ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

 

เข้า web ก็ง่ายกว่าเพราะมันเล่น flash ได้ (ได้ทุก web ส่วน ipad ถ้าเจอ flash ตรงนั้นมันจะนิ่งหรือ โบ๋ๆ) แต่ความลื่น ipad ดีกว่าครับ

 

 

อุตส่าห์เอนใจไป ipad 2 แล้วนะ ถ้าเข้าเวปไม่ไ้ด้ ใช่พวกเวปทอง ที่เราดู ๆ กันหรือเปล่าคะ ไม่กระจ่างคำว่า flash พอจะอธิบายแบบเห็นภาพได้ไหม ไม่เอาแบบข้อมูลนะ biggrin.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณปุย

ตังเมอยู่ราชบุรีค่ะ

ไม่รู้ว่า 3 g ใช้ได้หรือเปล่า ไม่รู้จะถามใครเหมือนกัน แต่คิดว่าใช้ไม่ได้

งบประมาณไม่เกิน 2 หมื่น ขอบคุณล่วงหน้าคะ :lol:

 

ราชบุรี 3 g ยังใช้ไม่ได้ค่ะ คุณตังเม แต่ถ้าจะซื้อเตรียมไว้รองรับ ก็ไม่เสียหายอะไร เพิ่มเงินนิดหน่อย

ทุกวันนี้ใช้ 3 g อยู่ เร็วกว่า edge เยอะเลยค่ะ

choice ตอนนี้ ถ้างบไม่เกิน 20,000

ก็น่าจะ galaxy s 2 ราว 19,***

แต่ถ้า galaxy tab 7 "wifi 9,900 บาท ถ้า 3 G + wifi 14,900

แต่ถ้าจะ I PAD 2 ใหญ่ และลื่นปรื๊ด ก็งบเกิน 20,000 หรือจะเอาแค่ 16 gb จำราคาไม่ได้แล้ว เพราะตัวที่เค้าดู 64 gb 25900 น่ะ ไว้ดึก ๆ นะคะมีให้เปรียบเทียบ

 

<div><br></div>

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

VDO เปรียบเทียบ Galaxy Tab 10.1 กับ iPad 2 ใครแน่กว่ามาพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง

 

 

เปรียบเทียบระหว่าง IPad 2 VS I Phone 4

http://www.imaicafe....-2-vs-iphone-4/www.imaicafe.com

 

เปรียบเทียบระหว่าง IPad 2 VS Samsung Galaxy Tab 7"

www.youtube.com

 

preview Tab 7"

 

 

 

http://www.youtube.com/watch?v=tAbsmHMAhrQ&feature=player_embedded

 

เปรียบเทียบระหว่าง iPad กับ Galaxy Tab ดูกันหน่อยดีกว่า

 

1. เรื่องของขนาด

 

Apple iPad มีขนาด 242.8 x 189.7 x 13.4mm และน้ำหนัก 680g

Samsung Galaxy tab มีขนาด 190.09 x 120.45 x 11.98mm และน้ำหนัก 380g

 

2. CPU การทำงานเครื่องทั้งสองใช้ความเร็ว 1GHz เท่ากัน

 

โดย Galaxy Tab ใช้ ARM Cortex A8-based 'Hummingbird' processorส่วน iPad จะใช้ A4 chip

ซึ่งเรื่องความเร็วดูแล้วไม่แตกต่างกันมากหากเทียบจากใน VDO แต่เรื่องของระบบปฎิบัติการของเครื่องทั้งสองนั้นใช้กันคนละแบบทำให้มันคงเปรียบเทียบกันได้ยาก เพราะ Samsung Galaxy Tab จะใช้ Andriod เวอร์ชั่น 2.2 ส่วน iPad เองก็ประกาศมาแล้วว่าจะให้อัพเกรดเป็น iOS4 ซึ่งมาพร้อมกับลูกเล่นใหม่ๆเช่น Game Center, TV rentals, iTunes Ping และ AirPlay wireless streaming

 

3. หน้าจอ

 

Apple iPad ใช้จอแบบ touch-sensitive IPS display ในขนาดหน้าจอที่ 9.7 นิ้ว 768 x 1,024 pixels. ส่วน Galaxy Tab ใช้จอขนาด 7 นิ้ว 600 x 1,024 pixels

 

4. การทำงาน Flash

 

สิ่งที่สำคัญที่เป็นจัยใจที่ทำให้หลายๆคนต้อง เทใจให้กับ Galaxy Tab ก็คือเรื่องของการรองรับการทำงานของ Flash เพราะมันรองรับ Flash 10.1 ซึ่งแม้ว่า Apple จะออกมายืนยันแล้วว่าการทำงานของ Flash มันกินทรัพยากรเครื่องมาก เค้าเลยไม่ตัดสินใจให้ iPad หรือ iPhone รองรับการทำงานของ Flash แต่หากดูการใช้งานจริงจะพบว่า เนื้อหาบนเว็บไซด์ต่างๆในปัจจุบัน เค้าใช้ Flash กันทั้งนั้น ซึ่งเป็นที่อึดอัดใจมากสำหรับคนที่ใช้ iPad หรือ iPhone เวลาเข้าไปใช้บริการในเว็บที่ใช้ Flash ในการนำเสนอ โดยเฉพาะการ สตรีมมิ่งต่างๆและเนื้อหาสำคัญๆ

 

‎5.กล้อง

 

อย่างที่บอกไปว่า iPad ไม่มีกล้องเรื่องนี้คงไม่ต้องสู้ Galaxy Tab เลยครับ เพราะใน Galaxy Tab ให้กล้องมาที่ 3 Megapixel พร้อมกับ LED flash. และแถมด้วยกล้องด้านหน้า 1.3MP QVGA video calling. ซึ่งหากจะบอกว่ากล้องไม่จำเป็น ผมว่าไม่จริงนะ มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจำเป็นสำหรับการใช้งานในบางอย่าง นอกเหนือการถ่ายรูปเช่น การใช้งาน Video Call หรือการ Chat ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น หรือแม้แต่จะถ่ายรูปแล้วอัพลงใน Facebook

 

6.หน่วยความจำ

 

เรื่องนี้ iPad แพ้ไปก่อนเลยละกัน ที่แพ้ไม่ใช่เรื่องความจุ แต่เป็นเรื่องของ Slot Memory ภายนอกเพราะว่า iPad ไม่สามารถใส่ Memory เพิ่มเติมได้ แต่จริงๆจะว่าได้ก็ได้แต่ก็ลำบากหน่อย คือใช้ Camera Kit มาต่อเสียบตรงด้านล่างเพื่อเอาภาพถ่ายจากล้องดิจิตอลมาถ่ายโอนเข้าไปในเครื่อง แต่สำหรับ Galaxy Tab นั่นสมบูรณ์แบบมากกว่าเยอะ เพราะมันรองรับข้อมูลทั้งหมดใน card

