ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

รมว.พาณิชย์ ลงนามคู่ปลัดฯ ในคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายขายข้าวจีทูจีจากนักการเมือง-ขรก. 6 ราย

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 17:18:22 น.

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งให้นำเงินมาชดใช้เป็นค่าสินไหมทดแทนตามคำสั่งทางปกครองกรณีการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รวม 4 สัญญา ปริมาณ 6.2 ล้านตัน มูลค่าความเสียหาย 20,000 ล้านบาท กับนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 รายแล้ว

 

โดยหนังสือคำสั่งฯ เป็นการลงนามคู่ โดยตนเองลงนามในฐานะได้รับมอบอำนาจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่วน น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงนามในฐานะได้รับมอบอำนาจจาก รมว.พาณิชย์

 

 

 

"การลงนามในหนังสือคำสั่งทางปกครอง ได้ลงนามในช่วงเช้าของวันที่ 19 กันยายน...โดยได้ศึกษาข้อกฎหมายอย่างละเอียดก่อนลงนามในครั้งนี้" นางอภิรดี กล่าว

 

สำหรับนักการเมืองและข้าราชการ 6 ราย ที่กรมการค้าต่างประเทศจะส่งหนังสือคำสั่งทางปกครองไปให้ เพื่อชดใช้ค่าเสียหายจากการขายข้าวจีทูจี มูลค่า 20,000 ล้านบาท ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ต้องจ่ายเงินชดใช้ 1,770 ล้านบาท, นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ 2,300 ล้านบาท ส่วน พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์, นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ต้องจ่ายคนละ 4,000 ล้านบาท

 

โดยทั้ง 6 รายจะมีระยะเวลา 30 วันดำเนินการตามขั้นตอนชดใช้ค่าเสียหาย แต่หากยังนิ่งเฉยจะส่งหนังสือแจ้งเตือนอีกครั้ง โดยมีระยะเวลา 15 วัน หากยังนิ่งเฉยอีกกระทรวงพาณิชย์จะประสานไปยังกรมบังคับคดี เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

 

ด้าน น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ รมว.พาณิชย์ มอบอำนาจให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ร่วมลงนามในหนังสือฯ นั้นสามารถทำได้ เพราะเป็นไปตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งการลงนามมี 2 ส่วนคือ รมว.พาณิชย์ ลงนามแทนนายกรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงพาณิชย์ลงนามแทน รมว.พาณิชย์ ถือเป็นเรื่องปกติ

 

และทั้ง 6 ราย หลังได้รับหนังสือฯ แล้วมีสิทธิ์ที่จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว หากศาลสั่งทุเลาคำสั่ง กระบวนการต่างๆ ก็จะหยุด เพื่อรอการคำตัดสินของศาล แต่หากศาลไม่สั่งทุเลา กระบวนการต่างตามขั้นตอนของกฎหมายจะยังเดินหน้าต่อไป

 

--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2512632

 

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 กันยายน 2559 07:47:15 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 19 ก.ย. 2559

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสุขภาพ และกลุ่มเทคโนโลยี นำโดยหุ้นแอปเปิลที่ร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,120.17 จุด ลดลง 3.63 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,235.03 จุด ลดลง 9.54 จุด หรือ -0.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.12 จุด ลดลง 0.04 จุด หรือ 0.00%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นด้วย

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1% ปิดที่ 341.27 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,394.19 จุด เพิ่มขึ้น 61.74 จุด หรือ +1.43% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,373.87 จุด เพิ่มขึ้น 97.70 จุด หรือ +0.95% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,813.55 จุด เพิ่มขึ้น 103.27 จุด หรือ +1.54%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและราคาโลหะ

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 103.27 จุด หรือ 1.54% แตะที่ 6,813.55 จุด

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 7.6 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ระดับ 1,317.8 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 42.8 เซนต์ หรือ 2.27% ปิดที่ 19.29 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ดีดขึ้น 6.1 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,023.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 13.85 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 686.25 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) หลังเวเนซุเอลาระบุว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก กำลังใกล้บรรลุข้อตกลงเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 43.30 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 45.95 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,120.17 จุด ลดลง 3.63 จุด, -0.02%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,235.03 จุด ลดลง 9.54 จุด, -0.18%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,139.12 จุด ลดลง 0.04 จุด, 0.00%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,394.19 จุด เพิ่มขึ้น 61.74 จุด, +1.43%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,373.87 จุด เพิ่มขึ้น 97.70 จุด, +0.95%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,813.55 จุด เพิ่มขึ้น 103.27 จุด, +1.54%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,634.50 จุด เพิ่มขึ้น 35.47 จุด, +0.12%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,651.71 จุด ลดลง 1.28 จุด, -0.08%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,852.14 จุด เพิ่มขึ้น 24.69 จุด, +0.87%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,321.84 จุด เพิ่มขึ้น 54.07 จุด, +1.03%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,550.45 จุด เพิ่มขึ้น 214.86 จุด, +0.92%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,575.84 จุด เพิ่มขึ้น 22.08 จุด, +0.29%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,026.05 จุด เพิ่มขึ้น 23.20 จุด, +0.77%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,015.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.42 จุด, +0.82%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,294.80 จุด ลดลง 1.90 จุด, -0.04%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,393.70 จุด ลดลง 3.00 จุด, -0.06%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,152.88 จุด เพิ่มขึ้น 250.58 จุด, +2.81%

* ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันที่ 19 ก.ย. เนื่องในวันผู้สูงอายุ

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2512719

 

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับราคาน้ำมันฟื้นหนุนหุ้นพลังงานดีดตัว

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 กันยายน 2559 07:27:17 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นด้วย

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1% ปิดที่ 341.27 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,394.19 จุด เพิ่มขึ้น 61.74 จุด หรือ +1.43% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,373.87 จุด เพิ่มขึ้น 97.70 จุด หรือ +0.95% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,813.55 จุด เพิ่มขึ้น 103.27 จุด หรือ +1.54%

 

 

 

ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน หลังจากนายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา กล่าวว่า โอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก กำลังใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน โดยคาดว่าจะมีการประกาศข้อตกลงภายในเดือนนี้

 

ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นโททาล พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ปรับขึ้น 1.8% หุ้น Eni ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของอิตาลี พุ่งขึ้น 1.5%

 

ส่วนหุ้นในกลุ่มเหมืองแร่นั้น หุ้นเกลนคอร์ รีซอสเซส ทะยานขึ้น 6.2% หลังจากนักวิเคราะห์ของเครดิตสวิสได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเกลนคอร์

 

สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ที่เมืองบราติสลาวา เมืองหลวงของสโลวาเกียนั้น ที่ประชุมได้ร่าง "แถลงการณ์และโรดแม็พบราติสลาวา (Bratislava Declaration and Roadmap) " เพื่อวางกรอบการดำเนินงานของ EU

 

ทั้งนี้ แถลงการณ์และโรดแม็พบราติสลาวาซึ่งมีความยาว 4 หน้านั้น ประกอบไปด้วยแผนการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของชาวยุโรปที่วิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาผู้ลี้ภัย ความมั่นคง และเศรษฐกิจ รวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในยุโรป แม้ว่าอังกฤษได้ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิก EU ก็ตาม

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2512707

 

Analysis: ผู้เชี่ยวชาญชี้การดีเบตเดือนก.ย.-ต.ค. เป็นศึกชี้ชะตา ฮิลลารี-ทรัมป์

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 กันยายน 2559 15:06:47 น.

การขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ในศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ยังคงเป็นที่จับตามองของหลายฝ่าย โดยเฉพาะในการดีเบตของทั้งสองที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ทั้งนี้ โดยการดีเบตครั้งแรกจะมีขึ้นในวันที่ 26 ก.ย. และจะมีขึ้นอีก 2 ครั้งในวันที่ 9 ต.ค. และ 19 ต.ค.

