ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 (มีการแก้ไข) ช่างหล่อแฉ ‘หลวงพ่อสดทองคำหนักไม่ถึง 1 ตัน’ ตามโฆษณา Life is so short. / 1 วัน ago ช่างหล่อแฉ ‘หลวงพ่อสดทองคำ 1 ตัน’ ของจริงหนักแค่ 420 ก.ก. หวั่นกลัวผิดศีล 5 จึงยอมเปิดความจริง ไม่ต้องร่วมขบวนโกหกญาติโยม หัวข้อข่าว นสพ.มติชน รายวัน ฉบับวันพุธที่ 23 ธันวาคม 2541 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่เข้ามาภายในวัดพระธรรมกายยังคงบางตา มีประชาชนมาทำบุญประมาณ 100 คนเท่านั้น อีกทั้งในวันนี้ซึ่งเป็นวันที่มีกำหนดการว่าจะนำพระประจำตัวชุดแรกมาบรรจุไว้ในแกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์กลับไม่มีกิจกรรมดังกล่าว อย่างไรก็ตามยังคงก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ต่อไป เป้นที่น่าสังเกตว่าบริเวณทางเข้าวัดซึ่งแต่เดิมเป็นปายโฆษณาชักชวนให้ประชาชนทำบุญสร้างพระประจำตัวจำนวน 1,000,000 องค์นั้นมีการปลดป้ายออกแล้วเปลี่ยนเป็นป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่ โดยนำเอาพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “พ่อ คือสุดยอดผู้นำเลิศล้ำกว่าใครในหล้า พระคุณพ่อมากล้นเกินพรรณา ลูกขอบวชบูชาอุบาสิกาแก้ว 100,000 คน วันที่ 29-31 มกราคม 2542″ และชักชวนให้ประชาชนบวชอุบาสกแก้ว พระครูพิพัฒน์ปทุมเขร เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ในสายการปกครอง การบอกบุญ การหล่อพระ และสร้างถาวรวัตถุของวัดพระธรรกมายจะต้องรายงานของอนุญาตตามลำดับชั้นถึงกรมการศาสนา รวามถึงการขึ้นป้ายโฆษณา แต่ทั้งหมดนี้ทางวัดไม่เคยดำเนินการใดๆตามระเบียบเลย ส่วนเรื่องพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาส ทำธุรกิจกว้านซื้อที่ดินนั้น พระอยู่อีกในสมณเพศไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจการค้า เป็นเรื่องที่มหาเถรสมาคม (มส.) ควรเร่งดำเนินการให้กระจ่างว่าจะมีมาตรการกำหนดบทลงโทษอย่างไร เพราะมีพฤติกรรมอีกมากมายที่พระทั่วทั้ง จ.ปทุมธานี เห็นว่าไม่เหมาะสม แต่ไม่มีพระรายใดกล้าเพราะเกรงอิทธิพลของวัดนี้ นายบุญส่ง นุชน้อมบุญ นายช่างประจำกรศิลปากร ซึ่งเป็นช่างหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อมงคลเทพมุณีหรือหลวงพ่อสด ที่วัดพระธรรมกาย โฆษณาชวนเชื่อว่าสร้างจากทองคำแท้หนักถึง 1 ตัน ให้สัมภาษณ์ว่าได้รับการติดต่อจากวัดเมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมา โดยพระที่ชื่อหลวงพี่หมู กับศิษย์เก่าของวิทยาลัยช่างศิลป์รายหนึ่งซึ่งคุ้นเคยกับตนมาขอคำแนะนำเรื่องเทคนิคการหล่อ แจ้งว่าเจ้าอาวาสต้องการหล่อรูปเหมือนทองคำของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตนจึงแย้งว่าการหล่อรูปเหมือนทองคำขนาดใหญ่นั้นเป็นการสิ้นเปลือง เพราะทองคำมีราคาแพงและใช้จำนวนมาก หลวงพี่หมูกลับตอบว่าไม่ใช่หน้าที่ของตน ทkงวัดขอเพียงความช่วยเหลือและคำแนะนำเท่านั้น ส่วนเรื่องทองคำที่หามานั้นทางวัดจะจัดการเอง ตนจึงตอบตกลงโดยขอหล่อรูปเหมือนจากตะกั่วเพื่อเป็นการทดลองก่อน “หลังจากตกลงกันแล้ว 2 สัปดาห์ต่อมาทางวัดเชิญผมและทีมงาน ซึ่งมีลูกน้องผมไปด้วยกัน 2 คน ไปตัวเปล่า เพราะเห็นว่าทองคำจำนวนมากจึงไม่เอาของส่วนตัวติดไปเลย เมื่อไปถึงวัดมีช่างของวัดหลายคนมาช่วยกันโดยช่างบางรายเป็นพระ และผู้ปฏิบัติธรรมที่มีความรู้ทั้งทางจิตรกรรม ช่างศิลป์ และวิศวกรรมมาควบคุมการทำงานอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ครั้งแรกผมหล่อด้วยตะกั่วหนัก 400 กิโลกรัม (ก.ก.) เมื่อหล่อรูปเหมือนตะกั่วเสร็จแล้วก็กลัมาอีกครั้งเพื่อหล่อพระทองคำ โดยผมกำหนดใช้ทองคำประมาณ 400 ก.ก. และทางวัดบอกว่ามีทองคำ 99.95% จำนวน 600 ก.ก. เตรียมไว้ ทุกขึ้นตอนจะมีเจ้าหน้าที่ของวัดดูแลอย่างรัดกุม และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยคุมเข้มตลอดเวลา” นายบุญส่งกล่าว นายบุญส่งกล่าวต่อว่า หลังจากตนเบิกทองคำมาแล้วใช้วิธีหลอมทองจำนวน 10 เบ้าหลอม แต่ละเบ้าหลอมมีทองจำนวน 60 ก.ก. ซึ่งใช้ทองไปเพียง 7 เบ้า หรือประมาณ 420 ก.ก. ก็เต็มองค์ ส่วนทองที่เหลืออีก 3 เบ้า ทางวัดตอบว่าจะนำไปหล่อพระพุทธรูปในโอกาสต่อไป หลังจากเสร็จพิธีแททองหล่อพระในวันดังกล่าวตนไม่เคยไปที่วัดนี้อีกเลย และไม่ทราบมาก่อนว่าทางวัดประชาสัมพันธ์ว่าพระองค์ดังกล่าวมีน้ำหนักถึง 1 ตัน ครั้งแรกรู้สึกแปลกใจเพราะเท่าที่สอบถามญาติโยมที่ไปทำบุญ หลายรายดุจะไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมากมาย แต่สามารถบริจาคได้ถึงคนละ 1-2 ก.ก. “ผมไม่อยากโกหก เพราะผมไม่มีลับลมคมในและผลประโยชน์ใดๆกับวัด เมื่อสื่อมวลชต้องการข้อเท็จจริงผมก็ต้องเปิดเผย เนื่องจากการหล่อพระหลวง่พอทองคำขนาดใหญ่นี้ ผมต้องบันทึกลงจดหมายเหตุของช่างว่าสร้างเมื่อใด ขั้นตอนอย่างไร จะโกหกว่ามีน้ำนหักทองคำ 1 ตันจริงไม่ได้ เพราะรูปหล่อนี้มีลักษณะที่กลวง หนาประมาณ 3.0 – 4.0 มิลลิเมตรเท่านั้น ไม่ใช่องค์เต็ม หากเทให้เต็มองค์ต้องใช้ทองคำหนักถึง 3 ตัน ซึ่งก็เป็นเรื่องไม่จำเป็น”นายบุญส่งกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีชื่อ สีกาอี๊ด ผู้ใกล้ชิดกับพระธัมมชโย และเกี่ยวข้องกับบริษัท โซอ๊อกซ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ เลขที่ 542/1981 หมู่ที่ 3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวมีนางจิรวัฒน์ บุณยบุตร ซึ่งก็คือนางจิรวัฒน์ ศรีสัตนา เป็นเจ้าของ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 44 ซศุภราช ถ,พหลโดยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน จดทะเบียนเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2533 นอกจากนี้ยังพบอีกว่า นางจิรวัฒน์ บุณยบุตร ยังเป็นเจ้าของบริษัทอีก 3 แห่ง ที่ประกอบธุรกิจลักษณะเดียวกัน คือ บริษัท โซโซ่ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2533 บริษัท แมน แอนด์ วูแมน จำกัด จดทะเบียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2533 ด้วย และห้างหุ้นส่วนจำกัดเอส.