 

7.แบตเตอรี่

 

สิ่งที่ผู้ใช้ iPad ต้องเอ่ยปากชมกันทุกคนก็คือความอึดของแบตเตอรี่ในเครื่อง iPad แม้จะเปิด WiFi เป็นหลายๆชั่วโมงแต่มันก็กินไฟนิดเดียวจริงๆครับ โดย Apple เองเคยอ้างว่าเครื่อง iPad นั้นสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 10 ชม ส่วน Galaxy Tab ออกมายืนยันต่อว่า Galaxy Tab นั้นสามารถใช้ได้นานถึง 7 ชั่วโมง แต่เรื่องนี้ iPad ชนะขาดเพราะหน้าจอใหญ่กว่ากินไฟมากกว่า แต่ประหยัดกว่า ในความรู้สึกผมยังเชื่อว่า iPad เรื่องประหยัดไฟน่าจะดีกว่ามาก Galaxy Tab ไม่น่าจะอึดได้ถึง 7 ชั่วโมง อันนี้เดาตามความรู้สึกที่ใช้แอนดรอยด์ในอยู่ในปัจจุบันเช่นกัน

แม้ว่าดูรวมๆแล้ว Galaxy Tab น่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่า iPad แต่สิ่งที่ผมชอบในเครื่อง iPad แม้ว่าลูกเล่นมันจะสู้เค้าไม่ค่อยได้ก็คือ เรื่องของตัวระบบปฎิบัติการ และลูกเล่นเนื้อหาที่น่าสนใจบน iTune แม้ว่า iPad จะบอกว่าตอนนี้มีโปรแกรมรองรับมากถึง 25,000 โปรแกรม แต่หากเทียบกับ แอนดรอยด์ที่มีมากกว่า โดยมีมากถึง 70,000 โปรแกรม แต่ความรู้สึกส่วนตัวที่ผมได้ลองสัมผผัสใช้งาน iPad ในปัจจุบัน ยังรู้สึกว่า Galaxy Tab ยังคงคว้าใจไปได้ยาก ส่วนเรื่องของราคา Galaxy Tab ยังไม่เผยราคาอย่างเป็นทางการครับ แต่ผมว่าตอนนี้มันถึงยุคของ แท็บเบล็ต จริงๆแล้วสิครับ ตัวเลือกมีมากขึ้น ใครจะดีกว่ากันอันนี้ผู้ซื้อตัดสินใจ เครื่องที่ดีที่สุดไม่ใช่เครื่องที่แพงที่สุด แต่เป็นเครื่องที่เหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุดต่างหาก

 

http://store.apple.com/th/browse/home/shop_ipad/family/ipad/select?mco=MjE2MjYyNzA

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าข้างบนใหญ่ไป ก็แนะนำรุ่นเล็กค่ะ ให้พิจารณา Galaxy S 2 กับ I phone 4

http://www.thaidroid...m/archives/6330

 

 

เปรียบเทียบค่า Benchmarks 3 รุ่นเด็ด ระหว่าง Samsung Galaxy S Plus vs Samsung Galaxy S II vs LG Optimus 2X ใครเด่นที่สุดในตลาดขณะนี้

 

 

http://www.techmoblo..._lg_optimus_2x/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณปุย

ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากมาย

เดี๋ยวตังเมจะค่อยๆ ดู ค่อยๆ ตัดสินใจ

แต่ตอนนี้ง่วงจริงๆ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่

 

ps. tablet = กระดานชนวนของศตวรรษ นี้นั่นเอง :lol: :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณปุยเมฆค่ะ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกน้า จะซื้อไรดี

 

ซิม ais รายเดือนที่เล่น wifi เดือนละ 99 บาท โอเคมั้ยคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณปุยเมฆค่ะ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกน้า จะซื้อไรดี

 

ซิม ais รายเดือนที่เล่น wifi เดือนละ 99 บาท โอเคมั้ยคะ

 

มดแดงอยู่ต่างจังหวัด ไม่อยากใช้ sim or pro เพิ่ม เสียตังยุบยั๊บ เลยยังอยู่เฉยๆ ใช้package gprsเดิม 50บาทต่อเดือน สำหรับที่ใช้อ่านในเครื่องเก่าที่ไม่มีระบบปฏิบัติการ แม้พอมาใช้ galaxy sl ก็ยังไม่เปลี่ยน ยังลองประสิทธิภาพของเครื่องที่ใช้ gprs อยู่ ปรากฏว่าดี พอใจอาจเป็นเพราะคุณสมบัติของ เครื่อง

 

เพราะ wifi ถ้าสมัครของค่ายไหน จะแน่ใจได้ยังงัย ว่ามีสัญญานตลอด ยกเว้นคุณอยู่กทม ตลอด ไม่ไปตจวเลยหรือ แม้บางพื้นทีที่ไปยังไม่ค่อยเห็นเลยไม่ว่า ais หรือtrue ...wifi ของมดแดงจึงมีไว้สำหรับที่ๆมีให้อ่านฟรี เช่น บ้านเพื่อน ศูนย์รถยนต์ ศูนย์ประชุมสัมนาที่เคยไปมาเร็วๆนี้เยี่ยมมีให้.. สถานราชการบางที่มีให้เข้าได้ และเมื่ออยู่บนถนน มดแดงใช้ gprs บางครั้งไม่แพ้ wifi แต่บางทีก็เข้าไม่ได้ มันก็ขึ้นกับช่่วงเวลาของคนที่ใช้คลื่นมากน้อยแค่ไหนมั๊ง คิดเอาเอง หรือพื้นที่ที่เราอยู่ เพราะลองใช้ gprs ครั้งแรกที่บ้านรู้สึกแย่กว่าเครื่องเก่า แต่พอออกไปนอกบ้านซัก 6- 7 กิโลในรถ ลองใช้เร้วปรูดเลย ก็รู้แล้วล่ะว่าเลือกเครื่องไม่ผิด ส่วน ipad wifi ในที่สัญญานน้อยเข้าไม่ได้ แต่โทรศัพท์ พอได้แม้ไม่ดีนัก ที่ว่าพอได้เพราะไม่กล้าใช้นานมันโหลดนานหน่อยเท่านั้น ลืมไปว่ามี package อยู่

 

ตอนนี้มดแดงเชียร์โทรศัพท์เพราะสะดวกกว่าแยะ ยังงัยแบตก็ต้องมีเสมอ ออกนอกบ้านก็ต้องคว้าโทรศัพท์ก่อน คว้า ipad ไปแบตหมดไม่ได้ชาร์ตก็ทำอะไรไม่ได้

