ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ญี่ปุ่นเผยทุนสำรองต่างประเทศเดือนม.ค.พุ่งทำนิวไฮ หลังมูลค่าบอนด์-ทองคำเพิ่มขึ้น

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 12:19:56 น.

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นในเดือนม.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.30667 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากมูลค่าของพันธบัตรสหรัฐและทองคำที่ญี่ปุ่นถือครองอยู่นั้น ปรับตัวสูงขึ้น

รายงานของกระทรวงระบุว่า ทรัพย์สินในทุนสำรองต่างประเทศของญี่ปุ่น ซึ่งมีมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีนนั้น ขยายตัว 0.8% จากเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน

ทั้งนี้ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นประกอบไปด้วยหลักทรัพย์และเงินฝากในรูปสกุลเงินต่างประเทศ ทองคำ และสกุลเงิน SDR ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กลุ่มแท็กซี่จ่อฟ้องนายกฯ-ครม.บริหาร NGV-LPG ผิดพลาด blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กุมภาพันธ์ 2555 13:26 น.

 

Share

blank.gif นายสมบุญ จรรยาเลิศ ประธานกลุ่มปกป้องสิทธิ์คนขับรถแท็กซี่ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มฯ เตรียมยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทรงพลังงาน กระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองภายในสัปดาห์หน้า หลังปล่อยให้ราคา NGV และ LPG ปรับตัวขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา

ประธานกลุ่มฯ ระบุว่า นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีบริหารจัดการผิดพลาดในการแก้ปัญหาด้วยการขึ้นราคา NGV และ LPG ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีวางแผนบริหารจัดการปัญหาราคาพลังงานได้ถูกต้องตรงจุด ไม่จำเป็นต้องออกโครงการบัตรพลังงานให้กลุ่มแท็กซี่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ไม่มีการวางแผนจัดการที่ดีพอ

ทั้งนี้ ทางกลุ่มยังเห็นว่า นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจากการออกกฎให้กระทรวงคมนาคมสั่งให้รถแท็กซี่เปลี่ยนมาใช้ NGV ทั้งหมด ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า คำสั่งดังกล่าวไม่โปร่งใส เนื่องจากกรมการขนส่งทางบกตั้งเงื่อนไขว่า เจ้าของรถที่ต้องเปลี่ยนระบบต้องนำรถไปตรวจสอบสภาพกับบริษัทเอกชน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายปีละ 400 บาท ทำให้ทางกลุ่มตัดสินใจยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

EU-IMF บีบกรีซรับความช่วยเหลือการเงิน blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กุมภาพันธ์ 2555 13:14 น.

 

Share

blank.gif รัฐมนตรีคลังของกรีซ เผยหลังหารือกับสหภาพยุโรป หรือ อียู กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ และธนาคารกลางยุโรป ว่ากรีซต้องเร่งพิจารณาเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจากอียูและไอเอ็มเอฟ จำนวน 5.1 ล้านล้านบาท ขณะที่นายกรัฐมนตรีจี้กรีซตัดสินใจโดยด่วน ในการยอมรับความช่วยเหลือ แต่กรีซกลับเลื่อนการเอาแต่ใจออกไปเรื่อยๆ เพราะรัฐบาลผสมยังตกลงกันไม่ได้

ล่าสุด กรีซประกาศยกเลิกจ้างพนักงานรัฐ 15,000 ตำแหน่ง เป็นสัญญาณการรัดเข็มขัดใหม่ หลังจากพนักงานของรัฐได้รับการปกป้องมานาน และไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน ขณะที่พนักงานบริษัทเอกชนต้องตกงานเป็นจำนวนมาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลวิจัยพบช่องโหว่กองทุนทองคำมีความเสี่ยงสูงหากอ้างอิงราคาจากตลาดสิงคโปร์ blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กุมภาพันธ์ 2555 11:27 น.

