ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

เอามาฝากแทนอ.ทองใหม่ครับผู้ขอรับสวัสดิว่างงานสหรัฐฯ พุ่งสูงสุดในรอบ 9 เดือน

 

Posted on Friday, August 20, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 19 ส.ค. 53)

• ตัวเลขการขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 500,000 ราย

• ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (ก.ค.) เพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนก่อนหน้า

 

 

ผู้ขอรับสวัสดิว่างงานสหรัฐฯ พุ่งสูงสุดในรอบ 9 เดือน

 

ชาวอเมริกันเข้าคิวขอรับสิทธิสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นผิดคาดในสัปดาห์ที่แล้ว สร้างความกังวลใจให้กับหลายๆ คนที่ฝากความหวังไว้ว่าจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจรอบนี้

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสิทธิสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 12,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ตัวเลขรวมที่ปรับฤดูกาลเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 500,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 14 สิงหาคม ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพฤษจิกายนปีที่แล้ว อีกทั้งยังผิดไปจากที่นักเศรษฐศาสตร์เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสิทธิโดยรวมจะลดลง

 

ปัญหาเรื่องการว่างงานและสถานะของเศรษฐกิจที่อ่อนแอกำลังเขย่าเรทติ้งของตัวประธานาธิบดี บารัค โอบามา รวมถึงพรรคเดโมแครต ซึ่งทุกคนกำลังจับตาสถานภาพเสียงข้างมากของพรรคทั้งในสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภาสำหรับการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

 

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า คะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดี โอบามา ร่วงลงมาอยู่แถวๆ 40% ขณะที่เรทติ้งของสภาคองเกรสเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 20% เท่านั้น

 

นักวิเคราะห์หลายคนอาจกำลังถอดใจเมื่อเห็นจำนวนผู้ขอใช้สิทธิสวัสดิการว่างงานไม่ลดลงมาแตะระดับ 400,000 ราย ซึ่งเป็นระดับที่ถูกมองว่าเป็นเส้นแบ่งระหว่างสภาวะการจ้างงานที่ขยายตัวและหดตัวลง โดยการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในช่วง 5 เดือนแรกของปีนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการระดมคนเพื่อมาจัดทำสัมมะโนประชากรที่มีการสำรวจทุกๆ 10 ปี ก่อนที่ภารกิจจะเสร็จสิ้นและทำให้ยอดการจ้างงานลดลงในเดือนมิถุนายนและกรกฏาคม

 

อย่างไรก็ดี ในรายงานล่าสุดก็มีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อตัวเลขสะสมของจำนวนผู้ใช้สวัสดิการว่างงานกลับลดลง 13,000 ราย มาที่ 4.48 ล้านคนในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งผิดไปจากที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ของ PNC Financial Services มองว่า ตัวเลขในส่วนนี้เป็นสัญญาณที่ดี แม้สิ่งที่ตลาดจับตาจะยังคงมุ่งไปอยู่ที่ตัวเลขแรงงานที่เพิ่งถูกให้ออกจากงานเป็นหลัก

 

 

ADB เผยรายงานชี้เอเชียต้านวิกฤติเศรษฐกิจได้

 

ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) เปิดเผยในรายงาน "Key Indicators for Asia and the Pacific 2010" ซึ่งเป็นรายงานประจำปี ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียสามารถขยายตัวและต้านทานการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในปีที่แล้วได้

 

รายงานระบุว่า ขณะเศรษฐกิจชะลอตัวลงทั่วภูมิภาคเอเชียนั้น เศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียอย่างจีนและอินเดีย ยังสามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศใช้นั้น สามารถลดผลกระทบจากยอดส่งออกที่ชะลอตัวลงได้

 

ADB ยังระบุด้วยว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียได้แรงหนุนจากจีน อินเดีย และญี่ปุ่น โดยผลผลิตของทั้ง 3 ประเทศรวมกันคิดเป็น 70% ของผลผลิตโดยรวมในเอเชีย ขณะที่อัตราการออมภาคครัวเรือนในเอเชียยังคงอยู่ในระดับสูง

 