 

 

อันนี้ข้อแม้ของตัวเอง เอามาให้อ่านพอเป็นไอเดีย เพราะแต่ละคนใช้งานไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เพราะหลักๆอยู่บ้าน ก็ต้องใช้ pc เพราะดูกราฟที่ทำไว้

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทำไม Steve Jobs ถึงไม่เอา Flash - ได้คำตอบแล้วครับ

posted on 30 Apr 2010 00:18 by techinnoreview in newsที่ใส่ http://www.blognone.com/node/16066

 

เมื่อเช้าวันพฤหัสที่ผ่านมา (ตามเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา) แอปเปิลได้นำจดหมายเปิดผนึกของสตีฟ จ็อบส์ ที่มีหัวข้อว่า "Thoughts on Flash" ขึ้นบนเว็บไซต์ของแอปเปิล โดยอธิบายถึงเหตุผลที่แอปเปิลไม่ยอมนำ Flash ลงบน iPhone, iPod และ iPad

 

จดหมายมีใจความโดยสรุปดังต่อไปนี้

 

 

1. เกี่ยวกับซอฟต์แวร์เปิด

  • แอปเปิลแย้งว่าข้อกล่าวหาที่ Adobe บอกว่าเหตุผลของแอปเปิลเป็นเรื่องของธุรกิจล้วนๆ และต้องการปกป้อง App Store นั้นไม่เป็นความจริง และจริงๆ แล้วเป็นเรื่องทางเทคนิกทั้งหมด
  • แอปเปิลแย้งว่า Flash ไม่ได้เป็นระบบเปิด แต่เป็นระบบปิดเช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ของแอปเปิลบน iPhone, iPod และ iPad
  • แต่แอปเปิลเชื่อว่า มาตรฐานเว็บต้องเป็นระบบเปิด จึงเลือก HTML5, CSS และ Javascript
  • ทั้ง iPhone, iPod และ iPad สร้างมาเพื่อใช้มาตรฐานเว็บได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้พลังงานต่ำ
  • แอปเปิลเองได้มีส่วนร่วมในการสร้างมาตรฐานเว็บ ด้วยการสร้าง Webkit ที่ถูกใช้โดย Safari, Chrome, Android, Palm, Nokia และ RIM โดยอันที่จริงแล้วมีเพียงสมาร์ทโฟนของไมโครซอฟท์เท่านั้นที่ไม่ได้ใช้ Webkit

2. เกี่ยวกับการเข้าถึงเว็บ

  • แอปเปิลระบุว่าจริงๆ แล้ว iPhone, iPod, iPad สามารถเข้าถึงเว็บได้อย่างเต็มที่ (เดิมคำที่ Adobe ใช้โจมตีคือ “full web”)
  • โดยยกตัวอย่างกรณีที่ Adobe อ้างว่าวีดีโอ 75% บนเว็บอยู่บน Flash แอปเปิลแย้งว่า Adobe ให้ข้อมูลไม่ถูกต้องเพราะวีดีโอเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็มีอยู่บน H.264 แล้วด้วย ซึ่งดูได้อย่างไม่มีปัญหาบน iPhone, iPod และ iPad
  • แอปเปิลแย้งว่าถึง iPhone, iPod และ iPad จะเล่นเกม Flash ไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วบน App Store ก็มีเกมให้เลือกกว่า 50,000 เกม และหลายๆ เกมในนั้นก็เล่นได้ฟรี

3. ความปลอดภัยและเสถียรภาพ

  • แอปเปิลอ้างว่า Symantec เพิ่งระบุว่า Flash นั้นมีระบบความปลอดภัยที่แย่ที่สุดในปี 2009
  • Flash เป็นสาเหตุอันดับแรกที่ทำให้เครื่องแมคค้าง
  • แอปเปิลได้พยายามที่จะทำงานร่วมกับ Adobe มาตลอดเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้มาหลายปี แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่
  • และแอปเปิลไม่อยากให้ปัญหาความปลอดภัยและเสถียรภาพเหล่านี้ไปอยู่บน iPhone, iPod และ iPad
  • Flash ทำงานได้ไม่ดีบนอุปกรณ์พกพา แอปเปิลพยายามติดต่อ Adobe เป็นระยะๆ เพื่อให้ Adobe แสดงว่า Flash สามารถทำงานได้ดีบนอุปกรณ์พกพาใดๆ ก็ได้มาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เคยได้เห็น
  • Adobe เคยบอกว่าจะปล่อย Flash บนอุปกรณ์พกพาตอนต้นปี 2009 แล้วก็เลื่อนไปปลายปี 2009 ก่อนที่จะเลื่อนไปเป็นต้นปี 2010 จนตอนนี้เลื่อนไปเป็นปลายปี 2010 แล้ว

4. พลังงาน

  • การที่จะเล่นไฟล์วีดีโอให้ประหยัดพลังงาน ควรที่จะใช้ฮาร์ดแวร์ในการถอดรหัส ซึ่ง iPhone, iPod และ iPad สามารถถอดรหัส H.264 ในระดับฮาร์ดแวร์ได้ ในขณะที่ Flash ทำไม่ได้
  • iPhone ที่สามารถดู H.264 ได้ 10 ชั่วโมง จะสามารถดูได้เพียง 5 ชั่วโมงหากดู H.264 ผ่าน Flash

5. ระบบสัมผัส

  • Flash ได้รับการออกแบบมาเพื่อ PC ที่มีเม้าส์ ไม่ใช่สำหรับจอสัมผัสที่ใช้นิ้ว เช่นการเลื่อนเมาส์ไปค้างไว้บนวัตถุ (rollover) ที่ระบบมัลติทัชของ iPhone, iPod และ iPad ไม่มีแนวคิดนี้
  • จากเหตุผลข้างต้น ต่อให้ iPhone, iPod และ iPad จะดู Flash ได้ก็ตาม นักพัฒนาก็ต้องไปเขียน Flash มาใหม่เพื่อให้เข้ากันได้กับมัลติทัช ซึ่งถ้าจะเขียนใหม่แล้ว ทำไมไม่เขียนใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าและเปิดกว้างกว่าอย่าง HTML5, CSS และ Javascript
  • ดังนั้นต่อให้ iPhone, iPod และ iPad สามารถเล่น Flash ได้ ก็ไม่ได้แก้ปัญหาที่ว่าเว็บไซต์ทั้งหลายต้องเขียนโปรแกรมใหม่เพื่อให้มันดูดีบนอุปกรณ์สัมผัสเหล่านี้อยู่ดี

