ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

"นอน-นั่ง" อย่างไรไม่ทำให้ปวดหลัง ;)

 

http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000083768

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดี คุณๆ บ่ายแก่ๆนี่น่าจะทำอะไรกันดีนะ่อานเรื่องเบาๆกันบ้างดีมั๊ย เด็กกวน? :)

รูป 3มิติ

ครูกำลังสอนวิชาศิลปให้นักเรียนห้องหนึ่ง

 

โดยบอกให้นักเรียนทุกคนวาดรูปอะไรก็ได้ส่งครู

 

เมื่อนักเรียนทุกวาดรูปเสร็จก็ส่งครู ยกเว้น

 

นายนักเรียนคนหนึ่งส่งกระดาษเปล่า

 

ครู : ทำส่งกระดาษเปล่า

 

นร. : ผมไม่ส่งกระดาษเปล่านะครับ

ผมวาดรูปวัวกินหญ้า ครับ

 

ครู : ไหนล่ะวัวของเธอ

 

นร. : คือวัวมันกินหญ้าอิ่มไปแล้วครับ

 

ครู : แล้วไหนล่ะหญ้าของเธอ

 

นร.: วัวมันกินหญ้าหมดไปแล้วครับ

 

ครู: เริ่มปวดหัว เลยส่งกระดาษเปล่ากับคืนนักเรียน

แล้วบอกว่า งั้นเธอไปตามวัวกลับมาส่งครูเดี๋ยวนี้

 

นร.: รับกระดาษกลับมา แล้วเอาดินสอวาดวนไป

 

วนมาหลายๆรอบ แล้วส่งคืนครู

 

ครู : สงสัยถามว่าก็ไม่เห็นมีวัวเลย

 

นร.: มันเป็นภาพ สามมิติครับ

 

ขอบคุณผู้เขียนเรื่อง

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กวนๆ มาก็อย่ากวนกลับ กวนให้ขำๆเองจ้า

คำถาม + คำตอบ กวนๆ คลายเครียด

 

เบคแฮมโดนใบแดงแล้วไปไหน : เฉลย ไปเป็นทหาร

 

ซุปอะไรมีสารอาหารมากที่สุด : เฉลย ซุปเปอร์มาร์เกต

 

ทำไมคำว่า Coca-Cola ถึงต้องใช้ซีตัวใหญ่ : เฉลย ถ้าเป็นซีเล็กก็กลายเป็นปลาทูน่าอ่ะเด่ะ

มดอะไรเอ่ยใหญ่กว่ามดเอ็ก : เฉลย มดเอ็กแอล

 

ทำไมญาติคนตาย ถึงไม่นิยมนำกาแฟมาเป็นเครื่องเซ่น ข้างโลงศพ แต่จะเป็นของคาว-หวาน : เฉลย เพราะจะทำให้ตายตาไม่หลับ

ห้องอะไรเอ่ยไม่ต้อนรับคนจีน : เฉลย ห้องรับเเขก

 

ไอแซกนิวตั้นรู้อะไรเมื่อแอปเปิลตกลงมายังที่ๆเขานั่ง : เฉลย รู้ว่าเขาควรไปนั่งที่อื่น

 

ขอบคุณผู้เขียนทุกคน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใคร ๆ ก็มีคุณพ่อที่แสนดีด้วยกันทั้งนั้น...

 

สวัสดีจ้า ใครที่ชอบอ่าน.....

ใครที่ไม่ชอบเรื่องซีเรียส....

ใครที่ว่างไม่ได้ว่าเป็นต้องหาอะไรอ่านแล้วก็อ่าน.... :wub:

เราเก็นมาไว้ให้อ่านกัน.... ;)

 

 

post-2581-078972300 1311322512.jpg

 

(เรื่องสั้น ๆ ) คุณพ่อที่แสนดีที่สุดในโลก

โดย.. ช่อคะนิ้ง (ช่อคะนิ้ง)

 

ว่าแต่ 'คุณพ่อ' ที่มี.....เป็นคุณพ่อที่แสนดีจริงหรือเปล่า ?

 

 

 

หลังโรงเรียนเลิก.....

 

วันนี้คุณพ่อมารับ หนูพุก ที่โรงเรียน...ปกติถ้ามีเวลาคุณพ่อมักจะมารับเธอที่โรงเรียนเสมอ เด็กหญิงคิดว่าคุณพ่อของเธอช่างเป็นคุณพ่อที่แสนดีที่สุดในโลกเสียจริง ๆ ...

 

"คุณพ่อขา วันนี้หนูพุกทดสอบวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนเต็มด้วยล่ะค่ะ" เธอรีบบอกกับคุณพ่อทันทีที่เจอหน้ากัน

 

"หนูเก่งมากลูก...หนูเก่งมาก...พ่อรักหนูที่สุด...พ่อรักหนูที่สุด" คุณพ่อดึงตัวเธอไปสวมกอดแรง ๆ แล้วหอมแก้มฟอดใหญ่จนหนูพุกรู้สึกเจ็บ

 

เด็กหญิงเอามือคลำแก้มถูไปมาเบา ๆ จ้องมองคุณพ่อของเธออย่างสงสัย...วันนี้คุณพ่อดูแปลก ๆ...หนูพุกนึกในใจ

 

"คุณพ่อขา หนูพุกอยากทานไอติม คุณพ่อซื้อให้หน่อยได้ไหมคะ" หนูพุกเห็นรถขายไอศครีมจอดอยู่ใกล้ ๆ ระหว่างทางที่เดินออกมาจากโรงเรียน

 

