ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
aunson

บรรยากาศทองคำ ณ ช่วงเวลานี้ BY Rจานอั๋น

โพสต์แนะนำ

เอาเป็นว่า อย่างแรกนะครับ

 

ผมขอเน้นรอผลการเลือกตั้งของอเมริกาก่อนนะครับ ว่าฝ่ายไหนจะได้ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาทองคำ ระยะกลาง-ระยะยาว ครับ

 

หลังจากนั้น รออีกสักระยะ เพื่อรอดูนโยบายเศรษฐกิจ ของประธานาธิบดี คนใหม่ ว่าจะใช้นโยบายอะไรกระตุ้น เศรษฐกิจ

 

และนโยบายนั้น จะส่งผลต่อราคาทองคำหรือไม่ ถ้าไม่ก็ สมควร ยอด ตัดขาดทุน ครับ

 

ส่วนวิธีการ เล่นชอต นั้น ส่วนใหญ่ ในประเทศไทยจะ มีลักษณะ เป็น T+2 ครับ

 

และที่สำคัญนะครับการลงทุน ไม่แนะนำให้ลงทุน 100 % ครับ เพราะมันเสี่ยงเกินไปครับ ควรจะประมาณ 50-60 ของพอร์ตทองคำก็พอครับ

 

เพราะว่าทองถือว่า มีความเสี่ยง พอสมควร ครับ :57

 

อ อั๋นความรู้สูงครับ

 

เเต่ขอมองต่างมุมนิดนึง ทองคำผมมองว่าไม่ใช่สินทรัพย์เสี่ยง เเต่ที่เสี่ยงเพราะอาเจ่เจ๊ทั้งหลายเล่นสั้นกันรายเดย์เขย่าไฮโลเลย :_cd

 

ว่ากันตามพื้นฐานดูกระทู้เสี่ยเน๊กซ์ก็พอเเล้วครับ ชัดเจนที่สุด อีกอยากต้องดูที่สภาพคล่องด้วยครับถ้าเทียบกับสินทรัพย์ที่มองว่าเสี่ยงน้อยชนิดอื่นต่อผลตอบเเทน ถ้าให้ร่ายมันยาวมากครับอาจารย์

ถูกแก้ไข โดย Thunder

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

อรุณสวัสดิ์คะจานอั๋น เพื่อนๆ :32

 

 

Good Morning News 5 พฤศจิกายน 2555 - วรวรรณ ธาราภูมิ

 

154267_3413319671645_987027128_n.jpg

 

316681_3413320511666_1286170027_n.jpg

  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือน ต.ค.ลดลงสู่ 45.4 จุดจาก 46.1 จุดในเดือน ก.ย. เป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องยาวนานกว่า 1 ปีแสดงว่าการผลิตของยูโรโซนยังหดตัวลงมากขึ้นจากเดือนก่อนๆ โดยดัชนี PMI ของเยอรมนี อิตาลี และสเปน ล้วนแต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ดัชนี PMI ของฝรั่งเศสฟื้นตัวขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ และในบรรดา 4 ประเทศนี้ ดัชนี PMI ของสเปนมีค่าต่ำที่สุดอยู่ที่ 43.5 จุด

  • ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐ (ISM-Manufacturing) เพิ่มขึ้นสู่ 51.7 จุดในเดือน ต.ค.จาก 51.5 ในเดือน ก.ย. ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลงเป็น 51 จุด โดยได้ปัจจัยหนุนจากยอดคำสั่งซื้อใหม่และยอดการผลิตที่ปรับตัวดีขึ้นจนชดเชยยอดการส่งออกที่ลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้

  • ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐ เดือน ต.ค. มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 171,000 ตำแหน่งจากเดือนก่อนหน้า ดีกว่าที่ตลาดคาดค่อนข้างมาก โดยที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจภาคบริการที่จ้างเพิ่ม 163,000 ตำแหน่ง และการจ้างงานภาคธุรกิจก่อสร้างนั้นเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนและเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในขณะที่การจ้างงานของภาครัฐยังมีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ ในภาพรวมอัตราว่างงงานของสหรัฐฯยังทรงตัวอยู่ที่ 7.9%