 

Share

blank.gif blank.gif 555000001795301.JPEG blank.gif ASTV ผู้จัดการรายวัน - สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยผลวิจัยชี้ชัดนักลงทุนในกองทุนเปิดทองคำของไทยมีความเสี่ยงสูง ระบุมีช่องโหว่จากการอ้างอิงราคากองทุนทองคำสิงคโปร์ (SPDR GLD 10US$) แนะก.ล.ต.รักษาผลประโยชน์นักลงทุนทองคำในไทย เผยหากราคายังถูกบิดเบือนได้ง่ายจะทำให้การดำเนินงานของกองทุนโดยรวมตกต่ำและสร้างความเสียหายแก่ผู้ลงทุนทุกคน เตรียมจัดสัมมนาฟรี “กองทุนใดไร้ความเสี่ยงและเร่งรักษาผลประโยชน์นักลงทุนไทย)

 

ผศ.ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีกองทุนเปิดทองคำในไทยทั้งแบบสำรองเลี้ยงชีพ(RMF)และแบบปกติ นำเงินกองทุนไปลงทุนในกองทุน ETF ทองคำที่สิงคโปร์ จากการวิจัยของสถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ แห่งจุฬาฯ พบว่าที่ผ่านมานักลงทุนในกองทุนเปิดทองคำของไทย ได้เผชิญกับปัญหาเรื่องความไม่ยุติธรรมต่อผู้ที่ซื้อขายหน่วยลงทุน เนื่องจากมีช่องโหว่ที่ทำให้เกิดกำไรแบบไร้ความเสี่ยง (arbitrage) โดยเฉพาะถ้ากองทุนเปิดทองคำในไทยกองใดมีกลุ่มคนที่คอยทำกำไร ก็สามารถดำเนินการทำให้ราคาปิดจากตลาดสิงคโปร์สูงแบบผิดปรกติ ส่งผลให้การดำเนินงานของกองทุนโดยรวมตกต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่ผู้ลงทุน ปัญหานี้เกิดจากการที่กองทุนเปิดทองคำในไทยใช้ราคาที่ถูกบิดเบือนมากำหนดราคาซื้อขายหน่วยลงทุน

 

ทั้งนี้ หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงวีธีการกำหนดราคาซื้อขายของกองทุนเปิดทองคำจาก บลจ. ต่างๆ นักลงทุนก็ยังไม่ควรลงทุนในกองทุนเปิดทองคำที่อ้างอิงกับราคาปิดของกองทุนทองคำสิงคโปร์ เพราะมีความเสี่ยงของราคาที่ผิดปกติ หรืออาจได้รับความเสียหายถ้ามีกลุ่มนักทำราคาดำเนินการอยู่

 

ในเรื่องเดียวกันนี้ ดร.ชนวีร์ สุภัทรเกียรติ นักวิจัยและอาจารย์ประจำสถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ ในฐานะผู้วิจัยและค้นพบช่องโหว่จากการอ้างอิงราคาปิดของกองทุนทองคำในประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยถึงราคาซื้อขายของกองทุนทองคำสิงคโปร์ (SPDR GLD 10US$) ในวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมาว่า ตลอดทั้งวันการซื้อขายอยู่ในช่วง $151- $152 จนตลาดปิด แต่ราคาปิดของวันดังกล่าวกลับก้าวกระโดดไปอยู่ที่ $165.99 เมื่อตรวจสอบไปที่ตลาดทองคำโลก (London และHong Kong) พบว่าไม่มีการกระโดดของราคาในลักษณะนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น และเมื่อตรวจสอบไปที่กองทุนทองคำสิงคโปร์ทางบริษัทจัดการของกองทุนได้แจ้งว่าราคาชี้แนะตามมูลค่ากองทุน (indicative price) ณ เวลานั้นคือ $151.694 ซึ่งเป็นราคาที่คำนวณจากปริมาณทองคำที่กองทุนถืออยู่และราคาทองคำที่ซื้อขายกันในตลาดทองคำโลก (gold spot market) เพื่อใช้เป็นตัวบอกถึงมูลค่าของกองทุน ณ ขณะนั้น และทางบริษัทจัดการก็ยอมรับว่าราคาปิดดังกล่าวสูงเกินราคาชี้แนะตามมูลค่ากองทุนไปถึง 9.42%