นอกจากนี้ ADB ยังเสนอแนะให้ รัฐบาลในภูมิภาคเอเชียสามารถผลักดันการบริโภคด้วยการส่งเสริมนโยบายประกันสังคมให้มากขึ้น และตัวเลขการใช้จ่ายภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นจะช่วยลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมส่งออก ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจสมดุล

 

รายงานของ ADB ยังเปิดเผยว่า ชนชั้นกลางของอินเดีย ซึ่งหมายถึงกลุ่มชาวอินเดียผู้มีอัตราการบริโภคในประเทศราว 2-20 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันนั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นราว 205 ล้านคนในระหว่างปี 2533-2551 เป็นกลุ่มที่ช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ+การผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และ การพัฒนาสินค้าที่ผลิตในประเทศ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ราคาประหยัด ตู้เย็นที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ และโทรศัพท์มือถือราคาย่อมเยา

 

อย่างไรก็ตาม กว่า 75% ของชนชั้นกลางในอินเดียยังคงอยู่ในกลุ่มที่ใช้จ่ายเงินเพียง 2-4 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ซึ่งหมายความว่า ชนชั้นกลางในอินเดียยังมีความเสี่ยงสูงที่จะกลับไปมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากไร้ หากเศรษฐกิจเผชิญภาวะตื่นตระหนกเหมือนเมื่อครั้งที่เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำเมื่อปีที่แล้ว

 

จอง-วาห์ ลี หัวหน้านักวิเคราะห์จาก ADB กล่าวว่า รัฐบาลอินเดียต้องให้การสนับสนุนนโยบายที่ช่วยคุ้มครองและยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของกลุ่มชนชั้นกลาง ซึ่งจะช่วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอาจช่วยแก้ปัญหาความยากจนในระยะยาวได้ดีกว่าการใช้นโยบายที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนจนเพียงกลุ่มเดียว

 

 

ธนาคารกลางเยอรมันปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปีนี้ เป็น 3%

 

บุนเดสแบงก์ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจเยอรมัน หลังเศรษฐกิจในไตรมาสที่สองโตเร็วที่สุดในรอบ 20 ปี

 

ธนาคารกลางเยอรมันได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ของประเทศเป็น 3% ในปี 2553 นี้ จากก่อนหน้านี้ในเดือน มิ.ย. ธนาคารกลางได้ประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจเอาไว้แค่ระดับ 1.9%

 

ทั้งนี้ในสัปดาห์ที่แล้ว เยอรมันได้เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2 นั้นเศรษฐกิจของเยอรมันขยายตัวได้ 2.2% ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 1991

 

ธนาคารกลางเยอรมันกล่าวว่า จังหวะของการเติบโตนั้นจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่ไตรมาสที่สองนั้นเศรษฐกิจค่อนข้างจะอยู่ในภาวะที่ตื่นตัวเป็นพิเศษ

 

ทั้งหมดทั้งปวงแล้วพื้นฐานของเศรษฐกิจเยอรมัน ณ ขณะนี้อยู่ในภาวะที่มีความแข็งแกร่งและมีมุมมองที่เป็นบวก

 

ทั้งนี้ความต้องการต่อสินค้าส่งออกของเยอรมันในตลาดโลกนั้นเป็น ปัจจัยเร่งให้เศรษฐกิจเยอรมันหลุดจากภาวถดถอยในปีที่แล้ว ซึ่งเศรษฐกิจมีการหดตัวถึง 4.7%

 

ธนาคารกลางเยอรมันระบุว่า หากครึ่งหลังของปีนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกยังคงมีเสถียรภาพ ประกอบกับ การส่งออกยังไปได้ ก็จะช่วยทำให้ความต้องการบริโภคภายในปรับตัวดีขึ้น เพราะตลาดแรงงานจะปรับดีขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผู้บริโภคและภาคเอกชนก็จะมีการบริโภคและใช้จ่ายมากขึ้น

 

 

ประเทศในยุโรปพาเหรดซิวแชมป์ประเทศดีที่สุดในโลก

 

นิตยสาร "นิวสวีก" ของสหรัฐอเมริกา เผยแพร่การจัดทำดัชนี "100 ประเทศที่ดีที่สุดในโลก" โดยการประมวลคะแนนของแต่ละประเทศบนพื้นฐานของข้อมูล 9 หมวดคือ