  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือน ต.ค.อยู่ที่ 72.2 เพิ่มขึ้นจาก 68.4 ในเดือน ก.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนก.พ. 2551 เนื่องมาจากตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และสัดส่วนจำนวนผู้ที่คาดว่าภาวะทางธุรกิจจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้าได้เพิ่มขึ้นเป็น 21.4% จากเดิม 17.9% แสดงว่าผู้บริโภคทั่วไปมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจระยะใกล้

  • .พาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า ค่าใช้จ่ายด้านก่อสร้างของสหรัฐในเดือน ก.ย.อยู่ที่8.53 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.3% จากเดือนก่อนหน้า และเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นแรงหนุนจากการขยายตัวของกิจกรรมการก่อสร้างของภาคเอกชน

  • ก.พาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 4.8% จากเดือนก่อน ฟื้นตัวได้ดีจากยอดคำสั่งซื้อที่หดตัวลง 5.1% ในเดือน ส.ค. โดยยอดสั่งซื้อสินค้าภาคขนส่งเพิ่มขึ้นถึง 31.3% จากยอดสั่งซื้อเครื่องบินที่ขยายตัวอย่างมาก แต่ถ้าไม่นับรวมภาคอุตสากรรมการขนส่ง ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานจะขยายตัวได้ 1.4%

  • เอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาบอสตัน กล่าวว่า FED ควรจะยังคงเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ต่อไปจนกว่าอัตราว่างงานของประเทศจะลดลงต่ำถึงระดับ 7.25% แล้วจึงค่อยประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนในเดือน ต.ค.อยู่ที่ 55.5 จุด เพิ่มขึ้น 1.8 จุดจากเดือน ก.ย. บ่งชี้ถึงการเติบโตของภาคบริการที่เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าทั้งนี้ ตัวเลขดัชนีเคลื่อนไหวระหว่าง 53.7 จุดถึง 58 จุดตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งแสดงว่า ธุรกิจภาคบริการของจีนนั้นยังขยายตัวได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ แม้จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

  • รัฐบาลพม่าประกาศกฎหมายการลงทุนต่างชาติฉบับใหม่เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เช่น อนุญาตให้นักลงทุนต่างประเทศสามารถลงทุนได้ 100% ในโครงการที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล อนุญาตให้ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนพม่าหรือหน่วยงานราชการของพม่า และให้ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีภายใน 5 ปีแรก รวมทั้งลดหย่อนภาษีสำหรับสินค้าเพื่อส่งออก
  • World Bank อนุมัติเงินกู้ให้พม่าครั้งแรกในรอบ 25 ปี 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,400 ล้านบาท เพื่อให้พม่านำไปใช้ในการสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนน สะพาน โรงเรียน และสถานพยาบาล

  • นิสสัน มอเตอร์ ประกาศทุ่มเงินลงทุน 358 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในไทย เพื่อเตรียมขยายธุรกิจของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโรงงานแห่งใหม่จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 150,000 คัน ทำให้ผลิตทั้งปีได้ถึง 370,000 คัน ซึ่งคาดว่าโรงงานแห่งใหม่จะเริ่มผลิตรถยนต์ได้ในปี 2557

  • ม.หอการค้าไทย รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.อยู่ที่ 77.8 จุด เพิ่มขึ้นจาก 77.0 จุดในเดือนก่อนหน้า และดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หลังจากประชาชนมั่นใจว่าจะไม่เกิดน้ำท่วมในปีนี้และรายได้จากการท่องเที่ยวมีขยายตัวได้ดี

156430_3413321471690_1709439400_n.jpg

  • SET Index ปิดที่ 1,306.60 จุด เพิ่มขึ้น 8.61 จุด หรือ 0.66% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38,340 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 539 ล้านบาท โดยดัชนี SET ปรับขึ้นตามตลาดหุ้นภูมิภาคและนักลงทุนคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวดีขึ้น ซึ่งช่วยผ่อนคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงได้ สำหรับตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อเข้ามามากในหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มค้าปลีกที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากการบริโภคและการลงทุน แต่มีแรงขายหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่มีความกังวลเกี่ยวกับการฟ้องร้องการประมูล 3G
  • Nokia หลุดจากตำแหน่งผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลก 5 อันดับแรกแล้ว เป็นการตกชั้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ปี 2004 จากผลสำรวจล่าสุดของสำนักวิจัยไอดีซี โดยดูจากปริมาณส่งมอบพบว่า Samsung ยังเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก รองลงมาคือ Apple Blackberry ZTE และ HTC ตามลำดับ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเป็นเพราะ Nokia ต้องเปลี่ยนแปลงการผลิตโทรศัพท์จากที่ใช้ระบบปฏิบัติการจากซิมเบียนมาเป็นวินโดวส์โฟน เป็นเวลากว่า 18 เดือน ทำให้ถูกคู่แข่งแย่งตลาดไปได้

