ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

บทวิจัยเศรษฐกิจicon-arrow.gif

thb1_news_img_443150_1.jpg TMBแนะวิเคราะห์ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน TMB Analytics แนะผู้ประกอบการ ใช้ดัชนี VIX วิเคราะห์ดูความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในภาวะผันผวน โดยสามารถตรวจดูได้ทุกวันฟรีผ่านอินเตอร์เน็ต

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เก็บมาฝากผู้หญิงอ่าน ผู้ชายอ่านก็ดี

 

วันเสาร์ ที่ 24 มีนาคม 2555

พบกับ 7 สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงน่ารัก มีเสน่ห์ขึ้น ... แถมฝึกสมองเบา ๆ วันหยุด ถ้าอยากลบเลขให้ไวขึ้นละก็ ให้เปลี่ยนมาเป็นบวกแทนเสียก็สิ้นเรื่อง

 

 

Posted by สุรศักดิ์ , ผู้อ่าน : 622 , 05:19:31 น.

หมวด : ทั่วไป

print.gif พิมพ์หน้านี้ icon_favorite_entry.gif vote_story.gif โหวต 4 คน

พบกับ 7 สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงน่ารัก มีเสน่ห์ขึ้น ...

แถมฝึกสมองเบา ๆ วันหยุด ถ้าอยากลบเลขให้ไวขึ้นละก็

ให้เปลี่ยนมาเป็นบวกแทนเสียก็สิ้นเรื่อง

 

 

พบกันอีกเช่นเคยครับ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นเรื่องเบา ๆ แต่ก็ได้สาระ มีประโยชน์

สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ พบกับ 2 เรื่อง

เรื่องแรก 7 สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงน่ารัก มีเสน่ห์ขึ้น และ

เรื่องที่สอง ถ้าอยากลบเลขให้ไวขึ้นละก็ ให้เปลี่ยนมาเป็นบวกแทนเสียก็สิ้นเรื่อง

 

เรื่องแรก 7 สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงน่ารัก มีเสน่ห์ขึ้น

***

145970597.jpg

 

ผู้หญิงทุกคนอยากเป็นคนน่ารักกันทั้งนั้น ความน่ารัก คือเสน่ห์และแต้มต่อที่สำคัญ

ที่จะช่วยนำสิ่งที่ดีมาสู่ชีวิต

อาจารย์ประณม ถาวรเวช ผู้ก่อตั้งสถาบันการพัฒนาบุคลิกภาพ เป็นแห่งแรกใน

ประเทศไทย ได้กล่าวว่า แม้จะเน้นไปที่ผู้หญิง แต่ใช้่ได้กับทุกเพศทุกวัย

ใคร่ขออนุญาตคัดย่อมาพอสังเขปให้ทราบ ดังนี้

 

1. รอยยิ้ม

รอยยิ้มทำให้คนน่ารักขึ้น เพราะทำให้ดูเป็นคนมีชีวิตชีวา ร่าเริง สดใส มองโลกในแง่ดี

และมีความสุข

มีใครอยากอยู่ใกล้หรือคบหากับคนที่มีหน้าตาเรียบเฉย เย็นชา บึ้งตึง บ้าง

ยิ้มไม่มีต้นทุน มีแต่กำไร

 

2. คำพูด

คำพูดดี ๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้แก่ชีวิตได้มาก พูดจาดีก็มีเพื่อนฝูง

มีคนนิยมชมชอบ และมิตรสหายทางธุรกิจเพิ่มขึ้นได้

คำพูดดี ๆ ต้องเกิดจากทัศนคติที่ดีเสียก่อน เกิดจากมุมมองที่ดี จิตใจที่ดี และต้องได้

รับการหล่อหลอมจากสังคมที่ดีด้วย

คิดก่อนพูด และไม่ต้องพูดทั้งหมดที่คิด แล้วต้องพูดให้ได้เนื้อหา ชัดถ้อยชัดคำ มี

น้ำเสียงนุ่มนวล

ใครพูดจาดี ก็จะเป็นคนที่น่ารัก น่าคบ

 

3. กิริยาท่าที

คนโบราณบอกว่า "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล" หมายถึง กิริยาท่าทีของคนคนหนึ่ง

สามารถสะท้อนว่า เขาได้รับการอบรมมาอย่างไร

สมัยก่อน การอบรมเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของวงศ์สกุล ก็คือครอบครัว ซึ่งแต่ก่อนอยู่กันเป็น

ครอบครัวใหญ่ มีคนหลายรุ่นหลายวัยอยู่ร่วมกัน

แต่ปัจจุบัน มักเป็นครอบครัวเดี่ยวเล็ก ๆ และส่วนใหญ่ก็มีโลกส่วนตัว ทำให้ขาดการ

เอาใจใส่ต่อกัน การอบรมสั่งสอน ช่วยกันขัดเกลา ก็ไม่ค่อยมี

จึงพูดจากันหยาบคาย พูดด้วยน้ำเสียงที่ใช้ไม่ได้ ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่มีความเกรงใจใคร

ไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้ขาดเสน่ห์และความน่ารัก

อยากเป็นคนมีเสน่ห์และน่ารัก พึงลดข้อที่น่าตำหนิเหล่านี้

 

4. การแต่งกาย

แต่งกายเป็น และแต่งกายดี มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะไม่เพียงแต่ทำให้คุณโดดเด่น น่ามอง

เท่านั้น หากได้มีโอกาสใกล้ชิด คนข้าง ๆ ตัว จะรู้สึกภูมิใจและหลงรักรสนิยมในการ

แต่งกายของคุณได้ด้วย

การแต่งกายที่จะช่วยให้คุณดูน่ารักขึ้นก็คือ เปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสมกับวาระและ

โอกาส เข้ากับรูปร่าง ผิวพรรณ และระดับฐานะของตัวเอง

มีรสนิยมที่จะเลือกแบบ สี และนำมาผสมผสานใช้ได้ในหลาย ๆ โอกาส โดยไม่ต้อง

ฟุ่มเฟือย มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนคนอีกร้อยคนพันคนที่เดินอยู่ตามท้องถนน ซึ่งล้วน

แต่งกายตามดารา นักร้อง นางแบบ และหุ่นที่ตั้งโชว์ในร้าน

ยังไงก็ขอแนะนำว่า ให้เลือกจากความเหมาะสมของตัวเองเป็นสำคัญ ไม่ใช่แต่งแล้ว

เปิดจุดอ่อนของตัวเองให้กลายเป็นเรื่องสนุกปากของคนอื่น ก็ไม่ช่วยให้น่ารักขึ้นหรือ

ช่วยเติมเสน่ห์หรอก

 

