ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

Analysis: อิตาลีถูกหั่นเครดิตกระทบความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ-การเมืองในปท.

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2554 12:01:01 น.

ข่าวสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลง 1 ขั้นเมื่อวานนี้ ทำให้นักลงทุนในตลาดมีความรู้สึกไม่มั่นใจในเสถียรภาพและสถานะทางการเงินของรัฐบาลอิตาลีเป็นอย่างมาก และยังเพิ่มน้ำหนักให้กับการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจอิตาลีอาจจะย่ำแย่ลงอีก

 

 

 

การลดอันดับความน่าเชื่อถืออิตาลีโดยเอสแอนด์พีนั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อิตาลีกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ผันผวน ขณะเดียวกันปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในอิตาลียังสร้างความวิตกไปทั่วยุโรป รวมทั้งสกุลเงินยูโรที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับค่าเงินหลักๆ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ความยุ่งยากที่เกิดขึ้นในอิตาลีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยูโรโซน จะลุกลามไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค

 

เอสแอนด์พีกล่าวในรายงานเมื่อวานนี้ว่า "แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของอิตาลีกำลังอ่อนแอลง ขณะที่ภาวะเปราะบางของพรรคร่วมรัฐบาลและความคิดเห็นที่แตกต่างด้านนโยบายภายในรัฐสภา จะยังคงจำกัดศักยภาพของรัฐบาลในการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศ

 

นอกจากนี้ เอสแอนด์พีระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เอสแอนด์พีตัดสินใจลดเครดิตของอิตาลีในครั้งนี้มาจาก "การขาดเจตนารมณ์ทางการเมือง" ในการแก้ไขวิกฤติหนี้สาธารณะ และความเป็นไปได้ที่ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวไม่ถึงระดับที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้และปีหน้า

 

หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับเครดิตอิตาลีได้ไม่นาน รัฐบาลอิตาลีก็ออกมาตอบโต้ทันทีว่า การตัดสินใจของเอสแอนด์พีในครั้งนี้มาจากแรงจูงใจทางการเมือง และที่แย่กว่านั้นคือเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อิตาลีพยายามสยบกระแสความตื่นกลัวของนักลงทุนที่ว่า อิตาลีอาจจะผิดนัดชำระหนี้

 

รัฐบาลอิตาลีออกแถลงการณ์ว่า เอสแอนด์พีตัดสินอิตาลีจากรายงานข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ มากกว่าความจริงที่ว่ารัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดมูลค่า 5.4 หมื่นล้านยูโรซึ่งรัฐสภาอิตาลีได้อนุมัติไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะคุมเข้มการใช้จ่ายในอนาคตและจะทำให้งบประมาณของรัฐบาลมีความสมดุลภายในปี 2556

 

"ดูเหมือนว่าการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีจะเป็นการประเมินจากรายงานข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ในท้องถิ่น มากกว่าที่จะประเมินจากข้อมูลที่แท้จริง เห็นได้ชัดว่าบทสรุปของเอสแอนด์พีมีการเมืองแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง" รัฐบาลอิตาลีกล่าว

 

ขณะที่ทางเอสแอนด์พีก็ออกมาตอบโตด้วยแถลงการณ์สั้นๆว่า อันดับความน่าเชื่อที่ให้กับอิตาลีนั้น "ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างแน่นอน"

 

แม้ตลาดหุ้นอิตาลีดีดตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากข่าวความคืบหน้าของกรีซ แต่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ยังคงทำให้เกิดความวิตกกังวลในตลาดการเงินว่า อิตาลีอาจจะเป็นประเทศต่อไปที่จะติดบ่วงแร้วของวิกฤตหนี้ในยุโรป

 

ฆาเวียร์ โนริเอกา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากวาณิชธนกิจฮิลเดอแบรนท์ แอนด์ เฟร์ราร์ กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า "รัฐบาลอิตาลีทำดีที่สุดแล้วที่ออกมาแย้งว่ามีประเด็นการเมืองอยู่เบื้องหลังการลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ แต่นักลงทุนยังคงเชื่อว่าน่าจะมีองค์ประกอบอื่นๆที่อยู่เบื้องหลังการลดอันดับในครั้งนี้"

 