6. แอพพลิเคชันข้ามแพลตฟอร์ม

  • เหตุผลที่สำคัญที่สุด คือแอปเปิลเห็นว่าการที่มีชั้นของซอฟต์แวร์ที่มากั้นกลางทำให้แอพพลิเคชันที่ออกมาแย่ลง
  • เพราะแอพพลิเคชันที่ข้ามแพลตฟอร์มจะสามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ที่มีร่วมกันข้ามแพลตฟอร์มเท่านั้น ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ที่เป็นจุดเด่นแยกกันไปเฉพาะของแต่ละแพลตฟอร์มได้
  • และแอปเปิลเห็นว่าแพลตฟอร์มของแอปเปิลมีอะไรดีๆ เหนือคู่แข่งมากมาย และไม่อยากให้นักพัฒนาแอพพลิเคชันบน iPhone, iPod และ iPad ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้เพียงเพราะคู่แข่งของแอปเปิลไม่มี
  • การที่นักพัฒนาใช้แพลตฟอร์มของ iPhone, iPod และ iPad ตรงๆ (native) จะทำให้สามารถพัฒนาแอพพลิเคชันไปได้พร้อมๆ กับแพลตฟอร์มอย่างรวดเร็ว
  • Flash เป็นเครื่องมือที่ใช้พัฒนาแอพพลิเคชันข้ามแพลตฟอร์ม และ Adobe ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะสร้างเครื่องมือเพื่อพัฒนาแอพพลิเคชันที่ดีที่สุดบน iPhone, iPod และ iPad
  • ที่ผ่านมา Adobe ช้ามากในการใช้ฟีเจอร์บนแพลตฟอร์มของแอปเปิล โดยอ้างว่า Adobe เพิ่งสามารถสร้างแอพพลิเคชันที่ใช้ Cocoa ได้ (CS5) ทั้งๆ ที่มีเทคโนโลยีนี้มากกว่า 10 ปีแล้วตั้งแต่ Mac OS X เวอร์ชันแรก โดยแอปเปิลยังระบุว่า Adobe เป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชันรายใหญ่บนแมคเจ้าสุดท้ายที่ย้ายมาใช้ Cocoa
  • แอปเปิลมองว่านี้ทำให้ทุกคนได้ประโยชน์ แอปเปิลขายอุปกรณ์ได้มากขึ้นเพราะมีแอพพลิเคชันที่ดีที่สุด นักพัฒนาสามารถเข้าถึงผู้ใช้ปริมาณมหาศาล และผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชันที่ดีและกว้างขวางที่สุด

สรุป

  • Flash ถูกสร้างมาในยุคของ PC แอปเปิลเข้าใจว่า Flash ประสบความสำเร็จบน PC มากจน Adobe อยากจะผลักดันมันไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ แต่ยุคอุปกรณ์พกพานี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน การใช้ระบบสัมผัส และมาตรฐานเว็บแบบเปิด ซึ่ง Flash ไม่มีสักอย่าง
  • มีผู้ผลิตสื่อมากมายสร้างเนื้อหาพิเศษสำหรับอุปกรณ์ของแอปเปิล เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้ Flash เพื่อเข้าถึงเนื้อหาบนเว็บอีกต่อไป
  • App Store มีแอพพลิเคชันมากมาย ไม่จำเป็นต้องมี Flash เพื่อใช้งานแอพพลิเคชันหรือเล่นเกม
  • แอปเปิลทิ้งท้ายว่ามาตรฐานเว็บแบบเปิดอย่าง HTML5 ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคของอุปกรณ์แบบพกพา จะสามารถเอาชนะได้บนอุปกรณ์แบบพกพา (และอาจรวมถึง PC ด้วย) บางที Adobe น่าจะไปตั้งใจทำเครื่องมือในการสร้างเว็บด้วย HTML5 แทนที่จะเอาแต่ว่าแอปเปิลที่ยอมทิ้งอดีตไว้ข้างหลังแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทความนี้ เป็นตอนที่ 2 ต่อจาก [บทความ] iPad คืออะไร ตอนที่ 1 ที่โพสต์ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนะครับ

 

หลังจากรู้จัก iPad กันไประดับนึงแล้ว ทราบแล้วว่า iPad คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง คราวนี้เรามาดูกันต่อว่า แล้วอะไรบ้างที่ iPad ทำไม่ได้?

 

 

iPad ทำอะไรไม่ได้บ้าง

ถึง iPad จะทำงานได้หลายๆอย่าง แต่ในทางกลับกัน iPad ก็มีข้อที่นักวิจารณ์คอมพิวเตอร์หลายคนผิดหวัง เพราะฟังก์ชั่นหลายอย่างที่ iPad ทำไม่ได้ อันได้แก่

 

  • iPad จะไม่สามารถเล่นไฟล์ Flash ได้ แอปเปิ้ลดูจะไม่ชอบ Flash เท่าไหร่นัก นับตั้งแต่ iPhone ที่ไม่สามารถเล่นไฟล์ Flash ที่ปรากฏในเว็บไซต์ได้ โดยแอปเปิ้ลระบุว่า Flash มันกินพลังงานมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ ใครที่ชอบเล่นเกมส์บน Facebook พวกเกมส์ร้านอาหาร เกมส์เก็บผัก นั้น จะเล่นบน iPad ไม่ได้นะครับ
  • iPad ไม่มีพอร์ต USB หรือ ช่องต่อเมมโมรี่การ์ด ทุกๆอย่างที่จะต่อกับ iPad ต้องต่อผ่านช่องต่อด้านล่าง ซึ่งเป็นพอร์ตแบบเดียวกับ iPhone
  • iPad ไม่มีกล้อง เพราะฉะนั้นมันจะไม่สามารถใช้งานการโทรศัพท์ผ่านเน็ตแบบเห็นหน้าได้ ก็คือ เล่น แคมฟร็อก iPad ทำไม่ได้นั่นเอง
  • iPad ทำงานหลายอย่างพร้อมกันไม่ได้ ที่เราเรียกกันว่า Multitasking หมายถึงการที่คอมพิวเตอร์ มือถือ หรือ iPad สามารถรันโปรแกรมหลายๆตัวไปพร้อมกันครับ เช่น เวลาที่เราพิมพ์งานเวิร์ดไปด้วย และเปิด msn ไปด้วยครับ แต่ใน iPad เราจะทำงานได้ทีละอย่างครับ
  • iPadเปลี่ยนแบตเตอรี่เองไม่ได้ เช่นเดียวกับ iPod และ iPhone นะครับ iPad ไม่สามารถเปลี่ยนแบตได้ด้วยตนเอง ต้องเปลี่ยนที่ร้าน App Store เท่านั้น(ถ้าในเมืองไทยคงเปลี่ยนที่ iStudio)
  • iPad ลงโปรแกรมเองผ่าน CD/DVD หรือ ผ่าน ไฟล์ติดตั้งเองไม่ได้นะครับ iPad ต้องลงผ่าน App Store เท่านั้น
  • iPadไม่มีพอร์ต HDMI พอร์ตนี้เป็นพอร์ตสำหรับต่อ วีดีโอคุณภาพสูงออกไปยังทีวี หรือเครื่องฉายต่างๆนะครับ แต่ iPad ไม่มีพอร์ตที่จะเชื่อมต่อโดยตรง แต่ iPad ยังคงมีสายต่อพ่วงจากพอร์ตต่อด้านท้ายเครื่องครับ คงต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเข้าไป