 

“หากผู้ลงทุนในกองทุนเปิดทองคำทั้งแบบสำรองเลี้ยงชีพ(RMF)และแบบปกติ ไปเอาราคาปิดที่สูงผิดปกติจากสิงคโปร์ มาใช้กำหนดมูลค่าของหน่วยลงทุนในไทย หรือ Net Asset Value (NAV) จึงทำให้ผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนทองคำวันนั้นซื้อในราคาที่สูงเกินไป 9.42% ในขณะที่ผู้ที่ขายวันนั้นก็ได้ราคาที่ดีกว่าปกติถึง 9.42% เช่นกัน ปัจจุบันมีกองทุนเปิดของไทยหลายแห่งที่อ้างอิงราคากองทุนทองคำสิงคโปร์ (SPDR GLD 10US$) และเอาราคาที่ผิดปกตินั้นมากำหนดราคาซื้อขายของหน่วยลงทุน” ดร.ชนวีร์กล่าวและเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การอ้างอิงราคาที่สูงเกินไปทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมต่อผู้ซื้อขายหน่วยลงทุน และมีความเสี่ยงที่ซื้อในราคาสูงกว่าราคาตลาดหรือขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด

 

นอกจากนี้แล้วปัญหาดังกล่าวยังเป็นช่องโหว่ให้มีการทำกำไรโดยไม่มีความเสี่ยง (arbitrage) อาจมีคนบางกลุ่มใช้เงินทุ่มซื้อเพื่อทำราคาปิดให้สูงในช่วงปิดตลาดอย่างจงใจ เพื่อให้กลุ่มตนเองสามารถซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทองคำในไทยได้ในราคาที่ต่ำเกินจริงหรือขายในราคาที่สูงเกินจริง ทั้งนี้ สาเหตุของปัญหาดังกล่าวเกิดจากการที่กองทุนเปิดทองคำในไทยอ้างอิงราคาปิดของตลาดในสิงคโปร์ที่สามารถถูกบิดเบือน (manipulate) ได้ง่าย มากำหนดเป็นมูลค่าราคาซื้อขายหน่วยลงทุน

อย่างไรก็ตาม แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดที่สุดก็คือ การเปลี่ยนมาใช้ตัวเลขอื่นที่ไม่สามารถถูกบิดเบือนได้ง่าย เช่น เปลี่ยนมาใช้ราคาเฉลี่ยในช่วง 15-30 นาทีสุดท้ายแทน หรือใช้ราคาชี้แนะตามมูลค่าลงทุน indicative NAV ของกองทุนทองคำสิงคโปร์แทน รวมทั้งใช้ราคาที่เป็นดัชนีคำนวณจากราคาทองคำจากต่าง ๆ ตลาดทั่วโลก

 

ขณะนี้สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและได้แจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งขณะนี้ทาง ก.ล.ต. และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กำลังพิจารณาออกมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่สิ่งที่น่าสนใจจากนี้ไปก็คือ จะมีมาตรการใดที่จะช่วยรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน ที่สำคัญนักลงทุนควรทำอย่างไรหากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการกำหนดราคาที่ใช้อ้างอิง และมีกองทุนใดในประเทศไทยบ้างที่อ้างอิงตลาดสิงคโปร์และมีความเสี่ยงอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งควรจะลงทุนกับกองทุนใดที่ไร้ความเสี่ยง ทางออกในเรื่องนี้ ศศินทร์เตรียมจัดงาน “Sasin Faculty Research Forum” เพื่อถกถึงปัญหาดังกล่าว ในวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555 ระหว่างเวลา 13.30 น - 15.00 น. ณ ห้อง 502 ชั้น 5 สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งงานนี้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจทั่วไปรับฟังฟรี สำรองที่นั่งและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0-2216-8333#210 หรือ ที่เวปไซด์ www.sasin.edu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การเงิน - การลงทุน

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 16:22

ธปท.ประกาศ9เม.ย.วันหยุดพิเศษธนาคาร

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไล

ธปท.ประกาศให้วันที่ 9 เม.ย.เป็นวันหยุดกรณีพิเศษเพิ่มเติมของธนาคาร เนื่องในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ

 

นาย

ประสาร ไตรรัตน์วรกุล

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (

ธปท.