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า เอสแอนด์พีจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงอีกภายใน 12-18 เดือนนี้ หากรัฐบาลอิตาลีไม่สามารถฉุดตัวเลขหนี้สินโดยรวมให้ต่ำลงจากระดับปัจจุบันที่ 120% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงเป็นอันดับ 2 ในสภาพยุโรป (อียู) รองจากกรีซ ซึ่งหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ก็จะทำให้ต้นทุนในการระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรของอิตาลีสูงขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งจะทำให้อิตาลีไม่สามารถดิ้นหลุดจากบ่วงหนี้ได้ในท้ายที่สุด

 

บทวิเคราะห์โดย เอริค เจ ลีแมน จากสำนักข่าวซินหัว

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังครับ คุณ chez ขอให้ร่างกายแข็งแรง มีความสุขมากๆ รวยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดี แสงแดด น้อย deb99

 

ดอลล์ร่วงต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ขณะนลท.คาดเฟดใช้มาตรการผ่อนคลายการเงิน

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2554 12:13:16 น.

เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนชั่วขณะหนึ่งในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้าวันนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมภายหลังการประชุมกำหนดนโยบายเป็นเวลา 2 วัน

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในช่วงเที่ยงวันนี้ เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 76.31 - 76.36 เยน เมื่อเทียบกับระดับ 76.41 - 76.51 เยนในตลาดนิวยอร์ก และ 76.53 - 76.54 เยนในตลาดโตเกียว

 

 

เงินยูโรซื้อขายที่ 1.3713 - 1.3716 ดอลลาร์ และ 104.65 - 104.70 เยน เมื่อเทียบกับระดับ 1.3698 - 1.3708 ดอลลาร์ และ 104.71 - 104.81 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 1.3668 - 1.3670 ดอลลาร์ และ 104.60 - 104.64 เยนในตลาดโตเกียวเมื่อบ่ายวันอังคารที่ผ่านมา

 

เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆหลังจากร่วงลงในช่วงสั้นๆที่ประมาณ 76.10 เยนในกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ในขณะที่นักลงทุนรอผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ที่จะมีขึ้นในคืนวันพุธตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าเฟดจะประกาศมาตรการผ่อนคลายด้านสินเชื่อเพิ่มเติม

 

นักลงทุนคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าเฟดจะประกาศมาตรการกระตุ้น เช่น การเพิ่มอายุการไถ่ถอนพันธบัตรระยะสั้นด้วยพันธบัตรระยะยาว หรือ "operation twist"

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Analysis: จับตาเฟดเข็นมาตรการ Operation Twist กู้ซากศก.ในการประชุมคืนนี้

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2554 13:21:46 น.

นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกต่างจับตาผลการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด โดยการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันและจะเสร็จสิ้นในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่คณะกรรมการเฟดจะใช้มาตรการ "Operation Twist" แทนการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3)

 

 

Operation Twist เป็นมาตรการพิเศษที่มีเป้าหมายที่จะฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ปรับตัวลดลงเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน ซึ่งในทางปฏิบัติก็คือการนำเงินที่ได้จากพันธบัตรที่ครบอายุการไถ่ถอนแล้วนั้น มาลงทุนต่อในพันธบัตรระยะยาว นอกเหนือจากการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว การลดลงของอัตราดอกเบี้ยระยะยาวยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการกู้ยืม และยังทำให้ให้ผู้บริโภคมีความคล่องตัวในการปรับโครงสร้างหนี้สัญญากู้จำนองอีกด้วย

 

อันที่จริง Operation Twist ไม่ใช่มาตรการใหม่ เพราะเฟดเคยนำมาใช้แล้วในช่วงต้นทศวรรษที่ 1960 ซึ่งเป็นยุคที่เพลง Let's Twist Again ของชับบี เชคเกอร์ กำลังโด่งดังสุดขีด ซึ่งในยุคนั้น เฟดได้ปฏิบัติการ twist อัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแบบเดียวกับที่คาดว่าจะดำเนินการในยุคนี้