5. น้ำใจ

น้ำใจเป็นสิ่งสำคัญ ที่ทำให้คนคนหนึ่งน่ารักกว่าคนอีกหลายคนซึ่งแล้งน้ำใจ

น้ำใจ ไม่ได้หมายถึง การต้องเสียสละทรัพย์สินเงินทอง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

อย่างใหญ่โตอะไร แค่รู้จักช่วยเพื่อนถือของพะรุงพะรัง หรือหนักเกินกำลัง แค่นี้ก็

น่ารักแล้ว

หรือสละที่นั่งให้คนชรา หญิงมีครรภ์ ผู้ป่วย หรือเด็ก ๆ

บางครั้ง อาจสละทรัพย์เล็กน้อย ช่วยสนับสนุนนักศึกษาที่มาตั้งจุดรับบริจาค เพื่อ

ประโยชน์สาธารณะก็ได้ เหล่านี้เป็นต้น

 

6. มุมมองหรือทัศนคติ

ผู้หญิงมักมีโครงสร้างทางอารมณ์ ความรู้สึก และความคิดที่ซับซ้อน ละเอียดอ่อนมาก

ทำให้คิดในเรื่องยิบ ๆ ย่อย ๆ จนดูเป็นคนจู้จี้จุกจิก น่ารำคาญ ในสายตาของคนอื่น ๆ

โดยเฉพาะผู้ชาย

การพัฒนามุมมองในเชิงเหตุผลและหลักการ จะช่วยให้ผู้หญิงข้ามเรื่องปลีกย่อยไปได้

แล้วมุ่งไปที่เรื่องใหญ่ ๆ เรื่องสำคัญ ๆ

การพัฒนามุมมองหรือทัศนคติ ต้องเริ่มต้นจาก การเปิดรับข้อมูลใหม่ ๆ ความคิดเห็น

ของคนอื่น หรือเรื่องของคนอื่น

คนที่มีมุมมองแบบเปิดกว้าง มีทัศนคติในทางบวก จะยิ่งได้รับโอกาสดี ๆ ในชีวิต

และเป็นที่ชื่นชมชอบพอของคนทั่วไป นั่นทำให้คุณน่ารักเสมอในสายตาของคนอื่น

 

7. อารมณ์ขัน

อารมณ์ขัน ช่วยทำให้ผู้หญิงต่างจาก "แม่" การเป็นคนเจ้าระเบียบ จริงจังอยู่ตลอดเวลา

ไม่ยืดหยุ่นผ่อนคลาย มักทำให้ผู้ชายนึกถึงแม่

ผู้ชายทุกคนมีแม่อยู่แล้ว ที่เขากำลังมองหาคือ เพื่อนหญิงที่อยู่ด้วยแล้วมีชีวิตชีวา มี

ความสุข สนุก และช่วยเติมเต็มให้กันและกัน

ผู้หญิงส่วนใหญ่ขาดอารมณ์ขัน (กับผู้ชาย) เพราะมัวแต่กังวล ระวัง คิดว่า การมี

อารมณ์ขันอาจเป็นเรื่องเสียกิริยา ไม่เหมาะไม่งาม ซึ่งไม่จริงเลย

 

ขอย้ำอีกครั้งว่า ผู้หญิงทุกคนอยากเป็นคนน่ารักกันทั้งนั้น ความน่ารักคือเสน่ห์และ

แต้มต่อที่สำคัญที่จะช่วยนำสิ่งที่ดีมาสู่ชีวิต

 

เริ่มต้นเป็นคนน่ารักเสียแต่วันนี้ ...

 

*.*.*

ข้อมูล : นิตยสาร first www.first-mag.com ปีที่ 1 ฉบับที่ 10 - ขอขอบคุณ

ภาพจากนิตยสาร first - ขอขอบคุณ

ตกแต่งภาพ - สุรศักดิ์

 

++++++++

 

เรื่องที่สอง ถ้าอยากลบเลขให้ไวขึ้นละก็ ให้เปลี่ยนมาเป็นบวกแทนเสียก็สิ้นเรื่อง

***

 

การลบเลข หากเราไม่มีเครื่องคิดเลข ก็ดูเป็นเรื่องยุ่งยากพอควร หากจำนวนที่จะลบนั้น

เป็นเลขจำนวนหลายหลัก ผมมีวิธีง่าย ๆ และเป็นการฝึกสมองไปในตัวด้วย หรือจะไว้

สอนลูกสอนหลานก็ได้ ยิ่งถ้าเป็นผู้บริหาร ควรทราบไว้ เพื่อใช้ในการตรวจสอบ ก็จะ

ได้ประโยชน์ครับ หรือผู้สูงอายุ ไว้ฝึกสมองก็ดีครับ

 

1459730bd.jpg

 

14597c4fd.jpg

 

 

เป็นอย่างไรครับ ดู ๆ แล้ว คงยากใช่ไหมครับ แต่ผมขอบอกว่า ทำความเข้าใจ

ให้แจ่มแจ้งเสียก่อน ฝึกไป ๆ จะง่ายขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับครับ จนกระทั่งสามารถ

ให้คำตอบได้ทันที

 

14597a7d8.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โฆษณา ดูมัน ดูเพลิน คล้ายได้ดูหนังสั้น นางเอกสวยแจ๋ว มาดูกัน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จะโกรธใหมหากใครพูดแบบนี้กับคุณ ltmo2.gif

 

 

ขอให้ไม่มีอนาคต คือ อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับสติ

ขอให้หมดเนื้อหมดตัว คือ การละที้งทุกสิ่งทุกอย่าง การไม่ยึดติด

ขอให้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด คือ นิพพาน ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก

 

ที่มา FWM.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รองเท้าน้อย

 

 

nithan0010.jpg

ณ บ้านกลางสวนหลังหนึ่ง มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ "แจ๊ค" แจ๊คมีนิสัยไม่ชอบซักรองเท้า แจ๊คมักใส่รองเท้าของเขาไม่ย่ำโคลนเลอะเทอะแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ส่งกลิ่นเหม็นคาวไปทั่ว จนใครบอกว่ากลิ่นคาวเหมือนปลาหมึก แต่แจ๊คก็ไม่เคยสนใจที่จะทำความสะอาดรองเท้าของเขาเลย

คืนหนึ่งขณะที่แจ๊คนอนหลับ เจ้ารองเท้าน้อยของแจ๊คก็เหม็นตัวเองจนทนไม่ได้ จึงตัดสินใจไปอาบน้ำในลำธารใกล้บ้าน ในขณะที่รองเท้าน้อยกำลังว่ายน้ำอยู่นั้นก็ได้พบกับปลากลางคืนฝูงหนึ่ง ฝูงปลากลางคืนเหล่านั้นรู้สึกตกใจกลัวร้องเท้าน้อยมาก จึงตั้งท่าจะว่ายน้ำหนี แต่เจ้ารองเท้าน้อยร้องเรียกทักทายให้หยุดก่อน

