ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 23, 2012 ใครว่า "กูเกิล พลัส" แผ่วปลาย!! ด่วน! กูเกิล เปิด 'Street View' เมืองไทยแล้ว ( ครูทิพย์ ) ( 213 ) อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 23, 2012 ทำความรู้จักคุณยายซู่ซ่า ผู้ได้ชื่อว่านักแม่นปืนสูงวัยที่สุดในโลก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มีนาคม 2555 14:49 น. Share104 คุณยาย จันโดร โทมาร์ นักแม่นปืนหญิงสูงวัยที่สุดในโลก เดลิเมล์ - ในวัย 78 ปี คนเฒ่าคนแก่ส่วนใหญ่ล้วนอาศัยแว่นสายตาประกอบกิจวัตรประจำวัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ จันโดร โทมาร์ คุณยายชาวภารตะผู้กวาดรางวัลการแข่งขันยิงปืนมาแล้วหลายสิบรายการทั่วอินเดีย ด้วยปืนสั้นราคา 1,200 ปอนด์ และผ้าส่าหรีโพกศีรษะปิดบังเส้นผมสีดอกเลา ใครๆ ต่างก็ยกให้เธอเป็นสตรีนักแม่นปืนมืออาชีพที่อายุมากที่สุดในโลก จันโดร โทมาร์ คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันยิงปืนระดับประเทศมาแล้ว 28 รายการ ทั่วอินเดีย ขณะที่ยังต้องเลี้ยงลูก 6 คน และหลานอีก 15 คน เธอเปิดใจว่า “ฉันอยากทำอะไรที่มันมีประโยชน์กับชีวิต แสดงความสามารถให้คนอื่นเห็น” “ตอนที่ฉันยิงปืนครั้งแรก ฉันก็หลงรักมันทันที ตอนนี้ฉันได้แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ‘อายุเป็นเพียงตัวเลข’ หากคุณมุ่งมั่น คุณสามารถทำได้ทุกอย่าง” เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว คุณยายโทมาร์พาหลานสาวไปยังสนามยิงปืนในหมู่บ้านโยห์รี รัฐอุตตรประเทศ ทางเหนือของอินเดีย ทั้งนี้ เนื่องจากหลานสาวเป็นคนอยากเรียนยิงปืน แต่ไม่กล้าเดินดุ่มๆ ไปตัวคนเดียว แต่ท้ายที่สุด คุณยายโทมาร์กลับกลายเป็นสมาชิกชมรมยิงปืนท้องถิ่นเสียเอง “ตอนนั่งรอดูหลาน ฉันคิดว่าขอลองยิงดูสักครั้ง โค้ชยังแปลกใจที่ฉันอยากฝึกปืน” คุณยายเล่าเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว “แรกๆ ฉันแค่อยากฝึกเป็นเพื่อนหลาน แต่ฉันสนุกกับการยิงปืนมาก จนกลายเป็นความหลงใหล แล้วก็ไปฝึกยิงปืนที่คลับทุกๆ อาทิตย์” ในขณะที่คุณยายโทมาร์ต้องทำไร่ไถ่นาเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เธอซ้อมความแม่นยำในการยิงปืนโดยฝึก “โยนหิน” ลงขวดน้ำ ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ฟารูก ปาธัน ครูสอนยิงปืนผู้ก่อตั้งชมรมในหมู่บ้าน กล่าวว่า “ผมประหลาดใจมากที่เห็นคนวัยเกษียณอยู่ในกลุ่มพวกเรา แต่ยายแกก็เรียนรู้ได้ค่อนข้างเร็ว” “ยายโทมาร์แกเก่งขึ้นมาก จนผู้ชายหลายคนหยุดดูถูกว่าแกเป็นคนแก่ ตอนนี้ แกมีทักษะสูง มือนิ่ง และสายตาก็แม่นยำ” ปัจจุบัน จันโดร โทมาร์ เป็นเสมือนสมบัติของชาติไปแล้ว ตั้งแต่ความสามารถของเธอเป็นที่กล่าวถึงไปทั่วอินเดีย หลังจากคว้าเหรียญทองในการแข่งขันยิงปืนระดับมืออาชีพในเมืองเจนไน รัฐทมิฬนาฑู คุณยายโทมาร์เคยมีโอกาสประลองความแม่นกับตำรวจมาแล้ว ซึ่งเป็นการแข่งขันที่เธอแสนภูมิใจที่สามารถเอาชนะตำรวจได้ “ฉันชนะรองจเรตำรวจจากสำนักงานตำรวจเดลี