออกมาอีกมาก ซึ่งจะเป็นตัวที่ช่วยกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกด้วย โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเตรียมการให้พร้อม เพื่อให้เมื่อเข้าสู่ปีงบประมาณปี 59 ในช่วงเดือน ต.ค.นี้จะสามารถเซ็นเบิกจ่ายได้ทันที ทำให้การลงทุนของภาครัฐและการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปได้อย่างรวดเร็วในช่วงต่อไป

 

"ตัวเลขประมาณการของกระทรวงการคลังกับสภาพัฒน์ต่างกันนิดเดียวเอง ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงครึ่งปีแรกเลย ที่ผ่านมาไตรมาส 1 GDP ก็ออกมาค่อนข้างดี สิ่งที่ลงทุนในปีก่อนก็เริ่มออกดอกออกผลไปบ้าง การลงทุนขนาดกลาง-ใหญ่ก็ออกไปบ้างแล้ว แต่ครึ่งปีหลังก็จะออกมามากกว่านี้อีก ตอนนี้ก็มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปเตรียมพร้อม งบปี 59 มาก็เซ็นได้เลย ซึ่งผมมองปี 59 มากกว่า โครงการเบิกจ่ายและการลงทุนต่างๆต้องทำได้เร็ว ตอนนี้ก็ยังเร่งๆอะไรที่ยังค้างให้ออกให้หมด ส่วนปีนี้ก็ยังมอง GDP เป็นบวกอยู่"รมว.คลัง กล่าว

 

อินโฟเควสท์ โดย จีรายุทธ จันทรงสกุล/รัชดา/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2161838

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

บทวิเคราะห์ราคาทองคำช่วงเย็น

ประจำวันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558

ระยะสั้นมีโอกาสพักตัว

ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียที่ 1,224 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างวันมีกรอบการเคลื่อนไหว 1,221-1,232 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำยังคงดีดตัวขึ้นต่อในช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้มาก และยังเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบปี การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออกมาต่ำลงเป็นผลบวกต่อราคาทองคำและเป็นผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ราคายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แต่ระยะสั้นควรเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากการที่ราคาทองคำปิดบวกมาได้ต่อเนื่องหลายวันทำการมักจะตามมาด้วยการพักตัว ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนใช้จังหวะการพักตัวดังกล่าวในการเข้าซื้อ

 

คำแนะนำ : Trading long เมื่ออ่อนตัว

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy1805201515514622…

___________________________

สนใจลงทุนทองคำกับ Classic Gold

ทองคำแท่ง : 02-6180888

Gold Futures : 02-6180808

เว็บไซต์ : www.classicgold.co.th

 

 

 

11164634_1067725936589089_3555893746816424497_o.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 18 พฤษภาคม 2558 โดย YLG

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 16:54:44 น.

กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--พีอาร์ดีดี

สภาวะตลาดวันที่ 18 พฤษภาคม 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,222.00-1,232.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,400 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,300 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM15 อยู่ที่ 19,550 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 90 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,460 บาท

 

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.17 น.ของวันที่ 18/05/15)

แนวโน้มวันที่ 19 พฤษภาคม 2558

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของสหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเลื่อนเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไป กระแสคาดการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาทองคำปิดตลาดสัปดาห์ที่ผ่านในแดนด้วยการพุ่งขึ้นเกือบ 3 % จากสัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมกราคมและปิดตลาดในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน ทั้งนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนเมษายนเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมิชิแกนยังรายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาส 2 สอดคล้องกับ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาชิคาโก (นายชาร์ลส์ อีแวนส์) แนะนำว่านโยบายเฟดควรจะอยู่ในภาวะผ่อนคลายในระดับที่มากพอโดยใช้วิธีตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ 0% จนถึงต้นปีหน้า เพื่อที่อัตราเงินเฟ้อจะได้มีแนวโน้มขึ้นไปอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% เล็กน้อยในระยะกลาง ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับเพียง 1.3% ต่อปีในช่วงนี้ ข้อมูลที่ย่ำแย่ของสหรัฐหนุนทิศทางราคาทองคำจากมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจไม่ได้กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งพอที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ได้ โดยในสัปดาห์นี้นักลงทุนในตลาดทองคำกำลังจับตามองทิศทางและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่สะท้อนออกมาจากตัวเลขภาคที่อยู่อาศัย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเมษายนในวันอังคารนี้เวลา ส่วนสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนเมษายนในวันพฤหัสบดีนี้ วายแอลจีอยากชี้ให้เห็นว่า ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวตามตัวเลขเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เพราะประเด็นข่าวเหล่านี้มักจะชี้นำราคาทองคำค่อนข้างมาก

