ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 3, 2014 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
กมลทิพย์ 146 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 3, 2014 ขอบคุณค่ะคุณginger เพลินภาพสวยๆและได้ความรู้สุขภาพดีมากๆ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
yot111 510 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 3, 2014 หวัดดีวันศุกร์คับคุณ ginger เพื่อนๆ Venezuelan Poodle Moth ตัวมอธสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งมีการค้นพบในแถบประเทศเวเนซูเอล่าเมื่อปี 2009 ที่ผ่านมานี้เองครับ ด้วยลำตัวที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยเหมือนสุนัขพุดเดิ้ล ทำให้ใครๆ ต่างก็เรียกมันแบบนี้ แถมยังเป็นตัวมอธที่หน้าตาน่ารักซะด้วยสิ 2 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 4, 2014 (มีการแก้ไข) ในหลวง-พระราชินี เสด็จประทับ รพ.ศิริราช 04 ตุลาคม 2557 เวลา 10:43 น. ประชาชน ทยอย รอเฝ้าฯ ในหลวง ราชินี เสด็จประทับรพ.ศิริราช เวลา....... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1x8qoqM “ในหลวง-ราชินี” เสด็จฯกลับเข้าทรงประทับ รพ.ศิริราช อีกครั้ง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 ตุลาคม 2557 01:58 น. “ในหลวง-ราชินี” เสด็จฯจากที่ประทับ ณ วังไกลกังวล กลับเข้าสู่โรงพยาบาลศิริราช อีกครั้ง เบื้องต้นพระองค์ท่านทรงมีไข้ คณะแพทย์ถวายการรักษาใกล้ชิด ปชช.ที่ทราบข่าวเฝ้ารับเสด็จฯชื่นชมพระบารมี หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาทรงตรวจพระวรกาย ณ โรงพยาบาลศิริราช ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา รวมเวลาที่ประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช 41 วัน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประทับ ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา วันที่(3ต.ค.) เวลา 21.07 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯประทับรถตู้พระที่นั่ง จากที่ประทับ ณ วังไกลกังวล กลับเข้าสู่โรงพยาบาลศิริราช อีกครั้ง โดยถึงประตู 8 โรงพยาบาลศิริราช เวลา 23.00 น. ท่ามกลางพสกนิกรที่ทราบข่าวมาเฝ้ารับเสด็จฯ ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด . ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเบื้องต้นพระองค์ท่านทรงมีไข้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา ดูแลใกล้ชิด อย่างไรก็ดีรอฟังแถลงการณ์จาก สำนักพระราชวังอีกครั้ง ในวันพรุ่งนี้ คำต่อคำ“ประยุทธ์คืนความสุข” สั่งเร่งเบิกจ่ายงบ คาดมีเม็ดเงินเข้ากระตุ้น ศก. 2.5 แสน ล. ลั่นแต่ต้องโปร่งใส ถูกแก้ไข ตุลาคม 4, 2014 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 4, 2014 ขอบคุณค่ะคุณginger เพลินภาพสวยๆและได้ความรู้สุขภาพดีมากๆ สวัสดีค่ะทิพย์ มีความสุขวันหยุดนะคะ สวัสดีเพื่อนๆพี่น้อง ทุกคน.... y0t Hong milo Goldleng อยากเล่นด้วยตน พี่ปุณณ์ น้อย papon Google Facebook พวงชม เด็กสยาม ... ... ... บายใจจิงๆๆ ท่านอนวันหยุด มานอนแข่งกัน หยีตามาดูหน่อยยย zzzzzzz.... 1,000,000 pic 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 4, 2014 กินติมกานมั๊ยยยย หย่อยจนต้องหลับตา ทั้งเย็นนนนทั้งหย่อยยยย อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 4, 2014 นักทำกืจกรรมประจำบ้านนน มีแนวร่วมช่วยแจม อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 4, 2014 ชวนไปเต้นกานเถอะ นู๋จะโต wow น้องคนดี พี่ช่วยนะ สาวน้อย 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 4, 2014 (มีการแก้ไข) แฉ..ความลับ 12 hours ago · Edited วันที่ 4 ต.ค.57 รอยแค้นฝังใจ..จากสงครามฝิ่นกว่า 100 ปี สู่สงครามเงินตราที่ฮ่องกง ชาวแมนจู อาศัยอยู่ในเขตแมนจูเรีย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน ในสมัยนั้น ชาวแมนจูเพียงเป็นกลุ่มชนเร่ร่อนทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งยังไม่มีคนรู้จักมากนัก พ.ศ. 2187 ในช่วงที่ราชวงศ์หมิงเกิดจลาจล และการเมืองไร้เสถียรภาพ ชาวแมนจูถือโอกาสรวบรวมกำลังพล โดยผู้นำตระกูลอ้ายซินเจว๋หลัว และเข้าบุกยึดกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นราชธานีของราชวงศ์หมิงได้ และสถาปนาอาณาจักรต้าชิง พ.