มันงดงามมาก” อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงเพียงใด ชีวิตของจันโดร โทมาร์ ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป เธอยังคงต้องทำอาหาร ทำความสะอาด และเลี้ยงดูหลานๆ ต่อไป เธอต้องมั่นใจก่อนว่าครอบครัวมีอาหารเย็นกินแล้ว ถึงจะได้ไปลั่นกระสุนที่สนามยิงปืน อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 24, 2012 สวัสดีจ้า คนอารมณ์ดี อยู่ที่ไหนก็มีความสุขได้ คนอารมณ์ดี คิดแต่เรื่องสบายใจ ติดอะไรให้ขำๆได้ง่ายๆงั้นล่ะ มีปัญหาก็แก้ไป มุมไหนๆก็ยังเห็นช่องทางดีๆ ร้อนก็หาอะไรเย็นให้ตัวเอง เหนื่อยก็ยังยิ้มได้ รู้จักสร้างกำลังใจ คิดดีๆได้เสมอ ทำไปไม่เบื่อ ไม่บ่น พอใจและภูมิใจในตัวเอง เพราะเข้าใจ จึงรู้จักพอใจ เมื่อพอใจ จึงมีเรื่องดีๆทุกวัน อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 24, 2012 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
jewjang40 5,712 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 24, 2012 (มีการแก้ไข) ดีจ้าginger ย่าหยา &เพื่อนๆที่น่ารัก มีความสุขสบายๆในวันหยุดนะคะ ชอบจังคนอารมณ์ดี อยู่ที่ไหนก็มีความสุขได้ รู้จักสร้างกำลังใจ คิดดีๆได้เสมอ ทำไปไม่เบื่อ ไม่บ่น พอใจและภูมิใจในตัวเอง เพราะเข้าใจ จึงรู้จักพอใจ เมื่อพอใจ จึงมีเรื่องดีๆทุกวัน ขอบคุณนะginger ย่าหยา และเพื่อนๆ หาสิ่งดีๆมาให้สัมผัสรับรู้ทุกวันทุกเวลา ยิ่งให้ยิ่งได้ทวีคูณนะคะ ถูกแก้ไข มีนาคม 24, 2012 โดย กระต่ายทอง อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 24, 2012 需要的不多,想要的太多。 Our needs are few; our wants are many. สิ่งที่อยากได้ มักมากกว่าความจำเป็น 知恩報恩為先,利人便是利己。 To be grateful and repay kindness -this is first; to benefit others is to benefit ourselves. ควรรู้ คุณและตอบแทนคุณเป็นพื้นฐาน ทำ ประโยชน์ให้ผู้อื่นก็จะเกิดประโยชน์กับตนเอง ขอบคุณ k. ratana อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 24, 2012 ดีจ้าginger ย่าหยา &เพื่อนๆที่น่ารัก มีความสุขสบายๆในวันหยุดนะคะ โอ คงอิ่มไปทั้งวัน ขอบคุณจ้ะ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 24, 2012 ทิปดูแลส่วนต่างๆ ของร่างกายลูกน้อย (M&C แม่และเด็ก) เรื่องการดูแลเอาใจใส่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายลูกน้อยในวัยนี้สำคัญมากค่ะ เพราะว่าเขายังอ่อนแอและบอบบางมาก ๆ ซึ่งคุณแม่คงต้องละเอียดอ่อนกันมากทีเดียว แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรอนามัยมากเกินไปนัก และเราก็มีขั้นตอนในการดูแลตลอดจนการทำความสะอาดแต่ละส่วนง่าย ๆ มาฝากกันค่ะ ก้นนุ่ม ๆ น่ารัก โดยปกติแล้ว เรามักจะใส่ผ้าอ้อมหรือกางเกงให้ลูกเสมอ ซึ่งก็ทำให้เกิดความอับชื้นตลอดเวลา ยิ่งถ้าคุณแม่คนไหนอนามัยเป็นพิเศษ ขยันทาครีมที่ก้นลูกบ่อย ๆ ด้วยแล้ว ก็อาจทำได้เกิดความชื้นหมักหมมได้มากขึ้น ดีไม่ดีอาจเป็นแผลหรือเป็นผื่นเอาก็ได้ เราก็มีทิปดูแลก้นของลูกน้อยมาฝากกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ดังนี้ค่ะ ควรให้ก้นของลูกแห้งอยู่ตลอดเวลา โดยการเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ๆ หรือไม่ใส่เลยยิ่งดีค่ะ ปล่อยให้ก้นลูกได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์เป็นประจำ การเลือกชนิดของผ้าอ้อมก็ควรเลือกให้เหมาะสม สังเกตจากการตอบสนองของลูกเมื่อใส่ผ้าอ้อมนั้นว่าเป็นอย่างไร มีความสบายตัวหรือไม่ โดยอาจลองเปลี่ยนผ้าอ้อมไปหลาย ๆ แบบหรือหลาย ๆ ยี่ห้อ นิ้วมือเรียว ๆ ของหนู มือเป็นอวัยวะที่พัฒนาขึ้นตั้งแต่ลูกน้อยยังอยู่ในท้อง มีเด็กจำนวนไม่น้อยเลยค่ะ ที่รู้จักดูดหัวแม่มือตัวเองเล่นตั้งแต่ในห้องโน่นเลย สำหรับเรื่องการดูดหัวแม่มือก็มีเรื่องให้สังเกตอีกนะคะว่า เด็กมักจะดูดหัวแม่มือของข้างขวามากกว่าข้างซ้ายเพราะคนเราถนัดมือขวามากกว่ามือซ้ายนั่นเอง นอกจากนี้ มือยังมีหน้าที่อีกมากมาย เช่น ใช้ในการสื่อสารไม่ว่าภาษาไหน ๆ ก็ตามล้วนใช้มือเป็นส่วนประกอบในการพูดทั้งสิ้น ที่สำคัญ สามารถใช้ในการถ่ายทอดความรักจากแม่สู่ลูกน้อยได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโอบกอด หรือลูบไล้ ซึ่งลูกน้อยสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่เขายังไม่เข้าใจภาษาพูดเลยค่ะ สำหรับเรื่องการดูดหรืออมนิ้วมือก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิตกกังวลมากเกินไปค่ะ ถือเป็นธรรมชาติของเด็ก เราก็เคยเป็นเหมือนกันมาก่อน แต่ถ้าหากพบว่า ลูกน้อยมีปัญหาดังกล่าว แล้วอยากแก้ไข ก็มีเทคนิคง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ เปลี่ยนเวลาป้อนนมให้เร็วขึ้น จากที่เคยป้อนทุก 4 ชั่วโมง ก็อาจปรับมาที่ทุก ๆ 3 ชั่วโมง เด็กบางคนที่ดูดนมได้รวดเร็วจนทำให้นมหมดขวดหรือจากเต้าเร็ว คุณแม่เลยปล่อยให้ลูกน้อยนอนเล่นได้เร็วขึ้น ในขณะที่เด็กยังอยากอมเล่น ๆ ต่อ เขาจึงหันมาดูดหรืออมนิ้วมือแทน ดังนั้น คุณแม่ควรปล่อยให้ลูกได้อมหัวนมให้นานขึ้น หรือใช้หัวนมหลอกก็ได้ การที่ฟันน้ำนมกำลังจะขึ้น ก็เป็นเหตุให้เด็กเกิดอาการคันเหงือกจนมีพฤติกรรมดูดหรืออมนิ้วมือ วิธีแก้ก็ง่าย ๆ คือให้คุณแม่ลองหั่นแครอท แตงกวา หรือฝรั่ง แช่เย็นเอาไว้สักพักก่อนให้ลูกกัดเล่น หรือไม่ก็พวกของเล่นที่ทำไว้สำหรับให้เด็กกัดเล่น ซึ่งมีลักษณะเป็นยางค่อนข้างแข็งยืดหยุ่นได้ดี ที่มีขายตามห้างนั่นแหละค่ะ ใช้ได้เหมือนกัน เด็กบางคนก็ชอบดูดหรืออมนิ้วมือ โดยมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ก็ได้ค่ะ แต่คุณแม่ไม่ต้องวิตกกังวลใจไปค่ะ แม้จะหาสาเหตุไม่พบก็ตาม เพราะส่วนมากแล้ว เด็กจะเลิกดูด หรืออมนิ้วมือได้เองเมื่ออายุประมาณ 4 ปี เส้นผม ในช่วงขวบปีแรกนั้น เส้นผมของลูกน้อย บางคนก็จะดูผมบางเหมือนตาแก่หัวล้าน แต่ขณะที่บางคนก็มีผมดกดำสวยจนเป็นที่อิจฉาของคุณแม่คนอื่น ๆ ผมที่เราเห็นในตอนแรกเกิดนี้ เป็นแต่ผมไฟหรือชั่วคราว เท่านั้น เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งก็จะค่อย ๆ หลุดร่วงไปเอง ทำให้ดูแหว่ง ๆ อย่างที่เราทราบว่า ทางประเพณีของบ้านเรา เมื่อเด็ก 1-2 