" ท่านเป็นรองเท้าแล้วลงมาทำอะไรอยู่ที่ลำธารแห่งนี้" เสียงปลากลางคืนถาม " ฉันอยากให้ตัวฉันสะอาดขึ้นมาบ้าง จึงมาอาบน้ำที่นี่ " รองเท้าน้อยพูด

" แต่ที่อันตรายนะ" ปลากลางคืนตัวหนึ่งกล่าวอย่างเป็นห่วง

" อันตรายอย่างไรล่ะ ฉันไม่เห็นจะมีอะไรเลย ที่นี่สวยงามมาก ฉันอยากจะเล่นน้ำนานๆจัง ดูสิข้างบนมีแสงจันทร์ ส่งกระทบโขดหินเป็นประกายสีทอง ช่างสวยงามจริงๆ

nithan00103.jpg

" จริงด้วย อากาศก็เย็นสบายจัง" ปลากลางคืนตัวหนึ่งสนับสนุน " พวกเราฟังเสียงลมสิช่างไพเราะเหลือเกิน" ปลากลางคืนตัวหนึ่งเสริมขึ้น

" จริงด้วย ช่างสุขใจอะไรอย่างนี้" รองเท้าน้อยและปลากลางคืนยิ้มอย่างมีความสุข

ในขณะที่ทั้งหมดกำลังดูดดื่มกับธรรมชาติที่สวยงาม ก็เกิดระลอกคลื่นใหญ่พัดเข้ามาทางรองเท้าน้อย และฝูงปลากลางคืนอย่างแรง

" เกิดอะไรขึ้น" รองเท้าน้อยตะโกนถาม " ปะ..ปะ.." ปลากลางคืนตัวหนึ่งตะโกนอ้าปากค้าง

" มีอะไรเกิดขึ้นหรือท่าน" รองเท้าน้อยถามอีกครั้ง " ปะ...ปะ..ปลา..ปลา..หมึกจอมเกเร" ปลากลางคืนตัวนั้นตะโกนสุดเสียง

" ปลาหมึกจอมเกเร" ทั้งหมดตะโกนขึ้นพร้อมกัน

ไม่นานนักก็ปรากฏร่างของเจ้าปลาหมึกกำลังว่ายตรงเข้ามาพร้อมส่งเสียงคำรามน่ากลัว ฝูงปลากลางคืนทุกตัวสั่นจนไม่มีแรงว่ายหนี ในขณะที่รองเท้าน้อยอยู่ใกล้ๆพยายามที่จะบอกให้ฝูงปลากลางคืนหายตกใจกลัว

"หยุดกลัวเถอะ ตอนนี้เราต้องใช้ปัญญาช่วยกันคิดว่า เราจะทำอย่างไรกันดี"

" จริงด้วยสิ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมัวกลัวกันอยู่ " ปลากลางคืนตัวหนึ่งพูดเสียงแข็ง

" จริงสิ รองเท้าน้อย ท่านแตะได้นี่นะ"

" ใช่ใช่ แล้วเยียบซ้ำสักสองสามทีเลย" " ช่วยพวกเราหน่อยเถอะนะท่าน ใช้ท่าคาราเต้คิ๊กเลย"

" พอท่านจัดการเจ้าปลาหมึก พวกเราก็จะช่วยกันพุ่งเข้าไป" เสียงฝูงปลาช่วยกันออกความคิดเป็นการใหญ่

" แต่ฉันว่าเราน่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ โดยไม่ต้องใช้กำลังนะ ฉันไม่ชอบใช้ความรุนแรง หรือพวกเธอชอบ" รองเท้าน้อยไม่เห็นด้วย " ไม่หรอก ฉันไม่ชอบ" ปลากลางคืนตัวหนึ่งพูด

" ฉันก็ไม่" ปลากลางคืนตัวหนึ่งเสริม

" แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะ" ปลากลางคืนตัวหนึ่งพูดขึ้น ทั้งหมดนิ่งไปพักหนึ่ง " ฉันคิดออกแล้ว" รองเท้าน้อยยิ้ม แล้วหันไปทางเจ้าปลาหมึกที่กำลังว่ายเข้ามาใกล้

nithan00102.jpg

เจ้าปลาหมึกเห็นรองเท้าน้อยก็รู้สึกแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นสัตว์อะไรที่เหมือนรองเท้าน้อยมาก่อน " เจ้าเป็นใคร บังอาจมาขวางทางข้า หลีกไปซะ" เจ้าปลาหมึกขู่รองเท้าน้อย

" ฉันเป็นพวกเดียวกับท่านไงล่ะ ที่ข้างบนพื้นดิน มนุษย์เรียกฉันว่าปลาหมึกเหมือนท่านไง" เจ้ารองเท้าพูดอย่างสุภาพ

" อะไรนะ เจ้าเป็นปลาหมึกเหมือนข้างั้นหรือ" เจ้าปลาหมึกเสียงอ่อนลง " ในลำธารแห่งนี้เหลือปลาหมึกอย่างข้าเพียงตัวเดียว ข้าดีใจจริงๆที่ได้พบเจ้า แต่ว่า เจ้าเป็นปลาหมึกชนิดไหนล่ะ"

"อึ่ม..มีเขียนไว้ตรงนี้ ท่านลองอ่านดูสิ" รองเท้าน้อยหันลำตัวด้านที่มีตัวหนังสือเขียนไว้ให้เจ้าปลาหมึกดู

" บอ-อา-บา ทอ-อา-ทา อ๋อ บาทาใช่ไหม" เจ้าปลาหมึกตอบอย่างดีใจ " ถูกแล้วท่านเก่งมาก ว่าแต่ท่านทำไมถึงได้มาแกล้งปลากลางคืนพวกนี้ล่ะ ฉันคิดว่าท่านเลิกแกล้งพวกเขาเถอะนะ" รองเท้าน้อยขอร้อง

เจ้าปลาหมึกคิดแล้วบอกว่า " ก็ได้ แต่เจ้าต้องเป็นเพื่อนข้า และไปอยู่กับข้านะ"

" อ๋อ ที่แท้ท่านก็คงเหงาใช่ไหมล่ะ แต่ฉันคงไปอยู่กับท่านไม่ได้หรอก เดี๋ยวฉันต้องกลับขึ้นบนพื้นดินแล้ว แต่ถ้าท่านสัญญาว่าจะไม่แกล้งใครอีก ฝูงปลากลางคืนเหล่านี้ก็เป็นเพื่อนกับท่าน จริงไหมพวกท่าน" เจ้ารองเท้าน้อยหันไปถามฝูงปลา

" จริงจ้ะ พวกเราจะเล่นกับท่าน ถ้าท่านสัญญาว่าจะไม่แกล้งพวกเรา" เสียงปลากลางคืนตอบพร้อมกัน

