ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

10420225_249014768621891_7995527834482576474_n.jpg

 

10450584_249014758621892_1600051853894270750_n.jpg

 

 

 

 

10514649_249014755288559_322253572232572655_n.jpg?oh=a83b859752a2850c0b787529f5395d92&oe=5412C1E0&__gda__=1411896285_89ecea9c692ba52c2fc7a341f5cf2904 10464030_249014785288556_4762367143336205685_n.jpg

 

10462551_249014958621872_5055676564561046034_n.jpg

10517987_249014968621871_8648419203938311869_n.jpg

 

10448817_249014981955203_8435334884133565978_n.jpg

 

10338307_249015011955200_1840338803253699145_n.jpg

10487241_249014825288552_605847174586209592_n.jpg

10492429_249014831955218_7161675719945636143_n.jpg

 

10404380_249014865288548_496406383945889381_n.jpg

 

10516851_249014881955213_6743497259912600615_n.jpg

 

10481918_249014901955211_6026065781725025561_n.jpg 10426583_249014908621877_4128398937658374254_n.jpg

10409504_249014921955209_7911238228030589673_n.jpg 10372272_249014951955206_6044442663814502802_n.jpg

 

10301299_249014805288554_1386894773040555671_n.jpg

10303475_249014828621885_5158857328214933350_n.jpg

 

 

 

วันที่ 27 มิ.ย.57 ไขปริศนา..รัฐบาลเผาไทยปูเน่า เวนคืนวังสระปทุมพระเทพฯ ทำทางด่วน

 

พลันที่ พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ ท่านใหม่ ผู้ซึ่งเป็นพระโอรสลำดับที่ 4 ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ กับหม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา เผยแพร่ข้อความผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวร์ค ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงซื้อที่ดินแปลงเล็กๆ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงปลูกบ้าน โดยเป็นการใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการซื้อที่ดินแปลงนี้

 

ข้อความดังกล่าว ความว่า “ ผมได้รับทราบเรื่องจากผู้ใกล้ชิดสมเด็จพระเทพฯ มาว่า ท่านทรงซื้อที่ดินแปลงเล็ก ในจังหวัดเชียงใหม่ และท่านทรงรับสั่งว่า จะปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ , ขอย้ำนะครับ ปลูกบ้าน ท่านรับสั่งว่า ไม่ปลูกวัง เพราะต่อไปเขา ( เขา??? ) จะไล่ฉัน ไม่ให้อยู่วังแล้ว จึงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อเอง , เหตุที่สมเด็จพระเทพฯ ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดิน ท่านรับสั่งว่าเขาจะได้มายึดไม่ได้ ผมได้ฟังแล้วรู้สึกตีบตันในลำคอ ขอบตาร้อนผ่าว

 

สงสารท่านเหลือเกินแล้ว พระบิดาทรงงานหนักเพื่อชาติและประชาชนมาตลอด แต่สุดท้ายจะไม่มีอะไรเหลือ ผมในฐานะปวงชนชาวไทย ขอกล่าวคำสัตย์สาบาน ด้วยชีวิต ณ ที่นี้ว่า ผมจะไม่ยอมให้มัน ไอ้ อี ผู้ใด มากระทำต่อพระองค์เยี่ยงนั้นได้ สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องธำรงอยู่คู่ประเทศไทย ตราบนานเท่านาน..ใครเล่าเหวยจะร่วมสู้กับกูบ้าง “..

 

ก็เกิดคำถามขึ้นในใจคนไทยทุกคน ว่าทีมาที่ไปเรื่องนี้เป็นอย่างไรกันแน่ ใครกลุ่มไหนกัน ที่กล้าอาจหาญกระทำการมิบังควรเช่นนี้ ก่อนจะมีคำเฉลยปริศนานี้ มาดูประวัติความเป็นมา “ วังสระสระปทุม “ ที่เป็นที่ประทับของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก่อนว่ามีความสำคัญต่ออารยธรรมประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างไร

 

วังสระปทุม ตั้งอยู่บริเวณถนนพระรามที่ 1 และถนนพญาไท กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บริเวณเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยอาณาเขตทางด้านทิศเหนือติดคลองแสนแสบ ทิศตะวันออกติดคลองอรชร ริมวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ทิศใต้ติดถนนพระรามที่ 1 และทิศตะวันตกติดถนนพญาไท ปัจจุบันอยู่กลางย่านเศรษฐกิจที่คึกคัก มากด้วยศูนย์การค้าและโรงแรม ในเขตปทุมวัน เป็นที่สงบเงียบ ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่นานาชนิด

 

สมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) มีพระราชดำริ จะพระราชทานที่ดินบริเวณถนนปทุมวัน หรือถนนพระรามที่ 1 ให้เป็นสถานที่สร้างวัง ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ พระราชโอรสซึ่งประสูติแต่สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

 

แต่เนื่องจากในขณะนั้นพระองค์ได้เสด็จไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา จึงยังไม่มีการสร้างพระตำหนักขึ้น ตราบกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) จึงได้พระราชทานสิทธิ์ในที่ดินให้เป็นของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ในเวลาต่อมา

 

หลังจากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นั้น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าได้เสด็จออกมาประทับภายนอก พระบรมมหาราชวัง พระองค์โปรดฯ ที่ดินบริเวณนี้มาก ถึงแม้ว่าในขณะนั้นบริเวณประทุมวัน ถือว่าเป็นที่ดินที่อยู่ห่างไกลจากความเจริญ รวมทั้งการคมนาคมก็ลำบากมาก

 

พระองค์ทรงเตรียมการปลูกพระตำหนัก เพื่อจะเสด็จมาประทับอยู่เป็นการถาวร โดยพระองค์ทรงคิดผังพระตำหนักเอง เนื่องจากทรงมีความรู้เรื่องทิศทางลมและฤดูกาลเป็นอย่างดี ในระหว่างการก่อสร้างพระตำหนักนั้น พระองค์ได้เสด็จมาประทับ ณ พลับพลาไม้ริมคลองแสนแสบ ซึ่งเป็นที่ประทับชั่วคราวบ่อย ๆ เมื่อพระตำหนักสร้างเสร็จแล้ว สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าได้เสด็จเข้าประทับ ณ วังสระปทุมเป็นการถาวรตราบจนเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2498

 

บริเวณโดยรอบวังในสมัยนั้นเดิมเป็นที่สวน สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าโปรดให้ปลูกพืชผักหลายชนิด เช่น กล้วย มะม่วง ขนุน เป็นต้น โดยทรงนำผลผลิตต่าง ๆ ที่ได้นั้นสำหรับตั้งโต๊ะเสวย รวมทั้งพระราชทานผลผลิตทางการเกษตรเหล่านั้นไปยังวังเจ้านายต่าง ๆ ส่วนที่เหลือ เช่น ใบตอง เชือกกล้วย กล้วยสุก ได้นำออกจำหน่ายได้รายได้ปีหนึ่ง ๆ เป็นเงินหลายร้อยบาท โดยส่วนหนึ่งพระองค์ ทรงใช้สำหรับเลี้ยงดูข้าราชบริพารและทะนุบำรุงวังสระปทุม

 

หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ทรงสำเร็จการศึกษากลับมายังประเทศไทยแล้ว สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า โปรดให้สร้างพระตำหนักขึ้นอีกหลังเพื่อใช้เป็นที่ประทับของพระราชโอรส โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ได้ประทับอยู่พระตำหนักนี้จนสิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2472

 

อย่างไรก็ตาม วังสระปทุมยังคงใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเรื่อยมาจนกระทั่งพระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2538 หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานวังสระปทุมให้เป็นที่ประทับของ “ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “ จนถึงปัจจุบัน

 

ปัจจุบัน พื้นที่ของวังแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกเป็นพื้นที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ส่วนที่ 2 เป็นพื้นที่ให้เช่าทำศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เช่น สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน สำหรับพื้นที่ส่วนที่เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีนั้น ประกอบด้วยพระตำหนักและเรือนต่าง ๆ ดังนี้

 

พระตำหนักใหญ่เป็นตำหนัก 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน ทาสีเหลืองทั้งองค์พระตำหนัก โดยมีลักษณะเด่นอยู่ที่ฝาผนังใกล้เพดานชั้นบนซึ่งเป็นปูนปั้นรูปดอกไม้ ตั้งอยู่เกือบกลางของวังสระปทุม สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งพระองค์มีพระราชดำริในการสร้างพระตำหนักองค์นี้ทั้งเรื่องทิศทางการวางตำแหน่งของอาคาร และห้องต่าง ๆ โดยพระองค์เอง

 

