ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

วันนี้สงสัยไม่ค่อยมีคนมาเยือนกระทู้อีกตามเคย

 

คัมบังวะ ค่ะเฮียทองใหม่ ตื่นเช้า หรือเที่ยง ก็ต้องเข้ากะทำงานก่อนค่ะ รีบมาสวัสดีเฮียทันที ขอความกรุณาข้อมูลไปแปะที่ร้านกาแฟ เหมือนเดิมนะค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คัมบังวะ ค่ะเฮียทองใหม่ ตื่นเช้า หรือเที่ยง ก็ต้องเข้ากะทำงานก่อนค่ะ รีบมาสวัสดีเฮียทันที ขอความกรุณาข้อมูลไปแปะที่ร้านกาแฟ เหมือนเดิมนะค่ะ

ลืมไปแล้วไม่รู้ไปแปะที่ร้านกาแฟไหน ยินดีครับ ทุกข้อมูลจะนำไปแปะที่ไหนๆก็ได้ครับ

post-237-039582700 1286772920.gif

post-237-009865200 1286773042.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 11 ต.ค. 53 (ภาคเช้า)

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2553 11:35:26 น.

กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงทรงตัวเหนือระดับ 1,350 ดอลล่าร์ โดยขยับตัวขึ้นเล็กน้อยจากราคาปิดในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรยังคงออกมาน่าผิดหวัง และสร้างความกังวลในการผ่อนคลายมาตรการเชิงปริมาณในอนาคต ส่วน SPDR ขายทองออก 0.3 ตัน ทำให้มีระดับการถือครองที่ระดับ 1,288.24 ตัน หลังจากการขายรอบใหญ่กว่า 13 ตัน ที่รายงานในช่วงวันพฤหัสบดี ปริมาณการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในตลาดนิวยอร์กมีประมาณ 194,441 สัญญา ค่าเงินบาทเช้าวันนี้ปรับอ่อนค่ามาใกล้ระดับ 30 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม (GFV10) เปิดตลาดบวกเพิ่มขึ้น 290 บาทจากช่วงปิดตลาดวันศุกร์ (8 ต.ค. 53) โดยเปิดที่ระดับราคา 19,240 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 19,100 บาท ราคาเสนอขาย 19,200 บาท

 

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า การรายงานตัวเลขด้านการจ้างงานในสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แรงซื้อทองคำยังคงมีต่อเนื่อง และจะทำให้ทองคำยังคงมีโอกาสขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ถ้าความไม่มั่นใจในการถือครองดอลล่าร์ยังคงมีต่อไป ส่วนทิศทางเงินบาทในระยะยาวเรายังคงมองแนวโน้มแข็งค่า ขณะระยะสั้นอาจจะมีการชะลอการแข็งค่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จอร์จ โซรอสแนะสหรัฐฯกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม

 

Posted on Monday, October 11, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (ศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553)

• การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.ย.) ลดลง 95,000 ราย

• อัตราการว่างงาน (ก.ย.) ทรงตัวที่ระดับ 9.6%

• ยอดค้าส่ง (ส.ค.) เพิ่มขึ้น 0.8% จากเดือนก่อนหน้า

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (จันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2553)

• ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นวันหยุด Columbus Day ตลาดหุ้นและตลาดอนุพันธ์ เปิดทำการซื้อขาย

 

จอร์จ โซรอสแนะสหรัฐฯกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม

 

พ่อมดการเงิน จอร์จ โซรอส ได้กล่าวในที่ประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่า สหรัฐฯ ควรจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม มากกว่าจะเข้าร่วมแนวการรัดเข็มขัดเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณภาครัฐ ซึ่งเป็นแนวทางตามคำแนะนำของ IMF

 

โซรอส กล่าวว่า การตัดลดค่าใช้จ่ายภาครัฐถือเป็นแนวทางการดำเนินการที่ผิดพลาดในสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันแม้ว่าตลาดการเงินจะเริ่มกลับมาใช้การได้อีกครั้ง แค่เศรษฐกิจโลกนั้นยังไม่เข้าสู่ภาวะสมดุล และ หากสหรัฐฯทำการรัดเข็มขัดก็จะไปจำกัดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งหากสหรัฐฯ ยังคงลดค่าใช้จ่ายด้านงบประมาณ จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกนั้นเข้าสู่ภาวะ stagnation เกินกว่าความจำเป็น

 

ขณะที่สหรัฐฯนั้นถูกผลักดันให้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพิ่ม ผ่านมาตรการ Quantitative Easing (QE) เพราะรีพับรีกัน ผู้ซึ่งไม่เห็นด้วยกัยการตัดลดงบประมาณนั้น ชนะในการดีเบททางการเมือง

