ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ดาวโจนส์ปิดลบ นักลงทุนกังวลตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.

 

Posted on Friday, October 08, 2010

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน ท่ามกลางกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ต.ค.ร่วงลง 11,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 445,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 455,000 ราย

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดัน นับตั้งแต่ ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐฯลดการจ้างงานลง 39,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ที่เพิ่มการจ้างงาน 10,000 ตำแหน่ง และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าภาคเอกชนจะเพิ่มการจ้างงาน 24,000 ตำแหน่ง

 

การเปิดเผยข้อมูลจ้างงานภาคเอกชนและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานรายสัปดาห์มีขึ้นก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดตัวเลขจ้างงานจะทรงตัวในเดือนก.ย. หลังจากลดลง 54,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะอยู่ที่ 9.7% เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ระดับ 9.6%

 

โจเซฟ สติกลิทซ์ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯยังสามารถขยายตัวต่อไปได้ แต่ก็ช้าเกินกว่าที่จะกระตุ้นการจ้างงานให้เพิ่มขึ้นจนเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงอาจจะกลายเป็นสถานการณ์ที่ปกติในสหรัฐฯในไม่ช้านี้

 

นายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) สาขาดัลลัส ยังได้ตอกย้ำถึงความไม่มั่นใจในการใช้นโยบายการอัดฉีดเงินว่า การใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่มากกว่านี้จะกระตุ้นการจ้างงานในประเทศได้หรือไม่ พร้อมกับบอกว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ ( FOMC) ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะตัดสินใจเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่อย่างไร

 

หุ้นกลุ่มค้าปลีกได้แรงหนุนหลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ รวมถึงเมซี อิงค์, อะเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ และลิมิตเต็ด แบรนด์ อิงค์ รายงานยอดขายรายเดือนที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ไม่ให้ปรับตัวลงมากเกินไป โดยหุ้นลิมิเต็ด แบรนด์ ปิดบวก 3.8% หุ้นอะเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ ปิดพุ่ง 8.9% และหุ้นเมซี อิงค์ ปิดบวก 15 เซนต์ แตะที่ 23.85 ดอลลาร์สหรัฐ

 

บริษัท เป๊ปซี่ อิงค์ เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3/53 เพิ่มขึ้นหลังจากเป๊ปซี่ได้เข้าซื้อบริษัทผลิตขวดน้ำอัดลมรายใหญ่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่หุ้นเป๊ปซี่ร่วงลง 3% เนื่องจากตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้

 

 

หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีกลับขยับขึ้นมาได้ โดยหุ้น Adobe Systems พุ่งขึ้นถึง 12% หลัง the New York Times รายงานว่านายสตีฟ บอลล์เมอร์ ซีอีโอของไมโครซอฟท์ กำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะซื้อกิจการของผู้ผลิตซอฟท์แวร์ทางด้านกราฟฟิครายนี้หรือไม่

 

- Dow Jones ปิดที่ 10,948.58 จุด (-0.20%)

- S&P 500 ปิดที่ 1,158.06 จุด (-0.20%)

- Nasdaq ปิดที่ 2,383.67 จุด (+0.10%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำปิดร่วง 12.70 เหรียญ เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบยูโร

 

Posted on Friday, October 08, 2010

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร และหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ต.ค.ร่วงลง 11,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 445,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 455,000 ราย

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า แรงขายทำกำไรเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สัญญาทองคำร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ที่ 1,347.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อวันพุธ

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปคาดว่า สัญญาทองคำยังคงมีแนวโน้มพุ่งขึ้นอีก โดยคาดว่าในระยะกลางและระยะสั้นนี้ สัญญาทองคำอาจจะทะยานขึ้นไปแตะระดับ 1,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing:QE) ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง

 

- ทองคำ ส่งมอบเดือนธันวาคม ปิดที่ 1,335.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (-12.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

