ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

รอยยิ้มแห่งพระพุทธองค์

 

 

m114294.jpg

 

 

ทุกครั้งที่เราไหว้และกราบพระพุทธรูป

เราเคยเห็นรอยยิ้มของท่านบ้างไหม?

 

พระพุทธรูปมีรอยยิ้มน้อย ๆ ให้เราเสมอ

ไม่ว่าเราสุขหรือทุกข์ดีหรือไม่ก็ตาม

 

หากเราใส่ใจมองอย่างลึกซึ้ง

เราจะเห็นรอยยิ้มของพระผู้ตื่นรู้ฉายปรากฏขึ้นในใจขอ งเรา

เราจะได้รับความรัก ความเมตตา ความสุขเย็นจากท่าน

และจะดียิ่ง หากเราสามารถมอบรอยยิ้มแห่งความเบิกบานกลับให้ท่าน

 

ธรรมชาติแห่งพุทธะอยู่ในตัวเรา

ใคร่แนะนำให้เรามอบรอยยิ้มให้ตัวเองเสมอ ๆ

กายและใจสัมพันธ์กัน เมื่อแย้มยิ้ม

กล้ามเนื้อบนใบหน้าจะผ่อนคลาย ใจเบาสบาย และเบิกบาน

 

เมื่อเรารู้สึกเครียด วิตกกังวล โกรธ กลัว

ยิ้ม...หายใจเข้า

ยิ้ม...หายใจออก

ให้รอยยิ้มเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

ยิ้มให้กับตัวเอง...ยิ้มให้แก่ทุกคน

ยิ้มกับรอยยิ้มแห่งพุทธองค์ในตัวเรา...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาวิ่งเล่นซะเพลินเลย ว่างๆ จะแวะมาใหม่นะค่ะ วันนี้โดดงานมา ได้เวลาพักผ่อนล่ะค่ะ ฝันดีกันทุกคนนะค่ะ

ช่วงนี้ฝกตกทุกวัน ไปไหนพกร่มติดตัวกันบ้างนะค่ะ รักษาสุขภาพกันทุกคนค่ะ บุญรักษาค่ะ สวัสดีค่ะ !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:Dขอบคุณมากค่ะ ทั้งสองท่าน ginger & คุณ eang แวะมาอ่านจ้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาวิ่งเล่นซะเพลินเลย ว่างๆ จะแวะมาใหม่นะค่ะ วันนี้โดดงานมา ได้เวลาพักผ่อนล่ะค่ะ ฝันดีกันทุกคนนะค่ะ

ช่วงนี้ฝกตกทุกวัน ไปไหนพกร่มติดตัวกันบ้างนะค่ะ รักษาสุขภาพกันทุกคนค่ะ บุญรักษาค่ะ สวัสดีค่ะ !thk

 

ขอบคุณนะจ้ะ คุณEang ดุแลสุขภาพด้วย :wub:

 

รอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยเมตตา ยามมีทุกข์เพียงนั่งมอง

รู้สึกได้ถึงความสงบเย็น ปลุกสติ

คลายความยึดมั่น รู้เห็น ความไม่เที่ยงแท้

ผ่อนคลาย ไม่ยึด ทุกช์ก็ไม่เที่ยง จะทุกข์ไปใย

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:Dขอบคุณมากค่ะ ทั้งสองท่าน ginger & คุณ eang แวะมาอ่านจ้า

 

คิดถึง ทำเรืองสนุกๆ สบายใจนะ

คิดถึงเรา ก็ยิ้มนะมดแดง :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Hold My Hand - จับมือฉัน

 

 

 

 

post-2581-009420600 1312215222.jpg

 

Little girl and her father were crossing a bridge.

มีพ่อลูกคู่นึงกำลังจะข้ามสะพาน

 

The father was kind of scared so he asked his little daughter

คุณพ่อค่อนข้างกลัวเล็กๆ เลยบอกลูกสาวตัวน้อยของเขาว่า

Sweetheart, please hold my hand so that you don't fall into the river.

ลูกรักจ๊ะ จับมือพ่อไว้สิ หนูจะได้ไม่ตกลงไปในแม่น้ำ

 

The little girl said, 'No, Dad. You hold my hand.

