ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

14233042_663550470479613_1004010341401077846_n.jpg?oh=b8c144a58a362d3ca3e6fe87b1bb5b54&oe=58704265

 

12745923_569874126513915_3167482027767612930_n.jpg?oh=18e5ed213b2075f04c65f37edcab3b9a&oe=583794E6

 

 

14232481_663368803831113_7887294650397643100_n.jpg?oh=658426c1f3e303da9915d31156dcf2ae&oe=58791CAE

 

13256035_612369998930994_7203049459693903468_n.jpg?oh=eb149748b514310e01d48bd9922a417f&oe=5839CD4C

 

ขอบคุณภาพจากอินเตอรฺเน็ต

นายกฯ แถลงผลงานรอบ 2 ปี ย้ำเดินตามโรดแมพวางรากฐานทุกมิติ ให้ก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 กันยายน 2559 11:36:38 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุการบริหารราชการแผ่นดินในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลมีความมุ่งมั่นปฏิรูปการทำงานทุกด้านอย่างครบวงจรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ลดเหลื่อมล้ำของประชาชนที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งภายในประเทศ การพัฒนาประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค การน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางปฏิบัติ

 

 

 

"แนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลและ คสช.นั้นจะต้องมีความมุ่งมั่น ตั้งใจในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยยึดโยงประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ยึดหลักธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใส เป็นสำคัญตลอดมา เพื่อเป้าหมายสำคัญในการวางรากฐานให้รัฐบาลในอนาคตได้มีการบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีธรรมาภิบาลภายใต้กฎกติกาที่เหมาะสมกับประเทศ และป้องกันที่จะไม่ให้สภาพปัญหาแบบเดิมกลับมาเกิดขึ้นอีก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดการชี้แจงผลงานรัฐบาลครบรอบ 2 ปี

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศขณะที่มีปัญหาเรื่องความไม่สงบทั้งความขัดแย้งภายในประเทศและการก่อการร้ายและการสู้รบในต่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจประสบปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เศรษฐกิจโลกซบเซา เป็นช่วงขาลง โดยมีอัตราขยายตัวเพียง 3% ในปี 58 และแนวโน้มในปี 59 ขยายตัวเพียง 3.1% ขณะที่ผลการทำงานของรัฐบาลเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นในมุมมองและการประเมินขององค์กรต่างๆ

 

โดยที่ผ่านมาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง จาก 0.8% ในปี 57 มาเป็น 3.2% ในปี 59, ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการคมนาคมทางบกดีขึ้นจากอันดับที่ 48 ในปี 56 มาอยู่ที่อันดับ 26 ในปี 59, ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการคมนาคมทางอากาศดีขึ้นจากอันดับที่ 23 ในปี 56 มาอยู่ที่อันดับ 20 ในปี 59, ความน่าลงทุนระหว่างประเทศดีขึ้นจากอันดับที่ 31 ในปี 56 มาอยู่ที่อันดับ 28 ในปี 59, สัดส่วนมูลค่า SMEs ต่อ GDP มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องจาก 39.6% ในปี 57 มาอยู่ที่ 42.3% ในปี 59, UN จัดดัชนี e-Government อยู่ในอันดับที่ 102 ในปี 57 มาอยู่ที่อันดับ 77 ในปี 59 จาก 193 ประเทศทั่วโลก, IMD จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอยู่ที่ 28 ในปี 59 ดีขึ้นจากอันดับที่ 30 ในปี 58, ปี 58 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 30 ล้านคน มากเป็นอันดับ 11 ของโลก สร้างรายได้ เข้าประเทศ 1.44 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก, เว็บไซต์บลูกเบิร์กจัดให้เป็นประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลกจาก 74 ประเทศทั่วโลก

 

ขณะที่ความเสี่ยงด้านความไม่แน่นอนทางการเมืองดีขึ้นจากอันดับที่ 57 ในปี 57 มาอยู่อันดับที่ 51 ในปี 59, ความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐดีขึ้นจากอันดับที่ 57 ในปี 57 มาอยู่ที่อันดับ 25 ในปี 59, จำนวนเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ลดลงกว่า 50%, จำนวนคดียาเสพติดลดลงกว่า 50% จาก 4 แสนคดีในปี 56 เหลือ 2 แสนคดีในปี 58, การจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นจาก 180 ประเทศทั่วโลกดีขึ้นต่อเนื่อง จากอันดับที่ 102 ในปี 56 มาอยู่ที่อันดับ 76 ในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรอบ 6 ปี และมีความโปร่งใสดีที่สุดในรอบ 10 ปี

 

"รัฐบาลบริหารประเทศในทุกมิติ ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม การต่างประเทศ กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานในปัจจุบันเป็นระยะที่ 2 ของโรดแมพ คือ การเริ่มต้นการปฏิรูปในเชิงโครงสร้าง ปฏิรูปการบริหารราชการ และการจัดทำแผนที่นำทางไปสู่อนาคตตามวิสัยทัศน์มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยนำปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกมากำหนดว่าประเทศไทยควรจะทำอย่างไร ด้วยวิธีการใดจึงจะเกิดผลดีที่สุดกับประชาชน และเป็นการปรับตัวให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

 

"ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ถ้าไม่ทำวันนี้ โอกาสของประเทศไทย โอกาสของคนไทยจะสูญเสียไปอย่างมหาศาล และยากที่จะเรียกกลับคืนมาได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นอกเหนือจากการรักษาสมดุลย์ในการบริหารประเทศทั้ง 6 มิติแล้ว รัฐบาลยังมีภารกิจสำคัญในการสร้างรากฐานสู่อนาคตตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0 โดยจะเร่งดำเนินการเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การวางระบบสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน การวางระบบประกันสุขภาพ สนับสนุนการลงทุนในประเทศ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เร่งผลักดันการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ปฏิรูปการเกษตรกรรม

 

"เราจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการค้าขายสินค้าเกษตรต้นน้ำไปสู่การสร้างสินค้านวัตกรรมเพื่อการแข่งขัน เพราะรายได้ของประเทศในปัจจุบัน 70% มาจากการส่งออก และส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรกรรมต้นน้ำที่มีมูลค่าไม่สูง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพยายามดำเนินการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว แต่ยังมีข้อขัดข้องยบางประการ เช่น กฎหมายไม่ทันสมัย ประชาชนยังไม่เปิดรับการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ประชาชนไม่ให้ความสำคัญกับข้อมูลหลักการที่ถูกต้อง รัฐบาลพยายามบริหารราชการและแก้ปัญหาด้วยกฎหมายตามปกติ ขณะที่การใช้อำนาจพิเศษเป็นเพียงเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย รักษาสถาบัน เกิดการบูรณาการที่ทันต่อเหตุการณ์

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภารกิจรัฐบาลในช่วงเวลาอีกปีเศษข้างหน้า ซึ่งเป็นระยะที่ 3 ของโรดแมพ คือ การส่งมอบหน้าที่ต่อให้รัฐบาลชุดใหม่ภายหลังการเลือกตั้ง หากเราเปลี่ยนผ่านสำเร็จจะมีโอกาสยกฐานะไปสู่ประเทศในโลกที่ 1 หรือประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยของประชากรสูงขึ้น มีระบบสวัสดิการที่สมบูรณ์ ประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ปัญหาสังคมลดลง มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มขึ้น การเมืองมีเสถียรภาพ เกิดความสงบสุขทั่วทุกพื้นที่ คนมีระเบียบวินัย เป็นต้น ซึ่งตนเองมั่นใจว่าทุกเรื่องเป็นจริงได้ ถ้าคนไทยทุกคนร่วมมือร่วมใจช่วยกัน

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2510285

 

วิษณุ เผย คกก.รับผิดทางแพ่งเตรียมสรุปค่าเสียหายรับจำนำข้าวในสัปดาห์นี้

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 กันยายน 2559 18:05:50 น.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการเรียกค่าเสียหายความผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าวจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาตัวเลขของคณะกรรมการความรับผิดทางแพ่ง ซึ่งจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ก่อนจะส่งให้ รมว.คลัง เพื่อรายงานต่อนายกรัฐมนตรีให้อนุมัติคำสั่งให้รับผิด ซึ่งเมื่อลงนามแล้วต้องแจ้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทราบว่าจะยื่นอุทธรณ์ หรือขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ หากภายในกรอบเวลาไม่มีการยื่นอุทธรณ์เรื่องจะเป็นหน้าที่ของกรมบังคับคดีในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินเพื่อทำการยึดทรัพย์ต่อไป

 

 

 

นายวิษณุ ยืนยันว่า กรมบังคับคดีสามารถรับผิดชอบดำเนินการยึดทรัพย์ได้ โดยไม่ต้องทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง แต่อาจต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมที่ดิน

 

ส่วนการดำเนินการยึดทรัพย์นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่มีการลงนามในคำสั่งทางปกครอง เพราะอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งจะเสร็จในไม่ช้านี้ ส่วนมูลค่าความเสียหายไม่สูงอย่างที่คาดไว้ เนื่องจากมีผู้ร่วมกระทำผิดหลายคน จึงต้องแบ่งกันรับผิดชอบ ซึ่งแตกต่างจากกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่งสำนวนมาคนเดียว แต่อาจมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายคน ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์สามารถตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีอาญาต่อไปได้

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2510585

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

HSHsocial

 

 

NOW26

 

 

NationTV22

 

ยิ่งลักษณ์ระทึก! จ่อปิดสำนวนผิดจำนำข้าว 1-2 วันนี้ 'วิษณุ'ชี้ ถ้าไม่อุทธรณ์ ยึดทรัพย์ทันที (

 

“วิษณุ” เผยเตรียมปิดสำนวนยิ่งลักษณ์ ผิดจำนำข้าว 1-2 วันนี้ จีทูจี “บุญทรง” รมว.พาณิชย์จ่อลงนามคำสั่งปกครองแล้ว เมื่อเวลา 14.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม…

WWW.MATICHON.CO.TH

 

อิหร่านจี้สหรัฐถอนทหารพ้นอ่าวเปอร์เซีย ชี้ไม่มีสิทธิเหนือน่านน้ำอิหร่าน

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 กันยายน 2559 16:11:00 น.

นายอาลี แชมคานี เลขาธิการคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่านเปิดเผยว่า กองทัพรสหรัฐควรถอนกำลังทหารออกจากอ่าวเปอร์เซีย เนื่องจากทางกองทัพสหรัฐไม่มีสิทธิในเขตน่านน้ำทางตอนใต้ของอิหร่าน

 

นายแชมคานีกล่าวว่า "กองทัพสหรัฐไม่มีสิทธิใดๆในอ่าวเปอร์เซีย ไม่ได้รับการเห็นชอบจากนานาชาติ และยังเป็นการขัดต่อปณิธานของประเทศต่างๆในภูมิภาค"

 

นอกจากนี้ เขากล่าวว่า สหรัฐต่อต้านอิหร่านด้วยการกล่าวหาว่าอิหร่านได้กระทำการยั่วยุในอ่าวเปอร์เซีย และรายงานข่าวที่ว่าเรือเดินสมุทรของอิหร่านเคลื่อนตัวเข้าใกล้เรือรบของสหรัฐมากเกินไปในบริเวณช่องแคบฮอร์มุซนั้น เป็นเพียงการสร้างเรื่องของสหรัฐเท่านั้น

 

ขณะที่ นายอาลี ฟาดาวี ผู้บังคับบัญชาทหารเรือของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ได้ออกมาเตือนให้เรือรบของสหรัฐออกจากอ่าวเปอร์เซียเช่นกัน พร้อมกล่าวว่า "หากสหรัฐถอนทัพออกจากอ่าวเปอร์เซีย ข้อขัดแย้งระหว่าง IRGC และกองทัพสหรัฐจะไม่เกิดขึ้น"

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สกาวรัฐ บัวสำลี/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2510494

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองวันนี้ l รอบเช้า 16-Sep-2016

 

ราคาทองวันนี้ l รอบเช้า 16-Sep-2016

AUSIRIS.CO.TH

 