ศ. 2187 – 2455 ราชวงศ์ชิง หรือบางครั้งเรียกว่า ราชวงศ์แมนจู ปกครองแผ่นดินจีนต่อจากราชวงศ์หมิง ฝิ่นเป็นยาเสพย์ติดที่ชาวจีนติดกันอย่างงอมแงมและติดกันมานาน ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเจิ้น ราชวงศ์ชิง เคยมีดำริที่จะทำการปราบปรามฝิ่นแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ชาวจีนส่วนใหญ่ยังติดฝิ่นเรื่อยมา จนถึงรัชสมัยของจักรพรรดิเต้ากวง ปีที่ 19 พระองค์มีเจตนารมณ์อย่างแรงกล้าที่จะทำการปราบฝิ่น ทรงแต่งตั้งหลินเจ๋อสวี เป็นผู้ตรวจราชการสองมณฑล ขึ้นเป็นผู้นำในการกวาดล้างฝิ่นจากแผ่นดินจีน หลินเจ๋อสวี เริ่มงานด้วยการห้ามค้าฝิ่นในมณฑลกวางตุ้ง และจับพ่อค้าฝิ่นชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดไปคุมตัวในเรือนจำ ใครที่มีหลักฐานว่าค้าฝิ่นจะต้องถูกประหาร และตัดศีรษะเสียบประจาน เพื่อข่มขู่ชาวจีนอื่น ๆ ให้เกรงกลัวจะได้ไม่กล้าค้าฝิ่นอีก นอกจากปราบปรามการค้าฝิ่นในหมู่ชาวจีน หลินเจ๋อสวี ยังได้พยายามฟื้นฟูสุขภาพชาวจีนที่ติดฝิ่น โดยจัดโครงการรณรงค์การอดฝิ่น มีชาวจีนหลายคนที่อดฝิ่นได้สำเร็จ ทางการก็จะประกาศเกียรติคุณ เพื่อให้คนอื่น ๆ เอาเป็นแบบอย่างอันดีที่จะพยายามเลิกฝิ่นให้ได้ จากนั้นหลินเจ๋อสวี ก็สั่งห้ามเรือพ่อค้าต่างชาติที่บรรทุกฝิ่นเข้ามาในอาณาจักรจีน โดยห้ามเรือล่องเข้าแม่น้ำจูเจียงมาเป็นเด็ดขาด และประกาศให้พ่อค้าต่างชาติที่มีฝิ่นในครอบครอง ต้องนำฝิ่นมาส่งมอบให้ทางการจีน แต่พ่อค้าชาวต่างชาติไม่สนใจคำสั่งของหลินเจ๋อสวี ยังคงค้าฝิ่นต่อไป หลินเจ๋อสวี จึงสั่งปิดล้อมย่านการค้าของคนต่างชาติในจีน และบีบให้พ่อค้าต่างชาติส่งฝิ่นให้ทางการจีน หลังจากปิดล้อมอยู่สองวัน พวกพ่อค้าต่างชาติก็ยอมมอบฝิ่นออกมาในที่สุด ฝิ่นที่ยึดได้ครั้งนี้ หลินสั่งให้เอาฝิ่นทั้งหมดไปละลายกับกรดน้ำส้มกับเกลือและน้ำ เพื่อฆ่าฤทธิ์ของฝิ่น แล้วก็โยนทิ้งทะเลไปจนหมดสิ้น ผลจากการปราบปรามฝิ่นอย่างจริงจังของหลินเจ๋อสวี ทำให้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะพ่อค้าอังกฤษ ที่มีผลประโยชน์จากการค้าฝิ่นมหาศาลไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะฝิ่นที่หลินเจ๋อสวีทำลายไปมีจำนวนมหาศาลถึง 20,000 ลัง คิดเป็นน้ำหนัก 2.5 ล้านปอนด์ เนื่องจากฝิ่นเป็นสินค้าที่มีค่าสูง จึงยังมีพ่อค้าต่างชาติทั้งชาวอังกฤษและโปรตุเกส ยังคงลอบค้าฝิ่น แต่เปลี่ยนฐานการค้าจากตัวแผ่นดินใหญ่ในมณฑลกวางตุ้ง ไปอยู่ที่มาเก๊า และเกาะฮ่องกง ซึ่งมีทำเลดีกว่าแทน ฮ่องกง เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ในเขตอำเภอซินอัน เมืองเซินเจิ้น ชื่อเกาะ มีความหมายว่า "ท่าเรือหอม" เนื่องมาแต่ครั้งที่กวางตุ้ง เป็นแหล่งปลูกไม้หอมชนิดหนึ่ง ส่งขายเป็นสินค้าออก ต้องมาขนถ่ายสินค้ากัน ที่ท่าเรือน้ำลึกตอนใต้สุดของแผ่นดินจีน ด้วยภูมิประเทศของฮ่องกง ที่เป็นเมืองท่าน้ำลึก เหมาะแก่การจอดเรือสินค้าขนาดใหญ่ จึงทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโลก กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้มีเรือของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร นำโดยกัปตันชาร์ลส์ อีเลียต แล่นผ่านน่านน้ำ ระหว่างแหลมเกาลูน และเกาะแห่งหนึ่งที่ร่ำลือกันว่า เป็นที่หลบลมพายุของพวกโจรสลัด กัปตันอีเลียต เกิดได้กลิ่นหอมชนิดหนึ่ง จึงจอดเรือและขึ้นฝั่ง ส่งล่ามลงไปสอบถาม ได้ความว่าเป็นท่าเรือหอม ใช้ขนถ่ายไม้หอม จึงเกิดความประทับใจ เมื่อกัปตันอีเลียต เดินทางกลับสู่สหราชอาณาจักร และได้รับการแต่งตั้งให้ไปประจำการฝ่ายการพาณิชย์ของสหราชอาณาจักร ในภาคพื้นเอเซีย ซึ่งขณะนั้นเอง ประเทศสหราชอาณาจักรซึ่งปกครองโดยพระนางวิกตอเรีย กำลังต้องการอาณานิคมในแถบทะเลจีนใต้ เพื่อใช้เป็นที่จัดส่งสินค้า หรือฝิ่นนั่นเอง การกระทบกระทั่งระหว่างจีน กับ อังกฤษยังคงมีต่อมา เมื่อชาวจีนถูกกะลาสีเรือชาวอังกฤษฆ่าตายที่เกาลูน หลินเจ๋อสวี ให้ทางอังกฤษส่งตัวกะลาสีที่ก่อเหตุมารับโทษตามกฎหมายจีน แต่กัปตันเอลเลียตของอังกฤษปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ผลจากการกระทบกระทั่งกันครั้งนี้ ทำให้หลินเจ๋อสวี ขับไล่ชาวอังกฤษทั้งหมดออกจากมาเก๊า แต่พ่อค้าเหล่านี้ก็ไปตั้งหลักที่ฮ่องกงแทน ปี พ.ศ. 2382 อังกฤษซึ่งขาดดุลทางการค้าเป็นจำนวนมากกับจีน ได้ดำเนินการส่งออกฝิ่นไปที่จีนเพื่อลดปัญหาขาดดุลการค้า ทำให้มีปัญหาเรื่องการค้าฝิ่นในแถบกวางตุ้งของจีน กัปตันเอลเลียต ขอความช่วยเหลือไปทางรัฐบาลอังกฤษ ในยุคของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นยุคสมัยของการล่าอาณานิคม จึงเป็นข้ออ้างถือเป็นเหตุในการทำสงครามกับจีน โดยสั่งให้บริษัทอีสต์อินเดีย ซึ่งเป็นบริษัทการค้าของรัฐบาลอังกฤษ ส่งกองเรือไปช่วยที่ฮ่องกง ทำให้เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 ขึ้น เมื่อกองเรือรบกองแรกมาถึง ซึ่งประกอบไปด้วยเรือปืนจำนวน 28 ลำ หลินเจ๋อสวี ไม่เคยมีประสบการณ์กับการรบกับอาวุธที่ทันสมัยเช่นนี้ จึงถูกโจมตีจนกองเรือจีนพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว หนำซ้ำพวกขุนพลของจีนที่สู้แพ้อังกฤษ ยังไม่กล้ารายงานสถานการณ์ตามความเป็นจริง ทำให้หลินเจ๋อสวีเข้าใจผิดว่ากองเรือของจีนเอาชนะกองเรืออังกฤษได้ ปี พ.