ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

สรุปข่าวหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

Monday, 23 August 2010 08:31

คลัง-ธปท.จี้ลงทุนปรับสมดุลศก. ฟันธงดอกเบี้ยขึ้น 0.25% สกัดเก็งกำไรสินทรัพย์เสี่ยง นายกฯ ยันรัฐบาลดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพมั่นใจไม่กระทบส่งออก ห่วงวิกฤติหนี้ยุโรปลาม

แบงก์ชาติ แนะรัฐบาลเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มขีดแข่งขันและสร้าง 'สมดุล' เศรษฐกิจ ไม่พึ่งภาคส่งออกด้านเดียว หลังจากค่าเงินบาทแข็งตัวต่อเนื่อง ขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยกระทบเงินทุนไหลเข้า กดดันค่าเงินบาทแข็งหนัก กูรูเศรษฐศาสตร์ฟันธง กนง.จำเป็นขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% หวังสกัดเงินไหลเข้าเก็งกำไรสินทรัพย์เสี่ยง

 

สศช.-ทส.เบรกสุวรรณภูมิเฟส 2 สวล.เคาะ 18 กิจการรุนแรงวันนี้

'ทส.-สศช.' เบรก โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 ของกระทรวงคมนาคม วงเงินกว่า 6.2 หมื่นล้านบาท เหตุยังไม่ได้ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม แก้ปัญหาผลกระทบทางเสียงล่าช้า แถมยังขาดความชัดเจนเรื่องแผนการใช้ท่าอากาศยานดอนเมือง ด้านบอร์ดสิ่งแวดล้อมประชุมประกาศ 18 ประเภทกิจการรุนแรงวันนี้

 

พิษการเมือง-ศก. บจ.แห่ลงทุนนอก รุกจีน-อินเดียตั้งบ.ย่อยเล็งขยายลงทุนเผยฐานะการเงินเข้มแข็งค่าเฉลี่ยสัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงมาอยู่ที่ 0.6-0.7 เท่า

บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย แห่ลงทุนนอก ตั้งบริษัทย่อยเตรียมขยายการลงทุนเพียบ โดยเฉพาะอินเดีย โบรกเกอร์ระบุการเมืองทำพิษ ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ทำให้ฉุดความเชื่อมั่น เห็นโอกาสลงทุนมีน้อย ประเมินแนวโน้มลงทุนต่างประเทศพุ่ง เพราะดอกเบี้ยต่ำ เงินบาทแข็ง เอฟทีเอช่วยหนุน

 

ตลาดอนุมัติ'วิเชฐ'พ้นเก้าอี้ จรัมพรชง2นายแบงก์ชิงดำ

บอร์ดตลาดไฟเขียว 'วิเชฐ ตันติวานิช' พ้นเก้าอี้รองผู้จัดการ ขณะที่ 'จรัมพร โชติกเสถียร' ชง 2 รายชื่อรั้งตำแหน่งรองผู้จัดการแทนตำแหน่งที่ว่างลง เผยเป็นคนแบงก์ หวังเป็นหัวหอกรุกด้านการตลาดรับมือเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ปี 2555 และการแปรสภาพเป็นองค์กรมหาชน พร้อมเรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงถกยุทธศาสตร์ ก่อนกำหนดแผนใหญ่เสนอบอร์ด

 

ทุนนอกลุยอสังหาฯรอบใหม่ บางสะเหร่บีชฯอัดส่วนลด20%-ปล่อยกู้ลูกค้าคอนโด

ทุนอสังหาฯ ต่างชาติขยับลงทุนเมืองท่องเที่ยวรอบใหม่รับเศรษฐกิจขาขึ้น หลังการเมืองนิ่ง ล่าสุด พันมิตรกลุ่มวิวทะเล ชาวอเมริกันและจีน แตกตัวผุด 'บางสะเหร่ บีช คอนโด' ขยายราคาเริ่ม 6.7 แสนบาท/ยูนิต พร้อมรับปล่อยกู้ลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในโครงการหวังปลดล็อกติดปัญหาเครดิตกู้แบงก์ไม่ผ่าน