เดือน จะมีพิธีโกนผมไฟเพื่อเป็นการรับขวัญเด็ก อีกนัยนึงก็เพื่อทำให้ผมของเด็กดูไม่แหว่งไปในตัวด้วย แต่การโกนผมไฟเป็นเพียงแค่ช่วยให้หนังศีรษะสะอาดขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้ผมดกขึ้นแต่ประการใด ส่วนผมจริง ๆ ถาวรนั้น จะเริ่มขึ้นตั้งแต่อายุได้ประมาณ 6 สัปดาห์ ขึ้นไปค่ะ แต่ในเด็ก บางคนอาจจะช้ากว่านั้น ส่วนวิธีการดูแลเส้นผมลูกรักมีดังนี้ค่ะ เส้นผมของเด็กแต่ละคนจะแตกต่างกัน บางคนผมหนา บางคนผมบางหรือน้อย แต่สิ่งที่คุณแม่ควรใส่ใจให้ความสำคัญคือการดูแลความสะอาดมากกว่า โดยให้สระล้างด้วยน้ำอุ่นประมาณสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าหากช่วงไหนอากาศร้อนอบอ้าวมาก ๆ ก็อาจสระให้บ่อยขึ้นได้ อาการผมร่วงของทารกที่เรียกว่า "ผ้าอ้อมกัด" คงพอได้ยินกันมาใช่ไหมคะ เพราะเกิดจากการถูกเสียดสีกับเบาะที่นอนในช่วงที่ลูกน้อยนอนในแปลหรือเตียงนอน ซึ่งความจริงแล้ว ในช่วง 3-4 เดือนแรก ผมเด็กจะหลุดร่วงเพราะการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกาย เซลล์ผมมีการผลัดเปลี่ยนเพื่อสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่นั่นเอง แต่วิธีทางแก้ไข ก็คือการเปลี่ยนท่านอนของลูกบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ส่วนใดถูกกดทับมากกว่ากัน เท้าน้อย ๆ ในช่วง 5 ปีแรก คงต้องดูแลเรื่องเท้าเล็ก ๆ ของลูกน้อยเป็นพิเศษหน่อยค่ะ เพราะกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ของเท้ายังมีลักษณะที่นุ่มและเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ง่าย ซึ่งในวัยที่ลูกยังเดินไม่ได้ ยังไม่ควรให้ใส่รองเท้าค่ะ ควรปล่อยให้เท้าของเขาว่างเปล่า ได้สัมผัสกับความอิสระของการเคลื่อนไหวมากที่สุด แต่ถ้าอยู่ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิต่ำก็ให้ใส่ถุงเท้าที่หลวม ๆ ไม่รัดนิ้วเท้า หรืออาจใส่ถุงเท้าที่หลวม ๆ ไม่รัดนิ้วเท้า หรืออาจใส่ชุดหมีคลุมไปตลอดจนถึงเท้าก็ได้ค่ะ แม้กระทั่งในวัยที่ลูกกำลังหัดเดิน ก็ยังไม่ต้องรีบร้อนหาซื้อรองเท้าให้ใส่ค่ะ ให้รอจนมั่นใจว่า ลูกน้อยสามารถยืนและเดินได้อย่างมั่นคงแล้ว ถึงเวลานั้น ค่อยหาก็ยังไม่สายเกินไป ซึ่งรองเท้าสำหรับเด็กเล็ก ๆ นั้น มีความจำเป็นมากที่จะต้องเลือกหาให้เหมาะสม เพราะจะเกี่ยวเนื่องถึงตอนโต ลูกจะได้มีนิ้วเท้าและเท้าที่เป็นปกติ ไม่มีนิ้วใดนิ้วหนึ่งงอหรือเท้าเกิดการผิดรูปไป จากการบีบรัด หรืออุบัติเหตุจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่ลูกใช้เท้าเคลื่อนไหวในแต่ละวัน อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 24, 2012 (มีการแก้ไข) เคยอ่านหรือยัง รอบโลก ไม่ยอมย้ายแม้จะกลายเป็นเกาะกลางกรุง 31Share สามี-ภรรยาชาวจีนไม่ยอมย้ายออกจากบ้านแม้ว่าจะถูกตัดน้ำตัดไฟมา 4ปี และบริเวณรอบๆจะกลายเป็นตึกระฟ้า Niu Chuangen และ Zhang Zhongyun สองสามี ภรรยา ในมณฑลซานตง ของจีน ยังคงยืนยันที่จะอาศัยอยู่ในที่ดินของเขา แม้ว่าบริเวณโดยรอบจะถูกพัฒนาให้กลายเป็นตึกระฟ้า