 

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำให้รอจังหวะซื้อหากราคาไม่หลุดแนวรับ 1,216 หรือ 1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน เมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นและไม่ผ่านแนวต้าน 1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถผ่านได้ให้รอขายทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,245 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากราคายังคงผันผวนจะทำให้นักลงทุนที่ลงทุนมากเกินไปหรือไม่มีแผนในการลงทุนที่ชัดเจนจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุน

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,216 (19,150บาท) 1,207 (19,000บาท) 1,198 (18,860บาท)

แนวต้าน 1,237 (19,480บาท) 1,245 (19,610บาท) 1,252 (19,720บาท)

GOLD FUTURES (GFM15)

แนวรับ 1,216 (19,320บาท) 1,207 (19,180บาท) 1,198 (19,040บาท)

แนวต้าน 1,237 (19,660บาท) 1,245 (19,780บาท) 1,252 (19,890บาท)

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2162103

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Gold spot price update 18.05.15 ออ.นัน

 

 

 

*จากบทความครั้งก่อนที่ผมคาดการณ์ว่าราคาจะพักตัวในรูปแบบคลื่นย่อยในรูปแบบสามเหลี่ยมแล้วจะ break out down ลงมาทางกรอบล่าง ผลคือผมคาดการณ์ผิดครับ ราคาทองกลับ break out up ขึ้นกรอบด้านบนแถว1190+/- ขึ้นมาได้

*หากดูจากภาพแรก ในชาร์ตรายวัน จะเห็นว่าล่าสุดราคาทองคำได้ทำ higher high เหนือเขต1225+/- ขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้นจากการคาดการณ์เดิมของผมที่คาดว่าเขต 1225+/- ตรงนั้นเป็นจุดจบของคลื่นปรับc(สีเหลือง) ก็ต้องคิดใหม่แล้วครับ

 

*ข้อสันนิฐานใหม่ผมจะให้ตรงเขต1225+/- ตรงนั้นเป็นจุดจบคลื่นปรับa (สีเหลือง) แล้วตรงแถวเขต1170+/- (สีเหลือง) ตรงนั้นเป็นจุดจบคลื่นปรับb(สีเหลือง) และราคาทองคำที่ทำ higher high เหนือ 1225+/- นี้ น่าจะเป็นช่วงของคลื่นปรับc(สีเหลือง) ซึ่งเป็นคลื่นสุดท้ายก่อนจะจบคลื่นปรับใหญ่(2)สีฟ้า แล้วจะตามมาด้วยคลื่น impulse ที่(3)สีฟ้า ซึ่งจะเป็นคลื่นในทางขาลงตามภาพ

*เมื่อมาดูภาพที่2 เป็นราคาทองในชาร์ตรายสีชั่วโมง h4 จะเห็นว่าการขึ้นทำ higher high แถวเขต1232ของราคาทองคำล่าสุดเกิดสัญญาณ bearish divergence ของราคากับ indicator ทั้งสามตัว MACD,RSI,Stochastic

*ดังนั้นในมุมมองของผมก็ยังคาดหวังการตกปรับฐานลงมาของราคาในคลื่น (3)สีฟ้าอยู่ครับ ดังนั้นในโซนราคาตั้งแต่ 1230 ขึ้นมา ในส่วนตัวผมก็เป็นเขตที่จะหาจังหวะในการsell ตามสัญญาณ bearish divergence และคาดหวังจุดจบของคลื่นปรับc(สีเหลือง) นั่นเอง