"ได้สิลูก...หนูรอเดี๋ยวนะ...เดี๋ยวพ่อจะไปซื้อมาให้...พ่อรักหนูที่สุด...พ่อรักหนูที่สุด"

 

คุณพ่อเดินตรงไปที่รถขายไอศครีมซึ่งมีเด็กกลุ่มหนึ่งยืนออกันอยู่ ก่อนจะแหวกเด็กกลุ่มนั้นเข้าไปจนเด็กหลายคนต้องถอยกรูดออกมาแล้วยืนจ้องคุณพ่อของหนูพุกด้วยท่าทางไม่พอใจ สักพักคุณพ่อก็เดินกลับมาพร้อมกับไอศครีมหอบใหญ่ในมือ

 

"ทำไมเยอะจังคะ หนูพุกทานไม่หมดหรอก" เด็กหญิงทำตาโตเมื่อเห็นไอศครีมหลากชนิดที่อยู่ในมือของคุณพ่อ

 

"ไม่เป็นไรลูก...หนูเลือกเอารสที่ชอบที่สุดแล้วกัน...ส่วนที่ไม่ชอบก็ทิ้งไป...พ่อรักหนูที่สุด...พ่อรักหนูที่สุด"

 

หนูพุกได้แต่ทำตาปริบ ๆ...วันนี้คุณพ่อของเธอดูแปลกไปจริง ๆ ด้วย

 

 

 

 

ที่บ้าน.....

 

หลังจากทำการบ้านเสร็จ หนูพุกบอกกับคุณพ่อซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ว่าอยากเล่นขี่ม้าส่งเมือง

 

"คุณพ่อช่วยเป็นม้าให้หนูพุกหน่อยได้ไหมคะ" เด็กหญิงอ้อนแล้วยิ้มหวาน

 

"ได้สิลูก...พ่อจะเป็นม้าให้...พ่อรักหนูที่สุด...พ่อรักหนูที่สุด"

 

คุณพ่อก้มลงให้เด็กหญิงขึ้นขี่หลัง แล้วพาวิ่งวนไปรอบ ๆ บ้านพร้อมกับส่งเสียงร้อง ฮี้ ฮี้ เหมือนม้า...หนูพุกสนุกที่สุด...ว่าแต่วันนี้หลังของคุณพ่อดูแข็งจัง...หนูพุกรู้สึกแบบนั้น

 

"คุณพ่อขา พอเถอะค่ะ หนูพุกเหนื่อยแล้ว"

 

"ไม่เป็นไรหรอกลูก...พ่อยังไม่เหนื่อย...พ่อยังควบเหมือนม้าได้อีก...พ่อรักหนูที่สุด...พ่อรักหนูที่สุด...ฮี้ ฮี้" คุณพ่อยังคงพาหนูพุกวิ่งวนไปรอบ ๆ บ้าน

 

"ไม่เอา...หนูพุกจะเลิกเล่นแล้ว คุณพ่อพอเถอะค่ะ" เด็กหญิงเริ่มโยเย

 

"ก็ได้...ก็ได้...แต่พ่อยังอยากควบเหมือนม้าอยู่...พ่อรักหนูที่สุด...พ่อรักหนูที่สุด"

คุณพ่อย่อตัวให้หนูพุกลงจากหลัง แล้วลุกขึ้นออกวิ่งเหมือนม้าควบต่อไป ปากก็ตะโกนว่า 'พ่อรักหนูที่สุด...พ่อรักหนูที่สุด...ฮี้ ฮี้' อยู่ตลอดเวลา แต่คราวนี้เหมือนคุณพ่อจะควบคุมตัวเองไม่ได้...หนูพุกเห็นคุณพ่อวิ่งตรงไปที่รั้วบ้านและกำลังจะชนแต่คุณพ่อไม่หลบ...แย่แล้ว !!

 

"โครม !!"

 

คุณพ่อชนเข้ากับรั้วบ้านเสียงดังโครมใหญ่จนหงายหลังลงไปนอนกับพื้น แต่ก็ยังอุตส่าห์พูดประโยคคุ้น ๆ ว่า 'พ่อรักหนูที่สุด...พ่อรักหนูที่สุด' ไม่ยอมหยุด

 

หนูพุกตกใจมากที่เห็นคุณพ่อของเธอเป็นแบบนั้น เด็กหญิงทำท่าจะวิ่งเข้าไปดูคุณพ่อ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกลังเล ก่อนจะเปลี่ยนใจวิ่งกลับเข้าบ้านไปหาคุณแม่ซึ่งกำลังทำอาหารอยู่ในครัว

 

"คุณแม่ขาแย่แล้วค่ะ คุณพ่อเป็นอะไรไม่รู้ อยู่ ๆ ก็วิ่งชนรั้วบ้าน คุณแม่ไปดูหน่อยสิคะ" เด็กหญิงพูดไปสะอึกสะอื้นไป

 

คุณแม่วางมือจากการทำอาหาร หันมาหาหนูพุก สวมกอดเธอเอาไว้เพื่อปลอบขวัญ เอามือเช็ดคราบน้ำตาให้กับเด็กหญิง

 

"คุณพ่อไม่เป็นอะไรหรอกนะคะคนดี...หนูพุกหยุดร้องไห้แล้วไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่ไปดูคุณพ่อเอง"

 

หนูพุกยังสะอึกสะอื้นอยู่ เด็กหญิงมองตามคุณแม่ที่เดินออกไปดูจุดเกิดเหตุด้วยดวงตาที่ยังฉ่ำน้ำ

 

 