ทรงใช้ก้านไม้ขีด หางพลูเรียงเป็นรูปร่างห้อง และให้หม่อมเจ้าจันทรนิภา เทวกุล เขียนร่างเอาไว้ และส่งให้สถาปนิกออกแบบถวายตามพระราชประสงค์ พระตำหนักใหญ่นี้จึงได้รับแสงแดดและมีการถ่ายเทอากาศได้ดี ห้องทุกห้องได้รับลมเสมอกัน หลังจากสร้างพระตำหนักเสร็จแล้วสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าได้เสด็จประทับ ณ พระตำหนักแห่งนี้ตลอดพระชนมายุ

 

พระตำหนักเขียว เป็นพระตำหนักแรก ที่สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับภายในวังสระปทุม สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 พระองค์จึงได้เสด็จประทับ ณ พระตำหนักแห่งนี้ พระตำหนักเขียวตั้งอยู่บริเวณริมคลองแสนแสบ เป็นพระตำหนักก่ออิฐถือปูน ทาสีเขียว เคยใช้เป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์

 

เช่น พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระมเหสีและพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จมาประทับเมื่อสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดียังทรงพระเยาว์

 

พระตำหนักใหม่ หรือ พระตำหนักสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์

หลังจากสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ทรงสำเร็จการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา พระองค์ได้เสด็จมาประทับที่วังสระปทุมเป็นการถาวร ดังนั้น สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าโปรดให้สร้างพระตำหนักแห่งนี้ขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับของพระราชโอรส โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ทรงให้หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากรซึ่งทรงเคยรู้จักเมื่อประทับอยู่ต่างประเทศเป็นสถาปนิก โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2467

 

รูปแบบของพระตำหนักมีลักษณะเป็นแบบอังกฤษ สร้างอย่างประณีตและอยู่สบาย ชาววังเรียกพระตำหนักแห่งนี้ว่า "พระตำหนักใหม่" ใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2472 และใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีตราบจนพระองค์สวรรคตในปี พ.ศ. 2538

 

พิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ (พระยศขณะนั้น) และคุณสังวาลย์ ตะละภัฏ (พระยศขณะนั้น) จัดขึ้น ณ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2463 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์ประธานและพระราชทานน้ำสังข์ นอกจากนี้ ยังมีการจดทะเบียนเป็นหลักฐานตามแบบแผนของทางการราชสำนักด้วย

 

พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (พระยศขณะนั้น) และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร (พระยศขณะนั้น) จัดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ณ พระตำหนักใหญ่ วังสระปทุม โดยสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงเป็นองค์ประธาน ในการนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย ในทะเบียนสมรสและโปรดให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรลงนามในทะเบียนนั้นพร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชสักขีลงนามในทะเบียนนั้นด้วย

 

หลังจากนั้น สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าเสด็จออกในพระราชพิธีถวายน้ำพระพุทธมนต์เทพมนต์แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและทรงรดน้ำพระพุทธมนต์เทพมนต์แด่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสตามโบราณราชประเพณี ต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรขึ้นเป็น "สมเด็จพระราชินี"

 

หลังจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จประทับ ณ วังสระปทุมแล้ว พระองค์ทรงระลึกถึงพระราชปรารภ แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชดำริว่าวังสระปทุมเป็นสถานที่สำคัญแห่งพระราชวงศ์และชาติ สมควรที่จะจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจึงทรงจัดตั้ง "พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า" ขึ้นภายในวังสระปทุม

 

เพื่อเป็นแหล่งศึกษาพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าอย่างถูกต้อง และครบถ้วน โดยทรงใช้พระตำหนักใหญ่ที่ประทับของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ โดยสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินไปในการเปิด “พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ณ พระตำหนักใหญ่ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2551

 

ภายใน “พระตำหนักใหญ่” หรือ “พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” ได้จัดแสดงเป็นห้องต่างๆ ไว้เป็น 3 ช่วงเวลา ห้อง “ยุววัฒน์รัชกรณีย์” ภายในจัดแสดงอ่างสรงของในหลวง ที่ใช้สรงเมื่อทรงพระเยาว์ จดหมายลายพระหัตถ์ของพระบรมราชชนก จดหมายของสมเด็จย่า โทรเลขของสมเด็จพระพันวัสสา เป็นต้น

 

ต่อมาเป็นห้องที่จัดแสดงถึงช่วงแรก ซึ่งเป็นช่วงของการสร้างพระตำหนักแล้วเสร็จ และสมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จฯ กลับจากต่างประเทศมาประทับอยู่ ซึ่งจัดแสดงใน “ห้องพิธี” และ “ห้องรับแขก” โดยในช่วงนี้ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญอันเป็นมงคลยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย กล่าวคือ ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระบรมราชชนกกับสมเด็จย่า ครั้งยังทรงเป็น นางสาวสังวาล ตะละภัฏ รัชกาลที่ 6 เสด็จฯ มาพระราชทานน้ำสังข์ ณ พระตำหนักใหญ่ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2463

 

ห้องที่จัดแสดงในช่วงที่สอง “ราชประดิพัทธภิษิต” เป็นช่วงที่สมเด็จพระบรมราชชนก ทรงเสกสมรสและมีพระราชธิดาแล้วหนึ่งพระองค์ ทรงพาครอบครัวเสด็จฯ กลับจากประเทศอังกฤษและมาประทับอยู่ที่วังสระปทุมอีกวาระหนึ่ง การจัดสิ่งของเครื่องใช้ในห้องแสดงของพิพิธภัณฑ์ในช่วงนี้ ได้แก่ “ห้องเทา” และ “ห้องทรงพระอักษร”

 

ส่วนจัดแสดงในช่วงสุดท้าย “ราชกฤตย์กตัญญุตา” จัดแสดงใน “ห้องทรงพระสำราญ” “ห้องทรงนมัสการ” และ “ห้องพระบรรทม” เป็นช่วงเวลาที่สมเด็จพระบรมราชชนกมีพระราชโอรสเพิ่มขึ้นอีก 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาแพทย์เสด็จกลับจากสหรัฐอเมริกาพร้อมครอบครัว

 

นอกจากนี้บริเวณ “เฉลียงพระตำหนักใหญ่ชั้นบน” ในช่วงปลายพระชนม์ชีพ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าโปรดที่จะประทับตรงเฉลียงบนหน้าห้องพระบรรทม ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นห้องทรงนมัสการ เมื่อทรงตื่นบรรทมแล้วจะเสด็จออกมาประทับที่เฉลียงตลอดทั้งวัน และเสวยพระกระยาหาร ณ ที่นี่ด้วย ซึ่งบริเวณนี้มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างยิ่ง

 

เนื่องจากเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีอันเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า คือ ทรงเป็นประธานในพิธีราชาภิเษกสมรสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับดอกไม้ธูปเทียนแพ และพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์ และเจิมพระนลาฏแก่ทั้งสองพระองค์

 

นอกจากการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ณ พระตำหนักใหญ่ แล้ว เพื่อเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนม์ 7 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าได้ดำริจัดนิทรรศการ “บรมกษัตริย์วัฒนสถาน” ณ หอนิทรรศการ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระราชประวัติ และพระราชจริยาวัตรอันเกี่ยวเนื่องด้วยวังสระปทุม

 

แต่แล้ว สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีการออกกฎหมายเวนคืนวังสระปทุม ในสมัยรัฐบาลเลือกตั้งนายกปูเน่าลงนาม โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มีการอ้างว่า เคยมีกรณีพิพาทกันตั้งแต่สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยในสมัย นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ปี 2539 ได้มีการจัดทํา ประชาพิจารณ์

 

เนื่องจากเกิดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงาน ของรัฐกับประชาชนชุมชนบ้านครัว อันเนื่องมาจากโครงการทางด่วนแยกอุรุพงษ์ – ราชดำริ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยชาวชุมชนบ้านครัวได้ร่วมกับชุมชนเพื่อนบ้านใกล้เคียง ต่อสู้คัดค้านโครงการดังกล่าวมานานกว่า 16 ปีตั้งแต่สมัยที่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งรับผิดชอบการทางพิเศษแห่งประเทศไทย

 

ให้ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อพิจารณาถึงความสมประโยชน์และความจำเป็นของโครงการ เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2536 โดยเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางขึ้นชุดหนึ่ง ทําหน้าที่ดำเนินการไต่สวนหา ข้อเท็จจริง และให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยประกาศชี้แจงแผนงาน เอกสารข้อเท็จจริง พร้อมทั้งขอมีส่วนร่วมในการไต่ถามและเสนอพยานหลักฐานและข้อมูลโต้แย้ง ตลอดจนให้การดำเนินการดังกล่าวกระทํา โดยเปิดเผยต่อสาธารณชน และเสนอผลให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือรัฐบาลตัดสินชี้ขาดอีกครั้ง โดยไม่ผูกพันตามความคิดเห็นของฝ่ายใด แต่ให้ชี้แจงเหตุผลอย่างชัดเจนและครบถ้วน

 