ศ. 2383 หลินเจ๋อสวี ถวายรายงานกับพระจักรพรรดิเต้ากวงว่า จีนได้รับชัยชนะ และยิ่งแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อพวกอังกฤษยิ่งขึ้น ฝ่ายกองเรือรบอังกฤษก็บุกเข้าปากแม่น้ำจูเจียง และยึดเมืองกวางซูเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งเคลื่อนกองเรือรุกเข้ามาในแผ่นดินจีนขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังส่งกองเรือจำนวนหนึ่งไปยึดเมืองท่าริมทะเลเอาไว้ด้วย ความทราบถึงพระจักรพรรดิเต้ากวง จึงทรงตำหนิหลินเจ๋อสวีอย่างรุนแรง และปลดหลินเจ๋อสวีจากตำแหน่งทั้งหมด เนรเทศไปยังซินเจียง และส่งแม่ทัพฉีซานมาแทน แต่ฉีซานไม่สามารถต้านทานแสนยานุภาพของอังกฤษได้ พ.ศ. 2384 กัปตันอีเลียต จึงตัดสินใจยกพลขึ้นบกที่ท่าเรือกลิ่นหอม และประกาศให้ดินแดนแถบนั้นเป็นของสหราชอาณาจักร หลังจากจีนพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่น ปลายศตวรรษที่ 19 เกาะฮ่องกง และ ดินแดนตอนปลายคาบสมุทรเกาลูน จึงตกเป็นอาณานิคม มีเหตุการณ์ที่น่าขัน และสร้างความขายหน้า ให้กับพระราชินีวิคตอเรียยิ่งนัก ที่กองทหารสหราชอาณาจักร เข้ายึดเกาะที่มีแต่หินโสโครก หาประโยชน์ไม่ได้เลย กัปตันอีเลียตจึงถูกลงโทษด้วยการส่งไปเป็นกงสุลสหราชอาณาจักรประจำรัฐเท็กซัสแทน ปี พ.ศ. 2385 กองทัพอังกฤษบุกเข้ายึดเมืองนานกิงได้ จนกระทั่งในที่สุดจำเป็นต้องเจรจาสงบศึกกับอังกฤษ ที่เมืองนานกิงนั่นเอง และยอมเซ็นสนธิสัญญาที่ชาวจีนถือว่าอัปยศที่สุด ที่เรียกว่าสนธิสัญญานานกิงในปีเดียวกันนั้น เนื้อหาในสนธิสัญญาฉบับนี้ อังกฤษบังคับให้จีนเปิดเมืองท่าตามชายทะเลเพื่อค้าขายกับอังกฤษ รวมทั้งขอสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเหนือดินแดนจีน คนที่ถือสัญชาติอังกฤษ จะไม่ต้องขึ้นศาลจีน รวมทั้งสิทธิใด ๆ ที่อังกฤษได้ ต่างชาติอื่น ๆ ก็ต้องได้ด้วย แม้ว่าเนื้อหาของสนธิสัญญานี้ จีนต้องเสียเปรียบอังกฤษเป็นอย่างมาก แต่จีนก็จำต้องเซ็นสัญญาเพื่อยุติสงครามที่จีนเสียเปรียบอย่างเทียบไม่ติด วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2403 ในรัชกาลสมเด็จพระจักรพรรดิเสียนเฟิง ปีที่ 10 ตามสนธิสัญญาปักกิ่ง จีนก็สูญเสียเอกราชบนคาบสมุทร เกาลูนไปอีก วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2441 ตรงกับรัชกาลจักรพรรดิกวังซวี่ ปีที่ 24 จีนและสหราชอาณาจักรกระทบกระทั่งกันเรื่องการค้าฝิ่นเรื่อยมา เกิดสงครามฝิ่นถึงสองครั้ง หลังสงครามฝิ่นครั้งที่สองนี่เอง สหราชอาณาจักรได้บีบบังคับให้จีนทำสัญญา สหราชอาณาจักรได้ทำสัญญา “เช่าซื้อ” สัญญาเช่า 99 ปี โดยกำหนดวันหมดสัญญาไว้วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2540 พื้นที่ทางตอนใต้ของลำน้ำเซินเจิ้น ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า เขตดินแดนใหม่ (New Territories) รวมทั้งเกาะรอบข้าง และเกาะรายรอบอีก 235 แห่ง ซึ่งมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่กว่าเมื่อครั้งสหราชอาณาจักรเข้ายึดครองในสมัยสงครามฝิ่นเกือบสิบเท่า นับแต่นั้น เซินเจิ้น และฮ่องกง ก็ถูกแบ่งแยกการปกครองออกจากกัน พ.ศ. 2443 คนจีนกว่า 13 ล้านคน ยังคงติดฝิ่นอยู่ เศรษฐกิจของจีนถูกทำลายลงอย่างย่อยยับจากการที่จีนต้องนำเข้าฝิ่นเป็นจำนวนมากมายมหาศาล และราชวงศ์ชิงก็ตกอยู่ในภาวะแห่งการล่มสลาย พ.ศ. 2475 ญี่ปุ่นเข้า ยึดแมนจูเรีย ตลอด 30 ปีหลังจากที่ญี่ปุ่นได้เข้าครอบครองประเทศจีน ชาวจีนหลายพันคนได้เข้าลี้ภัยในฮ่องกง แรกๆ มีผู้ลี้ภัยเข้าฮ่องกงประมาณ 100,000 คน ไม่นานนักมีผู้ลี้ภัยไหลทะลักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ฮ่องกงมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีประชากรรวม 1.6 ล้านคน ช่วงนั้น ทำให้ประชากรประมาณ 500,000 คนไม่มีที่อยู่อาศัยและต้องใช้ริมถนนเป็นที่หลับนอน สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ชีวิตการจัดระเบียบทางสังคมและเศรษฐกิจของฮ่องกงพังทะลาย พ.