) ออกประกาศให้สถาบันการเงิน หรือธนาคารพาณิชย์ สามารถหยุดทำการเพิ่มเติมได้เป็นกรณีพิเศษ ในวันจันทร์ที่ 9 เม.ย.2555 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 ม.ค.2555 ที่กำหนดให้วันที่ 9 เม.ย.2555 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ เนื่องในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และขอความร่วมมือประชาชนไว้ทุกข์โดยทั่วกันระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.2555

ทั้งนี้ การประกาศวันหยุดสถาบันการเงินพิเศษเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ มีผลให้ธนาคารพาณิชย์ปิดทำการต่อเนื่องกัน 3 วัน คือ วันที่ 7- 9 เม.ย.

สำหรับสาเหตุที่

ธปท.กำหนดให้วันที่ 9 เป็นวันวันหยุดเพิ่มเติมอีก 1 วันต่อจากวันเสาร์ที่ 7 เม.ย.และอาทิตย์ที่ 8 เม.ย.จากที่ธนาคารพาณิชย์หยุดตามปกติอยู่แล้ว เนื่องจากไม่ให้ขัดหลักประเพณีปฏิบัติ และเพื่อให้ประชาชนได้ร่วมถวายความไว้อาลัยและแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Asia Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 15:57:30 น.

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง หลังจากที่ธนาคารกลางออสเตรเลียได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่จะระดับเดม

ดัชนี S&P/ASX 200 อ่อนตัว 21.79 จุด หรือ 0.5% ปิดที่ 4,274.20 จุด

 

-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหลักทรัพย์ลาวปิดทรงตัวในวันนี้

ดัชนี LSX Composite Index ปิดทรงตัวที่ระดับ 909.31 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 3,076 หุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 18 ล้านกีบ (ราว 2,200 ดอลลาร์สหรัฐ)

 

-- ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปิดขยับขึ้นในวันนี้ โดยเป็นการปิดในแดนบวกเป็นวันที่ 9 ในรอบ 10 วันทำการที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หุ้นเอชทีซีที่ร่วงลงได้จำกัดช่วงบวก หลังบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนปรับลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาสแรก

ดัชนีเวทเต็ดปรับตัวขึ้น 19.46 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 7,707.44 จุด

 

-- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดขยับลงในวันนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ขณะที่การเจรจาในเรื่องการปฏิรูปการคลังซึ่งจำเป็นต่อการช่วยให้กรีซสามารถเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้นั้น ยืดเยื้อออกไปอีก

ดัชนีนิกเกอิปิดลบ 11.68 จุด หรือ 0.13% แตะที่ 8,917.52 จุด

 

-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ จากแรงซื้อโดยนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งสวนทางตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียที่ปรับตัวลง เพราะความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาหนี้กรีซ

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปรับตัวขึ้น 8.46 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 1,981.59 จุด มีปริมาณการซื้อขายหนาแน่น 532.5 ล้านหุ้น มูลค่า 6.50 ล้านล้านวอน (5.81 พันล้านดอลลาร์) โดยมีหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตรา 447 ต่อ 393

 

-- ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามขยับขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคผันผวน อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติหนี้สินในยุโรป หลังการเจรจาเรื่องการปฏิรูปการคลังของกรีซต้องเลื่อนออกไป

ดัชนี VN ลบ 1.35 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 401.08 จุด

 

-- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้ร่วงลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า การขยายตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมของจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงในไตรมาสนี้

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วง 39.23 จุด หรือ 1.68% ปิดที่ 2,291.90 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นร่วง 181.93 จุด หรือ 1.93% ปิดที่ 9,266.71 จุด

 

-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวลดลงในวันนี้ โดยได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้นจีนที่ร่วงลง หลังนักลงทุนไม่เชื่อว่าธนาคารกลางจีนจะลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในอนาคตอันใกล้นี้

ดัชนีฮั่งเส็งลบ 10.75 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 20,699.19 จุด หลังจากเคลื่อนไหวระหว่าง 20,649.27-20,881.85 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 6.142 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 7.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับคุณnews,คุณginger,คุณbmw2770,คุณย่าหยา

สวัสดีครับพีมดแดง,คุณbaskie30และพี่ๆเพื่อนๆทุกท่านครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยูโรแข็งค่าขึ้น 0.2% เทียบดอลล์ ขณะกรีซใกล้สรุปแผนรัดเข็มขัด

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 22:25:22 น.

เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.2% เมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 1.3159 ดอลลาร์ต่อยูโร ณ เวลา 8:49 น.ตามเวลานิวยอร์ก ในวันนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้อ่อนค่าลง 0.3%

นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่น ยูโรยังแข็งค่าขึ้นมา 0.4% มาอยู่ที่ 100.87 เยนต่อยูโร

ขณะเดียวกัน เงินเยนอ่อนค่าลง 0.3% มาอยู่ที่ 76.81 เยนต่อดอลลาร์ หลังจากที่ร่วงต่ำสุดลงไปแตะ 76.83 ดอลลาร์ต่อเยน ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.เป็นต้นมา

ทั้งนี้ นายลูคัส ปาปาเดมอส นายกรัฐมนตรีกรีซได้เตรียมหารือกับผู้นำพรรคการเมือง โดยหวังว่าการผลักดันมาตรการรัดเข็มขัดครั้งล่าสุดจะทำให้ประเทศได้รับเงินกู้ช่วยเหลือก้อนใหม่มูลค่า 1.30 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 1.70 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการนำพาประเทศเข้าสู่ภาวะล้มละลาย จากเหตุผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งกรีซมีกำหนดชำระหนี้ 1.45 หมื่นล้านยูโร (1.85 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการไถ่ถอนพันธบัตร วันที่ 20 มี.ค.นี้

เจ้าหน้าที่รัฐบาลกรีซรายหนึ่งกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลกรีซกำลังเตรียมจัดทำร่างเอกสารขั้นสุดท้ายที่จะมีการหารือกันในการประชุมของผู้นำทางการเมืองในวันนี้ โดยประเด็นในเอกสารดังกล่าวจะรวมถึงงบประมาณและมาตรการเชิงโครงสร้างที่จำเป็นในการที่จะรับความช่วยเหลือทางการเงินระหว่างประเทศ

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปาริชาติ ชื่นชม/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จนท.อียูยันยูโรโซนไม่ล่มสลาย หากกรีซต้องถอนตัว

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 21:57:39 น.

นางนีลี โครเอส สมาชิกคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ De Volkskrant ของเนเธอร์แลนด์ว่า หากกรีซจำต้องออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มยูโรโซนก็จะไม่ได้ส่งผลร้ายแรงถึงขั้นต้องยุบกลุ่มสกุลเงินดังกล่าวนี้แต่อย่างใด

“มีการพูดกันอยู่เสมอว่า หากปล่อยให้ชาติหนึ่งถอนตัว หรือขอร้องให้ชาติใดออกจากกลุ่มไป โครงสร้างทั้งหมดจะพังทลาย แต่นั่นไม่จริงเลย"

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พรรคร่วมรัฐบาลได้หารือครั้งสำคัญเป็นครั้งแรกในประเด็นมาตรการรัดเข็มขัดและการปฏิรูปการคลัง ก่อนที่การหารือรอบ 2 ระหว่างนายลูคัส ปาปาเดมอส นายกรัฐมนตรี กับบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลกรีซ จะเลื่อนมาเป็นวันนี้ เพื่อรอนายกฯกรีซเสร็จสิ้นการเจรจาร่วมกับฝ่ายตรวจสอบหนี้สินของสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

สำหรับผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลนั้นได้มีมติเห็นชอบมาตรการหั่นลดงบประมาณลงอีก 1.5% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือคิดเป็นเงิน 3.3 พันล้านยูโร พร้อมกับหั่นลดค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนที่เป็นเงินค่าจ้างและส่วนอื่นๆ และเพิ่มทุนให้กับธนาคารด้วย แต่ยังต้องมีการหารือในรายละเอียด