 

โอเรียนทอลฯเพิ่มสาขา20แห่งแตกแบรนด์ใหม่เจาะกลุ่ม'เกย์'

นายนิพันธ์พงศ์ พานิช กรรมการผู้จัดการศูนย์ความงามโอเรียนทอลบิวตี้ เปิดเผย'กรุงเทพธุรกิจ'ว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 ยังคงเดินหน้าเปิดสาขาเพิ่มอีก 20 แห่งๆ ละ 8 แสน-1.5 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีสาขาเปิดบริการแล้ว 120 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยสาขาที่เปิดให้บริการส่วนใหญ่จะอยู่ในห้างเทสโก้ โลตัส คิดเป็นสัดส่วน 80% ของจำนวนสาขาทั้งหมดที่เหลือจะกระจายอยู่ตามแหล่งชุมชน โดยรูปแบบการลงทุนนั้นจะเปิดให้ผู้สนใจที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเองมาร่วมลงทุนโดยทางศูนย์จะ

เป็นผู้ลงทุน 1 ใน 3 ของเงินลงทุนในแต่ละสาขาที่ใช้เงินลงทุนรวม 6 แสนบาท และสาขาใหม่ที่จะเปิดจะยังคงเน้นในห้างเทสโก้ฯ เนื่องจากลูกค้าหลักเป็นกลุ่มแม่บ้านเป็นหลัก 80% และกลุ่มนักศึกษา 20%

 

บอร์ดททท.ชี้ขาด2รองผู้ว่าใหม่วันนี้

วันนี้(23ส.ค.53) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. จัดประชุมบอร์ดครั้งที่ 8/2553 โดยมีสาระสำคัญเรื่องการพิจารณาเลือกรองผู้ว่าการใหม่รองผู้ว่าการเดิม 2 ตำแหน่งที่จะเกษียณอายุในเดือนก.ย.นี้ได้แก่นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ และนายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน โดยนายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการททท.จะเป็นผู้พิจารณาเลือก 2 รายชื่อที่มีความเหมาะสมเพื่อนำเสนอแก่บอร์ดอนุมัติ และคาดมีผลเป็นทางการในเดือนก.ย.นี้

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์คะอาจารย์ ขอบคุณคะ +

 

รักษาสุขภาพนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์คะอาจารย์ ขอบคุณคะ +

 

รักษาสุขภาพนะคะ

post-237-063120900 1282533040.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราฟGold 1

ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง—ทิศทางลง สีขาว—กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง—ทิศทางลง สีขาว—กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้

ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา

ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น goldหรือset50เป็นต้น

post-237-007973600 1282533399.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เส้นปากถุง (BollingerBandsเส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า

เส้นบน---แนวต้าน

เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)

เส้นล่าง---แนวหนุน

ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวขึ้น เส้นล่างหันหัวลง

ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น

เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ

ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้

ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น

ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก

ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง

ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่

วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น goldหรือset50เป็นต้น

post-237-053135900 1282533438.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หยิบเงินหยิบทอง: บล.กิมเอ็ง

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม 2010 เวลา 10:06 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

หยิบเงินหยิบทอง: บล.กิมเอ็ง

 

กลยุทธ์วันนี้ 900

ประเด็นสำคัญวันนี้ SET INDEX เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมายังคงปิดเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 4 และทำระดับสูงสุดในรอบ 33 เดือนมาอยู่ที่ 893.92 จุด แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียและยุโรปจะไม่เอื้อต่อการลงทุนก็ตาม แต่นักลงทุนต่างชาติยังคงสะสมหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 และทำให้ YTD กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 61 วันทำการ 1,839 ล้านบาท