App Store?

iPad ลงโปรแกรมเองไม่ได้ แล้วจะหาซื้อโปรแกรมมาลงได้ยังไง

 

ท่านที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้งาน iPhone มาก่อน อาจจะรู้สึกสงสัยว่าถ้า iPad เอาโปรแกรมไปลงในเครื่องไม่ได้แล้ว เราจะหาโปรแกรมมาใช้จากไหน

 

วิธีการจะซื้อโปรแกรมให้ iPad (หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า Apps) นั้นเราต้องซื้อผ่าน App Store ครับ โดยจิ้มที่ไอคอน appstoreicon1.JPG ที่หน้าจอหลัก iPad ก็จะเปิดหน้าต่างของ App Store ให้ตามรูปครับ

 

ipadapppic.JPG

 

App Store จะเป็นฟังก์ชั่นให้เราเข้าไปโหลด App ที่เราต้องการนำมาใช้ครับ โดยหากเราต้องการซื้อนั้นเราต้องการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตครับ จากนั้น iPad ก็จะโหลด App นั้นมาลงที่เครื่องโดยอัตโนมัติครับ เท่านี้ก็เล่นได้แล้ว อันที่จริง การที่ไม่ต้องมานั่งลงเอง ใช้ซื้อผ่าน App Store กลับเป็นเรื่องสะดวกและปลอดภัยนะครับ เนื่องจาก App ที่จะเข้ามาอยู่ใน App Store ได้นั้นต้องผ่านด่านการทดสอบจาก แอปเปิ้ล แล้วว่าปลอดภัยกับตัวเครื่อง iPad หรือ iPhone ก็ตาม

 

 

150,000 Apps??

สำหรับ App ที่มีอยู่ใน App Store ตอนนี้ เป็น App สำหรับ iPhone นะครับ แต่ตัว iPad เองสามารถเล่น App ของ iPhone ได้เหมือนกัน ดังนั้นเรียกได้ว่า ถ้าซื้อ iPad มาใช้ตอนนี้เราจะมี App ให้เลือกซื้อกว่า 150,000 App เลยทีเดียว ส่วนสำหรับ App ที่เหมาะสมกับ iPad จริงๆนั้น ขณะนี้แอปเปิ้ลกำลังคัดเลือก และทดสอบ App ที่บริษัทพัฒนาโปรแกรมต่างๆส่งเข้าไปที่บริษัทแอปเปิ้ลครับ ในวันที่ iPad วางขาย เราคงได้เห็น App น่าสนใจหลายตัวเลยทีเดียว

 

 

iPad จะไม่สามารถเล่นไฟล์ Flash ได้ แอปเปิ้ลดูจะไม่ชอบ Flash เท่าไหร่นัก นับตั้งแต่ iPhone

ที่ไม่สามารถเล่นไฟล์ Flash ที่ปรากฏในเว็บไซต์ได้ โดยแอปเปิ้ลระบุว่า Flash มันกินพลังงานมากเกินไป

ด้วยเหตุนี้ ใครที่ชอบเล่นเกมส์บน Facebook พวกเกมส์ร้านอาหาร เกมส์เก็บผัก นั้น จะเล่นบน iPad ไม่ได้นะครับ

ทางฝั่ง galaxy tab ก็จะอวดขึ้นมาเลยว่า tab ของฆ่าเล่น flash ได้โว้ย ไม่เหมือน ipad ของแกทำอะไรไม่ได้

 

ถ้ามันมีแฟรช แล้วมันกาก แบบนี้ ไม่มีซะยังจะดีกว่า

เข้าใจเลยว่าทำไม steve jobs ถึงไม่ใส่ flash ขนาดในคอมยังกระตุกเลย -_-

 

iPad ไม่มีพอร์ต USB หรือ ช่องต่อเมมโมรี่การ์ด ทุกๆอย่างที่จะต่อกับ iPad ต้องต่อผ่านช่องต่อด้านล่าง ซึ่งเป็นพอร์ตแบบเดียวกับ iPhone

สำหรับ ipad มันคงไม่จำเป็นครับ ipad สามารถส่งไฟล์ ผ่าน wifi ได้อยู่แล้ว หรือจะผ่านแบบ ftp ก็ได้ โดยไม่ต้องเสียบนั่นนี่ให้ยุ่งยากมากความ

โดยพิม คำค้นหา ที่ appstore ว่า transfer คำเดียว ก็จะเจอเลยครับ เพียบ แต่ขอแนะนำให้สักหน่อยละกัน

app : fileapp สามารถ รับส่งไฟล์ทุกชนิด จาก pc ไป ipad ได้ โดย wifi หรือ usb เปิดไฟล์ doc powerpoint excel ได้หมดอะคับ

ขอกล่าวไว้คร่าวๆ เดี๋ยวจะมารีวิวให้ชมครับ

 

iPad ไม่มีกล้อง เพราะฉะนั้นมันจะไม่สามารถใช้งานการโทรศัพท์ผ่านเน็ตแบบเห็นหน้าได้ ก็คือ เล่น แคมฟร็อก iPad ทำไม่ได้นั่นเอง

ส่วนของ ipad2 มีกล้องแล้วครับ แล้วสามารถเล่น camfrog ได้ด้วย แบบเห็นหน้าเห็นตาเลย

app : camfrog video chat for ipad

ราคา 4.99 ถ้าเป็น ipad1 ก็เล่นได้ครับ แต่ได้แต่ส่องคนอื่น กับ voice chat

ipad-unveiling-pop_2778-300x207.jpg

 

iPad ทำงานหลายอย่างพร้อมกันไม่ได้ ที่เราเรียกกันว่า Multitasking หมายถึงการที่คอมพิวเตอร์ มือถือ หรือ iPad สามารถรันโปรแกรมหลายๆตัวไปพร้อมกันครับ เช่น เวลาที่เราพิมพ์งานเวิร์ดไปด้วย และเปิด msn ไปด้วยครับ แต่ใน iPad เราจะทำงานได้ทีละอย่างครับ