วี.เจ.ฟาร์มามีร้อยตำรวจโทอำนวย ดิษฐกวี และนางสาวจีรพร วงศรานุชิ ร่วมหุ้นด้วย จดทะเบียนเมื่อ 30 มกราคม 2518 นายวัฒนา อัศวเหม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่กำกับดูแลกรมที่ดิน กล่าวว่า ได้สังการให้นายมั่น พัธโนทัย ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือถึงกรมที่ดินให้ตรวจสอบที่ดินของวัดพระธรรมกายแล้วว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จำได้ว่าวัดเคยมีหนังสือบอกบุญที่บริษัทของตนสองครั้ง เพื่อนำเงินทีทำบุญไปก่อสร้างสถานทีสำคัญ แต่ตนไม่ได้ร่วมทำบุญด้วย เพราะทราบว่าวัดนี้มีผู้มีจิตศรัทธาทำบุญอยู่มากแล้ว อีกทั้งชอบทำบุญในวัดที่ยังไม่เคยมีใครเข้าไปทำบุญมาก่อน “การทำบุญไม่ใช่เป็นการบริจาคเงินมากและต้องได้บุญมาก คนทำบุญถ้าทำบุญเพียงแค่ข้าวช้อนเดียวไม่ได้หวังผลตอบแทนก็ได้บุญแล้ว ดังนั้นขึ้นอยู่กับการทำบุญ อย่ายึดติดว่าการทำบุญแล้วหายเจ็บป่วย เพราะหลักพุทธศาสนาบอกว่าการทำบุญขึ้นอยู่กับใจ ทำแล้วปล่อยไป ไม่ต้องไปทวงบุญ” นายวัฒนากล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีวัดเมืองคง สาขาของวัดพระธรรมกาย ต.เมืองคง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ซึ่งพระมหาสมชาย กุลสโม อ.ราษีไล จ.ศรีสะเกษ ซึ่งพระมหาสมชาย กุลสโม เจ้าอาวาสยึดเอาที่ของกรมศิลปากร 415 ไปสร้างวัดว่า นายพัน บุตรวงศ์ อายุ 40 ปี ชาวบ้านหลุบโมกข์ ต.เมืองคง ผู้ต่อต้านการสร้างวัดเมืองคง กล่าวว่า พวกตนเคยต่อต้านการสร้างวัด โดยเข้าร้องเรียนต่อศึกษาธิการอำเภอราษีไศล แต่กลับบอกว่าเป็นนโยบายของข้าราชการระดับสูงของจังหวัดที่อนุญาตให้สาขาของวัดพระธรรมกายตั้งสาขาได้ พวกตนจึงต้องเดินทางต่อไปถึงกรมการปกครองเพื่อร้องทุกข์ จนที่สุดทางวัดได้ที่ไปเพียง 60 ไร่ ซึ่งตนไม่ทราบว่ากรมศิลปากรอนุญาตจริงหรือไม่ นายสุรพงษ์ ผดุลรัฐ ศึกษาธิการจังหวัดศรีสะเกษกล่าวว่า วัดเมืองคงได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกรมศิลปากรอย่างถูกต้อง แต่ยังไม่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ด้าน จ.เพชรบูรณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ประชาชนทั้งในเขต อ.ชนแดน และอำเภออื่นๆต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีวัดพระธรรมกายมากว้านซื้อที่บริเวณเขาบ่อทอง จ.เพชรบูรณ์ รวม 479 ไร่ โดยตั้งข้อสังเกตว่าเงินที่ทางวัดนำมาซื้อที่ดินอาจมาจากการทำบุญของผู้มีจิตศรัธทาต่อวัด อีกทั้งยังมุ่งซื้อในแปลงที่กรมทรัพยากรธรณีวิทยาทำการสำรวจ และชี้ว่าเป็นแหล่งแร่ทองคำทั้งสิ้น นายคำแพง นิระพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ผู้ซึ่งขายที่ดินให้วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ขายที่ให้กับวัดในปี 2535 จำนวน 45 ไร่ ไร่ละ 40,000 บาท ซึ่งจำนวนที่ดินของทางวัดในเขตปกครองของตนมีราว 1,000 ไร่ โดยมีชาวบาน 13 รายที่ตกลงขายให้วัด แต่จนปัจจุบันยังไม่มีการทำประโยชน์อะไรเลย และยังปล่อยให้ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของที่เดิมทำกินอยู่ แต่เก็บค่าเช่าไร่ละ 100 บาท/ปี น่าสังเกตว่าทำไมทางวัดถึงเจาะซื้อที่ที่กรมทรัพยากรธรณีชี้ว่าเป็นแหล่งแร่ทอง รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับพื้นที่บริเวณเขาบ่อทองนั้น ทางพระธัมมชโยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ครอบครองโดยส่วนใหญ่ ในขณะที่บริษัทอัคราไมนิ่ง ได้รับอาชญาบัตรพิเศษจากกรมทรัพยากรธรณีวิทยา ให้ดำเนินการสำรวจแร่ทองคำ ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2540 จนถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2542 โดยมีเนื้อที่สำรวจ 16 ตารางกิโลเมตร https://thaidhammaka...015/03/06/gold/ ถูกแก้ไข มีนาคม 8, 2015 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 แรงมั๊ย ที่แน่ๆนี่คือสาเหตุของ โรคที่ตามมา อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 (มีการแก้ไข) ช่วยกันนะเพื่อน ถูกแก้ไข มีนาคม 8, 2015 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 (มีการแก้ไข) เงื่อนปมของขบวนการฟอกเงิน http://www.naewna.co...columnist/17291 เงื่อนปมของขบวนการฟอกเงิน ดีเอสไอและ ปปง. กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นหลังจากที่ถูกสังคมติเตียนต่อเนื่องมาเป็นเวลาปีเศษ เกี่ยวกับการดำเนินคดียักยอกฉ้อโกงทรัพย์สินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เพราะความเสียหายเรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก เนื่องจากมีการฉ้อโกงยักยอกเงินของประชาชน ที่ฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นเป็นจำนวนเงินสูงถึงประมาณ 15,000 ล้านบาท และมีผู้เสียหายกว่า 50,000 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสหกรณ์ออมทรัพย์อื่นๆ หลายสิบราย ซึ่งแต่ละรายก็มีสมาชิกผู้ฝากเงินนับพันราย จึงรวมบรรดาผู้เสียหายนับแสนราย การยักยอกโกงเงินออกไปจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นนั้น ทำกันแบบป่าเถื่อน มิได้ประณีตแนบเนียนอะไรเลย เพราะสั่งจ่ายเช็คเอาไปแบ่งปันกันอย่างหน้าตาเฉย และสั่งจ่ายให้กับคนกันเองทั้งนั้น ตั้งแต่วัดพระธรรมกาย ธัมมชโย พระลูกวัด อดีตพระลูกวัด แม้กระทั่งมัคนายกของวัด ออกเช็คสั่งจ่ายกันใบละ 50 ล้านบาทก็มี 100 ล้านบาทก็มี ออกเช็คจ่ายกันแทบจะเป็นรายวัน ชนิดไม่เกรงฟ้า ไม่กลัวดิน ไม่แยแสว่าใครจะกล่าวหาดำเนินคดี เพราะฮึกเหิมลำพองว่าอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมืองและอยู่เหนือรัฐบาลในบางยุคบางสมัย จึงบังอาจเหิมเกริมทำได้ถึงปานนี้ เงินฝากทั้งหมดของสหกรณ์มาจากประชาชนทั้งนั้น ส่วนทางไปของเงิน ก็ปรากฏผลจากการตรวจสอบของดีเอสไอและ ปปง. ว่าไหลไปในเครือข่ายของวัดพระธรรมกายทั้งสิ้น เฉพาะสหกรณ์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในวัดพระธรรมกายก็ได้รับโอนเงินไปหลายพันล้านบาท โดยไม่ได้เป็นการปล่อยกู้หรือมีหลักประกันที่คุ้มหนี้ตามปกติ โอนไปแล้วก็เอาไปปล่อยกู้ต่อ และปล่อยกู้ให้กับคนที่อ้างว่ากู้ไปทำบุญให้กับวัดพระธรรมกาย ตลอดจนพระในวัดพระธรรมกาย กู้กันสนุกสนาน เป็นเงินหลายพันล้านบาท สหกรณ์ที่ตั้งอยู่ในวัดพระธรรมกายดังกล่าวปรากฏว่าปล่อยเงินให้กู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายเกือบทั้งหมด นอกจากนั้น ยังมีบริษัทโฮลดิ้งแห่งหนึ่งที่มีเส้นทางเงินเกี่ยวข้องว่ารับเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และมีทุนสูงถึง 5,000 ล้านบาทเศษ ก็มีการปล่อยกู้ให้แก่บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายเป็นส่วนใหญ่ จนเห็นได้ชัดเจนว่าเส้นทางเงินไหลไปทางวัดพระธรรมกาย ธัมมชโย และเครือข่ายวัดพระธรรมกาย ที่น่าจับตาก็คือ เจ้าของบริษัทโฮลดิ้งที่ว่านี้เคยเป็นพระอยู่วัดพระธรรมกายนับสิบปี สึกออกมาตอนอายุ 28 ปีไม่ปรากฏว่ามีฐานะทรัพย์สินเงินทองประการใด จู่ๆ ก็มาเป็นเจ้าของบริษัทโฮลดิ้งดังกล่าว สอดคล้องกับอดีตพระวัดธรรมกายคนหนึ่งที่ออกมาเปิดเผยว่า มีการตั้งบริษัทนอมินีจำนวนมากและให้ลูกศิษย์บริหารจัดการ คือเอาเงินทั้งหลายที่ได้มาจากสหกรณ์และที่อื่นๆ เอาไปตั้งบริษัท และเอาเงินออกไปจากบริษัทในรูปของการกู้เงิน แต่ไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนการกู้ปกติ ดังเช่นไม่มีหลักประกัน หรือมีหลักประกันไม่คุ้ม และคนที่กู้จะเอาเงินไปทำอะไรก็ไม่รู้ ไปโผล่เอาตรงสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่มากมายในต่างจังหวัด ทั้งโรงแรม รีสอร์ท หรือเจดีย์ต่างๆ ตามแนวชายแดน รวมทั้งการซื้อที่ดินที่ร่ำลือกันในหลายพื้นที่ว่าเป็นของคนวัดพระธรรมกาย ดังนั้นการที่ดีเอสไอเรียกธัมมชโยมาสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องกระแสเงินต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นต่อการทำความจริงเรื่องขบวนการยักยอกฉ้อโกงเงินของสหกรณ์ ตลอดจนของวัดพระธรรมกายว่า มีลักษณะเป็นการฟอกเงินหรือไม่ เพราะในส่วนของการฉ้อโกงยักยอกเงินจากสหกรณ์นั้น เป็นความผิดทางอาญาอยู่แล้ว ใครรับเงินไปหากรู้ว่าเกี่ยวข้องกับการยักยอกฉ้อโกง ก็มีความผิดทางอาญาฐานร่วมกันยักยอกฉ้อโกงหรือรับของโจร แต่ถ้าเป็นการดำเนินการร่วมกันในลักษณะการช่วยกันฟอกเงินก็จะมีความผิด ตามกฎหมายว่าด้วยการฟอกเงิน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงมากถึงสิบปีต่อกระทง และในส่วนของวัดพระธรรมกายก็เป็นที่แน่ชัดว่า บรรดาพุทธศาสนิกชนที่ไปทำบุญล้วนมุ่งประสงค์ต่อการทำบุญไว้ในพระพุทธศาสนา บรรดาทรัพย์สินทั้งหลายจึงต้องเป็นของวัด ดังนั้นหากมีการเบียดบังเอาทรัพย์สินที่จะเป็นของวัดไปเป็นของตนเองหรือของนอมินี หรือลูกศิษย์ลูกหาคนไหนหรือของบริษัทใด ก็เป็นการยักยอกฉ้อโกงเงินวัด ยักยอกสมบัติของวัด เหมือนกับกรณีที่สมเด็จพระสังฆราชเคยมีพระลิขิตว่าเป็นปาราชิก เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2542 ดังนั้นถ้ากระแสเงินที่คนทั้งหลายไปทำบุญไหลไปทางไหน นอกจากจะเกี่ยวข้องกับการยักยอกฉ้อโกงวัดแล้ว ยังอาจเป็นการฟอกเงินจากการทุจริตนั้นด้วย ก็จะเป็นความผิดร้ายแรง ดูจากข่าวที่กล่าวถึงปริมาณเงินและเครือข่ายโยงใยที่ชัดเจนขึ้นทุกวันแล้วก็พอจะเห็นแนวโน้มว่า ทั้งกรณีฉ้อโกงยักยอกเงินประชาชนจากสหกรณ์ทั้งหลาย และจากวัดพระธรรมกาย ส่อว่าจะเป็นขบวนการฟอกเงินครั้งใหญ่ที่สุด นับแต่มีการตรากฎหมายฟอกเงินและมีการตั้งดีเอสไอและ ปปง. ขึ้นในประเทศนี้ ถูกแก้ไข มีนาคม 8, 2015 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 (มีการแก้ไข) "หมอมโน"สัมภาษณ์ปมธรรมกายก่อนกักตัว"ยุคล ทีนิวส์"จี้ลบเทป(6-3-58) คำต่อคำ!!ชัดๆ สัมภาษณ์ "หมอมโน" ทำ รพ.กรุงเทพ พล่าน??(มีคลิป) ชัดๆ สัมภาษณ์ "หมอมโน" ปมธรรมกาย ทำโรงพยาบาลกรุงเทพ ดิ้นพล่าน?? จี้ลบเทป กักตัว "ยุคล ทีนิวส์" และทีมงาน ถูกแก้ไข มีนาคม 8, 2015 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 เชื่อหรือยังว่า ธรรมกาย ธัมมชโย มหาเถรสมาคม นักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา คณะธรรมทูต พรรคเพื่อไทย ตระกูลชิน เสื้อแดง เป็นพวกเดียวกัน พวกเดียวกันทั้งนั้นแหละพี่น้อง.. พุทธะอิสระ === อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 Igor Sava | Italy 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 Vinita Pappas 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 Ilya Ibryaev 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 Artist: Elaine Ferdinandi, Title: 'Morning Light' A successful wet in wet background! 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 (มีการแก้ไข) แฉ..ความลับ 8 hours ago สิทธิมนุษยชนอเมริกาโลกตะลึง ในคุกกวนตานาโม และวิธีการทรมาน (21 photos) วันที่ 26 ก.พ.58 แฉ..สิทธิมนุษยชนอเมริกาโลกตะลึง ในคุกกวนตานาโม และวิธีการทรมาน หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “สิทธิมนุษยชน” ที่อเมริกา และองค์กรสิทธิฯ ที่มี CIA ชักใยอยู่เบื้องหลัง มีการกล่าวหาประเทศต่างๆ อยู่บ่อยๆ คำว่าสิทธิมนุษยชนนี้ มีวิวัฒนาการมาจาก ในยุคที่คนขาวอพยพจากยุโรป ไปอยู่ในดินแดนอเมริกา อันเป็นดินแดนของชนเผ่าอินเดียแดง คนขาวอยู่ภายใต้การดูแลรับผิดชอบของประเทศอังกฤษ คุ้มครองความปลอดภัยยามเกิดศึกสงคราม ซึ่งเป็นเหตุให้รัฐบาลอังกฤษ ต้องเสียเงินที่ใช้ในการสงคราม และเมื่อเสร็จสงครามก็ยังให้ทหารจำนวนหนึ่งอยู่รักษาความสงบต่อไป พ.