เด็กน้อยกล่าวว่า ' ไม่ค่ะพ่อ พ่อหน่ะแหละจับมือหนู '

What's the difference?' Asked the puzzled father.

มันต่างกันยังไงจ๊ะลูก ' พ่อถามด้วยความสงสัย

 

There's a big difference,replied the little girl.

มันต่างกันมากเลยค่ะพ่อ ' เด็กน้อยกล่าว

If I hold your hand and something happens to me

ถ้าหนูจับมือพ่อ แล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับหนู

 

chances are that I may let your hand go.

มันมีโอกาสที่หนูจะปล่อยมือพ่อ

But if you hold my hand, I know for sure that no matter what happens

แต่ถ้าพ่อจับมือหนู หนูรู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

 

you will never let my hand go.

พ่อไม่มีวันปล่อยมือหนูแน่นอน

In any relationship, the essence of trust is not in its bind, but in its bond.

ในทุกความสัมพันธ์ สิ่งสำคัญของความเชื่อมั่น ไว้ใจ ไม่ใช่อยู่ที่สาระของมัน แต่เป็นความรู้สึกกับมัน

 

So hold the hand of the person who loves you rather than expecting them to hold yours...

เพราะฉะนั้น จงจับมือคนที่รักคุณ ดีกว่าที่จะหวังไว้เค้าจับมือคุณ

This message is too short......but carries a lot of Feelings.

ข้อความนี้สั้นเกินไป แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกมากมาย

 

ที่มา fwd mail

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดี เพื่อนที่รัก คุณๆที่แวะเข้าอ่าน เรื่องราวหลากหลาย

บางเรื่อง อ่านเล่นเพลินๆ เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องที่เคยเกิดกับใครบางคน :)

 

 

post-2581-024027800 1312609495.jpg

 

 

นิทาน สอนใจนักลงทุน

 

สุทิน กับ สินธุ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนวิศวะ จบมาแล้วก็ได้งานทำที่โรงงานเดียวกัน ชื่อที่คล้องจอง ลักษณะนิสัยที่คล้ายคลึง ทำให้เขาทั้งสองสนิทสนมกันมาก ทำงานร่วมกันมาหลายปี จนกระทั่งปลายปี ๒๕๔๙ เศรษฐกิจตกต่ำลง โรงงานที่เขาทั้งสองทำงานอยู่ปิดกิจการ งานที่เคยคิดว่ามั่นคง ตำแหน่งงานผู้บริหารระดับต้นอันทรงเกียรติกลายเป็นอดีต เขาทั้งสองจำต้องแยกย้ายไปคนละทิศละทาง

 

หลายปีผ่านไป เศรษฐกิจขึ้นแล้วลง ลงแล้วขึ้นไปตามวัฏจักรของมัน เขาทั้งสองไม่ค่อยได้เจอกันอีก

 

ขณะนี้สุทินทำงานเหมืองที่ประเทศลาว ในบริเวณป่าเขาที่แทบจะติดต่อโลกภายนอกไม่ได้ ทำงานติดต่อกันทุกวัน เป็นเวลาหกสัปดาห์ และ หยุดสองสัปดาห์ เพื่อใช้หนี้ที่เขาติดค้างญาติเป็นค่ารักษาพยาบาลพ่อก่อนที่พ่อของเขาจะเสียชีวิต

ส่วนสินธุนั้นหลังจากเขานำเงินที่เก็บได้ไปเล่นหุ้นจนเกือบหมดตัวแล้วก็ว่างงาน ต้องทำงานรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ จนเศรษฐกิจเริ่มดีอีกครั้ง สินธุจึงได้งานใหม่ในตำแหน่งผู้จัดการโรงงานแห่งหนึ่ง

 

อยู่มาวันหนึ่ง หัวหน้าของสินธุต้องการให้สินธุทาบทามเพื่อนมาร่วมงานทางด้านซ่อมบำรุงเครื่องจักรกล ซึ่งแน่นอนว่าสินธุต้องคิดถึงเพื่อนรักของเขา สุทิน

 