ทั้งนี้ เฟดกำลังชั่งใจอย่างมากว่าจะตัดสินใจ Operation Twist ในช่วงเวลานี้ดีหรือไม่ เนื่องจากไม่ใช่มาตรการที่นำมาใช้ในภาวะปกติ นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ซึ่งเฟดนำมาใช้เพื่อกระตุ้นการปล่อยกู้ การลงทุน และการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ก็อยู่ระดับใกล้ 0% แล้ว และเฟดก็ได้ใช้มาตรการ QE ไปแล้วถึง 2 ครั้ง จึงทำให้เฟดเหลือทางเลือกไม่มากนักในการกอบกู้เศรษฐกิจสหรัฐให้กลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้ง

 

กระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะใช้มาตรการ Operation Twist นั้น ได้ฉุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 1.95% หลังจากทะยานขึ้นเหนือระดับ 3% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า หากเฟดตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าวจริง ก็จะฉุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลงอีก 0.25% แต่ในทางกลับกัน หากเฟดไม่ประกาศใช้มาตรการนี้ ก็จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

 

นอกเหนือจากมาตรการ Operation Twist นักวิเคราะห์ในตลาดการเงินคาดว่า เฟดอาจจะใช้มาตรการอื่นๆเป็นทางเลือกในการประชุมคืนนี้ด้วย รวมถึงมาตรการ "ซื้อพันธบัตรเพิ่ม" หรือ QE3 แต่ก็มีโอกาสไม่มากนักที่เฟดจะใช้มาตรการดังกล่าว หลังจากที่มาตรการ QE1 และ QE2 ทำให้เฟดถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นสาเหตุของปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลกและทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงน้ำมันและทองคำ พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง

 

ส่วนมาตรการอื่นๆที่คาดว่าเฟดจะนำมาใช้คือการลด หรือ ยกเลิก อัตราดอกเบี้ย 0.25 % ที่เฟดจ่ายให้กับธนาคารพาณิชย์ที่นำเงินสดมาสำรองไว้กับธนาคารกลาง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสูงกว่าดอกเบี้ยอัตรา 0.196% ที่ผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีจะได้รับ โดยเจ้าหน้าที่เฟดที่สนับสนุนมาตรการนี้ให้ความเห็นว่า เฟดไม่ควรจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์ฝากเงินสดไว้กับเฟดเอง แต่ควรจะนำเงินไปปล่อยกู้ให้กับธุรกิจและภาคประชาชน

 

นักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยบราวน์กล่าวว่า กระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะใช้มาตรการ Operation Twist มีขึ้นหลังจากที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดออกแถลงการณ์ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมาว่า การประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนก.ย.นั้น เฟดจะเพิ่มการประชุมเป็น 2 วันจากเดิมที่กำหนดไว้เพียงวันเดียว เพื่อให้คณะกรรมการเฟดมีเวลามากขึ้นในการหารือกันเรื่องทางเลือกต่างๆ

 

แต่หากเฟดไม่มีการประกาศมาตรการใดๆออกมาในการประชุมคืนนี้ ก็อาจจะทำให้ตลาดผิดหวังเป็นอย่างมาก

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

In Focus: จับตาประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็น โอบามาถกประเด็นศก.-ปาเลสไตน์ขอเป็นสมาชิกยูเอ็น

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2554 13:32:18 น.

การประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สมัยที่ 66 เปิดฉากอย่างเป็นทางการที่สำนักงานใหญ่ของยูเอ็นในมหานครนิวยอร์ก เมื่อวันอังคารที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา โดยนายนัสเซอร์ อับดูลาซิส อัล นัสเซอร์ นักการทูตอาวุโสจากกาตาร์ในฐานะประธานการประชุม ระบุว่า การประชุมครั้งนี้มี 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ การแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ การปฏิรูปยูเอ็นเพื่อให้เท่าทันปัญหาทั่วโลกในปัจจุบัน การยกระดับการป้องกันและรับมือภัยพิบัติ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกทั้ง 193 ชาติหันมาร่วมมือกันอย่างจริงจังในการแก้ปัญหาต่างๆ และสำหรับวันที่ 21-27 กันยายนนี้ จะมีการเปิดอภิปรายทั่วไปในหลายประเด็น ซึ่งประเด็นที่น่าจะจับมองมีดังนี้

 

 

 