28755_3413323711746_815121214_n.jpg

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงในรุ่นอายุต่ำกว่า 6 ปีโดยลดลงในช่วงระหว่าง -0.02% ถึง 0.00% ส่วนรุ่นที่อายุเกิน 6 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่มีอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยระหว่าง 0.00 ถึง 0.02% ในวันนี้มีการประมูลตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ 6 เดือน มูลค่า 10,000 ล้านบาท

59657_3413324871775_1872998456_n.jpg

Marc Faber

  • เขาพิมพ์เงินออกมาได้ แต่เขาควบคุมการไหลของเงินไม่ได้
  • ปัจจุบันนี้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับสูงที่อินเดีย จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่อินเดียก็ไม่โตแล้ว ดังนั้น ผมจะค่อนข้างระมัดระวังมุมมองต่อตลาดเอเชีย
  • สภาพของโปรตุเกส กรีซ สเปน และ อิตาลี แม้กระทั่งฝรั่งเศสจะไม่ยั่งยืนในระยะยาวเพราะมีหนี้สินรัฐสวัสดิการที่ต้องจ่ายในวันหน้า แต่รัฐบาลไม่เคยใส่เงินลงไปเลย จึงมีแต่ตัวเลขหนี้ที่พอกพูนขึ้นทุกที (Unfunded Liabilities) สหภาพยุโรปจึงคงอยู่แบบนี้ไม่ได้ในอนาคต แต่จะยังไม่แตกใน 3-5 ปีข้างหน้า เพราะนักการเมืองยอมไม่ได้

Jim Rogers

  • ผมไม่ชอบขาย Short อะไร เว้นแต่มันจะแพงจนไม่น่าเชื่อ
  • ในปี 2013 และ 2014 อเมริกาจะพบกับปัญหาหนักทางเศรษฐกิจ ถ้านักการเมืองไม่ขึ้นภาษีก็คงจะทำอะไรที่ห่วยๆ ทำอะไรที่เลวร้ายออกมาแน่ๆ ซึ่งการขึ้นภาษีไม่เคยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นมาได้เลย

หนึ่งในกฏการลงทุนที่ดีที่สุดคือการไม่ทำอะไรเลย ไม่ต้องไปทำอะไรสักนิด จนกว่าจะมีอะไรที่น่าทำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ได้ทักทาย กันนาน สบายดีนะครับ ขอให้โชค ดีนะครับ ผม :57

:57

 

การเงิน - การลงทุน

 

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 07:49

 

 

จับตาผลกระทบคิวอี3 ระเบิดเวลาสงครามค่าเงิน?

 

โดย : ศรัณย์ กิจวศิน

 

 

 

 

news_img_476561_1.jpg

 

 

จับตาผลกระทบคิวอี3 ระเบิดเวลาสงครามค่าเงิน? ฉากแรกสะเทือนตลาดเงินฮ่องกง แค่ 2 สัปดาห์ทุ่ม 4.16 พันล้านดอลลาร์ ป้องค่าเงิน "ไทย"ยังไม่กระทบ

 

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักฟันธงตรงกันว่าคิวอี3 หรือ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ3 ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะไม่คมเหมือนคิวอี1 และ คิวอี2เพราะถ้าดูการเคลื่อนไหวในตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ รวมไปถึงค่าเงินบาทไทยแล้ว ต้องบอกว่า “ราคา” แทบไม่ขยับไปจากเดิมมากนัก

 

เพียงแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดเงินฮ่องกง ล่าสุด อาจทำให้มุมมองที่มีต่อคิวอี3 ของสำนักวิจัยเหล่านี้เปลี่ยนไป เพราะในช่วงเวลาแค่ 2 สัปดาห์ ธนาคารกลางฮ่องกง ต้องใช้เงินราว 3.21 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 4.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าแทรกแซงในตลาดปริวรรตเงินตรารวม 10 ครั้ง เพื่อรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินฮ่องกงให้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 7.75-7.85 ดอลลาร์ฮ่องกง/ดอลลาร์สหรัฐ