โชคดี มีกำไร และโปรดใช้วิจารณญาณ ก่อนทำการลงทุนครับผม ^^

========

ติดตามเรื่องราว only ทองคำ ได้ที่เพจส่วนตัวผมที่ว่าด้วยเรื่องทองคำล้วนได้ที่เพจ invest ingold ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้นะครับ

https://m.facebook.c...658063787653399

 

 

 

 

 

11147857_1123807377645610_4640272212050608290_o.jpg

 

10847725_1123807414312273_548881253148792146_o.jpg

CR: ออ.นัน ค่ะ

ถูกแก้ไข โดย wann

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีจ้า เพื่อน พี่น้อง wannnnnn news deb meng Goldleng น้อย ตังเม raty ทุกคนนนน

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $2.3 เหตุข้อมูลศก.อ่อนแอหนุนแรงซื้อทอง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 07:32:42 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้สร้างบ้านปรับตัวลดลงในเดือนพ.ค.

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 2.3 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ระดับ 1,227.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.ปีนี้

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 16.9 เซนต์ ปิดที่ 17.732 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 9.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,178.50 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจาก NAHB รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวลงสู่ระดับ 54 ในเดือนพ.ค. ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้นแตะ 57

 

นักวิเคราะห์บางคนคาดว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เลื่อนเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป จากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้นในเดือนมิ.ย.ปีนี้

 

นักลงทุนรอดูรายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 28-29 เม.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณเรื่องระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

 

นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก เรียกร้องให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นออกไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่มีแนวโน้มจะปรับตัวขาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยนายอีแวนส์เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เฟดเพียงไม่กี่คนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2162296

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบยูโร เหตุกังวลกรีซไม่สามารถจ่ายหนี้คืน IMF

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 07:31:13 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) จากความวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความสามารถของกรีซในการชำระคืนหนี้สินแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1303 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1461 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5658 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5752 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.01 เยน เทียบกับระดับ 119.29 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9258 ฟรังก์ จาก 0.9144 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7980 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8047 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์เมื่อเทียบยูโร ขณะที่นักลงทุนมีความกังวลระลอกใหม่เกี่ยวกับความสามารถของกรีซในการที่จะชำระคืนหนี้สินแก่บรรดาเจ้าหนี้

 

ยูโรปรับตัวย่ำแย่จากข่าวที่ว่าบรรดานักการเมืองยุโรปได้เดินหน้ากดดันกรีซให้เร่งดำเนินการปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อที่จะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจากเจ้าหนี้

 

ทางด้านนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซิปราสของกรีซ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า กรีซอยู่ระหว่างดำเนินความพยายามขั้นสุดท้ายเพื่อบรรลุข้อตกลงในการคลี่คลายวิกฤตหนี้ของประเทศกับบรรดาเจ้าหนี้ในช่วงหลายวันข้างหน้านี้

 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในช่วงที่ผ่านมาจาก IMF แสดงให้เห็นว่าแทบไม่มีโอกาสที่กรีซจะชำระคืนหนี้ได้ตามกำหนดในวันที่ 5 มิ.ย.นี้

 

ทั้งนี้ แม้ว่ากรีซได้ชำระคืนเงินงวด 750 ล้านยูโรแก่ IMF ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่นักลงทุนก็ยังไม่แน่ใจว่ากรีซจะสามารถชำระหนี้ต่อไปได้นานเพียงใด

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2162295

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 26 เซนต์ เหตุดอลล์แข็ง,ซาอุฯส่งออกน้ำมันเพิ่ม

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 07:15:22 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และจากรายงานที่ว่าซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 9 ปี

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 26 เซนต์ ปิดที่ 59.43 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 54 เซนต์ ปิดที่ 66.27 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรสัญญาน้ำมันดิบ

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นแตะ 7.9 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 548,000 บาร์เรล/วัน จากเดือนก.พ. และเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2548 หรือในรอบ 9 ปี

 

ด้านอิรัก ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสองในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) รองจากซาอุดิอาระเบีย มียอดส่งออกน้ำมัน 2.98 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ที่อิรักได้เริ่มส่งข้อมูลให้ JODI เมื่อเดือนม.ค.2550