ที่นี่เงินเดือนดีเสียด้วย และไม่ต้องไปลำบากตามป่าเขา เขาแน่ใจว่าสุทินเพื่อนเขาจะต้องชอบแน่นอน แต่จะติดต่อเพื่อนได้อย่างไร ตอนนี้สุทินคงขุดแร่ในเหมือง ในสถานที่อับสัญญาณโทรศัพท์

 

สินธุนึกถึงความหลัง ในขณะที่นั่งพักหลังกินข้าวเสร็จในเวลากลางวัน

 

เรื่องที่ผ่านมาในอดีตเหมือนความฝันอันสวยงามที่ผ่านแล้วผ่านเลย ก่อนโรงงานเก่าที่เคยทำงานร่วมกันปิดตัวลงนั้น สินธุและสุทินเคยมีเงินเก็บนับสิบล้านในวัยเพียงสามสิบต้นๆ จากความโชคดีในการลงทุนในตลาดหุ้นที่เอื้ออำนวยหนทางให้เหมือนโชคชะตาเข้าข้าง อย่างไม่น่าเชื่อ

...............

สินธุยังจำสาเหตุความร่ำรวยขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีของเขาและสุทิน เขาทั้งสองตัดสินใจซื้อหุ้นตัวหนึ่งหลังวิกฤติการทางการเงินในปี ๒๕๔๐ เขาทั้งสองได้ข่าวมาจากนักเล่นหุ้นชั้นเซียนคนหนึ่งที่เป็นญาติของสินธุ ญาติของเขาวิเคราะห์พื้นฐานหุ้นตัวนั้นอย่างละเอียด และพบว่าหุ้นตัวนั้นมีมูลค่าของโรงงานมากมายมหาศาล ขนาดที่ว่าแม้จะถูกศาลสั่งให้ล้มละลายต้องถูกบังคับขายสินทรัพย์จ่ายเจ้าหนี้ทุกรายก็ตาม ทรัพย์สินที่เหลืออยู่ก็มากพอที่จะเหลือมาถึงผู้ถือหุ้นสามัญ เป็นมูลค่ามากกว่าราคาซื้อขายหุ้นในตลาด ณ ขณะเวลานั้น และหากมองในทางดี มีความเป็นไปได้ที่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว กำไรของบริษัทจะกลับมามหาศาล เพราะเป็นธุรกิจที่มีการลงทุนสูง หาคู่แข่งได้ยาก และราคาของหุ้นจะต้องขึ้นไปอย่างมากมาย เซียนคนนั้นยังสำทับว่า ราคาหุ้นในตอนนั้นถูกมาก เพราะไม่มีคนกล้าเข้าตลาดหุ้น หลังวิกฤตกาลในปี ๒๕๔๐

 

สุทินและสินธุใช้เงินที่เก็บไว้ไปซื้อหุ้นเป็นจำนวนคนละ ๑๕๐,๐๐๐ หุ้น ที่ราคาหุ้นละสองบาท เป็นเงินคนละสามแสนบาท โรงงานไม่เจ๊งและถูกบังคับขายทรัพย์สินใช้หนี้อย่างที่คาดเดาไว้ในกรณีเลวร้ายที่สุด แต่กลับฟื้นตัวจนราคาหุ้นพุ่งไม่หยุด จากราคาต่ำกว่าสิบบาทไปถึง ๘๐ บาท สุทินและสินธุขายไปในราคาเกือบจะสูงสุดที่ ๗๘ บาท เงินลงทุนของเขาทั้งสอง โตไปถึง ๓๙ เท่า หรือจากสามแสน กลายไปเป็น ๑๑ ล้าน ๗ แสนบาท

เซียนหุ้นคนนั้นหัวใจวายตายด้วยความดีใจสุดขีด เพราะมั่นใจมากลงเงินไปเป็น สิบ ล้านบาท ดีใจที่จะได้เป็นเศรษฐีระดับร้อยล้าน ทิ้งมรดกให้เมียและลูกใช้อย่างสบายๆ

 

นั่นเป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของชีวิต

................