ศ.2298 – 2306 คนอังกฤษ เกิดความบาดหมางกับคนฝรั่งเศส เรื่องแย่งการค้าขนสัตว์ จนนำไปสู่สงครามที่เรียกว่า French and Indian War สงครามครั้งนี้ กินเวลายาวนานหลายปี และสิ้นสุดโดยการทำสัญญาสงบศึกที่ปารีส เป็นจุดเริ่มต้นความบาดหมางระหว่างประเทศอังกฤษ กับอาณานิคม เพราะรัฐบาลอังกฤษ เกี่ยงให้รัฐอาณานิคม ช่วยออกค่าใช้จ่ายสงคราม และค่าที่ต้องมีกองทหารอังกฤษในดินแดนอาณานิคม แต่ชาวอาณานิคม ไม่ยอมช่วยออกเงิน และพยายามเลี่ยงกฎเกณฑ์ที่อังกฤษกำหนด เช่น การเสียภาษี และการค้าผูกขาด โดยไม่ให้ขายแก่ชาติอื่น พ.ศ. 2310 รัฐบาลอังกฤษออกกฎหมายมาเก็บภาษีสินค้าเกี่ยวกับเครื่องแก้ว กระดาษ ตะกั่ว และใบชาภายในอาณานิคม ที่เรียกว่า “The Townsend Acts” จึงเกิดการต่อต้านรุนแรงถึงขนาดชาวอาณานิคม แต่งกายเป็นอินเดียแดง เข้าไปทำลายสินค้าใบชาของชาวอังกฤษเสียหาย (Boston Tea Party) รัฐบาลอังกฤษ จึงออกพระราชบัญญัติ 4 ฉบับ เพื่อลิดรอนสิทธิของชาวอาณานิคมอเมริกา และลงโทษชาวอาณานิคมอย่างหนัก นำไปสู่ความเคลื่อนไหว เพื่อรวมตัวกันของอาณานิคมทั้ง 13 มลรัฐ และประกาศว่า กฎหมายของอังกฤษ ละเมิดสิทธิประชาชนชาวอาณานิคม ซึ่งเป็นพลเมืองอังกฤษ ชาวอาณานิคม จึงเริ่มต่อสู้ทางเศรษฐกิจ โดยไม่ซื้อสินค้าอังกฤษ พ่อค้าชาวอังกฤษต้องขอร้องรัฐบาลให้ทบทวนกฎหมายเสียใหม่ แต่รัฐบาลอังกฤษ กลับสั่งปิดเมืองท่าอาณานิคมทุกแห่ง การต่อต้านจึงทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดชาวอาณานิคมตัดสินใจแยกตัวออกจากประเทศอังกฤษอย่างเด็ดขาด โดยการประกาศอิสรภาพ (Declaration of Independence) เพื่อเรียกร้องสิทธิเสมอภาคความเท่าเทียมกันของความเป็นมนุษย์ จนทั้ง 13 มลรัฐ รวมตัวนำไปสู่การรวมตัวกันเป็นชาติใหม่ ชื่อประเทศ “สหรัฐอเมริกา” และเพื่อการคุ้มครองดูแล จึงมีการประชุมตกลงก่อตั้งระบบและวิธีการปกครอง พ.ศ.2332 จัดตั้งรัฐบาลกลาง โดยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลัก อีก 3 ปี ต่อมา มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อรับรองสิทธิ และเสรีภาพของพลเมืองอเมริกัน อีกหลายประการ ที่เรียกว่า “บทแก้ไขสิบบทแรก” เป็นเรื่องสิทธิทั้งสิ้นจึงรู้จักกันว่า “บทบัญญัติว่าด้วยสิทธิของอเมริกัน” ---------------------------------------> สิทธิมนุษยชน (Human Right) หมายถึง สิทธิในความเป็นมนุษย์ทั่วๆ ไป ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็ย่อมถือว่ามีสิทธิอันติดตัวมา พร้อมกับการที่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์อยู่แล้ว อันถือเป็นที่ยอมรับในสากลนานาชาติ เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ หรือ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน แม้ว่าจะได้มีการให้สัตยาบัน ตามปฏิญญาณสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เพื่อที่จะปกป้องคุ้มครองพลเมืองในแต่ละประเทศ ให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกันก็ตาม ก็ยังคงมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศต่างๆ ปรากฏอยู่ตลอดเวลา ถ้าพูดถึงประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษย์ชนอย่างมากสุดขั้วในทุกมิติ อันดับหนึ่งของโลก ก็คือ อเมริกา รัฐบาลสหรัฐ ทำเป็นมองไม่เห็น ปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศ เช่น มีความรุนแรงทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และการเลือกปฏิบัติคนผิวสีในอเมริกา เกิดความเลื่อมล้ำทางสังคม ประชาชนในสหรัฐ ที่ไม่ใช่คนผิวขาวต่างไม่มีความสุข คนผิวสีไม่ได้รับความเท่าเทียมทางการเมือง เศรษฐกิจและสิทธิทางสังคม ความยากจน ความมั่นคงของมนุษย์ สิทธิ์พลเรือน สิทธิ์ด้านวัฒนธรรม การเหยียดเชื้อชาติ สิทธิ์ของเด็กและสตรี กำลังมีขึ้นอย่างรุนแรง มีการตัดสินคดีความแบบ 2 มาตรฐาน คนขาวทำอะไรก็ไม่ผิด คนผิวสีผิดหมด และสหรัฐกำลังหลอกตัวเองว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ หลายคนอาจไม่รู้มุมมืดมาก่อนว่า ในอเมริกา มี “ค่ายแรงงาน” โดยฉากหน้าคือคุก แต่นักโทษถูกบังคับให้ทำงานสารพัดฟรีๆ โดยที่ไม่ได้ค่าตอบแทน หรือถ้าได้รับค่าจ้างก็แค่ 1 ใน 10 ของค่าแรงขั้นต่ำ ค่าแรงที่จะได้รับ ถูกกดให้ถูกถึงถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนั้นก็อยู่อัตคัต ถูกข่มเหง ทางสิทธิมนุษยชน ขาดแคลนอาหาร และโอกาสทางการศึกษา อากาศที่หนาวเหน็บ นักโทษขาดเครื่องทำความอุ่น ขาดแคลนสุขอนามัย และเครื่องมือทางการแพทย์ในการดูแลเมื่อเจ็บป่วย นักโทษส่วนใหญ่ ถูกบังคับให้ทำงานที่ใช้แรงงานอย่างหนัก เวลาในการทำงาน ก็ถูกเลื่อนออกไปให้นานขึ้น วันหยุดก็ถูกลดน้อยลง นอกจากการข่มเหงทางสิทธิมนุษยชนแล้ว ค่ายแรงงาน หรือคุกอเมริกา ก็ยังแสดงให้เห็นถึงปัญหาการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ หรือ การเหยียดผิวอีกด้วย คือ ทุกรัฐในอเมริกา นักโทษส่วนใหญ่เกือบ 50 % คือ คนอเมริกันผิวดำ ทั้งที่จำนวนประชากรรวม ทั่วทุกรัฐของอเมริกา มีผู้ที่เป็นเชื้อสายผิวดำแค่ 12-13 % เท่านั้นเอง การจัดการบริหารค่ายแรงงานหรือคุกของอเมริกา ยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการแบ่งแยกทางเชื้อชาติอยู่ อีกทั้งคุกในอเมริกา ก็ไม่ได้ช่วยเหลือ หรือ สอนให้นักโทษกลับตัวเป็นคนดี อีกทั้งยังไม่สนับสนุนการศึกษา เพื่อช่วยให้นักโทษได้หางานง่ายขึ้นหลังจากพ้นโทษ เมื่อพวกเขาพ้นโทษออกมาก็ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ก็หันกลับไปก่ออาชญากรรม และสุดท้ายก็เข้าคุก เป็นวัฐจักรแบบนี้ต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้จึงเป็นคำตอบว่าทำไม นักโทษในอเมริกาถึงเกิดการประท้วง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และมีการก่อจลาจล เผาเรือนจำอยู่บ่อยๆ ---------------------------------------> การละเมิดสิทธิมนุษยชน