ปัจจุบัน2สามีภรรยาที่เด็ดเดี่ยวคู่นี้ ถูกทิ้งให้อยู่บนเกาะกลาง ในขณะที่พื้นที่รอบ ๆ พวกเขาถูกขุดและสร้างตึกกันหมดแล้ว โดยพวกเขาปฎิเสธที่จะรับเงินค่าเสียหายหากพวกเขายอมย้ายออกไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ถูกตัดขาดจากสาธารณูปโภคในปี 2009 ตั้งแต่เริ่มมีการก่อสร้างตึก ทั้งนี้ทั้งคู่ยังถูกคุกคามจากการไล่ที่ พวกอันธพาล และการถูกลักลอบแอบเข้ามารื้อบ้าน Niu กล่าวว่า เขาได้พูดกับนักพัฒนาหลายครั้งในความพยายามที่จะเจรจาตกลงราคาค่าที่ แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะให้ราคามากกว่าครึ่งหนึ่งของราคาบ้านและที่ดินในปัจจุบัน มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขายังไม่ยอมย้าย เขากล่าวว่านักพัฒนาเสนอค่าชดเชยให้พวกเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแลกกับการย้ายที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับ post today ถูกแก้ไข มีนาคม 24, 2012 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 24, 2012 (มีการแก้ไข) ฝากไว้ 1.คาด หวังให้สูงเข้าไว้และแน่นอนว่าต้องเตรียมใจที่จะพบกับความผิดหวังด้วย การคาดหวังที่ผิดทาง = ต้องผิดหวังแน่นอน 2.ถ้า อยากจะประสบความสำเร็จต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง โลกหมุนรอบตัวเอง สิ่งมีชวิตปรับตัว มนุษย์ใช้สมอง + ห้วใจ 3.ถ้าเชื่อ ว่า ไม่แพ้ เราก็จะไม่แพ้ ถ้าใจยังสู้ก็ไม่คำว่าแพ้ ล้มก็ลุกขึ้นได้ 4.คนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่บนโลกใบนี้ ได้ บางครั้งที่เราท้อ เหนื่อยนักก็พักเอาแรง กำลังใจและวิธีคิด มุมมองที่ดีช่วยให้เราเข้มแข็ง 5.อุปสรรค ล้วนเป็นยาขม ไม่มีใครอยากลิ้มลอง แต่ขึ้นชื่อว่ายาขม ส่วนใหญ่มักเป็นยาดีเสมอ อุปสรรค คล้ายหินลับมีด คนยื่งผ่านอุปสรรคย่อมคม ยาขมกินเวลาไม่สบาย ผักรสขมก็ดี ถูกแก้ไข มีนาคม 24, 2012 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 25, 2012 เอเจนซี - คลิปวิดีโอ หนูน้อยวิลเลียม สต็อกกีโบร กำลังออกลีลาท่าทางเต้นอย่างเมามันในเพลง "เจลเฮาส์ ร็อก" ของราชาเพลงร็อก แอนด์ โรล "เอลวิส เพรสลีย์" กำลังฮิตอยู่ในยูทูบ มีผู้คนคลิกเข้าชมความน่ารักน่าชังแล้วมากกว่า 2.7 ล้านครั้ง มีคนกดไลค์ให้ทะลุ 13,000 ครั้ง หนูน้อยวิลเลียม วัยเพียง 2 ขวบ เรียนรู้การเคลื่อนไหวอย่างแคล่วคล่องเช่นนี้มาจากพ่อแม่ คือ คริสตินา และปีเตอร์ ซึ่งเปิดโรงเรียนสอนเต้น สตูดี43 ในเดนมาร์ก ตามข้อมูลที่อธิบายประกอบไว้ในคลิปดังกล่าว เจ้าหนูเท้าไฟรายนี้เอาชนะใจคนดู ในงานเลี้ยงสังสรรค์ ด้วยการโยกย้ายส่ายสะโพก ตบมือ กระทืบเท้า และพยายามร้องคลอไปตามเพลง สร้างความบันเทิงให้กับคนในงานได้ทั้งหัวเราะ และส่งเสียงเชียร์เขาไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ นักเต้นตัวน้อยยังพยายามเลียนแบบการเคลื่อนไหวอันเป็นสัญลักษณ์ของเอลวิส บวกเข้ากับท่าเต้นตามสไตล์ของเขาเอง เช่น กระโดดสูงขึ้นไปในอากาศ และทำหน้าตาเอาฮาอย่างต่อเนื่อง เมื่อจบเพลง