 

หลังจากที่แยกย้ายไปคนละทิศละทาง สุทินเพื่อนของเขาต้องหมดเนื้อหมดตัว แถมยังมีหนี้สินที่หยิบยืมญาติมาอีกมหาศาลเพื่อรักษาพ่อของเขา ซึ่งต้องทำการผ่าตัดสมองหลายครั้ง แต่สุดท้ายพ่อเขาก็ตายจากไป ถ้าไม่มีรายจ่ายมหาศาลขนาดนั้น สุทินคงไม่ต้องไปทำงานที่ลาวให้เหนื่อยยากเช่นนี้

 

สินธุพบหน้าสุทินครั้งสุดท้ายในงานศพพ่อของสุทิน และทราบถึงความจำเป็นที่สุทินจะต้องไปทำงานในเหมืองที่ลาวเพื่อใช้หนี้ที่หยิบยืมญาติจำนวนหนึ่ง และหนีไปไกลๆ เพื่อให้ลืมคนรักของสุทินที่เพิ่งเลิกรากันไป

ชีวิตช่างหาความแน่นอนอะไรไม่ได้ สุทินและสินธุเคยมีเงินเก็บนับ 10 ล้าน ในวัยเพียง 30 ต้นๆ สุทินเคยหัวเราะเยาะคนที่หมดตัวเพราะวิกฤตกาลการเงิน

 

แล้วฉากๆหนึ่งก็แวบเข้ามาในห้วงคำนึงของสินธุ วันนั้นเขา สุทิน และเพื่อนอีกหลายคนไปฉลอง

 

?เฮ้ย มึงดูกูนี่ ชีวิตกูช่างเพียบพร้อม full options เงินก็มีเหลือใช้ แฟนกูก็เป็นดาราดังสวยอย่างกับนางฟ้า งานกูก็มั่นคง? สุทิน พูดกับสินธุ ในขณะที่เสพสุราอาหารในสถานบริการสุดหรูกลางกรุง

 

ไม่นานความพร้อมพรั่งในทรัพย์สิน เกียรติยศ ของสุทินก็กลายเป็นอดีต

ส่วนสินธุนั้นเล่า ก็ติดใจในรสชาติของความรวยที่ได้มาจากตลาดหุ้นอย่างง่ายดาย หลังตกงานก็ออกไปเล่นหุ้นเต็มตัว เล่นหุ้นจนเจ๊งหมดตัว เพราะเขาไม่มองการซื้อหุ้นเป็นการลงทุน แต่มองเป็นแหล่งที่จะหาเงินได้เงินเป็นเท่าๆอย่างง่ายดาย

 

ความไม่คุ้นเคยกับสนามประลองความโลภอันเชี่ยวกราก แสดงให้เห็นว่าการเอาเงินจากคนอื่นไม่ง่ายอย่างที่คิด เคยเก่งกาจก็แต่เป็นนักลงทุนประเภทขอ ขอหุ้นเขาเล่นไปวันๆ พอเล่นหุ้นจนหมดตัวก็เลิกฝันกลับมาทำงานหาเงินอย่างเก่า

.........................................

สินธุทำงานจนค่ำ ความหดหู่ในช่วงไม่มีงานทำมาระยะหนึ่ง ทำให้เขาตั้งใจทำงานจนมืดค่ำเป็นประจำ คิดถึงความหลังเพลินๆ แล้วก็ไปเช็คอีเมล์งานที่ต้องทำประจำ เอะใจอย่างไรไม่ทราบ ไปเช็คอีเมล์ส่วนตัว แล้วจึงพบจดหมายลาบวชของสุทินเพื่อนรักของเขา

 

?คงบวชไม่นานมั้ง ดีๆ พอสึกออกมาจะได้มาทำงานร่วมกันอีก? สินธุคิดในใจ

จดหมายฉบับนั้นเขียนถึงทุกคน ในรายชื่ออีเมล์อันยาวเหยียด

 

สินธุเปิดอ่านอีเมล์ของสุทินเรื่องที่เขาจะลาบวช ใจความว่า

ถึงทุกคน

 

ผมส่งอีเมล์ฉบับนี้เพื่อส่งข่าวจากร้านอินเทอร์เน็ตในฝั่งไทย

 