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในคืนที่ผ่านมาออกมาแย่เป็นส่วนใหญ่ มีเพียง Philly Fed Manufacturing Index ที่ดีกว่าคาด ช่วยให้ราคาทองบวกขึ้นได้ช่วงสั้นๆ แล้วปรับตัวลงต่อซึ่งทำจุดต่ำสุดไว้ที่บริเวณ 1308 1310 จากการที่ตลาดยังกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ เมื่อพิจารณาจาก yield Bond สหรัฐที่บวกขึ้นมาในช่วงนี้ก็มีความสอดคล้องกัน

CME Group Fed Watch รายงานว่านักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้เป็น 88% ซึ่งเป็นลบต่อทอง

ในขณะที่ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐเข้ากรอบสามเหลี่ยมรอเลือกทางซึ่งน่าจะลากมารอคืนวันพุธที่จะถึงนี้

SPDR Gold ยังคงขายต่อเนื่องส่งผลให้ภาพรวมแล้วทองไม่มีปัจจัยบวกเท่าที่ควร มองว่าเรี่ยวแรงเวลานี้ไม่น่าดีดกลับไปทรงตัวเหนือ 1340 ได้ง่ายๆ

ทรงกราฟราคาทองระยะสั้นเป็นลักษณะ Sideway Down คือค่อยๆ ปรับตัวลง Speed ในการลงเริ่มชะลอ โดยมองว่าเพราะเข้าใกล้แนวรับหลัก 1300 ซึ่งภาพหลักทองฟอร์มตัวเป็นรูปแบบที่เรียกว่า Flag การปรับตัวลงต่ำกว่า 1290 - 1300 เหรียญลงมาจะเป็นกลับตัวลงโดยมีแนวรับถัดไปบริเวณ 1250 ซึ่งน่าจะปรับตัวลงเมื่อมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไปจากตอนที่เบรก 1300 ขึ้นมาเมื่อ Brexit เดือนมิถุนายน

จึงให้กลยุทธ์ไว้สองระดับ ระดับแรกคือการถือครองระยะยาวหรือถือยาวนั่นเอง การปรับตัวลงต่ำกว่าโซน 1290 1300 ลงมานี้เป็นผลจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปแล้ว ถ้ายังไม่ได้ขายที่กรอบบนก็แนะนำว่าควรตัดใจขายเมื่อหลุดกรอบล่างนี้ลงมาดีกว่า อาจได้ของที่ถูกกว่าเดิมแต่ถ้าฟื้นตัวได้จากกรอบล่างนี้ก็ไปรอขายที่กรอบบนหรือบริเวณ 1340 1350 เห็นแถวนี้น่าขายไม่น่าถือหรือซื้อตามครับ

ซึ่งกลยุทธ์ะระยะสั้นมองว่าไม่มีตัวเลขสำคัญๆก่อนการประชุมทองน่าจะทรงตัว ไม่เปลี่ยนกรอบจึงทำให้ระยะสั้นเป็นการเทรดในกรอบ ลงมากรอบล่างก็ซื้อถึงกรอบบนก็ขาย เทรดสั้นเก็บกำไรกันไป

โดยมีพ้อยท์ราคากรอบล่างที่ 1302 1305 1308 และเส้นกลางแถว 1315 1318 และกรอบบนที่ 1325 1328 1330 1335 โดยค่าเงินบาทน่าจะทรงตัวที่กรอบ 34.70 - 35.00

16 Sep, 2016

www.facebook.com/Wealthstation

14364804_1160061074032366_3738569794841821607_n.png?oh=88bb8b676fd5b5f4597fb9f53eb6e002&oe=5873A6E2

14370041_1160066327365174_6430695126568855959_n.png?oh=7266ec2aa127852921ddfd5b7cd6cefa&oe=583B1D7A

14390659_1160061144032359_447236953917115758_n.jpg?oh=bc527573e2005490a86ebfe21cae0389&oe=587E59BA

14344883_1160061044032369_8460674367783540237_n.png?oh=2f9da559a139580e99a970d92518bc92&oe=586FEA32

 

14355591_1302572066420039_475883878490155367_n.jpg?oh=98c6d2f53edb98012c1ded07d84b12a4&oe=583A5EF5

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

NOW26

 

 

NOW26

 

 

 

Ylg Bullion

 

 

 

MTS GOLD GROUP

 

 

 

YLGResearch

 

 

 

MTS GOLD GROUP

 

 

 

NOW26

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

13103447_1691279444464977_6035189218422192639_n.jpg?oh=d10971c91463c3e3a4a491f648315989&oe=587DAB52

แนวหน้า

วันพฤหัสบดี ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559, 19.36 น.

tags : โปรดเกล้า, พระราชทาน, เหรียญรัตนาภรณ์ ชั้นที่ 1, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ

235547.jpg?t=1473983109339

15 ก.ย. 59 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ ชั้นที่ 1 แก่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2559

ประกาศ ณ วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เปิดครบข้อมูล 11 บริษัท เครือข่ายธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญครบวงจร 'โอเอ ทรานสปอร์ต' พบโชว์รายได้ล่าสุดปี 58 วงเงินกว่า 8.1 พันล้าน ก่อนโดน ปปง. อายัดทรัพย์ 1.3 หมื่นล้าน

http://www.isranews.org/investigative/invest-slide/item/50018-invews_50018.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีวันจันทร์ เพื่อน พี่น้องทุกท่าน

 

Ylg Bullion

 

 

HSHsocial

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

NationTV22

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

 

NationTV22

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

NationTV22

 

 

 

NOW26

 

บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำจันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 09:57:36 น.

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--MTS Gold Group

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องในคืนวันศุกร์หลังตัวเลข CPI ออกมาสูงกว่าคาดจากระดับเดิม 0.0% สู่ระดับ 0.2% ขณะที่ Core CPI เพิ่มขึ้นจากระดับ 0.1% สู่ระดับ 0.3% ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 96.11 จุด ทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ ขณะที่วันศุกร์กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำเข้ามาอีก 10.39 ตัน สู่ระดับ 942.61 ตัน ในขณะที่ในวันนี้ไม่ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญใดๆ ส่วนค่าเงินบาทเองในคืนวันศุกร์ปรับอ่อนค่าขึ้นมายืนอยู่เหนือ 34.90 บาท/ดอลลาร์อีกครั้ง โดยขึ้นไปปิดที่ระดับ 34.95 บาท/ดอลลาร์ โดยที่เช้าวันนี้ปรับแข็งค่าลงมาอีกครั้งสู่ระดับ 34.87 บาท/ดอลลาร์

 

 

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวลดลงต่อเนื่อง โดยทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบเดือนบริเวณ 1,307 เหรียญ ก่อนจะขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,310 เหรียญ โดยราคาทองคำในระยะสั้นยังถูกกดดันเป็นแนวโน้มทิศทางขาลง มีแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,300 – 1,303 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมเมื่อเดือนที่ผ่านมา สำหรับวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะคงเคลื่อนตัวในกรอบแคบเพื่อรอข่าวเฟดในอีก 2 วันข้างหน้า โดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1,303 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 1,320 เหรียญ ซึ่งแนวต้านในระยะสั้นรายวัน

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะไม่ซื้อเฉลี่ยในกรณีที่ขาดทุน บริหารพอร์ตให้สมดุล และติดตามข่าวของเฟดอย่างใกล้ชิด ยังคงแนะนำให้บริหารพอร์ตโฟลิโอให้เหมาะสมกับสภาพข่าวที่จะเข้ามากระทบตลาด

 

- นักลงทุนที่ถือ Long Position และ Short Position

ยังคงแนะนำเก็งกำไรตามกรอบ และติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

รอจังหวะเข้าซื้อบริเวณ 1,300 – 1,303 เหรียญ

Gold Futures V16 จะมีแนวรับที่ระดับ 21,740 บาท และแนวต้านที่ระดับ 21,940 บาท

Gold Futures Z16 จะมีแนวรับที่ระดับ 21,790 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,990 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2512313

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กรมป้องกันฯ แจ้งเตือน 7 จ.ภาคกลางเตรียมพร้อมรับมือน้ำเอ่อล้นตลิ่งจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

 

 

ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 10:25:07 น.

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำกับสำนักชลประทานที่ 12 คาดว่าสถานการณ์น้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลให้พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ถึงบริเวณตำบลบางหลวงโดด อำเภอบางบาล และตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงบริเวณท้ายแม่น้ำน้อย

 

 

 

ดังนั้นกรมป้องกันฯ จึงได้ประสาน 7 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เกษตรกร ผู้ประกอบการร้านค้า เรือโดยสาร ประชาชนที่สัญจรทางน้ำ นักท่องเที่ยว รวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างงานโครงสร้างหรือเขื่อนป้องกันตลิ่งบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้ติดตามสถานการณ์และประกาศแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำเอ่อล้น โดยจัดเก็บและขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม พร้อมเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางสัญจรทางน้ำ

 

ทั้งนี้ กรมป้องกันฯ ได้สั่งกำชับให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกล ด้านสาธารณภัย และกำลังเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และทีมกู้ชีพกู้ภัยประจำตำบลติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดวางแนวกระสอบทรายและติดตั้งเครื่องสูบน้ำป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ

 

ส่วนภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากและดินสไลด์ใน 5 จังหวัด รวม 15 อำเภอ 34 ตำบล แยกเป็น จังหวัดสุโขทัย น้ำจากแม่น้ำยมล้นตลิ่ง เข้าท่วมพื้นที่อำเภอเมืองสุโขทัย ประชาชนได้รับผลกระทบ 500 ครัวเรือน อพยพ 4 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 49,203 ไร่, จังหวัดเชียงใหม่ เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่ออน อำเภอเชียงดาว อำเภอแม่แตง อำเภอเวียงแหง และอำเภอสันกำแพง บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก, จังหวัด พะเยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ และอำเภอภูกามยาว, จังหวัดแม่ฮ่องสอน เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปางมะผ้า อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอปาย และจังหวัดแพร่ เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลอง อำเภอร้องกวาง และอำเภอเด่นชัย โดยสถานการณ์ในภาพรวมทั้ง 5 จังหวัด ปัจจุบันระดับน้ำลดลงแล้ว แต่ยังคงมีมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำในพื้นที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดพะเยา ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัย ร่วมกับหน่วยทหารและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว

 

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq01/2512349

 

 

เปิดการเรียนรู้สุดคลาสสิกกับเยาวชนนักสะสมแสตมป์ ในยุคดิจิทัลครอบงำ

 

 

ข่าวทั่วไป ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 10:00:06 น.

 

ดูรูปทั้งหมด

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์

"ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งรอบรู้" คือแนวคิดของคนที่ขวนขวายใฝ่รู้ โดยเฉพาะโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล ทำให้การเรียนรู้ของเยาวชนทำได้หลายช่องทาง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการช่วยทำให้สามารถค้นคว้า และก้าวทันข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว แต่ในทางกลับกันหากมีการใช้เกินความจำเป็น โดยเฉพาะการใช้งานโซเชียลมีเดียของเยาวชนไทยที่ปัจจุบันพบว่ามีการใช้งานสูงถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน อาจมีผลเสียตามมาได้ เช่น ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง สุขภาพเสื่อมโทรม ปัญหาการเรียน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้เยาวชนส่วนมากจะใช้เวลาเกือบทั้งหมดต่อวันไปกับโลกออนไลน์ แต่ยังมีบางส่วนที่สามารถจัดสรรเวลาไปกับสิ่งที่ชื่นชอบหรืองานอดิเรกได้ อาทิ เล่นกีฬา สร้างสรรค์งานศิลปะ เล่นดนตรี ถ่ายภาพ รวมไปถึงสะสมสิ่งของที่ชื่นชอบ

 

 

 

ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยจึงอยากกระตุ้นความเป็นนักสะสมในตัวของเยาวชน ให้ได้เห็นคุณค่าและความสำคัญของแสตมป์ไทยของสะสมสุดคลาสสิกของคนไทยให้มากขึ้น และเนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ไปรษณีย์ไทยจึงยกตัวอย่าง 3 เยาวชนต้นแบบนักสะสมแสตมป์ เพื่อสะท้อนแนวคิดความเป็นเยาวชนคุณภาพในภาวะโลกดิจิทัล ดังนี้

 

"แสตมป์เปิดหน้าต่างท่องเที่ยว"