 

ด้านการศึกษา, ภาวะสุขอนามัย, คุณภาพชีวิต, ภาวะยากจน (ที่ดูจากสัดส่วนของประชากรซึ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยรายได้ต่ำกว่า 66 บาทต่อวัน), สภาวะแวดล้อมทางกายภาพของประเทศ, พลวัตทางเศรษฐกิจ, การประกอบธุรกิจ, สภาวะแวดล้อมทางการเมือง

 

จากการจัดอันดับ ฟินแลนด์, สวิตเซอร์แลนด์, สวีเดน, ออสเตรเลีย และลักเซมเบิร์ก เป็นประเทศที่ถูกจัดว่าดีที่สุด 1-5 อันดับแรก ส่วนสหรัฐอเมริกาอยู่อันดับที่ 11 ในขณะที่ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 58 จากทั้งหมด โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 62.17 คะแนน

 

หากเปรียบเทียบในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน ซึ่งมีการรวมไว้ในการจัดทำดัชนีครั้งนี้เพียง 6 ประเทศนั้น ไทยอยู่ในอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์ (อันดับ 20), มาเลเซีย (อันดับ 37) โดยมี ฟิลิปปินส์ อยู่ในอันดับ 63 ต่อด้วย อินโดนีเซีย (อันดับ 73) และเวียดนาม (อันดับ 81) ตามลำดับ

 

หากมองโดยภาพรวมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกด้วยกัน ไทยจะอยู่ในอันดับ 7 รองจากออสเตรเลีย (อันดับ 4), ญี่ปุ่น (อันดับ 9), นิวซีแลนด์ (อันดับ 13), เกาหลีใต้ (อันดับ 15) สิงคโปร์และมาเลเซีย แต่มีอันดับอยู่เหนือจีน (อันดับ 59), ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และเวียดนาม ตามลำดับ

 

 

จีน-เกาหลีเหนือทดลองซื้อขายผ่านหยวน

 

เมืองต้านตง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งติดกับเกาหลีเหนือ เริ่มโครงการนำร่องค้าขายกับเกาหลีเหนือด้วยเงินหยวนอย่างเป็นทางการ

 

หนังสือพิมพ์ต้านตง เดลี่ รายงานว่า ผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาตจากทางการสามารถค้าขายกับเกาหลีเหนือด้วยเงินหยวนอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ลดต้นทุนการค้าขาย อำนวยความสะดวกในการขอคืนภาษีส่งออกและการใช้เงินทุน แต่ทางการเกาหลีเหนือก็ต้องอนุญาตให้ผู้นำเข้าเกาหลีเหนือใช้เงินหยวนได้ตามกฎหมายด้วยเช่นกัน โครงการนี้จึงจะสำเร็จ

 

เศรษฐกิจเกาหลีเหนือตึงเครียดหนักกว่าเดิม เมื่อทางการลดค่าเงินเมื่อปีก่อน สร้างความเดือดร้อนให้แก่พ่อค้าชาวจีนที่ส่งออกสินค้าให้เกาหลีเหนือ และดูเหมือนโครงการนำร่องค้าขายด้วยเงินหยวน ต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้พ่อค้าชาวจีนค้าขายกับเกาหลีเหนืออย่างตรงไปตรงมากขึ้น เพราะปัจจุบันพ่อค้าชาวจีนที่ใช้เงินหยวน เงินดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโร หรือสินค้าแลกกับสินค้าส่งออกให้เกาหลีเหนือ มักทำอย่างไม่เป็นทางการ หรือมีขั้นตอนซับซ้อน ทำให้มีการลักลอบขนของเถื่อนข้ามพรมแดนอยู่เสมอ

 

ข้อมูลศุลกากรจีนเผยว่า 6 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าขายจีนกับเกาหลีเหนืออยู่ที่ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 42,900 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 15.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

 

หนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ในเกาหลีใต้สูงสุดในรอบ 6 ปี

 

สำนักงานตรวจสอบด้านการเงินของเกาหลีใต้ (FSS) เปิดเผยว่า อัตราหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ในเกาหลีใต้พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีในไตรมาส 2 อันเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ขององค์กร รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา

 

อัตราหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ 18 แห่งในประเทศมีมูลค่ารวม 25.5 ล้านล้านวอน (2.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาส 2 ซึ่งสิ้นสุดที่เดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 18.9 ล้านล้านวอน (1.61 หมื่นล้านดอลลาร์) ในไตรมาสแรก

 

สำหรับสัดส่วนหนี้เสียอยู่ที่ระดับ 1.94% ในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นจากระดับ 1.48% ในไตรมาสแรก และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2547 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 2.37%

 

FSS ระบุว่า อัตราหนี้เสียพุ่งขึ้นอย่างมากเพราะการปรับโครงสร้างหนี้ขององค์กร นำโดยธนาคารในประเทศ รวมถึงการที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา ซึ่งส่งผลให้คุณภาพสินเชื่อเพื่อการก่อสร้างลดลง

 

สำหรับการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้นแตะ 2.65% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.96%

 

ขณะที่การปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ารายย่อยขยับลงแตะ 0.5% ในไตรมาส 2 จากระดับ 0.51% ในไตรมาสแรก

 

 

“วูวูเซลา” ศัพท์ใหม่ล่าสุดในพจนานุกรมของอ็อกฟอร์ด

 

วูวูเซลา แตรพลาสติกผู้เป็นเสียงแห่งฟุตบอลโลก 2010 ส่งเสียงดังกระหึ่มโลกจนได้รับเลือกเป็นหนึ่งในคำศัพท์ใหม่ ที่รวมอยู่ในพจนานุกรมภาษาอังกฤษฉบับล่าสุดของอ็อกฟอร์ด ซึ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวานนี้

 

แตรที่อาจส่งเสียงคำรามจนผู้ฟังหูดับได้นี้กลายเป็นหนึ่งในคำใหม่ของพจนานุกรมอ็อกฟอร์ด ดิกชันนารี ออฟ อิงลิช ฉบับล่าสุด ซึ่งยึดหลักรวบรวมคำที่มีการใช้จริงในสังคม

 

วูวูเซลาเป็นหนึ่งในคำศัพท์ใหม่จำนวน 2,000 คำของพจนานุกรมฉบับแก้ไขครั้งที่สามเล่มนี้ ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2541 หลังจากแยกตัวออกมาจากพจนานุกรม อ็อกฟอร์ด อิงลิช ดิกชันนารี (OED)

 

การได้รับเกียรติให้บรรจุเป็นคำศัพท์ใหม่ของวูวูเซลา เกิดขึ้นหลังจากที่คำว่า 'วูวูเซลา' ได้รับการเลือกให้เป็น 'คำแห่งการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010' โดยการเลือกจากนักภาษาศาสตร์ทั่วโลก เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

 

คำดังกล่าวได้รับการลงเลือกจากนักภาษาศาสตร์จำนวน 320 คน จาก 60 ประเทศถึง 75% โดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาเหล่านี้ได้รับการขอให้เลือกคำที่มีความหมายที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ การต่อสู้กับสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทำให้คำว่า 'carbon capture and storage' ซึ่งหมายถึง กระบวนการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ก็เข้ามาเป็นหนึ่งในคำศัพท์ใหม่

 

รวมทั้งวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาก็ได้สร้าง คำว่า 'toxic debt' ซึ่งหมายถึง หนี้ที่มีความเสี่ยงสูงว่าจะไม่ได้รับการชำระและต้องการการผ่อนปรนเป็นพิเศษ รวมอยู่ในพจนานุกรมเล่มนี้ด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณอ.ทองใหม่คะ +1 ให้คัมภีร์ไร้เทียมทานคะ :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 20 ส.ค. 53 (ภาคเช้า)

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2553 11:59:29 น.

กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงเช้าทรงตัว เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 1,230 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ ขณะในช่วงการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กราคาปรับตัวขึ้นเหนือระดับ US$1235 ต่อออนซ์สูงสุดในรอบเดือนครึ่ง โดยราคาปรับเพิ่มขึ้นหลังจากการรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอีก 12,000 ราย ทำให้มาอยู่ที่ระดับ 500,000 ราย ประกอบกับดัชนีแนวโน้มธุรกิจปรับลดลง ทำให้ตลาดเกิดความกังวลเพิ่มเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะเข้าใกล้ฤดูกาลแต่งงานของอินเดียทำให้ผู้ผลิตเครื่องประดับสะสมทองคำเพิ่ม โดยปริมาณการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กมีประมาณ 83,335 สัญญา ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทองเพิ่ม 3.95 ตัน ทำให้มีถือครองที่ระดับ 1,299.47 ตัน ค่าเงินบาทเช้าวันนี้ยังคงปรับแข็งค่าก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงินในช่วงวันพุธหน้า ทำให้มาเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 31.50 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม (GFQ10) เปิดตลาดปรับเพิ่มขึ้นจากราคาปิดเมื่อวันพฤหัสบดี (19 ส.ค. 53) โดยเปิดที่ระดับราคา 18,500 บาท ราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 18,300 บาท ราคาเสนอขาย 18,400 บาท

 

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานที่ยังคงลดความเชื่อมั่นของนักลงทุนทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยถูกสะสมเพิ่มเติม โดยการรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานในช่วงคืนที่ผ่านมาสะท้อนปัญหาสำคัญของสหรัฐที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการแก้ไข ทำให้ทองคำกลับมามีความน่าสนใจในการลงทุนอีกครั้ง ประกอบกับใกล้ช่วงเทศกาลแต่งงานในอินเดียว ซึ่งในช่วงนี้ของปีจะมีการบริโภคทองคำเพิ่มขึ้นจากการนำทองคำไปเป็นสินสอด และส่งผลต่อราคาในการซื้อขาย ทำให้ในช่วงสั้นเรายังคงมองราคาทองคำในเชิงบวก โดยอาจจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นเหนือ 1,240 ดอลล่าร์ต่อออนซ์อีกครั้ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+2แล้วครับ :rolleyes: :wub:

 

 

ขอบคุณอ.ทองใหม่คะ +1 ให้คัมภีร์ไร้เทียมทานคะ :lol:

post-237-008338600 1282285946.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SET50 Futures แนะปิดสถานะซื้อ

Friday, 20 August 2010 10:32

เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (KGI) เปิดเผยถึงการซื้อขายสินค้า SET50 Futures ในตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) วันนี้ว่า ดัชนีฯ มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในแดนลบช่วงเปิดการซื้อขายจากปัจจัยกดดันจากต่างประเทศ แต่ยังมีปัจจัยบวกจากเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง

 

โดยวานนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่มาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวขึ้น 12,000 ราย มาที่ระดับ 500,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมาสุดในรอบ 10 เดือน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 500,000 คน ในขณะที่ตัวเลขด้านการผลิต เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียรายงานดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกปรับตัวลดลงมาที่ระดับ -7.7 จุด สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับตัวขึ้น +7.50 จุด ทำให้โดยรวมตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่ยังคงกดดันตลาดหุ้นในฝั่งตะวันตก

 

แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเอเชียยังได้ปัจัจยบวกจากเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาต่อเนื่อง โดยวานนี้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,633.80 ล้านบาท ด้านนักลงทุนสถาบันเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,034.18 ล้นบาท สะท้อนความเชื่อมั่นที่เข้ามาในตลาดทุนไทยต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ระหว่างวันให้ติดตาม 2 ประเด็น ที่จะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่าจะมีเข้ามาต่อเนื่องมากน้อยเพียงใด คือ ตัวเลขเศรษฐกิจเอเชียในส่วนของจีน และค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งหากแนวโน้มทั้งสองประเด็นยังดีอยู่ เชื่อว่าหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยจะมีแรงเทขายออกมาไม่มาก

 

ด้านปัจจัยทางเทคนิควานนี้ดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นแรง โดยคาดว่าการอ่อนตัวลงในวันนี้หากยังสามารถยืนเหนือ 603 จุดหรือ 599 จุดได้ ซึ่งยังไม่เสียทิศทางระยะสั้นที่เป็นขาขึ้น ทั้งนี้หากดัชนีฯ ลดลงต่ำกว่า 599 จะเสียทิศทางบวก