 

ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบียและอิรัก รวมถึงประเทศในตะวันออกกลาง ต่างเพิ่มการส่งออกเพื่อแข่งขันกับประเทศต่างๆจากลาตินอเมริกา แอฟริกาเหนือ และรัสเซียที่ส่งน้ำมันไปขายยังเอเชีย โดยการแข่งขันดุเดือดเข้มข้นขึ้นนับตั้งแต่ที่โอเปคตัดสินใจคงเพดานการผลิตไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. โอเปคมีกำหนดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

 

นอกจากนี้ รายงานบนเว็บไซต์ JODI ยังระบุว่า ซาอุดิอาระเบียใช้น้ำมันดิบ 351,000 บาร์เรลเพื่อผลิตไฟฟ้าในเดือนมี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 11% จากเดือนก.พ. ขณะที่ปริมาณการกลั่นน้ำมันอยู่ที่ 1.91 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2162294

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 26.32 จุด รับคาดการณ์เฟดไม่รีบขึ้นดบ.

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 06:22:30 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) โดยทั้งดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเลื่อนเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,298.88 จุด เพิ่มขึ้น 26.32 จุด หรือ +0.14% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,078.44 จุด เพิ่มขึ้น 30.15 จุด หรือ +0.60% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,129.20 จุด เพิ่มขึ้น 6.47 จุด หรือ +0.30%

 

 

 

ดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพราะได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะเลื่อนเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนกว่าจะถึงช่วงต้นปี 2558 หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวลงสู่ระดับ 54 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 52 ในเดือนเม.ย. ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 4 ในรอบ 5 เดือน และผิดไปจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้นแตะ 57 แต่ดัชนีเดือนพ.ค.ก็ยังบ่งชี้ถึงมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ

 

นักลงทุนรอดูรายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 28-29 เม.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณเรื่องระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

 

หุ้นแอปเปิล ปรับขึ้น 1.10% ปิดที่ 130.19 ดอลลาร์ หลังจากนายคาร์ล ไอคาห์น มหาเศรษฐีนักลงทุนชาวสหรัฐระบุว่า ราคาหุ้นแอปเปิลยังอยู่ในระดับต่ำเกินไป และมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวขึ้นเป็น 240 ดอลลาร์

 

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปเพิ่มขึ้น 0.8% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนหุ้นอีเทรด ไฟแนนเชียล และหุ้นรีเจียนส์ ไฟแนนเชียล ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2.3%

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ โดยอังคาร สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย. และวันพุธ เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-26 เม.ย.

 

ส่วนวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนเม.ย.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ค.เฟดฟิลาเดลเฟีย สำหรับวันศุกร์ จะมีการเปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2162287

 

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับความหวังเจรจาหนี้กรีซคืบหน้า

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 06:58:51 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นกรีซ หลังจากมีรายงานว่า นายฌอง-คล้อด ยุงเกอร์ ประธานกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้เสนอให้มีการเจรจาในลักษณะประนีประนอมระหว่างกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ต่างประเทศ

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.4% ปิดที่ 398.09 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,012.31 จุด เพิ่มขึ้น 18.49 จุด หรือ +0.37% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,594.28 จุด พุ่งขึ้น 147.25 จุด หรือ +1.29% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,968.87 จุด เพิ่มขึ้น 8.38 จุด หรือ +0.12%

 

 

 

ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นขานรับข่าวที่ว่า นายฌอง-คล้อด ยุงเกอร์ ประธานกรรมาธิการยุโรปได้เสนอให้มีการเจรจาในลักษณะประนีประนอมระหว่างกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ต่างประเทศ

 

ขณะที่นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซกล่าวว่า กรีซอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายที่จะไดรับข้อตกลงการรับความช่วยเหลือกับกลุ่มเจ้าหนี้ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

 

หุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นพอร์ช ออโต้โมบิล โฮลดิงส์ และหุ้นโฟล์สวาเก้น ซึ่งต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 3%

 

อย่างไรก็ตาม หุ้นดอยช์ ลุฟฮันซา ปรับลง 0.69% ขณะที่หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ร่วงลง 0.44%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2162293

 

อิหร่านวอน UN ช่วยจัดส่งปัจจัยช่วยเหลือให้เยเมน แนะกำหนดเขตพื้นที่คุ้มครอง

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 23:00:00 น.

นายโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอิหร่านได้เรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ (UN) เข้ามาให้ความช่วยเหลือด้านการลำเลียงปัจจัยช่วยเหลือด้านมนุษยชนไปยังเยเมน

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายซารีฟ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า UN ต้องจัดตั้งเขตพื้นที่ที่ได้รับการคุ้มครองในเยเมนขึ้นมา เพื่อที่จะได้มีการจัดส่งปัจจัยช่วยเหลือด้านมนุษยชน เพราะขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ UN จะต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในเยเมน นอกจากนี้ องค์กรสากลควรจะมีความรับผิดชอบในการต่อเวลาข้อตกลงหยุดยิงออกไปอีก

 

นายซารีฟ กล่าวว่า การโจมตีพื้นที่ของพลเรือนนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และน่าเสียใจที่การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยชนไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่เหล่านี้ได้

 

รมว.ต่างประเทศ กล่าวต่อไปว่า ข้อกำหนดที่เข้มงวดของกองกำลังร่วมภายใต้การนำของซาอุดิอาระเบียที่นำมาใช้กับชาวเยเมนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ และยังละเมิดกฎเกณฑ์สากล รวมถึงกฎหมายสิทธิมนุษยชน

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2162278

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รัฐบาลพม่าต่อเวลาประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตโกก้างอีก 90 วัน

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 21:50:00 น.

รัฐบาลพม่าได้ประกาศขยายระยะเวลาในการประกาศภาวะฉุกเฉินออกไปอีก 90 วันในเขตโกก้าง รัฐฉาน ซึ่งประกาศภาวะฉุกเฉินรอบล่าสุด จะสิ้นสุดลงในวันที่ 17 ส.ค.นี้

 

ด้วยเหตุนี้ กฎอัยการศึกซึ่งได้มีการใช้ควบคู่ไปกับการประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ จึงยังมีผลบังคับใช้อยู่

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คำสั่งของประธานาธิบดีที่ได้มีการประกาศใช้นั้น สอดคล้องกับข้อเสนอที่ทางรัฐสภาได้อนุมัติไปเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา

 

โดยข้อเสนอที่ได้มีการส่งมอบให้กับรัฐสภาโดยรัฐมนตรีกลาโหมในนามของประธานาธิบดีพม่านั้น ระบุว่า การขยายระยะเวลาเป็นเรื่องที่จำเป็น เนื่องจากการสู้รบยังคงเกิดขึ้นในพื้นที่ และสถานการณ์ทางการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ ระบบกฎหมาย และการบริหารจัดการก็ยังไม่ฟื้นคืนสู่ภาวะปกติ

 

ประกาศภาวะฉุกเฉินที่ได้มีการประกาศใช้เมื่อวันที่ 17 ก.พ.นั้น เกิดขึ้นภายหลังจากที่เกิดการสู้รบอย่างรุนแรงระหว่างกองกำลังของรัฐบาลพม่า และกลุ่มกองทัพพันธมิตรชนกลุ่มน้อยแห่งชาติเมียนมาร์ (MNDAA)

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2162273

 

ประชุมร่วม'คสช.-ครม.'พรุ่งนี้ 'ไพบูลย์'ฟันธง!จบที่ทำประชามติ

 

 

ข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 15:51:00 น.