ของอเมริกา ที่กระฉ่อนและน่าอับอายที่สุดในโลก คือ คุกกวนตานาโม เป็นคุกที่โด่งดังที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในฐานทัพเรือสหรัฐฯ บนอ่าวกวนตานาโมของคิวบา โดย อเมริกาเช่าอ่าวนี้จากประเทศคิวบา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 สมัยก่อนที่นี่ใช้เป็นค่ายพักพิงของชาวเฮติ และชาวคิวบา ที่หลบหนีเข้าอเมริกาแล้วถูกจับได้ อเมริกาจะละเมิดสิทธิมนุยชน โดยจะเอามากักขังไว้ที่นี่แบบทารุณโหดร้าย ปล่อยให้อดอาหาร แต่ภายหลังศาลอเมริกา มีคำสั่งว่าค่ายกักกันนี้ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็เลยยกเลิกไป ต่อมาในสมัยของอดีตประธานาธิบดีจอร์ช ดับเบิลยู บุช ซึ่งเป็นผู้เริ่มข้ออ้างการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งแท้จริงมาไขปริศนาในภายหลังว่า คือ การทำอุตสาหกรรมสงคราม กระตุ้นเศรษฐกิจทุนนิยมในประเทศที่กำลังเจ๊ง ได้กลับมาสร้างคุกแห่งนี้ขึ้นใหม่ โดยคุกลับแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นนอกเขตแดนของสหรัฐฯ เพื่อใช้กักกันนักโทษต่างชาติที่ถูก “สงสัย” ว่าก่อการร้ายโดยเฉพาะ เพื่อให้ทางการอเมริกา สามารถกระทำการใดๆ กับนักโทษก็ได้ นักโทษ ที่ถูก “สงสัย” ว่าเกี่ยวกับการก่อการร้ายจะเอาไปไว้ที่นี่หมด แบบลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน นักโทษจะถูกให้สวมชุดสีส้มสว่าง สวมกุญแจมือ คลุมหัวปิดหน้า ล่ามโซ่ อยู่ในตำแหน่งผิดธรรมชาติ ตลอด 24 ชั่วโมง ถูกขังอยู่ในกรงขัง ประธานาธิบดียอร์ชบุช เป็นผู้อนุมัติให้สามารถทำทารุณผู้ต้องหาก่อการร้าย ที่ถูกคุมขังในเรือนจำกวนตานาโม มีการกักขังนักโทษทางการเมือง ให้สูญเสียอิสรภาพ โดยไม่มีข้อกล่าวหา หรือไม่นำขึ้นไปสู่การพิพากษาในศาลสถิตยุติธรรม มีนักโทษกว่า 1,000 คน ที่เคยถูกขัง แต่มีนักโทษ 6 คนเท่านั้น ที่ถูกศาลทหารตัดสินว่ามีความผิดจริง หรือจับผิดกว่า 99.4% การคุมขัง กักอิสรภาพ จึงเป็นแบบไม่รู้อนาคต คุกแห่งนี้ของอเมริกา จัดเป็นเกาะเถื่อนนอกกฎหมาย ที่ผู้ต้องสงสัย สามารถถูกจับกุมคุมขังได้ “โดยไม่ต้องพิจารณาคดี “ นักโทษที่อเมริกาจับมาเองมีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก ส่วนมากเป็นคนที่นักรบ ชนเผ่า และเจ้าหน้าที่ของปากีสถานกับอัฟกานิสถาน จับมา แล้วนำไปขายให้กับอเมริกาเพื่อแลกกับค่าหัว อเมริกา กวาดจับคนเหล่านี้มาจากอัฟกานิสถาน หรือประเทศอื่นๆ โดยไม่มีกลไกทางกฎหมายใดๆ มารองรับ จะเป็นเชลยสงครามก็ไม่ใช่ และไม่เข้าพวกอะไรสักอย่างในแง่กฎหมาย เมื่อไม่มีนโยบาย ปราศจากนิยาม สถานภาพไม่ชัด ปราศจากชื่อ ตราประทับหรือคู่มือ เจ้าหน้าที่อเมริกา บนฐานทัพกวนตานาโม จึงออกแบบนโยบายจัดการกับนักโทษกันเองแบบตามอำเภอใจ การสอบปากคำ ทำแบบไร้ขีดจำกัดวิธีการ รวมถึงการทรมาน ที่เป็นเรื่องปกติของที่นี่ พวกผู้คุมสามารถทรมานนักโทษด้วยวิธีที่โหดร้าย อย่างไรก็ได้ตามใจปรารถนา เช่น การทรมานด้วยการเทน้ำใส่ใบหน้าของผู้ต้องขัง เรียกว่า waterboarding คือการทำให้สำลักน้ำ การถูกทุบตี การถูกย่ำยีทางศาสนา เรื่องราวเลวร้ายของคุกถูกเปิดเผย เมื่อคุกแห่งนี้ผู้คุมอเมริกัน ย้ำยีศาสนาอิสลามอย่าหนัก ด้วยการทำลายคัมภีร์กุรอาน ต่อหน้าต่อตาของพวกนักโทษ บังคับให้ฟังเพลงอเมริกัน มีการทรมานอื่นๆ จนนักโทษทนไม่ไหวฆ่าตัวตายไปเอง และนักโทษหลายคนพยายามที่จะฆ่าตัวตาย นักโทษหลายคนตัดสินใจอดประทานประท้วง เพื่อโลกรับรู้เรื่องราวของคุกแห่งนี้ ที่จะลึงที่สุด คือ กรณี ดร.ไอเฟีย ซิดดีก จากปากีสถานซึ่งได้รับ 144 ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และใบรับรองในด้านประสาทวิทยา จากสถาบันที่ต่างๆ ของโลก เธอเป็นนักประสาทวิทยาคนเดียวในโลกที่ได้ Ph.d กิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ถูกอเมริกา ลักพาตัวไปจากในเมืองการาจี พร้อมบุตร 3 คน ไปเป็นนักโทษที่อ่าวกัวตานาโม หมายเลข 650 ตอนนี้เธออยู่ในเรือนจำที่สหรัฐอเมริกา และได้สูญเสียความทรงจำ เนื่องจากถูกทรมานทางด้านร่างกาย จิตใจ และถูกคุกคามทางเพศ ยิ่งกว่านั้นเธอถูกกุมขังร่วมกับนักโทษชาย ถูกคุกคามทางเพศ เธอเป็นปัญญาชน ที่ฉลาดเกินไปของปากีสถาน และโลกให้การยอมรับ ดังนั้นสิ่งที่เธอพูดยอมน่าเชื่อถือ อเมริกากลัวว่าคนปากีสถานจะเชื่อเธอ จนชักใยประเทศนี้ไม่ได้ ไม่รู้จะตั้งข้อหาอะไรเขา ก็เลยลักพาตัวไป แล้วขังคุกฟรีๆ เรื่องพวกนี้ตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ได้ไม่ยาก เพราะเธอได้ 144 ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา และค้นหาประวัติแสนง่ายดาย เธอเป็นนักประสาทวิทยาคนเดียวในโลกที่ได้ Ph.d กิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยิ่งค้นหาง่ายใหญ่เลย เพราะไม่มีคนที่สอง เป็นนักโทษที่อ่าวกัวตานาโม หมายเลข 650 ก็ยิ่งค้นหาง่ายอีก เพราะมีหมายเลขรหัสนักโทษ แต่ประธานาธิบดีโอบามา ผู้ซึ่งเคยได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ได้ลงนามกฎหมายความมั่นคง ขัดขวางการปิดคุกกวนตานาโม ไปเสียแล้ว กฎหมายนี้ กำหนดห้ามการโอนย้ายนักโทษมายังสหรัฐ ให้อำนาจกองทัพ คุมขังผู้ที่ถูกจับกุมมาจากสงครามใดๆ ก็ตามอย่างไม่มีกำหนด และผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย ต้องถูกพิจารณาคดีโดยคณะกรรมการพิเศษของกองทัพเท่านั้น และจนบัดนี้ก็ยังไม่กำหนดเวลาที่แน่นอนในการปิดคุกนี้ ประธานาธิบดีโอบาม่า เคยสัญญาว่าจะพยายามปิดคุกแห่งนี้ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไร คุกกวนตานาโมแห่งนี้ กลายเป็นสัญลักษณ์ความตกต่ำสุดขีด ในด้านสิทธิมนุษยชนของสหรัฐ จึงเป็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก โดยเฉพาะในแวดวงการยุติธรรม และนักสิทธิมนุษยชน คุกกวนตานาโม เป็นสัญลักษณ์แห่งการไม่เคารพหลักสิทธิมนุษยชน อย่างเป็นระบบของอเมริกา หากประเทศอื่นๆ เปิดคุกแบบกวนตานาโมบ้าง