 

การเข้าแทรกแซงในตลาดปริวรรตเงินตราของธนาคารกลางฮ่องกง ส่งผลให้ยอดรวมดุลจากบัญชีเคลียร์ริ่งของธนาคารต่างๆ กับธนาคารกลางฮ่องกง หรือ Aggregate Balance ไต่ระดับขึ้นสู่ 1.80 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง

 

กรณีของฮ่องกง สร้างความฮือฮาให้กับตลาดเงินทั่วภูมิภาคเอเชียอย่างมาก เพราะการเข้าแทรกแซงครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี

 

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่พากันกล่าวหาว่าคิวอี3 คือ ตัวการหลักของความปั่นป่วนในตลาดเงินฮ่องกง ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนแสดงความเป็นห่วงว่า นี่คือสัญญาณเริ่มต้นของสงครามค่าเงินที่กำลังจะระเบิดขึ้นอีกครั้ง

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับฮ่องกงนั้น นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เชื่อว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายงานวิจัยบางฉบับที่แนะนำให้ธนาคารกลางฮ่องกง เปลี่ยนนโยบายการเงิน โดยยกเลิกระบบ Currency Board จึงจุดประกายให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินฮ่องกงจำนวนมาก

 

ขณะที่ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธปท. มองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดเงินฮ่องกง เป็นเรื่องของนโยบายการเงินที่ไปฝืนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฮ่องกงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐมากกว่าจะเป็นเรื่องสงครามค่าเงิน

 

"หลักแล้วเงินฮ่องกงควรแข็งขึ้น เพราะเศรษฐกิจค่อนไปทางจีน จะเห็นว่าจีนเองช่วงหลังๆ ค่าเงินก็แข็งขึ้นเช่นกัน แต่ของฮ่องกงเขาใช้ระบบ Currency Board เลยทำให้ไม่เคลื่อนไหว เพราะไปผูกติดกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ตรงนี้จึงเป็นแรงจูงใจให้เงินไหลเข้าฮ่องกง เพราะคิดว่าสามารถซื้อสินทรัพย์ฮ่องกง และเก็งว่าราคาว่าจะเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่ค่าเงินฮ่องกงเอง นักลงทุนเหล่านี้ก็คิดว่าวันหนึ่งจะแข็งค่าขึ้น พอเงินไหลเข้าฮ่องกงมากๆ ทางการจึงต้องเข้าดูแล"

 

@ตลาดเงิน-ทุนของไทยยังไม่กระทบ

 

สำหรับตลาดเงินตลาดทุนของไทย แม้คิวอี3ยังไม่ส่งผลกระทบที่ชัดเจน แต่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญไม่น้อย ล่าสุดมีคำสั่งให้ 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ ทั้งธปท. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) รวมทั้ง กระทรวงการคลัง เกาะติดสถานการณ์เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานประสานความร่วมมือกันอย่างเต็มที่

 

คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเพื่อติดตามและประเมินภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะหลังปรากฏข่าวความปั่นป่วนในตลาดเงินฮ่องกง อาจเพราะไทยเคยเผชิญกับ “ฝันร้าย” จาก “คิวอี” ที่ผ่านๆ มา ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วจนผู้ประกอบการภาคส่งออกต้องปิดกิจการไปหลายราย

 

“นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจปรึกษาหารือและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด”นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังบอกกับสื่อมวลชน

 

@"คิวอี1"พุ่งเป้าตลาดหุ้น

 

ถ้าย้อนดูผลกระทบ “คิวอี1” และ “คิวอี2” ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่า “คิวอี1” เป้าหมายมุ่งไปที่ “ตลาดหุ้น” เป็นส่วนใหญ่ โดยขนาดของ คิวอี1 อยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินบางส่วนจึงไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย

 

ระยะเวลาของ “คิวอี1” อยู่ระหว่างวันที่ 25พ.ย.2551 ถึง 31 มี.ค. 2553 ช่วงนั้นดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นราว 104% หรือเพิ่มขึ้นจากระดับ 386.12 จุด มาอยู่ที่ 787.93 จุด ขณะที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(พี/อี) เพิ่มจาก 6.09 เท่า มาอยู่ที่ 14.27 เท่า นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิรวมถึง 106,080.04 แสนล้านบาท ส่วนเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นกว่า 8.78% แต่ยอดถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติลดลง 450 ล้านบาท