และได้รับเสียงปรบมือกระหน่ำจากผู้ชม วิลเลียมก็โค้ง และผายมือแบบนักเต้นอาชีพ อีกทั้งยังปรบมือให้กับตัวเอง ก่อนจะส่งจูบลาให้กับแฟนๆ และไฮไฟว์กับคนคุ้นหน้าคนหนึ่งด้วย บรรดาผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ที่คลิกเข้าไปดูคลิปนี้ ได้ฝากคอมเมนต์ไว้มากกว่า 1,400 ข้อความ ไม่ว่าจะเป็น วิลเลียมช่างน่ารักน่าชัง หนูน้อยสุดเจ๋ง เอลวิสตัวน้อย ฯลฯ ยืนยันความเป็นนักเต้นเท้าไฟของวิลเลียม อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 25, 2012 เสียว! ตี๋น้อย 4 ขวบตกตึก 6 ชั้น ไม่ตาย เกาะลูกกรงชั้นล่างไว้ได้ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 25, 2012 ธุรกิจ : Global Corporate วันที่ 25 มีนาคม 2555 05:51 โรคซึมเศร้าของแถมที่มากับสมาร์ทโฟน โดย : วัจน พรหโมบล นักวิจัยแห่งสถาบันสุขภาพสหรัฐอเมริกาพบว่าการใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเพิ่มโอกาสในการเป็นโรค "ซึมเศร้าในหมู่ชาวอเมริกันมากขึ้น นอกจากนั้น นักวิจัยแห่งสถาบันสุขภาพสหรัฐอเมริกายังพบว่า การใช้อุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน (โทรศัพท์ที่มีระบบปฏิบัติการ และมีประสิทธิภาพในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยแอปลิเคชั่นต่างๆ หรือการเพิ่มความสามารถใด้) หรือ แท็บเล็ต (กระดานชนวนอิเลกทรอนิคส์ที่มีจำหน่ายในหลากหลายขนาด และ ระบบปฏิบัติการ ที่มีไอแพด เป็นผู้นำในการเปิดตลาด) ยังเพิ่มโอกาสในการเป็นโรค "ซึมเศร้า" ให้กับชาวอเมริกัน เจ้าของอุปกรณ์สื่อสารคเลื่อนที่เหล่านั้นด้วย จากการวิจัยพบว่าชาวอเมริกัน 17% ยอมรับว่าเคยเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากภาวะ "ข้อมูลล้นสมอง" จากการรับข้อมูลข่าวสารมากเกินไปจนทำให้กลไกระบบป้องกันสมองไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาวะข้อมูลล้นสมอง เกิดจากการรับสื่ออย่างรวดเร็ว และมีจำนวนมาก อันเนื่องจากการติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วมาก เพียงเอานิ้วจิ้มๆ เลื่อนๆ บนแท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ก็จะได้อ่านข่าว คุยกับเพื่อน เล่นเกมส์ ได้ทันใจ จนบางครั้งแทบจะไม่มีการเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจออิเลกทรอนิคส์เล็กๆขึ้นมาดูโลกภายนอกบ้างเลย โรคซึมเศร้าเป็นอาการป่วยทั้งร่างกาย จิตใจ และ ความคิด ซึ่งผลของโรคกระทบต่อชีวิตประจำวันเช่นการรับประทานอาหาร การหลับนอน ความรับรู้ตัวเอง ผู้ป่วยไม่สามารถประสานความคิด ความรู้สึกของตัวเพื่อแก้ปัญหา หากไม่รักษา อาการอาจจะอยู่เป็นเดือน อาการของผู้ป่วย จะรู้สึกซึทมเศร้า กังวล อยู่ตลอดเวลา หงุดหงิดฉุนเฉียว โกรธง่าย กระวนกระวายสิ้นหวัง มองโลกในแง่ร้าย ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ความสนุก งานอดิเรก หรือกิจกรรมที่เพิ่มความสนุกรวมทั้งกิจกรรมทางเพศ รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีพลังงาน การทำงานช้าลง การงานแย่ลง ไม่มีสมาธิ ความจำเสื่อม การตัดสินใจแย่ลง