เรื่องนี้จะต้องปรากฏอยู่ในรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนโลกประจำปี ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกาอย่างแน่นอน ---------------------------------------> ยังมีสิ่งที่ชวนโลกตะลึง เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ของอเมริกา ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ นั่นคือ “ วิธีการทรมาน” ที่เหล่าบรรดา CIA ทำ โดยอ้างว่าเพื่อเร่งการสอบสวน แต่แท้ขริงแล้วมันคือการ TORTURE หรือ "ทรมาน" แบบชัดเจนโดยมีวิธีการดังนี้ 1. Confinement in a box (การกักขังในกล่องใบเล็ก) ผู้ถูกกักขังจะถูกนำตัวไปใส่ในกล่องใบเล็กๆ ที่อึดอัดมากพอดีตัว จนแทบจะหายใจไม่ไหว ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนตัวได้เลย เพื่อทำให้นักโทษกึ่งรู้สึกว่าเหมือนตัวเองได้ตายไปแล้ว 2. Cold water (น้ำเย็น) ผู้ถูกกักขังจะถูกเปลือยกาย ห่อด้วยพลาสติก และถูกนำไปแช่ในน้ำที่เย็นจัดเป็นเวลาหลายนาที และเคยมีนักโทษที่ถูกกระทำทารุณกรรมหลายราย เสียชีวิตด้วยเหตุนี้ เพราะร่างกายมีอุณหภูมิต่ำเกินไป 3. Rectal feeding (ให้อาหารทางรูทวาร) ผู้ถูกกักขัง จะต้องนอนในท่าที่ศีรษะอยู่ต่ำกว่าร่างกาย แล้วจะถูกฉีดให้อาหารทางทวารหนัก โดยจะเป็นการใส่สายยางทางรูทวารแล้วยัดอาหารเข้าไป ซึ่งจะทำให้ลำไส้ขยายตัว จนอาจขยายมากเกินไป เกิดความเจ็บปวดและทรมานอย่างมากทีเดียว บางรายอาจลำไส้แตกได้เลย ** ตอนต่อไป จะมาแฉ..สิทธิมนุษยชนแบบมะกัน ต้อง 2 มาตรฐาน ตบทรัพย์และติดสินบนได้ ไปอ่านต่อที่ลิ้ง https://www.facebook.com/media/set/?set=a.328963397293694.1073742069.187529244770444&type=1 @ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป http://www.facebook.com/topsecretthai "กติกา" โปรดงดความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้, งดนำข่าวลือเขาว่ามา , คำหยาบ , ป่วน , งดลิ้งใดๆ ทุกชนิด , งดข้อความจากแหล่งอื่น , งดภาพ , การให้ร้ายดูหมิ่นเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อกเข้าเพจนี้..สามารถติดตามข่าวสั้นคลิ๊กไปที่http://www.facebook.com/thailandcoup ถูกแก้ไข มีนาคม 8, 2015 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 แฉ..ความลับ 8 hours ago สิทธิมนุษยชนแบบมะกัน ต้อง 2 มาตรฐาน ตบทรัพย์และติดสินบนได้ (17 photos) วันที่ 27 ก.พ.58 แฉ..สิทธิมนุษยชนแบบมะกัน ต้อง 2 มาตรฐาน ตบทรัพย์และติดสินบนได้ ตอนที่แล้วเล่าถึงวิธีการที่ CIA อเมริกา ทำการทรมาณนักโทษ โดยให้อาหารทางรูทวาร กับผู้ถูกกักขัง ที่นอนในท่าที่ศีรษะอยู่ต่ำกว่าร่างกาย แล้วจะถูกฉีดให้อาหารทางทวารหนัก ใส่สายยางทางรูทวารแล้วยัดอาหารเข้าไป ซึ่งจะทำให้ลำไส้ขยายตัว จนอาจขยายมากเกินไป เกิดความเจ็บปวดและทรมานอย่างมาก บางรายอาจลำไส้แตก ** ความเดิมตอนที่แล้ว..แฉ..สิทธิมนุษยชนอเมริกาโลกตะลึง ในคุกกวนตานาโม และวิธีการทรมาน คลิ๊กไปที่ลิ้ง https://www.facebook.com/media/set/?set=a.328963397293694.1073742069.187529244770444&type=1 4. Waterboarding (ทรมานด้วยน้ำ) ผู้ถูกกักขังจะถูกจับนอนแล้วมัด ใช้ผ้าปิดตา ปาก และจมูก จากนั้นจะถูกน้ำเย็นๆ ราดใส่หน้าแบบไม่ยั้งจนหายใจไม่ไหว โดยวิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 40 วินาทีแล้วหยุด หากนักโทษยังไม่ยอมพูดความจริง ก็จะถูกทรมานต่อเรื่อยๆ นักโทษบางรายเล่าว่า พวกเขาโดนทรมานด้วยวิธีนี้มากกว่า 100 ครั้ง จนเกือบสำลักน้ำตายมาแล้ว 5. Beatings and threats (ทำร้ายร่างกายและข่มขู่) ผู้ถูกกักขังหลายราย ถูกทำร้ายร่างกายด้วยวิธีต่างๆ ทั้งตบ ต่อย โดยในวันหนึ่งจะโดนนับครั้งไม่ถ้วน นักโทษรายหนึ่งเล่าว่า เขาถูกทั้งต่อยและตบ ที่หน้าและหลัง นับครั้งไม่ถ้วน จนเลือดออกมากมาย แถมยังถูกมัดที่คอ และผูกไว้กับเสาต้นใหญ่ จากนั้นก็ถูกจับศีรษะโขกกับเสารัวๆ อีกด้วย นอกจากนี้ อีกหลายรายยังถูกจับเขวี้ยงใส่กำแพง จนเกิดเสียงดังสนั่น เพื่อให้นักโทษถูกกระแทกอย่างแรง จะได้เกิดความกลัว บางรายที่ถูกข่มขู่นั้นก็เล่าว่า ทั้งเขาและครอบครัวต่างถูกข่มขู่ในเรื่องที่น่ากลัว เช่น จะพาไปทิ้งที่หน้าผาแห่งความตาย 6. Stress position (สภาพความตึงเครียด) วิธีนี้จะไม่รุนแรง แต่จะเน้นให้ผู้ถูกกักขังเกิดความเครียด หรือทนไม่ไหวกับสิ่งที่เจอ เช่น ถูกสั่งให้ปัสสาวะ และอุจจาระรดใส่ตัวเอง และสั่งให้ยืนตรงนั้น ห้ามขยับไปไหน หรือบางคน ก็ถูกล็อกกุญแจมือแล้วล่ามไว้กับพื้น แล้วต้องยกแขนเหนือศีรษะตลอดเวลาจนร่างกายเมื่อยล้า 7. Sleep deprivation (การอดหลับอดนอน) วิธีที่ถูกใช้คือ การเปิดเพลงเสียงดังมากๆ แบบไม่หยุด แทบจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน จนรบกวนการนอนหลับ บางครั้งก็เปิดแบบนั้นตลอด 3 วัน 3 คืน จนนักโทษเกิดความทรมานจากการไม่ได้หลับไม่ได้นอนนั่นเอง แต่หากเริ่มจะผล็อยหลับ เจ้าหน้าที่อเมริกา ก็จะมาฉีดน้ำใส่หน้าเพื่อขัดขวางการนอนหลับ 8. Forced nudity and restricted diets (บังคับให้เปลือยกายและควบคุมอาหาร) บังคับให้เปลือยกายก็เพื่อให้เกิดความอาย ส่วนควบคุมอาหาร ก็จะเน้นให้กินเฉพาะอาหารรสชาติจืดๆ แย่ๆ อาหารเลวๆ ---------------------------------------> เรื่องการทรมานของทางการอเมริกานี้ มีหลักบานยืนยันมากมาย เช่น นายจอห์น เบรนแนน ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) ได้ออกมายอมรับว่า วิธีการทรมานผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายนั้นเป็นความจริง และเป็นวิธีที่น่ารังเกียจ แต่ยืนยันว่า วิธีสอบสวนแบบเข้มข้นนี้ สามารถช่วยเหลือชีวิตประชาชน และทำให้การตามล่าตัว บินลาเดน สำเร็จ นายดิก เชนีย์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมายืนยันว่า นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐในสมัยนั้น ทราบเรื่องการทรมานผู้ต้องหาก่อการร้ายของ CIA ส่วนที่คณะกรรมาธิการวุฒิสภาอเมริกา เปิดเผยรายงานดังกล่าวออกสู่สาธารณะ ระบุประธานาธิบดีสหรัฐได้รับรู้ทุกเรื่องที่ต้องการจะรู้ และควรจะต้องรู้ นายอเล็กซานเดอร์ ควาสนิวสกี อดีตประธานาธิบดีโปแลนด์ ได้ออกมายอมรับว่า สำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐ ( CIA ) ได้จัดตั้งคุกลับ สำหรับสอบปากคำผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายบนแผ่นดินของประเทศโปแลนด์จริง ในระหว่างปี ค.