ศจี เดินมายังร่างที่นอนหงายมองท้องฟ้ายามเย็น ขาทั้งสองข้างของเขายังคงขยับไปมาราวกับว่ากำลังเดินอยู่ ในขณะที่ปากก็พร่ำส่งเสียง 'พ่อรักหนูที่สุด...พ่อรักหนูที่สุด' เป็นระยะ ๆ เธอก้มลงไปทำอะไรบางอย่างกับเขา สักครู่เสียงจึงเงียบไปพร้อมกับอาการนิ่งสงบ

 

หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าของผ้ากันเปื้อนที่สวมใส่ ก่อนจะกดเบอร์หาใครบางคน

 

"สวัสดีจ้ะที่รัก...มีธุระอะไรหรือเปล่า ?" เสียงผู้ชายดังมาจากปลายสาย

"จะอะไรอีกล่ะคะ...ก็อ้ายหุ่นยนต์คุณพ่อที่แสนดีรุ่น C-F 18750( Coppy-Farther 18750) ของคุณนี่สิ...ไม่รู้มันเป็นอะไร ระบบมันรวนยังไงพิกล...เนี่ย ! ทำเอาลูกสาวตกอกตกใจไปหมด" ศจีบอกกับสามี

 

"เฮ้อ!! หุ่นรุ่นนี้ชอบมีปัญหาซะจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้ผมกลับจากประชุมที่เชียงใหม่แล้ว จะเอาเข้าโรงงานตรวจเช็คอีกที...ตอนนี้คุณตั้งระบบไมน่วลให้มันไปก่อนก็แล้วกันนะที่รัก" คุณพ่อตัวจริงซึ่งอยู่ปลายสายแนะนำ

 

"ก็ได้ค่ะ" ศจีถอนหายใจ เธอก้มมองหุ่นยนต์คุณพ่อที่แสนดีของสามีแล้วส่ายหน้า

 

"เฮ้อ !! คุณพ่อที่แสนดีเหรอ...ของแบบนี้มันแทนกันได้ที่ไหนล่ะ !!"

 

หญิงสาวนึกแล้วยิ้มออกมาอย่างขำ ๆ

 

.. แนะนำผู้เขียน..

 

เขียนโดย ช่อคะนิ้ง (ช่อคะนิ้ง)

< เมื่อ .. 20 มกราคม 2553 22:06:31 น. >

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทความดีๆ ช่วยเราที่คิดอะไร ไม่ออก อ่านแล้วสบายใจขึ้น

อะไรที่คิดไม่ออกก็จะค่อยๆคลี่คลาย....

 

บทความดีๆ ทำชีวิตให้ “สำราญ” ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

หันมามองสิ่งดี ๆ ในตัวเอง : การให้กำลังใจตัวเองเวลามีเรื่องทุกข์ใจ สิ่งแรกที่ต้องทำให้ได้คือ หันมามองสิ่งดี ๆ ในตัวเอง เพราะไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า

แม้แต่คนโง่สุดก็ยังฉลาดบางเรื่อง หรือคนฉลาดที่สุดก็ยังโง่ในบางเรื่อง

เติมพลังจากคนที่เรารัก : บางช่วงที่คนเรารู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง การนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่ทำร่วมกันกับคนรัก หรือคนที่รักเรา ก็สามารถช่วยปลุกพลังในตัวขึ้นมาได้มากทีเดียว

เมื่อทุกข์มา..เดี๋ยวก็ผ่านไป : เมื่อความทุกข์ผ่านเข้ามา ขอให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า “ทุกข์มาเดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

อย่าเอาความผิดพลาดในอดีต หรือความคาดหวังในอนาคตมากดดันให้เราเกิดความเครียด

กอดตัวเองให้เป็น : เวลามีปัญหา หรือมีเรื่องทุกข์ใจ กำลังใจที่ดีที่สุดคือ ต้องอยู่กับตัวเองให้เป็น และจัดการกับความทุกข์ให้หายไปด้วยตัวของเราเอง

ยกภูเขาคนอื่นออกจากอกบ้างก็ได้ : อีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้กำลังใจของเราหายไปก็คือ การทุกข์เพราะเรื่องคนอื่น

ดังนั้นปัญหาใครไม่ควรเอามาเป็นปัญหาของเรา รับฟังได้ แต่อย่าเก็บมาทุกข์แทนเขา อย่างน้อย ๆ แค่เป็นเพื่อน และชี้ทางเลือกก็เพียงพอแล้ว

ขอบคุณผู้เขียนและผู้แปล

 

-----คิดแบบเปิด แล้วจะไม่มีทางตัน เปิดทางออกไว้ให้ตัวเองและผู้อื่นเสมอ

ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาด สำคัญอยู่ว่าเราจะรับมือกับความผิดพลาดนั้นอย่างไร

มุมมองแง่บวก++มักจะทำให้มองอะไรให้ออกมาดีได้ง่ายขึ้น มีกำลังใจแก้ไขปัญหา มีสติ......ก็แน่ใจได้ว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแน่ๆ ใจมาอะไรก็ดีเองเนอะ

 

ginger

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กลอนจากขายหัวเราะเล่มเก่าๆ ขอบคุณ

 

ฉันนอนเหม่อมองไปบนฟ้ากว้าง

 

ช่างเวิ้งว้างไกลแสนไม่แม้นเหมือน

 

เสียงนกหวีดกังวานฉันแชเชือน

 

กรรมการเตือนว่าอย่าถ่วงเวลา

...........