สำหรับ SET INDEX วันนี้ KimEng เชื่อว่าจะยังคงเดินหน้าทดสอบ 900 จุด หาก 18 โครงการอันตรายในมาบตาพุดมีความชัดเจน และทำให้โรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ของ PTT หลุดเกณฑ์ดังกล่าว ตามมาด้วยตัวเลข GDP ใน 2Q53 หากออกมาสูงกว่า 8% yoy ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้นั้น ปัจจัยทั้ง 2 จะผลักดันให้เกิดการเก็งกำไรในหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทย ซึ่งหนีไม่พ้น PTT / PTTCH / KBANK / BBL / LH / SCC ไต่ระดับขึ้นอย่างโดดเด่น แม้ว่าวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดไต่สวนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์เป็นรอบที่ 2 ก็ตาม เพราะเชื่อว่าปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวน่าจะต้องใช้ระยะเวลาอีกไม่น้อยกว่า 1 เดือนในการพิจารณาและตัดสินคดี

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอ “ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ” รวมถึง “ทยอยสะสม BBL / BTS”

 

 

การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “อาจพิจารณาปิดสถานะ Long ใน S50U10 บริเวณ 615 จุดหรือสูงกว่า และถือเงินสด” Stop Loss: S50U10 < 600 จุด ปิด Long และ เปิด Short

Portfolio Hold: CPF/ TASCO / MCOT/ BEC/ BBL/ PTT/PTTEP/ BANPU/ TPC/ MINT/ THAI/ AOT/ MAJOR/ BTS/ TVO/ AP/ LH / QH / CPALL/ HEMRAJ / TTA/ HANA/ THCOM/ PTTCH

Accumlative Buy: BBL/ BTS

Technical View แนวรับ 888 จุด, 880 จุด และ 860 และ 830 จุด แนวต้าน 905 จุด และ 925-930 จุด และ 999 จุด แนะนำนักลงทุนระยะกลางถือครองพอร์ตไปตามแนวโน้ม

 

 

 

-Strategy Today

SET INDEX วันนี้เชื่อว่าจะขึ้นทดสอบ 900 จุด ทั้งนี้จะทะลุแนวต้านดังกล่าวได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับ GDP ใน 2Q53 ของไทยหากออกมาสูงกว่า 8% yoy และความชัดเจนของกรณีมาบตาพุด

 

 

 

แม้ว่าตลาดหุ้นเกือบทั่วเอเชียจะปรับฐานลงจากแรงกดดันของ DJIA ที่ลดลงถึง 1.4% และ NYMEX หลุด US$75/barrel ณ คืนวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงตลาดหุ้นยุโรปที่เปิดตลาดด้วยการปรับฐานลงเช่นกัน แต่สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้นกลับหลุดแนว 890 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แต่ก็เกิดแรงซื้อหุ้นหลักเข้ามาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็น PTT / KBANK / SCC ส่งผลให้ SET INDEX สามารถกลับมายืนเหนือ 890 จุดได้ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย ปิดตลาด SET INDEX อยู่ที่ 893.92 จุด เพิ่มขึ้น 2.69 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 40,235 ล้านบาท

 

 

กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดวานนี้ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +2.83%, กลุ่มปิโตรเคมี 2.64% และอสังหาริมทรัพย์ +2.41% ขณะที่หุ้นกลุ่มหลักอย่างกลุ่มพลังงาน +1.49%, กลุ่มธนาคาร +1.02% และกลุ่ม ICT +0.75%

 

 

มุมมองต่อ SET INDEX วันนี้เชื่อว่าจะขยับขึ้นทดสอบ 900 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น เช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อน แต่จะทะลุผ่านแนวต้านหลัก 900 จุดนี้ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้

 

 

1. การประกาศรายชื่อ 18 โครงการอันตรายมาบตาพุด: หากโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ไม่เข้าข่ายโครงการดังกล่าว เชื่อว่าความกังวลต่อการลงทุนใน PTT จะปลดล็อกลง และราคาหุ้นจะกลับมาสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานกันอีกครั้ง แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2554 ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และน่าจะทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมในกลุ่มพลังงานและกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นโดดเด่นในวันนี้ และอาจตามมาด้วยกลุ่มธนาคารที่ได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่ โครงการที่ลงทุนในมาบตาพุด

 

 