มีอาการทางกายรักษาด้วยยาธรรมดาไม่หายเช่น อาการปวดศีรษะ แน่นท้อง ปวดเรื้อรัง ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นแย่ลง ใครที่เป็นผู้โดยสารรถตู้ประจำทาง ก็คงจะเห็นภาพคุ้นตาอยู่ประการหนึ่งคือ เมื่อขึ้นรถได้แล้วนั่่งประจำที่ ก็จะมีการหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาจิ้มๆ ถูๆ กดๆ ไม่เงยหน้าขึ้นมามองทาง หรือมองหน้าผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างๆกันเลย และจะเป็นเช่นนี้ จนกว่าจะถึงปลายทางที่ตนเองต้องลง ที่ร้านอาหาร ก็มักจะเห็นลูกค้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอาหาร และ ส่งข้อความขึ้นเฟซบุ๊ค และแชทกับเพื่อนผ่านเฟซบุ๊ค หรือ แอปลิเคชั่นอื่นๆ โดยไม่ได้สนใจคุยกับผู้ที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย การจิ้มๆถูๆ สมาร์โฟนหรือ แท็บเล็ตอย่างจดจ่อ ยังก่อให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดนิ้ว บางราย อาจจะเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นนิ้วล็อก และลุกลามเป็นปัญหาสังคมที่ร้ายแรงได้เมื่อผู้ใช้มุ่งเสพข่าวจนเกินไปและขาดการไตร่ตรองกลั่นกรอง หรือถูกชักจูงไปได้โดยง่าย ทำให้เกิดการตัดสินใจผิดๆ ทั้งยังมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า ที่เสี่ยงต่อการตัดสินใจฆ่าตัวตายได้ง่ายๆอีกด้วย Tags : สมาร์ทโฟน อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 25, 2012 (มีการแก้ไข) พระราชทานเพลิงศพ เจ้าสัวกระทิงแดง เฉลียว อยู่วิทยา ณ วัดเครือวัลย์ เวลา 17.00 น. วันนี้ (24 มีนาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 17.00 น. ของวันนี้ (24 มีนาคม) จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง และเรดบูล ณ เมรุฌาปนสถานกองทัพเรือ วัดเครือวัลย์วรวิหาร กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ นายเฉลียว ได้เสียชีวิตลงเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยโรคชรา สิริรวมอายุ 89 ปี และครอบครัวของนายเฉลียวก็ได้จัดพิธีสวดพระอภิธรรมอย่างเรียบง่าย ตามความประสงค์ของนายเฉลียวที่ได้สั่งเสียไว้ [17 มีนาคม] เฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของกระทิงแดง เสียชีวิตแล้ว เฉลียว อยู่วิทยา เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของกระทิงแดง เสียชีวิตแล้ว ในวัย 89 ปี ที่่โรงพยาบาลศิริราช ญาติตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดเครือวัลย์ ย่านบางกอกใหญ่ เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. วันนี้ (17 มีนาคม) นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดังอย่าง กระทิงแดง ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 89 ปี ด้วยโรคชราที่โรงพยาบาลศิริราช ขณะนี้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดเครือวัลย์วรวิหาร ย่านบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร สำหรับ นายเฉลียว อยู่วิทยา