น้องพรรณอร มีสาวงษ์ นิสิตคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ อายุ 21 ปี เล่าว่า การสะสมแสตมป์ของตนเองเริ่มต้นจากได้มีโอกาสติดตามคุณแม่ไปงานจัดแสดงตราไปรษณียากรภาคพื้นเอเชียครั้งหนึ่ง ได้เห็นว่ามีแสตมป์จากหลายประเทศทั้งแบบที่ใช้แล้ว ยังไม่ได้ใช้ และแสตมป์หายาก ของแต่ละประเทศมาจัดแสดง และจัดจำหน่ายจำนวนมาก ซึ่งแสตมป์แต่ละดวงบ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นประเทศนั้น ๆ ได้อย่างชัดเจน จึงได้ขอคุณแม่ซื้อแสตมป์ภาพสวยงามต่าง ๆ มาหลายแบบ ทำให้เกิดความสนใจและเก็บสะสมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน อีกหนึ่งแรงบันดาลใจในการสะสมแสตมป์คือการได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร บอกเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวและความยากของการจัดสร้างแสตมป์แต่ละดวง ทำให้เห็นคุณค่าของแสตมป์มากขึ้น สำหรับแสตมป์ที่ชอบมากที่สุดคือ แสตมป์ภาพธรรมชาติ และภาพสถานที่สำคัญของสถานที่ต่าง ๆ ของไทย เพราะเป็นคนชอบท่องเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติ เช่น อุทยาน ภูเขา น้ำตก ทะเล ฯลฯ ทำให้เวลาเห็นภาพธรรมชาติหรือสถานที่ต่าง ๆ บนดวงแสตมป์ เป็นแรงกระตุ้นที่จะทำให้ออกไปท่องเที่ยวตามรอยแสตมป์เพื่อไปสัมผัสสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง

 

"แสตมป์เสริมอรรถรสศิลป์"

น้องแสงดาว ศรีเมือง นักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อายุ 23 ปี กล่าวว่า การที่เลือกสะสมแสตมป์เพราะแสตมป์แต่ละดวงมีเสน่ห์ มีลวดลายที่สวยงาม และมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ให้ความรู้สึกเหมือนการได้สะสมงานศิลปะอย่างหนึ่ง ซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต เพราะเมื่อเวลาผ่านไปแสตมป์ที่เก่าและหายากก็จะมีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้การสะสมแสตมป์เป็นการสะสมทรัพย์ทางอ้อมอีกด้วย นอกจากนี้กิจกรรมการสะสมแสตมป์ทำให้ได้มิตรภาพเพิ่มขึ้น มีเพื่อนมากขึ้น จากการเข้ากลุ่มคนที่มีรสนิยมและความชอบในการสะสมแสตมป์เหมือนกัน ทำให้ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างกันและกัน ทั้งการนำแสตมป์แบบใหม่ ๆ มาแชร์กัน การเล่าเรื่องราวแสตมป์หายากสู่กันฟัง สร้างความเพลิดเพลินให้แก่กิจกรรมนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

"แสตมป์กับไดอารี่ชีวิต"

น้องกุลยา กุลโภคิน นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อายุ 22 ปี เล่าเพิ่มเติมว่า ตนเองเริ่มสะสมแสตมป์ตั้งแต่เรียนชั้นประถม โดยมีคุณแม่เป็นต้นแบบ ซึ่งท่านสะสมตั้งแต่ยุคที่การเขียนจดหมายถึงกันยังเฟื่องฟูและการสะสมแสตมป์เป็นงานอดิเรกยอดฮิต คุณแม่มักเอาแสตมป์มาให้ดูพร้อมกับเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับของภาพแสตมป์ต่างๆ ให้ฟัง ทำให้ได้ซึมซับความสำคัญและเสน่ห์ของแสตมป์มากขึ้น แต่สังคมยุคปัจจุบันที่โลกเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น แสตมป์ถูกลดบทบาทลง ประกอบกับวิถีชีวิตของเยาวชนยุคปัจจุบันที่ใช้เวลาในแต่ละวันไปกับโซเชียลมีเดีย ซึ่งตนเองก็เป็นหนึ่งในเยาวชนส่วนใหญ่ที่ใช้โซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวัน คิดว่าไม่ได้เป็นเรื่องยากที่จะแบ่งเวลามาทำงานอดิเรกที่ชอบ โดยเฉพาะการสะสมแสตมป์ที่ชื่นชอบเพราะความน่าสนใจของแสตมป์ไม่ใช่แค่เพียงแค่หลักฐานการชำระเงินค่าใช้บริการไปรษณีย์ แต่คือ ความสวยงามของภาพบนดวงแสตมป์ และแสตมป์ก็ทำหน้าที่เป็นเครื่องบันทึกประวัติศาสตร์ ตลอดจนเป็นเครื่องบ่งบอกเอกลักษณ์ของประเทศ การสะสมแสตมป์จึงเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่สามารถเพิ่มพูนความรู้กับสิ่งที่ชอบได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นการเปิดมุมมองและโลกทัศน์ใหม่ ๆ ให้ตนเอง ปัจจุบันที่บ้านมีแสตมป์มากมายหลายแบบ และจากหลายประเทศรวมกว่า 500 ดวง

 

นางสาวกุลยา บอกอย่างเชื่อมั่นว่า แม้ปัจจุบันโลกจะเปลี่ยนเป็นยุคดิจิทัล การส่งจดหมายส่วนตัวเพื่อสื่อสารกันลดลงมาก ส่งผลให้การใช้งานแสตมป์ลดลงไปด้วย แต่แสตมป์จะไม่สูญหายไปจากคนไทยแน่นอน หากยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยด้วยกันเอง จึงอยากเชิญชวนให้เยาวชนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับแสตมป์หลักฐานทางการสื่อสารนี้มากขึ้น ผ่านการใช้งานหรือการสะสม เพราะการที่เรามีความชอบในสิ่งใดแล้วตั้งใจทำแม้จะเป็นเพียงงานอดิเรกก็จะพบประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นมากมาย เช่นเดียวกับการสะสมแสตมป์สิ่งของสะสมเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย ที่นอกจากผู้สะสมจะได้ชื่นชมภาพสวยงามฝีมือคนไทยแล้วยังจะช่วยให้ผู้สะสมเป็นผู้ใฝ่รู้ มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะได้แสตมป์แต่ละดวงมาสะสม อีกทั้งช่วยให้เป็นคนที่ใจเย็น ละเอียดอ่อน เป็นระเบียบ และมีสมาธิเนื่องจากการลอกล้างแสตมป์ การหยิบจับ หรือการจัดเก็บต้องอาศัยความประณีต และต้องใช้เวลาพอสมควร

 

สำหรับผู้สนใจเรื่องราวของแสตมป์และต้องการหาซื้อแสตมป์ที่ระลึกหรือไปรษณียบัตรของไปรษณีย์ไทยสามารถเยี่ยมชมได้ ณ พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรทั้ง 8 แห่งทั่วประเทศ อาทิ นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ต โดยในกรุงเทพฯ สามารถเข้าชมได้ที่ พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน (สถานีรถไฟฟ้าสะพานควาย) ที่เปิดให้บริการเยาวชนและประชาชนทั่วไปในวันพุธถึงวันอาทิตย์ เวลา 08.30 - 16.00 น. (ปิดจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2512324

 

 

Spotlight: นิวยอร์กซิตี้ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยสูงสุด รับมือการประชุมสมัชชา UN สัปดาห์นี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 10:10:00 น.

นายบิล เดอ บลาสิโอ นายกเทศมนตรีนิวยอร์กซิตี้ ระบุว่า เมืองนิวยอร์กซิตี้เตรียมเพิ่มการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดในช่วงการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ที่จะเปิดฉากขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ย่านเชลซีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 29 ราย

 

นายเดอ บลาสิโอ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นว่า "ตลอดช่วงสัปดาห์นี้พวกคุณจะได้เห็นการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานตำรวจนิวยอร์ก (NYPD) ที่มากเป็นประวัติการณ์"

 

 

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะกระจายกำลังกันตามจุดต่างๆ รอบสำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติและย่านไทม์สแควร์ รวมถึงจะมีการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยบัญชาการตอบโต้ภาวะวิกฤตและหน่วยตอบโต้เชิงกลยุทธ์

 

นอกจากนี้ ทางการจะเพิ่มการค้นหาวัตถุต้องน่าสงสัย รวมถึงมีการเพิ่มการปฏิบัติหน้าที่ของสุนัขตำรวจในระบบขนส่งหลักต่างๆ

 

ภายในงานแถลงข่าว นายเดอ บลาสิโอ ยังระบุด้วยว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดทั้ง 29 รายได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในขณะนี้ทางการยังไม่ทราบถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ

 

นายเดอ บลาสิโอ กล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาถือเป็น "เหตุการณ์ร้ายแรง" ซึ่งทางการจะเร่งสืบคดีเพื่อหาสาเหตุถึงแรงจูงใจของคนร้ายต่อไป พร้อมระบุว่า นี่ถือเป็นการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นโดยเจตนา ซึ่งทางการจะ "ไม่เร่งด่วนสรุปถึงการก่อเหตุในครั้งนี้"

 

แถลงการณ์ของนายเดอ บลาสิโอ มีขึ้นหลังจากเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ย่านเชลซี บนถนนเลขที่ 23 ฝั่งตะวันตกของเกาะแมนฮัตตัน ในเวลา 20:30 ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวันเสาร์

 

นายเดอ บลาสิโอ ระบุว่า ทางการไม่ได้รับรายงานการขู่วางระเบิดในช่วงก่อนเกิดเหตุแต่อย่างใด พร้อมเรียกร้องให้ชาวเมืองนิวยอร์กทุกคนช่วยกันเฝ้าระวังเหตุร้าย และแจ้งทางการทันทีหากมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น

 

นอกจากนี้ ในเบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดไปป์บอมบ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างงานวิ่งการกุศลนาวิกโยธินที่รัฐนิวเจอร์ซี ซึ่งจัดขึ้นในวันเดียวกัน แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว

 

ทั้งนี้ ทางการนิวยอร์กยืนยันว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในย่านเชลซีไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบส่วนประกอบของระเบิด IED ในจุดเกิดเหตุ

 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์กซิตี้จะเสริมกำลังรักษาความปลอดภัยเพิ่มตามจุดต่างๆ ได้แก่ สถานีรถประจำทาง สนามบิน และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ตลอดสัปดาห์การประชุมสมัชชาใหญ่ UN) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้

 

นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ระบุว่า ทางการจะเสริมกำลังทหารและเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาดินแดนอีกกว่า 1,000 นาย เพื่อรักษาความปลอดภัยทั่วกรุงนิวยอร์ก

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2512331

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คู่หูนักลงทุน 18/09/59 SEASONAL EFFECT ***Don't miss our English Program "TNN Thailand News"*** ***With Varin Sachdev & Tin Chokamolkit 22.00 - 22.15 Mon-Fri...

 

 

(Sep 19) รายงานพิเศษ: ธนาคารกลางสหรัฐป่วนโลกธปท.-เอกชนจับตาขึ้นดอกเบี้ย - ปั่นป่วนไปทั้งเมืองไทยและทั่วโลกกับข่าวธนาคารกลางสหรัฐ อเมริกาหรือ 'เฟด' จะปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ ซึ่งมาเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าน่าจะปรับขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค.