ศ.2545 - 2546 เขาบอกว่า ในการเยือนทำเนียบขาวเมื่อปี 2546 เขาเคยบอกกับอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ว่าไม่ควรร่วมมือกันในเรื่องนี้ เพราะ วิธีสอบปากคำที่ใช้เป็นวิธีที่ไม่อาจยอมรับได้ และไม่สมเหตุสมผล เป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของโปแลนด์ ออกมายอมรับต่อสาธารณะ ว่ามีคุกลับของซีไอเออยู่ในประเทศจริงๆ อเมริกา ได้ทิ้งมรดกพิษด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน อิดออดไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล ดังที่สหรัฐมักกล่าวหาประเทศอื่นเสมอมา ประเทศอเมริกา ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย และยังทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางการดำเนินการของศาลโลก โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ในองค์กรสหประชาชาติ เพื่อช่วยคุ้มครองการก่ออาชญากรรมของประเทศตนเองต่อเพื่อนมนุษย์ตาดำๆ ในความเป็นจริงทางสากลแล้ว ในหลายประเทศ และองค์การระหว่างประเทศต่างๆ ได้ย้ำว่า สถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายในประเทศอเมริกาเอง ไม่สามารถให้อเมริกาไปกำหนดอ้างว่า ประเทศนั้นประเทศนี้ มีปัญหาสิทธิมนุษยชน แล้วอเมริกา ก็มีปฏิบัติการแทรกแซง กิจการภายในของประเทศอื่นๆ เพราะว่า ไม่มีประเทศใด ที่มีสิทธิ์นำปัญหาสิทธิมนุษยชน มาเป็นเครื่องมือเพื่อแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น เพราะแม้แต่ประเทศอเมริกาเอง ยังมีปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน มากที่สุดในโลกอยู่แล้ว ---------------------------------------> ล่าสุด มีรายงานที่น่าอับอาย ฉาวโฉ่และต้องแฉ ให้ทั่วโลกได้รับรู้ มาจากกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา โดย นายรานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีศรีลังกา แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า รัฐบาลชุดใหม่ของเขา จะสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามที่มีผู้ระบุว่า รัฐบาลชุดเก่าของ อดีตประธานาธิบดีมหินทา ราชปักษา จัดสรรเงินก้อนใหญ่ไว้สำหรับจ่ายสินบน ให้กับสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐหลายคน และนักการเมืองอื่นๆ โดยผ่านบริษัทประชาสัมพันธ์ การติดสินบนนี้ เพื่อช่วยเหลือวิ่งเต้นให้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ดำเนินการรุนแรงเกี่ยวกับการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในศรีลังกา นายรานิลระบุว่า รัฐบาลเขาต้องการทราบว่า มีการละเมิดกฏหมายสหรัฐด้วยหรือไม่ โดยเขาได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการสอบสวนโดยละเอียด และแจ้งเรื่องนี้ให้ทางรัฐบาลสหรัฐทราบด้วย ขณะที่ นายอชิต เปเรร่า รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ระบุว่า จากบันทึกของทางการศรีลังกา แสดงให้เห็นว่า เงินก้อนหนึ่งได้ถูกเบิกโดยบริษัทล็อบบี้หลายบริษัท เพื่อนำไปจ่ายให้กับ ส.ส.สหรัฐหลายคน โดยรัฐบาลเก่าศรีลังกา ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ 6 บริษัท เพื่อซ่อมแซมภาพลักษณ์ เพราะรัฐบาลอเมริกา มีมติเมื่อ 2 ปีก่อน ตำหนิการละเมิดสิทธิมนุษยชนในศรีลังกา ในช่วงก่อน ระหว่าง และภายหลัง การปราบปรามกวาดล้างกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ในเดือน พ.ค. 2552 ซึ่งเรื่องนี้สร้างแรงกดดันทางการเมืองต่อรัฐบาลศรีลังกามาก และเมื่อปีที่แล้วภายหลังการติดสินบน ส.ส.อเมริกา มติ 2 พรรค ของสภาคองเกรสอเมริกา ที่นำเสนอโดย ส.ส. อเมริกา 11 คน เรียกร้องต่อ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ให้ใช้ "นโยบายความสมดุลที่ดี" ต่อศรีลังกา ทำให้รัฐบาลศรีลังกา ไม่ถูกลงโทษตำหนิ และกดดันทางเศรษฐกิจ ตอนนี้ รัฐบาลใหม่ศรีลังกา แสดงความรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนช่วงทำสงครามปราบกบฎอีแลม ในขณะเดียวกันได้ยกเลิกสัญญาว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ของสหรัฐทั้งหมด และประกาศจะไม่อาศัยผู้เชี่ยวชาญภายนอก ในการดำเนินการทางการทูต เมื่อเดือนที่แล้วรัฐบาลศรีลังกา ตัดสัมพันธ์กับนายโดมินิก สเตราส์-คาห์น อดีตกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ผู้ต้องคดีทางเพศอื้อฉาว หลังจากรัฐบาลเดิมศรีลังกา จ่ายเงินให้นายสเตราส์-คาห์น 24.4 ล้านบาท สำหรับค่าเป็นที่ปรึกษา ชักชวนการลงทุนจากต่างประเทศ ฉาวโฉ่โลกจริงๆ รัฐบาลและนักการเมืองมะกัน ตบทรัพย์รับสินบนรัฐบาลศรีลังกา คำว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชน ของรัฐบาลอเมริกา ที่จะกล่าวหาประเทศใด สามารถตบทรัพย์รับสินบนได้ ว่าจะกล่าวหา หรือ ไม่กล่าวหาประเทศใด เพียงจ่ายหนักๆ เท่านั้น ข้อกล่าวหาก็พลิกกลับได้ทันที น่าอับอายขายหน้าจริงๆ รับสินบนกัน ทั้งรัฐบาลมะกัน และสภาคองเกรส ตบทรัพย์แม้แต่ประเทศจนๆ อย่างศรีลังกา น่าอนาถประเทศพัฒนาแล้ว ทำตัวเหมือนโจรดีๆ นี่เอง ---------------------------------------> มาดูสิทธิมนุษยชนของอังกฤษบ้าง ใครจะรู้บ้างว่าอังกฤษ เป็นต้นแบบของการค้ามนุษย์ ใช้แรงงานทาสระดับโลก เพราะแรงงานต่างชาติ จำนวนมากต้องการเข้ามาทำงานบนเรือประมง ในแถบคอร์นวอลล์ ในประเทศอังกฤษ โดยให้นายหน้าจัดหางานให้และชำระค่านายหน้ากว่า 100,000 บาท พร้อมลงนามในสัญญาตกลงว่า จะทำงานลงเรือออกหากุ้งเป็นเวลา 48 ชม.