" ข้าสัญญา ต่อไปนี้ข้าจะไม่แกล้งพวกเจ้าและใครๆอีก" เจ้าปลาหมึกสัญญาและยิ้มอย่างมีความสุข เจ้ารองเท้าน้อยก็ยิ้มอย่างมีความสุข และอำลาฝูงปลากลางคืนกับเจ้าปลาหมึกเพื่อกลับขึ้นไปบนพื้นดิน

nithan00101.jpg

ขณะที่เจ้ารองเท้าน้อยขึ้นบนฝั่ง เนื้อตัวเปียกโชก ดวงตะวันก็ใกล้จะขึ้นพ้นขอบฟ้า " แย่จัง ไม่ทันแน่ ตัวเราเปียกโชกไปหมดอย่างนี้ แล้วแจ๊คต้องใส่เราทั้งๆที่เปียกแน่เลย" รองเท้าน้อยพูดกับตัวเอง

ทันใดนั้นรองเท้าน้อยก็ได้ยินเสียงนกร้อง จิ๊บ จิ๊บ อยู่บนกิ่งไม้ รองเท้าน้อยยิ้มแล้ววิ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และกระโดดขึ้นเต็มที่ และแล้วรองเท้าน้อยก็ลอยอยู่ในอากาศ ลมยามเช้าเป่าให้รองเท้าน้อยแห้งสนิท รองเท้าน้อยลอยตรงดิ่งไปที่ประตูบ้านของแจ๊ค แล้วหยุดตรงชั้นวางรองเท้าหน้าบ้านพอดี

เมื่อแจ๊คตื่นขึ้นมา เขารู้สึกแปลกใจที่รองเท้าน้อยดูสะอาดขึ้น และทุกคนที่ได้พบเห็นแจ๊คกับรองเท้าน้อยของเขา ต่างก็พากันแปลกใจไปตามๆกัน

0000063.gif

ขอบคุณผู้เขียน ผู้เก็บไว่ให้อ่านกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คมคำคนคม

Human beings, by changing the inner attitudes of their minds, can change the outer aspects of their lives.

มนุษย์เราแค่เปลี่ยนทัศนคติภายในใจก็สามารถเปลี่ยนเปลือกนอกของชีวิต

William James

(1842 - 1910)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานพิเศษ

ตำนาน(4)เฉลียว อยู่วิทยา เจเนอเรชั่น 2'เรดบูล'แกร่งทุกมิติ newslink_img_3483.jpg ชื่อของ "เรดบูล" และ "กระทิงแดง" ยังคงผงาดในโลกธุรกิจ รุกเร็ว บุกหนัก ตามความมุ่งมั่นของผู้บุกเบิกกระทิงแดงในเมืองไทย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“โฆษกศาล” โต้ “ทักษิณ” ยันตุลาการไม่ต่อสายคุยการเมือง blank.gif โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 25 มีนาคม 2555 17:40 น.

 

Share40 blank.gif

TabOver.gif คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น 555000003992801.JPEG นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม

blank.gif blank.gif โฆษกศาลยุติธรรม แจงกรณี “ทักษิณ” โฟนอินแดงสุรินทร์ช่วยคุยผู้พิพากษาให้ประกันแดง ยันศาลไม่เคยต่อสายคุยกับการเมือง ไม่ว่า “ยิ่งลักษณ์” หรือใคร ย้ำการประกันดูหลักกฎหมาย เชื่อแม้วพูดเพื่อการเมืองให้คนคล้อยตาม ระวังให้ร้ายศาลเจอคดี

 

วันนี้ (25 มี.ค.) นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินถึงกลุ่มเสื้อแดงที่ จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ตอนหนึ่งว่า ได้ประสานกับผู้พิพากษาเรื่องการประกันตัวคดีของคนเสื้อแดงไว้แล้ว และหากไม่มีเงินประกันจะช่วยเหลือออกให้ว่า การประกันตัวเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาตามกฎหมาย เป็นรายคดีเฉพาะบุคคลไป ซึ่งจะพิจารณาจากพฤติการณ์ ความร้ายแรงในคดีนั้นๆ และมูลค่าหลักทรัพย์ ขณะที่หลักทรัพย์ที่ใช้ยื่นเป็นของญาติผู้ต้องหาหรือจำเลย หรือของใครก็ได้ ส่วนจะได้รับประกันหรือไม่เป็นเรื่องดุลพินิจของผู้พิพากษาในคดีนั้นๆ แต่ที่ผ่านมาพบว่าเมื่อยื่นแล้วได้รับการประกันถึง 80% ส่วนที่ไม่ได้ประกันเป็นเรื่องพฤติการณ์ในคดี ดังนั้นถ้าจะพูดว่าได้ประสานกับผู้พิพากษาเรื่องการประกันคงไม่ใช่

 

“ผมเองไม่ได้ฟังข้อความทั้งหมด แต่เท่าที่ติดตามข่าวจากสื่อ ท่านอาจพูดเชิงการเมืองให้คนรู้สึกคล้อยตาม แต่ความจริงคือ ไม่เคยมีการประสาน เพราะศาลไม่ต่อสายคุยกับการเมือง และการเมืองไม่เคยต่อสายคุยกับศาล ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือใครก็ตาม การประกันเป็นเรื่องเฉพาะคดี เฉพาะคน และแต่คดีก็มีองค์คณะผู้พิพากษารับผิดชอบ ไม่มีที่จะไปพูดคุยกับผู้พิพากษา ก.คนหนึ่งแล้วจะไปคุมคดีอื่นได้ 100 สำนวน การประสานที่พูดถึงจึงเป็นไปไม่ได้” โฆษกศาลยุติธรรมกล่าว และว่า ในการทำงานผู้พิพากษาเราทำตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะปฏิบัติหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธย โดยอำนวยความยุติธรรมที่ปราศจากอคติ ขณะที่ผ่านมาประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นประมุขตุลาการ 1 ใน 3 อำนาจอธิปไตยไม่เคยให้นโยบายใดๆเรื่องนี้ที่จะไปก้าวก่ายการบริหารคดีของผู้พิพากษาที่จะทำให้ถูกสั่งซ้ายหันขวาหันได้ แต่ประธานศาลฎีกาให้เรายึดมั่นอุดมการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยง ธรรม ไม่มีอคติ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นจะเป็นการดูหมิ่นผู้พิพากษาและศาลยุติธรรมและต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวว่า ไม่อยากฟันธงว่าคำพูดที่ว่ามีการประสานผู้พิพากษาผิดหรือไม่ ซึ่งศาลไม่ได้ต้องการเป็นคู่ความคดีใดกับใคร แต่เราก็ติดตามสถานการณ์โดยตลอด ถ้าหากมีการพูดอะไรที่เจตนาทำให้องค์กรศาลยุติธรรมเสียหายถูกลดความน่าเชื่อถือ ซึ่งศาลเป็นที่พึ่งของประชาชนที่จะอำนวยความยุติธรรม เปรียบเหมือนหากมีคนเอาระเบิดเพลิงมาปาใส่บ้านเรา อย่างนั้นก็จะต้องมีการดำเนินการ โดยเริ่มจากมาตรการอ่อนสุดคือการชี้แจง ทำความเข้าใจ ไปจนถึงเข้มสุดคือการดำเนินคดี