โดยเฉพาะเมื่อ นายเอริก โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาบอสตัน ออกมาหนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยให้ปีนี้ 2 ครั้ง คือเดือนก.ย. และธ.ค. เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อปรับเข้าใกล้เป้าหมายของเฟด รวมถึงอัตราคนว่างงานลดลงต่อเนื่อง

ทำให้เกรงว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะร้อนแรงเกินไป ในขณะที่เศรษฐกิจของยุโรป อังกฤษ และจีน ยังลุ่มๆ ดอนๆ

การออกมาของนายเอริก สร้างความปั่นป่วนให้ตลาดหุ้น ทั่วโลกเมื่อวันจันทร์ที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ปรับลดกันระเนระนาด ของไทยเองก็โดนเข้าไปจนจุกปิดลบถึง 33 จุด

อย่างไรก็ตามกระแสข่าวเรื่องปรับดอกเบี้ยเบาบางลง เพราะ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ออกมาเบรกเอาไว้ ทำให้ตลาดหุ้นดีดตัวกลับมา

กระนั้นทั่วโลกยังไม่ไว้วางใจ เพราะการขยับดอกเบี้ยของเฟด จากปัจจุบันที่ 0.25-0.5% จะส่งผลกระทบกับตลาดทั่วโลก

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า ถ้าเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยของไทยด้วยหรือไม่นั้น อยากให้มองว่านโยบายการเงินแต่ละประเทศ จะต้องตอบโจทย์สถานการณ์เศรษฐกิจในแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ธปท.จะใช้นโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนให้เกิดการมีสภาพคล่อง มีภาวะตลาดการเงินที่เอื้อต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศ

"อยากให้รอดูการประเมินของ กนง.ในครั้งต่อไป ซึ่ง กนง.พร้อมใช้นโยบายการเงิน ถ้าสภาวะทางเศรษฐกิจมีความแตกต่างออกไปจากที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะปัจจัยจากต่างประเทศ”

ขณะที่ นายจาตุรงค์ จันทรักษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า หากเฟดมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของไทยมีความผันผวนมากขึ้น เนื่องจากตลาดการเงินมีปฏิกิริยาในการคาดการณ์การปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ค่อนข้างเร็ว ขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเชื่อว่าจะมีไม่มาก

อย่างไรก็ดี ที่ประชุม กนง.ครั้งล่าสุดที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ยังไม่ได้ฟันธงว่าเฟดจะตัดสินใจอย่างไร แต่มีรายงานว่าตลาดการเงินมองว่าที่ผ่านมาประธานเฟดออกมาพูดกลับไปกลับมาในการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ย ทำให้กนง.มองว่าตลาดการเงินมีความเห็นว่าเฟดคงไม่ได้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบเดือนก.ย.นี้ แต่จะไปปรับในรอบเดือนธ.ค. มากกว่า

น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการวิจัย และคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปลายปีนี้ ซึ่งจะมีผลกระทบทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินโลก กระทบเงินทุนจะไหลกลับไปสหรัฐ ทำให้ค่าเงินสกุลต่างๆ รวมทั้งเงินบาทจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตลาดหุ้นจะปรับลดลงจากแรงขายของนักลงทุน

ด้านตลาดทุนไทยที่ถือว่า 'จมูกไว' และอ่อนไหวกว่าตลาดอื่นๆ โดย นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร และหัวหน้าสายงานการเงินและบริหารเงินลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า เฟด มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทำให้ดัชนีหุ้นไทยมีความผันผวนปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ในช่วงที่ผ่านมา

"หากเฟดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจริง เชื่อว่ามีผลทำให้เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าทั้งตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีมีโอกาสไหลออกได้ ซึ่งจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นไทยบ้าง แต่คาดว่าจะไม่มาก เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งและหนี้ของบริษัทจดทะเบียนไทย(บจ.) ค่อนข้างต่ำ ที่สำคัญขณะนี้ยัง ไม่เห็นว่าจะมีปัจจัยที่มากระทบความสามารถในการทำให้กำไรของ บจ.ด้อยลง

นายภากรกล่าวอีกว่าส่วนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป จากการลงทุนของภาครัฐและการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น ประกอบกับบจ.ไทย มีความได้เปรียบเนื่องจากมีบจ.ถึง 192 บริษัท ที่มีรายได้จากต่างประเทศทำให้สนับสนุนการเติบโตของผลประกอบการได้

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่าสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินทุนโดยรวมของตลาดเศรษฐกิจใหม่ อย่างประเทศไทย และเป็นปัจจัยที่มีโอกาสกระทบต่อการไหลออกของเม็ดเงินลงทุนในตลาดหุ้น อย่างไรก็ดีประเมินว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ปีนี้

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าธนาคารประเมินว่า ธนาคารสหรัฐ (เฟด) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีนี้เพียงครั้งเดียว คือในช่วงเดือนธ.ค.นี้ หรืออย่างช้าในช่วงต้นปี 2560 จากเดิมที่คาดว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 2 ครั้ง ในเดือนก.ย.และพ.ย.นี้

เนื่องจากระดับเงินเฟ้อของสหรัฐในขณะนี้ยังไม่เข้าสู่เป้าหมายที่ 2% จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.6% ทำให้มองว่าเฟดมีโอกาสที่จะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน

ขณะที่ฝ่ายวิจัยธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ เนื่องจากตัวเลขดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจของสหรัฐหลายตัวยังไม่แข็งแกร่งพอ อาทิ ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(พีเอ็มไอ) ภาคการผลิตที่ปรับตัวลงในเดือนส.ค. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาด

ล่าสุดดัชนีพีเอ็มไอ ภาคบริการลดลงสู่ระดับ 51.4 ต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัย ธ.กรุงศรีประเมินว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเดือนธ.ค.นี้

หากประเมินจากทัศนะของแบงก์ชาติเมืองไทยและภาคเอกชนต่างๆ เชื่อว่าเฟดน่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเดือนก.ย.นี้ แต่ขึ้นแน่ในเดือนธ.ค. อย่างน้อยทำให้ตลาดทั่วโลกมีเวลาหายใจหายคอมากขึ้น

แต่กระนั้นก็ยังวางใจไม่ได้ 100% จนกว่าจะผ่านพ้นการประชุมของเฟดในเดือนก.ย.นี้ไปก่อน

Source: ข่าวสด

 

 

 

 

14330014_1302964993056323_6391133558593853429_n.jpg?oh=5fada6f029100f73c81d65f130b8758e&oe=587D1CC4

 

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์กรอบจำกัด-มองโอกาสไม่สูงเฟดขึ้นดอกเบี้ย

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 09:44:18 น.

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้แต่ก็คงจะอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก จากที่เชื่อว่าโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เป็นไปได้น้อย เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯถือว่ายังไม่แข็งแกร่งมาก อย่างไรก็ดีต้องติดตามการประชุมเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้

 

 

 

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ด้วย แม้คาดว่าไม่น่าจะมีมาตรการใดออกมา อย่างไรก็ดี ตลาดฯตอนนี้ก็ได้ผ่อนคลายหลายปัจจัยไปแล้ว แต่เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นไทยรีบาวด์แรงกว่าตลาดอื่น ทำให้มองว่าการปรับตัวขึ้นวันนี้คงจะอยู่ในกรอบจำกัด

 

พร้อมให้แนวรับ 1,470 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,123.80 จุด ลดลง 88.68 จุด (-0.49%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,244.57 จุด ลดลง 5.12 จุด (-0.10%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.16 จุด ลดลง 8.10 จุด (-0.38%)

 

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 151.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 8.88 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 16.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 101.11 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.93 จุด

 

ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ (19 ก.ย.) เนื่องในวันผู้สูงอายุ

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ก.ย.59) 1,479.07 จุด เพิ่มขึ้น 15.68 จุด (+1.07%)

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,765.15 เมื่อวันที่ 16 ก.ย.59

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ก.ย.59) ปิดที่ 43.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 88 เซนต์ หรือ 2%

 

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ก.ย.59) ที่ 7.35 หรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

 

- เงินบาทเปิด 34.85/90 แนวโน้มทรงตัว รอดูผลประชุมเฟดสัปดาห์นี้

- พาณิชย์เตือนผู้ส่งออกรับมือเงื่อนไขการกีดกันทางการค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เผยมาตรการเข้มมีทั้งบังคับใช้แล้ว และรอบังคับใช้อีกเพียบ ระบุรอบปี 58 ที่ผ่านมา ทุกประเทศงัดมาตรการกีดกันมาใช้รวมกันกว่า 3.5 หมื่นมาตรการ สหรัฐฯ นำโด่ง ตามด้วยอียูและญี่ปุ่น

 

- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีนัดประชุมร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมดเพื่อปรับแผนการทำงาน และออกมาตรการเพิ่มกำลังซื้อสำหรับการผลักดันเศรษฐกิจภายในประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากประเมินแล้วว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้การส่งออกไทยไม่สามารถผลักดันให้ขยายตัวได้มากกว่านี้ หรือทำได้แค่ประคองตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก

 

- รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า หากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 360 บาท/วัน ถือว่าสูงเกินไป และในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีจะมีผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างมาก และอาจทำให้โรงงานปิดตัวเพิ่มมากขึ้น

 

- ธปท.เล็งคลายกฎให้แบงก์ปล่อยกู้เงินบาทให้แก่ลูกค้า ต่างชาติสำหรับโครงการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านไม่เกินสิ้นปี 59 ถือเป็นการสนับสนุนกิจกรรมเศรษฐกิจไม่ได้เปิดทางให้เก็งกำไรค่าเงิน ระบุให้แบงก์รายงานเงินทุนต่างชาติ หวังทราบข้อมูลลักษณะการลงทุน ประเภทของนักลงทุน ต้นตอของเงินมาจากประเทศหรือภูมิภาคใด

 

- ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้เห็นชอบตามที่สำนักงานสลากฯ เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.สำนักงานสลาก พ.ศ. 2517 โดยให้กันเงิน 1% ของยอดขายมาตั้งกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม มีเพดานไม่เกิน 1,000 ล้านบาท/ปี และให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องการใช้เงินตามวัตถุประสงค์ ที่ได้กำหนดไว้ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใน 4 แนวทาง คือเพื่อส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยปัญหาเกี่ยวกับการพนัน สาเหตุและผลกระทบจากการพนัน

 

*หุ้นเด่นวันนี้

- AOT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 470 บาท ปรับกำไรปกติปี 60 (ต.ค.59-ก.ย.60) ขึ้น 4% จากการเริ่มใช้ส่วนปรับปรุงของท่าอากาศยานภูเก็ตเต็มปีในปี 60 ช่วยเพิ่มกำลังรองรับผู้โดยสารจาก 6.5 ล้านคน เป็น 12.5 ล้านคน ทำให้คาดกำไรปกติปีหน้า +13% ส่วนปี 59 คาดกำไรปกติ +17% โดยกำไร Q4/59 (ก.ค.-ก.ย.59) คาด -12% Q-Q จากค่าใช้จ่ายพนักงานที่สูงขึ้นตามฤดูกาล และ +10% Y-Y

 

- BANPU (โกลเบล็ก) เป้า 16.8 บาท คาดปี 59 พลิกมีกำไร 1,510 ลบ. (+198% YoY) จากการโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสาจะทำการผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 หน่วย และปรับลดการลงทุนในธุรกิจถ่านหินเพื่อเน้นธุรกิจโรงไฟฟ้าสู่ 2.4 GW ในปี 63 โดยในปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ราว 1.63 GW (รวมโรงไฟฟ้าหงสาทั้ง 3 หน่วย) พร้อมเตรียมนำ BANPU POWER (BPP) เข้าตลท.ในช่วง 2H59 ซึ่งจะช่วยชำระคืนเงินกู้แก่ BANPU ราว 400 ล้านดอลลาร์ และลดภาระดอกเบี้ยได้ราว 800 ล้านบาทต่อปี และราคาถ่านหินดีดตัวขึ้นล่าสุด 69.9 US/Tons

 

- COM7 (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 10.15 บาท ยอดจอง iPhone7 ในต่างประเทศดีกว่าคาด และคาดผลตอบรับในไทยจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็น Sentiment บวกต่อ COM7 ด้านรูปแบบราคาฟื้นตัวขึ้น โดยรูปแบบราคาในรายชั่วโมง มีแนวต้านสั้นที่ 10.30 บาท และแนวรับแรกที่ 9.85 บาท หาก Breakout แนวต้านดังกล่าวได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 10.5 บาท และ 11.0 บาท (Stop loss 9.4 บาท)

 

- MINT (เคจีไอ) "ซื้อ"เป้า 45 บาท ราคาหุ้นร่วงลงมาแรงถึงประมาณ 7-8% ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นมี upside ในระดับที่น่าสนใจที่จะเข้าลงทุน โดยประเมินว่ายังมี upside อีกประมาณ 15% ซึ่งเปิดช่องให้สามารถเข้าเก็งกำไรได้จากข่าวดีเรื่องผลการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมที่จะเร่งตัวขึ้นใน 3Q16

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2512304

 

สหรัฐฯ ‘รับ’ อาจถล่ม ‘ที่มั่น รบ.ซีเรีย’ คนตาย 62 เพราะ ‘เข้าใจผิด’ ด้าน UN ประชุมฉุกเฉิน ‘มะกัน-หมีขาว’ ด่ากันเละ