ศ. 2484 กองทัพอังกฤษ ยอมจำนน และยกเกาะฮ่องกงแก่ญี่ปุ่น แต่เรือดำน้ำของสหรัฐได้เข้าขัดขวางแผนการณ์ของญี่ปุ่น ที่จะใช้ฮ่องกงเป็นฐาน สำหรับการโจมตีต่อไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออก อีก 4 ปีต่อมาญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงคราม อังกฤษจึงได้เขตดินแดนกลับคืนมาใหม่ หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ พลเรือนจีนก็กลับอพยพเข้ามาในอัตราเกือบ 100,000 คนต่อเดือน ทำให้ฮ่องกงมีมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่าก้าวกระโดด สงครามภายในจีนด้วยกันเอง ทำให้ฮ่องกงจึงมีประชากรทะลักเข้าประเทศในปริมาณมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ ประชากรส่วนใหญ่มาจากมณฑลกวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ และเมืองที่เป็นศูนย์กลางการค้าอื่นๆ ได้อพยพเข้ามา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฮ่องกงมีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีประชากรรวมทั้งสิ้น เกือบ 7 ล้านคน เมื่อใกล้จะครบกำหนดเช่า 99 ปี จีนก็ส่งสัญญาณไปถึงอังกฤษ ว่าจะเอาพื้นที่ที่ให้เช่าคืน อังกฤษเมื่อรู้ตัวก็เสียดาย ไม่อยากจะปล่อยพื้นที่เช่าไป จึงดิ้นรนสุดชีวิต จะขอเช่าต่อให้ได้ แต่จีนไม่ยอมลูกเดียว จะอย่างไรก็ไม่ให้เช่าต่อ เคยมีการเจรจาระหว่างผู้นำสหราชอาณาจักร กับ ผู้นำฝ่ายจีน เพื่อเจรจาขอเช่าเกาะฮ่องกงต่อ แต่ได้รับการปฏิเสธ อังกฤษต่อรองยังไงก็ไม่ได้ผล ท้าจีนให้ไปขึ้นศาลโลก เพื่อจะได้ยื้อเวลาออกไปจีนก็ไม่หลงกล ในที่สุดอังกฤษก็จนมุม ต้องเตรียมตัวคืนพื้นที่เช่าให้จีน จากนั้นอังกฤษก็รีบสร้างระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยให้คนฮ่องกง เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยเป็นการด่วน ทั้งๆที่ยึดฮ่องกงมาเกือบ 100 ปีไม่เคยคิดจะทำ และไม่เคยมีการเลือกตั้งผู้ว่าการเกาะฮ่องกง ฮ่องกงนั้น หัวใจหลักของเศรษฐกิจนั้นไม่ได้อยู่ที่เกาะฮ่องกง หากแต่อยู่ในที่พื้นที่เช่าต่างๆ ใกล้เคียง หากว่าคืนพื้นที่เช่าไป ฮ่องกงก็ทรุดลงอย่างฮวบๆ ยากจะกลับมามีเศรษฐกิจดีได้ อังกฤษเลยตัดสินใจว่า ไหนๆต้องคืนแล้วก็คืนมันไปให้หมดเลย ทั้งพื้นที่เช่าอีกส่วนและเกาะฮ่องกงด้วย จะได้ต่อรองจีน และยังเอาไว้เป็นประเด็นโจมตีจีน เรื่องการปกครอง-สิทธิมนุษยชนได้อีก วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 เมื่อครบเวลาเวลา 99 ปี อังกฤษ จึงจำใจทำพิธีส่งคืนเกาะฮ่องกง ให้แก่จีน และลงนามในสัญญา โดยมีสาระสำคัญว่า สหราชอาณาจักรจะยอมส่งมอบคืนเกาะฮ่องกงให้กับจีน และจีนได้ให้สัญญาว่าจะยอมให้ฮ่องกง อยู่ในฐานะ "เขตปกครองตนเอง" ภายใน 50 ปี คนฮ่องกงที่ฐานะดี แต่ใจฝักไฝ่ตะวันตก หวั่นเกรงกลัวว่าความร่ำรวยของตนจะต้องเสียไปกับระบบคอมมิวนิสต์จีน หลงลืมรากเหง้า ต่างหอบทรัพย์สินจากเอเชียตะวันออก อพยพเอาความมั่งคั่งไปประเทศตะวันตกจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะอพยพไปอเมริกา และแคนาดา ปัจจุบันจีนได้มอบหมายให้ คนของตนเอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการฮ่องกง และจีนได้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้รัฐบาลปักกิ่ง รับผิดชอบด้านกิจการต่างประเทศ การทหาร และความมั่งคงเท่านั้น ส่วนการบริหารยังคงให้อิสระแก่ชาวฮ่องกงเหมือนเดิม ฮ่องกง จึงเป็นเขตบริหารพิเศษ ที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง รัฐบาลจีนใช้นโยบาย "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ปกครองฮ่องกง ตามกฎหมายพื้นฐาน ที่ใช้ปกครอง และบริหารฮ่องกงที่สภาประชาชนจีนอนุมัติ และประกาศใช้เป็นกฎหมาย ให้สิทธิฮ่องกงในการปกครองตนเองอย่างอิสระ สามารถดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การพาณิชย์ ฯลฯ ได้ตามระบบเสรี รัฐบาลจีนได้กำหนดให้ฮ่องกง สามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเสรีต่อไปได้อีกเป็นเวลา 50 ปี จนไปถึง 30 มิถุนายน พ.ศ. 2590 หลังจากนั้น ฮ่องกงจะเปลี่ยนไปปกครองแบบเมืองอื่น ๆ ของจีน ฮ่องกง ในทางภูมิศาสตร์มีสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง และทะเลจีนใต้โอบรอบ เป็นที่รู้จักในสกายไลน์ (skyline) ขยายและท่าเรือธรรมชาติลึก มีพื้นที่รวม 1,096.63 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย เกาะฮ่องกง เกาลูน เขตดินแดนใหม่ (New Territories) และเกาะอื่น ๆ ประชากรกว่า 7 ล้านคน เป็นเขตที่มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดเขตหนึ่งในโลก ประชากรฮ่องกง 93.6% มีเชื้อชาติจีน และ 6.4% มาจากกลุ่มอื่น ประชากรส่วนใหญ่ พูดภาษากวางตุ้งของฮ่องกง กำเนิดจากมณฑลกวางตุ้ง ด้วยทำเลอันเหมาะสม เกาะฮ่องกงก็ยังมีบทบาทสำคัญยิ่ง ในฐานะเมืองท่าการค้าระหว่างประเทศ ฐานที่ตั้งสำคัญของผู้ผลิต การขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะเน้นที่การบริการเป็นหลัก และเป็นเส้นทางสำคัญสู่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ฮ่องกงมีธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลกรวมถึงเป็นศูนย์กลางทางการเงินในด้านสินทรัพย์ภายนอกประเทศ จึงเปรียบฮ่องกงเป็น “ตลาดหุ้นของเอเชีย” พร้อมสรรพด้วยบริการทั้งธนาคาร การประกันภัยระหว่างประเทศ การโฆษณา และการเผยแพร่ ในหมู่อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ฮ่องกงยังเป็นดินแดนผู้นำทางเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ในระดับการค้าโลกและเป็นหนึ่งในกลุ่มดินแดนผู้ส่งออกสินค้าประเภทของเล่น เสื้อผ้า และนาฬิกาชั้นนำของโลก ชาติตะวันตกจึงต้องการปิดล้อมจีน และบล็อกการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน เพื่อลดสัดส่วนเงินหยวนในตลาดการค้าของโลก มีนักลงทุนจากรัสเซีย ได้ค่อยๆ ขายทิ้งเงินดอลลาห์อเมริกา และหันมาถือครองเงินดอลลาห์ฮ่องกงแทน ส่งผลให้ชาติตะวันตก นำโดยอเมริกา จึงต้องทำลายเศรษฐกิจฮ่องกงทิ้งเสีย ทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เกิดการจลาจล และปะทะกัน โดยอ้างว่าสนับสนุนประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน ในฮ่องกง โดยอเมริกาแถลงข่าวว่าสนับสนุน กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ในฮ่องกง ให้ประท้วงจีน โดยมีกลุ่มคนจีนฮ่องกง ที่หลงลืมรากเหง้าตนเอง คล้ายๆ กลุ่มเผาไทย ขบวนการล้มเจ้า และกลุ่มติดอาวุธ นปช. ยอมทำตามที่ชาติตะวันตกชี้นิ้วสั่ง ** เรื่องเดิมการปะทะกันของมวลชนฮ่องกงhttps://www.facebook.com/topsecretthai/posts/275948989261802 คนพวกนี้เจ็บแล้วไม่จำ ไม่ฉุกคิด ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ ว่าฝรั่งตะวันตก กดขี่ข่มเหง ฆ่าฟันบรรพบุรุษคนจีน และทำให้คนจีนติดฝิ่น เศรษฐกิจของจีนต้องถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ และผู้นำรัฐบาลจีนยุคนี้ จะไม่มีวันให้ความคิดของชาติตะวันตกบรรลุผลอีกครั้ง เพราะความเจ็บปวดในอดีตมันยังฝังใจ และรอวันแก้แค้นมานานกว่า 100 ปีแล้ว จะปล่อยให้โอกาสแบบนี้ผ่านไปได้อย่างไร...ม็อบ กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ในฮ่องกง..โดนดีแน่ๆ @ เสธ น้ำเงิน3 ถูกแก้ไข ตุลาคม 4, 2014 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 4, 2014 แฉ..ความลับ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 4, 2014 วันที่ 3 ต.ค.57 จับตา.. สัญญาณแหลกลาญจากจีนเปิดวาบแล้วที่ฮ่องกง กลุ่มผู้ประท้วง อ็อคคิวพาย เซนทรัล ในฮ่องกง ที่มีแกนนำกลุ่มเป็นคนของอเมริกา ที่ส่งเข้ามาบ่อนทำลายจีน ได้ลองดีด้วยการ จัดการชุมนุมก่อความวุ่นวาย ขัดขวางรัฐบาลจีน ที่จัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมา เพื่อกลั่นกรองคุณสมบัติของผู้สมัครที่จะลงเลือกตั้งเป็นผู้นำเขตการปกครองพิเศษฮ่องกงคนต่อไปในปี 2560 โดยแกนนำกลุ่มนี้ ได้วางแผนให้ฮ่องกงเป็น " ยูเครนตะวันออก" โดย การยุแหย่เยาวชนฮ่องกง ให้ชุมนุมกันตามท้องถนนหลายแห่ง เพื่อก่อความวุ่นวาย และเปลี่ยนเงื่อนไขกับผู้ปกครองเกาะฮ่องกงไปเรื่อย เมื่อได้คืบก็จะเอาศอก การหนุนหลังกลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ในฮ่องกงนี้ แกนนำกลุ่มได้รับการสนับสนุนจาก CIA ของอเมริกา มีการลอบประชุมวางแผนร่วมกันที่นอกเกาะฮ่องกง อย่างเป็นขั้นตอน แล้วเดินทางกลับเข้ามาบงการชักใย มีการจัดการชุมนุมก่อนหน้านี้เมื่อราว 2-3 เดือนก่อน แม้จะระดมคนได้มาก แต่ผู้ปกครองฮ่องกงรู้ทัน จึงแก้เกมส์ได้ ส่งผลให้การชุมนุมที่ผ่านมา สลายตัวเป็นระยะๆ จนกลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ต้องวางแผนกับอเมริกาใหม่ โดยจะต้องให้ " มีคนตาย" เหมือนไทย ปี 2553 และ ยูเครนปลายปี 2556 กลุ่มนี้จึงวางแผนใช้เด็ก และเยาวชน ในระบบการศึกษา ที่หลงลืมรากเหง้าบรรพบุรุษ หลอกใช้ง่าย และมอมเมาง่ายด้วยวัตถุ เป็นเครื่องมือ เพราะมีวุฒิภาวะน้อย มุทะลุ อารมณ์ร้อน หากเกิดการชุนมุนเกิดขึ้น มีความพยายามใช้กลุ่มมวลชน กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล และพันธมิตรอีกหลายกลุ่ม ยั่วยุชาวบ้านท้องถิ่น ให้เกิดความโมโห และไม่สามารถทำมาหากินได้ เพราะเหตุว่าฮ่องกง และเกาลูน มีพื้นที่นิดเดียว แต่แออัดด้วยประชากร ฮ่องกงจัดเป็นพื้นที่ประชากรแออัดมากเป็นอันดับต้นของโลก เศรษฐเดินได้ด้วยการค้า อาหาร การท่องเที่ยว การพนัน ความบันเทิง ฯลฯ ไม่มีพื้นที่เพียงพอทำการเกษตร ดังนั้นเมื่อธุรกิจการค้า ธนาคาร ตลาดหุ้น ต้องหยุดชะงัก และหุ้นร่วงมหาวินาศ การท่องเที่ยวหดหาย มันจะส่งผลสะเทือนหนักหนา เกินพรรณา กระทบเป็นลูกโซ่มากเกินบรรยาย สำหรับคนท้องถิ่นหาเช้ากินค่ำ ธุรกิจขนาดเล็ก ระดับล่าง ที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก ต้องเริ่มควักเนื้อกินบุญเก่า และรายได้ใหม่ไม่เกิดขึ้น รัฐบาลจีน ไม่ได้โง่ ไม่งั้นเขาไม่ปกครองคน 1,400 ล้านคน แม้แต่แคว้นซินเจียง ที่มีชาวมุสลิมอุยกูร์ ราว 100 ล้านคน หรือ ทิเบต ทางตอนเหนือ จนอยู่หมัด ประท้วงกี่ครั้ง จะคนมากเท่าไร ฆ่าทิ้ง ยิงทิ้ง