2. ตัวเลข GDP ใน 2Q53 ของไทย หากออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด: ณ ปัจจุบันตลาดประเมินว่า สศค.จะประกาศตัวเลขที่ 8% yoy แต่ล่าสุดท่านนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นต่อเศรษฐกิจ 1H53 จะเติบโตมากกว่า 10% ซึ่งใน 1Q53 เศรษฐกิจไทยเติบโตไปแล้ว 12% yoy จึงมีความเป็นไปได้ที่ GDP ใน 2Q53 จะมีโอกาสสูงกว่า 8% yoy และน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ KimEng ปรับเป้าหมาย SET INDEX สูงสุดในปีนี้สูงกว่า 900 จุดได้เช่นกัน

 

 

3. การพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันพุธนี้ย่อมมีความไปได้มากยิ่งขึ้น: การประชุมกนง.วันที่ 25 ส.ค.นี้ ณ ปัจจุบันคาดว่าจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย RP1วันอีก 25bps เป็นครั้งที่ 2 หากเศรษฐกิจใน 2Q53 เติบโตได้มากกว่าคาด แรงกดดันอัตราเงินเฟ้อสูงและอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ ย่อมเป็นการเปิดโอกาสให้กนง.พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้อย่างแน่นอน

 

 

4. และทำให้หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค และการลงทุนภายในประเทศปรับตัวขึ้นโดดเด่น: เพราะแน่นอนว่าหากเศรษฐกิจใน 2Q53 ของไทยเติบโตได้ดีกว่าคาด ภาพรวมทั้งปีนี้ มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่จะเติบโตมากกว่า 7% ตามที่ธปท.ประเมินไว้ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อภาคการส่งออกในช่วง 2H53 จากแรงกดดันทั้งจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว และในอัตราเร่ง บวกกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรป ก็ตาม

 

 

5. ประเด็นการเมืองในวันนี้น่าจะไม่กดดันต่อบรรยากาศการลงทุน: วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนรอบ 2 คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ แต่เชื่อว่าขั้นตอนการพิจารณาไต่สวนจนถึงสุรุปสำนวนอีกไม่ต่ำกว่า 1 เดือนจากนี้ไป ดังนั้นปัจจัยนี้จึงเป็นเพียงการติดตามความคืบหน้า แต่น้ำหนักต่อการกดดันตลาดหุ้นไทยวันนี้ไม่น่าจะมีนัยยะ

 

 

สำหรับ SET INDEX เป้าหมายสูงสุดของ KimEng ในปีนี้ที่ 900 จุด จะมีการขยับขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเลข GDP ใน 2Q53 ในวันนี้ เพราะเป็นการปรับเปลี่ยนจากสมมติฐานด้านเศรษฐกิจเป็นสำคัญ มิใช่การปรับเปลี่ยน เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ประเทศในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย เพราะเป็นการยากในการประมาณการกระแสเงินทุนต่างชาติ และเป็นเพียงบวกช่วงสั้นเท่านั้น

 

 

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน KimEng เสนอให้นักลงทุน “ถือพอร์ตการลงทุน” เพื่อรอดูตัวเลข GDP ใน 2Q53 ของไทยในเช้าวันนี้ หากออกมาสูงกว่า 8% yoy KimEng เสนอให้นักลงทุนถือพอร์ตการลงทุนต่อไป แม้ว่า SET INDEX จะทะลุ 900 จุดก็ตาม และอาจจำเป็นต้องเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นตามมา รวมถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค และการลงทุนภายในประเทศ เช่น KBANK, SCB, HEMRAJ, SCC, LH, MAJOR เป็นต้น

 

 

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำให้นักลงทุน “ทยอยสะสม” หุ้นต่อไปนี้