ผมตัดสินใจที่จะลาออกจากงานเรียบร้อยแล้ว หลังจากทำงานล้างหนี้ค่ารักษาพ่อจนหมด คิดว่าจะบวชไปเรื่อยๆเพื่อศึกษาธรรมะ หลังจากเห็นความทุกข์มากมายในชีวิตสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา เคยมีเงินเป็นสิบล้าน ก็กลายเป็นคนหมดตัว แถมมีหนี้อีกเป็นล้าน หมดบ้าน หมดรถ รักษาพ่อ แล้วพ่อก็จากผมไป เคยมีคนรักเป็นดาราดัง วาดฝันถึงอนาคตที่สวยงาม แล้วเธอก็จากไปยามที่ผมไม่เหลืออะไรในชีวิตนอกจากหนี้ ทิ้งแต่ความเศร้าให้ผมในวันที่ผมทุกข์ที่สุด

 

ทุกวันนี้ ผมทราบแล้วว่า ที่ผมทุกข์เพราะยึดมั่นถือมั่น ดื้อรั้นไม่ยอมศึกษาธรรมะอันประเสริฐขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์โดยสิ้นเชิง

 

อยู่ในเหมืองกลางป่า แม้จะไร้แสงสีของเมืองใหญ่ แต่ที่นี่ก็ทำให้ผมมีความสุขสงบอย่างประหลาด ผมเริ่มปฏิบัติธรรม โดยใช้เวลาพักสองสัปดาห์ในแต่ละรอบงาน ท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ และพบว่าโลกนี้ไม่เคยให้อะไรเราจริงจังเลย นอกจากโอกาสที่จะได้มาใช้ชีวิต ก่อนที่จะต้องคืนทุกอย่างให้แก่โลก ไม่เว้นแม้แต่ร่างกายของเรา

 

ผู้คนในบ้านเมืองไกลแห่งนี้ ยังมีชีวิตเรียบง่าย ยึดถือคำสอนในศาสนาพุทธ ไม่แก่งแย่งแข่งขันมากมายเหมือนในเมืองที่ผมจากมา เงินค่าเที่ยวกลางคืนของผมในคืนเดียว ในยามที่ผมประมาทในชีวิต อาจนำมาใช้ที่นี่ได้เป็นเดือนๆอย่างสบายๆ

 

ผมได้มีโอกาสพิจารณาความทุกข์ความสุข ที่ผ่านเข้ามาในตลอดชีวิตสามสิบกว่าปีนี้ และพบว่ามันเป็นการเวียนวนอยู่ในอ่าง รู้สึกเสียดายที่หลงทางหาสิ่งที่คิดว่า จะทำให้ตัวเองเป็นสุขอยู่ตั้งค่อนชีวิต

 

ถ้าเทียบว่า โลกเรานี้มีอายุมาเพียง ๑ ปี มนุษย์เราก็เพิ่งจะมีวิวัฒนาการมาแค่ ๕ นาทีเท่านั้น

 

ชีวิตในวัฏสงสารมีการเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด อย่างไม่สิ้นสุด

 

สำหรับชีวิตอันแสนสั้นของผม ตอนนี้ผมทำงานจนล้างหนี้ที่ติดค้างญาติหมดแล้ว ผมคิดว่าจะบวชเพื่อศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง จะบวชนานเท่าไรยังไม่รู้ ก็คงบอกแค่ว่าจะบวชไปเรื่อยๆ

 

ลาก่อนทุกคน

 

ถ้าชาตินี้เราไม่เจอกันอีก เราก็ยังอาจได้พบกันอีกในวัฏสงสารอันหาที่สิ้นสุดไม่ได้

....................