ต่อสัปดาห์ แต่เมื่อเดินทางมาถึง พวกเขาต้องผิดหวัง นอกจากจะไม่ได้ทำงานที่บริเวณที่เขาถูกหลอกต้มไว้แล้ว พวกเขายังถูกส่งไปออกเรือในน่านน้ำที่ไกลออกไป แถบไอร์แลนด์เหนือ รวมทั้งไม่ได้รับการอบรมเรื่องการทำงานหาปลาหากุ้ง บนเรือประมง และไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาที่ว่าด้วยการทำงานอีกด้วย โดยพวกเขาทำงานวันละ 20 ชม. ติดต่อกันทุกวันจนไม่ได้มีเวลาพัก นอกจากนั้นไต้ก๋งเรือยังปฏิบัติกับพวกคนงาน ราวกับพวกเขาไม่ได้เป็นมนุษย์ แต่คนงานเหล่านี้ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ เนื่องจากประเภทของวีซ่าที่พวกเขาได้รับก่อนเข้ามาทำงาน คือ วีซ่าประเภทขอเดินทางผ่าน ที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติ ที่ไม่ใช่คนที่มาจากสหภาพยุโรป อยู่บนเรือที่อยู่นอกน่านน้ำอังกฤษได้ วีซ่าประเภทนี้อนุญาตให้ผู้ถือวีซ่า พำนักระหว่างการรอ เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางสุดท้าย นั่นหมายความว่า หากคนงานที่ถือวีซ่าประเภทขอเดินทางผ่าน ออกจากเรือประมงเมื่อใด พวกเขาจะถือว่าทำผิดกฎหมายเข้าเมืองของอังกฤษทันที ดังนั้นพวกแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานบนเรือประมง จึงต้องติดอยู่บนเรือประมงของอังกฤษไปเรื่อย ๆ สภาพความเป็นอยู่ของแรงงานเหล่านี้ถือว่าย่ำแย่มาก เช่น ที่พักคับแคบ ไม่มีการอบรมเรื่องความปลอดภัยก่อนการเข้าทำงาน และยังไม่ได้รับค่าแรงใด ๆ ด้วย ทั้งนี้เรือประมงใช้วิธีนี้ ที่ใช้แรงงานชาวต่างชาติเนื่องมาจากหลายเหตุผล เช่น งานลักษณะนี้ไม่เป็นที่ต้องการของคนท้องถิ่น และยังสร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจให้แก่เจ้าของเรืออีกด้วย เพราะแรงงานเหล่านี้จะพัฒนาฝีมือของตนขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ปฏิบัติงานบนเรือประมง เหตุการณ์เหล่านี้จัดได้ว่าเป็นการ "ค้ามนุษย์ และใช้แรงงานทาสยุคใหม่ " ซึ่งทางรัฐบาลอังกฤษทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ยังไม่มีแผนการใดที่จะออกมาช่วยอุดช่องโหว่ของกฎหมายคนเข้าเมืองดังกล่าว อังกฤษเคยกล่าวหาไทยว่า ใช้แรงงานพม่า ในการทำประมง ในลักษณะค้ามนุษย์และใช้แรงงานทาส ละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วแบบนี้ทางการอังกฤษเรียกว่าอะไร อังกฤษจะอธิบาย พฤติกรรมทรมานเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองในอุตสาหกรรมประมง เหมือนรงงานต่างด้าวไม่ใช่คนแบบนี้ว่าอะไร ---------------------------------------> มาดูสหประชาชาติ (UN) บ้าง ได้ออกมาแถลงว่า ได้ร้องขอให้อินโดนีเซีย ยกเลิกโทษประหารชีวิต "ในคดียาเสพติด" โดยร้องขอผ่าน รมว.ต่างประเทศของอินโดนีเซีย สหประชาชาติ ยังขอให้เว้นโทษประหารชีวิตในทุกกรณี ทั้งโทษฆ่าคนตาย ข่มขืนแล้วฆ่า ฆาตรกรต่อเนื่อง ฯลฯ รวมถึงให้ยกโทษให้นักโทษชาวต่างชาติที่ยังเหลืออยู่ในอินโดนีเซีย ด้วย เช่น นักโทษชาวออสเตรเลีย 2 คน ซึ่งถูกจับกุมที่สนามบินเดนปาซาร์ บนเกาะบาหลี เมื่อปี 2548 ในข้อหาพยายามลักลอบขนเฮโรอีน น้ำหนัก 8 กก. , บราซิล ฝรั่งเศส กานา อินโดนีเซีย ไนจีเรีย และฟิลิปปินส์ ต้องโทษคดียาเสพติด และถูกประหารชีวิตเมื่อเดือนที่แล้ว 5 คน สุดงง !!..การค้ายาเสพติด เป็นอาชกรรมร้ายแรง ต่อมวลมนุษยชาติ ทำลายชีวิตคนอื่นอีกมหาศาล เกิดอาชญากรรมตามมามากมาย ทั้งลักชโมย วิ่ง ชิง ปล้น ฆ่า ตามมาอีกนับไม่ถ้วน นักโทษในคุกเกิน 80 % ทุกวันนี้ ล้วนต้องโทษคดียาเสพติด ส่วนอีก 20 % ก็เป็นอาชญกรรมที่เกี่ยวเนื่องกันมา สหประชาชาติ (UN) ของดโทษประหารชีวิตนักโทษยาเสพติด ก็คือการสนับสนุนการค้ายาเสพติดอย่างเป็นทางการนั่นเอง พวกค้ายาเสพติด ก็กระดี้กระด้า เพราะ UN บอกให้ทำไปเลย UN หนุนเต็มที่ ส่วนการฆ่าคนตาย ข่มขืนแล้วฆ่า ฆาตรกรต่อเนื่อง ฯลฯ UN ก็บอกให้ทำไปเถอะ เพราะว่าข่มขืนแล้วฆ่าคนอื่นไปสัก 100 ศพ ก็ไม่ต้องประหารชีวิต ตรรกะความยุติธรรม โดยอ้างสิทธิมนุษยชน มันทำให้ฝ่ายผู้สูญเสียเขาใจแทบสลาย แต่ผู้กระทำกลับลอยนวล ก่อนที่ UN จะมาเรียกร้องยกเลิกโทษประหารชีวิต อาชกรธรรมดา ไปเรียกร้องอาชกรระดับโลก อเมริกา และ ยุโรป หยุดทิ้งระเบิดสังหารเด็ก ผู้หญิง คนชรา ชาวมุสลิม "ประหารชีวิตคนไม่รู้อีอีเหน่" อยู่ทุกวันที่ตะวันออกกลางดีกว่าไหม ?? สรุป..จากที่ยกเหตุการณ์มา อเมริกา คือประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุดในโลก แต่กลับใช้ปัญหาสิทธิมนุษยชนของประเทศอื่น มาเป็นข้ออ้างเครื่องมือเพื่อแทรกแซงกิจการภายใน และถ้าประเทศใดยอมจ่ายหนัก บรรดา ส.ส.มะกัน ในสภาคองเกรส ก็ตบทรัพย์ รับสินบน แล้วก็ออกมติไม่แทรกแซง ส่วนอังกฤษ จัดได้ว่าเป็นประเทศที่ "ค้ามนุษย์ และใช้แรงงานทาสยุคใหม่ " ในอุตสาหกรรมเรือประมง แต่กลับมาออกมาตรการกีดกันสินค้าเกษตรไทย อ้างว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้แรงงานต่างด้าวในเรือประมง ทุกอย่างที่ว่าไทย ประเทศตนเองก็ทำเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ด้านสหประชาชาติ ก็ไร้น้ำยาออกรายงานประณาม อเมริกา และอังกฤษ เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษย์ และกระบวนการยุติธรรมที่ 2 มาตรฐานในผู้ต้องหาในคุกกวนตานาโม ที่จับคนผิดมาขังกว่า 99.4% และมีการทรมานเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง อย่างโหดร้ายทารุณ ไร้ศีลธรรม @ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป http://www.facebook.com/topsecretthai อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 มากันแต่เช้าเลย พี่ขอลูกโป่งหน่อย cr. TAKACHI จากใจชายแดนใต้ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 8, 2015 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น