 

 

 

นายฟอร์ด โอคอนเนล นักกลยุทธ์ของพรรครีพับลิกันมองว่า ถึงแม้นางฮิลลารีจะยังคงมีคะแนนนำนายทรัมป์อยู่ แต่ผลโพลล์ที่ออกมาหลายครั้งกลับชี้ให้เห็นว่า ทรัมป์เริ่มมีคะแนนตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้สนับสนุนนางฮิลลารีต่างกังวลเป็นอย่างมาก

 

จากผลสำรวจความนิยมในตัวผู้สมัครของเดือนก.ย.โดย Real Clear Politics พบว่า นางฮิลลารีมีคะแนนนำทรัมป์เพียง 1.5 จุดเท่านั้น

 

นายฟอร์ดกล่าวว่า สิ่งที่ทรัมป์ได้ทำช่วงหาเสียงคือการสร้างความกระตือรือร้นและเป้าหมายให้แก่ผู้คนที่สนับสนุนเขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ ผิดกับผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตที่ไม่เคยทำในสิ่งเหล่านี้ได้เลยในหลายทศวรรษ เช่นนางฮิลลารีที่ไม่ได้สร้างความกระตือรือร้นใดๆในหมู่ผู้มีสิทธ์ออกเสียง เพียงแต่ได้รับอานิสงส์แรงสนับสนุนจากผู้ที่ไม่ชื่นชอบทรัมป์เท่านั้น

 

ในทางกลับกัน นางฮิลลารีกลับทำพลาดอีกครั้ง หลังจากที่กล่าวในระหว่างการหาเสียงเมื่อไม่นานมานี้ว่า กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ จัดเป็นกลุ่มคนที่ "น่าสงสาร" ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในหมู่ผู้สมัคร ที่กล่าวโจมตีผู้สนับสนุนคู่แข่ง แทนที่จะเป็นตัวคู่แข่งเอง

 

และด้วยเหตุนี้เอง ทรัมป์อาจได้เปรียบในการดีเบตที่จะถึงนี้ เนื่องจากทรัมป์สามารถหยิบยกคำพูดของฮิลลารีมาโจมตีเธอ ให้ดูเหมือนเป็นบุคคลที่มาจากชนชั้นสูงที่ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มชนชั้นกลางของประเทศได้ นายฟอร์ดกล่าว

 

นอกจากนี้ ปัญหาสุขภาพของนางฮิลลารี ที่เป็นข่าวดังในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ยังอาจเป็นอีกปัจจัยที่อาจทำให้เธอตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากประชาชนอาจไม่มั่นใจว่า ตัวแทนพรรคเดโมแครตวัย 68 ปีผู้นี้จะทำงานในตำแหน่งสำคัญได้ไหวหรือไม่ อีกทั้งยังเพิ่มความคลางแคลงใจเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลผู้สมัครจากทางฝั่งของฮิลลารีอีกด้วย

 

ทั้งนี้ นายฟอร์ดมองว่า นางฮิลลารียังมีข้อได้เปรียบอยู่บ้าง โดยเฉพาะการเดินเกมในภาคสนามโดยผู้จัดการแคมเปญมากประสบการณ์ ที่รู้วิธีเพิ่มฐานเสียงให้แก่นางฮิลลารีในหลายเขตของประเทศ

 

อย่างไรก็ตาม นายฟอร์ดอธิบายว่า การดีเบตที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ นับเป็นโอกาสที่ทั้งคู่จะได้สร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ติดตาในหมู่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ติดตามการหาเสียงอย่างใกล้ชิด สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ชาญวิทย์ เอี่ยมอุดม/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ADVERTISEMENT

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2512517

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

14390868_1290462670973398_2962820468043620422_n.jpg?oh=ab2a842c69cdb65b4f6f75eb63fc0b92&oe=586E7573

 

14292245_1290462477640084_4476535689469539578_n.jpg?oh=3164a64acf33973ab546729656982a4b&oe=587DF30C

 

14317446_1290462480973417_2913135045969549063_n.jpg?oh=7a1a29fdac829629cb38b7757ce7eba6&oe=587FB2BD

 

14322543_1583543935287950_5951240953642729561_n.jpg?oh=aeb747d58c81c695ee7cbf87ebfe378f&oe=587A4C3814330029_1583544018621275_5660836622190623124_n.jpg?oh=114af259d27ad7559bff13389ed087ed&oe=587F621114364668_1583543928621284_516748153145225706_n.jpg?oh=7864fea04011ba458229d7896298d1b2&oe=5871A24014322440_1583544031954607_5712278737246254736_n.jpg?oh=6fcaa7832dfaecb8e52a8a78d565ac97&oe=587C7FB5

"นายกฯ"ถึงโรงแรมที่พักในนิวยอร์ก มีคนไทยจากหลายรัฐมารอต้อนรับอย่างอบอุ่น Cr.จิตตานันท์ สำนักข่าวไทย @TNAMCOT

Cr. Palm_phattana

 

14322638_1290462484306750_4080054025666811287_n.jpg?oh=980b27f7c6bb71a52f8f3fd93fc2800e&oe=583969F9

ประมวลภาพนายกลุงตู่และอาจารย์น้องที่หน้่า รร.Plaza Athenee ในนิวยอร์ค มีชาวไทยในสหรัฐฯ จากหลายรัฐมารอต้อนรับ

ขอขอบคุณภาพจากเพจมิตรรักแฟนเพลง

#ทีมลุงตู่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บันทึกอีกหน้า 'จีทูเจี๊ยะ'

***************************

ลงนามคู่ไปเรียบร้อยแล้วครับ!

 

วานนี้ (๑๙ กันยายน) "อภิรดี ตันตราภรณ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เซ็นหนังสือคำสั่งบังคับทางปกครอง เรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ๒ หมื่นล้านบาท จากนักการเมืองและข้าราชการจำนวน ๖ รายแล้ว

นั่นเป็นการลงนามแทนนายกรัฐมนตรี

ส่วน "ชุติมา บุณยประภัศร" ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงนามแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปก่อนแล้ว

ขั้นตอนต่อไป จะมีการส่งหนังสือไปยังนักการเมืองและข้าราชการทั้ง ๖ คน

๖ คนที่ว่ามีใครบ้าง

๑.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์

๒.นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์

๓.พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์

๔.นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

๕.นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

และ ๖.นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ

เสร็จแล้วรอเวลาตอบกลับภายใน ๓๐ วัน

หากครบกำหนดแล้ว ยังไม่มีการตอบกลับจะมีการส่งหนังสือแจ้งเตือนไปอีกรอบใน ๑๕ วัน

แน่นอนครับการเข้าสู่ขั้นตอนของกรมบังคับคดี จะยังไม่เกิดขึ้นในทันที เพราะทั้ง ๖ รายที่ว่านี้ต้องอุทธรณ์ให้เลิกคำสั่งที่ว่านี้

และคงขอให้ศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราว

เป็นอันว่ากระบวนการเรียกค่าเสียหายจาก "จีทูจี" โครงการรับจำนำข้าว เดินหน้าไม่สะดุด แต่จะกระเทือนไปถึงบรรดา "เจ๊ๆ" หรือไม่ยังต้องดูกันยาวๆ ครับ

อย่างไรก็ตามพิสูจน์ให้เห็นว่า "ทีมวีรสตรี" ในกระทรวงพาณิชย์ ห้าวหาญในการรักษาผลประโยชน์ชาติ ชนิดนักการเมืองชายอกสามศอกไม่ได้เศษเสี้ยวของความกล้า

มีเสียงขู่มาจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังเกษียณอายุราชการแล้วให้ระวังตัวจะถูกเล่นงานกลับ....

ครับ...นี่แหละธาตุแท้....

จริงอยู่หลายปีมานี้มีข้าราชการระดับสูงติดคุกกันหลายคน เพราะรับใช้นักการเมืองชนิดไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนใจว่าเรื่องที่ทำไปนั่น มันผิดกฎหมาย!

แต่มันต่างไปจากกรณีนี้อย่างสิ้นเชิง

ข้าราชการยุคหนึ่งทำเพื่อประโยชน์นายใหญ่

ขณะที่ข้าราชการอีกยุคเห็นผลประโยชน์ชาติมาก่อนเรื่องอื่น มันก็มีคำตอบอยู่ในตัวว่าหลังเกษียณอายุราชการแล้ว ชีวิตใครจะสงบสุขกว่ากัน

หลังเลือกตั้งหากพรรคเพื่อไทยกลับเข้าสู่อำนาจ "ชุติมา บุณยประภัศร" จะถูกเล่นงานหรือไม่?

คือถ้าคดีจบ ๖ คนข้างต้นต้องจ่ายค่าเสียหาย ๒ หมื่นล้าน หรือไปอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยเปี๋ยง รายการตามเช็กบิลเกิดขึ้นแน่

แต่อย่าไปกลัว

เรื่องขู่ มันก็ขู่กันได้ แต่หากไปดูในรายละเอียดของคดี หลักฐานมันชัด ใครทำให้เกิดความเสียหาย เท่าไหร่ อย่างไร ต่อให้เอา ม.๔๔ ที่คุ้มกะลาหัวออกไปก็ยังมี "ความจริง" คุ้มครองอยู่

เอาง่ายๆ ลองเทียบกับกรณี ศาลอาญา แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ พิพากษานางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตอธิบดีกรมศุลกากร จำคุก ๓ ปี ดูครับ มันต่างไปอย่างสิ้นเชิง

นั่นมันความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ กรณีช่วย นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ เลี่ยงภาษี

มันต่างกันมาก!

ทุกวันนี้คนในพรรคเพื่อไทยเอาแต่เพ้อว่าตัวเองถูกแกล้ง ถูกเช็กบิล รู้สึกแบบนั้นในทุกๆ เรื่องครับ

ไม่มีการยอมรับผิดเลยแม้กรณีเดียว

ถอดถอนไปก็เยอะ ติดคุกไปก็แยะ แต่ยังมโนว่าตัวเองถูกหมด

แล้วนักการเมืองพวกนี้จะอยู่ร่วมในขบวนการปฏิรูปประเทศได้อย่างไร?