 

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น สหรัฐฯได้ใช้เวลาในการประชุมเพื่อเรียกร้องให้ IMF เพิ่มบทบาทของตนเองในการเรียกร้องให้เศรษฐกิจโลกมีความสมดุลมากขึ้น และ จัดการกับประเทศที่มีค่าเงินต่ำเกินจริง ซึ่งข้อเรียกร้องดังกล่าวอาจจะต้องการส่งสัญญานถึงประเทศจีน หลังจากที่จำกัดการแข็งค่าของหยวนไว้เพียง 2 % หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้มีนโยบายปล่อยหยวนให้ยืดหยุ่นเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา

 

ในขณะที่ โซรอส กล่าวสนับสนุนว่า จีนควรจะมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้นใน IMF เพราะเงินทุนต่างๆน้นส่งสัญญานว่า กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ควรจะมีบทบาทในการโหวตใน IMF มากขึ้น

 

ส่วนประเด็นเรื่องของความโปร่งใสและการคอร์รัปชั่นนั้น โซรอสได้แนะนำว่า จีนควรจะเข้าร่วมกับความพยายามของนานาประเทศในการลดการคอร์รัปชั่นและปรับปรุงความโปร่งใสของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรม ทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีส่วนช่วยสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศเป็นอย่างมาก

 

ธนาคารโลก – IMF เรียกร้องการเลี่ยงนโยบายกีดกันทางการค้า

 

ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างความเชื่อมั่นด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกด้วยการกระตุ้นการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายกีดกันทางการค้า

 

ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาการ (Development Committee) ระบุว่าช่วงเวลา 2 ปีหลังจากเกิดวิกฤตทางการเงิน กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาได้ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจรอดพ้นจากภาวะขาลงโดยมุ่งเน้นที่ความสำคัญด้านการค้าและการลงทุนเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวและการขยายตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายกีดกันทางการค้าในทุกรูปแบบ

 

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังให้การสนับสนุนความพยายามของธนาคารโลกในการพัฒนาด้านระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน นวัตกรรม และการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์

 

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่เลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจของสหรัฐฯล้มละลายเมื่อเดือนกันยายน 2551 เศรษฐกิจโลกสามารถรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายได้เนื่องจากประเทศต่างๆ รวมถึงองค์กรการเงินทั่วโลกต่างใช้นโยบายรับมือกับวิกฤติที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่หลายแห่งที่สามารถฟื้นตัวได้เร็วเพราะมีมาตรการทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพนับตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์ ซึ่งขณะนี้กลุ่มประเทศดังกล่าวกำลังมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก

 

การจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯร่วงลงเกินคาด

 

ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯร่วงลงเกินคาดในเดือนกันยายน เนื่องจากภาครัฐลดการจ้างงานลง ขณะที่ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดเผยเมื่อคืนวันศุกร์ (8 ต.ค.) ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนกันยายนร่วงลง 95,000 ตำแหน่ง ซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 9.6%

 

ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเพียง 64,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน ซึ่งขยายตัวช้ากว่าในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม โดยอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าลดพนักงานลง 22,000 ตำแหน่ง ภาคการก่อสร้างลดลง 21,000 ตำแหน่ง และภาคการผลิตลดพนักงานลง 6,000 ตำแหน่ง ส่วนภาคการบริการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น 86,000 ตำแหน่ง

 

สำหรับภาครัฐมีการจ้างพนักงานน้อยลง 159,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน หลังจากรัฐบาลเลิกจ้างพนักงานชั่วคราวในการสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐประจำปี 2553 (Census 2010) ราว 77,000 ตำแหน่ง รวมถึงการลดพนักงานระดับรัฐบาลท้องถิ่น 76,000 ตำแหน่ง

 

ชาวอเมริกันเกือบ 8.5 ล้านคนต้องตกงานนับตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อเดือนธันวาคม 2550 และนักเศรษฐศาสตร์ไม่คิดว่าอัตราจ้างงานจะฟื้นตัวในเร็ววันนี้ เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจดังกล่าวมีความรุนแรงมาก ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า

 

คาดตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯ เพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

 

นักลงทุนจับตาตัวเลขยอดขายปลีกในเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางความหวังของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ฝากไว้กับความมั่นใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อการควักกระเป๋าจับจ่ายซื้อสินค้า

 

ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มที่เท่ากับตัวเลขของเดือนสิงหาคม และเป็นการขยายตัวเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

 