ทั้งนี้ กรีซได้เผชิญแรงกดดันจากผู้นำในยุโรปเกี่ยวกับการจัดการปัญหาหนี้สินที่เรื้อรัง โดยนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลกรีซ "แสดงความรับผิดชอบ" และเร่งสรุปการเจรจาเกี่ยวกับการรับความช่วยเหลือรอบที่ 2

นายซาร์โกซีกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนร่วมกับนางแมร์เคลว่า ผู้นำของกรีซจะต้องแสดงความรับผิดชอบ และการจะรับเงินช่วยเหลือรอบใหม่ได้นั้น กรีซจะต้องปรับลดหนี้สินลงให้ได้เสียก่อน

เมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะของกรีซพุ่งขึ้นสู่ระดับ 159.1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2554 เพิ่มขึ้นจากระดับ 154.7% ของจีดีพี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มยูโรโซน และสะท้อนให้เห็นว่ากรีซยังคงเผชิญกับภาระหนี้สินมูลค่ามหาศาล แม้รัฐบาลพยายามลดการใช้จ่ายลงจำนวนมากก็ตาม

ทางด้านสหภาพแรงงานภาคเอกชนของกรีซได้เริ่มการผละงานในวันนี้ เพื่อประท้วงการรัดเข็มขัดและการปฏิรูปตามข้อกำหนดของกลุ่มผู้ปล่อยกู้ระหว่างประเทศเพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางการเงินรอบใหม่สำหรับกรีซ

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปาริชาติ ชื่นชม/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯกรีซเตรียมถกนักการเมืองประเด็นแผนรัดเข็มขัดแลกเงินช่วยหลือรอบใหม่

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 21:43:17 น.

ผู้นำพรรคการเมือง 3 พรรคของกรีซเตรียมหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีลูคัส ปาปาเดมอส เพื่อหาบทสรุปมาตรการหั่นลดค่าใช้จ่ายขั้นเด็ดขาด อาทิ การปรับลดเงินเดือนและแก้ปัญหาการว่างงาน ตามข้อเรียกร้องของเจ้าหนี้

ประเทศเจ้าหนี้ในกลุ่มยูโรโซนและกองทุนการเงินระหว่างประเทศต้องการให้กรีซดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดอย่างเด็ดขาด เพื่อแลกกับเงินกู้ช่วยเหลือก้อนใหม่มูลค่า 1.30 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 1.70 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการนำพาประเทศเข้าสู่ภาวะล้มละลาย จากเหตุผิดนัดชำระหนี้

กรีซจะถึงกำหนดต้องชำระหนี้ 1.45 หมื่นล้านยูโร (1.85 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ 20 มี.ค.นี้

นอกจากนี้ กรีซยังยังมีการเจรจากับธนาคารและผู้ถือพันธบัตรในภาคเอกชนรายอื่นๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระหนี้ของกรีซ ลงราว 1 แสนล้านยูโร ซึ่งจะเป็นการลดหนี้ลงจาก 160% ของจีดีพี สู่ระดับ 120% ภายในปี 2563

อย่างไรก็ดี มาตรการรัดเข็มขัดทำให้กรีซต้องเผชิญความกดดันจากสาธารณชน โดยประชาชนจำนวนมากได้ออกมาประท้วงแสดงความไม่พอใจตามท้องถนนในกรุงเอเธนส์

ทั้งนี้ การหารือของผู้นำพรรคการเมืองดังกล่าวจะมีขึ้น หลังจากที่เมื่อวานนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีกรีซเปิดเผยว่า การเจรจาเรื่องมาตรการรัดเข็มขัดและการปฏิรูปการคลังระหว่างนายปาปาเดมอส นายกรัฐมนตรี กับบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลกรีซ จะเลื่อนมาเป็นวันนี้ จากเดิมที่มีกำหนดหารือกันเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปาริชาติ ชื่นชม/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...