กลุ่มพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ออกมายอมรับว่าคงจะเข้าโจมตีที่มั่นของกองทัพซีเรียด้วยความผิดพลาดเมื่อวันเสาร์ (17 ก.ย.) ที่ผ่านมา ขณะที่รัสเซียเรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือถึงเหตุถล่มทางอากาศ 4 เที่ยวคราวนี้ ซึ่งทำให้ทหารเสียชีวิตไปอย่างน้อย 62 ราย

การโจมตีคราวนี้ยังบังเกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่ความตึงเครียดทางการทูตระหว่างมอสโกกับวอชิงตันกำลังไต่ระดับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ภายในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ที่ทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นคนกลาง ประกาศให้ฝ่ายรัฐบาลซีเรียกับฝ่ายกบฏที่มิใช่พวกนักรบญิฮาดสุดโต่งหยุดยิงกัน ในความพยายามที่จะยุติสงครามนองเลือดที่ดำเนินมา 5 ปีในประเทศตะวันออกกลางแห่งนี้

พวกเจ้าหน้าที่อเมริกันแถลงว่า กลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งกำลังทำการสู้รบอยู่กับกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) อาจจะได้ทำการโจมตีที่มั่นทางทหารของฝ่ายรัฐบาลซีเรียไปหลายแห่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย

“กองกำลังอาวุธของกลุ่มพันธมิตรเชื่อว่าพวกเขากำลังโจมตีที่มั่นสู้รบของพวกดาเอชแห่งหนึ่ง” คำแถลงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุ โดยเรียกกลุ่มไอเอสด้วยชื่อย่อภาษาอาหรับของกลุ่มนี้

“การโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรถูกสั่งระงับไปในทันที เมื่อทางเจ้าหน้าที่ของกลุ่มพันธมิตรได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัสเซียว่า มีความเป็นไปได้ที่บุคลากรและยานพาหนะซึ่งตกเป็นเป้าหมายนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกองทหารซีเรีย” คำแถลงบอก

เอกอัครราชทูตรัสเซีย วิตาลี ชูร์คิน (ซ้าย) กับ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ซาแมนธา พาวเวอร์ ดวลคำพูดตอบโต้กันอย่างดุเดือดที่สหประชาชาติในวันเสาร์ (17 ก.ย.) ภายหลังเกิดเหตุกลุ่มพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ถล่มทางอากาศใส่ที่มั่นรัฐบาลซีเรีย ซึ่งทางรัสเซียหนุนหลังอยู่

ทางด้านคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นได้เปิดการประชุมเป็นการภายในเมื่อคืนวันเสาร์ (17) หลังจากรัสเซียเรียกร้องให้หารือเป็นวาระฉุกเฉินเพื่ออภิปรายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับกล่าวหาว่าสหรัฐฯ กำลังทำให้ข้อตกลงหยุดยิงซีเรียตกอยู่ในอันตราย

ขณะที่ ซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาติ กล่าวตำหนิรัสเซียอย่างรุนแรงสำหรับความเคลื่อนไหวเช่นนี้

เธอบอกว่า รัสเซียควรต้องยุติการใช้วิธีทำคะแนนราคาถูกๆ, การแสดงผาดโผนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการวางตัวสูงส่งทางศีลธรรม และการเรียกร้องให้มีผู้ชมมายืนโห่ร้องแสดงความชื่นชมเช่นนี้ แล้วหันมาโฟกัสในสิ่งที่เป็นเนื้อหาสาระจริงๆ ซึ่งก็คือการปฏิบัติตามสิ่งที่สหรัฐฯ กับรัสเซียได้เจรจาตกลงกันไว้

พาวเวอร์กล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังสอบสวนเรื่องการโจมตีทางอากาศนี้อยู่ และ “ถ้าเราวินิจฉัยออกมาว่าเราได้ทำการโจมตีบุคลากรทางทหารของซีเรียจริงๆ นั่นก็ไม่ได้เป็นความตั้งใจของเราเลย และแน่นอนทีเดียวว่าเรามีความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตที่เกิดขึ้น”

เมื่อถูกถามว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ข้อตกลงหยุดยิงซีเรียซึ่งมอสโกกับวอชิงตันเป็นคนกลางคราวนี้มีอันต้องล้มครืนลงหรือไม่ วิตาลี ชูร์คิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็นตอบว่า “นี่เป็นเครื่องหมายคำถามอันใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม”

“ผมมีความสนใจมากที่จะเฝ้าดูว่าวอชิงตันกำลังจะแสดงปฏิกิริยาออกมาอย่างไร แต่ถ้าสิ่งที่เอกอัครราชทูตพาวเวอร์กระทำในวันนี้คือสิ่งบ่งชี้ใดๆ ถึงปฏิกิริยาที่เป็นไปได้ของพวกเขาแล้ว ถ้าเช่นนี้เราก็กำลังตกอยู่ในความลำบากอย่างร้ายแรง” ชูร์คินกล่าวกับผู้สื่อข่าว

มอสโกได้หยิบยกการโจมตีคราวนี้ ซึ่งเป็นการเปิดทางให้พวกนักรบไอเอสสามารถบุกเข้ายึดที่มั่นของกองทัพซีเรียแห่งหนึ่งใกล้ๆ สนามบินเมืองเดอีร์ เอซซอร์ เอาไว้เป็นเวลาสั้นๆ ว่าคือหลักฐานซึ่งแสดงว่าสหรัฐฯ กำลังช่วยเหลือกลุ่มนักรบญิฮาดสุดโต่งกลุ่มนี้

“เรากำลังบรรลุถึงข้อสรุปอันน่าสยดสยองอย่างแท้จริงสำหรับทั่วทั้งโลก นั่นคือ ทำเนียบขาวกำลังพิทักษ์ปกป้องพวกรัฐอิสลาม เวลานี้มันไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้” สำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสตี อ้างคำพูดของ มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย

พาวเวอร์ได้ตอบโต้โดยกล่าวว่า ซาคาโรวาควรรู้สึกละอายใจที่กล่าวอ้างเช่นนี้ออกมา ขณะที่ชูร์คินบอกว่า รัสเซียไม่ได้มี “หลักฐานอันเจาะจง” ว่าสหรัฐฯ กำลังสมคบร่วมมือกับพวกนักรบไอเอส

ซาคาโรวาพูดด้วยว่า เหตุโจมตีคราวนี้เป็นการคุกคามบ่อนทำลายข้อตกลงหยุดยิงในซีเรียซึ่งมีรัสเซียกับสหรัฐฯ เป็นคนกลาง โดยที่มอสโกนั้นกำลังช่วยเหลือรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ในสงครามกลางเมืองคราวนี้ ส่วนวอชิงตันให้การหนุนหลังกลุ่มกบฏบางกลุ่ม

สหรัฐฯ ‘รับ’ อาจถล่ม ‘ที่มั่น รบ.ซีเรีย’ คนตาย 62 เพราะ ‘เข้าใจผิด’ ด้าน UN ประชุมฉุกเฉิน ‘มะกัน-หมีขาว’ ด่ากันเละ

ถึงแม้วันแรกๆ ที่ข้อตกลงหยุดยิงในซีเรียมีผลบังคับใช้ สถานการณ์โดยทั่วไปดูเงียบสงบ ทว่าถัดจากนั้นทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกบฏซีเรียต่างกล่าวหากันว่าก่อเหตุโจมตีละเมิดข้อตกลงหยุดยิงกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อเมริกันถล่ม 4 เที่ยว ‘ไอเอส’ได้ทีบุกยึดที่มั่น รบ.ซีเรีย

ในส่วนของกองทัพรัสเซียได้ออกคำแถลงระบุว่า มีเครื่องบินรบหลายลำจากกลุ่มพันธมิตรนานาชาติต่อต้านนักรบญิฮาด ได้เข้าทำการโจมตีทางอากาศ 4 ระลอกในวันเสาร์ (17) ต่อกองกำลังอาวุธของซีเรียซึ่งถูกพวกไอเอสรายล้อมไว้ในสนามบินเดอีร์ เอซซอร์

ฝ่ายทหารรัสเซียบอกว่า เครื่องบินไอพ่นเอฟ16 จำนวน 2 ลำ และ เอ10 อีก 2 ลำ ซึ่งบินจากอิรักเข้ามาในน่านฟ้าของซีเรีย คือผู้ทำการโจมตีครั้งนี้ซึ่งเกิดขึ้นในเวลา 14.00 น.ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 21.00 น.เวลาเมืองไทย)

“ไม่นานถัดจากการโจมตีของกลุ่มพันธมิตร พวกนักรบไอเอสก็เปิดการรุก” คำแถลงนี้ระบุ พร้อมกับบอกว่า ได้เกิดการสู้รบอย่างดุเดือดกับพวกผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

“ถ้าการโจมตีเหล่านี้มีสาเหตุจากความผิดพลาดในการประสานงานเกี่ยวกับเป้าหมายแล้ว มันก็คือผลพวงโดยตรงของการที่สหรัฐฯ ปฏิเสธไม่ยอมร่วมมือประสานงานกับฝ่ายรัสเซีย เกี่ยวกับการสู้รบของตนในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ในซีเรีย” คำแถลงบอก

ทางด้านกลุ่มสังเกตการณ์ชาวซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งคอยติดตามสงครามกลางเมืองในซีเรียโดยอาศัยสายข่าวในพื้นที่ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลซีเรียนั้น ออกมาให้ตัวเลขว่ามีทหารรัฐบาลถูกสังหารไปอย่างน้อย 90 นาย พร้อมกับยืนยันว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นมาเป็นฝีมือของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ

ขณะที่สำนักข่าวอามัก ซึ่งมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับไอเอส รายงานว่า กองกำลังพันธมิตรได้โจมตีใส่ที่มั่นต่างๆ ของไอเอส ทว่าไอเอสยังคงสามารถ “บุกยึดควบคุมที่มั่นจาบัล เทอร์เดห์ เอาไว้ได้ทั้งหมด โดยที่มั่นนี้อยู่บนที่สูงซึ่งสามารถมองเห็นสนามบินเดอีร์ เอซซอร์ที่อยู่ด้านล่าง”

กองทัพซีเรียนั้นกำลังสู้รบเพื่อต้านทานไอเอสที่เปิดการรุกอย่างดุเดือดเข้าใส่ฐานทัพอากาศเดอีร์ เอซซอร์มาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยที่สนามบินแห่งนี้และพื้นที่อีกบางย่านในเมืองเดอีร์ เอซซอร์ คือที่มั่นที่เหลืออยู่ซึ่งกองกำลังจากภายนอกยังสามารถเข้าไปถึงได้ ขณะที่พื้นที่รอบๆ ตกอยู่ในความควบคุมของไอเอสไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม สื่อทางการของรัสเซียและของซีเรียรายงานว่า ในเวลาต่อมากองทัพซีเรียสามารถยึดที่มั่นต่างๆ ซึ่งสูญเสียไปกลับคืนมาได้แล้ว ส่วนกลุ่มผู้สังเกตการณ์ชาวซีเรียฯ รายงานด้วยว่า มีสมาชิกไอเอส 38 คนถูกสังหารและอีกหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บ จากการที่รัสเซียถล่มโจมตีอย่างหนักใส่ที่มั่นจาบัล เทอร์เดห์ ในระหว่างทำการสู้รบกัน

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงข่าวที่สนามบินในกรุงบิชเคก ประเทศคีร์กีซสถาน ในวันเสาร์ (17 ก.ย.) โดยเขาบอกว่ายังคง “มองแง่บวก” เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงในซีเรีย เขาพูดเช่นนี้ก่อนหน้าเกิดเหตุกลุ่มพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯถล่มโจมตีใส่ที่มั่นทางทหารของรัฐบาลซีเรีย

ตั้งแต่ก่อนหน้าเกิดเหตุถล่มทางอากาศคราวนี้เสียอีก พวกเจ้าหน้าที่ทหารรัสเซียก็ได้ออกมาประณามทั้งสหรัฐฯ และกลุ่มกบฏกระแสหลักด้วยถ้อยคำภาษาที่รุนแรงที่สุด นับตั้งแต่มอสโกกับวอชิงตันทำข้อตกลงหยุดยิงที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ (12) ที่ผ่านมา