นักเศรษฐศาสตร์ของ Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ ในนิวยอร์กมองว่า ผู้ประกอบการค้าปลีกยังต้องเผชิญกับความซบเซาของตลาดแรงงานซึ่งมีผลต่อเนื่องไปกระทบความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของประชาชน โดยเฉพาะเมื่อดูอัตราการว่างงานของประเทศที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี ไม่นับรวมกับการที่นายจ้างยังคงปรับลดอัตราการจ้างงานมากกว่าที่ตลาดคาดในเดือนที่แล้ว จนมีข่าวว่าผู้บริหารธนาคารกลางสหรัฐฯ บางคนอยากจะเห็นนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากกว่านี้

 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางดีมานด์ที่ยังอ่อนแอในปัจจุบัน ทางฝั่งผู้ประกอบการหลายรายจึงกลับหันไปคาดหวังกับยอดขายในช่วงเทศกาลวันหยุดที่กำลังจะมาถึง ซึ่งทางสหพันธ์ค้าปลีกของสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า ยอดขายในช่วงฮอลิเดย์ปีนี้เตรียมที่จะขึ้นทำสถิติที่ดีที่สุดในรอบ 4 ปี และสอดคล้องกับการที่มีบริษัทหลายแห่งได้หยิบยกแผนการจ้างงานเพิ่ม เพื่อรองรับให้ทันกับความต้องการที่จะมีเข้ามาในช่วงเทศกาลที่จะถึงนี้

 

ออสเตรเลียหวั่นเงินแข็งค่ากระทบต่องบประมาณรายได้

 

เวย์น สวอน รัฐมนตรีคลังออสเตรเลียเผยการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอาจส่งผลกระทบต่องบประมาณรายได้ของประเทศและตัวเลขผลกำไรของบริษัทเอกชน โดยการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ออสเตรเลียจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าถูกลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มผู้นำเข้า ในทางกลับกันสกุลเงินที่แข็งค่าจะทำให้ต้นทุนการส่งออกสินค้าแพงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มเกษตรกรและบริษัทผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงกลุ่มภาคอุตสาหกรรมการผลิต และการท่องเที่ยว

 

อย่างไรก็ตาม สวอนปฏิเสธที่จะคาดการณ์ถึงแนวโน้มการเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียในอนาคต แต่กล่าวว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาสถานการณ์การแข็งค่าของสกุลเงินในประเทศที่อาจส่งผลต่อรายได้ในการจัดเก็บภาษี หากบริษัทเอกชนมีผลกำไรลดลง

 

สวอนกล่าวว่า การแข็งค่าของสกุลเงินอาจส่งผลกระทบให้รายได้การจัดเก็บภาษีลดน้อยลง ทำได้เพียงติดตามและรอดูสถานการณ์เพื่อเตรียมความพร้อมปรับนโยบายด้านงบประมาณที่อาจได้รับผลกระทบในภาพรวม

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ถ้อยแถลงของรัฐมนตรีคลังออสเตรเลียในวันนี้ออกมาในลักษณะเดียวกับนางจูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียที่ออกโรงเตือนในก่อนหน้านี้ว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอาจกลายเป็นภาระต่อเศรษฐกิจในประเทศ โดยชี้ให้เห็นว่าปัจจัยแวดล้อมเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงในระดับที่แตกต่างกัน ซึ่งปัจจัยการขยายตัวทางเศรษฐกิจในบางส่วนจะเชื่อมโยงกับมูลค่าของเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:D มาแล้วคะ ตามอ่านอยู่นะคะ ;) ^_^ -_-

ขอบคุณค่ะ..ติดตามอ่านตลอดค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+1 ให้คุณทองใหม่ค่ะ

มีให้ดูสำหรับคนเล่นออนไลน์ด้วย

ขอบคุณค่ะ :P

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Home Breaking News ข่าวในประเทศ กปน.แจ้งพื้นที่น้ำไม่ไหลและไหลอ่อนคืนวันที่ 12 ต.ค

กปน.แจ้งพื้นที่น้ำไม่ไหลและไหลอ่อนคืนวันที่ 12 ต.ค

วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2010 เวลา 15:42 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

ด้วย การประปานครหลวง (กปน.) จะทำการตัดบรรจบท่อประปา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1,000 มิลลิเมตร ในถนนศรีนครินทร์ บริเวณแยกศรีอุดม ด้านถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ในคืนวันอังคารที่ 12 ตุลาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 22.00 น.- 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ในระหว่างดำเนินการส่งผลให้น้ำประปาไหลอ่อน ถึง ไม่ไหลในพื้นที่ดังต่อไปนี้

พื้นที่น้ำประปาไม่ไหล

• ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตั้งแต่สี่แยกอุดมสุข ถึง ซอยเฉลิมพระเกียรติ 26 ทั้งสองฝั่ง