1. BBL: ราคาปิด 140.00 บาท ราคาเหมาะสม 164.00 บาท

a. ด้วยมุมมองเป็นบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจในช่วง 2H53 จาก Momentum ของความเชื่อมั่นผู้บริโภค และการลงทุนของภาคเอกชน เชื่อว่าจะช่วยต่อยอดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินใน 2H53 ได้เป็นอย่างดี

b. บวกกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น หาก GDP ใน 2Q53 ขยายตัวได้มากกว่า 8% yoy ตามที่ตลาดคาด เชื่อว่าการประชุมกนง.ในวันที่ 25 ส.ค.นี้จะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย RP1 วันอีก 0.25% ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะสร้างแรงกดดันต่อทิศทางค่าเงินบาทให้แข็งค่ามากขึ้นก็ตาม

c. BBL ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PBVPS ปี 2553-2554 ที่ 1.28x และ 1.20x ตามลำดับ เทียบกับ KBANK ที่ซื้อขาย 1.87x และ 1.74x และถือว่า BBL เป็นหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่ซื้อขายด้วย PBVPS ที่ต่ำสุดเช่นกัน

 

 

2. BTS: ราคาปิด 0.88 บาท ราคาเหมาะสม 0.94 บาท

a. วันนี้เริ่มเปิดให้บริการ Airport Real-Link ซึ่งจะมีสถานีเชื่อมต่อกับสถานีพญาไทของ BTS ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเข้าสู่เส้นทางหลักของ BTS

b. นอกจากนี้ BTS เตรียมสร้างทางเชื่อมระหว่าง Airport Real-Link ถึงสถานีพญาไท คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือนนับจากนี้ จะยิ่งเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารที่ต้องการเชื่อมต่อระหว่าง 2 สถานีได้มากขึ้น ซึ่งนั้นย่อมหมายความว่า จำนวนผู้โดยสารในสายหลักของ BTS มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

c. เงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุน 11,990 ล้านบาท ได้นำไปชำระหนี้ 1.2 หมื่นล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนั้นย่อยมหมายความว่าภาระดอกเบี้ยจ่ายใน 2Q53 จะเริ่มลดลง และลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญใน 3Q53

d. ผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q/53 รายงานขาดทุนสุทธิ 254 ล้านบาท จากผลกระทบของการเมือง แต่เชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานจะกลับมามีกำไรสุทธิอีกครั้ง และเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ 2Q53 เป็นต้นไป ด้วยจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น จากการเชื่อมต่อของโครงข่ายไม่ว่าจะเป็น MRT – Airport Real- Link รวมถึงผลบวกจากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม

 

What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SET50ตามกราฟราย1ชม. ทิศทางใหญ่ลง ทิศทางเล็กยังคงขึ้นได้อยู่ จะขึ้นหรือลงช่วงนี้ต้องดูหน้าฝรั่งว่า เชาจะให้ลงตามกราฟหรือไม่ ความเห็นส่วนตัว ช่วงนี้อยู่เฉยๆไปก่อน คอยทิศทางชัดเจนก่อนค่อยซื้อขายรอบใหม่

post-237-098301200 1282536640.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แมคโดนัลด์ออกหุ้นกู้สกุลหยวนในฮ่องกง

 

Posted on Monday, August 23, 2010

แมคโดนัลด์ออกหุ้นกู้สกุลหยวนในฮ่องกง

 

แมคโดนัลด์ เชนร้านฟาสต์ฟูดยักษ์ใหญ่ของโลกจากสหรัฐ ออกขายหุ้นกู้ให้อัตราผลตอบแทน 3% มูลค่ารวม 200 ล้านหยวน (29 ล้านดอลลาร์) ซึ่งจะครบกำหนดหมดอายุในเดือนกันยายน 2556 ให้กับนักลงทุนสถาบันในฮ่องกง โดยถือเป็นบริษัทต่างชาติรายแรกในฮ่องกงที่ประกาศขายหุ้นกู้สกุลเงินหยวน

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดได้ประกาศข่าวดังกล่าว พร้อมกับระบุว่า การออกหุ้นกู้สกุลเงินหยวนของแมคโดนัลด์บ่งชี้ถึงการเริ่มใช้ช่องทางการระดมทุนรูปแบบใหม่ให้บริษัทต่างชาติสามารถเพิ่มฐานเงินทุนสำหรับการดำเนินธุรกิจในจีนได้ ซึ่งจะช่วยเร่งการเติบโตของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางบริการด้านการลงทุนในรูปสกุลเงินหยวนนอกจีนแผ่นดินใหญ่