 

สินธุอ่านอีเมล์จบ พลันคิดถึงความทุกข์ของเขาในช่วงที่ตกงาน ที่เคยทุกข์เครียดจนนอนไม่หลับอยู่หลายคืน แล้วหดหู่ใจอย่างประหลาด ตอนนั้นไม่มีงานอยากได้งาน ตอนนี้มีงานมีเงิน ก็อยากรวย พอรวยแล้วก็อยากรวยขึ้นไปอีก จนพลาดพลั้งหมดตัว อยากมีงานทำ ชีวิตมีแต่ความอยากๆๆ และอยาก ใช้ชีวิตไล่หาความอยากไปเรื่อยๆ ก่อนอ่านอีเมล์ฉบับนี้ เขาคิดว่าการได้งานเป็นการพ้นทุกข์แล้ว แต่แท้ที่จริงแล้ว ยังมีความทุกข์อีกมากมายที่รอเขาอยู่ข้างหน้า เห็นทีเขาคงจะต้องศึกษาธรรมะบ้างเสียแล้ว เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่คนนับถือศาสนาพุทธในทะเบียนบ้านเท่านั้น

 

สินธุอยากเริ่มศึกษาความจริงถึงสิ่งที่ทำให้สุทินเปลี่ยนไป เขาเชื่อว่าสุทินพื่อนเขาไม่เชื่ออะไรไร้สาระแน่นอน และหวังว่าตนเองจะได้เข้าใจในสิ่งที่สุทินเข้าใจบ้าง

 

แม่ของสินธุเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่วัดประจำ อาทิตย์นี้น่าจะเป็นโอกาสดีที่สินธุจะขออาสาพาแม่ไปวัด และได้สัมผัสกับรสธรรมะด้วยตนเองบ้าง

 

จาก

http://dharmamag.com/index.php?optio...tid=39:fiction

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความรักของแม่เป็นความรู้สึกที่อ่อนโยนและเข้มแข็งในคราวเดียวกัน แม่สามารถแบกรับทุกอย่างเพื่อคนทั้งครอบครัว :wub:

 

นี่เป็นสิ่งที่ผู้ชายคนหนึ่งได้ไปพบเห็นครอบครัวหนึ่งที่ไปส่งลูกชายที่สนามบิน อาจจะยาวไปหน่อย แต่อ่านเถอะ แล้วคุณจะรู้สึกอยากเข้าไปกอดแม่เลย

 

 

"...สาย ตาของผมไปสะดุดกับครอบครัวเล็กครอบครัวหนึ่งเข้า น่าจะเป็นคนจีนพ่อ-แม่-ลูก.... ภาพที่เห็นนั้น

 

 

คุณลูกตัวใหญ่ซึ่งอายุน่าจะเฉียดสามสิบได้ กำลังกอดเอวฟุบหน้าอยู่กับตักของแม่ ร้องไห้จนตัวสั่นไปหมด ....แม่เอามือลูบหัวลูกชาย ราวกับเขายังคงเป็นเด็กน้อยตัวเล็กคนเดิมเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่เยือก

เย็น แต่ฉายแววเศร้าอยู่ในที ในขณะที่คุณพ่อได้แต่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ มือกอดอกบ้าง ล้วงกระเป๋าบ้าง

 

เวลา ผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ แต่คงนานพอที่จะทำให้คนทั้งสามต้องเริ่มต้นบอกลากันจริง ๆ สักที ....ลูกชายคลายกอดจากแม่... ค่อย ๆ ยืนขึ้นช้า ๆ น้ำตานองหน้า เขาสวมกอดผู้หญิงที่สูงเกือบไม่ถึงไหล่

คนเดิมตรงหน้าอีกครั้ง ... เป็นกอดที่แม้จะเนิ่นนานและแน่นแค่ไหน ก็เหมือนกับมันดูจะสั้นเกินไปอยู่ดี ลูกชายเช็ดน้ำตาแล้วหันกลับมามองพ่อ เขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยและกอดกันหลวม ๆ พร้อมตบไหล่กัน

เบา ๆ พอเป็นพิธี

 

ก่อนจะลาจากกันไป เขากอดแม่อีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วเดินถอยหลังขึ้นบันไดเลื่อนไป แม่ยังคงยืนมองดูลูกค่อย ๆ เลื่อนไกลออกไปอย่างสงบนิ่ง ยกมือขึ้นโบกลาช้า ๆ ...ในขณะที่พ่อเริ่มเดินก้มๆ

เงยๆ หาทางมองให้เห็นลูกที่ตอนนี้อยู่นไกลจนเกือบลับสายตาอย่างลุกลี้ลุกลน

 