- เงิน ส่งมอบเดือนธันวาคม ปิดที่ 22.584 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (-0.45 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลลาร์แข็งค่า ฉุดราคาน้ำมันร่วงกว่าเหรียญครึ่ง

 

Posted on Friday, October 08, 2010

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับลดลงที่ 1.56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 81.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

ปัจจัยลบที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน

 

- ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จากแรงขายเพื่อทำกำไรหลังจากที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นไปอย่างแรงก่อนหน้านี้ ส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ

 

- ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดวานนี้ลดลง 19.07 จุด มาปิดที่ 10,948.58 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน โดยนักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขอัตราการว่างงานประจำเดือนก.ย.ซึ่งจะประกาศในคืนวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานในเดือน ก.ย.จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 9.7% จากเดือน ส.ค.ที่ระดับ 9.6% ถึงแม้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงเกินคาด

 

ปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน

 

+ ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐฯสิ้นสุดในสัปดาห์ก่อน ร่วงลง 11,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 445,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะไต่ไปที่ระดับ 455,000 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ปรับลง 25,000 รายจากเดือนก่อน มาอยู่ที่ระดับ 455,750 ราย ซึ่งทำสถิติลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน

 

+ การปิดท่าเรือประท้วงของคนงานในฝรั่งเศส ยังคงดำเนินต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 11 แล้ว ทั้งนี้ยังคงไม่สามารถตกลงกับทางรัฐบาลได้ ส่งผลให้ 8 โรงกลั่นในฝรั่งเศส เยอรมนี และ สวิตเซอร์แลนด์ ต้องลดกำลังการกลั่นลง และส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในทวีปยุโรปปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย

 

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับลดลง 1.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 83.43 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ตลาดสิงคโปร์ ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 81.73 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

 

 

ราคาน้ำมันเบนซินที่ตลาดสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 1.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 90.64 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามราคาน้ำมันดิบดูไบประกอบกับมีแรงซื้อมาจากทางอินโดนีเซีย ถึงแม้ว่าจะมีอุปทานยังมีค่อนข้างมากในภูมิภาคเอเชีย

 

ราคาน้ำมันดีเซลที่ตลาดสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 0.68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 94.52 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อีกทั้งอินโดนิเซียได้เพิ่มการนำเข้าขึ้นในไตรมาส 4 ปีนี้ อย่างไรก็ตามโอกาสในการขนส่งน้ำมันดีเซลจากภูมิภาคไปขายยังยุโรปเริ่มน้อยลงแล้ว

 

- สนับสนุนข้อมูลโดย บมจ. ไทยออยล์ –

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยอดขายปลีกร้านแฟชั่นยี่ห้อดัง โตเกินคาดในเดือนก.ย.

 

Posted on Friday, October 08, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม 2553)

• ผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 445,000 ราย

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (ศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553)

• สถานการณ์ตลาดแรงงานสหรัฐ (ก.ย.) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

• ยอดค้าส่ง (ส.ค.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

 

 

ยอดขายปลีกร้านแฟชั่นยี่ห้อดัง โตเกินคาดในเดือนก.ย.

 

ยอดขายของร้านแฟชั่นวัยรุ่นและเจ้าของแบรนด์ชั้นนำในเดือนกันยายนออกมาเพิ่มสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่น่าไว้ใจจนต้องมีการออกแคมเปญลด แลก แจก แถม เพื่อมากระตุ้นยอดขายหลังจากหมดฤดูกาลโรงเรียนเปิดเทอมใหม่ในเดือนที่แล้ว

 

เจ้าของสินค้าแฟชั่นอย่าง บริษัท Limited Brands ที่เป็นเจ้าของชุดชั้นใน Victoria Secrets ผลิตภัณฑ์ Bath and Body Works และอีกหลายๆ แบรนด์ เปิดเผยถึงยอดขายของร้านสาขาที่เปิดมาอย่างน้อยหนึ่งปี เพิ่มขึ้น 12% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 4%

 