พื้นที่น้ำประปาไหลอ่อน

• ถนนอุดมสุข ตั้งแต่ปากซอยประวิทย์และเพื่อน (ซ.อุดมสุข 53) ถึง สี่แยกศรีอุดม ทั้งสองฝั่ง

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และได้โปรดสำรองน้ำประปาไว้ใช้ล่วงหน้าในช่วงวันและเวลาดังกล่าว หากประสบข้อขัดข้อง กรุณาแจ้ง “ ศูนย์บริการประชาชน ” โทร. 1125 ตลอด 24 ชั่วโมง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

YLG : แนวโน้มการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์พยุงราคาทองระยะยาว

วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2010 เวลา 17:42 น. บ.วายแอลจี บูลเลียน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 11 ตุลาคม 2553 สภาวะตลาดวันที่ 11 ตุลาคม 2553 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ ที่ระดับ $1,345.20– $1,353.50 ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV10 อยู่ที่ 19,240 บาท โดยราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 290 บาทจากวันก่อนหน้า ที่ 18,950 บาท

 

แนวโน้มวันที่ 12 ตุลาคม 2553 ราคาทองคำยังคงยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ $1,326 อันเป็นแนวรับที่สามารถตัดสินราคาในระยะสั้นได้ว่า หากยืนเหนือระดับราคานี้ได้ติดต่อกันหลายวัน อาจทำให้ราคาสามารถปรับตัวกลับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้ แต่หากมีการหลุดแนวรับนี้ลงมา จะเกิดแรงเทขายทำกำไรเป็นจำนวนมาก ดังนั้น แนะนำให้นักลงทุนรอความชัดเจนจากการตั้งฐานราคา หรืออาจเพียงลงทุนเก็งกำไรในกรอบสั้นๆระหว่าง $1,340 – 1,360 แต่หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน จะเห็นว่าแนวโน้มการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยที่ยังคงพยุงราคาทองคำอยู่ในระยะยาว เพียงแต่รอการปรับฐานของราคาที่ขึ้นมาสูงมากแล้วเท่านั้น

 

แนวรับ 1,326 1,317 1,310 แนวต้าน 1,345 1,365 1,376

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 11 ต.ค. 53 (ภาคบ่าย)

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2553 17:21:10 น.

กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดโลกวันนี้ทรงตัวใกล้ระดับ 1,350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ (Spot gold) โดยย่อตัวลงเล็กน้อยหลังเปิดตลาดซื้อขายในประเทศช่วงบ่าย หลังจากปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ การรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรยังคงออกมาน่าผิดหวัง สร้างความกังวลในการผ่อนคลายมาตรการเชิงปริมาณในอนาคต ส่วน SPDR ขายทองออก 0.3 ตัน ทำให้มีระดับการถือครองที่ระดับ 1,288.24 ตัน หลังจากการขายรอบใหญ่กว่า 13 ตัน ที่รายงานในช่วงวันพฤหัสบดี ปริมาณการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในตลาดนิวยอร์กมีประมาณ 194,441 สัญญ ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 30 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ราคาทองคำในประเทศราคาเสนอซื้อ 19,050 บาท ราคาเสนอขาย 19,150 บาท ส่วนโกลด์ฟิวเจอร์วันนี้

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2553 (GFV10) ปิดที่ระดับ 19,250 ปริมาณการซื้อขาย 1,778 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2553 (GFZ10) ปิดที่ระดับ 19,300 บาท ปริมาณการซื้อขาย 1,378 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2554 (GFG11) ปิดที่ระดับ 19,360 บาท ปริมาณการซื้อขาย 424 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2553 ขนาด 10 บาท (GF10V10) ปิดที่ระดับ 19,250 ปริมาณการซื้อขาย 926 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2553 ขนาด 10 บาท (GF10Z10) ปิดที่ระดับ 19,300 ปริมาณการซื้อขาย 881 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ขนาด 10 บาท (GF10G11) ปิดที่ระดับ 19,350 ปริมาณการซื้อขาย 332 สัญญา

 

ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 5,719 สัญญา

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า การรายงานตัวเลขด้านการจ้างงานในสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แรงซื้อทองคำยังคงมีต่อเนื่อง และจะทำให้ทองคำยังคงมีโอกาสขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ถ้าความไม่มั่นใจในการถือครองดอลล่าร์ยังคงมีต่อไป ส่วนทิศทางเงินบาทในระยะยาวเรายังคงมองแนวโน้มแข็งค่า ขณะระยะสั้นอาจจะมีการชะลอการแข็งค่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...