ผมนึกในใจขึ้นมาอย่างสงสัยว่า "ผู้หญิงคนนี้ช่างใจแข็งจริงที่ไม่ร้องไห้เลยสักนิด"

 

... และแล้วภาพอันน่าแปลกใจที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็น ก็เกิดขึ้นตรงหน้า ... ในวินาทีที่ลูกชายได้ลับสายตาทั้งคู่ไปแล้ว ผู้ชายที่เมื่อครู่ยืนอยู่ห่าง ๆ กอดอกนิ่ง ๆ มองไปทางอื่น เหมือนไม่ค่อยจะสนใจภาพ

ที่อยู่ตรงหน้าของลูกชายกับหญิงผู้เป็นแม่เท่าไรนัก โผเข้ากอดภรรยาแล้วร้องไห้ออกมาอย่างมากมาย... จนผู้หญิงคนเดิมที่ตอนนี้เปลี่ยนจากหน้าที่ของแม่มาเป็นภรรยาแล้วนั้น ต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาช่วย

ซับน้ำตาให้ แล้วกอดเขาพร้อมตบไหล่เบา ๆ ราวกับกำลังปลอบเด็กน้อยคนหนึ่งที่อยู่ในร่างของชายสูงอายุ...

 

ผมคิดถามตัวเองเล่น ๆ ไปว่า ถ้าวันนี้เธอคนนั้นร้องไห้ขึ้นมาบ้างล่ะ จะเหลือใครแข็งแรงพอให้เธอกอดบ้าง?...

 

ผมเคยเหนื่อยล้า ท้อแท้ อ่อนแรงมาหลายครั้ง... สิ่งที่ผมทำทุกครั้งคือเดินเข้าไปกอดแม่แน่น ๆ แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลช้า ๆ หรือในบางครั้งก็แค่กอดแน่น ๆ แล้วกัดฟันทำฟอร์มดี ยิ้มแหย ๆ ไปว่าไม่มี

อะไรหรอก แค่อยากกอด แล้วค่อยแอบไปร้องไห้คนเดียวในห้องทีหลัง เป็นแบบนั้นมาร่วมสามสิบปีแล้ว

 

แต่วันนี้กับภาพที่เห็นเมื่อครู่เป็นวันแรกที่ทำให้ผมเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ....แล้วผู้หญิงที่ผมรักที่สุดในโลกล่ะ คนที่มีรอยยิ้มให้กับทุกคนในครอบครัวอย่างไม่มีวันหมด รอยยิ้มที่หลายครั้งต้องซ่อนความเหน็ด

เหนื่อยของตัวเองไว้ เพื่อซึมซับความเจ็บช้ำให้กับคนที่เธอรัก.... ผู้หญิงตัวนิ่ม ๆ ที่อ้อมกอดของเธอเยียวยาได้ตั้งแต่ แผลถลอกหกล้มที่หัวเข่า ...จนถึงหัวใจที่แตกสลาย ... ในวันที่เธออ่อนล้า ผมแข็ง

แรงพอที่จะยืนให้เธอกอดบ้างไหม?

 

ผมเชื่อว่า เราส่วนใหญ่คงไม่ลืมกันหรอกที่จะบอกให้ผู้หญิงคนนี้รู้ว่าเรารัก และเราก็มักพูดเตือนกันเสมอ ๆ อยู่แล้วว่า อย่าลืมกอดแม่บ้างนะ วันนี้ผมขอเพิ่มอีกอย่างแล้วกันว่า.... อย่าลืม ให้แม่กอดคุณบ้าง

นะครับ เพราะเธอก็อาจต้องการมันไม่น้อยไปกว่าคุณหรือใคร.."