 

ด้านซีอีโอของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดในฮ่องกงกล่าวแสดงความยินดีที่เห็นถึงความก้าวหน้าของตลาดตราสารหนี้ที่ใช้สินทรัพย์ในรูปเงินหยวนซื้อขายกันในฮ่องกง และทางธนาคารจะยังคงเดินหน้าให้บริการใหม่ ๆ ในรูปสกุลเงินหยวนอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา จีนได้เปลี่ยนแปลงมาตรการกำกับดูแลในตลาดตราสารหนี้เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติสามารถออกหุ้นกู้สกุลเงินหยวนในฮ่องกงได้ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความแข็งแกร่งของเงินหยวน และยกระดับสถานะของเงินหยวนให้เป็นสกุลเงินที่ใช้ซื้อขายในตลาดโลก

 

 

ผลเลือกตั้งออสซี่กดดันค่าเงินและตลาดหุ้นในประเทศ

 

จากตลาดที่ถือเป็นเป้าหมายการลงทุนที่เคยให้อัตราผลตอบแทนที่ดีที่สุดครั้งหนึ่ง มาคราวนี้ประเทศแดนจิงโจ้อาจกำลังถูกวิบากกรรมทางการเมืองกดดันเศรษฐกิจ ตลาดหุ้น ไปจนถึงค่าเงิน

 

ผลการเลือกตั้งที่ออสเตรเลียมีแนวโน้มว่าประเทศจะไม่มีพรรคการเมืองเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี จนนักวิเคราะห์บางคนกังวลถึงผลกระทบที่จะมีต่อค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย รวมถึงการที่นักลงทุนอาจหันออกไปมองความน่าสนใจในตลาดหุ้นอื่น

 

และในเมื่อนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน Julia Gillard หรือ ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน นาย Tony Abbott จะไม่ได้รับชัยชนะเสียงข้างมากในการโหวตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

 

นั่นก็หมายความว่า จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่สามารถไปชนะการเจรจากับสมาชิกรัฐสภาฝ่ายอิสระเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ในระหว่างรอผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ที่กำลังรวบรวมคะแนนที่ส่งผ่านมาทางไปรษณีย์ด้วยนั้น ก็ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสำหรับประเด็นที่หลายคนกำลังจับตา ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอของพรรคแรงงานที่เกี่ยวกับการเก็บภาษีธุรกิจเหมือง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงนโยบายเกี่ยวกับการซื้อขายคาร์บอน

 

นักเศรษฐศาสตร์ของ RBC Capital Markets ในซิดนีย์ กล่าวว่า เงินดอลลาร์ออสเตรเลียกำลังถูกกดดัน จากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง

 

รัฐบาลที่มีเสถียรภาพน้อยลง สมาชิกวุฒิสภาที่แสดงท่าทีต่อต้านเต็มที่ หรือแม้แต่สถานะการคลังภาครัฐที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

 

ขณะที่พรรคเสียงข้างน้อยเองก็พยายามเข้ามามีบทบาทในรัฐบาลใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยลบต่อตลาด

 

ความกังวลที่นโยบายต่าง ๆ อาจโน้มเอียงไปในทางที่ไม่เป็นมิตรต่อภาคธุรกิจมากขึ้น มาจากการเพิ่มอำนาจของสมาชิกพรรค Green ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาและคาดว่าจะกลายมาเป็นคนควบคุมสมดุลอำนาจในวุฒิสภา

 

ขณะเดียวกัน ยังมีความเป็นห่วงด้วยว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยจะสามารถปฏิรูปนโยบายต่างๆ ได้มากแค่ไหน

 

ประเด็นหลักในการหาเสียงรอบล่าสุดของบรรดาพรรคการเมือง ต่างมุ่งไปที่เรื่องการบริหารจัดการนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ

 