การทำงานหลายๆอย่างพร้อมกันใน ipad ทำได้ครับ คุย skype ใน ipad แล้วกดออกมาเล่นเกมไปด้วยคุยไปด้วยยังได้เลยครับ

หรือ

โหลด app : IM ซึ่งเป็นโปรแกรม chat หรือใครชอบ อันอื่นก็ไม่ว่ากัน

โหลด app : pages เป็น app พิมงาน เหมือน ms word หรือจะเป็น note ที่มีมาก็ได้

เปิด ipod อีกตัวละกัน ฟังเพลง ไปด้วย

ทั้ง chat ทำงาน ฟังเพลง สมมติผมแชทด้วย im แล้วผมจะกลับไปพิมงานด้วย pages หรือ note ให้กดปุ่มกลมๆที่กดกันประจำอะครับ

กดเหมือน ดับเบิลคลิก แล้วจะพบกับ โปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่ แล้วผมก็เลือกกับไปพิมงาน สักพักมีคนตอบกลับมาทาง im

ipad ก็จะเตือนขึ้นมาว่า มีคนตอบมานะ แล้วก็จะมีให้เลือกด้วยว่า จะดูคือกลับไปคุย หรือ จะผ่านเพื่อทำอย่างอื่นต่อ

อะสมมติว่า เปิด twiter หรือ email มันก็จะเตือนเราเหมือนกันครับ

เพียง ipad ทำงานหน้าจอเดียว ที่เหลือก็ทำงาน แต่ว่าแค่ ซ่อนไว้

แต่ถ้าหมายถึงการแสดงผลหลายๆจอ คงทำไม่ได้

iPadเปลี่ยนแบตเตอรี่เองไม่ได้ เช่นเดียวกับ iPod และ iPhone นะครับ iPad ไม่สามารถเปลี่ยนแบตได้ด้วยตนเอง ต้องเปลี่ยนที่ร้าน App Store เท่านั้น(ถ้าในเมืองไทยคงเปลี่ยนที่ iStudio)

เพราะ ipad ไม่ใช่ของกิ๊กก๊อก ที่จะต้องเดินไปร้านมือถือ เพื่อไปซื้อแบตแล้วให้เค้าแงะเครื่องให้อย่างงั้นหรอคับ

กับ istudio อันไหนน่าไว้ใจมากกว่ากัน

 

iPad ลงโปรแกรมเองผ่าน CD/DVD หรือ ผ่าน ไฟล์ติดตั้งเองไม่ได้นะครับ iPad ต้องลงผ่าน App Store เท่านั้น

พูดซะ ipad อย่างกะ pc -_-” ipad มันไม่มีที่ใส่ cd/dvd อยู่แล้ว และอีกอย่าง ไม่จำเป็นที่จะต้องลงแอปเถื่อนๆผ่าน cd/dvd

เพราะ app store มีทุกอย่าง เพียงแค่คุณนึกว่า ตอนนี้คุณต้องการอะไร อยากได้อะไร แล้วใส่ key word เพื่อหา ก็เจอแล้วครับ

 

iPadไม่มีพอร์ต HDMI พอร์ตนี้เป็นพอร์ตสำหรับต่อ วีดีโอคุณภาพสูงออกไปยังทีวี หรือเครื่องฉายต่างๆนะครับ แต่ iPad ไม่มีพอร์ตที่จะเชื่อมต่อโดยตรง

ipad มีอุปกรณ์เสริม คือสายต่อพ่วงสามารถต่อ hdmi ได้ครับ

 

apple-app-store2-150x150.png

App Store?

iPad ลงโปรแกรมเองไม่ได้ แล้วจะหาซื้อโปรแกรมมาลงได้ยังไง

เป็นคำถามที่ ฮามากครับ แต่ไม่เป็นไรถ้าคุณไม่รู้ เปิด ipad ขึ้นมา กดไปที่ app store เลยครับ มีทุกอย่างที่คุณอยากได้

ไม่ต้องไปหาลงอะไรให้มันวุ่นวาย เข้ามาที่นี่ที่เดียว อยากได้อะไร พิม key word ลงไป แค่นั้นครับ

เช่น อยากเล่นเกมส์ออนไลน์อะ พิม Game online ลงไป ก็เจอครับ

หรือ ช่วงนี้อยากเล่น fitness ลอง พิม fitness ลงไปสิครับ โปรแกรมแจ่มมาก

หรือ อยากดูดาวอะ อยากหาความรู้เพิ่มเติม ก็พิมไปเลยครับ star เลือกหมวดหมู่ education หรือ book ก็เจอครับ

หรือ คุณอยากได้โปรแกรมดาวโหลด ก็พิมไปเลยครับคำว่า download

เดี๋ยวผมจะรีวิวเกี่ยวกับ app store อีกที

 

การที่ไม่ต้องมานั่งลงเอง ใช้ซื้อผ่าน App Store กลับเป็นเรื่องสะดวกและปลอดภัยนะครับ เนื่องจาก App ที่จะเข้ามาอยู่ใน App Store ได้นั้นต้องผ่านด่านการทดสอบจาก แอปเปิ้ล แล้วว่าปลอดภัยกับตัวเครื่อง iPad หรือ iPhone ก็ตาม

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้า iphone ipad ipod touch หาย ต้องทำอย่างไร

บางคน iphone หาย รีบไปอายัดเบอร์ นั่นยิ่งทำให้ไม่ได้คืนเลย

ทางที่ดีควรทำตามนี้ครับ

 

Find-My-iPhone-150x150.png

 

  • app : Find iPhone
  • Free
  • Category: Utilities
  • iphone ipad ipod touch

app นี้แนะนำควรมีติดเครื่องไว้เลยครับ ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก่าก็ตาม

บางทีเมื่อเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด เราก็สามารถหาเครื่องเราได้เจอ

การที่จะหาอีกเครื่องเจอนั้น ก็ต้องมี อีกเครื่องไว้ช่วยหา เราอาจจะยืม iphone ipad ipodtouch ของเพื่อนมาลองใช้ก็ได้

วิธิใช้ app นี้ง่ายมากมายครับ

กดเข้าไปแล้ว login ด้วย apple id ของเรา

 

IMG_0320.png

 

จากนั้นจะเจอหน้าจอดังนี้

ด้านซ้ายคืออุปกรณ์ของเราทั้งหมด

ถ้าคุณมี iphone ipad ipod touch แล้วเป็น apple id ของคุณเองทั้งหมด มันก็จะขึ้นโชหมดเลยทั้งสามเครื่อง

ในรูปตัวอย่างเป็น ipad

 

IMG_0321.png

 

เริ่มแรกให้กด ตัว i สีฟ้าๆ

จากนั้นให้ทำการ log เครื่องก่อนเลยครับ อันดับแรก เพื่อป้องกันการ ขโมยข้อมูลของเครื่องเรา