นี่ก็อีก

 

 

เห็นวัยรุ่นถือไม้วิ่งไล่กวด

 

ทันคงหวดกันแน่แย่นักหนา

 

ชั่งไม่กลัวตัวบทกฎอาญา

 

ไล่กันมาสี่ห้าคนทนทำใจ

 

แถมมีเพื่อนดักหน้าคอยท่าอยู่

 

คนมุงดูก็ไม่ห้ามตามวิสัย

 

ส่งไม้สองสามสี่วิ่งหนีไป

 

เข้าเส้นชัยเป็นแชมป์เยนเอนเกมส์

 

อ่านแล้วขอให้หัวหายขดเป็นปม

ริมปากมีรอยยิ้มมมม

ไม่ต้องหัวเราะก็ได้......แต่หัวเราขำง่ายๆก็สบายใจดี

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นิทานเซ็น

 

พยัคฆ์สู้มังกร

《进退之道》

 

ณ วัดมังกรพยัคฆ์ เหล่าลูกศิษย์วัดพากันล้อมวงช่วยกันวาดภาพการต่อสู้ระหว่างมังกรและพยัคฑ์ที่อยู่บนผนังวัด โดยในภาพ มังกรกำลังตีลังกาลงมาจากก้อนเมฆ ส่วนพยัคฆ์บนยอดเขาก็กำลังเผ่นโผนโจนทะยานขึ้นไป

 

ขณะนั้นอาจารย์เซนชย่าเฝิงเดินผ่านมา เหล่าศิษย์จึงขอร้องให้ท่านอาจารย์วิจารณ์ภาพดังกล่าวให้เป็นวิทยาทาน

อาจารย์เซนชย่าเฝิงพินิจพิเคราะห์ภาพบนฝาผนังอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า "โครงร่างภายนอกของมังกรและพยัคฆ์นั้นพวกเจ้าวาดได้ไม่เลว

ทว่าไม่สามารถสะท้อนลักษณะเด่นของสัตว์ทั้งสองออกมาได้ดีเท่าที่ควร เนื่องเพราะโดยธรรมชาติ เมื่อมังกรตั้งท่าโจมตี

ส่วนหัวจะต้องหดกลับไปด้านหลังก่อน ส่วนพยัคฆ์เมื่อเตรียมตัวกระโจน ก็ต้องย่อตัวลงต่ำก่อนเช่นกัน หากมังกรยิ่งหดหัวมากเท่าไหร่ พยัคฆ์กดลำตัวต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงใด

ทั้งสองก็จะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นและกระโจนได้สูงขึ้นมากเท่านั้น

มื่อเหล่าศิษย์เซนได้ฟังคำจำแนกแยกแยะของอาจารย์ล้วนยอมรับนับถือ ศิษย์ผู้หนึ่งเอ่ยปากว่า "ท่านอาจารย์วิเคราะห์ได้อย่างแจ่มแจ้ง

พวกเราวาดภาพหัวมังกรยื่นเกินไป และพยัคฆ์ก็โก่งตัวสูงเกินควร เมื่อวาดเสร็จแม้งดงามแต่กลับรู้สึกว่าไม่สมบูรณ์"

ในตอนนั้นเอง อาจารย์เซนชย่าเฝิงจึงกล่าวว่า "การศึกษาเซนก็เป็นเช่นเดียวกัน ประเมินตนเองด้วยความอ่อนน้อมสำรวมเสียก่อน

จึงจะสามารถเข้าใจธรรมมะได้ลึกซึ้งกว่าเดิม"

 

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

post-2581-069434800 1311382009.jpg

 

ใครชอบอ่านนิทานบ้าง :wub:

นิทานเป็นเรื่องเล่า.....อ่านแล้วสบายใจ

เป็นผู้ใหญ่หรือเด็กก็อ่านได้...

นิทานเรื่องหมอนวิเศษ

 

 

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในประเทศจีนมีชายชาวนาคนหนึ่ง

ชื่อ "อาเฉิน" กำลังนั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม ก็ได้มีพ่อค้าเร่คนหนึ่ง

เข้ามาทักทายเขาว่า "พ่อหนุ่ม ทำมาหากินเป็นอย่างไรบ้าง"

 

 

"ไม่ไหวเลยครับ ชีวิตของข้าอับจนสิ้นดี" อาเฉินตอบอย่างเศร้าสร้อย

 

"เจ้าไม่พอใจในวิถีชีวิตของตนเองดอกหรือ?" พ่อเฒ่าสอบถาม

 

"จะให้ข้าพอใจได้อย่างไรในเมื่อข้าต้องทำงานหนักทั้งวัน

ถ้าข้าได้เป็นเศรษฐี ข้าจึงจะพอใจ" อาเฉินกล่าว พ่อเฒ่านิ่งงันไม่พูดอะไร

 

ก่อนจากกันพ่อเฒ่าได้ยื่นห่อผ้าในมือให้อาเฉิน และพูดขึ้นว่า

"พ่อหนุ่ม ข้าต้องเดินทางไปหมู่บ้านข้างเคียง พรุ่งนี้เช้าจึงจะกลับ

เจ้าจะเก็บรักษาหมอนใบนี้ไว้ให้ข้าได้หรือไม่? หมอนใบนี้หนุนนอนสบายดี

เจ้าจะใช้หมอนใบนี้หนุนหัวในคืนนี้ก็ได้"

อาเฉินรับคำจะเก็บรักษาหมอนไว้ให้ ทั้งสองจึงแยกทางกัน

 

ในคืนนั้น อาเฉินใช้หมอนของพ่อเฒ่าหนุนนอน

 

เมื่ออาเฉินตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีแท่งเงิน แท่งทองเต็มไปหมด