น่าหนักใจครับ....

...ความเมียไม่ทันหายความลูกเข้ามาแทรก ช่วงนี้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายนายกฯ ลุงตู่ คงนอนเอาแขนก่ายหน้าผากทุกคืน

เพราะมีเรื่องให้ท่านต้องสะสางครับ

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เขาไปสืบเสาะมา พบว่า หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ซึ่งมีบุตรชาย พล.อ.ปรีชา ถือหุ้นเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เป็นคู่สัญญารับเหมาก่อสร้างหน่วยงานในกองทัพภาคที่ ๓ ส่วนหน้า อย่างน้อย ๒ โครงการ

๑.ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ของกองทัพภาคที่ ๓ จังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์ ค่ายพ่อขุนผาเมือง วงเงิน ๑๓,๖๘๐,๐๐๐ บาท ทำสัญญาวันที่ ๒๓ มี.ค.๕๘ (สัญญาเลขที่ ๓๔/๒๕๕๘)

๒.ก่อสร้างตึกแถวนายทหารประทวน 10 ครอบครัวของโรงพยาบาลค่ายวชิรปราการ ต.น้ำริม อ.เมืองตาก จ.ตาก วงเงิน ๑๓,๒๘๐,๐๐๐ บาท ทำสัญญาวันที่ ๒๕ เม.ย.๕๙ (เลขที่สัญญา ๗๐/๒๕๕๙ )

รวมวงเงิน ๒ โครงการ ๒๖,๙๖๐,๐๐๐ บาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น จดทะเบียนวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ทุน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท รับเหมาก่อสร้างทั่วไป ที่ตั้งเลขที่ ๑๒๘/๓๑/๐๐๗ ตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ณ วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๖

นายปฐมพล จันทร์โอชา (บุตรชาย) น.ส.พัชรินทร์ ธีรวงศ์ภาสกร นางวัลละภา จันทร์โอชา ถือหุ้นด้วยเงินคนละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท (๓๓.๓๓%)

นายปฐมพล จันทร์โอชา น.ส.พัชรินทร์ ธีรวงศ์ภาสกร เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ

แจ้งผลประกอบการปี ๒๕๕๘ รายได้ ๔๕,๓๔๒,๙๒๗ บาท กำไรสุทธิ ๑,๙๖๘,๑๑๑ บาท

ปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา เคยปรากฏเป็นข่าวในช่วงเดือน เม.ย.๕๙ กรณีมีการเผยแพร่เอกสารลับ บรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งรักษาราชการแทนนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ ๓ (อัตรา พ.ต.) รับเงินเดือน ระดับ น.๑ ชั้น ๑๘ (๑๕,๐๐๐ บาท) และแต่งตั้งยศเป็นว่าที่ร้อยตรี (เหล่า สบ.)....

เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ บริษัทลูกชายปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นคู่สัญญากับกองทัพ มันก้ำกึ่งในประเด็นจริยธรรม

ถ้าเป็นยุคถนอม ณรงค์ ประภาส คงเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครทักท้วง

แต่นี่ยุครัฐบาล คสช. ที่ประชาชนคาดหวังว่าจะพาประเทศไปสู่ยุคปฏิรูปได้สำเร็จ

เม็ดเงินจากโครงการที่ลูกชาย พล.อ.ปรีชาเป็นคู่สัญญากับกองทัพ ไม่ได้มีปริมาณมากมายอะไร แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

ปัญหาคือมันใกล้ตัว ไปทำมาหากินนอกกองทัพไม่ดีกว่าหรือ

แม้ท่านจะบอกว่าเป็นเรื่องของลูกชาย ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไร แต่ชาวบ้านเขาไม่คิดแบบท่านนะครับ และมันเป็นประเด็นที่ท่านต้องสนใจให้มาก

ต้องรับรู้ว่า ประชาชนเขาคิดอย่างไร?

ที่จริงควรจะรู้ได้ด้วยตัวเอง แล้วหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด

เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว ท่านก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง

กรณีแบบนี้ถือเป็นเรื่องฉาวครับ ไม่ส่งผลดีต่อรัฐบาล คสช.

ไม่เฉพาะกรณีลูกชาย พล.อ.ปรีชาครับ บรรดารัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง ต้องพึงตระหนักว่า ประชาชนตั้งความหวังกับการปฏิรูปประเทศไว้สูง ฉะนั้นท่านก็ต้องปฏิรูปตัวเองด้วย

อะไรที่มันแลดูขัดจริยธรรม ขอร้องว่า...อย่า...อย่าไปดึงแข้งดึงขากันเองเลยครับ!

ครับ..วานนี้ผมเปิดเฟซบุ๊กอ่านอะไรไปเรื่อย ดันจ๊ะเอ๋เอาเพจ สมศักดิ์ เจียม เข้า กำลังฟัดกับเสื้อแดงใต้ดินที่จัดรายการวิทยุออนไลน์จากต่างประเทศอย่างเมามัน

ปกติผมจะอ่านผ่านๆ แต่คราวนี้ ขอละเอียดนิดนึง เพราะดุเดือดจริงๆ

พวกนี้ด่า "ไอ้เหี้ย" "ไอ้สัตว์" "ส้นตีน" กันเป็นเรื่องปกติ

ปมขัดแย้งรอบนี้ เพราะ "ชูพงศ์ ถี่ถ้วน" ยุคนเสื้อแดงให้ฆ่า คสช.สัก ๔-๕ คน สมศักดิ์ เจียม ก็ซัดเข้าให้ ทำนองว่าคนดังเสื้อแดงยังคิดแบบนี้ มันสะท้อนวัฒนธรรมขบวนการเสื้อแดง ที่อ้างว่า สู้เพื่อประชาธิปไตย

อีกฝ่ายซัดกลับสมศักดิ์ เจียม เป็นเกรียนคีย์บอร์ด ชอบบิดเบือนข้อมูล

ก็ฟังกันไปครับ สาวไส้แบบนี้อีกาคงอิ่มไปหลายวัน

แหม...ช่างเข้าบรรยากาศ กทม.ย้าย "เหี้ย" ออกจากสวนลุมฯ จริงๆ.

ผักกาดหอม

http://thaipost.net/…

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สนามข่าว : งามไส้!!!AIS สารภาพ ระดับบริหารเอี่ยวล้วงข้อมูลลูกค้า | sanamkhao.com

“AIS” รับแล้ว!! มีระดับผู้บริหารเอี่ยว “ล้วงข้อมูลลูกค้า” ด้าน กสทช. ยังไม่ฟันธงบริษัทมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ สั่งขยายผลสอบข้อมูลเอไอเอสย้อนหลังตั้งแต่ ปี2557 วันนี้ 19 ก.ย. 59 เมื่อเวลา…

BY SANAMKHAO.COM

(Sep 19) ญี่ปุ่นอ้างดอกเบี้ยติดลบส่งผลดี : นายยาสุโตชิ นิชิมูระ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่น กล่าวว่า ข้อดีของนโยบายดอกเบี้ยติดลบที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) นำมาใช้ นับว่ามหาศาล ทั้งยังนับว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะดึงให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง และต้นทุนกู้ยืมลดลง ทั้งยังกระตุ้นให้ ภาคธุรกิจออกหุ้นกู้และช่วยดึงดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อการจดจำนองให้ลดลง การปล่อยกู้ให้แก่ภาคอสังหา- ริมทรัพย์เพิ่มขึ้น นำไปสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก สำหรับดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อการจดจำนองที่ลดลงก็ส่งผลดี เพราะผู้คนสามารถกู้เงินไปซื้อบ้านใหม่ได้

 

นายนิชิมูระ กล่าวว่า แม้นโยบาย ดังกล่าวถ่วงผลประกอบการภาคธนาคารในระยะสั้น แต่น่าจะส่งผลดี ในระยะยาว เพราะจะนำไปสู่การ ใช้จ่ายเงินทุนมากขึ้นและเพิ่มการ ใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วย คำกล่าวนี้สะท้อนว่ารัฐบาล เปิดกว้างสำหรับการลดดอกเบี้ย ลึกสู่แดนลบ เพื่อดันเงินให้ไหล เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น และป้องกันภาวะเงินฝืด

"ดอกเบี้ยติดลบมีทั้งแง่ดีและเสีย แต่ผมคิดว่าแง่ดีมีอยู่มาก และผมแน่ใจว่าบีโอเจจะศึกษานโยบายนี้และดำเนินการตัดสินใจที่เหมาะสม" นายนิชิมูระ กล่าว

แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับบีโอเจ เผยว่า บีโอเจจะให้ความสำคัญกับอัตราดอกเบี้ยมากกว่าการเข้าซื้อพันธบัตร ในการประชุมทบทวนนโยบายวันที่ 20-21 ก.ย. หลังจากเข้าซื้อพันธบัตรในปริมาณมากเป็นเวลากว่า 3 ปี

คำกล่าวนี้สอดคล้องกับรายงานข่าวของสำนักข่าวนิกเคอิที่ว่า บีโอเจ จะให้ความสำคัญมากขึ้นกับการ ใช้เครื่องมือดอกเบี้ยติดลบ ในการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม

บีโอเจหวังว่า การหันไปใช้ดอกเบี้ยติดลบมากขึ้น จะขจัดความวิตกในตลาดที่ว่านโยบายดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นที่นิยมในหมู่สาธารณชน จะทำให้บีโอเจไม่กล้าลดดอกเบี้ยลึกสู่แดนลบลงไปอีก

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเผยว่า บีโอเจยังไม่มีฉันทามติว่าจะลดดอกเบี้ยลึกสู่แดนลบลงไปอีก เพราะต้องคำนึงถึงการเคลื่อนไหวของ เงินเยนและการหารือของบอร์ด บีโอเจเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจ

ด้านนักวิเคราะห์ไม่แน่ใจว่าหากลดดอกเบี้ยลงอีก จะทำให้เงินเยนอ่อนค่าเป็นเวลานานหรือไม่ ทั้งยังอาจทำให้บีโอเจเหลือช่องว่างน้อยลงในการลดดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต

ทั้งนี้ บีโอเจช็อกตลาดเมื่อเดือนม.ค. ด้วยการลดดอกเบี้ยสู่แดนลบ 0.1% พร้อมคงมาตรการเข้าซื้อพันธบัตร ปีละ 80 ล้านล้านเยนที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2556 แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าวสกัดการแข็งค่าของเงินเยนไม่ได้ ช่วงแรกที่บีโอเจลดดอกเบี้ย สู่แดนลบนั้น ผู้บริโภคบางคนวิตกว่า บัญชีเงินฝากจะถูกคิดดอกเบี้ย ติดลบด้วย นอกจากนั้น นโยบายนี้ ยังไม่เป็นชื่นชอบในหมู่ธนาคาร พาณิชย์เพราะทำให้รายได้ลดลง

อย่างไรก็ตาม นายนิชิมูระย้ำว่า นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ รับปากว่าจะไม่ใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบกับบัญชีเงินฝากของประชาชน โดยดอกเบี้ยติดลบของบีโอเจนั้น เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ย 0.1% จากเงินสดที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับบีโอเจ

Source: กรุงเทพธุรกิจ

https://www.japantoday.com/…/abe-adviser-says-benefits-of-b…

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ ฮั่วเซ่งเฮง 20-09-2016

 

 

ราคาทองทำทรงให้มีพ้อยท์เทรดได้ในวันนี้

โดยจะซื้อตามเมื่อเบรก 1318 1320 ขึ้นไปโดยมีแนวต้านที่ 1323 1327 1333 เป็นเป้าทำกำไร มองระยะ 50 % หรือมองว่าน่าจะฟื้นตัวได้เพียง 1323 และ 1327 เท่านั้น ในขณะที่ถ้าซื้อไว้แล้วต้องลุ้นให้ปรับตัวขึ้นผ่าน 1318 1320 ขึ้นไป โดยจะตัดขาดทุนหากว่าปรับตัวลงต่ำกว่า 1310 ลงมา

ส่วนท่านที่เอสไว้แนะนำปิดเอสหากว่าเบรก 1318 1320 ขึ้นมาได้และไปรอเอสอีกครั้งที่บริเวณ 1325 - 1335 อีกทีจะดีกว่า

ทั้งนี้มองว่าตัวเลขบ้านคืนนี้น่าจะยังไม่กดดันให้ทองเปลี่ยนกรอบลงต่ำกว่า 1290 - 1300 ลงไป ทำให้วันนี้เทรดตามพ้อยท์นี้ถึงเป้าก็ปิด หลุดแนว 1310 ก็คัตเล่นสั้นถอยมาตั้งหลักก่อนลุ้นเฟดพรุ่งนี้กัน

20 Sep, 2016

www.facebook.com/Wealthstation

14368874_1163389970366143_4479115519265041644_n.png?oh=f7e5d87576892fe9a6ad364616e2b069&oe=587584A5

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MTS GOLD GROUP

 

 

YLGResearch

 

 

 

 

MoneyTalkChannel

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

MoneyTalkChannel

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

ดัชนีเชื่อมั่นทองก.ย.ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน จากนโยบายดบ.เฟด-บาทแข็งกดดัน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 กันยายน 2559 12:03:42 น.

ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือน ก.ย.59 ปรับตัวลดลงเดือนที่สองติดต่อกัน สะท้อนราคาทองมีโอกาสปรับตัวลดลง โดยมีปัจจัยกดดันจากนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และทิศทางค่าเงินบาทที่มีโอกาสแข็งค่าจากเงินทุนไหลเข้ามาเก็งกำไรสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ผู้ค้ารายใหญ่เชื่อราคาทองคำโลกน่าจะแกว่งตัวอยู่ในระดับ 1,280-1,380 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศคาดว่าน่าจะอยู่ที่ 21,000-23,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ

 

 

 

นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือน ก.ย.59 อยู่ที่ระดับ 52.23 จุด ลดลงจากเดือนก่อน 11.51 จุด หรือลดลงกว่า 18.07% จากระดับ 63.74 จุด สะท้อนให้เห็นว่าราคาทองมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงได้ในเดือนกันยายนนี้ โดยปัจจัยกดดันราคาทองคำ คือ ทิศทางนโยบายทางการเงินของ FED ที่รอดูสถานการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย การแข็งค่าของเงินบาท และแรงขายเก็งกำไรตามลำดับ

 

ขณะที่มีปัจจัยหลักสนับสนุนราคาทองคำ ได้แก่ ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก และความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย จากคำถามว่ากลุ่มตัวอย่างจะซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้าหรือไม่ พบว่า 47.84 % ของกลุ่มตัวอย่างคิดว่าจะซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้า ขณะที่ 35.14 % ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำหรือไม่ในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้า และอีก 17.03 % คาดว่าจะยังไม่ซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทองคำยังคงมีความน่าสนใจในการหาจังหวะเข้าลงทุน

 

ส่วนความคิดเห็นผู้ค้าทองคำ (Gold Trader Consensus) จากผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ ผู้ค้าส่งทองคำ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 8 ตัวอย่าง พบว่า กลุ่มผู้ค้ารายใหญ่มีมุมมองราคาทองคำระหว่างเดือนว่าน่าจะใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือน ก.ค.59 โดยมีกลุ่มผู้ค้าคาดว่าราคาทองคำในประเทศในเดือนกันยายน 2559 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น จำนวน 1 ตัวอย่าง คาดว่าจะใกล้เคียงกันเดือนสิงหาคม 2559 จำนวน 6 ตัวอย่าง และจะปรับตัวลดลง จำนวน 1 ตัวอย่าง สำหรับราคาทองคำในตลาดโลกกรอบสูงสุดที่กลุ่มตัวอย่างคาดไว้ระหว่าง 1,340-1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ แต่มีความถี่หนาแน่นบริเวณ 1,381-1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ กรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดให้น้ำหนักระหว่าง 1,241-1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ โดยมีค่าความถี่หนาแน่นอยู่บริเวณ 1,281-1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ด้านราคาทองคำในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 96.5%) กลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักราคาสูงสุดระหว่าง 21,500-23,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และมีค่าความถี่หนาแน่นในช่วง 22,500-23,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ กรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดกลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักระหว่าง 20,500-21,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยมีค่าความถี่หนาแน่นในช่วง 21,001-21,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ

 

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2510306

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

HSHsocial

 

 

 

 

NOW26

 

คลังชี้ตลาดส่งออกสหรัฐวูบหนัก เหตุเศรษฐกิจทรุดยาวถึงปีหน้า-คู่ค้าแห่ตีกลับสินค้าไทย

สำนักเศรษฐกิจการคลัง ชี้ตลาดส่งออกหลัก โดยเฉพาะสหรัฐฯอาการน่าเป็นห่วง คาดทั้งปีโตได้ไม่ถึงเป้า หลังภาวะเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวยาวไปจนถึงปี 2560…

NAEWNA.COM

 

 

 

 

 

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก:ดอลล์แข็งค่าเทียบเงินสกุลหลัก ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2559 07:39:48 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) ก่อนที่ตลาดจะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 101.83 เยน จากระดับ 101.79 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9790 ฟรังก์ จากระดับ 0.9800 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3213 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3191 ดอลลาร์แคนาดา

เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1161 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1175 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.2975 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3030 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7550 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7547 ดอลลาร์สหรัฐ

ตลาดจับตาการประชุมเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 21 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ โดยคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมของ BOJ ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้เช่นกัน โดยมีการคาดการณ์ว่า BOJ จะผ่อนคลายนโยบายต่อไปในการประชุมครั้งนี้ แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนที่ว่า BOJ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ติดลบมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคาร

นอกเหนือจากการประชุมเฟด และ BOJ แล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย.โดยมาร์กิต

Cr : http://www.ryt9.com/s/iq21/2513615

 

 

 


  •  
     



    •  
       

       
      ทองคำทรงตัวตามภาพรวมการลงทุนที่รอข่าวสำคัญในคืนนี้ซึ่งจะรายงานผลการประชุมราวๆ ตีหนึ่งถึงตีสองของบ้านเรา
      ราคาทองอยู่ในจุดที่รับรู้ประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยบางส่วนแล้วถ้าเฟดไม่ส่งสัญญาณใดๆ และกล่าวในทำนองว่าเศรษฐกิจยังไม่พร้อมต่อการขึ้นดอกเบี้ยทองจะบวกกลับมาเกิน 1330
      ในกรณีที่ส่งสัญญาณขึ้นแน่ๆ ในปีนี้ไม่ว่าจะเป็นการประชุมในเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม ทองน่าจะอ่อนตัวลงซึ่งอาจส่งผลต่อทรงราคาให้ลงต่ำกว่าแนวหนุนสำคัญ 1290 1300 จะมีแนวรับหลักถัดมาอยู่ที่ 1250 1270
       
      ในกรณีที่ปรับขึ้นทันทีในคืนนี้เลยนั้นถือว่าเป็นการช็อกตลาดในระดับหนึ่ง มีโอกาสอยู่บ้าง ตลาดโดยรวมจะผันผวนได้
      ประเด็นสำคัญอีกประการคือเป้าดอกเบี้ยหลังจากนี้และเป้าดอกเบี้ยของปีหน้า ถ้ามีตั้งเป้าไว้สูงจะกดดันทองมีโอกาสกลับไปยืนอยู่ในโซน 1200 - 1250 ได้เลยทีเดียว
      สรุปจับตาอยู่ที่เรตดอกเบี้ยของสองช่วง โดยที่คาดว่าน่าจะไม่ถึงกับช็อกตลาดนักและจะส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเอาในการประชุมครั้งหน้าหากว่าไม่มีอะไรที่แย่ลงไป
      สำหรับทรงราคาแล้วราคาทองมี Support หลักที่ 1290 - 1300 การปรับตัวลงต่ำกว่านี้ถือว่าเกมส์เปลี่ยนมีเป้าการลงหลักอยู่ที่ 1250 ถือเป็นแนวนึงที่แรงขายน่าจะชะลอตัวเมื่อเข้าใกล้โซนนี้ ในกรณีที่ฟื้นตัวได้ ยังมองว่าทองอยู่ในสถานการณ์เดิม ขึ้นมากรอบบนบริเวณ 1340 1350 น่าขายมากกว่าน่าซื้อตามเมื่อราคาอยู่ใกล้แนวต้านบริเวณ เพราะประเด็นดอกเบี้ยเป็นเหมือนระเบิดเวลาสุดท้ายก็จะกลับมากดดันทองได้อีก
      พ้อยท์เทรดคือแนวต้านที่ 1320 ผ่านบริเวณนี้ซื้อตามไปขาย 1330 1335 1345 ในกรณีที่ลงต่ำกว่า 1300 1305 เอสตามไปปิดอย่างน้อย 1288 1292 และมีเป้าหลักอยู่ที่ 1250 1275
      21 Sep, 2016
      www.facebook.com/Wealthstation
      14333150_1164194426952364_3944538862541057124_n.png?oh=6a88d1d2a2bf157c8fd60a47a2109d16&oe=587EEB94
      14448806_1164194436952363_1511411716287425861_n.png?oh=3ffe7dfb91cc191693a3bc1738c90e70&oe=587F2402
      14440606_1164194450285695_8709384694902428542_n.png?oh=3b74310c1fdd509a2b67c23815955d61&oe=587688F4
      14359145_1164194456952361_2594799933905439735_n.png?oh=97afc9e3bf3cd3f0b4bc88f44c4cc836&oe=5865A9F8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 34.74/76 ทิศทางแกว่งแคบในกรอบ 34.70-34.80 จับตาผลประชุม FED-BOJ วันนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2559 09:04:11 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.74/76 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า

 

 

 

จากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 34.80 บาท/ดอลลาร์

ทิศทางเงินบาทวันนี้คงแกว่งแคบๆ ก่อน เนื่องจากต้องรอดูผลการประชุมของ 2 ธนาคารกลางที่สำคัญ คือ ธนาคาร

 

กลางญี่ปุ่น (BOJ) และการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) โดยในส่วนของ BOJ คง

 

ต้องดูว่าจะมีการดำเนินนโยบายในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่ ขณะที่ FOMC นั้นคาดว่าจะยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยในการ

 

ประชุมรอบนี้ แต่ต้องติดตามว่าจะมีการส่งสัญญาณอะไรออกมาหรือไม่

"รอดูช่วงเที่ยงนี้ว่า BOJ จะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่ และจะมีการดำเนินนโยบายการเงินอย่างไร ส่วน

 

FOMC รอบนี้ยังไม่น่าจะปรับดอกเบี้ย แต่ก็ต้องดูว่าจะมีการส่งสัญญาณอะไรออกมา" นักบริหารเงิน ระบุ

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.70-34.80 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- ช่วงเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.60/70 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 101.76 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโร เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1150 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1181 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.8300 บาท/

 

ดอลลาร์

- นายทนง พิทยะ อดีตรมว.คลัง คาดเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ถึง 3-4% โดยมาจากมาตรการภาครัฐทั้งการลงทุน

 

และเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ ส่วนการบริโภค การลงทุนในประเทศถือว่าเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะการค้าระหว่างประเทศ หรือ

 

การส่งออกสถานการณ์ยังไม่ค่อยดีนัก

- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดศูนย์ทดสอบและพัฒนานวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีใหม่มาสนับสนุนการให้บริการ

 

ทางการเงิน (Regulatory Sandbox) เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้แก่สถาบันการเงิน บริษัทที่จดทะเบียนและผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่ทดลอง

 

ใช้นวัตกรรมทางการเงิน (FinTech) และสร้างโอกาสในการออกใบอนุญาตใหม่ๆในอนาคตและจะช่วย ธปท.ปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้

 

เหมาะสมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว

- ธนารักษ์ คาดจัดเก็บรายได้เกินเป้า 2 ปีซ้อน สิ้นปีงบประมาณ'60 ทะลุ 1 หมื่นล้าน สูงกว่าเป้าตั้งไว้ 6 พันล้าน

 

ผลจากเข้าบริหารที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ได้มากขึ้น เล็งปรับเพิ่มค่าเช่าที่เชิงพาณิชย์เท่าราคาตลาด หลังสัญญากว่า 20% หมดลง

 

- กระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมระยะ 20 ปี (2560-2579)โดยมีเป้าหมายเพื่อ

 

ผลักดันให้อุตสาหกรรมของประเทศไทย ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อหลุดพ้นจากกับดักประเทศราย

 

ได้ปานกลาง โดยเฉพาะการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรมให้ขยายตัวเฉลี่ย 4.5% ต่อปี จาก

 

ปัจจุบันอยู่ที่ 3% ต่อปี พร้อมขยายมูลค่าการส่งออกภาคอุตสาหกรรมให้ขยายตัว 7.02% ต่อปี จากปัจจุบันเฉลี่ย 5.43% ต่อปี รวมทั้ง

 

การเพิ่มการลงทุน โดยเฉพาะโรงงานแห่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านร่วงลงมากเกินคาดในเดือนส.ค. โดยดิ่งลง 5.8% สู่

 

ระดับ 1.14 ล้านยูนิต หลังเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเวลา 2 เดือนติดต่อกัน

- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDP Now แสดงให้เห็นว่า

 

เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.9% ในไตรมาส 3 หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และการเริ่มต้น

 

สร้างบ้านของสหรัฐ

- นายบิล กรอส ซึ่งเป็นผู้จัดการพอร์ทโฟลิโอของเจนัส แคปิตอล แมเนจเมนท์ และเป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

 

แปซิฟิก อินเวสท์เมนท์ แมเนจเมนท์ หรือ พิมโก้ กองทุนรวมตราสารหนี้ภาครัฐรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก คาดการณ์ว่า ธนาคาร

 

กลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาส 50/50 ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) ก่อน

 

ที่ตลาดจะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตรา

 

ดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ โดยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 101.83 เยน จากระดับ 101.79 เยน ขณะที่เงิน

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1161 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1175 ดอลลาร์สหรัฐ

 

- ตลาดจับตาการประชุมเฟด ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 21 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ โดยคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยใน

 

การประชุมครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันนักลงทุนยัง

 

จับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

- นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมของ BOJ ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้เช่นกัน โดยมีการคาดการณ์ว่า BOJ จะ

 

ผ่อนคลายนโยบายต่อไปในการประชุมครั้งนี้ แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนที่ว่า BOJ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ติดลบมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งจะ

 

ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคาร

- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ที่นักลงทุนให้ความสำคัญ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

 

รายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.