หลังจากนั้น พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 243/2536 ลงวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2536 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาประโยชน์ของถนนรวมและกระจายการจราจรต่อระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ขึ้น โดยคณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วย 27คณะกรรมการชุดนี้ได้ได้สรุปผลส่ง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2536

 

โดยคณะกรรมการมีมติชี้ขาดว่า โครงการดังกล่าว “ ไม่เป็นประโยชน์กับการจราจร และไม่เป็นประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังสร้างผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนบ้านครัว โดยภาระที่เกิดจะตกแก่ชุมชนบ้านครัวมากจนไม่เป็นธรรม “

 

แต่เงื่อนไขของโครงการนี้คือ หากรัฐบาลตัดสินใจไม่สร้างจะต้องเจรจาขอแก้ไขสัญญากับบริษัททางด่วนกรุงเทพจำกัด (มหาชน) (BECL) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่รัฐทําสัญญาด้วยเสียก่อน จึงทําให้ฝ่ายการเมืองตัดสินใจใด ๆ ออกมา ในขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยไม่ยอมรับความเห็นของคณะกรรมการ โดยอ้างว่าข้อมูลที่คณะกรรมการนำมาพิจารณาเป็นข้อมูลเก่า

 

จากข้อขัดแย้งดังกล่าว ส่งผลให้ไม่สามารถหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าวได้ ทําให้ต้องมีการรับ ฟังความคิดเห็นรอบที่ 2 คณะกรรมการได้ยืนยันในมติเดิมว่า “ ควรยกเลิกโครงการ” แต่คณะรัฐมนตรีกลับมีมติเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2538 ให้ก่อสร้างต่อไปได้ โดยเลี่ยงลงไปในคลองเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด แม้ว่าการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยวิธีประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ รัฐบาลจะมีมติแย้งกับความเห็นของคณะกรรมการ

 

ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 ได้มีการดำเนินการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะโดยวิธีประชาพิจารณ์ขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการรับ ฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยวิธีประชาพิจารณ์ ระเบียบฉบับนี้มีที่มาจากคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2538

 

ได้แต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการพิจารณาปรับ ปรุงบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง และวิธีปฏิบัติต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปการเมือง”ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาและอนุมัติหลักการร่างระเบียบดังกล่าว และมอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายโภคิน พลกุล) ร่วมกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาในรายละเอียด

 

ทั้งสองได้พิจารณาร่างระเบียบและได้ปรับปรุงชื่อเสียใหม่เป็น “ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับ ฟังความคิดเห็นสาธารณะโดยวิธีประชาพิจารณ์ พ.ศ. ….” หลังจากนั้นสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539

 

ระเบียบฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังการแสดงความคิดเห็นในปัญหา สำคัญของชาติที่มีข้อโต้เถียงหลายฝ่าย สำหรับ เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจของรัฐในการดำเนินงาน อันมีผลกระทบต่อประชาชนและยังไม่มีข้อยุติ

 

เรื่องดังกล่าวก็ชะลอเงียบหายไป 16 ปี ผ่านมาหลายรัฐบาล จนต่อมาจู่ๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 สมัยรัฐบาลที่แล้วที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ได้ฉวยโอกาสช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ต่อเนื่องปี 2555 ที่ประชาชนกำลังสาละวนกับความเดือดร้อนน้ำท่วม แอบให้สภาออกกฎหมายเวณคืนที่ดิน โดยได้ออกพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2555 ให้มีผลบังคับใช้

 

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับที่ว่านั้น คือ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้ทำการสำรวจเขตที่ดินเพื่อเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2550 เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ – บางโคล่ ยังไม่แล้วเสร็จ

 

สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกา บทบัญญัติและ มาตราสำคัญ มีดังนี้

 

มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 ”

มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป

มาตรา 3 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี

มาตรา 4 ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสร้างทางพิเศษ สายแจ้งวัฒนะ – บางโคล่

มาตรา 5 ให้ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตาม พระราชกฤษฎีกานี้

มาตรา 6 เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่เขตราชเทวีและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร มีส่วนแคบที่สุดสามร้อยห้าสิบเมตร และส่วนกว้างที่สุดหกร้อยเมตร ทั้งนี้ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้

มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

 

กำหนดเขตที่ดินบริเวณที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มีส่วนที่แคบที่สุด 350 เมตรและส่วนที่กว้างที่สุด 600 เมตร โดยพื้นที่ที่ถูกเวนคืนเริ่มตั้งแต่ ถ.พระราม 6 ตัดตรงผ่าน ซ.พญานาค ทะลุ ถ.ราชปรารภ บรรจบทางพิเศษเฉลิมมหานคร บริเวณถนนเพลินจิตตัดกับถนนวิทยุ การเวนคืนที่ดินยังครอบคลุมพื้นที่ชุมชนบ้านครัวด้วย

 

โอ้..อะไรนี้รัฐบาลประชาธิปไตย อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แอบงุบงิบออกกฎหมายเวณคืนที่ดิน ไม่เว้นแม้แต่วังสระปทุม ของสมเด็จพระเทพฯ เป็นที่ดินพระราชทานพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)

 

วังที่เคยประกอบพิธีทางประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึก เช่น พิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์(พระยศขณะนั้น) และคุณสังวาลย์ ตะละภัฏ (พระยศขณะนั้น) เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2463 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์ประธานและพระราชทานน้ำสังข์

 

พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (พระยศขณะนั้น) และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร (พระยศขณะนั้น) จัดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 โดยสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงเป็นองค์ประธาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย ในทะเบียนสมรส และโปรดให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรลงนามในทะเบียนนั้น

 

เป็นที่ประทับของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ในราชวงศ์จักรี และปัจจุบันยังเป็นที่ตั้ง “พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา อีกด้วย

 

นี่ยังไม่นับประวัติศาสตร์ทางความทรงจำ ที่ทรงคุณค่าต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีนาถ และเชื้อพระวงศ์อีกมากมาย ที่มิอาจพระเมินคุณค่าได้ ที่พระองค์ทรงตรากตรำพระวรกายมาตลอด เพื่ออุทิศทรงงานให้กับราษฎร์ของพระองค์กว่า 64 ปี

 

จู่ๆ รัฐบาลเผาไทย ออกกฎหมายฉบับเดียว เพื่อเวณคืนวังสระปทุมเก่าแก่ และสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนอีกจำนวนมาก เพียงแค่เอาไปสร้างทางด่วนให้รถวิ่ง แล้วกินเปอร์เซ็นต์ค่าอนุมัติ ให้กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ดำเนินการ งานนี้คงไม่ง่ายเหมือนใจคิด บอร์ดรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ ได้เจอดีกันกับผู้จงรักภักดี และผู้มีอำนาจในยุคสมัยนี้แน่ ๆ

 

ไม่มีใครยอมให้มารังแกเบื้องสูงที่ทรงงานหนักเพื่อราษฏรมาทั้งชีวิตดอก กฎหมายที่ออกมา แล้วไม่ดี ทำคนอื่นเดือดร้อน ก็ควรต้องรีบยกเลิกได้เหมือนกัน !!

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 27 มิ.ย.57 เปิดโปง..บ่อน้ำมัน เพชรบูรณ์ มีการแอบขุดเจาะจริง จนทหารบุกยึดคืนแล้ว

 

จากกรณีกรณี บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ได้สัมปทานสำรวจปิโตรเลียมแหล่งวิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ โดยเริ่มผลิตน้ำมันดิบตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2550 ที่ผ่านมานั้น

 

จนเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.57 เจ้าหน้าที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อน้ำมันดิบของบริษัท อีโก้ โอเรี้ยนท์ รีซอสเซส ในพื้นที่ ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์

 

ต่อมา วันที่ 18 มิ.ย.57 ทหารจึงนำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อ พบการกระทำผิดจริง และหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีให้ประเทศไทยมากว่า 5 ปีแล้ว เป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท

 

** ดูคลิปที่ https://www.facebook.com/photo.php?v=640238129385813

 

และ นายทรงภพ พลจันท์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ได้ออกมาชี้แจงว่าบริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นสัญชาติฮ่องกง และไม่ได้ลักลอบขุด !!

 

และได้มีการตรวจสอบ บริษัท ขุดน้ำมันเพชรบูรณ์ อีโค่ โอเรียน เอ็นเนอยี่ (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด หุ้นใหญ่เกือบ 100% เป็น สัญชาติเบอร์มิวด้า ไม่ใช่เป็นบริษัทสัญชาติฮ่องกง ตามที่ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน แถแบบข้างๆ คูๆ

 

** ตามที่เคยแฉที่https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/247760935413941

 

ถัดมา น.ส.มนสิชา การุณยฐิติ ผู้จัดการฝ่ายบริหารและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด แถลงว่าบริษัทขุดเจาะ สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เฉพาะแปลง L44-V เนื่องจากไม่ได้อยู่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส่วนแปลงอื่นได้หยุดการผลิตตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2555 เนื่องจากสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จังหวัดเพชรบูรณ์ มีคำสั่งให้บริษัทหยุดตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2555 นั้น

 

เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เมื่อวานนี้ คณะเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปทส.บช.ก.)