“โอบามา" เตรียมถกประเด็นเศรษฐกิจกับผู้นำนานาประเทศ

ประเด็นสำคัญที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดและสร้างความวิตกกังวลให้กับทั่วโลกในตอนนี้คงหนีไม่พ้นวิกฤตหนี้สินยูโรโซน ซึ่งเปรียบเหมือนโรคร้ายที่กำลังลุกลามกัดกินไปทั่วร่างกาย และแม้จะรักษาด้วยยาหลายขนานก็ยังไม่หายขาด แต่ก็ต้องพยายามรักษากันต่อไป

 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีการเสนอแนวทางเยียวยาที่จุดประกายความหวังทั่วโลก โดยธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ 5 แห่งของโลก ได้แก่ ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ผนึกกำลังอัดฉีดสภาพคล่องในรูปสกุลเงินดอลลาร์เข้าสู่ภาคธนาคารของยุโรป ด้วยการปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนเป็นเวลา 3 เดือนจนถึงช่วงปลายปีนี้

 

ต่อมารัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประชุมร่วมกันที่ประเทศโปแลนด์เมื่อวันศุกร์ ซึ่งหลายฝ่ายตั้งความหวังว่าจะมีการประกาศแนวทางเยียวยารักษาต่อเนื่อง แต่สุดท้ายกลับมีแค่การแสดงทรรศนะซ้ำๆแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า ผู้นำยุโรปจำเป็นต้องมีความเป็นเอกภาพในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ โดยไม่ได้มีการประกาศมาตรการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด

 

หลังจากนั้นนายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซ ซึ่งเป็นประเทศที่อาการโคม่าสุดและมีแววว่าอาจผิดนัดชำระหนี้ ได้ประกาศยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนสหรัฐและเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นในวันเสาร์ที่ 17 กันยายน เนื่องจากกังวลเรื่องสถานการณ์ความไม่แน่นอนของปัญหาหนี้สินในประเทศ ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าวิกฤตหนี้สินในกรีซรวมถึงยุโรปมีความรุนแรงเพียงใด

 

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ทำเนียบขาวของสหรัฐเผยว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้หารือกันทางโทรศัพท์เกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน และเห็นชอบว่าจำเป็นต้องมีการใช้มาตรการร่วมกันเพื่อจัดการปัญหาในเร็วๆนี้ นับเป็นการหารืออีกครั้งหนึ่งที่ไม่อะไรเป็นรูปธรรม และแทบไม่แตกต่างจากที่เคยพูดหลายครั้งแล้ว

 

ถึงกระนั้นโลกก็ไม่เคยละทิ้งความหวัง โดยล่าสุดทั่วโลกต่างตั้งความหวังไปที่การประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็น โดยในวันนี้ประธานาธิบดีโอบามาจะเดินทางไปยังนิวยอร์กเพื่อร่วมการประชุม และจะหารือกับบรรดาผู้นำจากหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส, นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ และนายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ ของญี่ปุ่น ในประเด็นวิกฤตหนี้สินยุโรปและประเด็นอื่นๆ

 

แม้บทเรียนที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า การหารือน้อยครั้งนักที่จะมีการประกาศมาตรการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ถึงกระนั้นทั่วโลกก็ยังตั้งตารอการพบกันของบรรดาผู้นำในครั้งนี้ และยังหวังว่าจะมีอะไรที่เป็นรูปธรรมแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

 

ถึงเวลา “โนดะ" แสดงจุดยืนเรื่องพลังงานนิวเคลียร์บนเวทีโลก

เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว นายบัน คี มูน เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ ของญี่ปุ่น เปิดเผยรายละเอียดกรณีสารกัมมันตรังสีรั่วไหลจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ไดอิจิ รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ พร้อมกับขอให้ผู้นำญี่ปุ่นนำบทเรียนที่ได้รับมาถ่ายทอดให้กับผู้นำชาติต่างๆ ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในวันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายนนี้

 

นายโนดะที่เพิ่งดำรงตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่นเมื่อปลายเดือนสิงหาคม เคยประกาศว่าสิ่งที่ต้องเร่งทำก่อนเรื่องอื่นๆ คือลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ และฟื้นฟูประเทศหลังประสบวิกฤตนิวเคลียร์ แต่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายโนดะมีนโยบายแตกต่างจากอดีตนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ที่ต้องการลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ โดยในร่างสุนทรพจน์ของนายโนดะระบุว่า เขาจะเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ญี่ปุ่นต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และให้คำมั่นว่าจะรักษาความปลอดภัยในการทำงานระดับสูงสุด พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ รวมทั้งจะพัฒนาและส่งเสริมพลังงานทดแทน แต่ไม่มีการยืนยันว่าจะลดการใช้พลังงานนิวเคลียร์แต่อย่างใด