“สถานการณ์ในซีเรียกำลังเลวร้ายลงทุกที” วลาดีมีร์ ซาฟเชนโค นายพลชาวรัสเซีย กล่าวในการแถลงสรุปถ่ายทอดทางโทรทัศน์เมื่อวันเสาร์ (17)

“ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาจำนวนของเหตุโจมตีเพิ่มขึ้นมาอย่างมากมาย” โดยที่มีการเข้าโจมตีที่มั่นต่างๆ ของรัฐบาลและการเข้าโจมตีพลเรือนรวม 55 ครั้ง พลเรือนถูกสังหารไป 12 ราย เขาบอก

ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียก็ออกคำแถลงกล่าวหาว่า “กลุ่มกบฏที่เป็นพวกแนวคิดกลางๆ” กำลังทำให้ข้อตกลงหยุดยิงล้มครืนลงมา

ตามข้อตกลงที่สหรัฐฯ กับรัสเซียเป็นคนกลางฉบับนี้ระบุว่า ถ้าสามารถรักษาให้การหยุดยิงยืนยาวไปได้ 7 วัน และมีการอนุญาตให้จัดส่งสิ่งของเพื่อมนุษยธรรมไปยังพื้นที่ต่างๆ ซึ่งพลเรือนจำนวนมากกำลังทุกข์ยากเดือดร้อนหนักเพราะอยู่ในเขตซึ่งเกิดการสู้รบกัน มอสโกกับวอชิงตันก็จะทำงานร่วมกันในการพุ่งเป้าหมายเล่นงานปราบปรามพวกนักรบญิฮาดกลุ่มต่างๆ รวมทั้งไอเอสด้วย

“ถ้าฝ่ายอเมริกันไม่ได้ดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อกระทำตามพันธะผูกพันของตนแล้ว ... ความรับผิดชอบจากการทำให้ข้อตกลงหยุดยิงล้มพับไปจะต้องเป็นของสหรัฐฯ” วิกตอร์ ปอซนิคีร์ นายพลทหารบกรัสเซียระบุในการแถลงข่าว

ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของประธานาธิบดีอัสซาดแห่งซีเรีย ก็ออกมากล่าวก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (17) เช่นกันว่า เขายังคง “มองแง่บวก” เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง แต่ก็กล่าวหาพวกกบฏว่า กำลังพยายามที่จะรวมกำลังกันขึ้นมาใหม่

ปูตินบอกว่า วอชิงตันดูเหมือนมีความปรารถนาที่จะรักษา “ศักยภาพความสามารถในการสู้รบกับรัฐบาลที่ถูกกฎหมายของประธานาธิบดีอัสซาดเอาไว้ต่อไป” ซึ่งถือว่าเป็น “หนทางที่มีอันตรายอย่างยิ่ง”

การปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อตกลงหยุดยิงนี้มีความยุ่งยากซับซ้อนเนื่องจากกลุ่มนักรบญิฮาดหัวรุนแรงที่ไม่ได้ถูกรวมไว้ในข้อตกลงหยุดยิง ปรากฏตัวปะปนอยู่กับพวกกบฏกระแสหลักในบางพื้นที่ของแนวรบแห่งเดียวกัน

ปัญหาท้าทายสำหรับวอชิงตันก็คือ การชักชวนโน้มน้าวกลุ่มฝ่ายค้านต่างๆ ของซีเรียซึ่งสหรัฐฯ หนุนหลังอยู่ ให้ยอมแยกตัวพวกเขาเองออกมาจากกลุ่มที่ปัจจุบันใช้ชื่อว่า แนวร่วม ฟาเตห์ อัล-ชาม โดยที่ก่อนหน้านั้นเรียกขานกันว่า แนวร่วม อัล-นุสรา และเป็นกลุ่มในเครือข่ายของอัลกออิดะห์

สาระสำคัญอีกประการหนึ่งของข้อตกลงหยุดยิงคราวนี้ คือการส่งสิ่งของช่วยเหลือไปยังพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งที่เมืองอะเลปโป ซึ่งประมาณการกันว่ามีประชาชนราว 250,000 คนอาศัยอยู่ในหลายๆ เขตซึ่งพวกกบฏยึดครองอยู่และถูกรัฐบาลปิดล้อมไว้

ทว่าเมื่อวันเสาร์ (17) ขบวนรถบรรทุก 40 คันที่บรรทุกความช่วยเหลือด้านอาหาร ยังคงติดแหง็กอยู่ตรงพรมแดนระหว่างตุรกีกับซีเรีย

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

 

Xinhua world news summary: รัสเซียเผยสถานการณ์ในซีเรียบานปลาย แม้บังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 10:32:00 น.

นายบิล เดอ บลาสิโอ นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์กซิตี้ของสหรัฐ เปิดเผยว่า แพทย์ได้อนุญาตให้ผู้บาดเจ็บทั้ง 29 คนจากเหตุการณ์ระเบิดซึ่งเกิดขึ้นที่เมืองนิวยอร์กซิตี้เมื่อวานนั้น ออกจากโรงพยาบาลแล้ว

 

--สถานการณ์ความขัดแย้งในซีเรียยังคงทวีความรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าข้อตกลงหยุดยิงโดยรัสเซีย-สหรัฐได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว เนื่องจากกลุ่มนักรบเดินหน้าโจมตีกองกำลังทหารของรัฐบาลซีเรียอย่างต่อเนื่อง

 

"มีเพียงกองกำลังรัฐบาลซีเรียเท่านั้นที่ปฏิบัติตามข้อตกลงสงบศึกในช่วง 6 วันที่ผ่านมาตั้งแต่มีผลบังคับใช้ ในขณะที่กลุ่มนักรบกระหน่ำโจมตีกองทัพซีเรีย" พลตรี อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุ

 

-- เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างสืบสวนเหตุโจมตีห้างสรรพสินค้าในรัฐมินนิโซตาของสหรัฐเมื่อวันเสาร์ ในฐานะเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการก่อการร้าย สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2512352

 

 

Xinhua Middle East news summary: IS ยิงเครื่องบินรบซีเรียตกที่กรุงเดียร์อัลซัวร์

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 09:59:22 น.

สถานีโทรทัศน์แห่งชาติซีเรียเปิดเผยว่า กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ยิงเครื่องบินรบของซีเรียตกทางตะวันออกของกรุงเดียร์อัลซัวร์ และยังได้ทรมานนักบินอย่างโหดเหี้ยม

 

ทั้งนี้ เครื่องบินรบลำดังกล่าวถูกจู่โจมจากกลุ่ม IS บริเวณเทือกเขาอัลทาร์ดาจนตกลงมาในที่สุด

 

-- กระทรวงมหาดไทยประเทศซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่า ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิตโดยมือปืนนิรนามในเมืองดามมาม ซึ่งเป็นเมืองทางตะวันออกของประเทศ

 

 

 

เหตุปะทะดังกล่าวเกิดในคืนวันเสาร์ขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจตราย่านชุมชนของเมืองดังกล่าว โดยตำรวจทั้ง 2 นายเสียชีวิตระหว่างถูกนำตัวส่ง ร.พ.

 

-- กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งซีเรียรายงานว่า เครื่องบินรบหลายลำโจมตีเมืองอาเลปโปทางตอนเหนือของประเทศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังจากประกาศหยุดยิงทั่วประเทศมาตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว โดยมีสตรีอย่างน้อย 1 รายเสียชีวิต ซึ่งเครื่องบินรบจู่โจมเมืองซาคัวร์ เมืองคาร์มอัลจาบัล และเมืองคาร์มอัลเบค ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุมกบฎยึดครองอยู่

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย มลฑา ชัยธำรงค์กูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2512323

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เข้าสู่สัปดาห์สำคัญของราคาทองคำซึ่งมีทั้งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐและญี่ปุ่นเป็นตัวผลักดันทิศทาง

โดยเช้านี้ราคาทองฟื้นตัวได้หลังโดนเทขายมาตลอดสัปดาห์ก่อน การคาดการณ์ว่าเฟดจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเป็นปัจจัยกดดันตลาด ทำให้ถ้าไม่มีการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยใดๆ ทองจะสามารถฟื้นตัวขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้ามีความชัดเจนในการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าเดิมจะเป็นลบและอาจส่งให้ทองอ่อนตัวลงต่ำกว่า Support สำคัญลงไป

ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ยังต้องคอยติดตามอัพเดท CME Group Fed Watch ว่าตลาดคาดการณ์โน้มเอียงไปทางใด ไม่ว่าจะขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ไม่สำคัญ ตลาดเล่นลงเราก็ลง ตลาดเล่นขึ้นเราก็ขึ้นแค่นั้น ไม่สำคัญว่าตลาดคิดถูกหรือผิด แต่ถ้าเราขาดทุนนั่นคือเราผิด (Market never wrong but you are.)

แนวราคาในภาพหลักมีแนวราคาสำคัญอยู่ที่ 1290 - 1300 หลุดโซนนี้มองลงสู่ 1240 1260 แต่ถ้ายังไม่หลุดก็ยังเทรดในกรอบ 1300 - 1340 ขึ้นมาก็ขาย ไม่เน้นถือ

ในขณะที่เช้านี้ทองดีดตัวขึ้นได้ เบรกเทรนด์ขึ้นมาทำให้อย่างน้อยทองน่าจะรีบาวด์ได้โดยมีระยะรีบาวด์อยู่ที่ 1315 1320 1325 ทำทรงดีก็มีลุ้นไปไกลกว่า 1325 ได้ แต่เบื้องต้นมองว่ายังไม่น่าพ้นกรอบรีบาวด์นี้ เอสไว้ก็ปิดก่อนดูท่าทีแถวแนวต้านอีกที ขาซื้อก็หาจังหวะขายตามแนวรีบาวด์นี้ ยังไม่ลงต่ำกว่า 1310 ยังลุ้นรีบาวด์ได้อยู่

19 Sep, 2016

www.facebook.com/Wealthstation

14380199_1162582820446858_237085893917381140_o.png

14368920_1162583073780166_5214386117712871991_n.png?oh=cf96992813b44f40dd6e8e342c966385&oe=58864533

14317351_1162574103781063_2974713783580637244_n.png?oh=937052e347e8ad5d30c915089fe5af70&oe=5884C741

14322328_1162574160447724_5862407664267377407_n.jpg?oh=d7d69be4a1d267d54300f7db76e82363&oe=583DB137

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะดัชนี SET50 by GT Wealth Management 19 ก.ย. 59 (ภาคบ่าย)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 16:59:07 น.

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--GT Wealth Management

ดัชนี SET50 ปิดตลาดที่ระดับ 951.81 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย +7.87 จุด (+0.83%) เคลื่อนไหวระหว่าง 943.64 – 952.61 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายไม่มากนัก 24,698 ล้านบาท โดยปรับบวกต่อในช่วงบ่ายหลังเปิด gap ขึ้นมาทรงตัวในภาคเช้า และเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ดีดตัวขึ้นเก็งว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาดในการประชุมวันที่ 20 -21 ก.ย.นี้ ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่หลายตัวบวกโดดเด่นรับการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของ FTSE ส่วนหุ้นสายการบินยืนบวกได้ดีจากการที่ ICAO กำลังจะปลดธงแดงให้กับสายการบินส่วนใหญ่ในประเทศจากคำขอของภาครัฐ ด้านหุ้นพลังงานได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มเข้าสู่ช่วงรีบาวน์ ทำให้ดัชนี SET50 ยังคงทิศทางขาขึ้นสู่เป้าหมายบริเวณ 960 จุด ที่เป็นระดับ 61.8% ตาม Fibonnaci Retracement

 

 

 

ด้านเงินบาทภาคบ่ายทรงตัวระหว่าง 34.80 – 34.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใต้กรอบการแกว่งตัวช่วง 34.75 – 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีโอกาสจะผันผวนทดสอบได้ทั้ง 34.70 และเหนือ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เล็กน้อย

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2512616

 

ปลัดคลัง พร้อมลงนามเรียกค่าเสียหายคดีจำนำข้าว หลังได้ข้อสรุปตัวเลขแล้ว

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 13:43:16 น.