 

เข้าตรวจยึดพื้นที่ฐานการผลิตน้ำมันดิบแปลง L44-V/D1 , D2 , D3 , D4 รวม 4 หลุมเจาะ เนื้อที่ 7 ไร่ 58 ตารางวา ของบริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส (ประเทศไทย ) จำกัด หมู่ 4 บ้านหนองบัวขาว ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ หลังตรวจสอบพบว่าที่ดินอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และยังไม่ขออนุญาตใช้พื้นที่

 

จากนั้น คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกการตรวจยึด มอบให้นายฉัตรชัย นราวัฒน์ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.7 (น้ำร้อน) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัท ฐานกระทำผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 โดยตั้งฐานขุดเจาะสำรวจและผลิตน้ำมันดิบโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อพนักงานสอบสวน สภ.วิเชียรบุรี

 

ต่อมา นายนาวิน พรรณธรรม ผู้จัดการฝ่ายบริหารและมวลชนสัมพันธ์ และ น.ส.กรองกมล สันตจิตร เจ้าหน้าที่กฎหมายที่ดินบริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส(ประเทศไทย )จำกัด ได้เข้ายื่นเอกสารแสดงทรัพย์สินของบริษัทกับพนักงานสอบสวน จากนั้นชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า “ เป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย “..อ้าววว..

 

เพราะก่อนหน้านี้บริษัทได้ทำหนังสือสอบถามไปยัง 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้รับคำยืนยันว่าที่ดินแปลงดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบ จึงอาศัย พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ที่บริษัทได้รับสัมปทานแล้วดำเนินการ

 

อย่างไรก็ตามเมื่อรับทราบว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตพื้นที่ป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ก็ยินดีจะทำเรื่องขออนุญาตให้ถูกต้อง และเพื่อป้องกันความเสียหาย จึงหยุดการเจาะสำรวจและผลิตน้ำมันดิบในหลุมเจาะ L44-V ทั้ง 4 หลุมเจาะไว้ก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนในข้อกฎหมาย...มันง่ายไปไหมเนี่ย ?

 

แล้วที่ผ่านมา 5-6 ปี ภาษีที่หลบเลี่ยงจ่ายให้รัฐไปหลายหมื่นล้าน จะจ่ายคืนให้ชาติอย่างไร? และบริษัท นี้หุ้นใหญ่บริษัทขุดเจาะน้ำมัน เพชรบูรณ์ จดทะเบียนที่เกาะฟอกเงิน บริติชเวอร์จิน-เบอร์มิวด้า โน่น..จริงๆ ใครเป็นเจ้าของหุ้นเกือบ 100% จำนวน 16.99 ล้านหุ้นนั้นกันแน่

 

หลักฐานชัดแอบลักลอบขุดน้ำมันมานานหลายปี ชาติเสียหายยับเยินขนาดนี้..หน่วยงานที่เคยเถียงคอเป็นเอ็น อยู่ไหน? เงินภาษีหลายหมื่นล้านที่เสียไปจะจ่ายคืนเมื่อไร ? และไม่เห็นต้องมีความจำเป็นใดๆ อนุญาตให้บริษัทนี้ขุดน้ำมันต่อ...

 

แย่แล้ว นักการเมืองเลือกตั้งเผาไทย ที่อ้างประชาธิปไตย แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังบริษัทนี้ ทำประเทศเจ๊งอีกแล้ว..!! นี่ถ้าไม่มี คสช.เข้ามาและยึดบ่อน้ำมันกลับไปเป็นของชาติ ปลิงต่างชาติ และนักการเมืองเห็บ โลน จะต้องดูดกินทรัพยากรของชาติ โดยหลบเลี่ยงภาษีไปอีกนานเท่าไร

 

แล้วประชาธิปไตย จากการเลือกตั้งซื้อเสียงแบบนี้..มันให้ประโยชน์อะไรกับคนอำเภอวิเชียรบุรี คนเพชรบูรณ์ และคนไทยทั้งชาติบ้าง ? และนักการเมืองแฝงตัวส่งบริษัท แบบนี้อีกกี่บริษัท มาแอบขุดเจาะน้ำมันไปขาย แล้วก็ลบเลี่ยงการจ่ายภาษีให้หลวง

 

การมีนักแสวงโชคทางการเมือง ที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งในประเทศไทย มันยังจำเป็นอยู่อีกหรือ ?

 

@ เสธ น้ำเงิน4

https://www.facebook.com/topsecretthai

 

หมายเหตุ โปรดงดโพสลิ้งใดๆ ทุกชนิด / บทความจากแหล่งอื่นที่ทำให้เกิดความสับสนในเนื้อหากับผู้อ่าน / ออกความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทความตอนนี้ / โพสภาพที่เกิดความแตกแยก / ให้ร้าย คสช./ นำข่าวลือจากที่อื่นมาโพส ฯลฯ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อคเข้าเพจนี้

10406929_248985401958161_7938445928905282980_n.jpg

 

10505427_248985351958166_6606552951283002411_n.jpg

10325617_248985365291498_8702280572875142861_n.jpg

10492147_248985385291496_2127555814949801045_n.jpg

 

10394105_248985418624826_4243477481311796279_n.jpg

983720_248985405291494_1925915857211037099_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

...บทความล่าสุดจากเพจ หมื่นทิวา พันราตรี รวมบทความ"รูปนามแห่งกลลวง"... ๒๗/๖/๕๗

----------------------------------------------------------------

...“เสรีไทย” ชื่อนี้สูงเกินไป….เป็นได้อย่างมากแค่ ตลก คณะ “ สี่ตัวบาท ”

(หมื่นทิวา พันราตรี ; เบาๆวันศุกร์ที่ ๒๗/๖/๕๗)

 

…เอาอีกแล้ว...ไอ้พวกนี้ ใช้วิธี “โหน” ตลอด...ก่อนหน้านี้ เคยไปจัดการชุมนุมที่ถนนอักษะ ใกล้เขตพระราชฐาน ก็สร้างกระแสปล่อยข่าวลวง ว่า มีเจ้านายสนับสนุน... มาตอนนี้ เอาอีก ไปโหน วีรกรรมของ “วีรชน...เสรีไทย” ....

... ชื่อเสียงและ เกียรติศักดิ์ ของ “วีรชน...เสรีไทย” นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า เป็น คณะบุคคลที่ ได้สร้างวีรกรรมเพื่อ ปกป้องชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน ให้รอดพ้นจากการรุกราน ข่มเหงรังแกของต่างชาติ .... ไม่ว่าชาติไหนทั้งสิ้น !!!

...ซึ่งที่จริงแล้ว ชื่อ “เสรีไทย” นั้น เป็นชื่อที่ คนไทยทั่วไป สามารถใช้ได้ ไม่มีใครหวงห้าม .... ขอเพียง มีหัวใจที่ จะปกป้องและภักดีต่อ ประเทศชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน.. เท่านั้นพอ...แต่ต้องไม่ใช่…

...(๑) นายทักษิณฯ นักโทษหนีคดี ผู้นำลัทธิ การบริหารบ้านเมืองแบบคอรัปชั่น ระบบอุปถัมภ์ มาใช้ในการแสวงหาประโยชน์เข้าตัวเอง ญาติพี่น้องและพรรคพวก ... ที่หนักไปกว่านั้น อยู่เบื้องหลังกลุ่มล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ..(อ่านเพิ่มเติมได้จากบทความhttps://www.facebook.com/765270463517191/photos/a.765274300183474.1073741828.765270463517191/765544980156406/?type=1&theater )

...(๒) นายจารุพงศ์ฯ อดีต รัฐมนตรีที่มีข่าวยักยอก สมบัติล้ำค่าในกระทรวงกลับไปไว้ที่บ้าน และต้องสงสัยพัวพัน คดีไม้เถื่อน บุกรุกที่ป่าสงวน และสะสมอาวุธสงครามของลูกชายตัวเอง ... ที่สำคัญ อาจพัวพันถึงขบวนการแบ่งแยกดินแดน สปป.ล้านนา ก่อนหน้านี้...

..(๓) E-PEN กระเทยขายชาติ ที่มีคลิป โฆษณา ชวนเชื่อ .....จาบจ้วงและมีแนวคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันยังคงหนีคดี ละเมิดมาตรา ๑๑๒

...(๔) ฝรั่งขี้นก...ทำตัวเป็น Lobbyist... รับใช้ทรราช ประสานงานให้ ต่างชาติเข้าใจผิดประเทศไทย นำเสนอข้อมูลผิดๆ ปกปิดความเลวร้ายที่รัฐบาลทรราชได้ทำไว้ เรียกว่า ทุกทางที่จะบ่อนทำลายประเทศไทยได้ .... ไอ้ฝรั่งคนนี้ จัดให้เต็มที่...