 

นับตั้งแต่เกิดวิกฤตที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ไดอิจิ ประชาชนชาวญี่ปุ่นต่างหวั่นเกรงและเข็ดขยาดในอานุภาพของนิวเคลียร์ จนบางส่วนออกมาเรียกร้องให้ลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ ขณะที่บางส่วนถึงขั้นเรียกร้องให้เลิกใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างเด็ดขาด โดยล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ชาวญี่ปุ่นกว่า 60,000 ชีวิต ได้ออกมาชุมนุมตามท้องถนนในกรุงโตเกียว เพื่อเรียกร้องให้รัฐทบทวนนโยบายด้านพลังงาน โดยเฉพาะการอาศัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของประชาชน แต่ผู้นำประเทศสวนกลับอย่างเจ็บปวดว่า จะไม่ปิดกั้นการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในอนาคต

 

ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าผู้นำจากหลายชาติในวันพฤหัสบดีนี้ หากผู้นำญี่ปุ่นไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ คะแนนนิยมของนายโนดะในหมู่ชาวญี่ปุ่นอาจดิ่งลงอย่างรวดเร็ว และอนาคตทางการเมืองอาจดับวูบลงได้ง่ายๆ

 

“ปาเลสไตน์" ฝ่าด่านมหาอำนาจ ยื่นขอเป็นสมาชิกยูเอ็น

ประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาส ของปาเลสไตน์ ประกาศกร้าวว่าปาเลสไตน์จะยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอเป็นสมาชิกยูเอ็นลำดับที่ 194 ในวันศุกร์ที่ 23 กันยายนนี้ เพื่อให้ได้รับการยอมรับในฐานะ “รัฐปาเลสไตน์" หลังจากที่ปัญหาความขัดแย้งเรื่องดินแดนระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ดำเนินมาอย่างยาวนานและไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด

 

ประธานาธิบดีอับบาสจะยื่นเรื่องเข้าที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเป็นเวทีแรก ซึ่งหากได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 9 เสียงจาก 15 ชาติสมาชิก โดยไม่มีสมาชิกถาวรประเทศใดใช้สิทธิยับยั้ง หรือ “วีโต้" ปาเลสไตน์ก็จะได้เป็นสมาชิกยูเอ็น แต่โชคร้ายที่สหรัฐซึ่งถือหางอิสราเอล ประกาศว่าจะวีโต้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ปาเลสไตน์ยังสามารถยื่นเรื่องต่อสมัชชาใหญ่ยูเอ็นได้อีกหนึ่งเวที ซึ่งในเวทีนี้ปาเลสไตน์จะขอให้ยูเอ็นรับรองในฐานะ “รัฐผู้สังเกตการณ์ที่ไม่ใช่สมาชิก" (Non-member observer state)

 

หากปาเลสไตน์ได้เป็นสมาชิกยูเอ็นสมปรารถนา ปาเลสไตน์สามารถฟ้องศาลโลกเพื่อให้อิสราเอลมอบดินแดนที่ยึดครองไปคืนให้กับปาเลสไตน์ได้ การเดินเกมรุกของผู้นำปาเลสไตน์จึงถูกต่อต้านอย่างหนักจากอิสราเอล โดยทางอิสราเอลอ้างว่าเป็นการข้ามขั้นตอนที่ระบุว่า การตั้งรัฐเอกราชปาเลสไตน์ต้องเกิดขึ้นหลังทำข้อตกลงสันติภาพกับอิสราเอลแล้วเท่านั้น ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนตันยาฮู ของอิสราเอล เย้ยว่าความพยายามของปาเลสไตน์ไม่มีวันสำเร็จ และปาเลสไตน์ต้องขอรื้อฟื้นการเจรจากับอิสราเอลในที่สุด ทั้งนี้ ผู้นำอิสราเอลจะกล่าวถึงประเด็นนี้ต่อที่ประชุมยูเอ็นในวันที่ 23 กันยายน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ผู้นำปาเลสไตน์จะยื่นเรื่องขอเป็นสมาชิกยูเอ็น