หลังจากที่รัฐบาลพรรคแรงงานควักเงินอัดฉีดไปถึง 42,000 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือราวๆ 38,000 ล้านเหรียญ สำหรับการกระจายเงินลงไปสู่ภาคครัวเรือน โรงเรียน ระบบทางรถไฟ รวมถึงโรงพยาบาล เป็นต้น

 

 

ฝรั่งเศสมั่นใจเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวตามเป้า

 

รัฐบาลฝรั่งเศสเผยเศรษฐกิจในประเทศกำลังเคลื่อนไหวได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 1.4% เมื่อพิจารณาจากปัจจัยบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งหลายรายการ

 

แถลงการณ์จากทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุว่า ภาวะการดีดตัวด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจช่วยให้เศรษฐกิจฝรั่งเศสสามารถขยายตัวได้ตามเป้าที่ระดับ 1.4% หรืออาจพุ่งสูงกว่าระดับดังกล่าวตลอดทั้งปีนี้

 

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติระบุว่า ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้ ฝรั่งเศสมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 0.2% และ 0.6% ตามลำดับ เนื่องจากมีการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่บรรยากาศการลงทุนคึกคักมากขึ้น

 

นอกจากนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจยังมีส่วนช่วยให้ฝรั่งเศสมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 35,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับจำนวน 23,900 ตำแหน่งในช่วงไตรมาสแรก

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับปัญหายอดขาดดุลงบประมาณที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งปรับสัดส่วนหนี้สาธารณะกับผลผลิตมวลรวมภายในประเทศให้เหลือเพียง 8% ในปีนี้ และ 6% ในปีหน้า ผ่านการใช้มาตรการปรับลดการใช้จ่ายภาครัฐบาล

 

ขณะเดียวกันนักเศรษฐศาสตร์แสดงความเห็นว่า การที่รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพื่อลดยอดขาดดุลบัญชีงบประมาณนั้นอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า

 

 

บราซิลมั่นใจคุมเงินเฟ้อได้

 

อัตราเงินเฟ้อของบราซิลมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่รัฐบาลเชื่อว่าอัตราการเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

 

ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนหน้าอาจพุ่งขึ้นระหว่าง 0.15% - 0.3% ซึ่งส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 5% ในปีนี้

 

ขณะที่รัฐมนตรีคลังของบราซิลเชื่อว่า อัตราเงินเฟ้อของบราซิลจะขยายตัวได้ไม่เกิน 4.5% - 6.5% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้

 

ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อของบราซิลเคลื่อนไหวในระดับที่มีเสถียรภาพ ด้วยตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนก.ค.ที่ขยับขึ้นเพียง 0.01%

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อของบราซิลในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ระดับ 3.1% ส่วนเงินเฟ้อในเดือนส.ค. 2552 ถึงเดือนก.ค. 2553 พุ่งแตะ 4.6%

 

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีคลังบราซิลคาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเคลื่อนไหวได้ในระดับสูงที่ 6.5% - 7% ในปีนี้ ส่วนอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเคลื่อนไหวที่ระดับ 5%

 

 

นายกรัฐมนตรีจีนชี้จีนต้องปฏิรูปการเมือง

 

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าขณะเยือนเขตเศรษฐกิจพิเศษเสิ่นเจิ้นว่า จีนต้องปฏิรูปการเมืองเพื่อปกป้องเศรษฐกิจ

 

นายกรัฐมนตรีเหวินไม่ได้ลงรายละเอียดการเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมือง แต่คำกล่าวของเขาสะท้อนถึงความกังวลว่า หากพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ปฏิรูปให้เจ้าหน้าที่มีความโปร่งใสมากขึ้น ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจอาจเสียหายจากการทุจริตและการใช้อำนาจในทางมิชอบ

 

นายกรัฐมนตรีเหวินกล่าวว่า หากไม่ปรับโครงสร้างการเมือง จีนอาจสูญเสียความสำเร็จที่ได้จากการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ และอาจไปไม่ถึงเป้าหมายของการปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย

 