.... คนหลบหนีคดี คนคิดทำลายชาติบ้านเมือง และล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ มีอะไร ตรงไหน ที่คู่ควรกับคำว่า “เสรีไทย” ...คงมีเพียงความพยายามที่จะ....เร่งรัดกระบวนการเลือกตั้ง .... เพื่อให้ตนเองและพรรคพวก กลับมามีอำนาจใหม่อีกครั้ง ให้เร็วที่สุด...โดยอาศัยการ ล็อบบี้ ให้ต่างชาติเข้าใจผิดๆ และกดดันประเทศไทย ต่างๆนานา… โดยเฉพาะ ชาติตะวันตก...ที่มีผลประโยชน์เกื้อหนุนกันอยู่ ... สังเกตได้จาก เมื่อมีกระแส ปฏิรูปพลังงานมากขึ้น “ชาติตะวันตก” ยิ่งดิ้นรน กดดันประเทศไทยและคนไทยมากขึ้น...

…ด้วยความคิดที่เป็นพิษเป็นภัย ต่อชาติและราชบัลลังก์ นำต่างชาติมากดดันทำร้ายชาติบ้านเมือง เช่นนี้....คนกลุ่มนี้ จึงเป็นได้แค่ .... ตลกคณะ “สี่ตัวบาท”..... บอกให้เลยว่า....ไม่มีวันชนะ “หัวใจไทย”

.... เพราะ... “หัวใจไทย..ทุกดวง...ทุกคน”... นับแต่อดีตจนปัจจุบัน...มี “สายเลือดของนักสู้” ... และจะต่อสู้ได้ดีมากๆ ในสภาวะที่เสียเปรียบและ ถูกกดดัน ... ไม่ว่าจะเป็น กองทัพของสมเด็จพระนเรศวร ,พระเจ้าตากสิน ,ชาวบ้านบางระจัน รวมถึงวีรชนเสรีไทย ที่ได้ต่อสู้กับอริราชศัตรู ทั้งๆที่เสียเปรียบในทุกๆด้าน และถูกกดดันจากฝ่ายตรงข้ามต่างๆนานา....โดยวีรชนทุกท่าน ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือ การปกป้องชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชนให้อยู่รอดปลอดภัย ...... เดินเกมผิดอีกแล้ว “ไอ้แม้ว เอ้ย” …. ขอบคุณที่ เร่งปลุกกระแส “ชาตินิยม ความรักชาติ และความสามัคคี” ให้กลับมาเร็วขึ้น อีกครั้ง

(๑) http://youtu.be/LOSwSXuyFkI

(๒) http://youtu.be/UYGmlTxAv1E

@ หมื่นทิวา พันราตรี รวมบทความ"รูปนามแห่งกลลวง"

10430842_668078073247308_3598473465702059545_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
10492243_1431690927107698_7413823617905658726_n.jpg?oh=024261ebe1c1ddc9fe374c8ffe147e3b&oe=54140BB5&__gda__=1411526658_31b3bdf8fe5cb2c5452cd63389e51e44 ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'ท่านใหม่'ไขปมรับสั่ง'พระเทพฯ' แฉหลักฐานเหตุ'เขาไม่ให้อยู่วัง'

http://www.naewna.com/politic/110090

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยิ่งกว่าเด้งเข้ากรุ ให้ไปอยู่ตำแหน่งผี จะมีโต๊ะทำงานให้ไหมเนี่ย :D

สุดยอด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยิ่งกว่าเด้งเข้ากรุ ให้ไปอยู่ตำแหน่งผี จะมีโต๊ะทำงานให้ไหมเนี่ย :D

สุดยอด

+________-

 

วันที่ 27 มิ.ย.57 มีคำสั่ง เด้ง บิ๊กข้าราชการระดับสูงละลอกใหญ่ไปนั่งตบยุง ปลัดพลังงานโดนแล้ว

 

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีประกาศเด้งข้าราชการ สั่งให้ข้าราชการระดับสูงหลายกระทรวงที่ถูกโยกย้ายก่อนหน้านี้ พ้นจากตำแหน่งอย่างชัดเจน และให้ผู้ที่รักษาการในตำแหน่งที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ ดำรงตำแหน่งเป็นตัวจริง โดยให้มีผลทันทีนับแต่นี้ ที่น่าสนใจคือ

 

พล.อ.นิพันธ์ ทองเล็ก พ้นจากปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม

 

ธงทอง จันทรางศุ พ้นจากปลัดสำนักนายกฯเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

 

ธาริต เพ็งดิษฐ์ พ้นจากอธิบดีกรมสบสวนคดีพิเศษ เป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

 

พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง พ้นจาก เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

 

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ พ้นจากปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

 

สุวิจักษณ์ นาควัชระชัย พ้นจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

 

อรรถพล ใหญ่สว่าง พ้นจากอัยการสูงสุด เป็นที่ปรึกษาอัยการสูงสุด

 

สุรชัย ศรีสารคาม พ้นจากปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

 

พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข พ้นจากเลขาธิการ ปปท. เป็นที่ปรึกษาในปลัดกระทรวงยุติธรรม

 

นายราฆพ ศรีศุภอรรถ พ้นจากอธิบดีกรมศุลกากร เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง

 

นายปรียา กันธิยะ พ้นจากปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

 

นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ พ้นจากปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ

 

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ พ้นจากเลขาธิการการอุดมศึกษา เป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ

 

นายอภิชาติ จีระวุฒิ พ้นจากเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ

 

*** และมีข้าราชการที่แต่งตั้งใหม่ มีดังนี้

 

พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม

 

นายตระกูล วินิจนัยภาค รองอัยการสูงสุด เป็นอัยการสูงสุด

 

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

 

นางเมธินี เทพมณี ผู้ตรวจราชการกระทรวงไอซีที เป็นปลัดกระทรวงไอซีที

 

นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นเลขาฯ ศอ.บต.

 

นายจเร พันธุ์เปรื่อง รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

 

พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบ.ตร. เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

 

น.ส.ชุติมา บุณญประภัศร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์

 

นายประยงค์ ปรียาจิตต์ รองเลขาธิการ ป.ป.ท. เป็นเลขาธิการ ป.ป.ท.

 

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นอธิบดีกรมศุลกากร

 

นายกฤษดา จีนะวิจารณะ ที่ปรึกษา สศค. เป็น ผอ.สศค.

 

นายอภินันท์ โปษยานนท์ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็น ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เป็น ปลัดกระทรวงพลังงาน

 

นายกำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา

 

นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็น ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ

 

นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการ กพฐ. เป็น เลขาธิการ กพฐ.

 

หึๆ..ฝันแม่น..คงมีขยับกระชับอำนาจ อีกหลายละลอก โดยเฉพาะคนที่ไม่สนองนโยบาย คสช.ในการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศไทย และยังต่อสายถึงคนแดนไกล

 

ช่วงนี้เข้าหน้าฝนแล้วยุงเยอะ ต้องการบิ๊กข้าราชการไปคอยนั่งตบยุง

 

@ เสธ น้ำเงิน2

https://www.facebook.com/thailandcoup

 

หมายเหตุ โปรดงดการโพสลิ้งใดๆ ทุกชนิด หรือ ข้อความ / ข่าวลือ / ภาพต้าน คสช.ในคอมเม้นท์เด็ดขาด ใครฝ่าฝืนจะถูกบล็อคเข้าเพจนี้

 

10431450_311563452344169_1036017089576963693_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 28 มิ.ย.57 DSI ยุคใหม่ไร้ธาริต จับตัวไวพจน์ แดงตัวเอ้หนีหมายเรียก

 

DSI ยามไร้ริดสีดวง และมีหัวใหม่หมาดๆ ตามคำสั่ง แต่ตั้งจาก คสช.เริ่มมีผลงาน เมื่อเข้าจับกุมตัว พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตตำรวจนอกราชการ แกนนำแดง นปช.ขาใหญ่ กำแพงเพชร และอดีต ส.ส.เผาไทย ได้ที่ห้องรับรองขณะรอเข้าประชุมบอร์ดการประปาส่วนภูมิภาค ที่เขาได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลก่อน

 

เขาเป็นแกนนำแดงสายก่อความรุนแรงตั้งแต่ปี 52-53 มีการวิทยุชุมปลุกปั่นประชาชนแถวกำแพงเพชร และมีการเฉี่ยวหมิ่นเบื้องสูงตลอดเวลา เคยประกาศในสถานีโทรทัศน์เอเซียอาบแดด ว่าให้คนเสื้อแดงก่อสงครามกลางเมือง ให้คนตายมากๆ เหมือนเขมร คว่ำพลิกฟ้าเป็นดิน