"รวยแล้ว ในที่สุดเราก็รวยสมใจนึก" อาเฉินตะโกนสุดเสียงด้วยความดีใจ

"ข้าจะสร้างคฤหาสน์หลังงาม ข้าจะซื้อทุกอย่างที่ข้าต้องการ"

 

 

อีกไม่นานคฤหาสน์ของเขาก็สร้างเสร็จ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา

อาเฉินเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว เขาไม่ปราถนาจะลดตัวลงไปเสวนากับคนจน

ดังนั้นเขาจึงปิดคฤหาสน์อาศัยอยู่ในนั้นตามลำพัง

 

อยู่มาไม่นานอาเฉินก็เบื่อหน่าย "ขาดอะไรไปสักอย่าง? อ้อรู้แล้ว

สวนของข้าว่างเปล่านั่นเอง" เขาจึงสั่งให้คนงานหาดอกไม้หลากสีสัน

งดงามที่สุดเท่าที่จะหาได้ และไม้ใหญ่มาปลูกไว้ในสวน และขุดสระเลี้ยงปลา

 

 

แต่แล้ว อาเฉินยังรู้สึกเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว

"จะต้องขาดอะไรไปสักอย่าง อ้อรู้แล้ว บ้านหลังนี้เงียบเกินไป"

อาเฉินจึงว่าจ้างนักดนตรี นักรำมาขับกล่อมให้ความบันเทิง

 

แต่แล้วต่อมาไม่นาน อาเฉินก็รู้สึกเบื่อกับการร้องรำ เขาจึง

ไล่นักดนตรี นักรำออกจากบ้านไป อาเฉินรู้สึกเหงาหงอยอ้างว้าง

"อ้า...สิ่งที่ข้าต้องการคือ ภรรยาสักคน...ใช่แล้ว"

 

อยู่มาวันหนึ่ง อาเฉินตัดสินใจลงจากเขา อาเฉินนั่งเกี้ยวงดงาม

มีคนรับใช้สี่คนหาม มาดโอ่อ่าภูมิฐานยิ่งนัก แต่อาเฉินก็ต้องประหาดใจ

เมื่อผู้คนในหมู่บ้านไม่มีใครให้ความสนใจเขาเลย เมื่อเขาผ่านโรงเตี๊ยมเก่า

เขาได้ยินเสียงผู้คนทักทายกัน สลับกับเสียงหัวเราะเป็นระยะ เขามองเห็น

เพื่อนเก่าซดข้าวต้มร่วมกัน แม้คนเหล่านั้นจะยากไร้ แต่ก็มีความสุขยิ่ง

อาเฉินหวนกลับมายังคฤหาสน์อ้างว้าง นั่งครุ่นคิดอยู่เป็นนาน

เขากลายเป็นมหาเศรษฐีแล้ว แต่ก็ไม่มีความสุข ชีวิตแสนสบายแต่อ้างว้าง

อาเฉินอยากจะกลับไปเป็นชาวนาสามัญเช่นเดิม แล้วเขาก็เผลอหลับไป

มื่ออาเฉินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องเก่าซอมซ่อ

 

ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิม อาเฉินเพิ่งรู้ว่าตัวเองฝันไป เขาวิ่งออกจากกระท่อม

หัวเราะร่าด้วยความยินดี อาเฉินร้องทักทายชาวนาที่เดินผ่านบ้าน เหมือนกับ

เพื่อนรักที่หายหน้าไปนาน และพอถึงตอนสายของวันชายชราเจ้าของหมอน

ก็ได้มาหาอาเฉิน "เป็นอย่างไรพ่อหนุ่ม เมื่อคืนหลับฝันดีหรือไม่"

อาเฉินวิ่งกลับเข้าบ้าน หยิบเอาหมอนห่อผ้าให้เรียบร้อย ยื่นคืนให้เจ้าของ

"ขอบพระคุณท่านผู้เฒ่าเป็นอย่างมาก ที่ให้ยืมหมอนวิเศษใบนี้

ข้าเพิ่งได้บทเรียนล้ำค่าของชีวิต...ไม่มีสุขใดใหญ่หลวงเกินไปกว่า

ความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่อีกแล้ว"

อาเฉินหยิบจอบขึ้นพาดบ่า เดินผิวปากออกจากบ้าน

มุ่งหน้าไปยังท้องนา พ่อเฒ่าอมยิ้ม และออกเดินทางต่อไป

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความสุข คือ อะไร.....

ความสุข คือ ความสบายใจ พอใจ

 

ความสุข คือ ความสบายกายและใจ

ความสุข คือ การมีปัจจัย 4 อาหาร ยา เครื่องหุ่งห่มและที่อยู่อาศัย

 

ความสุข คือ การมีงานทำ มีเงินใช้จ่าย แถมการเหลือเก็บออม

ความสุช คือ การที่ไม่ทุกข์

ความสุข คือ ความพอใจในสิ่งที่เป็นและมีอยู่

 

ความสุข คือ การได้อยู่กับคนที่รักและครอบครัว....ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร....มีความสุขจนได้ล่ะถ้าคิดได้...

ความสุข คือ การที่ได้มาในสิ่งที่ต้องการ....

....แต่คนเราก็มีความอยากได้โน่นนี่อยู่ตลอดเวลา.....เปลี่ยนเรื่อยๆ...มีโน่น...อยากได้นี่...อีกแล้ว

มีแล้ว...อยากมีมากขึ้น...มากขึ้น....เบียดเบียนทั้งตัวเองและผู้อื่น.....