ขณะที่บริษัท Abercrombie & Fitch ที่เป็นเจ้าของแฟชั่นเสื้อผ้าขวัญใจวัยรุ่นภายใต้แบรนด์ชื่อเดียวกัน ก็เปิดเผยถึงยอดขายที่โตถึง 13% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เช่นกัน และนี่ยังไม่รวมถึงเชนดีพาร์ทเมนท์สโตร์ชื่อดัง อย่าง Macy’s ที่รายงานยอดขายที่ดีกว่าคาด

 

Ken Perkins ประธานบริษัท Retail Metrics ที่เป็นผู้สำรวจตัวเลขดังกล่าว มีความเห็นว่ายอดขายที่ออกมาสร้างเซอร์ไพร์สสำหรับเทศกาลรับเปิดเทอมที่ผ่านมา ถือว่ามีความสัมพันธ์อย่างมากและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตัวเลขของช่วงวันหยุดยาวในเดือนเดียวกันนั้นด้วย

 

ก่อนหน้านี้ บริษัทวิจัยตลาดค้าปลีกแห่งนี้เคยคาดว่า ยอดขายของบรรดาผู้ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่นน่าจะดีขึ้นตามหลังจากร้านค้าปลีกประเภทอื่นๆ ซึ่งทาง Retail Metrics ก็ได้ประเมินว่ายอดขายของร้านค้าประเภทแฟชั่นนี้รวมๆ น่าจะลดลง 1.4% ในเดือนที่แล้ว

 

 

รมต.คลังสหรัฐฯ หวั่นสงครามค่าเงินกระทบเศรษฐกิจโลก

 

นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐออกโรงเตือนถึงประเด็นการยื่นมือเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราที่มากเกินความจำเป็น โดยชี้ว่าการกระทำดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ไกธ์เนอร์ เลี่ยงที่จะพาดพิงถึงจีนโดยตรง แต่เรียกร้องให้กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ใช้นโยบายด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยระบุถึงความได้เปรียบเสียเปรียบของบางประเทศที่ได้ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความยืดหยุ่น หรือประเทศที่ปล่อยลอยตัวค่าเงินในช่วงที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของขุนคลังสหรัฐมีขึ้นก่อนหน้าที่รัฐมนตรีคลังและเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ หรือจี7 จะเข้าร่วมประชุมกันในวันศุกร์นี้ที่กรุงวอชิงตัน

 

นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์กล่าวด้วยว่า การควบคุมสกุลเงินไม่ให้แข็งค่าเกินไปนั้นเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเงินเฟ้อและภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และอาจสร้างแรงกดดันต่อการขยายตัวด้านการอุปโภคบริโภค ตลอดจนเกิดผลกระทบที่รุนแรงในระยะสั้นต่อปัจจัยหนุนด้านการส่งออก

 

ทั้งนี้ ไกธ์เนอร์กล่าวว่า ในยามที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่พยายามพยุงค่าเงินให้แข็งค่าขึ้นจากระดับที่อ่อนค่าลงเกินจริง

 

ประเทศอื่นๆ ก็จะแห่ดำเนินการไปในแนวทางเดียวกัน ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้จะเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจโลก

 

อย่างไรก็ตาม ไกธ์เนอร์กล่าวว่า การที่ญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราด้วยการเทขายเงินเยนเมื่อช่วงที่ผ่านมาเพื่อควบคุมการแข็งค่าของสกุลเงินในประเทศนั้นจะไม่ก่อให้เกิดสงครามค่าเงินแต่อย่างใด

 

ประธานาธิบดี ลี เมียง บัค ของเกาหลีใต้เรียกร้องให้มีการหยิบยกประเด็นปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นมาหารือในการประชุมสุดยอดเศรษฐกิจโลกของกลุ่มประเทศ G-20 ที่จะจัดขึ้นในในกรุงโซล ในวันที่ 11-12 พฤศจิกายนนี้

 