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการความรับผิดทางแพ่งที่มีนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธาน ได้สรุปเรื่องการเรียกร้องค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งรายงานมาให้ โดยคาดว่าอาจส่งเรื่องตรงถึงนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เลยตามกระบวนการทำงาน

 

 

 

ทั้งนี้ในหลักการ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงที่ได้รับความเสียหายจะเป็นผู้ลงนามในคำสั่งปกครองเรียกค่าเสียหาย ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์นั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้รมว.พาณิชย์เป็นผู้เซ็น แต่รมว.พาณิชย์ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เซ็นแทน ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลังก็คาดว่าจะเป็นในลักษณะเดียวกัน โดยในฐานะปลัดกระทรวงพร้อมที่จะลงนามเพราะเป็นหน้าที่ และมีกฎหมายดูแลข้าราชการที่ดำเนินการในเรื่องนี้อยู่แล้ว

 

--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2512466

 

สจล.ชี้แจงแบบร่าง วิมานพระอินทร์ มาจากเจดีย์ทรงจอมแหและพญานาคและยินดีถอนแบบร่างจากแผนที่ 11เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ

 

 

ข่าวทั่วไป ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 17:04:38 น.

 

ดูรูปทั้งหมด

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--เบรนเอเซีย คอมมิวนิเคชั่น

โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา (Chao Phraya for All) ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่ชุมชน ภูมิทัศนวัฒนธรรม ส่งเสริมคุณภาพเชื่อมต่อให้เข้าถึงต่อเนื่องด้วยทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเชื่อมโยงนันทนาการ พื้นที่สีเขียว และระบบขนส่งสาธารณะ โดยกระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร มอบหมายให้ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เป็นที่ปรึกษาการสำรวจ ออกแบบและจัดทำแผนแม่บทระยะทาง 57 กิโลเมตร และออกแบบรายละเอียดสำหรับระยะนำร่อง 14 กิโลเมตร ภายใต้แนวความคิดเจ้าพระยาเพื่อทุกคน นั้น ได้ดำเนินงานจัดทำ 12 แผนรองรับโครงการระยะนำร่อง โดยได้จัดประชุมรับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชน ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 59 สจล.แจงตลอด 7 เดือน มีคำอ้างหลายเรื่องที่คลาดเคลื่อนข้อเท็จจริง รวมทั้งล่าสุดที่อ้างว่าแบบร่างพิพิธภัณฑ์กรุงเทพมหานคร หรือ วิมานพระอินทร์ มีการลอกแบบจากผู้อื่นนั้นไม่จริง แต่หากเกิดความไม่สบายใจ สจล.ยินดีถอนแบบร่างภาพประกอบจุดหมายตานี้ออกจากแผนที่ 11 คงเหลือแต่เนื้อหาของ จุดหมายตาริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในระยะดำเนินการระยะที่ 2 โดยกำหนดส่งมอบงาน 12 แผน แก่กทม.ในวันที่ 26 กย.59ขอความเห็นใจและร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

 

 

 

รศ.ดร.สกุล ห่อวโนทยาน ผู้จัดการโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำ (Chao Phraya for All) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ดำเนินงานผลิตบุคลากรจากคณะสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมศาสตร์ จำนวนหลายหมื่นคนออกมารับใช้ประเทศ เราพัฒนาคน พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลงานทั้งในด้านวิชาการและปฏิบัติ ตลอดจนเป็นที่พึ่งของสังคม สถาบันฯ ให้ความสำคัญต่อการเคารพและรักษาจรรยาบรรณของวิชาชีพ การที่เราได้รับความไว้วางใจจากกรุงเทพมหานคร ให้เป็นผู้ดำเนินโครงการเจ้าพระยาเพื่อทุกคนก็ด้วยเพราะความพร้อมในทุกด้านของเรา สถาบันให้ความสำคัญต่อการรับฟังความคิดเห็นที่ไร้อคติและเป็นความคิดเห็นที่อยู่บนหลักการของเหตุผลและเคารพซึ่งกันและกัน เราเป็นองค์กรการศึกษาที่ไม่แสวงหากำไร และคำนึงถึงการสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมและประเทศชาติ โครงการนี้จึงดำเนินมาด้วยความโปร่งใสงบประมาณของโครงการ 120 ล้าน ส่วนหนึ่งก็กลับมาพัฒนา มหาวิทยาลัยให้กับลูกหลานของเรา ขอให้ทกฝ่ายก้าวข้ามประโยชน์ส่วนตนหันมาร่วมมือกันทำโครงการครั้งประวัติศาสตร์เพื่อประโยชน์ของทุกคน ที่จะฟื้นฟูดูแลแม่น้ำพัฒนาภูมิทัศน์วัฒนธรรม คุณภาพชีวิต และการเชื่อมต่อเข้าถึงแม่น้ำของประชาชนทุกระดับอย่างเท่าเทียมกัน

 

สัญญาจ้าง 120 ล้านบาท : มี 6 แผนในเฟส 1 ตาม TOR, ส่วนอีก 6 แผน เสนอเพิ่มเป็นเฟส 2

 

ในงบตามสัญญาจ้างจำนวนเงิน 120 ล้านบาท มอบหมาย สจล.และ มข.เป็นที่ปรึกษาสำรวจ ออกแบบ และจัดทำแผนแม่บท นั้น มีข้อเข้าใจผิดว่ามีเพียงการออกแบบจุดหมายตาพิพิธภัณฑ์กรุงเทพมหานคร หรือ วิมานพระอินทร์ เท่านั้น ในข้อเท็จจริง สจล. มุ่งมั่นการพัฒนาในแนว อนุรักษ์ – สืบสาน– สร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง โดยมี 12 แผน แบ่งเป็น 2 ระยะ (แผนที่ 1-6 อยู่ในระยะดำเนินงานเฟสที่ 1ใน TOR ,แผน 7-12 อยู่ในระยะดำเนินงานในอนาคต เฟสที่ 2) ตามภาพดังนี้

 

ชี้แจงที่มาภาพร่างวิมานพระอินทร์

เมื่อเร็วๆนี้มีเพจหนึ่งได้แพร่ข่าวอ้างว่าร่างแบบพิพิธภัณฑ์กรุงเทพมหานคร หรือ อาคารวิมานพระอินทร์ ได้ลอกแบบ โดยครั้งแรกอ้างว่าลอกแบบจากบริษัท ฉมา ซึ่งมีนายยศพล บุญสม เป็นกรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งกลุ่ม Friends Of River และอีกไม่กี่วันถัดมาได้เปลี่ยนมาเป็นคำอ้างว่าลอกแบบโครงการ The Crystal Island ในรัสเซียซึ่งออกแบบโดยนอร์แมน ฟอสเตอร์ สถาปนิกชาวอังกฤษในปี 2007 ซึ่งหยุดการสร้างใน ปี 2009 นอกจากนี้ก่อนหน้ายังมีสถานีรถไฟนาโกย่า ในญี่ปุ่น สร้างในปี 2001 จึงมีข้อกังขาว่าแต่ละแบบ ก็คล้ายคลึงกันตามลำดับเวลา สำหรับเรื่องนี้ สจล. ยินดีเปิดรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย

 

แบบร่างจุดหมายตาริมแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ในแผนที่ 11 เฟสที่ 2 "วิมานพระอินทร์" ไม่ได้ลอกแบบผู้ใด แนวความคิด มีที่มาจากสถาปัตยกรรมเครื่องยอด เจดีย์ทรง "จอมแห" ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยมาทุกยุคสมัยมาใช้เป็นกรอบแนวคิดในการออกแบบ ขนาดสัดส่วนฐาน 1 ส่วนและความสูง 2.5 ส่วน ส่วนของผนังภายนอกอาคารได้แรงบันดาลใจจากเกล็ดของพญานาคและลายไทย นั้น เป็นเพียงทำภาพเป็นตัวอย่างประกอบแผน โดยเป็นรูปภาพสามมิติทำขึ้นเพื่อให้เกิดจินตภาพและความเข้าใจแผนได้ง่ายขึ้น มิได้เป็นการออกแบบรายละเอียดเพื่อการก่อสร้างแต่อย่างใด และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ก็จะถอนแบบออกจากรายงานที่จะนำส่งแก่ กทม. เนื่องจากแบบร่างพิพิธภัณฑ์กรุงเทพมหานคร เป็นเพียงแนวคิดและอยู่ในการดำเนินงานระยะที่ 2 ทาง สจล. จึงเสนอเพียงแผนงานพิพิธภัณฑ์กรุงเทพมหานครเท่านั้น ทั้งนี้ในอนาคตการพัฒนาพิพิธภัณฑ์กรุงเทพมหานคร อยู่ในการพิจารณาของ กทม. ในการกำหนดแนวทางและรายละเอียดการออกแบบต่อไป

 

สจล.มีกำหนดส่งมอบงานแก่กรุงเทพมหานครทั้งหมด ในวันที่ 26 กันยายน 2559

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2512621

 

 

สหรัฐ-เกาหลีใต้จับมือซ้อมรบทางอากาศที่อลาสก้า พุ่งเป้าโรงงานนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 16:46:41 น.

สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีใต้และสหรัฐเตรียมจัดการซ้อมรบทางอากาศโดยมีเป้าหมายอยู่ที่โรงงานนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ "ธงแดง" (Red Flag) หรือการซ้อมรบทางอากาศร่วมหลายประเทศที่นำโดยสหรัฐ

 

แหล่งข่าวทางการทหารระบุว่า ปฏิบัติการธงแดงปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 - 21 ต.ค. ที่ฐานทัพอากาศเอลสัน รัฐอลาสก้า สหรัฐ

 

 

 

สำหรับปฏิบัติการธงแดงจัดขึ้นครั้งแรกที่สหรัฐในปี 2518 ขณะที่เกาหลีใต้เข้าร่วมการซ้อมรบดังกล่าวเป็นครั้งแรกในปี 2556

 

แหล่งข่าวระบุว่า การซ้อมรบในครั้งนี้จะมีการฝึกซ้อมโจมตีทางอากาศที่แม่นยำ โดยพุ่งเป้าไปที่โรงงานนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือทดลองยิงนิวเคลียร์ลูกที่ 5 เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา

 

ในการซ้อมรบครั้งนี้ เกาหลีใต้จะส่งเครื่องบินขับไล่ F-15K จำนวน 6 ลำ และเครื่อบินขนส่ง C-130H อีก 2 ลำ ขณะที่สหรัฐจะส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 และ F-15C ประมาณ 50 ลำ

 

ขณะที่นิวซีแลนด์และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) จะเข้าร่วมปฏิบัติการซ้อมรบในครั้งนี้ โดยจะส่งเครื่องบินขนส่งและเครื่องบินบรรทุกน้ำมันเท่านั้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2512611

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สมคิด หนุนรสก.ปรับตัวเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 เพิ่มความเข้มแข็ง เร่งฟื้นฟูกิจการ สร้างภาพลักษณ์ของความโปร่งใส

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 17:05:33 น.