ความสุข คือ การได้เป็นอย่างที่ต้องการ.....ได้แล้วพอมั๊ย.....

เป็นแล้วทำหน้าที่ของตนดีหรือเปล่า.....หรือเป็นเพื่อได้มา....ในสิ่งที่ต้องการ...โดยไม่รู้จักพอ

ถ้าาความสุข คือ ความรู้สึกดี...ที่ไม่ต้องดิ้นรนไข้วคว้า น่าจะดี...

มีความสุขแบบง่ายๆ แค่รักษาใจให้มองไปทางไหนก็เห็นความสบายใจ เห็นส่วนดีๆ

ได้อ่านหนังสือ ฟังเพลง พักผ่อน ท่องเที่ยว ทำงานอดิเรกที่ชอบ.... อื่นๆอีกมากมาย

 

ความสุขของตุณ คือ แบบไหน....ความสุขเล็กๆ. ที่แพรวพราวอยู่ในใจได้เสมอ....หรือเปล่า

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพื่อนๆจ๋าเดยอ่านเรื่องนี้กัหรือยัง

 

 

post-2581-086292700 1311404769.jpg

 

 

ขนมคุ๊กกี้ และการแบ่งบัน

มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด คุณมองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง?

 

ขนมคุ๊กกี้ และการแบ่งปัน

ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดี

จำเป็นต้องรอเวลาถึง 3 ชั่วโมง

ในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทาง

เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และคุ๊กกี้ 1 ห่อ

และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกิน ฆ่าเวลาไปพลาง ๆ

 

เธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่ง

เมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุ๊กกี้

เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่ม

ซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ

ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุ๊กกี้ออกจากถุง

ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น

เธอมองด้วยความโกรธ

แต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ

เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกา

ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย กำลังกินมันให้หมดสิ้นไป

เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า

“ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็....

ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย”

 

ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้น

ทั้งสองส่งสายตามองกัน เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย

เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร ชายหนุ่มค่อย ๆ

หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น

ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น

 

เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า

“เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุด ๆ

ช่างไร้การศึกษา ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ”

เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง

ไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม

ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้ว

เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง

 

ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ

เธอตกใจมาก

ถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า.....

คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน

เธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม

แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า

 

มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง

เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอนั่นเองที่ไร้มารยาท

เป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง

มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด

มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น

และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง

 

ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย

นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่น หลาย ๆ

สิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดี

แล้วคอยสังสัยตัวเองว่า

"เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง?

เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่”????

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เวลา เวลา

เมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้......

 

มาอ่านเรื่องขำกันเถอะ :D

. ทำนายแม่น

 

นายเด่น ผู้กำกับของค่ายมรณาฟิล์ม

 

ขับรถคู่ใจออกไปตระเวนหาโลเกชั่นเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์

 

ในที่สุดก็ได้โลเกชั่นไปถ่ายทำกันกลางทะเลทรายในถิ่นของ

 

อินเดียนแดง เมื่อทีมงานเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว

 

สำหรับการถ่ายทำก็มีอินเดียนแดงเฒ่าเดินดุ่มๆ

 

ฝ่าทะเลทรายมาที่กองถ่ายของนายเด่นและเอ่ยเตือนทีมงานว่า

 

"วันนี้จะทำอะไรก็รีบทำซะนะ เพราะพรุ่งนี้ฝนจะตกหนัก"

 

พูดจบอินเดียนแดงเฒ่าก็เดินกลับ

 

จริงอย่างคำทำนาย เพราะวันรุ่งขึ้นฝนก็ตกหนักจริงๆ

 

3 วันต่อมา อินเดียนแดงเฒ่าก็เดินเท้าย่ำทรายมาที่กองถ่ายอีก...

คราวนี้เขาเตือนว่า

 

"พรุ่งนี้จะมีพายุเข้า"

 

นายเด่นรู้สึกทึ่งกับคำทำนายจึงขอที่อยู่ของอินเดียนแดงเฒ่าไว

 

้เผื่อต้องการคำปรึกษา

 

อินเดียนแดงเฒ่าบอกให้ข้ามเขาทะเลทรายไป 3 ลูก

 

ก็จะเจอเผ่าอินเดียนแดง

 

วันต่อมาพายุเข้าจริงๆ จนนายเด่นไม่สามารถถ่ายทำได้

 

ทุกคนต่างก็ทึ่งกับคำทำนายล่วงหน้า

 

ใกล้ถึงวันที่ต้องถ่ายทำฉากสำคัญ

 

แต่อินเดียนแดงเฒ่าหายไปกว่าอาทิตย์แล้ว

 

ทำให้นายเด่นเป็นกังวลกับเรื่องของดินฟ้าอากาศมาก

 

กว่าจะเดินทางมาถ่ายทำที่นี่ได้ ต้องใช้ทุนมหาศาล

 

เกิดมีพายุเข้าอีก...เจ๊งแน่ๆ

 

นายเด่นตัดสินใจเดินทางข้ามเขาทะเลทราย 3 ลูก

 

ไปหาอินเดียนแดงเฒ่าเองเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องคำทำนาย

 

อยู่ต่อหน้าอินเดียนแดงเฒ่า

 

นายเด่นทำความเคารพด้วยความนับถือ

 

ก่อนเอ่ยปากขอคำทำนาย

 

"ท่านหัวหน้าเผ่าผู้รอบรู้

 

พรุ่งนี้กองถ่ายเราต้องถ่ายทำฉากสำคัญมาก

 

พวกเราจึงอยากรบกวนท่านช่วยทำนายให้อีกสักครั้งเถอะ

 

ว่าพรุ่งนี้ฝนจะมา พายุจะเข้าหรือเปล่าครับท่านหัวหน้า?"