 

และเขายังเคยปลุกปั่นให้คนเสื้อแดงยอมสละชีพสัก 1,000 คน เพื่อปกป้องแกนนำให้ปลอดภัย และล้มสถาบันฯ เขาถูก คสช.เรียกไปรายงานตัว แต่เบี้ยวหนีไปเขมร จนโดนเขมรกดดันหนัก อยู่ไม่ไหวจนต้องกลับเข้าประเทศไทยมา และโดนจับกลางกรุงในที่สุด

 

DSI ลองไปรื้อสำนวนคดีหมิ่น และก่อการร้ายปี 53 ของแกนนำแดงที่ค้างราว 50 กว่าคดี เพราะริดสีดวงซ่อนไว้ รับรองมีแดงตัวเอ้ๆ ติดคุกตลอดชีวิตกันทั้งหมด ตัั้งแต่คนแดนไกล ยันลูกจ๊อกปลายแถว

 

@ เสธ น้ำเงิน2

https://www.facebook.com/thailandcoup

 

หมายเหตุ โปรดงดการโพสลิ้งใดๆ ทุกชนิด หรือ ข้อความ / ข่าวลือ / ภาพต้าน คสช.ในคอมเม้นท์เด็ดขาด ใครฝ่าฝืนจะถูกบล็อคเข้าเพจนี้

10453455_311170989050082_4413350715002386925_n.jpg?oh=d844c3736ac8b975437371cd0aca12e9&oe=542D31DD&__gda__=1411139685_332ce0b75920cec9cf0883e53e14da15

10460128_311677068999474_1617186436469259180_n.jpg

 

10369863_311670029000178_866325636517191762_n.jpg

 

 

10505456_311205292379985_4758850104976203913_n.jpg

10487322_311205272379987_1763097924061947066_n.jpg

10475218_311205252379989_4303372712974124056_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 28 มิ.ย.57 ตรวจข้าวสารในโกดังปทุม หายไปเกือบแสนกระสอบ

 

ตามที่มีชาวบ้านแจ้งให้ คสช.และทหารทราบว่ามีการลักลอบขโมยข้าวในโกดังที่รัฐบาลก่อน ฝากไว้ในโครงการจำนำข้าว และนำข้าวหักมาปลอมปน

 

ดังนั้นทหาร ร.2รอ.และตำรวจ สนธิกำลังกว่า 100 นายบุกเข้าตรวจค้นโกดัง บริษัท ฟินิกส์อกริเทค หมู่ 5 บางกระดี ปทุมธานี จากการตรวจสอบพบมีกองข้าวล้อม ตรงกลางมีนั่งร้าน และไม้อัดวางทับปิดไว้

 

พอเปิดออกมากลับไม่มีกระสอบข้าว ส่วนข้าวที่มีก็หักป่น และเสียหายมอดกินเกือบหมด และมีการเทข้าวทิ้งเล่นไว้กราดเกลื่อน เหมือนของไร้ค่า และไม่ใช่ภาษีประชาชนจำนำไว้

จากการตรวจกับบัญชีคุมพบข้าวหายไปกว่า 91,000 กระสอบ มูลค่าความเสียหายราว 70 ล้านบาท โดยโกดังแห่งนี้อยู่ในความดูแลของ อคส. และคนเช่าโกดังก็เชิดเงินหนีหายไปแล้วโดยไม่รับผิดชอบ

 

นี่แค่ตรวจเจอโกดังนี้ยังเสียหายมากขนาดนี้ เป็นผลงานอัปยศ ของรัฐบาลเลือกตั้งที่แล้ว ถ้าตรวจทุกโกดัง ผลออกมาเป็นอย่างไรก็พอจะคาดได้

 

นี่แหละจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมปูเน่า และบริวารทำไมไม่ยอมลาออกง่ายๆ เพราะมันมีความผิดเต็มไปหมด ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นหน้าที่ของ ปปช.ที่ต้องเร่งดำเนินการตามพยานหลักฐาน

 

เพราะตามกฎหมายปัจจุบัน ที่ออกมาโดยรัฐบาลเลือกตั้ง นักการเมือง ข้าราชการ ประชาชน ใช้กฎหมายคนละฉบับกัน ในการลงโทษ จึงต้องใช้กฎหมายเก่าไปก่อนจนกว่าจะมีการปฏิรูปแก้กฎหมายใหม่โดยรัฐบาลเฉพาะกาลให้เรียบร้อย ขั้นตอนจัดการนักการเมือง และข้าราชการจึงจะได้ดั่งใจ

 

นี่คือคำตอบที่หลายคนชอบถาม ว่าทำไมจัดการคนผิด และยึดทรัพย์ใครยังไม่ได้ซะที คำตอบก็คือมันเป็นกฎหมายที่รัฐบาลเลือกตั้งเขาทิ้งมรดกไว้ให้ไงและมันยังไม่ได้แก้ เพราะ คสช.เพิ่งทำงานได้เพียงเดือนเดียว !!

 

วิธีที่ดีที่สุดกฎหมายเดิมเขาก็ให้อำนาจประชาชนไว้แล้ว คือ ไม่เลือก ส.ส.และรัฐบาลแย่ๆ แบบนี้เข้ามา แต่ประชาชนก็กลับไม่ใช้อำนาจตนเองซะงั้น ดันไปเลือกนักการเมืองขี้โกงแบบนี้เข้ามาเป็นนายสั่งข้าราชการ จนประเทศวินาศไปหมด

 

การตามล้างตามเช็ดปัญหาที่หมักหมมมานานกว่า 2 ปี ภายในเดือนเดียว จึงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ในพริบตา

 

@ เสธ น้ำเงิน2

https://www.facebook.com/thailandco

===

10433156_311600132340501_8827555038200440773_n.jpg

10371368_311600149007166_4590475083759995769_n.jpg

 

10458874_311600152340499_8152025556519226702_n.jpg

วันที่ 28 มิ.ย.57 อเมริกันทำตัวกร่างนัก เจอรัสเซีย และจีนสวน เลิกใช้เงินดอลลาห์

 

รายงานจากกรุงมอสโก ของรัสเซียยืนยันว่า บริษัท “กาโซวายา โปรมีชเลนนอสต์” หรือชื่อย่อที่รู้จักกันทั่วไปว่า “กาซปรอม” ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซีย ซึ่งครองตำแหน่งผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศว่า “ยกเลิกการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ” ในทางบัญชีอย่างสิ้นเชิง โดยจะเริ่ม “นำร่อง” ใช้วิธีการนี้กับกรณีที่มีการติดต่อซื้อขายด้านพลังงานกับรัฐบาลจีน หรือบริษัทเอกชนของจีนก่อน โดยเตรียมหันมาใช้เงินรูเบิลของรัสเซีย และเงินหยวนของจีน เป็นสื่อกลางในการซื้อขายก๊าซธรรมชาติอย่างเต็มตัว

 

ประธานบริหารฝ่ายการเงินของกาซปรอม ระบุว่า การตัดสินใจเลิกใช้เงินดอลลาร์ในการซื้อขายก๊าซธรรมชาติครั้งนี้ ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต่างเชื่อมั่นว่า “การยุติบทบาทของเงินดอลลาร์ในตลาดพลังงาน” จะไม่ส่งผลกระทบทางลบใดๆ ต่อทั้งบริษัท รวมถึงรัฐบาลรัสเซียและจีน โดยคาดว่า การหันมาใช้เงินรูเบิลและเงินหยวนแทนนั้น จะสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบภายใน 1 ปี หรืออย่างช้าไม่เกิน 2 ปี

 

ประธานใหญ่ของกาซปรอม ประกาศว่า การยกเลิกใช้เงินดอลลาร์อเมริกันในการซื้อขายด้านพลังงาน ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดนับตั้งแต่ที่กาซปรอมก่อตั้งกิจการเมื่อปี 1989 และคาดหวังว่า จะมีการหันไปใช้เงินตราสกุลอื่นๆ เป็นสื่อกลางในตลาดพลังงานโลกมากขึ้นในอนาคต

 

“นี่คือข่าวที่น่ายินดีที่สุดนับตั้งแต่ที่กาซปรอมเปิดตัวสู่ตลาดพลังงานโลกเมื่อปี 1989 ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า การลดบทบาทของเงินดอลลาร์ ถือเป็นเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และในอนาคต บทบาทของเงินตราสกุลอื่นในตลาดพลังงานมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น”

 

ขณะที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียออกมาบอกว่า เวลานี้สถานะและความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกาในเวทีโลกกำลัง “เสื่อมถอย” ลงอย่างมาก และการเสื่อมถอยที่ว่านี้ เป็นผลพวงโดยตรงจากการที่รัฐบาลอเมริกัน “ทำตัวกร่าง” และมีพฤติกรรมแทรกแซงประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพียงเพื่อ “ปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง”