18 พ.ค.58 นายไพบูลย์ นิติตะวัน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการประชุมร่วมกันระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ค.) ว่า คสช.และ ครม.คงมีความเห็นร่วมกันดำเนินการตามเสียงเรียกร้องของทุกฝ่ายด้วยการทำประชามติว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หลังจากที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่านการลงมติของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แล้ว แต่ถ้าไม่ผ่าน สปช.ก็ถือว่าจบ

 

 

 

ส่วนกระบวนการทำประชามติจะเป็นอย่างไรเป็นดุลพินิจของ ครม.และ คสช.ว่าจะมีรัฐธรรมนูญอื่นเปรียบเทียบหรือไม่ หรือถ้าทำประชามติแล้วไม่ผ่านจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งโดยส่วนตัวยังมั่นใจว่าจะผ่านการทำประชามติ เพราะ กมธ.ยกร่างฯ รับฟังทุกฝ่าย น่าจะมีการแก้ไขในหลายประเด็นเพื่อให้สังคมยอมรับ

 

"กมธ.ยกร่างฯ มีเหตุผล ถ้าท้วงแรงทุกฝ่ายตรงกันทุกฝ่ายเราก็ต้องฟัง เช่น มาตรา 181 กับ 182 และอำนาจกรรมการปรองดองในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ เพราะน้ำหนักในการท้วงมาน่าสนใจ ซึ่งเป็นความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น เช่น คณะกรรมการปรองดองเสนอพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษได้เท่านั้นก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่เสนอแล้วบังคับให้ ครม.ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ผมตระหนักดีว่าถ้อยคำขณะนี้ผูกมัดว่าต้องทำ ก็จะเสนอให้มีการแก้ไข" นายไพบูลย์ กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ทางคณะ กมธ.ยกร่างฯ มีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น หลังจากรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกภาคส่วน โดยในที่ประชุมมีมติว่า ให้ กมธ.ยกร่างฯ ระมัดระวังในการแสดงความเห็น โดยขอให้ย้ำว่าเป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ทิศทางของ กมธ.ยกร่างฯ เพราะยังไม่มีการหารือว่าจะปรับปรุง แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นใดบ้าง

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/nnd/2162026

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

มองย่อตัวลง จากแนวต้านที่ 1327 1332 ลงสู่แนวหนุนบริเวณ 1205 1215 มองเป็นช่วงพักตัว จบพักตัวอาจเป็นได้ทั้งขึ้นต่อและกลับลง ย่อมาปิดเอสและรอดูสถานการณ์

by Facebook.com/Wealthstation

 

11218461_885413828163760_9110329850890571795_n.png?oh=190ab60c8b628864c9820a0ae273cd2f&oe=5606D606&__gda__=1443738717_f2586ee4433d88a32dc36d79ad990a5d

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

จับตาคดีปล่อย'โกงข้าว' ลุ้น'ปู'เดินขึ้นศาล9.30น.

http://www.naewna.com/politic/158714

 

 

 

 

10151860_953125438071582_5655244194252312883_n.jpg?oh=3982c9fbf05a065e89331e851769abba&oe=5606E846

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สื่อจีนระบุ จีนลงนามไทย ขุด คอคอดกระ สร้างเส้นทางเดินเรือสายใหม่

 

สื่อจีนระบุ จีนลงนามข้อตกลงกับไทยที่เมืองกวางโจว เพื่อสร้าง คลองกระ เป็นเส้นทางเดินเรือสายใหม่ ที่ไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา

NATIONTV.TV

 

 

เงินบาทเปิด 33.35/37 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค หลังดอลล์แข็ง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 09:25:11 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 33.35/37 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 33.31/32 บาท/ดอลลาร์

 

"เช้านี้เงินบาทเปิดตลาดมาที่ 33.35/37 แล้วก็นิ่งๆ Direction ยังนิ่งๆ รอดูตลาดเพื่อนบ้าน แต่ช่วงนี้ดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าสูงขึ้น เพราะฉะนั้นเงินบาทมีโอกาสปรับตัวอ่อนค่าได้"นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ระหว่าง 33.30-33.45 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.96 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 119.65 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1295 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.1395 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 33.4600 บาท/ดอลลาร์

 

- ที่ประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กับ คณะรัฐมนตรี(ครม.) วันนี้จะหารือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวว่า จะเปิดทางให้ลงประชามติหรือไม่ หากที่ประชุมเห็นชอบจะไปดำเนินการว่าจะแก้ไขอะไรบ้าง จากนั้นจะทำประชามติหรือไม่

 