แถลงการณ์ของสำนักประธานาธิบดีระบุถึงคำพูดของนายลีที่เรียกร้องไปยังกลุ่มผู้นำธุรกิจทั่วโลกว่า "การประชุม G-20 ที่กรุงโซล ควรจะมีการหารือในประเด็นความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น ปัญหาอัตราแลกเปลี่ยน สกุลเงิน และประเทศต่างๆก็ควรให้ความร่วมมือกันในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน"

 

ทั้งนี้ การประชุม G-20 ถูกแรงกดดันให้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางมากขึ้น เนื่องจากหลายประเทศได้เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา หลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงตลาด

 

สิ่งที่ตลาดวิตกกังวลมากที่สุด ได้แก่ เรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับสกุลเงินระหว่างสหรัฐกับจีน โดยจีนเองถูกเร่งให้ปรับค่าเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

 

 

EU เตรียมเก็บภาษีจากกำไรของแบงก์พาณิชย์เพิ่ม

 

EU เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า อาจจะเรียกเก็บภาษีจากผลกำไรและรายได้จากค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์ในยุโรปเพิ่มอีกประมาณ 25,000 ล้านยูโร หรือ 34,970 ล้านดอลลาร์ สำหรับชดเชยรายได้ของรัฐบาลที่ถูกนำไปใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

 

ด้านคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้วางกรอบสำหรับการจัดเก็บภาษีภายใต้แผน Financial Activities Tax หรือ FAT โดยระบุเพิ่มเติมว่า ธนาคารพาณิชย์นั้นจ่ายภาษีน้อยกว่าความเป็นจริงและแบงก์เหล่านั้นก็ควรจะมีส่วนช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาคการเงินนั้นเอง

 

คณะกรรมาธิการด้านภาษี (EU Tax Commissioner) เชื่อว่าแนวความคิดดังกล่าวเป็นแนวทางที่ถูกต้องและจะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่า ภาคการเงินนั้นได้มีส่วนช่วยที่เหมาะสมต่อแรงกดดันและปัจจัยที่พวกเขาสร้างขึ้น

 

ทั้งนี้ activities tax น่าจะเป็นทางออกที่ทำให้ภาคการเงินมีเสถียรภาพ และสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลเพิ่มและทำให้ระบบภาษีมีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งถ้าแผนดังกล่าวสามารถทำให้เป็นรูปธรรมได้ ก็น่าจะช่วยสร้างรายได้ให้กับรัฐประมาณ 25,000 ล้านยูโร จากการเก็บภาษีดังกล่าวในอัตรา 5%

 

ขณะที่นายกฯของอังกฤษ นายเดวิด คาเมรอน ได้กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า รัฐบาลควรจะปฎิรูประบบธนาคาร เพื่อที่จะกระตุ้นให้แบงก์พาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดเล็กมากขึ้น ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวอาจจะเป็นการส่งสัญญานให้กับแบงก์พาณิชย์ ว่า พวกเขาควรจะปล่อยกู้เพิ่ม หรือ เผชิญกับแรงกดดันจากการเก็บภาษี FAT

 

 

นักเศรษฐศาสตร์เชื่อเศรษฐกิจจีนยังขยายตัวได้เร็วที่ 10% ในปีนี้-ปีหน้า

 

จิม โอนีล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมนแซคส์กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนจะสามารถขยายตัวได้ที่ระดับ 10% ในปีนี้และปีหน้า

 

ในช่วงปี 2543 -2552 อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนรั้งอยู่ในอันดับ 3 ของโลก ตามหลังกลุ่มประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา

 

แต่ในปีนี้ จีนได้แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสองของโลก ซึ่งโอนีลคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะมีปัจจัยหนุนที่กระตุ้นการขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในอีก 10 ปีต่อจากนี้ และจะก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก

 

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจจีนมีส่วนขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย ดังจะเห็นได้จากยอดส่งออกจากเยอรมนีที่ส่งไปยังประเทศจีนซึ่งพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในกลุ่มประเทศยุโรป

 