 

ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย.โดยมาร์กิต

--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

ADVERTISEMENT

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2513794

 

 

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์-เล็งกลุ่มพลังงานหนุนหลังราคาน้ำมันดีดขึ้น,หวังโอเปกรักษาเสถียรภาพราคา

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2559 09:40:29 น.

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ในช่วงสั้นหลังจากที่ได้ปรับตัวลงไปพอควรแล้วเมื่อวานนี้ โดยตลาดฯยังคงติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลการประชุมในเช้าวันพรุ่งนี้ โดยตลาดฯคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน

 

 

 

อย่างไรก็ดี ตลาดฯน่าจะได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดซื้อขายล่วงหน้าเช้านี้ได้ปรับตัวขึ้น 1.8% ซึ่งเป็นการเก็งการหารือนอกรอบของโอเปกและรัสเซียที่จะจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน

 

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ อย่างไร้ทิศทาง พร้อมให้แนวรับ 1,467 จุด ส่วนแนวต้าน 1,480 จุด

 

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,129.96 จุด เพิ่มขึ้น 9.79 จุด (+0.05%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,241.35 จุด เพิ่มขึ้น 6.32 จุด (+0.12%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.76 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด (+0.03%)

 

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 20.30 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.42 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 8.00 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 19.66 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 2.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 9.41 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 2.06 จุด

 

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ก.ย.59) 1,473.78 จุด ลดลง 18.95 จุด (-1.27%)

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,797.80 เมื่อวันที่ 20 ก.ย.59

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ก.ย.59) ปิดที่ 43.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.3%

 

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ก.ย.59) ที่ 6.86 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

 

- เงินบาทเปิด 34.74/76 ทิศทางแกว่งแคบในกรอบ 34.70-34.80 จับตาผลประชุม FED-BOJ วันนี้

 

- อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์เตรียมผลักดันโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ ภายใต้แผนแม่บทพัฒนาที่ราชพัสดุเพื่อให้มีการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยภายในปี 2559 จะเริ่มดำเนินการได้ 2 โครงการ มีวงเงินลงทุน 3.1-3.5 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต เนื้อที่ 63 ไร่ ของบริษัท บางกอกเทอร์มินอล (BKT) เพื่อพัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์กลางคมนาคม และคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ มีมูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาท สัญญา 30 ปี

 

- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้วิเคราะห์แนวโน้มการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐ หลังจากสำนักงานส่งเสริมการค้าของไทย ณ นครชิคาโก สหรัฐ คาดว่าแนวโน้มการส่งออกของไทยไปยังตลาดสหรัฐในช่วง 4 เดือนหลังของปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และได้ปรับลดเป้าหมายการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐลงเหลือโต 1% จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2% และเศรษฐกิจสหรัฐจะยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องไปในปี 2560

 

- ธนารักษ์ฟุ้งคาดจัดเก็บรายได้เกินเป้า 2 ปีซ้อน สิ้นปีงบประมาณปี 60 ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าตั้งไว้ 6 พันล้านบาท ผลจากเข้าบริหารที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ได้มากขึ้น เล็งปรับเพิ่มค่าเช่าที่เชิงพาณิชย์เท่าราคาตลาด หลังสัญญากว่า 20% หมดลง

 

- "ศุภชัย พานิชภักดิ์" มองรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจมาถูกทาง แต่ในช่วงต่อไปรัฐบาลไม่ควรให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงชะลอตัว ซึ่งอาจจะส่งผลต่อภาระหนี้สิน ซึ่งควรจะมุ่งเน้นไปยังการเพิ่มรายได้ของประชากรให้ดีขึ้น โดยเฉพาะรายได้เกษตรกร และกระตุ้นการลงทุนให้มากขึ้นรวมถึงมีการเพิ่มขีดความสามารถของคน ในการฝึกอบรมแรงงานขั้นต่ำทั่วประเทศ การปฏิรูปการศึกษา เริ่มจากการปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มองว่าเป็นรากฐานของปัญหาของเศรษฐกิจไทย

 

*หุ้นเด่นวันนี้

- TPCH (เคจีไอฯ) "สะสม"เป้า 22 บาท แนวโน้มกำไรจะทำนิวไฮ 3-5 ไตรมาสติดต่อกัน (โรงไฟฟ้าชีวมวลที่มี PPA ในมือทยอย COD) และจะมี Catalyst เพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ คือการเปลี่ยนสัญญา LOI เป็น PPA (20MW ที่ จ.ปัตตานี) พร้อมให้แนวรับ 16.9 บาท และถัดไปที่ 16.7 บาท แนวต้านแรกที่ 17.4 บาท (เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แบบ EMA) หากผ่านได้มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 18.3 บาท

 

- K (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 8.80 บาท พรุ่งนี้ (22 ก.ย.) จะขึ้น XD จ่ายเป็นหุ้นปันผลในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และเงินสด 0.006 บาท เป็นปันผลของผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกปีนี้ แม้จะคิดเป็น Yield เพียง 1% แต่หลังจากนี้น่าจะได้เห็นการจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้งทั้งรูปแบบของหุ้นและเงินสดตามกำไรที่เริ่มขยายตัวในอัตราเร่ง โดยคาดกำไรปี 60-61 โตเฉลี่ย 28% จากงาน Shop brand ตามห้างที่เปิดใหม่เช่น Icon Siam, กลุ่มเดอะมอลล์, กลุ่มเซ็นทรัล, และกลุ่ม TCC ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น Forward PE 13.7 เท่า ถูกกว่ากลุ่มที่ 25 เท่า

 

- THANI (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 6.20 บาท แม้จะคาดว่ากำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งใน 3Q59 และ 4Q59 ตามยอดจดทะเบียนรถบรรทุกใหม่ที่มีโมเมนตัมดี แต่อัตราการเติบโตไม่ได้สูงจนน่าตื่นเต้น โดยคาดกำไร 3Q59 +3% Q-Q, 4% Y-Y เพราะการตั้งสำรองฯยังสูงกว่าปกติ แต่ยังคงคาดกำไรทั้งปีนี้ +18% และปีหน้า +7.8% การฟื้นตัวของการลงทุน การก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน และการค้าชายแดน เอื้อต่อสินเชื่อของ THANI โดยตรง

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2514022

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก 40 เซนต์ ขณะตลาดจับตาประชุมเฟด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2559 07:12:49 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,318.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.3 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 19.277 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 7.2 ดอลลาร์ หรือ 0.70% ปิดที่ 1,030.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.75 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 683.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดในวันนี้ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านร่วงลงมากเกินคาดในเดือนส.ค. โดยดิ่งลง 5.8% สู่ระดับ 1.14 ล้านยูนิต หลังเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเวลา 2 เดือนติดต่อกัน

 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย.โดยมาร์กิต

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2513604

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 14 เซนต์ รับคาดการณ์โอเปกบรรลุข้อตกลงหนุนตลาด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2559 06:51:45 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 43.44 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 45.88 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดีดตัวขึ้นหลังจากนายนูเรดดีน บูเตอร์ฟา รมว.พลังงานของแอลจีเรีย กล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจตัดสินใจจัดการประชุมพิเศษขึ้นเพื่อหารือราคาน้ำมัน หลังเสร็จสิ้นการประชุมที่กรุงแอลเจียร์สในสัปดาห์หน้า

 

นายบูเตอร์ฟากล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นว่าผู้เข้าร่วมการประชุมในสัปดาห์หน้าจะบรรลุฉันทามติเกี่ยวกับแนวทางในการทำให้ตลาดน้ำมันมีเสถียรภาพ

 

ทั้งนี้ โอเปกและรัสเซียจะจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน

 

ทางด้านนายโมฮัมหมัด บาร์กินโด เลขาธิการโอเปก กล่าวเช่นกันว่า โอเปกอาจจัดการประชุมพิเศษขึ้น หากมีการบรรลุข้อตกลงในการประชุมที่กรุงแอลเจียร์ส พร้อมกับกล่าวเสริมว่า การประชุมที่แอลจีเรียมีขึ้นเพื่อให้สมาชิกทำการหารือกัน โดยไม่ใช่การประชุมเพื่อทำการตัดสินใจด้านนโยบายน้ำมัน

 

นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2513603

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดีจ้าาาา

 

 

เยลเลน ย้ำชัดเฟดไม่เกี่ยวการเมือง หลังถูกกล่าวหาตรึงดบ.ต่ำเอื้อประโยชน์ โอบามา

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2559 09:17:10 น.

นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เฟดได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเกินไปเพื่อเหตุผลทางการเมือง โดยนางเยลเลนยืนยันว่า เฟดไม่ได้มีการกล่าวถึงประเด็นทางการเมืองในการประชุมนโยบาย มีเพียงปัจจัยทางเศรษฐกิจเท่านั้นที่มีผลต่อการตัดสินใจของเฟดในประเด็นนโยบายการเงิน

 

 

 

นางเยลเลน เปิดเผยว่า เฟดมีความประสงค์เพื่อหานโยบายที่ดีที่สุดในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ส่งเสริมการจ้างงาน และควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

 

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน เคยกล่าวหานางเจเน็ต เยลเลนว่ากำลังพยายามผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐให้เดินหน้าต่อไปเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อประธานาธิบดีบารัค โอบามา แม้ว่านางเยลเลนจะไม่ได้เอ่ยชื่อนายทรัมป์ออกมาตรงๆก็ตาม

 

สำหรับผลการประชุมล่าสุดของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดเมื่อวานนี้ เฟดมีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 3 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

 

แม้เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้ แต่แถลงการณ์ของเฟดได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี

 

แถลงการณ์เฟดระบุว่า "ปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้มีน้ำหนักมากขึ้น"

 

นอกจากนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวหลังสิ้นสุดการประชุมเมื่อวานนี้ว่า ตนคาดหวังที่จะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ โดยเฟดยังเหลือการประชุมอีก 2 ครั้งในปีนี้ คือวันที่ 1-2 พ.ย. และ 13-14 ธ.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2514869

 

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบเงินสกุลหลัก หลังเฟดตรึงดอกเบี้ย

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2559 07:32:17 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 100.59 เยน จากระดับ 101.83 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9759 ฟรังก์ จากระดับ 0.9790 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3159 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3213 ดอลลาร์แคนาดา

 

 

 

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1173 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1161 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.2998 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2975 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7600 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7550 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 3 เสียงในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

 

แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงในระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจนั้น อยู่ในระดับค่อนข้างสมดุล ซึ่งเป็นการใช้ประโยคดังกล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งในเดือนดังกล่าวเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี

 

อย่างไรก็ตาม แม้เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่แถลงการณ์ของเฟดได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ โดยระบุว่า "ปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้มีน้ำหนักมากขึ้น"

 

ด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้แถลงหลังสิ้นสุดการประชุมเมื่อวานนี้ว่า ตนคาดหวังที่จะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ โดยเฟดยังเหลือการประชุมอีก 2 ครั้งในปีนี้ คือวันที่ 1-2 พ.ย. และ 13-14 ธ.ค.

 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย.โดยมาร์กิต

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2514574

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 34.64/66 แข็งค่าจากวานนี้ ขานรับ FED คงดอกเบี้ยตามตลาดคาด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2559 09:13:41 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.64/66 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า

 

 

 

จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.76 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทปรับตัวแข็งค่า หลังจากเมื่อวานผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ

 

(FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม ซึ่งส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ อย่างไรก็

 

ดี การคงดอกเบี้ยในรอบนี้ยังเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

"บาทเช้านี้แข็งค่าขึ้น หลังจากที่ FOMC มีมติคงดอกเบี้ยไว้ตามเดิม จึงทำเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง" นักบริหารเงิน

 

ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า มองกรอบที่ 34.55-34.75 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 100.15 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 101.51 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1190 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 1.1148 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 34.7930 บาท/ดอลลาร์

 

- รมว.คลังปลื้มไอเอ็มเอฟยกเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งสุดในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ติงลงทุนเอกชนยังอืดเล็งออก

 

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังพบสัญญาณอ่อนตัว พร้อมคลอดมาตรการช่วยเหลือคนจน คาดใช้เงินพันล้าน

 

- นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย

 

(ธปท.) ได้เข้าไปดูแลสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นตั้งแต่ต้นปี ด้วยการเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ เข้ามาเป็นเงินทุนสำรอง

 

ระหว่างประเทศทำให้เงินทุน สำรองระหว่างประเทศล่าสุดได้เพิ่มขึ้นจาก 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 180,000 ล้าน

 

ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าว ธปท. อาจไม่ต้องแบกรับภาระขาด

 

ทุน เนื่องจากเมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าลงหากกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ จะทำ

 

ให้ ธปท.ได้กำไรอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น

- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ

 

3 เสียงในการประชุมวันนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี แถลง

 

การณ์ของเฟดได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ โดยระบุว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทาง

 

เศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้น

- นักวิเคราะห์มองว่า แถลงการณ์ของเฟดบ่งชี้การขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งจะเป็นการ

 

ประชุมครั้งสุดท้ายในปีนี้ ขณะที่จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย. เนื่องจากไม่ต้องการส่งผลกระทบก่อนการเลือกตั้ง

 

ประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลัง

 

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อน

 

ค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 100.59 เยน จากระดับ 101.83 เยน ในขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ

 

1.1173 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1161 ดอลลาร์สหรัฐ

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน

 

ของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดเผยของ

 

สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API)

โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 45.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 46.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- นักลงทุนจับตากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซียซึ่งจะจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-

 

28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษา

 

เสถียรภาพของราคาน้ำมัน

- ผู้นำภาคธุรกิจญี่ปุ่นขานรับการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยมองว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่

 

จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ ทั้งนี้ BOJ ตัดสินใจดำเนินนโยบายใหม่ด้วยการกำหนดให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่ที่

 

ระดับ 0% เป็นเป้าหมายใหม่ด้านนโยบาย แทนการซื้อสินทรัพย์จำนวนมากที่ดำเนินการตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและ

 

ผลักดันเงินเฟ้อสู่ระดับ 2%

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่าง

 

งานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ยอดขายบ้านมือสองเดือน

 

ส.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย.โดยมาร์กิต

 

--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2514862

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2559 07:44:02 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 21 ก.ย. 2559

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับแสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดแรงงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ปิดที่ 18,293.70 จุด พุ่งขึ้น 163.74 จุด หรือ +0.90% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,295.18 จุด เพิ่มขึ้น 53.83 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,163.12 จุด เพิ่มขึ้น 23.36 จุด หรือ +1.09%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) ขานรับที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ประกาศให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเป็นเป้าหมายใหม่ด้านนโยบาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนอัตราเงินเฟ้อ

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 342.46 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,409.55 จุด เพิ่มขึ้น 20.95 จุด หรือ +0.48% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,436.49 จุด เพิ่มขึ้น 42.63 จุด หรือ +0.41% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,834.77 จุด เพิ่มขึ้น 3.98 จุด หรือ +0.06%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน โดยตลาดขานรับมติที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ประกาศให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเป็นเป้าหมายใหม่ด้านนโยบาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนอัตราเงินเฟ้อ

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 3.98 จุด หรือ 0.06% แตะที่ 6,834.77 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดเผยของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API)

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 45.34 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 46.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ ผลการประชุมเฟดจะมีการเปิดเผยภายหลังจากที่ตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการแล้ว

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 13.2 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,331.4 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 49.1 เซนต์ หรือ 2.55% ปิดที่ 19.768 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 17 ดอลลาร์ หรือ 1.65% ปิดที่ 1,047.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 683.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 100.59 เยน จากระดับ 101.83 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9759 ฟรังก์ จากระดับ 0.9790 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3159 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3213 ดอลลาร์แคนาดา

 

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1173 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1161 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.2998 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2975 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7600 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7550 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,293.70 จุด เพิ่มขึ้น 163.74 จุด, +0.90%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,295.18 จุด เพิ่มขึ้น 53.83 จุด, +1.03%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,163.12 จุด เพิ่มขึ้น 23.36 จุด, +1.09%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,409.55 จุด เพิ่มขึ้น 20.95 จุด, +0.48%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,436.49 จุด เพิ่มขึ้น 42.63 จุด, +0.41%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,834.77 จุด เพิ่มขึ้น 3.98 จุด, +0.06%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,507.42 จุด ลดลง 15.78 จุด, -0.06%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,658.73 จุด เพิ่มขึ้น 2.95 จุด, +0.18%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,850.74 จุด ลดลง 3.95 จุด, -0.14%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,342.59 จุด เพิ่มขึ้น 40.10 จุด, +0.76%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,669.90 จุด เพิ่มขึ้น 139.04 จุด, +0.59%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,675.42 จุด เพิ่มขึ้น 3.70 จุด, +0.05%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,025.87 จุด เพิ่มขึ้น 2.87 จุด, +0.10%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,035.99 จุด เพิ่มขึ้น 10.28 จุด, +0.51%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,339.60 จุด เพิ่มขึ้น 36.00 จุด, +0.68%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,429.40 จุด เพิ่มขึ้น 32.10 จุด, +0.59%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,807.62 จุด เพิ่มขึ้น 315.47 จุด, +1.91%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,228.50 จุด เพิ่มขึ้น 66.92 จุด, +0.73%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2514576

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดตปท. เล็งรับอานิสงส์จากผลประชุมFED-BOJ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2559 09:08:24 น.