ไม่มีเหลือเหรอ จนเข็ดขยาดไปตามๆ กัน ชาติตะวันตกก็ไม่กล้าแหยม ได้แต่เลียบค่ายไปๆ มาๆ เขารู้จุดอ่อนคนจีนฮ่องกง ที่ถูกอังกฤษ ปกครองแบบเผด็จการมาถึง 99 ปี แต่อังกฤษไม่เคยปล่อยให้มีเสรีภาพเลย กดขี่อย่างมาก จึงไม่ใช้ความรุนแรงปราบปราม เหมือนจุดประท้วงอื่นในดินแดนจีน แต่ปล่อยให้สถานการณ์ภายในฮ่องกง ทำลายตัวเอง ** ดูความเป็นมาการกดขี่โดยอังกฤษที่https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/275991279257573 เพราะยิ่งกลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ประท้วงยาวนานเท่าไร จะยิ่งสร้างความแค้น ให้คนฮ่องกงด้วยกันเองเท่านั้น เพราะคนที่อาศัยในฮ่องกงตอนนี้ หลังหมดสัญญาเช่าจากอังกฤษ มีคนจีนแผ่นดินใหญ่ ได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ เข้ามาทำมาหากินมากมาย และเกิดฐานสังคมใหม่ ขึ้นมาใกล้เคียง คนฮ่องกง เดิม และมีการขยายอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ คนกลุ่มนี้แหละ คือ " ทหารประชาชน" ของรัฐบาลจีน ที่เขาพร้อมจะทำอะไรก็ได้ เพื่อหยุดยั้ง การก่อความวุ่นวายของ กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ในฮ่องกง เพราะพวกเขาทั้งโหด รุนแรงสุดขั้ว ชนิดที่คนฮ่องกง จะไม่เคยพบพานมาก่อน ความวุ่นวายนี้ เริ่มมีสัญญาณกลิ่นแปลกๆ เกิดขึ้นแล้ว เมื่อเกิดเหตุชกต่อยกัน ระหว่างกลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ทาสตะวันตก กับชาวฮ่องกงอีกกลุ่มหนึ่ง ที่สนับสนุนรัฐบาลจีน ในย่านการค้ามงก๊กบนคาบสมุทรเกาลูน ฝ่ายต่อต้านการประท้วง ของกลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ที่เริ่มทนไม่ไหว เป็นชาวบ้านในย่านนั้นเอง ได้ใช้กำลังที่เหนือมากกว่า รุนแรงกว่า บุกเข้ารื้อทำลายเต๊นท์พักแรมผู้ประท้วง เนื่องจากไม่พอใจ ที่การประท้วงกระทบต่อระบบจราจรและการดำเนินชีวิตประจำวันของพวกเขา ตำรวจฮ่องกง ได้เข้าไปแยกคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ขณะเดียวกันมีรถพยาบาล 3 คัน รีบเดินทางเข้าไปรับผู้บาดเจ็บ นอกจากนั้น เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันกระจายไปทั่วเกาะฮ่องกง เช่น ที่ย่านคอสเวย์เบย์ เมื่อชาวบ้านท้องถิ่น บุกเข้ารื้อถอนแนวกั้นของกลุ่มผู้ประท้วง ตอนนี้กลุ่มผู้ประท้วง กลุ่มอ็อคคิวพาย เซนทรัล เจอไม้นี้เข้าไป ก็เริ่มระส่ำระสาย เมื่อโดนทำร้ายร่างกาย และจำนวนมากเริ่มถอดใจ ถอนตัวออกจากการชุมนุม เพราะมันไม่ใช่การปะทะกับเจ้าหน้าที่ ๆ จะอ้างละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ ตามแผนหลอกคนไปตาย แต่เป็นการปะทะกันเอง ระหว่างชาวฮ่องกง อีกทางหากก่อความวุ่นวาย ต่อไปนานๆ ก็จะเกิดความอ่อนล้า กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ก็จะต้องถูกไล่ออกจากสถาบันการศึกษา ส่วนคนทำงานประจำก็ต้องถูกไล่ออกจากงานเพราะขาดงานนาน และถูกถ่ายภาพแกนนำ เอาไปออกหมายจับ ทำให้ต้องคดีหมดอนาคต เหมือนที่กลุ่มนกพิราบกระป๋องเคยโดนมาแล้ว จากการข่าว จีนได้เปิดไฟเขียว ให้จัดหนัก แบบคางเหลือง กับ กลุ่มอ็อคคิวพาย เซนทรัล ทาส ของอเมริกาแล้ว ในตำรา การส่งมวลชนเข้าปะทะผู้ประท้วง เป็นวิธีการที่คอมมิวนิสต์เชี่ยวชาญ เป็นยุทธวิธี สลายผู้ประท้วง ที่โลกตะวันออกนำมาใช้อยู่เสมอ เช่น ในพม่า เขมร เวียดนาม ลาว ล้วนใช้ตำราสลายมวลชนประท้วงแบบนี้ทั้งนั้น เป็นการใช้คนในแฝงตัวเข้าไป เพื่อก่อเหตุทะเลาะวิวาท ตีหัว ฟาดด้วยของแข็ง เช่น ในพม่าจะใช้เสียมขุดดินฟาด ในเขมรใช้ไม้พลองหวด ในลาวก็เช่นกัน จนกลุ่มผู้ประท้วงในประเทศพวกนี้ ร่วงกันระนาว โดยตำรวจแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแต่คอยอำนวยความสะดวกเท่านั้น เลยส่งผลให้ไม่เคยรวมตัวประท้วงกันโค่นผู้ปกครองสำเร็จเลย ตลอดเกิน 30 ปีมานี้ กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ทาสอเมริกา ยังรู้จักจีนน้อยไปเสียแล้ว คอยดูสถานการณ์นับจากนี้ ตำรวจฮ่องกง จะค่อยๆ เฟสตัวออกไป ปกป้องสถานที่สำคัญแทน จากนี้ต่อไป จะมีกลุ่มคนที่จัดตั้งมาจากไหนไม่รู้ โหด เหี้ยม จะก่อเหตุทะเลาะชกต่อย ไล่ตี แทง ยิง ผู้ประท้วงเยาวชนฮ่องกง ไม่เว้นแต่ละวัน คนไทยในฮ่องกง เตรียมหลีกห่างไกล ผู้ชุมนุมได้เลย ทหารประชาชนจีน เขาล้อมทุกจุดสำคัญๆ ในฮ่องกง และเกาลูน ไว้ทุกจุดแล้ว โรงพยาบาลจะค่อยๆ แน่นขนัดด้วยเสียงโอดโอย ของผู้ประท้วง กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ยาแดง ผ้าก็อส เตรียมหาสำรองไว้ได้เลย สัญญาณแหลกราญจากจีนให้จัดการทาสตะวันตก เปิดไฟเขียววาบแล้วที่ฮ่องกงแล้ว..