 

ซักต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรต้องมาชี้แจงให้ชัดเจนใช่หรือไม่ โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวว่า ถ้าจะถามว่าควรชี้แจงหรือไม่ เมื่อท่านผูกเรื่องนี้แล้วก็ต้องเรียนแก้เอง เพราะไม่รู้ว่าการประสานที่ท่านพูดหมายถึงอะไร ท่านไปพูดกับใคร แต่ถ้าจะเป็นการประสานคดียืนยันว่าไม่มี ซึ่งคดีของเสื้อเหลือง เสื้อแดงก็มีทั้งสองฝ่ายที่ฟ้องต่อศาล ขณะที่คดีของท่านก็มีทั้งที่ศาลตัดสินและยังค้างอยู่ในศาล ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตจึงแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ (25 มี.ค.) ที่ริมบาทวิถีหน้าศาลอาญา กลุ่มคนเสื้อแดงนำโดยนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งเต็นท์ชั่วคราว จัดเสวนาหัวข้อ “การปรองดองบนความยุติธรรม...ทำเพื่อใคร” โดยมีทนายความ พร้อมญาติผู้ต้องหา และนักโทษคดีการเมือง รวมทั้งกลุ่มแนวร่วม นปช.เข้าร่วมประมาณ 30 คน จากนั้นได้ร่วมกันร้องเพลง “ความเป็นธรรม” ปิดท้าย ก่อนสลายตัวไปในเวลา 16.00 น.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เจ้าเหมียวเลี้ยงเชื่อง

 

 

 

ลูกสาวของเราเก็บแมวจรจัดมาเลี้ยง แต่เลี้ยงไปสักพักฉันก็เริ่มไม่สบอารมณ์ เพราะเจ้าเหมียวยึดเอาด้านหลังโซฟาที่เราซื้อมาใหม่เป็นเครื่องลับกรงเล็บให้แหลมคม

“ไม่ต้องห่วงหรอก” สามีบอก “เดี๋ยวผมจะฝึกมันเอง”

หลายวันต่อมา ฉันเฝ้าดูสามีค่อยๆ “ฝึก” เจ้าเหมียวสมาชิกใหม่ของบ้านอย่างใจเย็น ทุกครั้งที่มันออกแรงเกาโซฟาแรงๆ สามีก็จะอุ้มไปไว้ด้านนอกเพื่อให้รู้ว่าห้ามเกาโซฟา

เจ้าเหมียวเรียนรู้ได้เร็วมาก เพราะช่วง 16 ปีต่อมา ทุกครั้งที่อยากออกไปข้างนอก มันจะเกาด้านหลังโซฟาสุดแรง

 

Submitted by gclf.net

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

icon-favorites.gif ทำให้เป็นหน้าหลัก

L0_news_img_443549_1.jpg

 

มิสไทยแลนด์เวิลด์...2012

วัลเณซ่า เมืองโครตร (นฉัตร)หมายเลข 14 (กลาง) คว้ามงกุฏมิสไทยแลนด์เวิลด์ประจำปี 2012ไปครอง รร.เซ็นทาราฯ เมื่อค่ำ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวรรค์ของพระ

 

โดย : เรื่อง - มนสิกุล โอวาทเภสัชช์ ภาพ - อุทร ศรีพันธ์

 

 

 

news_img_443343_1.jpg

 

 

คนต่างประเทศส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า จะถวายอาหารอย่างไร จะทำบุญอย่างไร

นี่คือหนึ่งภารกิจของสงฆ์ชาวต่างประเทศสมญานามว่า พระอาจารย์ธีระธัมโม

พุทธศักราช 2555 นอกจากจะเป็นปีที่หลวงพ่อชา สุภัทโท หนึ่งในบูรพาจารย์ พระป่าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ละสังขารผ่านไป 20 ปีแล้ว ยังเป็น 2600 ปีพุทธชยันตี ที่ชาวโลกพร้อมใจกันปฏิบัติธรรม ลด ละกิเลส เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของเจ้าชายสิทธัตถะ ทรงมีชัยเหนือกิเลสมารทั้งปวงด้วย

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในโลกที่น้อมรับพระพุทธศาสนามากกว่า 700 ปี นับแต่สร้างกรุงสุโขทัยนับเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน กระทั่งศาสนาวัตถุนิยมได้เข้ามาครอบครองพื้นที่ในใจของผู้คนไม่น้อย ขณะเดียวกัน ในดินแดนตะวันตก ที่ไม่เคยได้ลิ้มรสพระธรรมจากพุทธศาสนา กลับเป็นพื้นที่เปิดรับธรรมะจากฝั่งตะวันออกไปกว่า 100 ปี ดังที่หลวงพ่อชาเคยกล่าวไว้ว่า ดอกบัวกำลังจะบานทางทิศตะวันตก ตอนนี้เป็นจริงแล้ว

 

ทายาท ผู้สืบทอดพุทธศาสน์

พระอาจารย์ธีระธัมโม (Tiradhammo) เจ้าอาวาส วัดโพธิญานาราม(Bohinyanarama) ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นหนึ่งในชาวตะวันตกที่เกิดในประเทศแคนาดา ปี พ.ศ. 2492 และในขณะศึกษาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ ก็พบว่าไม่ได้ทำให้ท่านมีความสุขที่แท้จริง จึงออกแสวงหาความหมายในชีวิตเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ท่านเคยกล่าวไว้ว่า...