 

@"คิวอี2" เข้าตราสารหนี้

 

ต่อมาสหรัฐฯประกาศใช้ “คิวอี2”อีกรอบ แต่ผลกระทบแตกต่างจาก “คิวอี1” โดยสิ้นเชิง เพราะเม็ดเงินส่วนใหญ่โฟกัสไปที่ตลาดตราสารหนี้ ซึ่งความจริงแล้วก่อนที่เฟดประกาศใช้ คิวอี2 เริ่มมีเม็ดเงินบางส่วนจากคิวอี1 ที่ได้กำไรจากผลตอบแทนจากราคาหุ้น เริ่มหันไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยกับพันธบัตรธปท.บ้างแล้ว

 

หลังจาก “เฟด” ประกาศมาตรการ “คิวอี2” ซึ่งใช้เงินราว 7.67 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกำหนดระยะเวลา 8 เดือน นับจากวันที่ 3 พ.ย.2553 ถึง 30 มิ.ย.2554 พบว่ายอดถือครองพันธบัตรในตลาดตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างประเทศ เพิ่มขึ้นราว 115% หรือเพิ่มขึ้นจากระดับ 202,865 ล้านบาท มาอยู่ที่ 436,658 ล้านบาท และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าลง 3.25% ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย 3.57% โดยนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ 11,307.55 ล้านบาท

 

@คิวอี3" เจาะประเทศผูกค่าเงิน

 

แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการใช้ “คิวอี3” ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ 13 ก.ย. 2555 โดยกำหนดเป้าหมายอัดฉีดในแต่ละเดือน ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้น ยังไม่รุนแรงเท่ากับ "คิวอี1-คิวอี2" แต่สัญญาณเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น โดยเป้าหมายของคิวอี3 ดูเหมือนจะล็อกไว้ที่ประเทศ ซึ่งมีค่าเงินอ่อนเกินความเป็นจริง หรือ ประเทศที่ผูกติดค่าเงินไว้กับดอลลาร์สหรัฐ

 

@“ฮ่องกง” ถือเป็นคำตอบที่ชัดเจน

 

คิวอี3 อาจไม่หนักเท่าคิวอีที่ผ่านๆ มา เพราะเป็นลักษณะค่อยๆทำ ไม่ออกมาตูมเดียวเหมือนกับคิวอี1-2 ที่ใช้ในอดีต ส่วนเรื่องเก็งกำไรค่าเงินนั้น คงมีบ้างในบางประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ หรือ ที่ผูกค่าเงินไว้กับดอลลาร์สหรัฐฯ

 

"กรณีไทยนั้น โอกาสเกิดมีเช่นกัน แต่อัตราแลกเปลี่ยนของไทยเป็นแบบลอยตัว จึงมีความยืดหยุ่นในการรองรับมากกว่า”นายกำพล อดิเรกสมบัติ เศรษฐกรอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าว

 

คิวอี3 แม้ยังไม่สร้างความลำบากใจให้กับประเทศไทยมากนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งบางคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ช่วงนี้ยังเป็นเพียงช่วงสะสมพลังของ คิวอี3 เพราะด้วยขนาดเม็ดเงินที่ปล่อยออกมาเดือนละ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพียงแค่ 1 ปี 7 เดือน ปริมาณเงินจะเทียบเท่า คิวอี 2

 

หากปริมาณเงินในตลาดโลกเพิ่มขึ้นมาอีก ผลกระทบต่อตลาดคงปั่นป่วนไม่น้อย ทั้งนี้ ขึ้นกับความสามารถในการรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และก็หวังว่าปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นทุกเดือนในตลาดโลก และไหลเข้าสู่เอเชีย จะไม่ก่อโศกนาฏกรรมทางการเงินรอบใหม่กับไทย

 

Tags : สงครามค่าเงินเฟดคิวอี3

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ไม่ได้ทักทาย กันนาน สบายดีนะครับ ขอให้โชค ดีนะครับ ผม :57