เป็นผู้บุกเบิกบริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง "กระทิงแดง" โดยได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็นเศรษฐี อันดับ 260 ของโลก เป็นเศรษฐีอันดับ 1 ของเมืองไทย ในปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินของนายเฉลียวขณะนั้น อยู่ที่ 4,000 ล้านดอลลาร์ โดยรวมมูลค่าของหุ้นส่วน อุตสาหกรรมยา (T.C. Pharmaceuticals) และหุ้นส่วนโรงพยาบาล ส่วนประวัติของ นายเฉลียว อยู่วิทยา นั้น เดิมมีชื่อจีนว่า "โกเหลียว" มีสายเชื้อจีนไหหลำจากคุณปู่ซึ่งเป็นคนจีนแท้ ส่วนคุณย่าเป็นคนไทย นายเฉลียวเป็นชาวจังหวัดพิจิตรโดยกำเนิด เกิดในครอบครัวที่ยากจน มีอาชีพเลี้ยงเป็ด และค้าขายผลไม้ จากนั้นได้ย้ายเข้ามาช่วยพี่ชายทำงานในร้านขายยาที่กรุงเทพฯ จนได้เป็นเซลล์แมนขายยา "ออริโอมัยซิน" ของบริษัท เอฟ.อี.ซิลลิคฯ ต่อมา นายเฉลียว ได้ลาออกจากการเป็นเซลล์แมนมารับยาขายเอง และได้ตั้งโรงงานผสมยาอยู่หลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ ราชดำเนิน จากนั้นก็ได้ตั้งบริษัท ทีซีมัยซิน โดยผลิตแป้ง "แทตทู" และยาเด็ก "เบบี้ดอล" ก่อนที่จะมาลงทุนครั้งสำคัญด้วยการเปิดบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอย่าง "กระทิงแดง" ซึ่งนับว่า เป็นการประสบความสำเร็จขั้นสูงสุด เนื่องจากกระทิงแดงเป็นเครื่องดื่มชูกำลังอันดับต้น ๆ ของตลาดโลก สำหรับชีวิตครอบครัวของ นายเฉลียว ได้สมรสกับ นางนกเล็ก สดสี มีบุตร ด้วยกัน 5 คน จากนั้นได้สมรสกับภรรยาใหม่ คือ นางภาวนา หลั่งธารา ก่อนจะร่วมกันบุกเบิกบริษัท กระทิงแดง โดยมีบุตร ด้วยกัน 6 คน ได้แก่ สุทธิรัตน์ อยู่วิทยา, จิราวัฒน์ อยู่วิทยา, ปนัดดา อยู่วิทยา, สุปรียา อยู่วิทยา, สราวุฒิ อยู่วิทยา และ นุชรี อยู่วิทยา การบุกเบิกธุรกิจกระทิงแดง ของนายเฉลียวนั้น เริ่มต้นตีตลาดต่างประเทศในปี พ.ศ. 2527 โดยได้ร่วมลงทุนกัน ยาดีทริช เมเทสซิทซ์ นักธุรกิจชาวออสเตรีย ซึ่งได้เปิดบริษัท "Red Bull GmbH." ในประเทศออสเตรีย ผลิตและวางจำหน่ายกระทิงแดงในยุโรป ภายใต้ยี่ห้อ เรดบูล และส่งไปขายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ลำดับเศรษฐีของ นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของกระทิงแดง ปี พ.ศ. 2546 : เศรษฐีของโลกอันดับ 386 ปี พ.ศ. 2547 : เศรษฐีของโลกอันดับ 356 : เศรษฐีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันดับ 12 ในปี พ.ศ. 2547 ปี พ.ศ. 2548 : เศรษฐีของโลกอันดับ 292 : เศรษฐีของประเทศไทยอันดับ 2 ปี พ.ศ. 2550 : เศรษฐีของโลกอันดับ 279 ปี พ.ศ. 2551 : เศรษฐีของโลกอันดับ 260 : เศรษฐีของประเทศไทยอันดับ 1 ปี พ.ศ. 2553 : เศรษฐีของโลกอันดับ 208 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ถูกแก้ไข มีนาคม 25, 2012 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 25, 2012 รายงานพิเศษ ตำนาน (3) เฉลียว อยู่วิทยา จากฝูงบิน สู่ ฟอร์มูลลาร์วัน ฝันอันยิ่งใหญ่ เรดบลู อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น