บางคนเก็บข้อมูลสำคัญๆ ไว้ในเครื่องพวกนี้ เวลาหายก็ต้องระวังกันหน่อยครับ

 

IMG_0322.png

 

IMG_0324.png

 

ขั้นตอนที่สองคือ สั่งลบข้อมูลในเครื่องทิ้งทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของเรา

หรือจะไม่ลบก็ได้แล้วแต่ครับ ถ้ามีข้อมูลสำคัญมากๆเช่น บัตรเครดิต อะไรพวกนี้ก็ควรลบซะ

 

IMG_0325.png

 

ขั้นตอนที่สาม คือ ส่ง ข้อความไปหา ให้ผู้ที่เจอ หรือเก็บได้ให้นำมาคืน แล้ว โทรมาตามเบอร์ที่เราให้ไป

 

IMG_0323.png

 

รุ่น 3G จะได้เปรียบกว่า รุ่น wifi เพราะการกระทำในทุกขั้นตอนต้องต่อ internet สำหรับรุ่น wifi คงต้องลุ้นเอาว่าใครจะเก็บไปต่อ internet

ส่วนรุ่น 3g ต่อเน็ทไว้ตลอด นี่ตามหาได้ง่ายมากๆ ยกเว้นถูกปิดเครื่อง อันนี้ก็ต้องอดทนรอ ว่าเมื่อไหร่จะเปิดเครื่อง

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1 ความคิดเห็น จากการใช้งานจริงๆ

Tab 7", vs iphone4/ipad2

อยากให้มองแบบมุมมองคนซื้อไปใช้งานครับ ไม่ใช้พวก กี๊กบ้า gadget ที่เชี่ยวชาญจัดๆในเรื่องระบบปฏิบัติการ android หรือ os อื่นๆ

ผมซื้อมาใช้งานอยู่สามตัวสำหรับอุปกรณ์พวกนี้ครับ

 

ผมว่า Samsung ยังต้องพัฒนาอีกไกลครับ การใช้งานจริงๆสำหรับผมที่เป็น user ธรรมดา มีความรู้พื้นฐานบ้าง รู้สึกว่าตัว iOS ทำได้ดีกว่าในเรื่อง user friendly ใช้งานได้ง่าย ไม่ค่อยมีปัญหาให้คอยตามแก้ไข และการใช้งานในชีวิตประจำวันถือว่าใช้งานได้ง่ายกว่าเยอะมากๆ

 

เมื่อเทียบกับ Galaxy Tab ที่แม้แต่จะต่อ Kies เพื่อถ่ายข้อมูล อัพเดทข้อมูลกับเครื่อง ยังมีปัญหา sync ได้บ้างไม่ได้บ้าง ซึ่งบางคนยังเพ้อ เชียร์กันไม่ลืมหูลืมตาอยู่ หาว่าทำไมเป็นบ้าง user error บ้าง มานพวกนั้นคงลืมไปว่ายังมีอีกหลายคนที่เค้าไม่ได้มีเวลาว่างอย่างพวกคุณ มานั่ง root, lafix, custom rom บ้าบออีกมากมาย เนื่องจากเค้าซื้อมาใช้งาน ดังนั้นอุปกรณ์พวกนี้ถือเป็น gadget ที่มันต้องตอบสนองการใช้งาน basic หลักๆ ที่มันถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ดี ตรงนี้ตัว Tab ยังทำได้แย่อยู่ คือมักจะมี bug หลายๆครั้งในหลายๆ app การทำงาน อันนี้เห็นได้ชัดเจนว่าตัว iOS ที่ผมใช้ไม่เคยเจอปัญหาเหล่านี้เลย และก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตประจำวันลำบากด้วย ที่จะต้องเจล หรือหา patch มาซ่อมแซม และระบบ itune มัน update ให้เองตลอดเมื่อมีอะไร update

 

ขณะที่ Tab เองนั้นจะ sync ข้อมูลยังลำบากเลย จะไปหวังอะไรกับการ up rom ผ่าน Kies ซึ่งตรงนี้อีกที่พวกคลั่งลัทธิก็จะเข้ามาพล่ามว่า มันทำเองได้ ง่ายๆ ไปโหลด odin โหลด custom rom โหลด ตัว บลา บลา บลา มา แล้ว flash ให้เรียบร้อย ซึ่งผมก็ตามไปอ่านเป็นความรู้ และก็เห็นว่ามีหลายๆคนที่ flash แล้ว reboot ไม่ได้บ้าง อีกหลายๆปัญหา แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็ยังไม่ยอมรับอีกว่า ไอ้การทำ rom หรือ root นี่มันออกจะเกินไปนิดที่คุณจะให้คนทั่วๆไปในระดับ mass production ซื้อมาแล้วต้องมานั่งศึกษาอะไรพวกนี้เพื่อที่จะเอาไปทำให้เครื่องมันพกพร่องน้อยสุด (มันไม่สมบูรณ์และไม่มีทางสมบูรณ์) สำหรับการใช้งานปกติในชีวิตประจำวัน

 

จุดพกพร่องที่สุดเลยคือบรรดาผู้ใช้งานระดับ super user หลายๆคนยังหลงกันแบบไม่ลืมหูลืมตา เอะอะไรก็หาว่าคนอื่น error แต่ไม่เคยยอมรับว่าเครื่องและระบบมันมีปัญหา

พออ่านเจอความเห็นไม่ถูกใจเอะอะก็ให้ไป root ไปลง custom rom บ้างอะไรบ้าง

คนธรรมดาทั่วๆไปที่เค้าอยากซื้อให้ลูก ให้ภรรยาใช้งาน เค้าจะทำอย่างไร ไม่ทราบว่าเคยนึกกันบ้างไหมครับ? จะให้โทรบอก ลูก วันนี้มัน error ลูกก็ไป download นะคับ custom rom ป๊ะป๋าเห็นมี link ไว้นะคับ ทำตามที่พี่ๆเทพๆเซียนๆเค้าว่านะครับ หรือโทรบอกเมียจ๋า เปิดคอมนะ แล้วไปดูตามวิธีการ uprom custom นะจ๊ะ ไม่มีปัญหาแน่ๆต่อไป ไรแบบนี้หรือครับ

 