 

อินเดียนแดงเฒ่าส่ายหัวดิก!!..

 

"ข้าไม่รู้.....วิทยุข้าเสีย !!.."

 

ขอบคุณผู้เขียน มาจาก blog ขำขัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ความกลัว ความหวัง และความโลภ

ความกลัว

มนุษย์ทุกคนมีความกลัวติดตัวมาแต่กำเนิด อาจจะเป็นความกลัวที่แม่ (ขณะตั้งท้องเรา) ทำให้เรากลัวโดยไม่รู้ตัว มันเป็นความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึก พอเราคลอดออกมา เราเริ่มหัดคลาน หัดเดิน หัดพูด หัดวิ่ง ฯลฯ … เราจะพบกับประสบการณ์ที่ทำให้เรา กลัว เช่น ตอนเด็กๆ เราไม่รู้ว่ากาต้มน้ำที่มีควันออกฉุยๆ มัน ร้อน เราเอามือไปจับกาต้มน้ำ…เราได้สัมผัสความร้อน เราเริ่มกลัวความร้อน…ครั้งต่อไปเราจะกลัวมัน และไม่กล้าเข้าไปจับมันอีก นี่คือตัวอย่างความกลัว…

สำหรับความกลัวในตลาดหุ้น หลายท่าน เคยเจอเจ้ามือทุบไม้ใหญ่ๆ 1 ไม้ 2 ไม้ 3 ไม้ (ตอนแรกก็ยังไม่กลัว) แต่พอเจ้ามือทุบอีก ทุบ ทุบ ทุบ พอร์ทติดลบ แดง แดง แดง ความกลัวเข้ามาเยือน ขายเลยดีกว่าเดี๋ยวขาดทุนหนักกว่านี้…ขายปุ๊บ มันเด้งทันที…ความกลัว ทำเราซะแล้ว หรือในทางตรงกันข้าม…เจ้าเคาะขวาไล่ขึ้น 1 ช่อง 2 ช่อง 3 ช่อง เราก็เห็นแล้วว่าหุ้นตัวนั้นมันกำลังวิ่งขึ้น แต่ ความกลัว ทำให้เราไม่กล้าที่จะซื้อตาม เพราะเห็นว่าราคามันแพงเกินไป กลัวติดดอย…ยิ่งเรากลัวมากเท่าไหร่ หุ้นตัวนั้นก็ยิ่งขึ้น ขึ้น ขึ้น…แต่พอเราหายกลัวเข้าไปซื้อ…ดอยมาเยือนทันที…???

 

ความหวัง

 

ความหวังเป็นสิ่งที่ดีครับ…คนเราเกิดมาต้องมีความหวัง เราหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะมีนั่น มีโน่น และไม่มีหนี้…หวังว่าชีวิตจะมีความสุข ประสบความสำเร็จ…ฯลฯ แต่จะมีสักกี่คนที่หวังแล้ว สมหวัง วันนี้เรายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่เราก็หวังว่า สักวันหนึ่งเราจะต้องประสบความสำเร็จ หวังลมๆ แร้งๆ หรือไม่…? ความหวังของทุกคนคงจะไม่ใช่ความหวังลมๆ แร้งๆ เพราะความหวังจะทำให้เกิดกำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคนานับประการ เมื่อเรามีความหวัง เราจะมีพลังฮึดสู้…

 

***เราหวังว่า หุ้นที่เราถืออยู่มันจะ…วิ่งปรู้ วิ่งปร้าด…แต่วันแล้ววันเล่ามันก็นิ่ง นิ่ง นิ่ง เผลอๆ มันอ่อนระทวยขยับลงวันละนิดวันละหน่อย แต่เราก็ยังหวังว่าสักวันมันจะต้องวิ่ง วิ่ง วิ่ง และเผลอๆ อาจจะหวังว่า บ่ายนี้มันจะลิ่ง…รอแล้วรอเล่า ความหวังก็ไม่เป็นจริงเสียที ถ้าหวังแบบนี้ ผมแนะนำให้เลิกหวังครับ มาหวังแบบผมดีกว่า…

 

ความโลภ

 

ความโลภมีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนครับ จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับวิธีการควบคุม ไม่ให้โลภ บางคนโลภน้อย บางคนโลภมาก แต่ไม่ว่าจะโลภน้อยหรือโลภมากหากไม่ตรึกตรอง พินิจพิจราณาให้ถี่ถ้วน ก็อาจจะตกเป็นเหยื่อได้ครับ…

อุ้ย…ทองใครเนี่ย ผู้หญิงคนหนึ่งอุทานออกมา พร้อมกับทำท่าก้มลงเก็บทอง มีผู้ชายคนหนึ่งได้ยินและเห็นตอนที่เธอก้มลงหยิบอะไรบางอย่าง

คุณค่ะ ทองใครก็ไม่รู้ เดี๋ยวเราเอาไปขายแบ่งเงินกันนะค่ะ…ชายคนนั้นก็ตาโตเลยครับ นึกในใจว่า…โอ้โฮ๋…เรานี่โชคดีจริงๆ อยู่ดีๆ ก็จะมีคนแบ่งเงินให้…

หญิงคนนั้นดำเนินแผนต่อทันที…เดี๋ยวเราเอาทองไปขายแล้วแบ่งตังค์กันนะค่ะ เส้นนี้น่าจะหนักสัก 2 บาท คงได้หลายหมื่นอยู่ ไปกันเถอะค่ะเอาทองไปขายกัน