 

พร้อมย้ำว่า การตัดสินใจของกาซปรอม ในการเลิกใช้เงินดอลลาร์เป็นสื่อกลางทางบัญชีครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของ “บทเรียนล้ำค่า” อีกหลายบทเรียนที่สหรัฐฯกำลังจะได้รับ และเป็นสัญญาณเตือนว่า ทั่วโลกกำลัง “หันหลังให้อเมริกา”

 

ก่อนหน้านี้ รัสเซียและจีนเพิ่งบรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่มีการลงนามเมื่อ 21 พฤษภาคม ระบุว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีขนาดของเศรษฐกิจ “ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” และยังเป็นชาติที่มีการ “บริโภคพลังงาน” มากเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ตกลงสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียในวงเงินมหาศาลคิดเป็นเงินไทยราว “12.95 ล้านล้านบาท”

 

โดยที่ข้อตกลงดังกล่าวนี้ ครอบคลุมการส่งมอบก๊าซธรรมชาติจากแดนหมีขาว สู่แดนมังกรนานถึง 30 ปีเต็ม และกาซปรอมจะทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้กับทางไชน่า เนชันแนล ปิโตรเลียม (CNPC) ที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลจีนในปริมาณ “38,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี”

 

วันก่อนจีนก็ไปเยือนกษัตรืย์ของอังกฤษ และอังกฤษตกลงจ้างจีนทำอภิมหาโปรเจคสารพัด และค่าเงินที่จ่ายกัน คือ เงิน หยวน โดยยกเลิกการจ่ายเงินดอลลาห์

 

ปัจจุบันอเมริกามีหนี้สาธารณะ 158 ล้านๆ เหรียญ หรือราวงบประมาณรายจ่ายของไทย 2,198 ปี หรือมากกว่า GDP ของประเทศทั้งโลก 2 เท่า แถม EU มีสมาชิกแค่ 17 ประเทศ กรีซ เจ๊งทั้งประเทศไปนานแล้ว ตอนนี้สเปนกำลังจะเจ๊งไปอีกประเทศแล้ว

 

อเมริกา กับ EU เศรษฐกิจจะดิ่งลงเหวแล้ว..ขืนใครใช้ดอลลาห์ซื้อขายกันทางบัญชีในอนาคต เงินอาจไม่ต่างค่าจากแบ็งค์กงเต็ก ที่ใช้ในอีกภพ แต่ใช้ชาติปัจจุบันไม่ได้

 

@ เสธ น้ำเงิน4

https://www.facebook.com/thailandcoup

 

หมายเหตุ โปรดงดการโพสลิ้งใดๆ ทุกชนิด หรือ ข้อความ / ข่าวลือ / ภาพต้าน คสช.ในคอมเม้นท์เด็ดขาด ใครฝ่าฝืนจะถูกบล็อคเข้าเพจนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 28 มิ.ย.57 ต้นตะเคียน 3 คนโอบ ดันแพจากใต้น้ำจนเอียง

 

บริเวณริมน้ำวัดพญาไม้ ต.โคกหม้อ อ.เมือง จ.ราชบุรี พบตอตะเคียนขนาดใหญ่ โผล่ดันแพเหล็กริมตลิ่งขนาดใหญ่ลอยขึ้นมาสูงเอียงขึ้นมาเหนือน้ำ บริเวณใต้แพมีตอไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ 3 คนโอบ ตอไม้อยู่ในท่าตั้ง มีความสูงประมาณ 3 เมตร มีรากยาวแผ่รอบประมาณ 3 เมตร

 

นางรัตน์ ใจกล้า อายุ 54 ปี ผู้อาศัยอยู่ในเรือที่พบเห็นเป็นคนแรก เล่าว่า บริเวณแพริมน้ำแห่งนี้จะเป็นท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ที่ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่จะล่องเรือเที่ยวชมวิถีชีวิตริมแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งทุกวันจะมีเรือมาจอดบริเวณนี้กว่า 10 ลำ จะเป็นเรือขนาดใหญ่ แต่เมื่อคืนช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ได้ยินเสียงดังเหมือนมีอะไรมาดันแพ ตนจึงเดินมาดู ซึ่งตอนนั้นมันมืดและเห็นว่าแพกำลังถูกดันขึ้น ก็รอจนถึงเช้าจึงไปดูก็พบตอไม้ขนาดใหญ่

 

จึงไปเรียกให้ชาวบ้านและพระมาดู ตอนนั้นตอไม้ขนาดใหญ่กำลังดันแพลอยขึ้นสูง ประกอบกับช่วงที่น้ำกำลังลงทำให้แพลอยและเห็นตอไม้ชัดเจน และพบว่าเป็นตอไม้ตะเคียน จึงได้ใช้เรือใหญ่ 3 ลำมาดึงตอไม้ตะเคียน ออกนำเชือกผูกและทำการดึง ในขณะลากเชือกเกิดขาดและตอไม้ก็ไม่ขยับเลย ต่อจากนั้นตนจึงได้จุดธูปอธิฐานถ้าอยากจะขึ้นอยู่ที่วัดพญาไม้ ก็ขอให้ขยับออกมาจะได้นำขึ้นไปไว้บนวัด

 

จากนั้นก็เริ่มดึงอีกรอบปรากฎว่าตอไม้ก็ขยับออกมาแต่ไม่มาก โดยจะต้องทำพิธีในการอัญเชิญตอตะเคียนขึ้นมาอีกครั้ง ด้านนายโกมล พะวง อายุ 65 ปี เจ้าของเรือที่จอดอยู่ใกล้กับแพดังกล่าว ก็บอกว่าตั้งแต่มาอยู่ที่วัดนี้ยังไม่เคยพบเห็นตอไม้ขนาดใหญ่แบบนี้ใต้น้ำมาก่อน และลักษณะอยู่ในน้ำมานานหลายสิบปีแน่ เพราะลอยคราบตะไคร่น้ำเกาะเต็ม

 

ที่สำคัญลอยมาในแนวตั้งตรง โดยเฉพาะลอยมาเลียบกับแนวริมตลิ่งซึ่งมีน้ำตื้น และบริเวณนี้ก็มีเรือขนาดใหญ่จอดอยู่กว่า 10 ลำ ไม่รู้ว่ารอดใต้ท้องเรือเข้ามาอยู่ตรงแพได้อย่างไร ก็เป็นเรื่องที่แปลก แต่ตอนนี้ต้องรอให้น้ำขึ้นก่อนจึงจะดูว่าขยับออกมาได้หรือไม่

 

ของไทยก็มีของแปลกๆ กับเขาเหมือนกัน ยุค คสช.แม้แต่ไม้เคยอยู่ในน้ำมานาน ยังอยากขึ้นมาอยู่บนฝั่ง น้ำลดต่อผุดจริงๆ สงสัยงานนี้ขึ้นจากน้ำมาได้ โดนรุมขูดแทงหวยแสบไปทั้งต้นแน่ๆ

 

@ เสธ น้ำเงิน3

https://www.facebook.com/thailandcoup

10513399_311595109007670_8136651862358583044_n.jpg

==\วันที่ 27 มิ.ย.57 พิลึกโลก ท่อเหล็กโบราณทะเลสาบในจีน อายุกว่า150,000 ปี

 

เกิดเรื่องโคตรงง ในวงการโบราณคดี อาจถึงขั้นต้องรื้อการแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์กันใหม่เลยทีเดียว ราวเมื่อปี 2545 ได้มีการส่งนักวิทยาศาสตร์คณะหนึ่งไปตรวจวิเคราะห์ “ พีระมิดลี้ลับ “ ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลชิงไห่ ใกล้กับภูเขาไป๋กง

 

เมื่อไปถึงที่นั่น พวกเขาได้ค้นพบถ่ำ 3 แห่ง และเห็นท่อเหล็กอยู่เต็มไปหมด มันจุ่มอยู่ในทะเลสาบน้ำเค็ม ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกัน นักวิทยาศาสตร์คณะนี้ถึงกับสะดุ้ง เมื่อทดสอบแล้วทราบว่า ท่อเหล็กเหล่านี้อาจมีอายุเก่าแก่ถึง 150,000 ปี

 

จากการคำนวณอายุโดยสถาบันธรณีวิทยา ถ้าท่อเหล็กจากอดีตกาลสร้างด้วยน้ำมือของมนุษย์จริง ๆ แล้ว ก็น่าจะถูกถลุงเมื่อประมาณ 150,000 ปีก่อน การคำนวณอายุใช้วิธีการ ที่เรียกว่า การเรืองแสงด้วยความร้อน ( thermoluminescence) ซึ่งสามารถวัดได้ว่า ผลึกแร่โดนแสงอาทิตย์ หรือความร้อนมานานเท่าไร

 