ตราบใดที่ยังแข่งกันเข็นออกมาขาย สักแต่ว่าขายเครื่องให้ได้เยอะๆไว้ก่อน แล้วค่อยมาพัฒนาโปรแกรม support ต่างๆ นี่ผมว่าคงลำบากที่จะขายแบบ mass หรือเจาะกลุ่มลูกค้าของ iOS ซึ่งการใช้งานมันต่างกันจริงๆอย่างเห็นได้ชัด จุดที่ดีกว่าของพวก smart phone ที่เป็น android คือ ราคา เท่านั้นเอง เห็นเป็นประจำคือ ถูกกว่า อย่างนั้นอย่างนี้ และขยันออกมามากมาย เปรอะไปหมด เน้นถูกเข้าว่า ใช้งานแล้วสักพักตกรุ่นซื้อใหม่ ปัญหาพวก software desktop ก็ไม่ได้รับการแก้ไข แม้กระทั้ง official rom เมืองไทยก็ยังต้องถ่อไปให้ศูนย์ update ให้อีก ทำไมมันจะแก้ให้ตัว Kies สามารถทำเหมือนเค้าบ้างไม่ได้หรือครับ BB desktop เอง หรือ itune เองก็ทำได้โดยไม่มีปัญหาอะไร

 

ผมลองซื้อ Tab มาใช้ พร้อมๆกับ Iphone4 ปลายปีที่แล้ว ใช้งานแบบคนปกติ ไม่ใช้พวกบ้า root/lafix/custom rom คือแบบว่ากรูซื้อมาใช้งานเฉยๆ อยากได้ความสะดวกสะบาย ใช้เป็นเครื่องมือ gadget ให้มันทำงานได้เหมือนที่มันโฆษณาไว้ไรงี้อ่ะ ผมรู้สึกว่า iOS ยังตอบสนองการทำงานสำหรับคนปกติได้ดีกว่า มีความเป็น user friendly มากกว่า และปัญหาน้อยกว่าในการใช้งาน

สาเหตุที่ไม่ซื้อ ipad เพราะไม่มีกล้องหน้า เมื่อปีที่แล้วตอนซื้อ ipad2 มันยังไม่ออก และขนาดกับน้ำหนักไม่ถูกใจครับ เลยซื้อ Tab 7"

 

สำหรับ Tab 7" ผมไม่ได้ว่ามันไม่ได้ หรือห่วยจัดนะครับ แต่โปรแกรม support มันห่วยมาก sync ไม่เคยจะได้ ปัญหาตลอดสำหรับ browser ปิดตัวเอง และผมทำงานอยู่ต่างประเทศ ไม่มีเวลาเอาไป up rom จากศูนย์ อยากได้แบบว่าซื้อมาใช้งานแล้วมันใช้งานได้สมบูรณ์ไรงี้ แต่โดยรวมๆก็พอใจในขนาดเครื่อง น้ำหนักไม่เยอะมาก พอถูไถพกไปมาได้บ้าง ใช้โทรบ้างไรแบบนี้

 

สรุปคือ ถ้าตัวผู้ผลิตอย่าง Samsung ใสใจในการปรับปรุงพวก software support ต่างๆรวมถึงตั้งใจพัฒนาแก้พวก bug ต่างๆให้มันเร็วหน่อย ตัว Tab คงน่าใช้กว่านี้อีกเยอะครับ สำหรับผมก็คงใช้ไปเรื่อยๆก่อน ราคามันลงเยอะต้องใช้ให้คุ้ม สักพักคงขายทิ้งแล้วเหลือแค่ ipad2, Iphone4 และ BB พอครับ สำหรับ Android บอกตรงๆ เหนื่อยฉิบ... มานั่งหาอ่าน หาวิธีทำให้มันใช้งานได้ ทั้งๆที่จ่ายเงินซื้อมาใช้ ไม่ได้ซื้อมา root

 

จากคุณ: Voravutt smilekt.gifเขียนเมื่อ: 16 มิ.ย. 54 09:21:23

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"ยังไม่ค่อยมีข้อดีชัดเจนที่ tablet ควรจะมี flash สักเท่าไหร่ "

 

เอาที่ชัดจริงๆเลยนะครับ

- การเรียกใช้งานเว็บไซต์ที่มีแฟลชเป็นส่วนประกอบได้อย่างสมบูรณ์

- เปิดเว็บที่มันใช้เมนูเป็นแฟลชได้ คนรู้จักผมเคยจะใช้ ipad จองห้องพักแต่ทำไม่ได้ ต้องมายืม tab ไปใช้ สร้างความยุ่งยาก (ทั้งคนยืมและคนให้ยืม)

- อ่านการ์ตูน/มังงะ ออนไลน์ซึ่งส่วนใหญ่มันใช้แฟลชกันทั้งนั้น (ไม่มีแฟลชเข้าไปขาวโล่ง)

- อัพโหลด่ผ่านเว็บไม่ได้ แน่นอนเค้าต้องใช้แฟลช (ต้องมายืมตรูอีกแล้ว)

- ดูทีวีออนไลน์ ดูบอล , clipmass , mthai ฯลฯ (แม้ skyfire จะดูได้แต่มันไม่สมบูรณ์ ไม่สะดวกเท่า น้อยครั้งที่จะดูได้ เพราะมันเป็นการ optimize คลิปใหม่)

 

สำหรับผม ผมว่ามันต่างเยอะพอดูนะ เรื่องมีกับไม่มี มันก็อยู่ที่ตัวบุคคลแล้วล่ะ ว่าจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ เพราะยังไงซะก็ใช้คำว่า "จำเป็น" ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ความ"สะดวก"มันก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เหมือนกัน

 

จากคุณ: TKOเขียนเมื่อ: 16 มิ.ย. 54

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

4519626a.gifวิธีอ่าน E-Book ภาคภาษาไทย ใน Ipad และการทำ Bookmark (จะได้เข้าใจกันง่าย ๆ หน่อย) 4519626a.gif

  • E-book ใครที่คิดจะอ่านหนังสืออิเล็คทรอนิคส์ บน Tablet ล่ะก็ อย่างแรกต้องพิจารณาดูขนาดของจอด้วยครับ iPadมีขนาดจอ 9.7 นิ้ว ทำให้แสดงผล ebook ประเภท pdf ได้ชัดเจนดี แต่ถ้าเป็นจอ 7 นิ้วอย่าง Samsung Galaxy Tab และ A800 การอ่าน pdf ต้อง zoom เข้าออกกันบ่อยๆเลยครับ แต่จอ 7 นิ้วจะเหมาะสำหรับการอ่าน pocket book มากกว่า 9.7 นิ้วครับ รวมถึงน้ำหนักตัวเครื่องที่เบากว่า iPad ด้วย ทำให้อ่าน ebook ได้เป็นเวลานานๆ

http://www.youtube.com/watch?v=xkZy25LxgFI&feature=player_embedded

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การ test I pad ดูเวปตัวหนังสือไทย พากย์ไทย

 

http://www.youtube.com/watch?v=3Zywe_-5CZM&feature=player_embedded

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...