 

โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเปิดสถานะซื้อ (Long) ในสัญญา S50U10 เดือนกันยายน 2553 บริเวณแนวรับที่ 603-599 จุด ส่วนแนวต้านประเมินที่ 612-622 จุด ส่วน SET50 ประเมินแนวรับที่ 606-601 จุด แนวต้าน 612-619 จุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หนุน1มีการเคลื่อนเล็กน้อยจากช่วงเช้า

 

คัมภีร์ไร้เทียมทาน ที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน ไม่ห่วงไม่รักไม่บอกนะเนี่ย ฮาฮา แหย่เล่นจ้า

 

แนวหนุนต้านระยะกลางยาว จุดยุทธศาสตร์ที่สำมะคัน

 

ต้าน๓1300.00-----------จุดจิตรวิทยาที่สำคัญ หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย

ต้าน๒1265.10-----------จุดสูงของวันที่21 มิย. หากแตก ซื้อขึ้น หากไม่แตก ซื้อลง

ต้าน๑1243.70-----------จุดสูงของวันที่01 กค. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย หากแตก ให้ซื้อขึ้น

 

วันที่ 20 สค. 2010

 

หนุน๑1199.83--------เส้นค่าเฉลี่ย20วัน หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

หนุน๒1156.70--------จุดต่ำของวันที่28 กค. หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

หนุน๓1123.69---------จุดต่ำของวันที่19 เมย. หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

 

เวลาอ่านแล้วต้องรู้จักคิดด้วยนะครับ เช่น"หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย" ต้องรู้จักคิดกลับ---"หากถึงและมีแรงส่งขึ้นต่อ ผู้ซื้อขึ้นก็ถือต่อ ผู้ซื้อลงให้ตัดเนื้อขายออกเสีย " อะไรทำนองนี้เป็นต้นนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง เอาแนวดูวิธีทองรายวันมาลงโดยไม่ได้แก้ เวลาดูให้ทำความเข่าใจเองนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในช่วงนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ

ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ

กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SET50 Futures แนะปิดสถานะซื้อ

สัญญาณลงแต่ก็ยังดื้อขึ้นต่อเล็กน้อยอยู่ บอกได้ก็แต่ตามกราฟ ว่าสัญญาณลงปรากฎแล้วจ้า

post-237-062532000 1282288343.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากครับสำหรับกราฟกราฟ set มากๆ ครับ

cv

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SET50มีสัญญาณขึ้นมาแทรกอีกแล้ว

 

รายงานต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง หากเห็นนะครับ :rolleyes:

post-237-069193800 1282289873.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SET50มีสัญญาณขึ้นมาแทรกอีกแล้ว

 

รายงานต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง หากเห็นนะครับ :rolleyes:

 

ขอบคุณค่ะ :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SET50มีสัญญาณลงอีกแล้ว แสดงว่าผันผวนใช่เล่น ฮาฮา

post-237-037451200 1282295297.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทแข็งต่อปิดตลาดที่31.50/31.52บาทต่อดอลลาร์

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2010 เวลา 17:22 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

นักบริหารเงินธนาคารซีไอเอ็มบีไทยรายงานว่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐปิดตลาดวันนี้ (20 ส.ค.)ที่ระดับ 31.50/31.52บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.53/31.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

โดยในวันนี้ ยังเห็นการเข้าแทรกแซงค่าเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) พยายามเข้าซื้อดอลลาร์ เพื่อสกัดการแข็งค่าของบาทไม่ให้แข็งค่าเร็วจนเกินไป ในขณะที่ผู้ส่งออกยังมีการเทขายดอลลาร์ รวมไปถึงปัจจัยการไหลเข้าของเงินทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาด ที่เป็นแรงหนุนให้เงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง

 

ขณะที่ในสัปดาห์หน้ามีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ในประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ ฯ) ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่2 ปี 2553 ในวันที่ 23 ส.ค. และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 สิงหาคม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กลับมาอ่านข้อมูลแล้วกร๊าบบ เพิ่งว่างกร๊าบบ ขอบคุณ คุณทองใหม่มากๆกร๊าบบบบบบบ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...