ขณะที่นักศึกษาชาวจีนจำนวนมากแห่มาเรียนต่อที่สหราชอาณาจักร ซึ่งกระแสดังกล่าวมีส่วนกระตุ้นอุตสาหกรรมการศึกษาในสหราชอาณาจักรได้อย่างมหาศาล

 

ทั้งนี้ โอนีลย้ำว่า จีนเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญต่อทิศทางของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และยังเป็นประเทศที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอเพราะสินค้าทุกประเภทที่จีนซื้อนั้นมักจะมีราคาแพงขึ้น อย่างไรก็ตาม จีนกำลังพยายามลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบให้ลดน้อยลง

 

นอกจากนี้ โอนีลเชื่อว่า รัฐบาลจีนจะสามารถรับมือกับปัญหาเรื่องต้นทุนแรงงานที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อมที่อาจเป็นอุปสรรคกีดขวางการพัฒนาประเทศ

 

 

เหมืองในออสเตรเลียเตรียมหารือนายกฯเรื่องภาษีเหมือง

 

มาร์ติน เฟอร์กูสัน รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรออสเตรเลียเปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจเหมืองออสเตรเลียมองว่า การจัดเก็บภาษีการทำเหมืองนั้นยังคงอยู่ในระหว่างการผลักดันให้คืบหน้า

 

ขณะนี้กลุ่มธุรกิจเหล่านี้ก็ให้ความสนใจกับแนวทางที่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้การเสียภาษีดังกล่าวเป็นประโยชน์กับธุรกิจของตนเองมากที่สุด

 

จูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเตรียมหารือเรื่องการจัดเก็บภาษีการเช่าทรัพยากรเหมืองที่ 30% กับบริษัทเหมืองรายใหญ่ทั้ง 3 ราย ได้แก่ บีเอชพี บิลลิตัน ริโอ ทินโต และเอ็กซ์ตราต้า ในปีนี้

 

อย่างไรก็ดี บริษัทเหมืองขนาดกลางและขนาดเล็กต่างก็ยังคงไม่พอใจกับข้อตกลงด้านภาษีฉบับใหม่

 

ขณะที่การเจรจาเรื่องภาษีดังกล่าวต้องล่าช้าออกไปเนื่องจากการเลือกตั้งายในประเทศที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภายหลังการรับฟังความคิดเห็นของบริษัทเหมืองในเมืองเพิร์ธไปแล้ว รมว.ทรัพยากรได้ส่งสัญญาณเรื่องการปรับปรุงตัวเลขภาษีที่จะมีการจัดเก็บที่คิดเป็นวงเงิน 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 49.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

รมว.ทรัพยากรกล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจเหมืองให้ความสนใจในเรื่องจุดยืนที่ชัดเจนของรัฐบาลที่ตั้งใจจะสรุปมาตรการจัดเก็บภาษีให้ลงตัวซึ่งบริษัทเหล่านี้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ด้วยการเสนอความคิดเห็น ซึ่งรัฐบาลจะนำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบการพิจารณาการออกนโยบายด้านภาษีต่อไปได้

 

กระทรวงทรัพยากรตั้งเป้าที่จะส่งรายงานให้กับกระทรวงคลังออสเตรเลียให้ได้ก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส โดยรมว.ทรัพยากร กล่าวว่า การกำหนดขอบเขตวงเงินไว้ที่ 50 ล้านดอลลาร์นั้น แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่สูงขึ้น แต่เราจะต้องหารือกับรัฐมนตรีคลังเกี่ยวกับเรื่องตัวเลขต่อไปอีก

 

ที่ผ่านมา บริษัทเหมืองต่างๆได้ผลักดันให้รมว.ทรัพยากรหาข้อสรุปให้ได้ภายในช่วงคริสต์มาสปีนี้

 

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ Gold Futures Insight

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553 09:45:36 น.

กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์

คำแนะนำการลงทุน Gold Futures

DAY TRADER

GFV10 ซื้อในช่วงราคา 19130 — 19150 ขายในช่วงราคา 19250 — 19290

GFZ10 ซื้อในช่วงราคา 19160 - 19180 ขายในช่วงราคา 19280 — 19320

SWING TRADER

ทิศทางราคาทองคำโลก(Gold Spot) อยู่ในช่วงของปรับฐานทิศทางขาขึ้นโดยมีแนวรับและแนวต้านที่1320และ1340เหรียญ ระวังค่าเงินบาทอ่อนค่าลง คำแนะนำนักลงทุนรายวันให้เก็งกำไรตามภาวะแกว่งตัว นักลงทุนรายสัปดาห์แนะนำหาจังหวะเปิดสถานะ LONG POSITION เมื่อราคาอ่อนตัว

 

GFV10 รอเข้าซื้อที่ระดับ 18930 รอขายที่ระดับ 19100

ปัจจัยสำคัญ

นักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดตัวเลขจ้างงานจะทรงตัวในเดือนก.ย. หลังจากลดลง 54,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะอยู่ที่ 9.7% เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ระดับ 9.6%

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ต.ค.ร่วงลง 11,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 445,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 455,000 ราย ส่วนจำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ปรับตัวลง 3,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 455,750 ราย ทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6

 

GOLD Market Recap : 07/10/2010

MORNING RECAP : ราคาทองคำต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,348 $ ส่วน Gold Future V10 เปิดที่ 19,120 สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 19,000 ปรับลง 50 บาทจากวันทำการก่อน ตลาดทองคำ ( ราคาต่างประเทศ ) อยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ระดับ 1,350 $ และค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง โดยล่าสุดอยู่ที่ 29.88 บาท ต่อดอลล่าร์สหรัฐ ในช่วงเช้าราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวิ่งอยู่ในกรอบ 1,350 - 1,356 $ สำหรับช่วงบ่าย ราคาทองคำต่างประเทศแกว่งตัวสูงขึ้น ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1,365 $ Gold Future V10 ปิดตลาดที่ 19,230 ในขณะที่ราคาทองคำแท่งของสมาคมค้าทองคำแท่ง เปลี่ยนแปลงทั้งหมด 7 ครั้งโดยปรับขึ้น 150 บาท ปิดตลาดอยู่ที่ 19,150 บาท นักลงทุนซื้อขายทำกำไรอย่างหนาแน่น เนื่องมาจากSpot Gold ทำ New high ใหม่ที่ระดับ 1,365 $

 

NIGHT RECAP : ราคาทองคำเปิดตลาดในประเทศไทยที่ระดับ 1348 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1347 - 1365 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1359 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย ต่อมาในตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก ราคาทองคำมีการเคลื่อนตัวไปทำจุดต่ำสุดที่ 1325 เหรียญ และกลับมาปิดตลาดที่ 1336 เหรียญ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Home Breaking News ข่าวในประเทศ ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน8ต.ค.2553

ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน8ต.ค.2553

วันศุกร์ที่ 08 ตุลาคม 2010 เวลา 09:58 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน8ต.ค.2553

 

 

 

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 8 ตุลาคม 2553 ระบุว่า "ดอลลาร์แข็งฉุดน้ำมันร่วงกว่าเหรียญครึ่ง"

 

 

 

-ปัจจัยที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับลดลงที่ 1.56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 81.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจาก

 

- ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จากแรงขายเพื่อทำกำไรหลังจากที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นไปอย่างแรงก่อนหน้านี้ ส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ

 

 

- ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดวานนี้ลดลง 19.07 จุด มาปิดที่ 10,948.58 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน โดยนักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขอัตราการว่างงานประจำเดือนก.ย.ซึ่งจะประกาศในคืนวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานในเดือน ก.ย.จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 9.7% จากเดือน ส.ค.ที่ระดับ 9.6% ถึงแม้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงเกินคาด

 

 

+ ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐฯสิ้นสุดในสัปดาห์ก่อน ร่วงลง 11,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 445,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะไต่ไปที่ระดับ 455,000 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ปรับลง 25,000 รายจากเดือนก่อน มาอยู่ที่ระดับ 455,750 ราย ซึ่งทำสถิติลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน

 

 

+ การปิดท่าเรือประท้วงของคนงานในฝรั่งเศส ยังคงดำเนินต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 11 แล้ว ทั้งนี้ยังคงไม่สามารถตกลงกับทางรัฐบาลได้ ส่งผลให้ 8 โรงกลั่นในฝรั่งเศษ เยอรมนี และ สวิตเซอร์แลนด์ ต้องลดกำลังการกลั่นลง และส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในทวีปยุโรปปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย

 

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับลดลง 1.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 83.43 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ตลาดสิงคโปร์ ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 81.73 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

 

 

 

ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์:

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบประกอบกับมีแรงซื้อมาจากทางอินโดนีเซีย ถึงแม้ว่าจะมีอุปทานยังมีค่อนข้างมากในภูมิภาคเอเชีย

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อีกทั้งอินโดนิเซียได้เพิ่มการนำเข้าขึ้นในไตรมาส 4 ปีนี้ อย่างไรก็ตามโอกาสในการขนส่งน้ำมันดีเซลจากภูมิภาคไปขายยังยุโรปเริ่มน้อยลงแล้ว

 

 

-ทิศทางราคาน้ำมันระยะสั้น

 

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 80-85 เหรียญสหรัฐฯ ติดตามการประกาศตัวเลขอัตราการว่างงาน และ ยอดค้าส่ง ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนวันนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Home Breaking News ข่าวในประเทศ เงินบาทเปิดวันนี้ที่29.94/29.96บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

เงินบาทเปิดวันนี้ที่29.94/29.96บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

วันศุกร์ที่ 08 ตุลาคม 2010 เวลา 09:22 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

 

นักบริหารเงินธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย รายงานว่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (8 ต.ค.) ที่ 29.94/29.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงจากวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 29.87/89 บาท/ดอลลาร์ โดยบาทอ่อนค่าลงเป็นผลจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่ในวันนี้ยังต้องจับตาเงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้า และแรงเทขายเพื่อเก็งกำไร

 

 

ซีไอเอ็มบีไทย สรุปสถานการณ์ตลาดเงิน เมื่อ 7 ต.ค. บาท/ดอลลาร์ เมื่อวันพฤหัสบดี เงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯตามทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยตลาดการเงินเชื่อมั่นมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลางของประเทศในเอเชียหลายประเทศมีแนวโน้มที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นแนวโน้มการไหลเข้าของเงินทุนเก็งกำไรจากต่างประเทศที่ไหลเข้าสู่ตลาดการเงินเอเซียจึงส่งผลให้ค่าเงินของหลายประเทศในเอเซียรวมถึงเงินบาทแข็งขึ้น

 

เยน/ดอลลาร์ เมื่อวันพฤหัสบดี(7 ต.ค.) ค่าเงินเยนแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯต่อเนื่องจากเมื่อวันพุธ โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนลงไปต่ำกว่าระดับก่อนการเข้าแทรกแซงค่าเงินของทางการญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา โดยจากการที่ ADP Employer Services รายงานว่าการจ้างงานภาคเอกชนเดือนกันยายนของสหรัฐฯลดลง ส่งผลให้ตลาดการเงินเชื่อมั่นมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

 

ยูโร/ดอลลาร์ เมื่อวันพฤหัสบดี(7 ต.ค.) ค่าเงินยูโรแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนในช่วงเช้าของตลาดยุโรป ส่งผลให้เงินยูโรแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯด้วย ทั้งนี้ในการประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันนี้ ธนาคารกลางยุโรปได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1 % ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ของคุณคับอ.ทองใหม่

วันนี้มีกราฟแป๊ะน้ำมันมั๊ยคับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ของคุณคับอ.ทองใหม่

วันนี้มีกราฟแป๊ะน้ำมันมั๊ยคับ

กราฟแป๊ะวันนี้เขาไม่เปิดให้ดูครับ :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...