ทว่าตามที่นักวิทยาศาสตร์ศึกษาค้นคว้ากันมา ยุคเหล็ก ซึ่งเป็นยุคที่มนุษย์เริ่มนำเหล็กมาทำเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ในการดำรงชีวิตมีอายุไม่นานถึงขนาดนั้น อีกทั้งมีมนุษย์อาศัยอยู่ในภูมิภาคแถบนี้ก็เมื่อ 30,000 ปีล่วงมาแล้ว หรือแม้แต่ในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีนั้น มนุษย์พวกเดียว ซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ก็คือพวกคนเร่ร่อน ซึ่งมีวิถีการดำรงชีวิต ที่ไม่น่าจะทิ้งวัตถุเช่นท่อเหล็กดังกล่าวไว้ให้มนุษย์ยุคหลังดูต่างหน้าได้

 

ฉะนั้น หากไอ้เจ้าท่อเหล็กปริศนาเป็นฝีมือของมนุษย์ทำขึ้นมาจริง ๆ นักประวัติศาสตร์ก็คงจะต้องประเมินองค์ความรู้เกี่ยวกับยุคก่อนประวัติศาสตร์กันใหม่ จนถึงขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ยังพลิกตำราและบรรดาทฤษฎีทั้งหลายแหล่ เพื่อพยายามหาเหตุผลความเป็นไปได้เกี่ยวกับเรื่องนี้

 

นักวิจัยประจำสถาบันสังคมศาสตร์ของจีน เชื่อว่า ท่อเหล็กเหล่านี้สร้างโดยสิ่งที่มีปัญญาเฉลียวฉลาด ขณะที่อีกหลายคนคิดว่า ท่อเหล็กน่าจะก่อตัวขึ้นมาจากน้ำมือของธรรมชาติ โดยอาจเกิดจากกระบวนการกลายเป็นฟอสซิลของรากไม้ หรือการแข็งตัวของหินหลอมละลาย ซึ่งระเบิดขึ้นมาจากใต้พิภพ และเป็นหินหลอมละลายที่อุดมด้วยแร่เหล็ก

 

แต่เรื่องลึกลับดำมืดยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากพบว่า ท่อเหล็กบางอันเป็นธาตุกัมมันตรังสี !..อ้าว การไขปริศนาท่อเหล็กแห่งทะเลสาบชิงไห่จึงยังไม่จบลงง่าย ๆ

 

แถมหลักฐานโบราณคดี พิลึกกึกกือที่พบบนแดนมังกร เมื่อปีที่แล้ว นักโบราณคดีเพิ่งค้นพบขลุ่ยอายุเก่าแก่ถึง 9,000 ปี ในมณฑลเหอหนัน ซึ่งยังคงเป็นปริศนาท้าทายให้ค้นหาคำตอบจนบัดนี้..หนักเข้าไปอีกงานนี้

 

เพราะมนุษย์ยุค 9,000 ปี ยังไม่มีขลุ่ย และมาอาศัยเมื่อ 30,000 ปีเอง แล้วท่อเหล็กบางอันเป็นธาตุกัมมันตรังสีอายุ 150,000 ปี ได้ไงเนี่ย ??

 

ชาติที่จะไขปริศนาเรื่องนี้ได้ คือ อเมริกา แต่มีข้อแม้ว่าต้องชำระหนี้สาธารณะ 158 ล้านๆ เหรียญ หรือราวงบประมาณรายจ่ายของไทย 2,198 ปี ก่อน..แล้วค่อยเริ่มการเข้าไปตรวจสอบท่อเหล็กในจีนได้

 

@ เสธ น้ำเงิน4

https://www.facebook.com/thailandcoup

 

หมายเหตุ โปรดงดการโพสลิ้งใดๆ ทุกชนิด หรือ ข้อความ / ข่าวลือ / ภาพต้าน คสช.ในคอมเม้นท์เด็ดขาด ใครฝ่าฝืนจะถูกบล็อคเข้าเพจนี้

10361598_311583505675497_4682849506019012585_n.jpg

 

10431450_311563452344169_1036017089576963693_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 27 มิ.ย.57 กบกางเกงใน ถูกตำรวจจับโดยไม่มีข้อหาและถามว่า “ มึงเปลี่ยนสีทำไม ? “

 

นาย วีรชาติ เปรมกมล หรือ กบกางเกงใน ได้โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กและให้สัมภาษณ์นักข่าวว่าหลังกลับบ้านที่กำแพงเพชร 1 วัน เขาออกไปช่วยน้องกับแม่ ขายกล้วยทอด กลับมาบ้านตำรวจ 5 คน ไม่ได้แต่งเครื่องแบบ มีปืนพก มาเรียก “ ไอ้กบ” แล้วไม่ยอมพูดอะไร ก็จับขึ้นรถไปโรงพัก แล้วบอกกับเขาว่ามีหมายจับ

 

พอไปถึงตรวจสอบแล้วว่าไม่มี ก็ปล่อยก่อนกลับจับถ่ายรูปแล้วจับตรวจฉี่ ปรากฏว่าไม่พบก็ปล่อย แล้วตำรวจก็พูดทิ้งท้าย “มึงเป็นฮีโร่แล้วมึงได้อะไร? มึงเปลี่ยนสีเสื้อทำไม ? พวกมันให้อะไรมึงเหรอ ? โง่ที่ทำไปโดยไม่ได้ผลประโยชน์อะไร ? “ กบก็ไม่พูดอะไรแล้วก็กลับบ้าน

 

ในอดีตเขาเคยเป็นเสื้อแดงหัวรุนแรง เมื่อปี 52 – 53 แล้วกลับใจได้ เพราะรักในหลวง จึงมาร่วมประท้วงรัฐบาลเผาไทย กับ กปปส.เมื่อ 7 เดือนที่แล้ว..

 

ที่น่าสงสัยคือ ตำรวจกำแพงเพชร จับกบโดยไม่มีหมายจับ และไม่แจ้งข้อหาใดๆ ?? และโกหกหลอกเขาว่ามีหมายจับ ทั้งที่ไม่มี ?? แล้วตำหนิกบว่าเปลี่ยนสีจากเสื้อแดงทำไม ??..

 

เป็นการขัดนโยบาย คสช.เรื่องความปรองดอง ไม่สร้างความขัดแย้ง และขัดคำสั่งหนังสือสั่งการจาก ผบ.ตร.แจ้งแนวในการปฎิบัติหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศไปแล้ว ในยามที่ คสช.ต้องการคืนความสุขให้ประชาชน..

 

ช่วงนี้เห็นมีข้าราชการ และตำรวจหลายจังหวัด ที่คล้ายๆ กำแพงเพชร นี้..มีดึ๋งๆๆ

 

@ เสธ น้ำเงิน2

https://www.facebook.com/thailandcoup

 

หมายเหตุ โปรดงดการโพสลิ้งใดๆ ทุกชนิด หรือ ข้อความ / ข่าวลือ / ภาพต้าน คสช.ในคอมเม้นท์เด็ดขาด ใครฝ่าฝืนจะถูกบล็อคเข้าเพจนี้

10441203_311554982345016_3284466841579066573_n.jpg

 

10390349_311555022345012_445268069755027303_n.jpg

 

10488014_311554995678348_5391439742900239106_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10325541_388438111298860_1715298114408744819_n.jpg

 

1959386_388438347965503_212514832350622111_n.jpg10155268_388438514632153_479659539152671448_n.jpg

 

เมื่อสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

เสด็จออก ณ ชั้น 2 ของพระตำหนักแล้ว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ฯ ทูลเกล้าฯ

ถวายดอกไม้ธูปเทียนเครื่องราชสักการะ

สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

ประทานน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

และพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์แก่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์

ตามโบราณราชประเพณี พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ

และบุคคลที่ได้รับเชิญมาร่วมในพระราชพิธี ทูลเกล้าฯ ถวายของขวัญ

ในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานของที่ระลึกเป็นหีบบุหรี่เงินขนาดเล็ก

ประดับอักษรพระนามาภิไธยย่อ ภ.อ. และ ส.ก

1464596_385722828237055_5452548826136230992_n.jpg

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกำหนดให้วันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2493

เป็นวันประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ วังสระปทุม

อันเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

เมื่อใกล้ถึงเวลาพระฤกษ์ เวลา 09.30 น. หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร

ทรงนำหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ไปยังวังสระปทุม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย

และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ลงนามในสมุดทะเบียนสมรส ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

ให้ราชสักขี 2 คน คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี,

พลเอกมังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงนามด้วย

เช่นเดียวกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร พระบรมวงศ์ที่ทรงนับถือ

10253852_388437457965592_642420023996746798_n.jpg?oh=9f21954eeeb0717931d22fcc36de951a&oe=540F2253&__gda__=1410358638_00089d5191b4d4de4675f41bc4a906ac

10308722_388437501298921_6898080678905363595_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...