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้า โดยรับอานิสงส์จากผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เมื่อวานนี้มากกว่า ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีการเพิ่มวงเงินในการทำ QE แต่ก็เป็นการให้สัญญาณว่า ได้มีการเปลี่ยนวิธีการ ซึ่งตรงนี้จะทำให้กำไรของบริษัทในญี่ปุ่นไม่แย่ลง

 

นอกจากนี้ ยังตอบรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เมื่อคืนที่ผ่านมาด้วย ที่ผลออกมายังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ ดังนั้นตลาดจึงน่าจะดีในช่วงสั้น แต่ต่อไปอาจจะเจอ Sell on fact ได้ เพราะยังมีการประชุมเฟดในธ.ค.ด้วย

 

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกในสัปดาห์หน้านี้ด้วย เพราะจะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมัน พร้อมให้แนวรับ 1,480-1,477 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500-1,505 จุด

 

 

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

ADVERTISEMENT

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2514849

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

HSHsocial

 

 

YLGResearch

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

 

ทีนิวส์ออนไลน์

 

บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2559 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2559 10:06:55 น.

กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--MTS Gold Group

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่ช่วงตลาดเอเชียที่มีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง โดยราคามารอที่บริเวณ 1,320 เหรียญ และดีดขึ้นไปต่อเมื่อเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยตามเดิมที่ระดับ 0.25% – 0.50% โดยในถ้อยแถลงของเฟดที่สำคัญคือภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯมีความแข็งแกร่งมากขึ้น อย่างไรก็ดีเฟดไม่ได้บอกว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้หรือไม่ ขณะที่คาดการณ์ว่าจีดีพีของสหรัฐฯในปีนี้จะเติบโตน้อยลงจาก 2% เหลือ 1.8% และภาวะเงินเฟ้อก็ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% โดยเฟดคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ไว้ที่ 1.3% ขณะที่ภาคแรงงานมีความแข็งแกร่งมากขึ้น อย่างไรก็ดีในการโหวตพบว่าเสียงเริ่มแตก โดยที่มีเสียงที่ต้องการคัดค้านการคงอัตราดอกเบี้ย 3 คน และประเด็นที่ตอบคำถามนักข่าวก็คือการเลือกตั้งสหรัฐฯอเมริกานั้น จะไม่มีผลในการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ของเฟด โดยใช้เหตุผลว่าเฟดนั้นไม่ได้นำเหตุผลทางด้านการเมืองมาพิจารณา โดยที่การประชุมครั้งถัดไปคือวันที่ 2 พ.ย. ก่อนการเลือกตั้ง 6 วัน เมื่อวานนี้กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำอีก 5.64 ตัน สู่ระดับ 944.39 ตัน ขณะที่เมื่อวานนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนในวันนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญคือยอดขอรับสวัสดิการว่างงานและยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ

 

 

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นโดยเป็นลักษณะ Technical Rebound หลังจากที่ลงมาทดสอบแนวรับด้านล่าง 1,303 เหรียญ ทำให้เกิดสภาวะ Bottom Out และเกิด Triple Bottom ทางด้านล่างบริเวณ 1,303 เหรียญ การที่ราคาเมื่อวานนี้ดีดเหนือ 1,325 เหรียญได้ ส่งผลให้ภาพระยะกลางกลับมาเป็นแนวโน้มทิศทางขาขึ้นตามแนวโน้มระยะสั้น ซึ่งคาดว่าราคาจะสามารถปรับตัวขึ้นไปได้อย่างช้าๆ แนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,355 เหรียญ และแนวรับอยู่ที่ 1,315 เหรียญ

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เป็นการทำกำไรในระยะสั้น พยายามเปิดสถานะ Long เมื่อราคาอ่อนตัว และไม่เปิดสถานะ Short

 

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

เปิดสถานะเมื่อราคาอ่อนตัว และปิดทำกำไรในระยะสั้น

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

หาจังหวะปิดสถานะลดความเสี่ยงเมื่อราคาย่อตัว

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว

Gold Futures V16 จะมีแนวรับที่ระดับ 21,940 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,140 บาท

Gold Futures Z16 จะมีแนวรับที่ระดับ 21,990 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,190 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2515006

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A-2.jpg

 

piya2.jpg

 

1224688483.jpg

 

NationTV22

 

 

รถไฟไทย: ประวัติการกำเนิดกิจการรถไฟไทยใน รัชกาลที่ 5 - YouTube

 

king01_21.jpg

 

king01_40.jpg

 

R8_01.jpg

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช

เสด็จเยี่ยมชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นครั้งแรก ณ สำเพ็ง พระนคร เมื่อ พ.ศ. 2489

 

 

 

๒๐ กันยายน วันนี้วันคล้ายวันพระราชสมภพ ร. ๕ และ ร.๘ - Blog Edu

 

[/u][/url]

 

 

 

 

 

 

รัชกาลที่ 8 ตอนที่ 2 พระราชกรณียกิจ - YouT

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:01 :01 :01

 

สุขภาพดี สมองไว โชคดีหลายๆ สบายใจทุกวันนะคร้าบบ

 

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 34.64/66 แข็งค่าจากวานนี้ ขานรับ FED คงดอกเบี้ยตามตลาดคาด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2559 11:03:46 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.64/66 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า

 

 

 

จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.76 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทปรับตัวแข็งค่า หลังจากเมื่อวานผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ

 

(FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม ซึ่งส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ อย่างไรก็

 

ดี การคงดอกเบี้ยในรอบนี้ยังเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

"บาทเช้านี้แข็งค่าขึ้น หลังจากที่ FOMC มีมติคงดอกเบี้ยไว้ตามเดิม จึงทำเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง" นักบริหารเงิน

 

ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า มองกรอบที่ 34.55-34.75 บาท/ดอลลาร์

 

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 34.6750 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (21 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.31453%

 

ส่วน THAI BAHT FIX 6M (21 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.55576%

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 100.15 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 101.51 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1190 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 1.1148 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 34.7930 บาท/ดอลลาร์

 

- รมว.คลังปลื้มไอเอ็มเอฟยกเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งสุดในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ติงลงทุนเอกชนยังอืดเล็งออก

 

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังพบสัญญาณอ่อนตัว พร้อมคลอดมาตรการช่วยเหลือคนจน คาดใช้เงินพันล้าน

 

- นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย

 

(ธปท.) ได้เข้าไปดูแลสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นตั้งแต่ต้นปี ด้วยการเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ เข้ามาเป็นเงินทุนสำรอง

 

ระหว่างประเทศทำให้เงินทุน สำรองระหว่างประเทศล่าสุดได้เพิ่มขึ้นจาก 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 180,000 ล้าน

 

ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าว ธปท. อาจไม่ต้องแบกรับภาระขาด

 

ทุน เนื่องจากเมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าลงหากกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ จะทำ

 

ให้ ธปท.ได้กำไรอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น

- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ

 

3 เสียงในการประชุมวันนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี แถลง

 

การณ์ของเฟดได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ โดยระบุว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทาง

 

เศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้น

- นักวิเคราะห์มองว่า แถลงการณ์ของเฟดบ่งชี้การขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งจะเป็นการ

 

ประชุมครั้งสุดท้ายในปีนี้ ขณะที่จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย. เนื่องจากไม่ต้องการส่งผลกระทบก่อนการเลือกตั้ง

 

ประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลัง

 

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อน

 

ค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 100.59 เยน จากระดับ 101.83 เยน ในขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ

 

1.1173 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1161 ดอลลาร์สหรัฐ

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน

 

ของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดเผยของ

 

สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API)

โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 45.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 46.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- นักลงทุนจับตากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซียซึ่งจะจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-

 

28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษา

 

เสถียรภาพของราคาน้ำมัน

- ผู้นำภาคธุรกิจญี่ปุ่นขานรับการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยมองว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่

 

จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ ทั้งนี้ BOJ ตัดสินใจดำเนินนโยบายใหม่ด้วยการกำหนดให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่ที่

 

ระดับ 0% เป็นเป้าหมายใหม่ด้านนโยบาย แทนการซื้อสินทรัพย์จำนวนมากที่ดำเนินการตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและ

 

ผลักดันเงินเฟ้อสู่ระดับ 2%

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่าง

 

งานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ยอดขายบ้านมือสองเดือน

 

ส.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย.โดยมาร์กิต

 

--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2515061

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

CLASSIC GOLD GROUP

 

 

 

 

MTS GOLD GROUP

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

ทีนิวส์ออนไลน์

 

 

NationTV22

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...