"ขณะเรียนวิชาธรณีวิทยา ตอนนั้น อาตมาเห็นความไม่มั่นคงในอิฐ หิน ดิน ทราย และความเสื่อมที่เกิดดับอยู่ทุกขณะ ทำให้ตัดสินใจละการศึกษาในมหาวิทยาลัย แล้วออกแสวงหาความหมายที่แท้จริงของชีวิต ด้วยการขี่จักรยานจากปากีสถานมายังศรีลังกา ปฏิบัติสมาธิภาวนากับ Bhikkhu Sivoli และศึกษามหาวิทยาลัยชีวิตไปจนถึงประเทศอินเดีย แล้วเดินทางมาบวชอยู่ทางเหนือในประเทศไทย"

กระทั่งได้ยินชื่อหลวงพ่อชา จึงออกตามหาไปถึงวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานีในปี 2518 หลังจากนั้น ชีวิตใหม่ของท่านก็เริ่มต้นที่นี่ ในช่วง 35 พรรษาแรก ท่านได้รับนิมนต์ไปช่วยงานก่อตั้งวัดป่าสาขาหนองป่าพง ในประเทศอังกฤษ 5 ปี รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นระยะเวลาประมาณ 18 ปี .ในพรรษาที่ 36 จนถึงปัจจุบัน ท่านได้รับนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิญานารามกรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ และเตรียมเกษียณตัวเองในเร็ววันเพื่อที่จะธุดงค์ไปทั่วโลก

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นวันละสังขารของหลวงปู่ชา ท่านได้กลับมาอาจาริยบูชาที่วัดหนองป่าพง และรับนิมนต์ไปบรรยายธรรมที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ กรุงเทพฯ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน เราจึงขอน้อมนำธรรมะที่ท่านฝากไว้ให้กับชาวไทยมาแบ่งปันกัน ในวันที่โลกกำลังร้อนรุ่มไปด้วยกิเลสตัณหา และมนุษย์โลกกำลังจะละทิ้งความสุขทางใจไปบูชาเงินยิ่งกว่าสิ่งใด

พระอาจารย์ธีระธัมโมบอกว่า ลิ้นท่านขึ้นสนิมแล้ว เพราะอยู่ต่างประเทศนาน แต่ธรรมที่ออกมาจากการปฏิบัติของท่านนั้น คมกริบ พร้อมตัดกิเลสอาสวะที่นอนเนื่องในจิตได้อย่างฉับพลันทันที อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ระลึกถึงพระธรรม ขุมทรัพย์ที่เรามีอยู่ และหันกลับมาขุดกันเพื่อดับความร้อนทางใจก่อนที่โลกจะลุกเป็นไฟมากไปกว่านี้

ท่านเล่าให้ฟังว่า ...

เคยอยู่หลายประเทศ ปัจจุบันจำวัดอยู่ที่นิวซีแลนด์ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ถ้านั่งเครื่องบินก็ห่างจากประเทศไทยประมาณ 12 ชั่วโมง บินกันจนเครื่องบินจะหมดน้ำมันพอดีก็ถึง

"นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อยมาก แต่ไม่มีงู ไม่มีแมงป่อง เป็นประเทศที่เดินในป่าไม่ต้องระมัดระวังอะไร แต่ทำให้เราประมาท อาตมาอยู่เมืองไทยหลายปี ลืม บางทีคิดว่าอยู่นิวซีแลนด์ไม่ยอมใช้ไฟฉาย บางทีก็เจองูบ้าง แต่ไม่เป็นไร ต่างคนต่างอยู่ นิวซีแลนด์มีป่าไม้มาก มีพลเมือง 4 ล้านคน เป็นประเทศที่เป็นคริสต์ เขาไม่เชื่อเรื่องพุทธ เห็นพระยังตกใจอยู่ แม้แต่อาตมาเอง "

 

รับรส "อุบาย" หลวงพ่อชา

พระอาจารย์ธีระธัมโม เล่าว่า ท่านมีประสบการณ์ทางพุทธจากมหาวิทยาลัย จากการอ่านหนังสืออย่างเดียวที่แคนาดา เรื่องฝึกจิต ต้องไปประเทศอื่น ท่านก็ไปอินเดีย แล้วก็มาเมืองไทย มีคนหนึ่งบอกว่า มีอาจารย์กัมมัฏฐานหลายองค์ ปัญหาอันหนึ่งคืออาจารย์กัมมัฏฐาน ท่านไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ พระอาจารย์ต้องอาศัยหนังสืออ่าน ตอนหลังมีข้อสงสัยเกิดขึ้น เมื่อได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อชาที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ อ่านแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องของศาสนาพุทธ แต่เป็นเรื่องของการฝึกจิต

การฝึกจิต คือ เราควรจะนอนกี่ชั่วโมงในเวลากลางคืน เมื่อได้พบหลวงพ่อชาในภายหลัง ได้ถามท่านว่า ในพระไตรปิฎกบอกว่า นอนสี่ชั่วโมง แต่ความจริงแล้วเราควรจะนอนเท่าไร ท่านตอบว่า แล้วแต่โยมนะ อาตมาก็เลยมีกำลังใจในการปฏิบัติคำสั่งสอนของหลวงพ่อชา เป็นคำสั่งสอนที่มีปัญญามาก ไม่ใช่คำสอนที่ออกจากหนังสือ แต่เป็นคำสอนที่ออกมาจากปัญญาจริงๆ ให้รู้กาย รู้ใจ

พระอาจารย์เดินทางมาอยู่ที่เชียงใหม่ 3 ปี แล้วก็ไปอุบลราชธานี เพื่อพบหลวงพ่อชา ที่วัดหนองป่าพง ตอนที่ไปถึงครั้งแรก มาถึงแล้วมืดแล้ว ก็พยายามถามคนว่า วัดหนองป่าพงอยู่ที่ไหน ทุกคนก็รู้จัก เขาก็บอกว่า ให้ไปทางโน้น พอดีมืด เขาเลยเอาขึ้นรถมาส่งที่วัด มาถึงหน้าประตู มีคนเฝ้าประตู ชื่อพ่อทิพย์ ตาบอด

หลวงพ่อชามีอุบายสอนคนหลายอย่าง ให้คนตาบอดมาเฝ้าประตู เขาไม่เห็นรถ เราเข้ามาแล้ว เขาก็พยายามพูดกับอาตมา อย่ามาที่นี่มืดๆ ประตูปิดแล้ว อาตมาก็ขออภัย ไม่รู้ภาษา ก็ถามเขาว่า หลวงปู่ชาอยู่ไหน เขาก็ชี้ไปทางนั้น ในป่า อาตมาก็เดินไปชนต้นไม้ ไม่มีไฟฉาย ลืมไปว่า เขาตาบอดไม่ต้องใช้ไฟฉาย

"วันนั้นไม่มีพระฝรั่งสักคนหนึ่ง พอพบหลวงพ่อชา ท่านพูดคำเดียว เป็นภาษาอังกฤษว่า sleep แต่ไม่มีที่นอน อาตมาต้องนอนข้างนอกกุฏิ แต่อาตมาก็รู้สึกว่า เข้าวัดป่าพงแล้ว อยู่ตรงไหนก็รู้สึกสบายใจ อย่างหนึ่งอาตมาเคยอ่านพระสูตรในสมัยพุทธกาล พระก็อยู่ป่า อยู่กุฏิในป่า ที่วัดหนองป่าพงเหมือนในสมัยพุทธกาลเลย"