ผู้ชายก็เดินตามเธอไปอย่างง่ายดาย เธอก็ชวนคุยโน่นคุยนี่เพื่อทำให้เกิดความสนิทสนมคุ้นเคย พร้อมกับเอาทองหนักสองบาทให้เขาดู เขาดูแล้วก็เห็นว่ามันเป็นทองจริงๆ (นึกในใจโชคดีจริงๆ) เดินไปได้สักระยะหนึ่ง เธอก็พูดว่า…

คุณค่ะ พอดีดิฉันลืมไปว่าต้องรีบไปทำธุระ เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวดิฉันเอาทองเส้นนี้ให้คุณไปดีกว่า เพราะดิฉันนึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วน คุณเอาสร้อยทองเส้นเล็กที่คุณใส่อยู่มาให้ดินฉันก็แล้วกัน แล้วคุณเอาสร้อยทองหนักสองบาทเส้นนี้ไปแทน…โฮ๋…ของเราแค่ห้าสิบตังค์ เส้นนั้นตั้งสองบาท รีบถอดให้อย่างไว…หญิงคนนั้นก็ยื่นสร้อยทองหนักสองบาทแลกกับสร้อยห้าสิบสตางค์ของเขา…กว่าชายคนนั้นจะรู้ตัวว่าโดนหลอกเพราะความโลภ เขาก็มองหาหญิงคนนั้นไม่เจอเสียแล้ว…

 

***ในตลาดหุ้น ความโลภ ทำลายนักลงทุนมาเยอะต่อเยอะแล้ว ขออีกหน่อยน่า อีกช่องเดียวขายเลย เดี๋ยวมันต้องขึ้นไปอีกช่องแน่ๆ…แทนที่มันจะขึ้นมันกลับลง…ไม่เป็นไรถ้ามันกลับไปที่เดิมเมื่อกี้เดี๋ยวขายเลย…สุดท้ายขายไม่ได้ครับ มันลงแล้วลงเลย นี่แหละความโลภ

 

ผมไม่ใช้ความโลภในการเล่นหุ้นครับ ผมใช้แผนการที่วางไว้เล่นหุ้น เมื่อถึงจุดที่ผมวางแผนว่าจะขาย ผมต้องขาย…ถึงมันจะวิ่งไปต่อก็ชั่งมัน ผมไม่โลภ เพราะความโลภทำให้ผมเล่นหุ้นแล้วขาดทุน

 

 

Tags: ความกลัว, ความหวัง, ความโลภ, ดอย, ทุบ, หุ้น, เจ้ามือ, ไล่

Published on July 13, 2011 By Hongsamyan

 

ขอขอบคุณผู้เขียน

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณเรื่องดีดีที่มอบให้ในเช้าวันอาทิตย์เช่นนี้ค่ะ. ขอบคุณจิงจิง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณเรื่องดีดีที่มอบให้ในเช้าวันอาทิตย์เช่นนี้ค่ะ. ขอบคุณจิงจิง

 

ขอบคุณ primmark ที่บอกให้รู้ :)

 

... แค่มีเพื่อนเข้ามาอ่านก็ดีใจแล้ว...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บันทึกหน้าแรกของฉัน :lol:

 

เธอ...ชื่อธรรมะ

ธรรมะไม่เคยสอนฉันเลยว่า ฉันต้องครึ

จะต้องทำหน้าเศร้าและหดหู่...ผมยุ่ง และไม่รู้จักรีดเสื้อ

ธรรมะเพียงแต่สอนฉันให้มีใจที่สดชื่น

ไม่สะดุ้งสะเทือนต่ออุปสรรค...

 

สอนให้ฉันรู้ว่า "สิ่งที่ควรเรียนรู้อันดับแรก คือ ..ตนเอง..."

สิ่งใดที่ฉันไม่ปรารถนา....ก็อย่ากระทำกับผู้อื่น.....

ฉันควรจะ.....เป็นเพื่อนที่ดีสักคน

มากกว่า....อยากมีเพื่อนที่ดีสักคน

 

รู้จักคำว่า "พอดี" คือ "พอ..ถึงจะดี"

รู้จักการแบ่งปัน....มากกว่าการสะสม

อย่าวิ่งหาความสุข.....จากสิ่งที่ไม่มี

"แต่ให้มีความสุขจากสิ่งที่มี"

 

ในท่ามกลางความวุ่นวาย....ฉันควรมีใจที่สงบ

ในความเงียบเหงา...ฉันควรมีใจที่ร่าเริง

และในสิ่งที่เลวร้าย....ให้ฉันมองหาสิ่งที่ดีงาม...

สิ่งเหล่านี้เพื่อนชื่อ "ปริญญา" ไม่เคยบอกฉัน

 

ทำให้ฉันรักเพื่อนชื่อ "ธรรมะ" มากขึ้นนะ.....

เธอไม่ได้อยู่ไกลเพียงแค่ใจสัมผัส และรับรู้ได้

ถ้าเธออยากจะรู้จักฉันและเธอ....

ไม่ยาก.... "เพียงเธอทั้งหลายก้าวเข้ามา".... :D

 

ณ...ชมรมพัฒนาจริยธรรมและคุณธรรม

"เรากำลังรอเพื่อนใหม่"....ด้วยใจชื่นชม

 

ขอบคุณ ผู้เขียน จากPatji ckub ,.เ.ชมรมพัฒนาจริยธรรมและคุณธรรม...,ม.พระจอมเกล้าลาดกระบัง

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...