ตุ่บๆ พลั่กๆ เพี้ยะๆ โอ้ยๆ !! @ เสธ น้ำเงิน2 https://www.facebook.com/topsecretthai หมายเหตุ โปรดงดออกความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้ /นำข่าวลือได้ยินมาโพส / ลิ้งใดๆ ทุกชนิด / คำหยาบ / บทความจากแหล่งอื่นที่ทำให้เกิดความสับสนในเนื้อหา / ภาพที่เกิดความแตกแยก / ให้ร้าย คสช. ฯลฯ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อกเข้าเพจนี้ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 4, 2014 ทหารปฏิรูปประเทศไทย 18 hours ago · Edited วันที่ 3 ต.ค.57 ต่างประเทศทึ่ง ตำรวจยุค คสช.เก่งกว่ายุคเป็ดเหลิม เผาไทย สำนักข่าวต่างประเทศ โดยเฉพาะสำนักข่าวในอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น บีบีซี, เดอะ การ์เดียน, อินดิเพนเดนท์ รายงานข่าวไปทั่วโลกว่า ในที่สุด ตำรวจไทยสามารถตามจับกุม 2 ชาวพม่าที่ร่วมกันฆาตกรรม น.ส.ฮานนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ และนายเดวิด มิลเลอร์ สองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ อายุ 24 ปี ที่ริมหาดทรายรี บนเกาะเต่า อ.พะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ของไทยได้แล้ว อีกทั้งชาวพม่าทั้งสองคนยังเปิดปากยอมรับสารภาพว่า ทั้งคู่ได้ร่วมกันก่อฆาตกรรมสะเทือนขวัญ 2 นั่งท่องเที่ยวชาย หญิง เมื่อวันที่ 15 ก.ย.57 ที่ผ่านมา บีบีซี รายงานว่า ผลการตรวจ DNA ของชาวพม่าทั้งคู่ ยังออกมาตรงกับที่พบในร่างของ น.ส.ฮานนาห์ ผู้ตายที่ถูกข่มขืนด้วย สำนักข่าวบีบีซี ระบุว่า ครอบครัวของนายเดวิด มิลเลอร์ โดยเอียน , ซู และไมเคิล มิลเลอร์ ยังมีคำแถลงขอบคุณน้ำใจของคนบนเกาะเต่า หลังจากเกิดเหตุสะเทือนขวัญกับ น.ส.ฮานนาห์ และนายมิลเลอร์ ตำรวจไทย ยุครัฐบาลอนุรักษ์นิยม ภายใต้การนำของ บิ๊กตู่ นายกฯ และหัวหน้า คสช.เริ่มกู้ชื่อเสียง และภาพลักษณ์ไทยคืนมาได้บ้างแล้ว หลังจากเละเทะเป็นโจ๊ก ในสมัยเผด็จการประชาธิปไตย เผาไทย ภายใต้การนำของปูข้าวเน่า และเป็ดเหลิม เพราะสมัยนั้น จับได้แต่ง่ามหนังสติ๊ก อาวุธพิสัยใกล้ ของมวลชน กปปส.เท่านั้น !! @ เสธ น้ำเงิน2 https://www.facebook.com/topsecretthai อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 4, 2014 5 เรื่องพึงรู้ กับข่าวร้อน “อ็อกคิวพาย เซ็นทรัล” Week In Pictures:ประมวลสุดยอดภาพข่าวรอบโลกประจำสัปดาห์ สีศิลปากร...สีของคนไทยเพื่อคนไทย ภัยเงียบ “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง” รู้ตัวช้า เหตุคล้ายติดเชื้อ-ภูมิแพ้ http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000113992 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 4, 2014 (มีการแก้ไข) พืชผักในป่า ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV วันที่ 4 ตุลาคม 2557 10:47 น.11,399 views บทความจากคุณ emagfashion บล็อคเกอร์เวบไซต์โอเคเนชั่น อาจจะเป็นเรื่องไกลตัวสักหน่อยแต่ทว่า วันนึงเผอิญหลงป่า ต้องเดินทางนานจนหิวโซ พืชผักข้างทางก็ดูมีค่าขึ้นทันตา แต่ทว่า ถ้าเกิดเราสุ่มสี่สุ่มห้ากิน 1. กลอย เถาวัลย์มีหัวใต้ดินลึกประมาณ ๑๐ - ๑๕ เซนติเมตร ตามเถาซึ่งจะงอกทุกปีมีหนามสั้น ๆ พบทั่วประเทศในป่าเต็งรัง ป่าผสม และป่าดงดิบ หัวกลอยให้แป้งมากแต่มีสารพวกไดออสคอรีน ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางซึ่งอาจทำให้ถึงตามได้ ต้องสกัดเอาสารเป็นพิษดังกล่าวออกเสียก่อนจึงรับประทาน วิธีสกัดคือปอกเปลือกทิ้ง แล้วฝานบาง ๆ ใส่ชะลอมไปแช่น้ำทะเล หรือแช่น้ำไหล เช่น น้ำตก น้ำห้วย สัก ๓ วัน หรือไม่ก็หนักเกลือ นำมาคั้นน้ำทิ้งทำอยู่สัก ๓ วันเช่นกัน แล้วจึงนำมาปรุง เช่น ต้ม รับประทานได้ 2. เต่าร้าง เต่าร้างเป็นพืช จัดอยู่ในจำพวกปาล์มชนิดหนึ่ง พบทั่วไปในป่าดิบทุกแห่ง ชอบขึ้นในบริเวณที่มีความชุ่มชื้นสูงออกผลเป็นทะลาย บางต้นเตี้ย แต่บางต้นสูงถึง ๘ เมตร เนื้ออ่อนข้างในตรงบริเวณคอต้นกินได้ แต่ต้องทำให้สุกเสียก่อน เพราะยางของพืชชนิดนี้ เมื่อถูกผิวหนังจะเกิดอาการคัน 3. มะมุด หรือส้มมุด มะมุด หรือส้มมุด ชื่อเหมือนเคยได้ยิน ลักษณะของมะมุดหรือส้มมุดนี่ ใบและผลคล้ายมะม่วง นิยมปลูกกันในจังหวัดภาคใต้ ผลดิบกินได้มีรสเปรี้ยวจัด แต่บางต้นก็จืดๆ หรือรสฝาดอมเปรี้ยวเล็กน้อย หรือจะใสแกง หรือปนกับอาหารประเภทอื่น เพื่อทำให้มีรสเปรี้ยวขึ้น ผลสุกก็ยังคงมีสีเขียว กลิ่นหอมมาก รสหวาน ยางของผลมีพิษเล็กน้อย กล่าวคือถ้าใช้ปากกัดจะทำให้ปากเป็นแผลได้ ถูกผิวหนังอ่อนจะเกิดพุพอง เข้าตาอาจทำให้เป็นแผลในตาได้ โดยเฉพาะผลอ่อนมียางมาก ผลดิบนำมาดองน้ำเกลือเก็บไว้กินได้นานๆ เช่นเดียวกับมะม่วง 4. ระย่อมตีนหมา ระย่อมตีนหมาเป็นพันธุ์ไม้ขนาดเล็กชนิดหนึ่ง ขึ้นตามหัวไร่ปลายนา แต่ไม่สู้จะพบมากนัก อกดอกเป็นกระจุกสีแดงตอนปลาย รากโตหยั่งลึกลงไปในดิน ๑๕ - ๓๐ เซนติเมตร ชาวบ้านมักนิยมนำรากมาหั่นตากแดดให้แห้งแล้วป่นให้ละเอียดใช้เป็นยาเบื่อสุนัข โดยปนอาหารให้กิน