 

วันนี้อย่าลืมให้แม่กอดคุณบ้างนะ ^ ^

 

ขอบคุณผู้แต่ง ผู้ที่นำมาแบ่งปัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆในเดือนของแม่ค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากมากสำหรับเรื่องดีดีทุกเรื่องที่นำมาแบ่งปันกัน. ห้องนี้อบอุ่นจิงจิงค่ะ :D :D :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีเช้าวันอาทิตย์

 

 

post-2581-009812200 1312685264.jpg

 

 

วงจรที่ซับซ้อนที่สูด ในจักรวาลนี้

คงไม่มีอะไรจะซับซ้อนไปกว่า วงจรของความคิด

แม้กระทั่งคิดอยู่คนเดียว เจ้าของความคิด ยังมีความคิดโต้แย้งกันเอง

วงจรความคิด ก็อาจใช้ข้อมูล ประสบการณ์ต่างๆ

กว่าจะสรุปออกมาได้ เป็นผลของการตัดสินใจ

ยังต้องทบทวน เปรียบเทียบ หาความชัดเจน

หากเจ้าของควมคิด มีมุมมองที่กว้าง ไม่มองอะไรด้านเดียว

มองหลายมุม ในความน่าจะเป็นในความเป็นจริง

มองให้เห็นลึกลงไป มองด้วยใจที่เห็นความเป็นจริงที่เป็นไป

ก็จะเห็น....มุมที่ดีๆซ่อนอยู่ จะเห็นทั้งด้านสว่างและด้านมืด

ไม่มีอะไรที่จะดีไปเสียทั้งหมด ในสิ่งที่คิดว่าเลวร้าย หากมีทัศนคติที่ดีอาจกลับกลายเป็นดีได้

ที่สำคัญอย่าตกหลุมความคิดของตัวเอง คิดให้ดี ให้เห็นความเป็นจริง

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข้อคิดดีๆ เมื่อมองต่างมุม

 

 

หากท่านไม่อาจหลับไหลในยามราตรีนี้

ใคร่ครวญให้ดี ยังมีผู้ไร้แม้ที่ซุกหัวนอน ไม่ต้องรันทด

 

หากท่านอยู่ในรถที่ติดไปไหนไม่ได้

เพราะมีคนอีกมากมายที่ไม่เคยมีแม้โอกาสได้นั่งรถ

หากวันนี้มีงานที่กวนใจท่านมาก คิดเสียว่า

ยังไม่ลำบากเท่าคนที่ตกงานนานกว่าสามเดือนแล้ว

ยามเมื่อความสัมพันธ์สะบั้นลง อย่าเพิ่งปลง

เพราะยังดีกว่าผู้ที่ไม่เคยรู้จักรัก

 

อย่าอาวรณ์ตอนสุดสัปดาห์จะผ่านพ้น

จงคิดถึงคนหาเช้ากินค่ำ ไม่มีวันหยุดพัก เพียงเพื่อจักยังชีพ

แม้ต้องเดินเสียไกลลิบ เพื่อขอความช่วยเหลือยามรถเสีย

ให้นึกถึง ผู้ที่เป็นอัมพาตอยากอาสาเดินแทน

หากส่องกระจกพบผมหงอกเพิ่มมาอีกเส้น

จงอย่าลืมผู้ป่วยเคมีบำบัด ที่หวังเพียงว่า ผมจะงอกได้อีก

 

 

ยามโชคร้ายแทบหมดอาลัยตายอยาก จงดีใจเถิด

เพราะยังมีโอกาสดีกว่า ผู้ที่ตายไปก่อนเวลาอันสมควร

หากต้องทนให้ผู้อื่นระบายทุกข์ใส่ ขอให้ระลึกว่า

จะแย่กว่าเป็นไหนไหน ถ้าต้องเป็นทุกข์นั้นเสียเอง

อยากให้ลองคิด มองต่างมุมในด้านบวก

อาจเป็นเครื่องช่วยเตือนว่า

ชีวิตนี้ยังมีสิ่งสวยงาม และมีเรื่องน่าพิศมัยอีกมากมาย

 

ขอบคุณ คุณ วชิรพล ประภาสอน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"Art has to be incredibly layered.

Symbols, signifiers...

layers that relate.

Combine signifiers

with more abstract notions.

Push! Vary lines."

Kay WalkingStick

 

post-2581-099125500 1312687289.jpg

 

 

http://daisyyellow.squarespace.com/vividlife/abstract-art-imagery-and-doodling.html

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หนังสั้นเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง อาม่า

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...