สวัสดีคะ ยังจำกันได้ แอบอ่านทุกวันค่ะแต่ไม่ค่อยได้ทัก สบายดีคะ อยู่บนดอยอีกแล้ว วันศุกร์คงทำเอาคนอยู่ดอยกะเนินกันเพียบ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์คะจานอั๋น เพื่อนๆ :32

 

 

 

 

Good Morning News 6 พฤศจิกายน 2555 - วรวรรณ ธาราภูมิ

 

381797_3416649274883_1598733464_n.jpg

 

409366_3416653874998_620904529_n.jpg

  • จำนวนผู้ขอสวัสดิการกรณีว่างงานของสเปนเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 2.7% มาอยู่ที่ 4.83 ล้านราย เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังเศรษฐกิจยังไม่พ้นจากภาวะถดถอย ทำให้คาดว่า อัตราการว่างงานของสเปนอาจเพิ่มขึ้นในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ หลังจากอยู่ที่ระดับ 25% ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

  • กรีซ เตรียมเสนอร่างกฎหมายลดการขาดดุลงบประมาณปี 2013-2014 ต่อสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่สหภาพแรงงานด้านสาธารณะ คนขับแท็กซี่ การขนส่งสาธารณะ และนักหนังสือพิมพ์ หยุดงานประท้วงเป็นเวลา 3 วัน เพื่อต่อต้านแผนดังกล่าว โดยร่างกฎหมายดังกล่าวประกอบด้วยการขึ้นภาษี และการลดรายจ่ายภาครัฐ ราว 13.5 พันล้านยูโร

  • กรีซและโปรตุเกส ขอคำแนะนำทางเทคนิคจาก ธ.โลก เพื่อให้ฟื้นตัวจากวิกฤติการคลัง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ประเทศพัฒนาแล้วต้องขอคำแนะนำจาก ธ.โลก โดยทั้ง 2 ประเทศต่างจำเป็นต้องปฏิรูปประเทศและลดงบรายจ่ายครั้งใหญ่ เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือจาก IMF และ EU

  • G20 เรียกร้องให้สหรัฐหลีกเลี่ยงภาวะ Fiscal Cliff' หรือ ลดการขาดดุลงบประมาณลงมากเกินไป หลังจากมาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะสิ้นสุดลงในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยุโรป ทั้งนี้ สหรัฐมีแผนเก็บภาษีเพิ่มราว 607 พันล้านดอลลาร์ และจะตัดลดงบประมาณรายจ่ายลงในเดือน ม.ค.หากไม่มีการทบทวนโดยฝ่ายนิติบัญญัติ

  • GDP อินโดนีเซียไตรมาส 3 ขยายตัว 6.17% หลังการบริโภคในประเทศและการลงทุนขยายตัวได้ดี ช่วยชดเชยการชะลอตัวของภาคส่งออก โดย GDP อินโดนีเซียขยายตัวสูงกว่า 6% มา8 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้ลดความจำเป็นที่ ธ.กลางอินโดนีเซีย จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยลง

  • 6 ชาติสมาชิกอียู (สเปน นอร์เวย์ โปแลนด์ ฟินแลนด์ เดนมาร์ก บัลแกเรีย) สั่งระงับการนำเข้าปลาทูน่ากระป๋องจากไทย เนื่องจากสินค้าไม่ได้มาตรฐานและพบสารตกค้างปนเปื้อน เช่น แอนฟาโค และสารฮิตามีน

  • ธปท. เผยว่า หาก มิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน ได้รับเลือกเป็นประธานนาธิบดี อาจมีผลต่อนโยบายด้านต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา และตลาดเงินคงได้รับผลกระทบด้วย
  • นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชียยุโรป (อาเซม) ว่าได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยประเทศในกลุ่มเอเชียต่างเชื่อมั่นว่ายุโรปจะแก้ปัญหาที่ประสบอยู่ได้ แต่ทั้ง 2 ภูมิภาคต้องร่วมมือกันสร้างความแข็งแรงเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการรักษาสมดุลทางเศรษฐกิจ ขณะที่ยุโรปต้องการเห็นความร่วมมือด้านการค้าเสรี เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน

407729_3416654435012_794144438_n.jpg

  • ราคาหุ้นพานาโซนิกลดลงกว่า 40% ในปีนี้ หลังบริษัทคาดว่าในปีบัญชี 2012 สิ้นสุดเดือนมีนาคมปีหน้าจะขาดทุน 9.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากต้นทุนจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ และความต้องเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลง ขณะที่ S&P ได้ลดอันดับความน่าเชื่อพานาโซนิกลง 2 อันดับจาก A- มาอยู่ที่ BBB โดยมีมุมมอง “มีเสถียรภาพ”

  • ฮุนได มอเตอร์ และ เกีย มอเตอร์ส คอร์ป ยอมรับว่าได้โฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับการประหยัดน้ำมันของรถยนต์บางรุ่น ส่งผลให้ราคาหุ้นเกียและฮุนไดดิ่งลง 7% และ 8% ตามลำดับเมื่อวานนี้ เพราะนักลงทุนกังวลว่าอาจทำให้มีการฟ้องร้อง รวมทั้งการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ลูกค้า
  • SET Index ปิดที่ 1,306.70 จุด เพิ่มขึ้น 0.10 จุด หรือ 0.01% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 29,744 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 510 ล้านบาท โดยดัชนี SET แกว่งตัวในกรอบแคบๆหลังจากนักลงทุนชะลอการลงทุน เพื่อรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าหากโอบามาได้กลับมาเป็น ปธน.อีกครั้ง นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐจะเป็นไปในทิศทางเดิม ไม่ได้ชะลอตัวเพื่อรอนโยบายเศรษฐกิจใหม่
  • ตลท. ระบุว่า ไม่ได้มีมาตรการให้หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมการเงินกับบริษัทไร่ส้ม และนายสรยุทธ สุทัศนจินดา เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ก.ล.ต.โดยตรง

32418_3416655755045_1690530942_n.jpg

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง 0.01% และในวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 1/3/6 เดือน มูลค่า 83,000 ล้านบาท

319030_3416656915074_2087652912_n.jpg

  • Marc Faber ความต่างมันอยู่ที่ว่า สเปน กับ กรีซ พิมพ์เงินได้จำกัด ในขณะที่สหรัฐ พิมพ์ดอลลาร์ออกมาเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งในที่สุดก็จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อเมริกันดิ่งเหวได้ในอนาคต แต่ภายใน 2-3 เดือนนี้ผมคิดว่าดอลลาร์อเมริกันจะแข็งขึ้นโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งไม่ใช่เพราะจะมีอะไรที่ดีเป็นพิเศษเกิดขึ้นในอเมริกา แต่เป็นเพราะยุโรปจะย่ำแย่ลงไปอีกต่างหาก” (หมายถึงหนี้ของสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP ไม่ได้ดีกว่า กรีซ หรือ สเปน เท่าใดเลย โดยเฉพาะถ้ารวมส่วนสวัสดิการสังคมที่เป็น Unfunded Liabilities เข้าไว้ด้วย แต่กรีซ กับ สเปน ลำบากกว่ามาก เพราะไม่สามารถพิมพ์เงินออกมาได้อย่างไม่จำกัดอย่างสหรัฐ)

  • Richard Koo (Nomura) “นโยบายของ Barack Obama ที่ทำไปแล้วเป็นการตอบสนองที่ถูกต้องต่อสถานการณ์ Recession ในสหรัฐ“

  • Paul KrugmanPoll ต่างๆ ในสหรัฐต่างเสียเวลามากมายในการปั่นตัวเลขว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดี เพราะจะทำอย่างไร มันก็เปลี่ยนความจริงที่จะปรากฏออกมาไม่ได้

“เรากำลังอยู่ในยุคมืดของความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มหภาค คำว่ายุคมืดนี้ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นยุคโบร่ำโบราณ หรือป่าเถื่อน แต่สิ่งที่ทำให้ยุคมืดต้องมืดก็คือความรู้จำนวนมากสิ้นสลายหายไป เหมือนที่วิชาความรู้หลายแขนงในยุคโรมันกับกรีซถูกละเลยจนลืมเลือนไปในยุคต่อมา ซึ่งเป็นยุคของอาณาจักรบาร์บาเรียน และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักเศรษฐศาสตร์มืออาชีพในวันนี้ นักเศรษฐศาสตร์มหภาคกำลังขาดความเข้าใจพื้นฐานเรื่องเศรษฐศาสตร์มหภาคมันไม่ใช่แค่อุปสงค์ อุปทาน บวกสมการเชิงปริมาณเท่านั้น นี่คือความรู้ที่หายไปแล้วของนักเศรษฐศาสตร์”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับทุกคน สวัสดีตอนเช้าของวันที่ 6-11-2555 เวลา 9.22 น.