จะทำให้เกิดอาการมึนเมา และจะตายภายในเวลา ๓-๕ ชั่วโมง หากคนบริโภคเข้าไปจะทำให้ถึงแก่ความตายได้ 5. รำเพย ไม้ต่างประเทศ ชื่อว่ารำเพยนี้ มีการนำเข้ามาปลูกกันแพร่หลายในเมืองไทย เป็นไม้ประดับตามบริเวณบ้านหรือสวน หรือตามสุสาน ออกดอกออกผลตลอดปี แต่ทว่าก็มีในป่าเช่นกัน ที่ว่ารำเพยมีพิษนี้ เพราะทุกส่วนของลำต้นรำเพยมียางขาว ซึ่งเป็นพิษต่อหัวใจ วัวควายกินใบรำเพยเข้าไปประมาณ ๖ - ๑๐ ใบ จะทำให้ตายได้ บางครั้งคนอาจเผลอกินเข้าไป ก็ทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน 6. รักใหญ่ รักใหญ่เป็นไม้ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบในฤดูแล้ง สูง ๑๕ - ๒๐ เมตร ออกดอกสังเกตเห็นได้ง่าย เป็นพวงขาวๆ ในเดือนพฤศจิกายน พบทั่วไปในป่าผลัดใบผสมและป่าเต็งรัง ในฤดูออกดอกจะมองเห็นได้แต่ไกล เพราะเป็นสีขาว ลักษณะเด่นของไม้ชนิดนี้คือแมลงจะไปไข่ไว้ตามใบ และจะมีตุ่มกลมๆ จำนวนมากตามด้านบนและล่าง ใบยางรัก จะเป็นพิษต่อผิวหนัง ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ แล้วอาการแพ้จะมีมากน้อยต่างกัน เมื่อถูกผิวหนังจะเกิดอาการคันทั่วตัว อาจกลายเป็นแผลเน่าเฟะก็ได้ อาการจะปรากฏ ๒ - ๗ วัน บางคนอาจเป็นเดือน ชาวบ้านแก้โดยเอาเปลือก และใบสักมาต้มอาบ 7. ลำโพง ลำโพงเป็นไม้พุ่มชนิดหนึ่งพบตามที่โล่ง ๆ หรือตามสวนทั่วประเทศ มีชื่อเรียกกันแตกต่างออกไป เช่น มะเขือบ้า เป็นต้น ลักษณะใบและผลคล้ายกับมะเขือ แต่ผลเป็นหนามขรุขระมีเมล็ดเล็ก ๆ ขนาดโต ๒ - ๓ มิลลิเมตร อยู่ข้างในจำนวนมาก ผลโต ๔ - ๕ เซนติเมตร ส่วนที่เป็นพิษมากที่สุดคือ เมล็ดและใบ ถ้ากินเข้าไปจะทำให้เกิดคอแห้ง ลิ้นแข็ง หัวใจเต้นเร็ว เสียสติ คล้ายกับคนบ้า อาการจะปรากฏภายในเวลา ๕-๑๐ นาที หลังจากกินเข้าไปแต่ไม่ทำให้ถึงเสียชีวิต และจะแสดงอาการอยู่ ๒ - ๓ วัน 8. ละหุ่ง พืชต่างประเทศนำเข้ามาปลูกแพร่หลายในเมืองไทย เป็นพืชไร่ที่ปลูกกันประจำปีทุกส่วนของพืชชนิดนี้มีพิษ โดยเฉพาะเมล็ดเมื่อกินเข้าไปจะทำให้เกิดอาการ เจ็บคอ ปวดท้อง อาเจียน ชักกระตุก ซึ่งถ้ากินเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ตายได้ 9. สบู่ดำ ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง ๒ - ๓ เมตร พื้นเดิมอยู่ในทวีปอเมริกา ชาวโปรตุเกส นำมาปลูกเผยแพร่กันทั่วไป ส่วนมากนิยมปลูกตามรั้วบ้านหรือสวน ยางและน้ำมันในเมล็ดพืชชนิดนี้เป็นพิษต่อผิวหนังอ่อน ถ้าถูกเข้าอาจพุพองได้ในเมล็ดมีสารเคอรซีน ซึ่งเป็นพิษ หากกินเข้าไปมาก ๆ จะทำให้เกิดอาการร้อนไหม้ในลำคอ วิงเวียนศีรษะ ท้องร่วง หมดแรงและอาจทำให้ถึงตายได้ เมล็ดแก่จัด แกะผิวหุ้มออกแล้วเอาเมล็ดมาเสียบไม้ต่อ ๆ กัน ใช้จุดแทนเทียนไขได้ดี และไม่มีควัน ที่มา http://www.oknation....4/09/19/entry-1 ลิขสิทธิ์บทความของ emaginfo.com ถูกแก้ไข ตุลาคม 4, 2014 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ตุลาคม 5, 2014 I Will Do for King5 ตุลาคม วันครูโลก ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระราชทานแก่ครูอาวุโสประจำปี 2552 ถึงคุณลักษณะของครูที่ดี ความตอนหนึ่งว่า “...ครูที่แท้นั้นต้องเป็นผู้กระทำแต่ความดี ต้องขยันหมั่นเพียรและอุตสาหะพากเพียร ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละ ต้องหนักแน่น อดกลั้นและอดทน ต้องรักษาวินัยสำรวมระวังความประพฤติของตนให้อยู่ในระเบียบแบบแผนอันดีงาม ต้องปลีกตัวปลีกใจจากความสะดวกสบายและความสนุกรื่นเริงที่ไม่สมควรแก่เกียรติภูมิของตน ต้องตั้งใจให้มั่นคงและแน่วแน่ ต้องซื่อสัตย์รักษาความจริงใจ ต้องมีเมตตาหวังดี ต้องวางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจอคติ ต้องอบรมปัญญาให้เพิ่มพูนสมบูรณ์ขึ้นทั้งในด้านวิทยาการ และความฉลาดรอบรู้ในเหตุและผล...” พระราชดำรัสดังกล่าวเข้ากับหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา เช่น หลักกัลยาณมิตตาธรรมและหลักธรรมอื่น ๆ กล่าวคือ - หมั่นขยันและอุตสาหะพากเพียร ตรงกับหลักธรรม “วิริยะ” หรือ “วิริยารัมภะ” - เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละ ตรงกับหลักธรรม “จาคะ” - หนักแน่น อดกลั้นอดทน ตรงกับหลักธรรม “ขันติ” - รักษาวินัย...อยู่ในระเบียบแบบแผน ตรงกับหลักธรรม “วัตตา” หรือ “วินโย” - ปลีกตัวปลีกใจจากความสะดวกสบาย ตรงกับหลักธรรม “สังวร” - ตั้งใจให้มั่นคงและแน่วแน่ ตรงกับหลักธรรม “สมาธิ” - ซื่อสัตย์รักษาความจริงใจ ตรงกับหลักธรรม “สัจจะ” - เมตตาหวังดี ตรงกับหลักธรรม “เมตตา” - วางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจ-อคติ ตรงกับหลักธรรม “อุเบกขา” - อบรมปัญญาให้เพิ่มพูนสมบูรณ์ ตรงกับหลักธรรม “ปัญญา” ที่มา: บล๊อก คุณครูคนใหม่ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น