 

นอกจากอิสราเอลแล้ว ปาเลสไตน์ยังต้องท้าชนกับพี่เบิ้มอย่างสหรัฐซึ่งเป็นก้างขวางคอชิ้นโต โดยสหรัฐยืนกระต่ายขาเดียวว่าการเจรจาโดยตรงเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหาความขัดแย้งและนำไปสู่รัฐปาเลสไตน์ที่แท้จริงได้ ทั้งที่เห็นอยู่ว่าการเจรจาโดยตรงตลอด 20 ปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรดีขึ้น ซึ่งการเจรจาล่าสุดหยุดชะงักมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว นอกจากนั้นวุฒิสภาสหรัฐยังยุให้ประธานาธิบดีโอบามาประกาศหนุนอิสราเอลในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อยูเอ็นวันนี้ ตัดหน้าปาเลสไตน์ที่จะยื่นเรื่องในวันศุกร์

 

อย่างไรก็ดี มหาอำนาจขั้วตะวันออกอย่างจีนได้ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนปาเลสไตน์ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ของทางการจีนเตือนว่า หากสหรัฐใช้สิทธิยับยั้งความพยายามของปาเลสไตน์ในการเข้าเป็นสมาชิกยูเอ็น จะยิ่งสร้างความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันประชาคมโลกส่วนใหญ่ก็สนับสนุนการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ โดยการสำรวจความเห็นประชาชน 20,446 คน ใน 19 ประเทศซึ่งจัดทำโดยบีบีซีเผยว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมากถึง 49% เห็นว่ารัฐบาลของตนควรออกเสียงสนับสนุนให้ปาเลสไตน์เป็นสมาชิกยูเอ็น และขณะนี้สมาชิกยูเอ็นราว 127 ประเทศ จากทั้งหมด 193 ประเทศ ยอมรับปาเลสไตน์ในฐานะรัฐอิสระแล้ว

 

ประธานการประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นกล่าวเปิดการประชุมว่า “การประชุมครั้งนี้เปิดโอกาสให้ประชาคมโลกพิสูจน์ว่า เรามีความกล้าหาญ มีสติปัญญา และมีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาอย่างมีความคิดและสร้างสรรค์" เราก็ได้แต่หวังว่าบรรดาผู้นำซึ่งเป็นตัวแทนของชาติต่างๆ จะทำตามและแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมให้ได้ชื่นใจกันเสียที

 

--อินโฟเควสท์ โดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณสำหรับข่าวสารและข้อมูลกราฟของสมาชิก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดี put42 TNT2012 และทุกๆคนจ้า

 

ธนาคารกลางจีนรุกซื้อสกุลเงินต่างชาติมูลค่า $5.91 หมื่นล้านในเดือนส.ค.

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2554 14:54:28 น.

ธนาคารกลางจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ธนาคารกลางได้เข้าซื้อสกุลเงินตราต่างประเทศในเดือนส.ค.ทั้งสิ้น 3.7694 แสนล้าน หยวน (5.91 หมื่นล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 72% จากเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นดัชนีวัดกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าจีน สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 21 กันยายน 2554

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2554 17:08:13 น.

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกลงเหลือ 4% ในปีนี้และปีหน้า จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 4.3% ในปีนี้ และคาดว่าจะขยายตัว 4.5% ในปีหน้า

 

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.5% ในปี 2554 และ 1.8% ในปี 2555 ซึ่งลดลงที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมิ.ย.ว่าจะขยายตัว 2.5% ในปีนี้ และ 2.7% ในปีหน้า

 

 

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงขยายตัวแข็งแกร่งที่ 9.5% ในปี 2554 และ 9.0% ในปี 2555 หลังจากขยายตัว 10.3% ในปี 2553

 

-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัว 2.8% จากปีก่อนในเดือนสิงหาคม นับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในเดือนมีนาคม โดยกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัว

 

-- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะของกรีซ (PDMA) เปิดเผยว่า รัฐบาลกรีซสามารถระดมทุนครั้งล่าสุดได้ 1.625 พันล้านยูโร (2.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากการออกพันธบัตรชุดใหม่อายุ 3 เดือน ด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 4.56% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการประมูลครั้งก่อนที่ 4.5%

 

-- กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศรายงานว่า การขยายตัวของปริมาณการผลิตทองคำเดือนม.ค.-ก.ค.ของจีนชะลอตัวลง แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะยังคงสูงราว 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก็ตาม

 

-- นายเวย์น สวอน รัฐมนตรีคลังออสเตรเลียได้รับรางวัล รัฐมนตรีคลังแห่งปี จากนิตยสารการเงินชั้นนำของอังกฤษ Euromoney ขณะที่นายสวอนกล่าววันนี้ว่า รางวัลดังกล่าวถือเป็นความสำเร็จของคนทั้งประเทศ

 

-- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า พายุไต้ฝุ่นโรคีได้พัดกระหน่ำบนเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในช่วงบ่ายของวันนี้ โดยอิทธิพลลมพายุส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 5 ราย

 

-- ธนาคารกลางจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ธนาคารกลางได้เข้าซื้อสกุลเงินตราต่างประเทศในเดือนส.ค.ทั้งสิ้น 3.7694 แสนล้าน หยวน (5.91 หมื่นล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 72% จากเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นดัชนีวัดกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าจีน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิด 30.44/46 อ่อนค่า คาดประชุมเฟดไม่มีผลกระทบค่าเงิน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2554 17:41:33 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า วันนี้เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 30.44/46 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเมื่อช่วงเช้านี้ที่อยู่ที่ระดับ 30.40/42 บาท/ดอลลาร์

 

"วันนี้เงินบาทลงไปทดสอบแนวรับ 30.40 แต่ไม่ผ่านก็เด้งกลับขึ้นไป เพราะข่าวดียังไม่มีเยอะ แต่แข็งค่าจากการ Take Profit ระยะสั้น...ส่วนผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คืนนี้ ไม่น่าจะมี effect ต่อค่าเงินเท่าไหร่" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงปิดตลาดวันนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 76.31/34 เยน/ดอลลาร์ แข็งค่าลงมาเล็กน้อยจากช่วงเช้าที่อยู่ที่ระดับ 76.38/40 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3676/3680 ดอลลาร์/ยูโร ไม่ค่อยขยับจากช่วงเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.3713/3718 ดอลลาร์/ยูโร

 

ทิศทางเงินบาทวันพรุ่งนี้ นักบริหารเงิน คาดว่าเงินบาทน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบ 30.40-30.50 บาท/ดอลลาร์

 

วันนี้วันพุธ มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศมติการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ย

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 21 กันยายน 2554 โดย YLG

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 21 กันยายน 2554 17:13:38 น.

กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--PRdd

สภาวะตลาดวันที่ 21 กันยายน 2554 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,798.04 — 1,815.39 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV11 อยู่ที่ 26,360 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 26,260 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVV11 อยู่ที่ 1,245 บาท โดยราคาปรับเพิ่มขึ้น 8 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 1,237 บาท

 

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.14 น.ของวันที่ 21/09/11)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 22 กันยายาน 2554

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยในรายงาน "World Economic Outlook" ครั้งล่าสุดว่า เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ "ระยะที่เป็นอันตราย"และได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกลงเหลือ 4% ในปีนี้และปีหน้า แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจทั่วโลกอ่อนแอลง ประกอบกับนักลงทุนยังคงกังวลว่ากรีซจะกู้ยืมเงินจากหน่วยงานระหว่างประเทศได้หรือไม่ แต่ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามคุณสมบัติสินทรัพย์ปลอดภัยเหมือนเคย อย่างไรก็ตามวายแอลจีอยากแนะนำว่า ควรติดตามประเด็นการเคลื่อนย้ายเงิน ว่าจะไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยแหล่งใด เพราะในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนต่างขายทองคำออกมาโดยมีสาเหตุมาจากการแกว่งตัวอย่างมากของราคาทองคำ นักลงทุนเลือกที่จะถือเงินสดเพื่อรอดูสถานการณ์ ทำให้เชื่อได้ว่าหากไม่มีปัจจัยหนุนราคาทองคำอย่างแข็งแกร่ง การขยับขึ้นของราคาทองคำคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า ซึ่งการปรับตัวขึ้นได้มากเพียงใดหรือนานเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของเศรษฐกิจโลก ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