- ตลาดหลักทรัพย์เตรียมทบทวนเป้าวอลุ่ม เทรดหุ้นเฉลี่ยจากเดิมคาดไว้ 5.2 หมื่นล้าน เหตุตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน 5 หมื่นล้านล่าสุดเดือนพ.ค.ต่ำสุดแตะ 3.7 หมื่นล้านแจงขอเวลาทบทวนไม่เกิน 2 เดือน พร้อมยอมรับต่างชาติขายสุทธิสะสม 1 หมื่นล้าน ยันไม่น่าห่วง หากเทียบกับแรงขายในกลุ่มอาเซียน หวังจัดกลุ่มบริษัทจดทะเบียน ที่มีบรรษัทภิบาลที่ดี ช่วยดึงความสนใจต่างชาติกลับเทรดหุ้นไทยอีกครั้ง

 

- "ไทยพาณิชย์" ชี้เริ่มเห็นสัญญาณ เศรษฐกิจฟื้น คาดจีดีพีโต 3% พร้อมปรับระบบพิจารณาสินเชื่อรายย่อยดึงข้อมูลลูกค้าทุกผลิตภัณฑ์รวมกันเพื่อเห็นภาพรวมมากขึ้น หวังรุกตลาดสินเชื่อบ้านและรถยนต์ใหม่ ประเมินทั้งปีสินเชื่อโตเท่าระบบ 5.5% ส่วนเอ็นพีแอลยังคุมที่ระดับ 2.13% ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเป็น 55% ใน 2-3 ปีข้างหน้ารับสินเชื่อโตช้า

 

- นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า แผนแม่บทพัฒนาสถาบันการเงินระยะเวลา 3 ปีของสมาคม แผนหนึ่ง คือการที่ธนาคารพาณิชย์จะมีการร่างหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลกันเอง (Self Regulated) โดยมีการระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำร่างระเบียบการกำกับดูแลตัวเอง

 

- นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคมและเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช.ปรับลดประมาณการ ส่งออกปีนี้เหลือ 0.2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.5%

 

- นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ถึงธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินทุกแห่ง รวมทั้งบริษัทที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน (นันแบงก์) เพื่อขอความร่วมมือให้ความช่วยเหลือ ลูกหนี้เอสเอ็มอี 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว 2.กลุ่มที่เป็นผู้ประกอบการใหม่ (New/Start Up) ที่มีนวัตกรรม รวมทั้งกลุ่มที่เคยประสบปัญหาหรือเลิกกิจการและต้องการเริ่มกิจการใหม่ 3.กลุ่มผู้ประกอบการขนาดย่อมที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตไปสู่ขนาดกลาง และ 4.กลุ่มที่จะขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดอาเซียนและตลาดต่างประเทศอื่น

 

- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) จากความวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความสามารถของกรีซในการชำระคืนหนี้สินแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และจากรายงานที่ว่าซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 9 ปี สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 26 เซนต์ ปิดที่ 59.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 54 เซนต์ ปิดที่ 66.27 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้สร้างบ้านปรับตัวลดลงในเดือนพ.ค. สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 2.3 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ระดับ 1,227.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.ปีนี้

 

- เกวริล ซาเคลลาริดิส โฆษกรัฐบาลกรีซเผยรัฐบาลกรีซตั้งใจที่จะดำเนินการ เพื่อตอบสนองข้อกำหนดทางการเงินของทั้งในและต่างประเทศ แต่กลุ่มเจ้าหนี้ก็จำเป็นต้องให้การสนับสนุนกรีซอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพื่อที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะได้บรรลุข้อตกลงเรื่องหนี้กรีซภายในเดือนพ.ค.นี้

 

- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอิตาลีในปี 2558 เป็นขยายตัว 0.7% และปี 2559 เป็น 1.2% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 0.5% และ 1.1% ตามลำดับ

 

- ธนาคารกลางเยอรมนีชี้การบริโภคภายในประเทศจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจของเยอรมนีขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากที่เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงนั้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออก ขณะที่การนำเข้าของประเทศก็ปรับตัวสูงขึ้นมาก

 

- นายมานูเอล วาลส์ นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ฝรั่งเศสตั้งเป้าผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ขยายตัวในอัตรา 1.5% ภายในปีนี้ หลังจากที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวเกินคาดในไตรมาสแรก

 

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2162658

 

 

 

Xinhua world news summary:อียูเล็งเริ่มปฏิบัติการทางทหารเพื่อยุติการค้ามนุษย์ในเมดิเตอร์เรเนียน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 09:40:00 น.