ทางการจะต้องรับรองสิทธิทางประชาธิปไตยและสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน ระดมและชักชวนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในเรื่องของรัฐ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย รวมทั้งต้องสร้างสภาพการณ์ที่เอื้อให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์และกำกับดูแลรัฐบาลได้เพื่อแก้ปัญหาการรวมศูนย์อำนาจมากเกินไปโดยขาดการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ

 

นายเหวินได้รับการยกย่องว่า เป็นแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์ที่สนับสนุนให้ผ่อนคลายการบังคับบัญชาจากบนลงล่างมากที่สุด เขาจะพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในต้นปี 2556

 

นายเหวินเผยเมื่อไม่นานมานี้หลายครั้งว่า อยากใช้ช่วงเวลาที่ใกล้พ้นตำแหน่งมุ่งปรับปรุงสวัสดิการสังคม ส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สมดุลและเป็นธรรม แก้ไขความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล

 

 

อิหร่านเดินหน้าบรรจุเชื้อเพลิงยูเรเนียมในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

 

อิหร่านเริ่มบรรจุเชื้อเพลิงยูเรเนียมที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศในวันนี้ ขณะที่รัฐบาลเตรียมจัดงานฉลองการเปิดโรงงานนิวเคลียร์ขนาด 1,000 เมกะวัตต์ในเมืองบูเชอร์ ทางตอนใต้ของอิหร่านอย่างเป็นทางการ

 

การเดินเครื่องผลิตเชื้อเพลิงที่โรงงานนิวเคลียร์แห่งแรกของอิหร่านในวันนี้ ถือเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญด้านโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน หลังจากที่การเปิดโรงงานแห่งนี้ต้องล่าช้าไปนานถึงสิบปีจากปัญหาด้านการเงินและเทคโนโลยี รวมถึงแรงกดดันจากชาติตะวันตกที่เกรงว่า อิหร่านอาจเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเพื่อนำเชื้อเพลิงไปใช้ในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเปิดโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ของอิหร่านจะมีเจ้าหน้าที่จากรัสเซียคอยควบคุมการดำเนินงาน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) จะเข้าร่วมในการตรวจสอบกระบวนการบรรจุเชื้อเพลิงต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่า การผลิตเชื้อเพลิงในโรงงานแห่งนี้จะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในด้านอื่น

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีหลายประเทศที่แสดงความกังวลต่อกรณีที่อิหร่านประกาศเพิ่มการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมจากระดับ 3.5% ขึ้นเป็น 20% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับการใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์

 

 

ปากีสถานวอน IMF ผัดผ่อนหนี้หลังเกิดน้ำท่วมในประเทศ

 

ปากีสถานจะขอให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ผ่อนปรนหนี้ คลี่คลายวิกฤติเศรษฐกิจจากความเสียหายหลังน้ำท่วมใหญ่

 

IMF เปิดเผยถึงการหารือกับเจ้าหน้าที่ปากีสถานซึ่งจะมีขึ้นที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐสัปดาห์นี้ โดยประเด็นสำคัญคือ หารือผลกระทบจากน้ำท่วมที่สร้างความเสียหายรุนแรงต่อพื้นที่เกษตรอันเป็นอู่ข้าวอู่น้ำทางภาคใต้ และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสิ่งทอ โดยคาดว่าปากีสถานอาจขอให้ไอเอ็มเอฟผ่อนปรนหนี้ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 320,000 ล้านบาท) ซึ่งปากีสถานกู้มาตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2551

 

ด้านเจ้าหน้าที่คาดว่า น้ำท่วมครั้งนี้อาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจร่วม 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.35 ล้านล้านบาท)

 

ล่าสุดผู้ประสบภัยหลายล้านคนยังคงขาดแคลนอาหาร ที่อยู่อาศัยและน้ำสะอาด ทั้งตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อโรคระบาดหลังน้ำท่วม

 

อีกด้านหนึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ความล่าช้าของทางการปากีสถานในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจะกลายเป็นผลเสียต่อรัฐบาล และอาจนำไปสู่ภาวะไร้เสถียรภาพในภายหน้า.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาทีข้อมูลเพียบเลย อ่านจนตาลายแล้วครับ :blink:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...