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "การบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจไทยอย่างโปร่งใส" ในงานเสวนาโต๊ะกลม "1 ปีกับการยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ"ว่า รัฐวิสาหกิจถือเป็นองค์กรที่บทบาทสำคัญของประเทศ ซึ่งทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจมีมูลค่ากว่า 13 ล้านล้านบาท สามารถสร้างรายได้ในแต่ละปี 5 ล้านล้านบาทต่อปี มีขนาดใหญ่กว่างบประมาณถึง 2 เท่า และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจมีมากถึงครึ่งหนึ่งของการลงทุนทั้งประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในภาวะการส่งออกเกิดการชะลอตัว และการลงทุนจากภาคเอกชนยังไม่มากนัก โดยการส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจทำงานร่วมกับภาคเอกชน มีการนำรายได้ส่งเข้ารัฐหลายแสนล้านบาททำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

 

 

 

สิ่งสำคัญคือทำให้รัฐวิสาหกิจมีความมั่นคง แข็งแรง และสร้างกำไรให้กับองค์กร โดยปัจจุบันมีรัฐวิสาหกิจทั้งที่มีผลประกอบการดี และยังขาดทุน ซึ่งรัฐบาลก็ได้เข้าไปดูแลและฟื้นฟูกิจการให้มีความเข้มแข็ง วิธีที่รัฐวิสาหกิจจะมีความเข้มแข็งได้ต้องทำให้องค์กรมีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล การบริหารจัดการองค์กรต้องมีความเป็นมืออาชีพสามารถแข่งขันกับภาคเอกชนได้

 

นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลได้กำชับให้กระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เข้าไปกำกับดูแลเรื่องของความโปร่งใส เพราะถือเป็นภาพลักษณ์ของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบความโปร่งใสจากองค์กรอิสระต่างๆ ทั้งจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ปปท.) และ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยรัฐบาลพร้อมให้งบประมาณสนับสนุนการทำงานขององค์กรอิสระอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติมาช่วยตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใสทั้งระบบ

 

ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องการเปิดเผยข้อมูลในโครงการของรัฐ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ ผ่านทางระบบ cost และข้อตกลงคุณธรรม นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงระบบต่างๆทั้งเรื่องอีบิดดิ้ง และอี-เพย์เม้นท์

 

นายสมคิด กล่าวว่า ได้กำชับให้กระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจไปกำกับดูแลให้รัฐวิสาหกิจจัดทำแผนรัฐวิสาหกิจในเชิงบูรณาการให้เกิดความโปร่งใส ถูกต้อง ชอบธรรม และสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ

 

ส่วนการบริหารจัดการองค์กรต้องมีความเป็นมืออาชีพนั้น นายสมคิด กล่าวว่า ได้มีปรับปรุงการกำหนดหลักเกณฑ์ในการสรรหาผู้บริหารองค์กร และกำหนดทักษะของผู้บริหารที่จะเข้าไปบริหารในองค์กรนั้นๆให้ได้คนเก่งและคนดีให้ได้

 

นายสมคิด กล่าวว่า อยากให้รัฐวิสาหกิจต้องมีการปฏิรูปตัวเองเพื่อรองรับการเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม การยกระดับคุณภาพชีวิต และด้านดิจิตัลและด้านระบบฐานข้อมูล (Big Data) ซึ่งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจต้องมีการอบรมและให้ความรู้ และส่งเสริมให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม พร้อมทั้งอยากให้รัฐวิสาหกิจนำงบของตนเองมาช่วยให้เกิดโครงการประชารัฐมากขึ้น เพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและเอสเอ็มอีมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้มีแนวคิดจะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่ต้องการให้รัฐวิสาหกิจเกิดความเข้มแข็ง และอยากให้รัฐวิสาหกิจมีความเชื่อมั่น และมีทัศนคติทีดีต่อองค์กรตนเอง และสามารถแข่งขันได้ และต้องไม่มีการปกป้องผลประโยชน์เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

 

"เราต้องปลูกฝังไม่ให้โกง ถ้าใครโกงต้องให้เขาไม่สามารถยืนอยู่ได้ในองค์กรเหล่านั้น และไม่ต้องห่วงว่าจะเอารัฐวิสาหกิจไปขาย ไม่มีแน่นอน แต่จะทำให้เข้มแข็งให้ได้" นายสมคิด กล่าว

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2512625

 

 

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ เสียใจเหตุเรือล่มกลางแม่น้ำเมืองกรุงเก่า สั่งการให้สงเคราะห์ผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ พร้อมตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง แนะประชาชนใช้บริการเรือที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย

 

 

ข่าวทั่วไป สำนักโฆษก -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 16:44:05 น.

พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงเหตุเรือบรรทุกผู้โดยสารอับปางกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดสนามไชย ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ก่อนเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่สหรัฐอเมริกา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ฝากแสดงความเสียใจไปยังบรรดาญาติของผู้เสียชีวิตทุกราย และให้ส่วนราชการดูแลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตตามสิทธิที่พึงมีพึงได้

 

 

 

"ท่านนายกฯ ได้สั่งการไปยัง มท. เพื่อให้พิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและสงเคราะห์ญาติผู้เสียชีวิตทุกราย ตามระเบียบของทางราชการ พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ประสบเหตุอย่างเต็มที่ จนกว่าจะกลับบ้านได้"

 

พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สั่งให้บริษัทผู้ประกอบการเรือดังกล่าวหยุดประกอบการชั่วคราว เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ ซึ่งอาจจะเป็นอุบัติเหตุ ความประมาทเลินเล่อ หรือการคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของเจ้าของเรือหรือผู้ขับเรือโดยละเลยความปลอดภัย เช่น บรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขับเรือโดยไม่มีใบอนุญาต ทั้งนี้ หากไม่ใช่อุบัติเหตุให้หาคนผิดมาลงโทษให้ได้

 

"ท่านนายกฯ กล่าวว่า เหตุการณ์ไม่คาดฝันทางเรือ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าสลด และไม่มีใครอยากให้เกิด โดยได้แนะนำให้ประชาชนคำนึงถึงความปลอดภัยมากกว่าความประหยัด เช่น ไม่ใช้บริการเรือโดยสารที่ไม่ได้มาตรฐานหรือมีราคาถูก เพราะเมื่อเกิดเหตุแล้ว ไม่สามารถชดเชยความสูญเสียได้

 

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้ คค.เข้มงวดกวดขัน บังคับใช้มาตรการดูแลความปลอดภัยในการเดินเรือมากขึ้น ตั้งแต่ก่อนลงเรือ ระหว่างโดยสารเรือ ขณะขึ้นจากเรือ และข้อควรปฏิบัติหากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น

 

โดยเรือบรรทุกผู้โดยสารทุกลำจะต้องมีมาตรฐาน ผู้ประกอบการและผู้ขับเรือต้องมีใบอนุญาต ต้องจัดให้มีเสื้อชูชีพหรืออุปกรณ์กู้ชีพไว้ในเรืออย่างเพียงพอ รวมทั้งต้องแจ้งเตือน อธิบาย และสาธิตการใช้งานอุปกรณ์ความปลอดภัย และการปฏิบัติตนเมื่ออยู่บนเรือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้ซ้ำอีกในอนาคต"

 

ที่มา: http://www.thaigov.go.th

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/govh/2512606

 

Brexit: ปธ.คณะมนตรียุโรปเผย เทราซา เมย์ เตรียมเจรจาประเด็น Brexit ต้นปีหน้า

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 16:58:58 น.

นายโดนัล ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป เปิดเผยว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะเริ่มเจรจาเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ ภายในเดือนมกราคมหรือเดือนกุมภาพันธ์ 2560

 

คำกล่าวของนายทัสค์มีขึ้นในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ที่เมืองบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย ซึ่งเป็นการประชุมที่อังกฤษไม่ได้เข้าร่วม หลังจากที่มีการทำประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปไปเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา

 

นายทัสค์ระบุว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษเป็นคนเปิดเผยและซื่อตรง โดยเธอกล่าวว่า แม้อังกฤษจะไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ได้ภายในปีนี้ แต่ก็มีแนวโน้มว่าอังกฤษจะพร้อมดำเนินการในช่วงเดือนม.ค. หรือ ก.พ. ปีหน้า

 

ทั้งนี้ ผู้นำทั้ง 27 ประเทศใน EU ได้ประชุมร่วมกันที่เมืองบราติสลาวา เพื่อวางกรอบการดำเนินงานของสหภาพยุโรป โดยที่ประชุมจะมีการหารือถึงประเด็นการถอนตัวของอังกฤษซึ่งต้องใช้เวลาในการเจรจากว่า 2 ปี ภายหลังจากที่อังกฤษประกาศใช้มาตรา 50

 

 

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2512620

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

681adfec2c7bdcdf351e5cfadd81157b.jpg

pinterest.com

 

 

^______-

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองปิดบวก 7.6 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 กันยายน 2559 07:10:56 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 7.6 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ระดับ 1,317.8 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 42.8 เซนต์ หรือ 2.27% ปิดที่ 19.29 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ดีดขึ้น 6.1 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,023.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 13.85 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 686.25 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ก่อนที่การประชุมเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้

 

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และจะจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

ทั้งนี้ หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ ก็จะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะฉุดให้ราคาทองร่วงลง แต่หากเฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยต่อไป ก็จะช่วยให้ราคาทองดีดตัวขึ้นต่อไป

 

นอกจากนี้ การที่กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้เพิ่มการถือครองทองมากกว่า 1% สู่ระดับ 942.61 ตันเมื่อวันศุกร์ ก็ได้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาด

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2512706

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 27 เซนต์ รับความหวังโอเปกตรึงกำลังผลิต

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 กันยายน 2559 06:55:41 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) หลังเวเนซุเอลาระบุว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก กำลังใกล้บรรลุข้อตกลงเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 43.30 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 45.95 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากนายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา กล่าวว่า โอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก กำลังใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน โดยคาดว่าจะมีการประกาศข้อตกลงภายในเดือนนี้

 

ทางด้านนายฮัสซัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านสนับสนุนการดำเนินการที่จะรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันโลก และผลักดันราคาขึ้น

 

ทั้งนี้ กลุ่มโอเปก รวมทั้งรัสเซีย จะประชุมกันในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน

 

นายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการโอเปก ระบุว่า สมาชิกโอเปกอาจจัดการประชุมพิเศษขึ้นเพื่อหารือสถานการณ์ราคาน้ำมัน หากที่ประชุมสามารถบรรลุฉันทามติในการประชุมที่แอลจีเรียเดือนนี้

 

นอกจากนี้ ข่าวการสู้รบครั้งใหม่ในลิเบีย ก็ได้สกัดการคาดการณ์ที่ว่าจะมีการส่งออกน้ำมันอีกครั้ง และเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้ด้วย

 

นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ADVERTISEMENT

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2512705

 

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก:ดอลล์อ่อนค่าเทียบเงินสกุลหลัก ขณะตลาดจับตาประชุมเฟด

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 กันยายน 2559 07:35:02 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 101.79 เยน จากระดับ 102.43 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9800 ฟรังก์ จากระดับ 0.9811 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3191 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3215 ดอลลาร์แคนาดา

 

 

 

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1175 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1152 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3030 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3016 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7547 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7482 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. ขณะที่เยนได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า BOJ จะไม่ผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.เช่นกัน

 

นักวิเคราะห์คาดว่า เยนจะยังคงแข็งค่าขึ้นต่อไป นอกจากว่า BOJ จะสร้างความประหลาดใจต่อตลาดด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมเฟด ในวันที่ 20-21 ก.ย. อย่างใกล้ชิด และจะจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึง ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย.โดยมาร์กิต

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านอยู่ที่ระดับ 65 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน โดยได้แรงหนุนจากความสนใจซื้อบ้านที่พุ่งขึ้น หลังผ่านพ้นภาวะซบเซาในช่วงฤดูร้อน

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านอยู่ที่ระดับ 60 ในเดือนก.ย.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2512714

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 3.63 จุดหลังหุ้นกลุ่มสุขภาพร่วง ขณะตลาดจับตาประชุมเฟด

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 กันยายน 2559 06:36:51 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสุขภาพ และกลุ่มเทคโนโลยี นำโดยหุ้นแอปเปิลที่ร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,120.17 จุด ลดลง 3.63 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,235.03 จุด ลดลง 9.54 จุด หรือ -0.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.12 จุด ลดลง 0.04 จุด หรือ 0.00%

 

 

 

การร่วงลงของหุ้นกลุ่มสุขภาพเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ดิ่งลง 1.5% หลังจากบริษัทซาโนฟี ได้ยื่นฟ้องเมอร์ค แอนด์ โค ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตรยา Lantus ขณะที่หุ้นเรเจเนรอน ฟาร์มาซูติคอลส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารักษาโรคตา ร่วงลง 1.4%

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นำโดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ ขณะที่หุ้นอินเทล ร่วงลง 1.4%

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากภาวะการซื้อขายได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลของสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านอยู่ที่ระดับ 65 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 60

 

ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเคบี โฮม พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นดีอาร์ฮอร์ตัน ปรับขึ้น 1.6% หุ้นพัลท์กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.5%

 

ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า หากเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็จะช่วยให้ภาคธนาคารมีกำไรจากการปล่อยเงินกู้มากขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวขึ้น 0.5% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดีดขึ้น 1.3%

 

นักลงทุนจับตาการประชุดเฟด และ BOJ ในวันที่ 20-21 ก.ย. อย่างใกล้ชิด ขณะที่มีกระแสคาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และจะจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึง ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย.โดยมาร์กิต

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2512704

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...