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลเปิดเผยว่า อิสราเอลจะยังคงสร้างที่อยู่อาศัยทั่วเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งรวมถึงในพื้นที่เยรูซาเล็มตะวันออก ที่ปาเลสไตน์ต้องการสร้างเมืองหลวงสำหรับรัฐในอนาคต

 

-- รัสเซียระบุว่า นักสู้ 2 คนที่กองทหารยูเครนจับกุมตัวได้นั้น ไม่ได้ปฎิบัติหน้าที่ในกองกำลังพิเศษของรัสเซีย และเน้นว่านักสู้ทั้งสองเข้าร่วมการปะทะในดอนบาสโดยสมัครใจ

 

 

 

สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กรายงานโดยอ้างคำพูดนายไอกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า "พลเมืองรัสเซียคือนายอเล็กซานเดอร์ อเล็กซานดรอฟ และยูเจนี เยโรฟีฟ ซึ่งถูกจับตัวในเมืองลูฮันสค์ โดยหน่วยความมั่นคงยูเครน ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้านการทหารในกองกำลังรัสเซียแล้วในช่วงที่ถูกกักขัง"

 

-- รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมของสหภาพยุโรป (อียู) เห็นพ้องในการจัดการประชุมเมื่อวานนี้ ในการริเริ่มปฏิบัติการทางทหารของอียู เพื่อยุติการลักลอบค้ามนุษย์ในเมดิเตอร์เรเนียน

 

แถลงการณ์หลังการประชุมระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีชื่อว่า EU Navfor Med และเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการตอบสนองที่ครอบคลุมของอียู ในประเด็นเรื่องผู้อพยพ

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2162679

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กรีซดิ้นเฮือกสุดท้ายเพื่อให้บรรลุข้อตกลงเรื่องหนี้สินร่วมกับเจ้าหนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 19 พฤษภาคม 2558 09:16:58 น.

นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซเปิดเผยว่า กรีซกำลังใช้ความพยายามขั้นสุดท้ายเพื่อให้บรรลุข้อตกลงในเรื่องการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้สินร่วมกับเหน้าหนี้ต่างประเทศในอีกไม่กี่วันนี้

 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกรีซแสดงความมั่นใจดังกล่าวในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสามัญของสมาพันธ์ธุรกิจเฮเลนนิคว่า ในท้ายที่สุดจะมีการทำข้อตกลงที่ได้รับผลประโยชน์ร่วมกันในเร็วๆนี้ หลังจากที่เจรจากันมาอย่างยืดเยื้อถึง 4 เดือน

 

 

 

นายซิปราสยังได้ตำหนิความล่าช้าว่ามีสาเหตุมาจากการใช้อิทธิพลของยุโรปท่ามกลางการขัดขวางของบรรดาเจ้าหนี้

 

นายซิปราสได้แสดงความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลของเขาจะทำงานหนักเพื่อให้สอดคล้องกับภาระผูกพันทางการเงินทุกอย่างและเพื่อให้บรรลุข้อตกลง

 

แหล่งข่าววงในจากรัฐบาลกรีซเปิดเผยว่า กรีซคาดหวังว่าร่างข้อตกลงจะได้รับการยอมรับก่อนการประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรปที่จะมีขึ้นในลัตเวียและคณะกรรมการฉุกเฉินของยูโรกรุ๊ปจะให้การรับรองในวันศุกร์นี้

 

สำหรับภาวะขาดสภาพคล่องในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ซึ่งอาจจะนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ของกรีซและการถอนตัวจากสมาชิกยูโรโซนของกรีซในเดือนมิ.ย.นั้น ผู้นำกรีซระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลกรีซมากกว่าผลของการเจรจากับเจ้าหนี้ซึ่งมีท่าทีที่แข้งกร้าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2162526

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...