หลวงพ่อชา พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่รู้จักภาษาธรรมะ ท่านสอนด้วยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ไม่พูดมาก เรื่องพุทธ หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องโบราณ หลวงพ่อชาเป็นตัวอย่างให้เราเห็นความทันสมัย ไม่ใช่สมัยพระพุทธเจ้าอย่างเดียว ตอนนี้ทั่วโลกกำลังสนใจพุทธศาสนา หลายแนว

บางคน ได้เคยฝึกโยคะ เขาเห็นว่า ทำสมาธิได้สุขภาพที่ดีขึ้น หัวใจสบาย สุขภาพดีขึ้น บางคนเข้าใจปัญหา และมีทางออก สมัยนี้ คนต้องเรียนหนังสือมากๆ เพื่อให้ได้อาชีพ เรียนมากๆ ก็คิดมากๆ ไปเรียนมหาวิทยาลัย เรียนเรื่องคิดมาก ให้ปรุงแต่ง มหาวิทยาลัยเขาไม่ได้สอนวิธีระงับความคิด

"อาตมาก็เหมือนกัน อ่านหนังสือกลางวัน กลางคืนปรุงแต่งไม่หยุดเลย แต่นั่งสมาธิทำให้จิตสบาย ตอนฝึกที่เมืองไทย คิดว่า ฝึกจิตเดือนหนึ่ง ตรัสรู้แล้วจะกลับบ้าน พอฝึกไปเดือนหนึ่ง ยังไม่ตรัสรู้ ก็ขอต่ออีกเดือนหนึ่ง ผ่านไป 9 ปี ก็ต้องเรียนต่อไปอีก อาจจะต้องหลายชาติก็ได้ อยู่เมืองนอกก็พยายามฝึก เพราะอยู่ประเทศไทยฝึกง่าย ไทยเป็นประเทศสวรรค์ของพระ ไปที่ไหน คนไทยถวายปัจจัยสี่ให้เรียบร้อย อยู่ต่างประเทศ คนมองเราแปลก เอาบาตรไปเดินตามถนน เขาคิดว่าเราจะตีกลอง เขาเห็นเราแปลกประหลาด"

หลังจากนั้น ได้รับนิมนต์ไปสวิตเซอร์แลนด์ เดินบิณฑบาต 3 ปี ได้อาหาร 3 ครั้ง ครั้งแรก เป็นคนมาที่วัด อีกคนเป็นชาวฝรั่งเคยบวชที่เมืองลาว อีกคนเป็นชาวอังกฤษ พระอาจารย์เดินบิณฑบาต เขาถามว่าทำอะไร ท่านบอกว่า กำลังขออาหาร เขาบอกว่า เดี๋ยวก่อน รอก่อน แล้วก็ไปเอาแอปเปิลมาใส่บาตรให้ แต่ท่านไม่ได้อดนะ ในสวิตเซอร์แลนด์มีคนไทยหลายคน เขาก็มาวัดเสาร์อาทิตย์ เอาอาหารมาไว้ในวัด แล้วท่านก็ไปบิณฑบาตที่โรงครัว

"อาตมาเคยไปเดินธุดงค์ในประเทศไทย กับชาวเขาที่เชียงใหม่ ไปเดินบิณฑบาต อาตมาพูดกับชาวเขาไม่ได้ ใช้ภาษามือ ทำมือเอาอาหารเข้าปาก เขาเป็นคนฉลาด เขาก็เอาอาหารให้ ในเมืองนอก บางครั้งต้องสู้กับหิมะ บางที่มีพระบิณฑบาตกลางหิมะ ต้องใส่รองเท้าบูต อยู่เมืองไทย ใส่รองเท้าไม่ได้ เราต้องสู้กับสิ่งแวดล้อม ต้องมีความอดทนคือ อยู่เมืองไทยอดทนความร้อน อยู่เมืองนอกอดทนความหนาว แต่ตอนนี้ที่เราต้องต่อสู้มากที่สุดคือวัตถุนิยม"

 

ศาสนา VS วัตถุนิยม

พระอาจารย์ธีระธัมโมสังเกต เมืองไทยมีวัตถุสิ่งของ มันเจริญมาก ไม่มีที่สิ้นสุด เมืองนอก วัตถุนิยม ไม่ได้สอนให้จิตใจสบายที่สุด แต่ให้เราสบายชั่วคราว เพราะมีความสุขจากของต่างๆ แต่ถ้าของต่างๆ พังไปจิตใจจะเป็นอย่างไร

ศาสนาวัตถุนิยมไม่ได้สอนไว้ อย่าง ตอนนี้มีไอโฟนห้า คนที่มีไอโฟนสี่ ก็ไม่สบายใจแล้ว ต้องเอาเครื่องไปเปลี่ยนใหม่ เมืองนอกไม่มีคำสอนที่ให้จิตใจสบาย นอกจากวัตถุนิยมอย่างเดียว คนไม่รู้จักอย่างอื่น เขาไม่รู้ว่า ความสงบเป็นอย่างไร จะฝึกปฏิบัติอย่างไร ถ้าเราไปตามวัตถุนิยมมากเกินไปจะเจอโทษ เพราะหลายคนไม่รู้จักลักษณะของจิตจริงๆ เวลามีอารมณ์อะไรเกิดขึ้น เช่นไม่สบายใจ ถ้าไม่รู้จักลักษณะของอารมณ์ว่ามันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็จะทุกข์กับมัน

"เราจะสอนกัมมัฏฐานให้ชาวตะวันตกยากหน่อย เพราะเขาติดอารมณ์ เวลานั่งสมาธิสบายหน่อย แล้วพอความสบายหายไป เขาก็ไม่เอาแล้ว"

วิปัสสนากัมมัฏฐานมีหลายแนว มีอุบายมาก อาตมามาอยู่กับหลวงพ่อชา อยากจะได้อุบายกับท่าน อะไรปฏิบัติแล้ว เร็วที่สุด ดีที่สุด ท่านไม่ให้ บอกว่า ไม่มี (หัวเราะ) ท่านก็มีปัญญารู้ คนสมัยนี้ อยากจะได้อะไรไวๆ มันเป็นกิเลส มันเป็นความโลภ ไม่ใช่เรื่องของพระธรรม

หลวงพ่อชา ไม่ให้วิธีลัด แต่ท่านมีวิธีที่จะให้มีความสงบ คือปล่อยวางอารมณ์ต่าง และต้องปล่อยวาง ความปล่อยวางด้วย ตอนแรกท่านให้ยึดอารมณ์ความดี ทำความดีก็ให้ยึดอันนี้ไว้ก่อน ให้จิตได้มีอะไรยึด ตอนหลังท่านสอนให้เรารู้จักอารมณ์ในการฝึกจิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่ดี หรืออารมณ์ไม่ดี เราก็ต้องปล่อยวางทั้งสอง

"การปฏิบัติเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง เรามีหน้าที่รดน้ำเท่านั้น ส่วนการเจริญเติบโตเป็นเรื่องของเขา ตอนนี้ สาขาของวัดหนองป่าพง ขยายไปทั่วโลก หลวงพ่อสุเมโธก็ปลดเกษียณแล้ว อาตมาก็จะปลดเกษียณเหมือนกัน แล้วจะธุดงค์ไปทั่วโลก การธุดงค์สมัยนี้ไม่ใช่อาศัยเดินอย่างเดียว อาตมามีมือถือ รู้จักวัดสาขาหนองป่าพงทั่วโลก จะไปออสเตรเลีย แคนาดา ก็คงไม่อดข้าว"

พระอาจารย์เล่าต่อว่า สมัยท่านเดินธุดงค์ในประเทศไทย ตอนเช้าไปบิณฑบาต ทุกบ้านมีคนมาใส่บาตร แต่ที่ต่างประเทศ ได้ฝึกเยอะ เพราะเขาไม่มีวัฒนธรรมการใส่บาตร แต่คนคริสต์เขาจะนิมนต์ไปฉันอาหารที่บ้าน เขาก็อยากจะทำบุญเหมือนกับชาวพุทธ แต่ถ้าไปเดินบิณฑบาตอาจจะอดบ้าง

"อาตมาก็เลยมีวิธีใหม่ อาจจะทันสมัย เราจะไปเดินบิณฑบาตที่เมืองนอก คนไม่รู้จัก ไม่มีใครใส่บาตร มีพระองค์หนึ่ง ท่านจะไปบิณฑบาต ท่านคิดใหม่ ท่านไปยืนอยู่หน้าบ้านโยม พอโยมออกจากบ้านไปถามพระ พระรูปนั้นก็บอกว่า กำลังจะขอทาน เขาบอกว่า เดี๋ยวก่อน แล้วก็ไปซื้ออาหารมาให้ คนต่างประเทศส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า จะถวายอาหารอย่างไร จะทำบุญอย่างไร เพราะฉะนั้น เราต้องสอนคนไปด้วยเรื่องการทำทาน"

ท่านบอกต่อว่า คนส่วนมาก เป็นคนใจดี ไม่ใช่ว่า เขาจะรังเกียจเรา เมื่อเขาเข้าใจ เขาก็อยากทำบุญเหมือนกัน ดังนั้น เราต้องค่อยๆ ศึกษา เมื่อเรารู้ เราต้องเข้าใจคนว่า ทุกคนใจดี แล้วค่อยๆ ให้เขารู้จักประเพณี แล้วเขาก็จะอยากปฏิบัติ เราต้องค่อยๆ สอน แม้ว่าเขาไม่ใช่พุทธ เขาจะปฏิบัติตามประเพณีของเขา ตอนนี้พุทธขยายออกไปมาก ทั้งเถรวาทและมหายาน เพราะทุกคนอยากพ้นทุกข์ เราต้องหาอุบายที่จะช่วยเขาให้พ้นจากทุกข์ นั่นคือความเมตตาและกรุณานี่เอง

Tags : พระอาจารย์ธีระธัมโม

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น่าเห็นใจ

 

ทำไมความเจริญทางวัตถุจึงทำร้ายจิตใจ ลิดรอนสิทธิ์ของผู้หยิงที่ไม่มีทางสู้

 

ห้วใจเธอคงสลาย

 

“อย่าพังบ้าานฉ้าาาาาาน....” blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มีนาคม 2555 17:09 น.

 

Share39

blank.gif เอเอฟพี - “อย่าพังบ้านฉัน ๆๆๆๆ.....”

 

…. เสียงร้องตะโกนสุดเสียง ซ้ำ ๆ ระคนความเสียใจคร่ำครวญของนางหวง ซู่ฝาง ดังกึกก้องปนกับเสียงอึกทึกคึกโครมของรถขุดที่กำลังจัดการทุบทำลายซากปูนปรักหักพังเก่า ๆ ที่นางหวงใช้พำนัก

 

นางหวงพยายามปกป้องบ้านของเธอ ไม่ให้กรรมกรว่าจ้างจากภาครัฐเข้าไปปฏิบัติการรื้อถอน ซึ่งอยู่ในพื้นที่เกษตรกรรมหมู่บ้านหยังจี้ เมืองก่วงโจว มณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง)

 

เธอดิ้นทุรนทุราย มือปาดน้ำตา ไม่ยอมให้มีการรื้อถอนบ้านของเธอ

 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นเผย (21 มี.ค.) ส่วนที่เป็นตัวบ้านของนางหวงนั้นถูกรื้อถอนแบบผิดฝาผิดตัว ความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ฯ ที่จะรื้อบ้านในบริเวณใกล้เคียง แต่ดันมารื้อบ้านของเธอโดยไม่ทันระวัง

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีคำแถลงที่แน่นอนจากเจ้าหน้าที่รัฐฯ ว่าการรื้อถอนดังกล่าวเจตนาหรือไม่

 

หยังจี้ เป็นหมู่บ้านชาวนาประกอบด้วยบ้านเรือนประมาณ 1,000 หลังคาเรือน ซึ่งได้รับคำสั่งอันเป็นนโยบายให้มีการปรับปรุงใหม่ โดยค่อย ๆ ทยอยรื้อถอนซากบ้านเรือนเก่าแก่ ให้ตัดถนนหนทาง และสร้างบ้านเรือนทรงสมัยใหม่ขึ้นแทน

 

ทั้งนี้ ปัญหาการไล่ที่เพื่อนำมาพัฒนาตามนโยบายของรัฐบาลจีนได้ก่อให้เกิดปัญหาความไม่ยินยอมจากประชาชนไม่น้อย ล่าสุดเกิดกรณีคอร์รัปชั่น เจ้าหน้าที่ไล่ที่ชาวบ้านหมู่บ้านอูข่านมณฑลก่วงตง จนกลายเป็นการชุมนุมประท้วงใหญ่ และท้ายที่สุดภาครัฐเป็นฝ่ายส่งตัวแทนไปเจรจารอมชอมกับชาวบ้าน

 

นางหวงร่ำไห้ (ภาพเอเอฟพี)

555000003874401.JPEG blank.gif

555000003874402.JPEG blank.gif

555000003874403.JPEG blank.gif

555000003874404.JPEG blank.gif

555000003874405.JPEG blank.gif

555000003874406.JPEG blank.gif

555000003874407.JPEG blank.gif

555000003874408.JPEG blank.gif

555000003874409.JPEG blank.gif

blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

559258_318918898167875_138959932830440_861098_166587134_n.jpg

560023_318918931501205_138959932830440_861099_673632832_n.jpg

549313_318918971501201_138959932830440_861100_1108634118_n.jpg

เม่ากับ 1200 จุด

ยะโฮ้ววว ไปฉลองนิวไฮกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...