กลยุทธ์การลงทุนวายแอลจี มีมุมมองว่าสำหรับนักลงทุนที่รอจังหวะเข้าซื้อหากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,777 หรือ 1,752 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือบริเวณแนวต้าน 1,836 หรือ 1,845 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับ 1,752 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอซื้อในบริเวณ1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากหลุดบริเวณนี้จำเป็นต้องตัดขาดทุน สำหรับนักลงทุนที่มีทองคำในมือ แนะนำให้ปิดสถานะทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นหรือบริเวณแนวต้าน 1,836 หรือ 1,845 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,777 (25,610 บาท) 1,752 (25,250 บาท) 1,735 (25,000 บาท)

แนวต้าน 1,836 (26,470 บาท) 1,845 (26,590 บาท) 1,860 (26,810 บาท)

GOLD FUTURES (GFV11)

แนวรับ 1,777 (25,910 บาท) 1,752 (25,550 บาท) 1,735 (25,300 บาท)

แนวต้าน 1,836 (26,770 บาท) 1,845 (26,890 บาท) 1,860 (27,110 บาท)

SILVER FUTURES (SVV11)

แนวรับ 38.60 (1,188 บาท) 38.04 (1,170 บาท) 37.53 (1,155 บาท)

แนวต้าน 41.43 (1,274 บาท) 41.80 (1,285 บาท) 42.22 (1,298 บาท)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+1 krub Ginger Moddang :lol:

ถูกแก้ไข โดย news

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มดแดง เป็นไงบ้าง

 

news thanks goldofcourse nuchaba raty TNT2012 madam Aiya bbeem goldgold beam Mr.Li v.sun หนูอร ทองก้อน น้อย

 

ตังเม..... .... :)

 

ฝนตกแล้ว

 

ค่ำวันหนึ่งหลังจากดื่มกับกลุ่มเพื่อน พวกเราแวะหาอะไรทานข้างทางก่อนถึงที่พัก

เราได้ที่นั่งบนทางเดินริมถนน ไม่มีหลังคา หลังจากอาหารมาเสิร์ฟ ฝนก็โปรยลงมา

เพื่อนผมมคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า "ฝนตกแล้ว รีบกินเร็ว" ผมเงยหน้า แล้วอ้าปากทันที

Submitted by เกียรติสกุล วัชรินทร์ยานนท์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอังกฤษเดือนส.ค.ร่วง เหตุปชช.มีมุมมองในแง่ลบต่อแนวโน้มศก.

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 กันยายน 2554 17:03:20 น.

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษเดือนส.ค.ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากชาวอังกฤษมีมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในแง่ลบเพิ่มมากขึ้น

 

เนชั่นไวด์ บิลดิ้ง โซไซตี้เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลง 1 จุดจากเดือนก่อนหน้านี้มาอยู่ที่ 48 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ส่วนดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจในอนาคตช่วง 6 เดือนข้างหน้าลดลง 1 จุด สู่ระดับ 65 จุด

 

 

 

รายงานในวันนี้บ่งชี้ว่าชาวอังกฤษมีมุมมองในแง่ลบมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยในเดือนที่แล้ว โดยพวกเขาคาดว่าราคาบ้านจะลดลง 1.3% ใน 6 เดือนข้างหน้า เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.4% ในเดือนก.ค.

 

เนชั่นไวด์เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอ่อนตัวลงอีกในเดือนส.ค.มาจากการที่อังกฤษเผชิญกับเหตุจลาจลที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1980s รวมทั้งวิกฤตหนี้ยุโรปที่จุดชนวนความวุ่นวายในตลาดการเงิน

 

นายโรเบิร์ต การ์ดเนอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเนชั่นไวด์กล่าวว่า ในแง่ของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจนั้นอาจสะท้อนถึงภาวะความเชื่อมั่นที่ซบเซามากกว่าภาวะฟื้นตัวในภาคครัวเรือน ซึ่งความเชื่อมั่นมีแนวโน้มว่าจะยังคงอ่อนแอในระยะนี้ ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเผชิญกับความท้าทาย

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...