 

เมื่อวานราคาทองคำเปิดตลาดมาที่ 1676.78 เหรียญ มีราคาสูงสุดที่ 1686.40 เหรียญ

 

มีราคาต่ำสุดที่ 1672.47 เหรียญ มีราคาปิดตลาดที่ 1684.52 เหรียญ

 

รวมทั้งวันวิ่งรวมทั้งหมด 14 เหรียญ มี Volume เพิ่มขึ้นถึง 10805 เหรียญ

 

การเคลื่อนไหวเป็นไปในลักษณะ Side ways ลงไปทดสอบแนวรับก่อนหลังจากนั้นก็รีบาวด์ขึ้นทดสอบแนวต้าน

 

โดยภาพรวมแล้วระยะนี้อาจจะ Side Ways อยู่ในกรอบ 1670-1700 ก่อนนะครับ

 

เพื่อรอทิศทางที่ชัดเจนอีกครั้ง ในระยะกลาง-ระยะยาว ว่า แนวโน้ม ตอนนี้จะเปลียนแปลงไปหรือไม่ครับ

 

วันนี้รอติดตามผลการเลือกตั้งของอเมริกานะครับ ว่าใคร จะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปนะครับ

 

แนวต้านแนวรับ

 

แนวต้าน 1688 *** 1693-1697**** 1700 ผ่านได้ ขึ้นต่อ

 

สรุป แนวต้าน ระยะเน้นดูจังหวะรีบาวด์ขึ้นทดสอบแนวต้าน แถวโซน 1685-1695 ก่อน ว่าจะผ่าน

 

ไปได้หริอไม่ ครับ

 

แนวรับ 1676-1672*** 1667 **** 1660-1650 ****

 

สรุป แนวรับ เน้น ดูโซนแนวรับหลัก 1660-1650 เป็นสำคัญว่าแนวรับตรงนี้จะแข็งแกร่งเหมือนดังเช่นที่่

 

ในอดีตที่ผ่านมาหรือไม่นะครับ

 

กรอบเล็ก 1670-1700 = 30 เหรียญ

 

กรอบใหญ่ 1650-1700 = 50 เหรียญ

 

วันนี้รอติดตามผลการเลือกตั้งว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดี คนต่อไปครับ

 

ซึ่งจะส่งผลรวมต่อเศรษฐกิจทั้วโลกในอนาคตอีกครั้ง และจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในระยะกลาง-ระยะยาว

 

 

6115510.42.gif

 

โชคชะตาฟ้าลิขิต ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

 

การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือการให้ต่อไปไม่รู้จบ :047

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ ขอรับ อ.อั๋น :gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำเริ่มดีด ตัวอย่าง รุนแรงแล้วนะครับ คาดว่า ใกล้จะรุ้ผลการเลือกตั้งแล้วครับ 1711 แล้ว ค่อย ๆ ขยับ ขึ้นมา อย่างเนียน ๆเลย ครับ :17

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอนนี้แนวต้าน มอง 1717-1720 ก่อนครับ ผ่านได้ 1726-1730 อีกครั้ง ถ้ากลับขึ้นไปยืน เหนือ 1720 ได้ วันนี้ถัดไป

 

นักลงทุนรายย่อยมีโอกาศ ตกรถ ...อีกแล้ว ส่วนแนวรับ 1713-1711****** 1704-1700

 

ผมเองก็โชคดี ครับ ทึ่คืนนี้ ได้ มา เฝ้าดูราคาทองคำ ไม่อย่าง งั้น ก็คงจะเจ็บ ตัว เยอะเช่นกันครับ อิอิ

 

แล้วพี่นักลงทุน ละครับ เป็นอย่างไรกันบ้าง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปล่อยหมูมารายทางเลยค่ะ

 

โชคดีเก็บไว้สองมือ ถือไปลุ้นนะคะ

 

ขอบคุณ อ. อั๋นมากค่ะ

 

ดึกแล้ว พักผ่อนนะคะ ฝันดีราตรีสวัสดิ์ค่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...